ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ˋ( exo ) THE ROOMMATE ♡ - CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #15 : THE ROOMMATE - 14

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      6
      22 พ.ย. 56

     

     

     

     

     

     

     

    แน่นท้องจัง อาจารย์แม่งออกข้อสอบยาก ได้ซัดเนื้อย่างไปครึ่งร้านแก้ปวดใจเลย

    กินทุกทีก็เห็นยัดแบบนี้ตลอด อย่ามาบ่นแล้วเอาเรื่องข้อสอบมาพูดเลย

    ขัดฉันตลอดเลยคยองซู” คนตัวสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อโดนเพื่อนสนิทแขวะ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนที่เดินมาด้วยกันแทน

    แล้วนายล่ะแบคฮยอน เหมือนนายจะเคยบอกพวกฉันนะว่าชอบกินเนื้อย่าง แล้วทำไมวันนี้กินเหมือนแมวดมแบบนั้นอ่ะ

    “…ฉันไม่ค่อยหิวน่ะจงอิน

    ไม่หิวอะไร ตอนเที่ยงก็กินข้าวไปสองสามคำเอง ไม่ใช่แค่วันนี้ด้วย ตั้งแต่สอบวันแรกเลยเถอะที่นายไม่ค่อยกินอะไร ไหนจะชอบทำหน้าหงอย ๆ แบบนี้อีก” มือหนาของจงอินถูกยื่นไปจับที่คางแบคฮยอนให้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าตัวเอง ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายปัดออก

    มีอะไรก็คุยกับฉันได้นะแบคฮยอน พักนี้นายดูแปลกไปจริง ๆ นะ” คยองซูพูดเสริมขึ้น ก่อนที่แบคฮยอนจะหันมาตอบแล้วคลี่ยิ้มให้

    “…ฉันแค่เครียดเรื่องสอบ ไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก ขอบใจพวกนายที่เป็นห่วงนะ

    จริงหรอ แล้วก่อนหน้านี้ถามตั้งหลายครั้งทำไมไม่ยอมบอก

    ฉัน… ฉันแค่ไม่รู้จะระบายออกมายังไง” แบคฮยอนทำหน้านึกแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ทำให้จงอินต้องขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองหน้าเขาอย่างจับผิด

    “…แบคฮยอน

    พอน่าจงอิน ก็แบคฮยอนตอบออกมาแล้วจะซักไซ้อะไรอีก อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวตอนไฟนอลค่อยลุยใหม่นะ” คยองซูค้อนจงอินขึ้น ก่อนจะหันไปพูดกับแบคฮยอนอีกครั้ง

    อื้ม” แบคฮยอนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กับคยองซู ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินต่อไปแล้วคุยเรื่องใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่แบคฮยอนก็ยังไม่ได้มีสีหน้าแตกต่างกับก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่

                วันนี้แบคฮยอน จงอิน และคยองซูได้ไปกินเนื้อย่างที่ร้านใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการฉลองหลังจากสอบกลางภาคเสร็จ อย่างที่จงอินบอก ปกติแล้วแบคฮยอนเป็นคนที่กินจุและชอบเนื้อย่างมาก แต่วันนี้เจ้าตัวกลับกินไปแค่นิดเดียวเท่านั้น และยิ่งบวกกับอาการแปลก ๆ ที่เป็นมาตลอดในช่วงของการสอบ  ทำให้เพื่อนทั้งสองคนต่างก็สงสัยและเป็นห่วงไปตาม ๆ กัน ที่ผ่านมาเขาได้แต่ปฏิเสธที่จะตอบหรือไม่ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาตลอด แต่ก็ยังทำให้จงอินยังเคลือบแคลงอยู่และก็พยายามจะถามอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้ที่แบคฮยอนยอมปริปากพูดง่าย ๆ ด้วยคำตอบที่ว่าเครียดเรื่องสอบ คำตอบของแบคฮยอนคงจะเป็นข้ออ้างเสียมากกว่า

    ในความเป็นจริง ต้นเหตุคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของรูมเมทตัวสูงที่ยังคงวงเวียนในสมองของเจ้าตัวอยู่ตลอดเวลา และเรื่องที่เขายกมาเป็นคำตอบให้กับจงอินและคยองซูนั้นก็ไม่เชิงกับเป็นเรื่องโกหกสักเท่าไหร่ แบคฮยอนรู้สึกเครียดจริง ๆ เพราะข้อสอบที่ออกมายากเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุของเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะคน ๆ เดียวอีกนั่นแหละ

                เพราะชานยอลไงล่ะแบคฮยอนถึงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือจนทำข้อสอบได้ไม่ดี

    เลิกเครียดได้แล้วนะ หาอะไรทำจะได้ไม่คิดมาก

    ใช่ ๆ โทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะถ้าต้องการเพื่อนคุย รักนะ” จงอินพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบหัวแบคฮยอนเบา ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มรับแหย ๆ แล้วจับมือนั้นออกไป หลังจากนั้นทั้งสามคนแยกกันแล้วก็ต่างพากันเดินกลับห้องตัวเอง

     

     

     

     

    แบคฮยอนพ่นลมหายใจเข้าออกในระหว่างที่เดินอย่างเป็นจังหวะ ก่อนที่จะพองแก้มขึ้นแล้วค่อย ๆ พ่นลมออกมาอย่างเหนื่อยใจ

    ถึงเวลาที่จะต้องจัดการตัวเองจริง ๆ แล้วสินะ ความรู้สึกนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้ว

    ร่างเล็กฝืนยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะหยิบกุญแจจากในกระเป๋าขึ้นมาเพื่อเปิดประตู หลังจากที่ได้เดินมาถึงหน้าห้องเป็นที่เรียบร้อย

    มือเรียวค่อย ๆ ดันประตูเข้าไปแล้วปิดมันไว้เหมือนเดิมหลังจากที่พาตัวเองเข้ามาในห้องแล้ว ก่อนจะหันไปเจอกับคนแปลกหน้าที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มเดียวกันกับตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะของชานยอล ใบหน้าขาวของคน ๆ นั้นมีท่าทีเหรอหราเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้อง และในขณะที่แบคฮยอนกำลังจะเอ่ยปากถามออกไป คนที่เป็นรูมเมทก็ได้เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ก่อนจะเอ่ยทักทายเขาขึ้นซะก่อน

    อ้าวแบคฮยอนกลับมาแล้วหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าจัง

    “…ไปกินเนื้อย่างมา” ร่างเล็กหันมาตอบชานยอล ก่อนจะหันไปมองแขกที่อยู่ในห้องด้วยสีหน้าสงสัยเหมือนเดิม

    คนนั้นจางอี้ชิง เพื่อนที่คณะฉันเอง เอ่อ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนมัธยมแล้วแหละ” ชานยอลตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่เตียงของตัวเอง

    อี้ชิง… อี้ชิงคนที่นายบอกให้มาคอยฉันในห้องตอนนั้นนะหรอ” แบคฮยอนหันไปเลิกคิ้วถามชานยอล ก่อนที่คนตัวสูงจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบ

    ฮึ ตอนนั้นชานยอลห่วงนายมากเลยแหละ ฉันจำได้” อี้ชิงยิ้มออกมาพร้อมกับเอียงหน้าพูดกับแบคฮยอนด้วยสีหน้าสดใส ก่อนที่แบคฮยอนจะพนักหน้าหงึก ๆ แล้วคลี่ยิ้มออก

    วันนี้ฉันชวนอี้ชิงมาติวหนังสือด้วยกันน่ะ ยังเหลือสอบอีกตั้งสองวิชา นายสอบเสร็จแล้ว สบายแล้วดิ เฮ้อ” ชานยอลถอนหายใจออกมา ก่อนจะขยับไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วหันมามองหน้าแบคฮยอนเป็นเชิงบอกว่าอิจฉา

    ยังไงก็รบกวนด้วยนะแบคฮยอน อีกสักพักฉันคงจะกลับแล้วล่ะ” อี้ชิงหันไปยิ้มให้กับเพื่อนสนิท ก่อนจะหันมามาพูดกับแบคฮยอนด้วยสีหน้าเกรงใจ

    เฮ๊ยไม่เป็นไร ตามสบายเลย เสียงดังแค่ไหนก็ได้ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” คนตัวเล็กยกมือขึ้นโบกพร้อมกับตอบกลับไปทันทีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น

    แล้วหลังจากนั้นอี้ชิงกับชานยอลก็ช่วยกันติวหนังสือจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง โดยที่แบคฮยอนก็นั่งจดจ่ออยู่กับหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียงตัวเองอย่างเงียบ ๆ

    ชานยอล ชีทเศรษฐศาสตร์ที่ฉันแนบมาให้อยู่ไหนอ่ะ” อี้ชิงที่นั่งพลิกแผ่นกระดาษที่อยู่บนโต๊ะไปมาหลายแผ่นก่อนจะเอ่ยขึ้น

    เศรษฐ… เฮ้ย ฉันลืมไว้ที่ตึกคณะ เดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะ” ว่าแล้วชานยอลก็เด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที ก่อนที่อี้ชิงจะท้วงไว้ซะก่อน

    เฮ้ยๆๆๆ ไม่ต้อง มันจะดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับไปเอาก็ได้

    ได้ไงล่ะ เราไม่มีเวลาแล้วนะ อย่าลืมสิว่าฉันมีรถ ไปแปปเดียวก็กลับมาแล้ว” อี้ชิงทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะปั้นยิ้มให้กับเพื่อนสนิทแล้วพยักหน้าเบาๆ เมื่อชานยอลได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมจะเดินออกไปทันที โดยที่ไม่ลืมจะหันมาพูดกับรูมเมทก่อน ฝากอี้ชิงด้วยนะแบคฮยอน

    แบคฮยอนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มใหชานยอลเล็กน้อย ก่อนจะหันมาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ

    “…” อี้ชิงมองดูแบคฮยอนที่เอาแต่สนใจหนังสือตรงหน้าอย่างสบายใจ

    มันจะเป็นอย่างที่ชานยอลบอกจริง ๆ หรอ ?

    เรียกได้ว่าอี้ชิงเป็นเพื่อนที่แทบจะรู้ไปซะทุกเรื่องเกี่ยวกับชานยอลเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวไปยันเรื่องของความรัก เขาเป็นคนเดียวที่ชานยอลไว้วางใจจะปรึกษาและทุกเรื่องให้ฟัง รวมไปถึงเรื่องของแบคฮยอน

    อี้ชิงได้ยินเรื่องราวของแบคฮยอนมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ชานยอลเล่าทุกอย่างตั้งแต่เรื่องที่เข้าหอวันแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่แบคฮยอนดูเหมือนจะไม่ชอบเขา แบคฮยอนเป็นคนใจดีแต่ปากแข็งไปหน่อย แบคฮยอนยิ้มบ่อยขึ้นแล้วก็ยอมพูดด้วยมากขึ้น แบคฮยอนดูอ่อนลงทุกครั้งที่เขาทำตัวน่ารักใส่ แบคฮยอนเริ่มไม่กล้าสบตาและทำตัวไม่ถูกเวลาที่แกล้งแหย่ให้เขิน และอีกหลาย ๆ เรื่องที่อี้ชิงได้ฟังจากชานยอล ทำให้เขารู้สึกว่า ชานยอลคงจะรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้อยู่กับรูมเมทที่ชื่อแบคฮยอน และจากที่ฟังชานยอลเล่าอาการของแบคฮยอนในแต่ละครั้ง ก็ทำให้อี้ชิงเดาได้ว่าแบคฮยอนก็คงรู้สึกไม่ต่างกับเพื่อนสนิทตัวเองเท่าไหร่ จนกระทั่งวันที่เขาได้รู้ข่าวของลู่หานที่ได้เลิกรากับคนรักไป จากคำบอกเล่าของชานยอล

    ชานยอลเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่เมื่อได้กลับไปหาลู่หานอีกครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อแบคฮยอน และ ความรู้สึกที่มีต่อลู่หาน บ่อยครั้งที่ชานยอลจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกับอี้ชิง และคำปรึกษาที่อี้ชิงให้ไว้กับเพื่อนสนิทรวม ๆ แล้วก็มีใจความแค่ว่าคิดว่าอยู่กับใครแล้วตัวเองมีความสุขก็อยู่กับคนนั้น’ เพียงเท่านั้น

    แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ชานยอลกับลู่หานก็กลับมาคบกัน อี้ชิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย… ผิดหวังที่ชานยอลเลือกที่จะเอาหัวใจตัวเองไปฝากไว้กับคนที่พร้อมจะทำร้ายเขาได้ตลอดเวลา และอีกด้านหนึ่ง อี้ชิงก็รู้สึกผิดหวังที่ชานยอลเลือกที่จะทิ้งแบคฮยอนไว้ข้างหลัง ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาแบคฮยอนทำให้ตัวเองหลุดจากเรื่องเศร้า ๆ และก็มีความสุขมากขึ้นตั้งเท่าไหร่

    เขาเข้าใจดีในความรักที่ชานยอลมีต่อลู่หาน เคยรักมากขนาดนั้นจะให้ตัดทิ้งไปเลยคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย… แต่ที่น่าห่วงก็คือแบคฮยอนนี่สิ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของชานยอลและแบคฮยอนไปถึงขั้นไหนแล้ว และเมื่อได้ถามเรื่องนี้กับชานยอล ชานยอลก็ได้แต่ตอบว่าแบคฮยอนไม่ได้มีท่าทีผิดหวังหรือเสียใจกับการตัดสินใจของเขาเลย อี้ชิงอยากจะเชื่อชานยอลที่บอกแบบนั้น เพราะถ้ามันคือความจริงก็คงจะไม่มีใครมาเสียใจเพราะความสับสนของชานยอล

    แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ ?

    อี้ชิงได้แต่นึกในใจว่าถ้าหากตัวเองเป็นแบคฮยอนคงจะรู้สึกแย่มากแน่ ๆ แต่ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่เขาจะเข้าไปยุ่ง ทั้งหมดนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดของตัวเอง เขาไม่ได้รู้ดีไปซะหมดถึงขนาดพอจะเดาได้ว่าแบคฮยอนรู้สึกอย่างไร และอีกอย่างหนึ่งชานยอลก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง ต่อไปจากนี้ไม่ว่ามันจะดีหรือจะร้าย ชานยอลก็คงจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น และอี้ชิงก็ยังเชื่ออีกว่า เพื่อนคนนี้คงจะไม่ทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแน่นอน

    อี้ชิงคลี่ยิ้มออกมา ตอนนี้แบคฮยอนก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอะไรแบบที่ชานยอลพูดจริง ๆ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินทุกอย่างจะดีกว่า

    เวลาผ่านไปไม่นาน ชานยอลก็กลับเข้าห้องพร้อมกับเอกสารวิชาเศรษฐศาสตร์ในมือ ทั้งสองคนช่วยกันติวให้กันจนเวลาหมุนไปถึงเลขเก้าการติวก็จบลง อี้ชิงกลับห้องตัวเองไป แล้วชานยอลก็ทบทวนเนื้อหาต่อเองอย่างขะมักเขม้น ส่วนแบคฮยอนเองเมื่อพบว่าตอนนี้ใกล้จะดึกแล้วก็ได้เข้าไปอาบน้ำทันที ก่อนจะออกมาในชุดกางเกงยีนส์ขายาวและเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต ร่างเล็กตรงไปที่ตู้ของตัวเองแล้วจัดการเก็บเสื้อผ้าบางส่วนยัดลงในกระเป๋าเป้

    ชานยอลหันมองมองรูมเมทตัวเองเพราะเสียงที่เกิดจากการรื้อเสื้อผ้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาขมวดคิ้วถามแบคฮยอนใกล้ ๆ นายจะไปไหนน่ะ

    ฉันจะกลับไปทำงานที่บาร์น่ะ ฉันยังไม่ได้บอกนายใช่ไหม ...งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้บอกแล้วนะ” แบคฮยอนหันมาเลิกคิ้วตอบ ก่อนจะหันกลับไปรูดซิปกระเป๋าตัวเองแล้วยกขึ้นมาคล้องไหล่พร้อมกับยืนขึ้น

    ทำไมไม่บอกกันก่อน จู่ ๆ ก็จะไปแบบนี้เลยหรอ

    ก็ช่วงนี้นายกับฉันต้องสอบ เวลาว่างจะมาคุยกันก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรด้วยนี่นา

    ไม่สำคัญอะไร ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่แล้วหรอว่าฉันเหงาตอนนอนคนเดียวน่ะ คืนนี้ฉันจะนอนยังไง

    “…เหงามากก็เรียกอี้ชิงมานอนด้วยสิ” แบคฮยอนเม้มปาก ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบไป

    อี้ชิงกับนายมันไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ที่เป็นรูมเมทกันมามันมีกี่คืนกันอ่ะที่เราไม่ได้นอนห้องเดียวกัน คำว่าเหงาในความหมายของฉันก็คือช่วงเวลาที่นายไม่ได้อยู่ด้วย มันจะไม่มีใครมาแก้เหงาให้ฉันได้ทั้งนั้นแหละ

    งั้นฉันก็มีประโยชน์แค่แก้เหงาให้นายงั้นสิ

    งั้นฉันก็มีประโยชน์แค่แก้เหงาให้นายงั้นสิ

    แบคฮยอนพูดประโยคนี้ออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ในประโยคที่ว่านั้นกลับมีความหมายแอบแฝงมากมาย ความหมายที่อยากจะบอกให้ชานยอลรู้และคำถามที่ค้างคาใจมาโดยตลอด แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะเก็บไว้

    มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึ...” ชานยอลขมวดคิ้วเป็นปมมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเตรียมอธิบายให้อีกคนฟังต่อ แต่ก็โดนแบคฮยอนพูดแทรกขึ้นซะก่อน

    เออออออแบบไหนก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้วมันจะดึกแล้วเนี่ย” ว่าแล้วร่างเล็กก็หันหลังให้กับรูมเมทแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปทางประตูทันที ก่อนที่ชานยอลจะก้าวขาตามไปแล้วรั้งแขนเอาไว้ซะก่อน

    ไม่ให้ไป วันหลังค่อยไป มันดึกแล้ว

    น้อย ๆ หน่อยชานยอล เมทหรือแม่ ฉันบอกกับคนในร้านแล้วว่าจะกลับวันนี้

    แล้วจะไปยังไง เดินทางดึก ๆ คนเดียวแบบนี้มันอันตราย โทรไปบอกเขาสิว่าเลื่อนไปวันหลัง

    “…ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่นายอย่าลืมสิว่าฉันเป็นผู้ชาย ทีนายยังนั่งแท็กซี่ไปหาฉันตอนตีสามได้เลย” แบคฮยอนพูดพร้อมกับแกะมือชานยอลออก ทำให้ชานยอลทำหน้าคิดหนักขึ้นทันที เอาน่า ถ้าห่วงขนาดนั้นไว้ไปถึงเมื่อไหร่จะโทรบอกทันทีเลยนะ ไปละ

    เดี๋ยวฉันไปส่ง!” ชานยอลพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับคว้าแขนของแบคฮยอนที่กำลังจะเดินออกไปไว้อีกครั้ง ก่อนที่แบคฮยอนจะทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับความหวังดีของชานยอลไว้

     

     

     

     

     “นายมีรถขับในมอตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติไม่เคยเห็นขับ” บทสนทนาแรกถูกเริ่มจากฝั่งแบคฮยอน หลังจากที่ได้เข้ามาในรถแล้วเริ่มขับออกไปแล้ว

    ไม่กี่วันมานี่แหละ ช่วงนี้ต้องทำโน่นทำนี่บ่อย เหนื่อยจะเดินเลยเอารถมาจากบ้าน” ชานยอลพูดในขณะที่สายตายังคงจ้องไปตามเส้นทางข้างหน้า

    คนรวยนี่ดีเนอะ ได้นั่งรถสบาย ๆ ไปไหนมาไหนโดยที่ไม่ต้องง้อรถเมล์เลย

    สนใจมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ฉันไหมล่ะ ฮ่า ๆ

    ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของคุณลู่หานเถอะ” แบคฮยอนพูดในขณะที่กำลังเหม่อมองไปตามข้างทางผ่านกระจกด้านข้าง ชานยอลหุบยิ้มลง ก่อนที่บทสนทนาจะขาดช่วงไปพักใหญ่

    แล้วทำไมขนเสื้อผ้าไปด้วย กะจะนอนที่นั่นเลยรึไง

    คิดอยู่นะ แต่กลับมานอนที่คอนโดคงจะดีกว่า ไนท์คลับมันเสียงดังเกินไป” ชานยอลขมวดคิ้วพร้อมกับอ้าปากเหวอเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบจากคนตัวเล็ก เขาแค่จะถามเพื่อที่จะล้อเรื่องที่แบคฮยอนเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเยอะเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะออกมาปักหลักนอนข้างนอกจริง ๆ

    อ้าวเฮ้ยแล้วจะไม่กลับหอเลยหรอ ไม่ได้นะแบคฮยอน!”

    กลับดิ อาทิตย์ละครั้งสองครั้งนี่แหละ นายก็รู้ว่างานฉันกว่าจะเลิกก็ตีสามตีสี่นู่น จะให้กลับมานอนหอยามจะไม่จดชื่อฉันทุกคืนจนได้ส่งไปหาคณะเลยหรอ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เขาก็ไม่ได้มาตรวจซะหน่อยว่าใครอยู่หอหรือไม่อยู่บ้าง

    แล้วนายจะรีบกลับไปทำไม รอให้เรียนจบปีหนึ่งก่อนก็ได้นี่

    ไม่เอาหรอก ไม่อยากห่างงานนาน

    เคยบอกแล้วนี่ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงินก็ขอทุนกับมหาลัยก็ได้ หรือถ้านายขี้เกียจจะยืมของฉันใช้ก่อนก็ได้อ๊ะ” พอพูดจบแบคฮยอนก็หันหน้ามามองค้อนชานยอลอย่างไม่พอใจทันที ก่อนที่ชานยอลจะเงียบลงแล้วไม่พูดอะไรอีกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากับแบคฮยอนเคยมีปัญหากันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน

     

     

     

     

    ขอบใจมากนะที่มาส่ง กลับดี ๆ ล่ะ” แบคฮยอนถอดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะหันไปพูดกับชานยอลแล้วเตรียมจะเปิดประตูรถออกไป

    เฮ้ยเดี๋ยว!”

    “…?”

    ฉันขับรถมาตั้งไกลจะไม่ชวนให้ไปนั่งพักก่อนบ้างหรอ

    และชานยอลก็ได้เข้ามานั่งพักในร้านตามความต้องการ ในตอนแรกแบคฮยอนมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ชานยอลเข้ามาพร้อมกับเวลาที่จำกัดไว้แค่ห้าทุ่มเพราะไม่อยากให้ร่างสูงเข้าหอสาย ในเวลาที่มหาวิทยาลัยตั้งไว้คือห้ามเกินเที่ยงคืน

    จะดื่มอะไรไหม

    ไม่เป็นไร ขอนั่งอย่างเดียวก็พอ

    งั้นจะกลับตอนไหนก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวเดินออกไปส่ง” ชานยอลยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้อีกคน ก่อนที่แบคฮยอนจะเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ แล้วก็เดินออกมาประจำที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่อจัดแจงความเรียบร้อยต่าง ๆ ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

    ชานยอลมองไปยังรอบ ๆ ร้านที่พนักงานทุกคนยังจัดระเบียบได้ไม่เข้าที่เต็มร้อย บาร์แห่งนี้มีขนาดใหญ่และหรูหราพอสมควร ทำให้เจ้าตัวคิดว่าคงจะมีแค่คนระดับกลาง ๆ ไปจนถึงมหาเศรษฐีแวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำเป็นแน่

    แล้วเรื่องการจัดระบบล่ะ ?

    ชานยอลอดที่จะสงสัยไม่ได้ในเรื่องของการรับพนักงานในร้านแห่งนี้ แบคฮยอนบอกว่าทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แสดงว่าแบคฮยอนก็ต้องทำมาก่อนที่ตัวเองอายุจะสิบแปดน่ะสิ แล้วคำถามที่ตามมาก็คือ ใครเป็นคนรับเข้า? กฎหมายเรื่องการเข้าทำงานตามสถานบันเทิงของประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือ? แต่ถึงจะสงสัยยังไงชานยอลก็ไม่ได้คิดที่จะถามแบคฮยอนออกไป

    ชานยอลกวาดสายตามองทุกอย่างที่อยู่ในร้านไปเรื่อยเปื่อย พลางกับคิดไปว่าอาจจะเป็นเพราะการบริหารที่ไม่เป็นระบบของทางร้าน จึงทำให้สถานบันเทิงแห่งนี้เกือบไปต่อไม่ได้แล้วถูกขายทอดตลาดมาให้พ่อของเขา พอนึกได้แบบนั้นร่างสูงหัวเราะขึ้นในลำคอเล็กน้อย 

    เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าเป็นร้านของพ่อตัวเอง

     

     

     

     

    นี่ ไอ้หนุ่มที่มาเฝ้าอ่ะแฟนหรอ …หน้าคุ้น ๆ นะ” หนึ่งในรุ่นพี่คนสนิทได้เข้ามาทักทายแบคฮยอน พร้อมกับมองไปยังที่ที่ชานยอลนั่งอย่างครุ่นคิด

    ฟงแฟนอะไรพี่ ที่หน้าคุ้น ๆ อ่ะก็เขาเคยมาเมาเละที่นี่ไง รูมเมทผมคนนั้นอ่ะ” แบคฮยอนหันมาตอบอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนจะหันกลับไปจัดแก้วที่วางเรียงรายกันอยู่ด้านหลังต่อ

    อ้าวหรอ แล้วนี่จะมาเฝ้าทำไมวะ หรือมันออกมาเที่ยวเฉย ๆ

    มาส่งผมน่ะ อีกสักพักก็คงจะกลับแล้ว

    แหม่ ดูท่าไม่ใช่แค่รูมเมทแล้วมั้ง เอาแต่มองมึงซะขนาดนั้น” แบคฮยอนถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองชานยอลที่กำลังเขาอยู่แล้วแค่นยิ้มให้เล็กน้อย

    เออแล้วแม่งจะจ้องอะไรขนาดนั้นวะ -_-

     

     

     

     

    นี่ไอ้หน้าอ่อน!” ชานยอลสะดุ้งเฮือกขึ้น หลังจากที่มีคนถลามานั่งข้าง ๆ แล้วทักทายขึ้นเสียงดังด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยลื่นหูสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปตอบด้วยความงุนงงเล็กน้อย

    “…มีอะไรหรอครับ

    ชอบหรอ

    “…?”

    ชอบแบคฮยอนมันหรอ” คำถามนี้ทำให้ชานยอลถึงกับขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

    คืคือ…”

    อย่าเขินไปน่า มานั่งมองซะกูเอ่อ ฉันนึกว่ามาเฝ้าเมียซะขนาดนี้ ชอบก็รีบ ๆ แดกแม่งเลย

    คือมันมะ…” ชานยอลได้แต่ทำหน้างงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อได้ยินผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่กับแบคฮยอนเอาแต่พูดออกมาไม่หยุด ก่อนจะพยายามปฏิเสธไปแต่ก็โดนแทรกตอนพูดขึ้นมาอีกจนได้

    จะหาว่าไม่เตือนนะ แบคฮยอนอ่ะมีคนเข้ามาจีบมันเยอะจะตาย ทั้งชายหญิงตุ๊ดทอมแม่งมีหมดอ่ะ โดนคาบไปก่อนไม่รู้ด้วยนา ไปละ” เหมือนชานยอลจะโดนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ในอก ผู้ชายคนนั้นเดินห่างออกไปแล้ว แต่ประโยคเมื่อสักครู่นี้กลับยังวนอยู่ในหัวของเขาไม่เลิก

    พอได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ

    ชานยอลหันกลับไปมองรูมเมทของตัวเองที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างขะมักเขม้น ก่อนที่จะมีผู้ชายอีกคนเข้ามาหา เขายื่นมือเข้าไปขยี้หัวแล้วขยับตัวมากอดคอร่างเล็กเอาไว้ ส่วนแบคฮยอนนั้นก็หันไปยิ้มกว้างตอบ แล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้คุยกันในเรื่องที่ชานยอลไม่อาจรู้ได้อย่างสนิทสนม

    ชานยอลเม้มปากตัวเองแน่น รู้สึกว่าไม่ชอบภาพที่อยู่ตรงหน้าเอาซะเลย พอรู้ตัวอีกทีขายาว ๆ ของตัวเองก็ได้มาหยุดที่หน้าเคาน์ตอร์แล้ว

    แบคฮยอน

    หื้ม

    กลับ” แบคฮยอนหันมามองหน้าชานยอลแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินนำออกไป โดยที่ไม่ลืมจะหันไปบอกพร้อมกับยิ้มให้คนข้าง ๆ ไป เดี๋ยวผมไปส่งเพื่อนก่อนนะ” 

    ชานยอลขมวดคิ้วขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันก็เป็นคำปกตินอกเหนือจากรูมเมทที่แบคฮยอนหรือตัวเองเอาไว้ใช้แนะนำกับคนอื่น

     เพื่อน ? ตอนนี้ไม่ชอบคำนี้เลยแฮะ

    ผู้ชายคนนั้นใคร” หลังจากที่ออกมาถึงนอกร้านแล้วชานยอลก็เป็นฝ่ายถามแบคฮยอนขึ้น

    ห้ะ?”

    ผู้ชายที่ยืนกอดคอนายอยู่ในร้านน่ะใคร

    ก็พี่ที่สนิทกันนี่แหละ ถามทำไม

    ทำไมถึงสนิทขนาดนั้น” ชานยอลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมากอดอกไว้

    คนทำงานมาด้วยกันหลายปีมันก็เรื่องธรรมดาปะวะ เป็นอะไรหนิทำตัวอย่างกับคนหึงแฟน

    ใช่ไง” แบคฮยอนหันหน้าขวับไปจ้องที่ใบหน้าคนตัวสูงทันทีหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำหน้าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ แล้วพูดประโยคใหม่ออกมา ไม่คือ ฉันฉันแค่เป็นห่วงนาย ในนี้มันมีคนหลายประเภทไม่ใช่หรอ เกิดเขาคิดไม่ดีกับนายจะทำยังไงล่ะ

    คนตัวเล็กหลุบตาต่ำลงพร้อมกับแค่นยิ้มเล็กน้อย วินาทีนี้ถ้าชานยอลได้มองเห็นมัน… ก็คงจะรับรู้ได้ถึงความผิดหวังที่ฉายออกมาทางแววตาของเขาเป็นแน่

    นี่ก็พูดไปนั่น ก็บอกแล้วพี่สนิทกัน ถ้าจะห่วงก็ไปห่วงพวกลูกค้าซะยังจะเข้าท่ากว่า” แบคฮยอนเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้ารูมเมทเหมือนเดิม ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดติดตลกออกมา

    รีบกลับเถอะ มันดึกแล้ว” เมื่อบทสนทนาขาดช่วงไปเพราะชานยอลไม่ได้ตอบกลับมา แบคฮยอนจึงเป็นคนทำลายความเงียบนั้นด้วยประโยคบอกลากลาย ๆ พร้อมกลับหันหลังเตรียมตัวจะกลับเข้าร้าน ก่อนที่มือใหญ่ของชานยอลจะถูกชักมาคว้ามือเขาไว้ซะก่อน

    “…?” แบคฮยอนหันกลับไปมองชานยอลอย่างไม่เข้าใจ

    ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะ” แบคฮยอนคลี่ยิ้มให้กับรูมเมทตัวสูง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ให้อีกคน อย่าไปชอบใครง่าย ๆ อย่าไปชอบใคร” ชานยอลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจะเว้าวอนมาก ประโยคนี้เขาคิดว่าแบคฮยอนเข้าใจมันดี ขึ้นอยู่ว่าอีกคนจะยอมตกลงหรือเปล่า

    “…” แบคฮยอนมองหน้าชานยอลที่ดูเหมือนจะมีความหมายแอบแฝงมากมาย เขาก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้คำถามหลาย ๆ ประโยคได้ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงบีบจากมืออีกคนที่แน่นยิ่งขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งสติได้แล้วรีบสะบัดมือนั้นออกทันที

    ทำไมถึงทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดด้วยนะชานยอล

    “...จะชอบใครมันก็เรื่องของฉันน่า โตแล้ว

    “…” ชานยอลมองหน้าคนข้างหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

    รีบกลับ” ไม่รอให้อีกคนรั้งไว้ก่อน แบคฮยอนรีบเดินกลับเข้าร้านทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ชานยอลยืนอยู่คนเดียวกับความรู้สึกที่หลากหลายที่เกิดขึ้นมาในตอนนี้ ก่อนจะเดินไปสตาร์ทรถเพื่อเตรียมจะกลับหอในเวลาต่อมา

    รถเก๋งสีขาวคันสวยถูกขับออกมาจากบริเวณร้าน ตลอดการขับรถชานยอลได้แต่ขมวดคิ้วให้กับเรื่องที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เพิ่งเจอมาเมื่อสักครู่นี้ อยากจะขับรถกลับไปรับแบคฮยอนกลับหอซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงสีหน้าของคนตัวเล็กตอนที่เขายุ่งกับเรื่องส่วนตัวมากไปก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้

    หรือว่าแบคฮยอนมีคนที่ชอบอยู่จริง ๆ ?

    ร่างสูงถอนหายใจออกมาพร้อมกับหยุดรถเอาไว้ในขณะที่ไฟจราจรขึ้นเป็นสีแดง นิ้วชี้ถูกเคาะลงกับพวงมาลัยอย่างเป็นจังหวะ ก่อนที่สายตาจะเลื่อนมายังโทรศัพท์เครื่องบางที่ถูกวางไว้ในช่องวางของ ชานยอลหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับกดโทรออกไปยังเบอร์ของแฟนตัวเอง เพราะคิดว่าการได้คุยกันอาจจะทำให้เขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านนี้ไว้ได้

    พี่นอนรึยังครับ

     

     

     

     

    ลู่หานวางโทรศัพท์ลงหลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับชานยอลไปหลายนาที มือเรียวเล็กข้างที่มีแหวนสวมอยู่ถูกยกขึ้นมาในระดับอก ลู่หานใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแหวนวงนั้นเบา ๆ ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาแล้ววางมือไว้บนตักเหมือนเดิม

    กว่าสองอาทิตย์แล้วที่เขากับชานยอลกลับมาคบกัน ลู่หานเคยคิดมาตลอดว่าจะยังไงก็คงไม่กลับไปหาชานยอลอย่างแน่นอน แต่เพราะเวลาที่ได้อยู่หรือได้คุยกับอีกคน มันก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเขาคือคนพิเศษและเป็นคนสำคัญที่ชานยอลจะไม่มีวันทิ้งขว้างอย่างแน่นอน จิตใต้สำนึกของลู่หานเลยสั่งให้กลับไปลองพยายามที่จะรักชานยอลอีกครั้ง ถ้าทำได้แบบนั้น เขากับชานยอลคงจะกลับมามีความสุขด้วยกันอีกอย่างไม่มีอะไรจะเสีย และนอกจากนั้น ความรักครั้งนี้คงจะช่วยชดเชยความผิดที่เคยทำไว้กับอีกคนได้ด้วย

    แต่เมื่อเวลาเดินมาจนถึงตอนนี้ เขาก็รู้ตัวว่ามันคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษตอนที่ได้อยู่กับชานยอลก็จริง แต่ไม่รู้สึกว่ามันจะมีความสุขไปในทางที่ควรจะเป็น

    แล้วลู่หานก็คิดไว้ตลอดแล้วล่ะว่ามันคงมีโอกาสจะเป็นแบบนี้….

    ในวันที่ชานยอลขอคบ ลู่หานได้ยืนข้อเสนอให้กับชานยอลไป ข้อเสนอนั้นก็คือให้ชานยอลบอกลาเขาได้ทุกเมื่อเมื่อเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ โดยที่เขาจะไม่โกรธและจะไม่อะไรเลย แน่นอนว่าชานยอลปฏิเสธกลับมา ชานยอลยังคงยืนยันเสมอว่าเขาจะไม่ทิ้งเขาไปไหน

    แต่คำพูดและแววตาที่จริงใจเหล่านั้นของชานยอลก็ไม่ได้ทำลู่หานปักใจเชื่อและรับความซื่อสัตย์นั้นไว้หรอก เขาแค่ยิ้มรับ

    หลังจากที่ได้ผ่านความรักมาหลายรูปแบบ ลู่หานก็ได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่มันจะแน่นอนไปตลอด โดยเฉพาะหัวใจของคน สักวันชานยอลคงจะได้เจอคนที่พร้อมจะรักและดูแลจริง ๆ และเขาคนนั้นก็คงจะรักชานยอลอย่างที่ชานยอลรักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่อยากจะลองพยายามสร้างความสัมพันธ์ลม ๆ แล้ง ๆ โดยที่มีหัวใจของชานยอลเป็นเดิมพัน แบบที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้

     

     

     

     

     

     

     


    อยากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ตันมากค่ะ ตันตั้งแต่วันที่อัพตอนที่แล้วแล้วยังไม่ได้ต่อสักที จนกระทั่งเมื่อคืน

    อินเนอร์มาจากไหนเยอะแยะก็ไม่รู้ปั่นทีเดียวห้าพันตัวรวด แทบจะน็อค -_- 5555555555
    เป็นไงบ้างพอเดาพลอตออกบ้างรึยัง ? 555555 มีคนเดาเนื้อเรื่องที่ไรท์วางไว้ได้ด้วยอ่ะเก่งจัง
    ไม่ปล่อยให้ดราม่านานหรอกน่าอยากให้ชานแบครักกันเร็วๆเหมือนกัน วี๊ดวิ้ว แล้วเจอกันตอนใหม่นะฮราฟว์

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×