คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : THE ROOMMATE - 12
“อยากมานานละ อ่าห์…สวรรค์จริง ๆ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับมองไปยังบรรยากาศรอบ ๆ ตัว ก่อนจะกระดกแก้วแอลกอฮอล์เข้าปากไปรวดเดียวหมด
“เบา ๆ หน่อยจงอิน กินขนาดนั้นเดี๋ยวได้เมาพอดี”
“เมาไปดิ ก็วันนี้มาเมานี่นาแบคฮยอน” ว่าแล้วก็คว้าอีกแก้วลงคอทันที
แบคฮยอนยิ้มพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ ให้เพื่อนผิวเข้ม ก่อนจะหันหน้ามาอีกข้างแล้วพูดกับเพื่อนอีกคนบ้าง “แล้วนายล่ะคยองซู วันนี้จะจัดหนักแบบจงอินรึเปล่า”
“เรื่อย ๆ แหละ” คยองซูยิ้มให้แบคฮยอนเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบแก้วของตัวเองมาดื่มบ้าง
“ฉันนึกว่านายจะกินเหล้าไม่เป็นซะอีก”
“โหย อย่าดูถูกคยองซูไปครับ เจ้านี่อ่ะกินเหล้าเก่งจะตาย กินเก่งกว่าฉันอีก มีเรื่องเครียดเมื่อไหร่นี่ลงกับเหล้าตลอด แต่ดีหน่อยที่พอเมาแล้วจะหลับไปเฉย ๆ ไม่ได้เมาแล้วอาละวาดเหมือนคนอื่น” จงอินพูดแทรกแบคฮยอนขึ้น ในขณะที่คนที่เป็นเจ้าของประเด็นสนทนาก็ยังดื่มไปเรื่อย ๆ
“เฮ้ยจริงดิ ที่ไหนได้กลุ่มเราแม่งก็ขี้เหล้ากันทุกคนนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ”
“ก็แหม่ ขึ้นชื่อว่าเรียนวิศวะแล้วกินเหล้าไม่เป็นนี่อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นเด็กวิศวะเลย ฮ่าๆๆๆ”
“ตรรกะบ้าบออะไรของนาย คนไม่กินมีออกตั้งเยอะตั้งแยะ ภูมิใจจังเลยนะกับเรื่องไร้สาระพวกนี้น่ะ” คยองซูเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับส่งคำพูดนี้ไปทางจงอิน ทำเอาคนที่ถูกต่อว่าต้องก้มหน้าหงอยไปตามระเบียบแบบที่เป็นประจำอีกครั้ง
“ฮ่า ๆ พวกนายนี่ตลกจริง ๆ จงอินหมือนจะเก่งกับทุกคนอ่ะ พอมาเจอคยองซูดักนิดหน่อยนี่ถึงกับหางตก” แก้วเหล้าสีใสถูกยกขึ้นมาก่อนที่จะถูกกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด หลังจากที่เจ้าของแก้วพูดจบ
“โห แบคฮยอน แก้วของนายไม่ได้ผสมอะไรเลยไม่ใช่หรอ กินอย่างกะน้ำ” จงอินทำตาโตพร้อมกับเอ่ยออกมา
“นิดหน่อยน่า แค่แก้วเดียวแหละ อ่า… พี่ครับ ชงสูตรที่ผมชอบให้หน่อยดิ” แบคฮยอนหันมาตอบจงอินพร้อมกับหลับตาปี๋เพราะรู้สึกแสบคอนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปหาบาร์เทนเดอร์คนที่คุ้นเคยแล้วขอแก้วใหม่
วันนี้แบคฮยอนพร้อมกับจงอินและคยองซูออกมาเที่ยวด้วยกันในร้านที่แบคฮยอนทำงานอยู่ เนื่องในโอกาสที่เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ทีแรกจะมีแค่แบคฮยอนเท่านั้นที่มาคนเดียวเพราะจะเข้ามาหาพี่ ๆ เท่านั้นหากแต่จงอินได้ถามถึงโปรแกรมในวันนี้ของเขาซะก่อน เจ้าตัวถึงได้ขอติดตามมาพร้อมกับลากคยองซูมาด้วย
“อื่อหือ สูตรไรของนายวะเนี่ย ขนาดผสมแล้วยังแรงไม่ต่างกับเหล้าเพียว ๆ เลย” จงอินพูดพร้อมกับทำหน้ายี๋แล้วส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะวางแก้วลงแล้วหยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมาเคี้ยว
“กินแล้วมันจั๊กจี้คอดี”
“คอแข็งเป็นบ้าเลยงั้นดิ” พูดแล้วจงอินก็ยกมือขึ้นมาลูบคอแบคฮยอน ก่อนที่จะโดนเจ้าตัวปัดออกแล้วยักไหล่ให้
“นี่ถามจริงเถอะแบคฮยอน ทำงานในที่ที่มีคนหลากหลายแบบนี้แล้วไม่เจอคนที่ถูกใจบ้างหรอ เห็นนายไม่มีแฟนแล้วแม่งแปลกใจว่ะ ถ้าเป็นฉันนะฟาดไปไม่รู้กี่รายละ” จงอินพูดพร้อมกับมองไปยังรอบ ๆ ร้าน ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่สาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่บนฟลอร์
“เฉย ๆ อ่ะ”
“มีคนมาจีบบ้างป้ะ”
“ก็มีบ้างแหละ”
“แล้วนายก็ไม่เล่นด้วย”
“ถ้าเล่นคงไม่มานั่งโสดอยู่แบบนี้หรอก” แบคฮยอนหันมาขมวดคิ้วตอบคำถามจงอินพลางกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เออเนอะ… ก็ดีแล้วล่ะ เก็บตำแหน่งแฟนคนแรกของนายไว้ให้ฉันนะแบคฮยอน” จงอินพูดพร้อมกับหันมาทำตาปริบ ๆ ใส่แบคฮยอน ทำเอาฝ่ายที่โดนขอและคยองซูที่นั่งมองอยู่ต่างก็ทำหน้าแหยไปตาม ๆ กัน
“ขอพิจารณาก่อนนะ” แบคฮยอนยิ้มแห้ง ๆ ให้จงอิน ก่อนที่ทั้งสามคนจะหันไปสนใจกับแก้วแอลกอฮอล์ในมือตัวเองต่อ
“มองอยู่นั่นแหละ ทำไมไม่ลุกไปหาสักทีล่ะ” แบคฮยอนหันมาทักจงอินอีกครั้ง หลังจากที่เห็นอีกคนเอาแต่นั่งมองกลุ่มสาว ๆ ที่พากันสนุกอยู่กลางร้านพักใหญ่
“…” คนที่ถูกถามไม่ตอบอะไร เพียงแต่หันหน้าไปทางคยองซูแล้วทำสายตาหน้าสงสารใส่
“…มองอะไร จะไปก็ไปดิ”
“นายอนุญาตหรอ” จงอินพูดด้วยสายตาลุกเป็นประกาย ทำเอาคยองซูต้องยกมือขึ้นมากุมขมับในความซื่อกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของเพื่อนคนนี้
“อะไรของนายวะ เราแค่มีข้อตกลงกันในเรื่องความรับผิดชอบในการเรียนของนายนะ อย่างอื่นไม่ต้องรอให้ฉันตัดสินหรอก”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันสัญญากับนายว่าจะไม่ทำเรื่องที่นายไม่ชอบแล้วก็จะไม่ทำให้นายโกรธอีก”
“เออเอาเถอะ เอาเป็นว่าฉันอนุญาตแล้ว ไปเถอะไป ไว้ไปทำผู้หญิงพวกนั้นท้องเมื่อไหร่ค่อยมาเคลียร์กัน” คยองซูขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดเชิงกับเป็นการบอกให้จงอินไปได้
“งั้นไปแล้วนะ ไม่ไหวละ ออกไปหาเหยื่อก่อน” ว่าแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปยังกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นทันที
แบคฮยอนคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหัวให้จงอินเบา ๆ ก่อนจะหันมาพูดคุยกับคยองซูที่ก็ยังคงมองตามหลังเพื่อนอีกคนไปอยู่ “ตอนนี้จงอินทำตัวดีขึ้นเยอะเลยนะ นายทำได้ยังไงเนี่ย ฮ่า ๆ”
“จะดีไปได้สักกี่น้ำเชียว” พูดแล้วร่างเล็กก็ยกมือขึ้นมาเท้าคางตัวเองไว้พร้อมกับมองไปยังเพื่อนสนิทที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนพื้นฟลอร์กลางร้านอย่างเมามันส์
“อย่าไปนึกถึงอนาคตเลย จงอินแคร์นายมากขนาดนี้คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วมั้ง”
“ฉันจะห่วงอนาคตก็เพราะจงอินแคร์ฉันมากนั่นแหละ” คยองซูยกแก้วขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“หื้ม หมายความว่ายังไง?”
“ช่างมันเถอะ ไว้พอถึงวันหนึ่งฉันคงได้บอกนายแน่” คยองซูยิ้มบาง ๆ ให้แบคฮยอน ก่อนที่จะก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้วที่อยู่ในมือตัวเองอย่างเหม่อลอย
แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเพราะแปลกใจกับคำพูดคยองซูเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีกคนต่ออีก
เวลาผ่านไปพักใหญ่ จงอินก็กลับมานั่งที่เดิมด้วยสภาพที่อิดโรยเล็กน้อย “ไง โดนขย้ำมาหรอ” เป็นแบคฮยอนที่เอ่ยปากทักขึ้นอีกครั้ง
“ประมาณนั้นแหละ ยัดเหล้าให้ฉันไม่หยุดเลย ดื่มซะคอแทบแตก”
“ฮ่าๆๆ ไม่อยู่ต่อล่ะ”
“ไม่ไหวอ่ะ ถ้ายังอยู่ต่อสักพักคงโดนลากไปข่มขืนแน่ ผู้หญิงอะไรรุกหนักชะมัด” จงอินพูดพร้อมกับเบ้หน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ มือขึ้นมาดื่ม
“โลกมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ตอนนี้ผู้หญิงแรงกว่าผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดาไปละ”
“นั่นสินะ คบกับผู้ชายด้วยกันคงจะสบายใจกว่าเยอะ” ว่าแล้วจงอินก็เลื่อนมือขึ้นมาปัดไรผมแบคฮยอนพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้
“เอ่อะ” คยองซูที่มองดูอยู่ทำหน้าแหย ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงนี้ออกมาเพราะเกิดอาการหมั่นไส้เพื่อนรักจอมกะล่อนขึ้น
“อะไรคยองซู หวงฉันหรอ ไม่เอาน่า ยังไงนายก็สำคัญกับฉันที่สุดอยู่แล้ว”
“ฉันพูดรึยัง” คยองซูพูดแทรกจงอินที่กำลังทำหน้าระรื่นขึ้นแล้วมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย และก็เป็นจงอินที่ต้องหางตกอีกครั้ง ร่างสูงก้มหน้าต่ำลงก่อนจะพึมพำอะไรออกมาคนเดียว
“เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้ ให้มันได้อย่างนี้”
แบคฮยอนหันไปมองเพื่อนทั้งสองคนสลับกันพร้อมกับส่ายหัวและหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพาทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะกลัวจงอินจะเอาหัวโขกโต๊ะซะก่อน
“จะกลับกันตอนไหน”
“โหยอะไรอ่ะแบคฮยอน รีบหรอ ได้มาทั้งทีก็พาอยู่นาน ๆ หน่อยดิ” จงอินเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามแบคฮยอนตาละห้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะขมวดคิ้วแล้วตอบด้วยน้ำเสียงชัดเจนกลับมา
“ก็ถามว่าจะกลับตอนไหนไม่ได้จะพากลับเลยซะหน่อย”
“จนกว่าจะเมาละกัน”
“เมาแล้วจะกลับยังไง”
“ไปค้างที่คอนโดนายไง แบกฉันกลับหน่อยละกัน นายด้วยนะคยองซู วันนี้ต้องไปค้างที่คอนโดแบคฮยอนกับฉันด้วย” จงอินพูดด้วยสีหน้าที่ร่าเริงขึ้น โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนทั้งสองคนกำลังทำหน้ายังไงอยู่ จนแบคฮยอนต้องพูดแทรกขึ้น
“เฮ่ นี่ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะ”
“นายคงไม่ทิ้งฉันไว้ที่ร้านหรอกถ้าเกิดฉันเมาจนกลับไม่ไหวจริง ๆ มีอะไรจะค้านอีกไหม”
“…โอเคครับ ยอมก็ยอม” แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบจงอินออกไปด้วยสีหน้าเอือม ๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ต้องอย่างงี้สิคนดี”
“นิสัยงี้ตลอด อย่าไปถือสามันเลย” คยองซูส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหันกลับมาพูดกับแบคฮยอน
“นายเรียกใครว่ามันน่ะ!”
“ก็นายนั่นแหละ”
“พูดจาไม่น่ารักเลยนะคยองซู”
“ฉันก็ไม่เคยน่ารักในสายตานายอยู่แล้วล่ะ!”
“นี่อย่าพาลไปเรื่องอื่นดิ” และแล้วศึกระหว่างเพื่อนรักตลอดกาลของจงอินกับคยองซูก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปตรงที่จงอินไม่ยอมอ่อนให้คยองซูแบบครั้งที่แล้ว ๆ มา เลยทำให้ทั้งคู่ต้องนั่งเถียงกันอยู่แบบนั้นจนแบคฮยอนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับตัวเองไว้อย่างไม่รู้จะห้ามยังไง
“ผมนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์แหละครับ พี่เข้ามาเลย” และเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่นาที แบคฮยอนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูก่อนจะตอบปลายสายออกไปด้วยประโยคนี้ ทำให้สงครามย่อย ๆ ของทั้งสองเพื่อนสนิทยุติลง
“นายนัดคนอื่นมาด้วยหรอ” จงอินที่ละความสนใจจากคยองซูหันมาหาแบคฮยอนอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้วถามขึ้น
“อื้ม”
“ไม่เห็นบอก ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
“ผู้หญิง”
“อ้าวเฮ้ย ทำไมไม่บอกกันเนี่ย จะได้แต่งตัวมาให้หล่อกว่านี่ ปั๊ดโธ่แบคฮยอน!” จงอินพูดพร้อมกับตบหน้าขาตัวเองอย่างแรง ทำเอาคนที่อยู่อีกฝั่งหมั่นไส้ขึ้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกหนึ่งประโยคด้วยใบหน้าที่เอือมระอาเล็กน้อย
“เมื่อกี้ยังพูดอยู่หยก ๆ ว่าชอบผู้ชายดีกว่า กะล่อน”
“นี่คยองซู!”
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ นายสัญญากับฉันแล้วไงว่าจะไม่ทำให้ฉันโกรธอีก!”
“หยุด!!!!” และก็เป็นแบคฮยอนที่ยกมือปรามเพื่อนทั้งสองคนไว้อีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าไปอีกด้านแล้วเชิ่ดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่ากำลังมีคนเดินมาทางพวกเขา “พี่เขามาละ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” จงอินมองตามสายตาของแบคฮยอน แล้วภาพของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผิวขาวเนียน ที่มาพร้อมกับทรงผมสั้นที่ถูกซอยให้สวยจนเข้าทรง ชุดเดรสสั้นสีดำที่ถูกทับด้วยเสื้อกั๊กสีแดงสดอีกที ใบหน้าที่ประดับด้วยริมฝีปากสีแดงและดวงตาที่คมเฉี่ยวนั้นทำให้เจ้าตัวถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ…
“ไง มาถึงนานแล้วหรอ” คำทักทายของสาวสวยมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะใจดี ทำเอาคนที่ไม่เคยรู้จักกับเธอมาก่อนอย่างจงอินกับคยองซูก็ถึงกับยิ้มตามในรอยยิ้มที่แสนน่ารักนี้
“สักพักใหญ่ ๆ แล้วครับพี่กาอิน” แบคฮยอนยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นไปตอบพี่สาวคนสนิท แล้วหลังจากนั้นทั้งสี่คนก็ได้ย้ายมานั่งยังโต๊ะธรรมดาเพื่อที่จะได้คุยอะไรกันสะดวกมากขึ้น
“เป็นไงบ้างเนี่ย คุยกันแค่ในแชทตั้งสองเดือนไม่เห็นหน้าเลย คิดถึงจัง” กาอินพูดพร้อมกับยู่จมูกเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือมาบิดแก้มของแบคฮยอนอย่างหมั่นเขี้ยว
“มือหนักอีกแล้ว สบายดีแหละครับ เรื่องเรียนก็เข้าที่เข้าทางละ มีคนคบกับเขาแล้วด้วย” แบคฮยอนพูดพร้อมกับจับมือกาอินไว้ แล้วหันหน้ามาทางเพื่อนอีกสองคนในประโยคสุดท้าย
“นี่จงอินกับคยองซูใช่ไหม พี่ชื่อกาอินนะ เป็นสาวแก่ที่ชอบมานั่งคุยกับเพื่อนเราในร้านนี้ประจำจนสนิทกัน ฮ่า ๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” กาอินพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง แต่บุคคลที่ถูกทักทายทั้งสองกลับทำหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่คยองซูจะเป็นฝ่ายถามกลับไป
“นี่… พี่รู้จักพวกเราด้วยหรอครับ”
“รู้จักสิ แบคฮยอนเล่าเรื่องของพวกเราให้ฟังบ่อยจะตาย พอมาเจอตัวจริงแล้วหล่อกันทั้งคู่เลยนะเนี่ย”
“ผมจงอินนะครับ!” จงอินพูดพร้อมกับทำหน้าตื่นเต้น ทำเอากาอินถึงกับหัวเราะออกมาในความน่ารักของรุ่นน้องคนนี้ ก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปหาอีกคน
“แล้วนี่ก็คยองซูสินะ แบคฮยอนเล่าให้ฟังด้วยว่าเราเข้ามาเรียนด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของภาควิชา เก่งจริง ๆ เลย คุณพ่อของพี่ก็เคยสอบได้โยธาของมหาวิทยาลัยพวกเราด้วยคะแนนอันดับหนึ่งเหมือนกัน เห็นเขาพูดว่าเดี๋ยวว่าง ๆ จะไปบรรยายพิเศษที่นั่นด้วยแหละ คงจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้นะ ฮ่า ๆ”
“โหหหหหห จริงหรอครับ” แล้วบทสนทนาของกาอินแล้วเด็กหนุ่มหน้าใสทั้งสองคนก็เริ่มขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำเอาแบคฮยอนที่ก่อนหน้านี้แอบกังวลในความพูดน้อยของคยองซูที่อาจจะทำให้เจ้าตัวอึดอัดก็หายไปทันที
ทั้งสี่คนคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ทั้งโต๊ะก็พากันเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้จงอินที่คิดอะไรออกชวนคนอื่นทำกิจกรรมใหม่ทันที
“นี่ เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า”
“อื้ม เอาสิ อยากถ่ายรูปคู่คยองซูไปให้คุณพ่อดูเหมือนกัน” กาอินพูดพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา ทำให้จงอินเกิดอาการหน้างอขึ้น
“โหยไรอ่ะพี่สาว ผมเป็นคนชวนนะสนใจผมด้วยสิ”
“อ้าว ก็ไม่ใช่ไม่สนใจนี่ อะไรของเราเนี่ยงอแงเป็นเด็ก ๆ เลย ฮ่าๆๆๆ”
ทุกคนร่วมกันถ่ายรูปด้วยกันอย่างสนุกสานไปหลายรูป เว้นเสียแต่แบคฮยอนที่ไม่ค่อยได้เข้ากล้องกับเพื่อนสักเท่าไหร่ จนกระทั่งกาอินได้ทักขึ้น
“นี่แบคฮยอน มาถ่ายรูปด้วยกันบ้างสิ เราไม่เคยมีรูปคู่กันเลยนะ”
“อ่า… เอาสิครับ เอาโทรศัพท์ผมนะ เดี๋ยวไว้จะเอาไปอวดพี่ชายว่าผมมีสาวสวยมาติดด้วย หมั่นไส้มันชอบเบ่งเหลือเกินเรื่องสาวเยอะเนี่ย”
“แหม ได้ ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วแบคฮยอนก็เข้าไปนั่งชิดกับกาอินทันที ก่อนจะเปิดกล้องในโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ละท่าที่ทั้งสองคนโพสต์ก็เล่นเอาจงอินกับคยองซูถึงกับต้องมองอย่างอึ้งเล็กน้อย ก็เล่นชิดซะขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นซบไหล่ แก้มแนบแก้ม กอดคอ หรือแม้กระทั่งนั่งตัก
แบคฮยอนคนนี้น่ะ… ถึงจะรูปร่างผอมบางแถมตัวยังเล็กเป็นชายไม่สมชายเท่าไหร่ แต่พออยู่กับผู้หญิงนี่ดูแมนขึ้นมาเป็นกองแถมยังหล่อเป็นบ้าเลยแหละ
“เอารูปขึ้นหน้าจอด้วยนะ”
“รูปไหนดี อ่า… รูปนี้ละกัน น่ารักเนอะ”
จงอินมองรุ่นพี่คนสวยกับเพื่อนสนิทตัวเล็กตาละห้อย ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังมองสิ่งเดียวกันอยู่แล้วชวนคุยขึ้น
“เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ก็ใช่ย่อยเลยนะแบคฮยอนเนี่ย กินเหล้าก็เก่ง แถมมีผู้หญิงสวย ๆ แบบนี้ไว้ให้จู๋จี๋เล่นด้วย”
“อือ”
“ไม่เหมือนนาย จะอยู่กับผู้หญิงผู้ชายเด็กคนแก่ก็ยังไม่เห็นความแมน” และฝ่ามือของคยองซูก็ถูกละเลงลงหลังจงอิน ทำเอาคนตัวสูงถึงกับร้องจ๊ากออกมาด้วยความแสบที่ลิ่วไปทั่วหลัง “ทำไมต้องรุนแรงขนาดนี้คยองซู! เจ็บนะเว้ย!!”
“อ่อนี่ยังจะมีหน้ามาถามอีก ใครล่ะหาเรื่องก่อน!!” พูดจบแล้วคยองซูก็รัวกำปั้นเล็ก ๆ ลงไปที่หลังจงอินอีกครั้ง จนครั้งนี้จงอินต้องลุกขึ้นเพื่อหนีหมัดพวกนั้นโดยที่ไม่กล้าทำอะไรตอบซะอย่างนั้น แต่ปากก็ยังขมุบขมิบเถียงคยองซูไม่หยุดอยู่เหมือนเดิม
“ทะเลาะกันอีกแล้ว…” แบคฮยอนสบถออกมาเบาๆพร้อมกับยกมือไปกุมขมับไว้ ส่วนกาอินที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดีในความวุ่นวายที่แสนจะสดใสของเด็ก ๆ เหล่านี้
สองคนนี้กัดกันบ่อยแบบที่แบคฮยอนบอกจริง ๆ ด้วย แต่ก็น่ารักดีนะ…
เวลาเกือบตีสาม กาอินกับแบคฮยอนและเพื่อนอีกสองคนก็แยกย้ายกันกลับ แล้วความคิดที่ว่าคืนนี้จะมีแค่จงอินที่เมาคนเดียวของแบคฮยอนก็ผิดไป ตอนนี้ข้าง ๆ เขามีจงอินที่เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องกับคยองซูที่เมาแล้วหลับแอ๋ไปรอให้แบกขึ้นคอนโดอยู่ ตอนออกจากร้านมีพี่ที่ร้านช่วยกันพยุงออกมา แต่พอถึงคอนโดเมื่อไหร่ก็คงจะมีแต่เขานี่แหละที่ต้องรับหน้าที่นี้คนเดียว
แต่เมื่อถึงคอนโดร่างเล็กก็ถึงยิ้มออกเพราะรู้ว่าตัวเองคิดผิดอีกครั้ง คราวนี้พี่ยามใจดีหน้าคอนโดอาสาช่วยนำตัวเพื่อนทั้งสองคนขึ้นมา แม้จะยังทุลักทุเลแต่ก็ยังช่วยผ่อนแรงของแบคฮยอนไปได้เยอะ
แบคฮยอนส่ายหัวเล็กน้อยในขณะที่ยืนมองเพื่อนทั้งสองคนกำลังนอนตายอยู่บนเตียงของเขาเอง ไม่รู้ว่าคยองซูคิดยังไงถึงดื่มให้ตัวเองเมาจนได้ แต่ก็คงเป็นเพราะจงอินแหละมั้ง เห็นเถียง ๆ กันแมนไม่แมนไม่ยอมหยุด คยองซูถึงได้กรอกเหล้าชนิดเหมือนที่กรอกน้ำอัดลมซะขนาดนั้น
ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟาทันที มือเล็กล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นเลื่อนข้อความของพี่ชายตัวเองซ้ำ ๆ
23:30 KYU : กลับคอนโดหรอ กูไม่อยู่นะตอนนี้ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ดูแลตัวเองด้วย
ร่างบางคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับหันไปมองยังห้องของพี่ชายคนเดียวของตัวเอง จะว่าไปแล้วหลังจากวันที่เปิดเทอมก็ยังไม่ได้เจอกับคน ๆ นี้เลย ไม่รู้ว่าพออยู่คนเดียวแล้วจะเป็นยังไงบ้าง แต่พอดูจากสภาพห้องแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าคยูฮยอนคงไม่ได้กลับมานอนที่นี่เท่าไหร่นักหรอก มันดูสะอาดเกินไป…
คิดถึงมึงจัง คนขี้เมา ไอ้พี่คยูฮยอน ชานยอล…
แบคฮยอนหุบยิ้มลงทันทีเมื่อมีชื่อของรูมเมทตัวสูงแวบเข้าไปในหัว ก่อนจะยกเข่าขึ้นมาชันไว้บนโซฟาแล้วซุกหน้าลงบนนั้น ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวันไม่ได้ทำให้ตอนนี้ร่างเล็กง่วงแม้แต่น้อย ยิ่งนึกถึงคน ๆ นั้นขึ้นมาก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดตัวเองขึ้นซะอย่างนั้น
RRRRRRRR…
เสียงสั่นเครือจากโทรศัพท์ในมือทำให้แบคฮยอนต้องหลุดจากภวังค์ความคิดตัวเอง ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาแล้วพลิกหน้าจอขึ้นดู ก่อนจะพบว่าสายที่โทรเข้ามาคือคนคนเดียวกับที่เขากำลังนึกถึงในตอนนี้
“...ฮัลโหล”
(ตอนนี้อยู่ไหน)
“อยู่คอนโด นายมีอะไรรึเปล่า”
(ตอนนี้ฉันอยู่หน้าคอนโดนาย มารับขึ้นไปหน่อยสิ) แบคฮยอนขมวดคิ้วเพราะแปลกใจกับคำพูดคนในปลายสายเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมายืนอยู่ริมระเบียงซึ่งอยู่สูงจากชั้นล่างลงมาเจ็ดชั้น แล้วก็พบว่าชานยอลกำลังยืนอยู่หน้าคอนโดจริง ๆ
“นายมาได้ยังไง” หลังจากที่พารูมเมทตัวสูงขึ้นมาบนห้องแล้ว แบคฮยอนก็เอ่ยถามขึ้นทันที
“นั่งรถแท็กซี่มา”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ รู้จักที่อยู่ฉันได้ยังไง”
“ก็… ฉันดูจากใบประวัติที่อยู่บนโต๊ะของนายน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่านายจะอยู่ ลองมาดูเฉย ๆ” ชานยอลยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามแบคฮยอนแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
“นายนี่… ไร้มารยาทจริง ๆ ไปค้นของคนอื่นดูได้ยังไงกัน”
“ฉันไม่ได้ค้นซะหน่อย ก็เห็นกระดาษบนโต๊ะนายมันตกกระจัดกระจายไปหมดเลยอาสาเก็บให้ ก็เลยเห็นนี่แหละ” แบคฮยอนถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของร่างสูง ก่อนจะลงไปนั่งข้าง ๆ แล้วถามคำถามใหม่กับอีกคน
“แล้วไหนบอกจะไม่กลับบ้าน แล้ววันนี้มาทำอะไร”
“ฉันก็ไม่ได้กลับบ้านซะหน่อย นี่ฉันดิ่งจากมอมาที่คอนโดนายเลยนะ”
“…?”
“นายบอกว่านายจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนนิดหน่อยฉันก็เลยนึกว่านายจะกลับหอ แต่พอนายไม่กลับฉันก็ไม่อยากอยู่คนเดียวน่ะ ฉันเหงา” แบคฮยอนแค่นยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“แล้วจะกลับตอนไหน”
“มาถึงก็ถามเลยหรอ มันดึกแล้วนะนายจะให้ฉันกลับยังไง”
“ก็นั่งแท็กซี่เหมือนตอนมาไง”
“ไม่กลับ ฉันเริ่มง่วงแล้ว คืนนี้ขอฉันค้างด้วยละกัน” แล้วคำตอบที่ได้มาก็ทำให้แบคฮยอนยิ้มแหย ๆ กลับไปโดยที่ไม่ถามอะไรอีก ทั้งคู่นั่งนิ่งแล้วก็ได้แต่เงียบใส่กัน ชานยอลดูเหมือนจะอึดอัดเล็กน้อย ส่วนแบคฮยอนเองก็เช่นกัน…
“แล้วกับพี่ลู่หานน่ะ เป็นยังไงบ้าง” หลังจากที่ชั่งใจอยู่นาน แบคฮยอนก็เป็นฝ่ายที่ชวนคุยขึ้นด้วยคำถามที่เขาอยากจะรู้คำตอบมากที่สุด แต่คำตอบนั้นมันคงจะดูไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไหร่
อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปซะตรงนั้น ไม่น่าถามเลย…
“ก็โอเคดี”
“…”
“ฉันนึกว่าตัวเองจะลืมได้แล้วซะอีก แต่พอเห็นพี่เขาในสภาพแบบนั้นแล้วมันก็อยู่เฉย ๆ ไม่ไหว ฉันอยากดูแลเขา” แบคฮยอนยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ถามชานยอลอะไรกลับไป ทำให้ร่างสูงเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายที่ถามกลับไปบ้าง “..นายไม่โกรธฉันใช่ไหม” ชานยอลหันมามองหน้าคนตัวเล็กอย่างรอคอยคำตอบ
“โกรธ? ฉันจะไปโกรธนายเรื่องอะไร”
“ก็…ที่ฉัน… ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณนะ ที่นายคอยทำให้ฉันรู้สึกดีมาตลอด” ชานยอลหลุบตาต่ำลงก่อนที่จะเลือกที่จะเก็บคำพูดอันยืดยาวนั้นไว้ และแบคฮยอนเองก็ไม่ได้ใส่ใจจะถามต่อแต่อย่างใด
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการกระทำเหล่านั้นของตัวเองมันดูเห็นแก่ตัวกับแบคฮยอนมากแค่ไหน แต่ในเมื่อแบคฮยอนมีท่าทีไม่ได้ใส่ใจหรือไม่เป็นแบบที่เขากังวลแล้ว ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปพูดให้อีกคนรับรู้มันหรอก
“อยู่ข้าง ๆ ฉันแบบนี้ไปนาน ๆ นะ” ชานยอลขยับตัวเข้าไปชิดกับแบคฮยอน ก่อนที่จะยกแขนของตัวเองขึ้นไปโอบคอคนตัวเล็กไว้ แต่กลับโดนแบคฮยอนผลักออกทันทีก่อนจะลุกขึ้นแล้วมองมาที่เขาด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“นายเป็นอะไร” แบคฮยอนหลุบตาต่ำลงพร้อมกับส่ายหัวบอกชานยอลว่าไม่มีอะไร ก่อนจะเดินหายไปเข้าในห้องครัวแล้วเดินกลับมาพร้อมน้ำอัดลมสองกระป๋องในมือ
ร่างบางนั่งลงที่เดิมแล้วยื่นกระป๋องหนึ่งให้ชานยอล ในขณะที่เจ้าตัวเองก็ค่อย ๆ ดึงฝากระป๋องแล้วยกขึ้นกรอกลงคอทันที
“…” แบคฮยอนหันไปมองชานยอลอย่างไม่เข้าใจ หลังจากที่ร่างสูงเอื้อมมือมาจับกระป๋องน้ำอัดลมที่เขากำลังดื่มอยู่ออก
“ดื่มเหล้ามาใช่ป้ะ แล้วยังมาลงน้ำอัดลมต่ออีก กินของที่มีประโยชน์บ้างดิ”
“…”
“อ่ะนี่ เห็นว่าชอบกินเลยซื้อมาให้” ชานยอลวางกระป๋องน้ำอัดลมอันเดิมลง ก่อนจะเอื้อมมือไปเข้าไปหยิบนมกล้วยที่พกติดกระเป๋ามาด้วยแล้วยื่นให้แบคฮยอน
“ชอบ?”
“ก็เห็นซื้อมาไว้ตั้งหลายขวด” แบคฮยอนพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะรับมันไว้แล้ววางลงกับโต๊ะ
“จะนอนที่นี่แน่ใช่ไหม ห้องฉันไม่ว่างนะ มีจงอินกับคยองซูกำลังนอนตายเพราะเมาอยู่ข้างในอยู่ ถ้าจะนอนก็เข้าไปนอนห้องพี่ชายฉันแทน”
“แล้ว…นายนอนที่ไหน”
“โซฟานี่แหละ”
“เห้ย แล้วทำไมไม่เข้าไปนอนด้วยกันล่ะ”
“ฉันไม่ชอบใช้เตียงร่วมกับใคร”
ตอนนี้แบคฮยอนกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงของพี่ชายตัวเองหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเตรียมจะนอน ร่างบางขยับตัวไปมาไม่เป็นอันนอนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปแง้มประตูออกเล็กน้อยเพื่อมองดูคนที่บอกว่าจะอาสานอนอยู่บนโซฟาเอง แล้วก็พบว่าตอนนี้ร่างสูงได้หลับไปแล้ว
แบคฮยอนดันประตูกลับเข้ามาแล้วกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม และก็เช่นเคย คนตัวเล็กก็ยังขยับตัวไปมาไม่เป็นอันนอนอยู่พักใหญ่ กว่าจะเริ่มง่วงก็ปาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง และในจังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้นเจ้าตัวก็รู้สึกได้ว่ามีท่อนแขนของคนบางคนได้พาดมาที่เอวของตัวเอง แบคฮยอนสะดุ้งและหันเข้าไปหาเจ้าของท่อนแขนนั้นทันที
“ชาน…” ร่างบางเบิกตากว้างหลังจากที่พบว่าคนที่กำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้ก็คือรูมเมทตัวสูงนั่นเอง และในขณะที่กำลังจะเอ่ยชื่อขึ้น เจ้าของชื่อก็ยกมือขึ้นมาแตะปากของแบคฮยอนไว้เชิงกับเป็นการบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร ก่อนที่แขนยาว ๆ ท่อนเดิมนั้นจะรวบตัวแบคฮยอนให้เข้าไปชิดยิ่งขึ้นแล้วกอดไว้แน่น ๆ
“ฉันขอโทษ”
“…”
“ฉันรู้ว่าการกระทำของฉันมันเห็นแก่ตัว”
“…”
“แต่ฉันไม่เคยโกหกนายหรอกนะ ฉันรู้สึกดีกับนายจริงๆ ยอมรับเลยแหละว่านายน่ะทำให้ฉันลืมพี่เขาไปได้ชั่วขณะเลย”
“…”
“แต่ก็อย่างที่บอก พอเริ่มได้คุยกันอีกฉันก็รู้ตัวว่าตัวเองยังตัดใจไม่ได้เลย แต่…”
“…”
“ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายมันก็ยังเหมือนเดิมนะ มันคงจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อยถ้าฉันคิดว่านายเองก็คิดเหมือนกันกับฉัน แต่ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ แบคฮยอน” แบคฮยอนหลับตาลง ก่อนจะจับชายเสื้อของชานยอลแล้วกำมันแน่นเพราะความรู้สึกที่ตึกตักอยู่ในอก
“ขออะไรสักอย่างสิ”
“…”
“อย่าไปชอบใคร อย่าไปรักใคร อย่าไปทำกับใครแบบที่ทำกับฉัน ฉันหวงนาย รอฉันอีกนิดได้ไหม” พอพูดจบ ชานยอลก็ก้มลงมาประทับจูบลงที่หน้าผากของแบคฮยอนเหมือนที่เคยทำอีกครั้ง ก่อนจะไล้ไปตามจมูก แก้ม และริมฝีปาก…
“…” แบคฮยอนลืมตาขึ้นก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะเคลิ้มในสัมผัสแผ่วเบาของร่างสูง ร่างเล็กยกมือขึ้นมาเกาะไหล่ของชานยอลไว้ แล้วเอียงหน้ารับกับลิ้นของชานยอลที่ค่อยๆรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากเล็กของตัวเอง
ทั้งสองคนจูบกันอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งแบคฮยอนเริ่มตั้งสติได้หลังจากที่รู้สึกว่าตอนนี้ริมฝีปากของชานยอลได้ย้ายมายังลำคอแล้วไซร้พร้อมกับดูดซะจนเกิดเสียงขึ้น ร่างเล็กพยายามดันออกแต่ชานยอลกลับรวบข้อมือของเขาเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะใช้มืออีกข้างไล้ไปตามเอวคอดแล้วไล่ขึ้นมายังหน้าอกบางอย่างชำนาญ
“ชานยอล! อย่า!” ร่างสูงไม่ได้รับฟังคำห้ามปรามของแบคฮยอน ซ้ำยังรุกหนักกว่าเดิมโดยการย้ายตัวขึ้นไปคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงมาซุกลำคอขาวตามเดิมแล้วพยายามถอดเสื้อผ้าของแบคฮยอนออกเสีย
“ชานยอล!!” แบคฮยอนดิ้นไม่หยุดเมื่อเห็นว่าเสื้อของตัวเองได้ถูกถอดออกแล้วทิ้งไปยังข้างเตียงโดยฝีมือคนที่อยู่ข้างหน้า ก่อนที่คน ๆ เดิมจะเลื่อนหน้าลงมาจูบไปทั่วอกของตัวเองอย่างหื่นกระหาย และมืออีกข้างก็กำลังทำหน้าที่ปลดกางเกงของเขาออกอยู่ “ชานยอล!!!! อย่า!!!!!!!!!!!!!” แบคฮยอนตะโกนขึ้นมาเสียงดังก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วหอบหายใจถี่ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะหันมาสำรวจตัวเองและมองไปยังรอบ ๆ เตียง
เสื้อยังสวมอยู่เหมือนเดิม กางกางก็ยังอยู่เหมือนเดิม บนเตียงและในห้องนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากตัวเขาเอง และตอนนี้เข็มนาฬิกาก็หมุนไปเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว
ฝัน ?
นี่กูฝันหรอเนี่ย!!!!!!!
แบคฮยอนยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ซึมอยู่บนหน้าตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ฝันบ้าอะไรวะ” ร่างบางพึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งทำใจเงียบกับความฝันที่แสนจะขมขื่นที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเองไป พอเวลาผ่านไปสักพักแบคฮยอนก็ตัดสินใจไปเปิดประตูห้องออกแล้วเดินไปหาคนที่อยู่ในความฝันอย่างเบาที่สุดทันที
“…” แบคฮยอนหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ กับโซฟา ตอนนี้ชานยอลยังคงหลับในท่าเดิม ลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สะกดให้แบคฮยอนจ้องใบหน้าคมอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปไหน
ถ้านายคิดแบบนั้นจริง ๆ นะ นายจะกลายเป็นคนที่โคตรเห็นแก่ตัวมากอ่ะชานยอล นายมันเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว…
“จะจ้องอีกนานไหม” เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากปากของคนที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ทำเอาแบคฮยอนถึงกับผงะ ร่างบางล้มตัวไปนั่งติดกับพื้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ชานยอลจะลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องกลับอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน
แบคฮยอนก้มหน้าพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมและเสียงคนอาเจียนที่ดังมาจากห้องตัวเอง แล้วเจ้าตัวก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งไปดูทันที ทิ้งให้ชานยอลที่มองตามหลังเขาไปอยู่กับความสงสัยของตัวเองต่อไป
ถ้ารู้ว่าใครอ้วกนะพรุ่งนี้บยอนจะเลี้ยงข้าวขอบคุณเลยครับ !
“เซฮุน พ่อกับแม่จะไปแล้วนะ ไม่ไปแน่ใช่ไหม”
“ตามสบายเลยครับ เดี๋ยวจะสอบกลางภาคแล้วผมอยู่บ้านอ่านหนังสือดีกว่า พ่อกับแม่เที่ยวให้สนุกนะครับ” เซฮุนยิ้มให้ผู้เป็นแม่อย่างสดใส ก่อนที่หญิงสาวจะเข้ามากอดแล้วก็หอมแก้มลูกชายเบา ๆ “ตั้งใจอ่านนะลูก แล้วแม่จะรีบกลับมาหานะ”
“ครับ” เซฮุนหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่ได้นั่งรถออกไปแล้ว มือเรียวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองดูอย่างเคร่งเครียด อยากจะโทรหาคน ๆ หนึ่งเพื่อถามข่าวคราวแต่ก็ไม่รู้จะโทรไปในฐานะอะไร ก่อนหน้านี้ถ้ามันไม่มีเรื่องเกิดขึ้นเขาก็คงจะโทรไปโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร แต่การที่อีกคนไม่ได้ตอบข้อความทางโทรศัพท์เลยก็ยิ่งทำให้เซฮุนคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ว่าง หรือไม่ก็อาจจะไม่อยากคุยกับเขาแล้วเพราะว่าตัวเองเป็นน้องชายแท้ ๆ ของคริส…
ร่างสูงลากเสียงถอนหายใจออกมายาวยืด พร้อมกับเอนหลังไปพิงกับพนักโซฟาแล้วหลับตาลงด้วยความเพลีย ก่อนที่โทรศัพท์เครื่องบางในมือจะดังขึ้นแล้วพอพลิกขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นชื่อของคนที่เขากำลังนึกถึงมาตลอดได้โทรเข้ามา
“ฮั…ฮัลโหลครับคุณลู่หาน” เซฮุนหายใจช้า ๆ ก่อนจะกดรับ แต่ด้วยความที่ตื่นเต้นก็ดันทำให้น้ำเสียงสั่นเครือขึ้นมา
(ทำไมเสียงสั่นแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า)
“อ้อ เปล่าครับ ผม เอ่อ เพิ่งตื่น”
(ฉันไม่ได้โทรไปกวนใช่ไหม)
“ไม่ๆๆๆๆครับ ไม่เลยครับ ตื่นก่อนคุณโทรมาแล้ว”
(อ๋อ ฮ่า ๆ งั้นก็ดีไป ฉันจะโทรมาบอกว่าวันจันทร์นี้ฉันคงไปดูละครเวทีของนายไม่ได้แล้วนะ พอดีติดธุระ ขอโทษด้วยนะเซฮุน)
“ไม่ ๆ ไม่เป็นไรครับ ผมก็ลืมบอกคุณไปเลยอ่ะว่าเขาเปลี่ยนตัวพระเอกแล้ว ผมไม่ได้เล่นแล้วล่ะ”
(ดีเลย ถ้านายยังเล่นอยู่ฉันคงเสียดายแย่ แค่นี้ก่อนนะเซฮุน ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ)
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆครับคุณลู่หาน” เซฮุนเบิกตากว้างแล้วรีบเรียกคนปลายสายไว้ทันทีเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะวาง ก่อนจะถามประโยคใหม่ขึ้นสืบเนื่องมาจากแผนการที่เขาเพิ่งคิดได้สด ๆ ร้อน ๆ “หลังจากนี้น่ะ… ว่างวันไหนบ้างครับ”
(ก็ วันศุกร์น่ะ มีอะไรรึเปล่า)
“คือ…”
แบคฮยอนกำลังจะฝันเปียกอยู่แล้วเชียว น่าเสียดายจังเลยเนอะ อิ _ อิ *หลบรองเท้า*
ตอนนี้ยาวมากค่ะ ยาวป้ะ เออยาวกว่าตอนอื่นไปเป็นพันกว่าตัวอ่ะ -_- 5555555555555555555
ฉลองสามร้อยคอมเม้นท์สามร้อยเฟบค่ะ *จุดพลุ* ดีใจมากเลย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านฟิคกาๆกของเรา
มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะ รักมากเลย อยู่ด้วยกันจนกว่าไรท์เตอร์จะแต่งจบนะคะ ถ้าไม่จบก็อย่าฆ่ากันนะ อ้าวอีนี่
CRY .q
ความคิดเห็น