ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ˋ( exo ) THE ROOMMATE ♡ - CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #16 : THE ROOMMATE - 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      8
      18 พ.ย. 56

     

     

     

     

     

     

     

    บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเราต้องการมันมาก พอได้มันมาครอบครองจริง ๆ เราอาจจะรู้ตัวว่าที่จริงแล้วเราไม่ได้โหยหามันขนาดนั้น และในเรื่องของปัญหาเรื่องที่ไม่รู้ใจตัวเองในตอนก่อนหน้านี้ สาเหตุก็คงจะมีก็แต่ความคิดของเรานั่นแหละจิตใต้สำนึกของเราที่คิดเพียงแค่ว่าเราขาดมันไม่ได้ แล้วพยายามทุกทางที่จะให้ได้ได้มันมา จนกระทั่งมารู้ใจตัวเองจริง ๆ ก็ตอนได้สิ่ง ๆ นั้นมาอยู่ในมือแล้ว

    ชานยอลปิดหนังสือที่ใช้อ่านฆ่าเวลาในตอนว่างลง หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือหมวดวรรณกรรมที่เขียนโดยนักเขียนแถวหน้าของเกาหลี ชานยอลไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือ จะมีแค่นาน ๆ ครั้งที่หยิบขึ้นมาเปิดดู แล้วพออ่านไปได้สองสามหน้าก็ต้องปิดมันไว้เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่กับหนังสือเล่มนี้เขาใช้เวลาอ่านจนหมดไปกว่าครึ่งหน้าในเวลาสองชั่วโมงตั้งแต่ตอนเย็น

    หนังสือเล่มนี้ชานยอลได้มาจากลู่หาน ในตอนแรกเขาแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมลู่หานถึงมาแนะนำแล้วก็ยัดเยียดให้อ่านทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามมองข้ามไป เพราะคิดว่าคนรักของตัวเองคงจะประทับใจในเนื้อหาและพยายามจะแบ่งปันให้เขาอ่าน

    และเมื่อได้ลองอ่านดู เนื้อหาที่อยู่ในเล่มก็สนุกและลื่นไหลสมกับที่ลู่หานแนะนำไว้จริง ๆ แล้วพออ่านไปได้พักใหญ่ ชานยอลก็ได้ไปเจอกับประโยคหนึ่งที่เหมือนจะเข้าไปสะกิดใจเขาอย่างจัง ชานยอลนิ่งไปกับประโยคนั้นเล็กน้อย ก่อนที่จะปิดมันลงและพบว่าตัวเองอ่านไปได้กว่าครึ่งหน้าแล้ว

    เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่ชานยอลกับลู่หานกลับมาคบกัน และก็เป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ที่แบคฮยอนไม่ได้อยู่ติดหอเหมือนเดิม

    ชานยอลกับลู่หานยังคงไปกันได้ดี ไปกันได้ดีในความหมายของทั้งคู่คงจะเป็นแค่การใช้คำว่าแฟนร่วมกันโดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ลู่หานยังคงน่ารักและคอยเอาใจใส่ชานยอลตลอดเวลา จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่ทั้งสองคนยังรักกันดีในตอนก่อนที่คริสจะเข้ามาด้วยซ้ำ

    เราควรจะมีความสุขให้มากกว่านี้ไม่ใช่หรอ ?

    ร่างสูงเม้มปากตัวเองไว้แล้วค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมา ลู่หานกลับมาเป็นคนเดิมแล้วแต่ทว่าเขาก็ไม่ได้มีความสุขไปมากกว่าก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ จริงอยู่ที่ลู่หานนั้นก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนรักกันปกติ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนจะคล้อยไปในทางพี่น้องเสียมากกว่า

    เหมือนกับข้อความประโยคหนึ่งที่ปรากฏในหนังสือ

    แล้วที่ลู่หานเอาหนังสือเล่มนี้มาให้เขาอ่านเพราะกำลังจะพยายามบอกอะไรเขาอยู่หรือ ?

    ชานยอลวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะแล้วสะบัดหัวเบา ๆ พลางกับจะสลัดความคิดนี้ทิ้งไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับพยายามนึกว่ามันคงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

    เมื่อเทียบกับแต่ก่อนแล้ว เรื่องของลู่หานเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เข้ามามีบทบาทต่อความรู้สึกของชานยอลสักเท่าไหร่ ไม่ว่าลู่หานจะทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ชานยอลก็เพียงแค่รับรู้มัน แล้วไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากมายเหมือนที่เคยเป็นในอดีต ในตอนนี้ จะมีก็แต่เรื่องของอีกคน ที่ค่อย ๆ เข้ามารบกวนสมองของชานยอลช้า ๆ และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน โดยที่เจ้าตัวเองก็แทบจะไม่รู้ตัวเลย

    ตอนนี้แบคฮยอนกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำงานหนักมากรึเปล่า ? จะมีคนมาเกาะแกะเหมือนเดิมไหม ? จะคิดถึงเขาบ้างรึเปล่า ?

    ชานยอลรู้ตัวดีว่าการที่ตัวเองเป็นแบบนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ เขายอมรับว่าแต่ก่อนรู้สึกดีกับแบคฮยอนที่ช่วยทำให้เขาลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะก็จริง แต่พอได้กลับมาคุยกับลู่หานอีกก็เริ่มสับสนว่าการที่รู้สึกกับแบคฮยอนแบบนั้นมันอาจจะเป็นเพราะเขาเหงาหรือขาดที่พึ่งก็เป็นได้ เขาจึงตัดสินใจเลือกสักทางนั่นก็คือลู่หาน ลู่หานคนที่เขารักมากและคิดว่าในชีวิตคงจะไม่ได้รักใครมากเท่านี้อีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด ความรักที่มีต่อลู่หานมันไม่ได้ลดน้อยลงก็จริง แต่ในตอนนี้ชานยอลเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความรักแบบคนรักหรือเปล่า และในขณะเดียวกัน ความรู้สึกที่มีต่อแบคฮยอนก็เริ่มเข้ามาทำให้สับสนอีกครั้ง แต่ตอนนี้ชานยอลก็เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไปก่อนดีกว่า รอให้อะไร ๆ มันชัดเจนในความรู้สึกก่อนถึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ

    ชานยอลเลือกที่จะคิดแบบนี้เพราะไม่อยากทำให้ความรู้สึกสับสนตัวเองมันไปทำร้ายใคร โดยเฉพาะลู่หานเขารู้สึกตำหนิตัวเองที่ไปย้ำนักย้ำหนาว่าไม่มีวันจะทิ้งหรือเปลี่ยนใจจากลู่หานไปไหน แต่วันนี้กลับเริ่มไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า จึงเลือกที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ พร้อมกับความรู้สึกของตัวเองที่อาจจะชัดแจ้งขึ้นในไม่ช้านี้ ถ้าเขาไม่ได้รักลู่หานแบบที่เคยรักแล้วจริง ๆ ชานยอลก็คิดว่าลู่หานคงจะเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเขา แต่ถ้ามันไม่ใช่แบบนั้น เขากับลู่หานก็คงจะคบกันต่ออย่างมีความสุข โดยที่ความคิดสับสนในตอนนี้มันจะไม่ไปทำร้ายใคร ไม่ว่าจะเป็นลู่หาน หรือแม้กระทั่งแบคฮยอน

    ร่างสูงเอนหลังไปพิงกับพนักโซฟา ก่อนจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงเพราะอยากจะปล่อยความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด แต่ต้องยอมรับว่าในตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงจะไม่ช่วยให้ดีขึ้น สุดท้ายชานยอลเลยต้องลืมตาขึ้นเหมือนเดิม ก่อนจะหยิบกุญแจรถ โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเป้ที่ถูกจัดไว้แล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

    หลังจากที่แบคฮยอนไม่ค่อยได้อยู่หอแล้ว ชานยอลก็กลับมาอยู่บ้านเกือบจะทุกอาทิตย์ และอาทิตย์นี้ก็เช่นเคย ชานยอลได้ขับรถกลับจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมาจนถึงวันอาทิตย์แล้ว ถ้าหากเป็นวันอาทิตย์ที่ผ่าน ๆ มาชานยอลก็คงจะอยู่บ้านจนถึงตอนเช้าแล้วค่อยขับรถกลับไปหอทีเดียวในวันจันทร์ หากแต่วันนี้เขาต้องไปรับแบคฮยอนที่บาร์ที่ต้องกลับหอเพราะมีงานด่วนที่คณะในตอนเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ เจ้าตัวเลยต้องรีบเก็บของไว้รอเวลาที่จะไปรับรูมเมทตัวเล็กไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งที่เวลานัดมันกว่าจะมาถึงก็ตอนสองทุ่มนู่น

     

     

     

     

    ชานยอลเคลื่อนรถออกจากบ้านแล้วขับมันไปเรื่อย ๆ จุดมุ่งหมายในตอนนี้คือการขับรถเล่นรอบเมืองจนกว่าจะถึงสองทุ่มเพื่อรอเวลาไปหาแบคฮยอน และเมื่อเข็มบนนาฬิกาข้อมือบอกเวลาหกโมงเย็น ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับมองไปยังถนนข้างหน้าที่มีรถติดยาวเหยียด ดูเหมือนว่าตอนนี้การขับรถเล่นชมเมืองของเจ้าตัวคงจะเป็นกิจกรรมที่ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ พอรถเริ่มเคลื่อนเพราะสัญญาณไฟเขียวข้างหน้า ชานยอลจึงตัดสินใจเลี้ยวขวาไปหาร้านกาแฟข้างหน้าเพื่อนั่งกินอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แทนการขับรถเล่นทันที

    RRRRRRRR…

    เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของชานยอลดังขึ้นหลังจากที่ได้เคลื่อนรถออกมาจากสี่แยกนั้นไม่กี่ร้อยเมตร ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะมองหน้าจอเพียงเล็กน้อยแล้วกดรับทันที

    ครับพี่ลู่หาน

    (ชานยอลอยู่บ้านไหม ว่างรึเปล่า)

    ไม่ได้อยู่ครับ ตอนนี้ขับรถมาเที่ยวแถวฮงแด พี่มีอะไรรึเปล่า

    (พี่ว่าจะให้ชานยอลช่วยสรุปผลรายงานที่พ่อพี่เอามาให้ทำน่ะ เขาบอกว่าถ้าทำไม่ได้จะให้พี่กลับไปอยู่บ้าน พี่ทำไม่เป็น คิดว่าชานยอลคงจะพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้างอ่ะก็เลยโทรหา) น้ำเสียงจากปลายสายดูหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย แต่คนที่รับฟังอยู่กลับรู้สึกขำซะอย่างนั้น

    หื้ม พ่อพี่นึกครึ้มอะไรเนี่ย ฮ่า ๆ เดี๋ยวผมไปหานะ พี่อยู่คอนโดใช่ไหม

    (ใช่ แต่ถ้าชานยอลไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ไว้พี่ลอง ๆ ทำเองก็ได้)

    ว่างดิ เดี๋ยวพอกลับหอแล้วเรียกมาช่วยไม่ได้นะ รีบไปตอนนี้เลยดีกว่า

    (ขอบคุณนะ น่ารักที่สุดเลย)

    ครับผมชานยอลยิ้มให้ปลายสายเล็กน้อยแล้ววางสายลง ก่อนจะกลับรถเพื่อเดินทางไปยังคอนโดของลู่หานทันที

    ชานยอลขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างสบายอารมณ์ พลางกับนึกไปด้วยว่าถ้าหากนั่งรอในร้านกาแฟจนเกือบสองทุ่มคงจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อเอามาก ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลงไปช่วยลู่หานสรุปงาน นอกจากจะเป็นการฆ่าเวลาอย่างไม่น่าเบื่อแล้ว มันก็เป็นเรื่องดีที่เขาจะได้ใช้เวลากับลู่หานอีกด้วย

    เวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาที รถของชานยอลก็ขับมาถึงจุดหมาย ร่างสูงเคลื่อนรถไปยังที่จอดรถ ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปยังห้องของลู่หานทันที

    มาไวจัง เข้ามาเร็วลู่หานพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากมาเปิดประตูห้องให้กับคนรักเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง ชานยอลยิ้มตอบให้กับลู่หาน ก่อนจะเดินนำหน้าเจ้าของห้องเข้าไปยังด้านใน

    โห ท่าทางจะหนักนะเนี่ย เอกสารกระจัดกระจายเต็มโต๊ะเชียวชานยอลพูดหลังจากที่ได้เห็นแผ่นกระดาษกว่าสิบแผ่นกระจายอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะนั่งลงกับพื้นแล้วหยิบแผ่นกระดาษเหล่านั้นมาพลิกดูคร่าว ๆ

    ก็คนมันทำไม่เป็นนี่นา พ่อพี่นี่ก็อะไรก็ไม่รู้

    ฮ่า ๆ อย่าไปว่าท่านเลยครับ ท่านคงจะอยากให้พี่ทำงานเป็น นี่เข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่นแต่ก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรไม่ใช่นี่

    ก็พี่ทำไม่เป็นนี่ ตอนที่อยู่ในบริษัทพ่อก็ไม่เห็นจะเอาอะไรมาให้ทำเลย แล้วอยู่ดี ๆ ก็ยัดให้ทำแล้วขู่จะไม่ให้อยู่คอนโด งงกับเขาจริง ๆลู่หานนั่งลงข้าง ๆ ชานยอล ก่อนจะตอบออกมาด้วยสีหน้าที่ดูกังวลเล็กน้อย

    เอาเถอะน่า ก็ดีแล้วไงที่พี่จะได้ช่วยพ่อทำงานได้ มาลองพยายามดูนะครับชานยอลหันมาตอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมือของอีกคนแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    ลู่หานยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้คนรัก แล้วหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ช่วยกันทำสรุปรายงานกันอย่างแข็งขัน ถึงแม้ว่ามันจะดูยากสำหรับทั้งคู่ไปสักหน่อย แต่ชานยอลก็ยังช่วยทำไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็เคยเรียนรู้มาจากพ่อตัวเองมาแล้วบ้าง ทำให้การมาในวันนี้ของชานยอลดูจะเป็นประโยชน์กับลู่หานมากเลยทีเดียว

    พรุ่งนี้เราจะกลับหอกี่โมงเนี่ยลู่หานเอ่ยถามคนรักขึ้นในขณะที่อีกคนยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารแผ่นหนาอย่างตั้งอกตั้งใจมาพักใหญ่

    ว่าจะกลับวันนี้แหละครับ พอดีพรุ่งนี้เมทมีงานด่วนตั้งแต่เช้า ก็เลยต้องไปรัเฮ้ย!” ชานยอลอุทานออกมาเสียงดัง หลังจากที่ทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมา ก่อนที่ลู่หานจะตกใจตามไปด้วยแล้วถามขึ้น

    เป็นอะไรเนี่ย

    ลืมเวลาที่ต้องไปรับเมทกลับหอด้วยกันน่ะ เรานัดกันไว้ตอนสองทุ่ม

    อ้าวแล้วทำไมไม่บอกพี่ ก็นึกว่าเราว่างยาว ตอนนี้รีบไปเถอะมันสองทุ่มสิบนาทีแล้วลู่หานพูดพร้อมกับหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวทำของพี่ให้เสร็จก่อนแล้วกันเหลืออีกนิดเดียวเอง ไว้ผมโทรบอกเมทละกัน

    จะดีหรอ เมทเราจะไม่ว่า?

    ไม่ว่าหรอกครับ เราไม่ได้รีบอยู่แล้ว แล้วพี่อ่ะก็หยุดทำเหมือนเกรงใจผมได้แล้ว เราเป็นแฟนกันนะ มีอะไรก็ให้ผมช่วยเถอะลู่หานยิ้มตอบ ถึงสีหน้าจะยังดูกังวลอยู่เล็กน้อยก็ยังพยักหน้าให้กับชานยอลอยู่ ก่อนที่ชานยอลจะยิ้มตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วโทรไปบอกรูมเมทว่าจะไปถึงช้าทันที

    เวลาผ่านไปพักใหญ่ ชานยอลนั่งเพ่งกับตัวหนังสือยืดยาวที่ดูเหมือนจะละเอียดกว่าหน้าที่ผ่าน ๆ มา มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาบีบขมับเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามันคงจะเสร็จช้ายิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่มืออีกข้างจะยื่นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพิมพ์ข้อความ ก่อนจะถูกกดส่งไปหาแบคฮยอนทันที

    22:14 CYEOL : รอก่อนนะ เดี๋ยวอีกสักพักจะออกไปแล้ว

    22:17 BYUNBAEK : นายทำอะไรอยู่

    22:18 CYEOL : มาทำงานช่วยพี่ลู่หาน จะเสร็จแล้วแหละ

    22:18 BYUNBAEK : อ๋อ

    ชานยอลวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะหันมาสนใจกับกระดาษแผ่นเดิมอย่างเคร่งเครียด และความเคร่งเครียดนั้นก็มาพร้อมกับท่าทางลุกลี้ลุกลนและใบหน้าที่กังวลอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงมองแผ่นงานกับนาฬิกาที่ตั้งอยู่สลับกันแทบจะทุกนาที ทำให้ลู่หานที่มองอยู่สักพักต้องเอ่ยปากขึ้นด้วยความไม่สบายใจ

    ชานยอล ไปรับเมทก่อนไหม

    เดี๋ยวก็เสร็จแล้วพี่

    นี่ ไม่ต้องมาเกรงใจหรือกลัวว่าพี่จะว่าอะไรหรอก เรานัดเขาไว้แล้วก็ไม่ควรจะผิดนัด แถมยังนัดไว้ก่อนที่จะมาหาพี่อีก ตอนนี้ชานยอลก็กังวลอยู่ไม่ใช่หรอ เป็นแบบนี้พี่ก็ไม่สบายใจไปด้วยนะ รีบไปเถอะ ที่เหลือพี่ทำเองก็ได้ เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวจะอวดให้ดูเลย

    สีหน้าของชานยอลดูลำบากใจขึ้นทันทีที่ได้ยินลู่หานพูดจบ และเมื่อลู่หานเห็นแบบนั้น เลยต้องย้ำคำพูดเดิมขึ้นอีกแล้วคะยั้นคะยอให้ชานยอลไปตามนัดเสีย และชานยอลก็ไม่ปฏิเสธอะไรอีก ร่างสูงบอกลาคนรักก่อนที่จะรีบลงไปเพื่อที่จะขึ้นรถให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเจ้าตัวอีกครั้ง เมื่อลงมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน ชานยอลก็พบว่ามีรถคนหนึ่งจอดขวางทางรถของตัวเองอยู่ และถ้ารถคันนั้นไม่ยอมเคลื่อนออกไปไหน เขาก็จะถอยรถออกมาไม่ได้

    ชานยอลเกิดอาการหัวเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่พบว่ามีคนนอนฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถคันนั้น แต่พอเคาะกระจกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นสักที จะมีบ้างก็แต่สะลึมสะลือขึ้นมาไม่กี่วิธีก็ลงไปหลับต่อ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นคนเมานั่นแหละ

    เมื่อหาวิธีทำให้ตื่นไม่ได้ชานยอลจึงต้องพาขายาว ๆ ของตัวเองขึ้นไปไหว้วานกับรปภ.ที่อยู่อีกชั้นให้มาช่วย ทั้งสองคนช่วยกันปลุกเจ้าของรถคนนั้นอยู่พักใหญ่ ทั้งเคาะ ทั้งทุบ กว่าจะรู้สึกตัวและสื่อสารกันรู้เรื่องก็ทำเอาชานยอลเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง

    ชานยอลเหยียบคันเร่งออกจากคอนโดของลู่หานอย่างอารมณ์เสีย เพราะระยะทางที่ห่างกันมากกว่าจะไปถึงบาร์ที่เป็นสถานที่นัดก็คงจะราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ร่างสูงเหยียบเบรคอย่างประชั้นชิดเมื่อมองเห็นสัญญาณไฟจราจรสีแดงข้างหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมทำอะไรไป

    เขาลืมโทรบอกแบคฮยอน

    ชานยอลยกมือขึ้นมาขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนที่มือขวาจะถูกเอื้อมลงไปล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา และความหงุดหงิดของชานยอลก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ สัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็หายไปดื้อ ๆ ร่างสูงเม้มปากไว้แน่น ก่อนจะโยนเจ้าเครื่องมือสื่อสารนี้ลงไปที่เบาะข้าง ๆ อย่างอารมณ์เสีย แล้วพอไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคันเร่งก็ถูกเหยียบออกไปด้วยความแรงอีกครั้งทันที

     

     

     

     

    อ้าวแบคฮยอน ยังไม่กลับอีกหรอ

    เดี๋ยวก็กลับแล้วพี่

    รออะไรของมึงวะ ไหนบอกว่าจะกลับสองทุ่มไม่ใช่ไงแบคฮยอนยิ้มแหย ๆ ให้กับรุ่นพี่คนสนิทที่เข้ามาไถ่ถามเพียงเล็กน้อยแล้วก็เดินหันหลังกลับไป ก่อนที่ดวงตาคมจะหันมาจับจ้องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ

    จะเที่ยงคืนแล้ว

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมา ก่อนจะตัดสินใจโทรหาชานยอลหลังจากที่ชั่งใจอยู่นาน แต่เมื่อกดโทรออกไปแล้วกลับกลายเป็นว่าโทรไม่ติด มือเล็กลดโทรศัพท์มือถือลงจากหูแล้วกำมันไว้ แล้วหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ร่ำลาพี่ ๆ ในร้านแล้วก็เดินออกจากร้านทันที

    ความจริงแบคฮยอนไม่ได้จะกลับพร้อมชานยอลหรือรอให้ชานยอลมารับตั้งแต่แรก หากแต่เป็นชานยอลเองที่ยังติดต่อเขาตลอดเวลา และเมื่อรู้ว่าเขาต้องกลับหอเพราะมีงานเร่งด่วน ชานยอลก็เป็นคนขอร้องว่าจะจะมารับให้กลับพร้อมกัน ทีแรกแบคฮยอนไม่ได้ตอบตกลง แต่เพราะลูกตื๊อของรูมเมทตัวสูงที่ยังคงพยายามไม่เลิก จึงทำให้เขาต้องยอมจำนนจนได้

    แบคฮยอนบอกกับชานยอลว่าให้มารับที่ที่ทำงาน เพราะเจ้าตัวมีของที่ต้องมาเอากลับไปมหาวิทยาลัยด้วย ชานยอลก็ตอบตกลงพร้อมกับนัดเวลามาเสร็จสรรพเรียบร้อย ทุกท่าทีของชานยอลทำให้แบคฮยอนอดคิดไม่ได้ว่ารูมเมทคนนี้คงจะคิดถึงเขาไม่ใช่น้อย แต่พอมาถึงตอนนี้ แบคฮยอนก็ต้องเกิดอาการเฟลขึ้นอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองคงจะคิดเข้าข้างตัวเองไปอีก

    แบคฮยอนกระชับสายกระเป๋าสะพายเดินไปตามฟุตบาทเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมายหลังจากที่เดินออกจากร้านมาได้สักพัก ตอนนี้ร่างเล็กกะจะนั่งรถเมล์ไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับเอง เพราะคิดว่ารูมเมทของตัวเองคงจะติดภารกิจสำคัญที่ทำให้ไม่สะดวกมารับเขาเร็ว ๆ

    แบคฮยอนเดินหยุดนั่งลงที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างจากบาร์ประมาณสองสามป้าย เหตุที่เดินมาไกลขนาดนี้เป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้รีบร้อนอะไร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายามหน้าหอคงจะต้องได้จดชื่อเขาไว้เป็นครั้งที่สองฐานเข้าหอสายเป็นแน่ อีกทั้งเจ้าตัวยังอยากจะเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อซึมซับกับบรรยากาศเปล่าเปลี่ยวของถนนซึ่งไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมาแล้ว เพราะคิดว่าบางทีความเงียบคงจะทำให้เขารู้สึกสงบขึ้น

    ก็ดีนะ หว้าเหว่ดี

    ร่างเล็กนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยภายในป้ายรถเมล์หลังเล็ก และพอนั่งได้ไม่กี่นาที แบคฮยอนก็เกิดอาการตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายร่างใหญ่สองคนกำลังเดินตรงมาทางเขา

    มาคนเดียวรึไงหนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นหลังจากที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้าแบคฮยอนเรียบร้อยแล้ว

    “…” แบคฮยอนไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองหน้าชายสองคนนั้นสลับกันอย่างหวาดวิตก หนึ่งในสองคนนั้นแสยะหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะทิ้งมวนบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากแล้วขยับตัวเข้ามาชิดกับแบคฮยอน

    ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอ่ะ มีเท่าไหร่ส่งมาให้หมดแบคฮยอนกอดประเป๋าของตัวเองไว้แน่นเพราะทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะถูกผู้ชายคนเดิมกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วตะคอกใส่หน้าอย่างแรง พูดไม่ได้ยินรึไง!”

    “…ปล่อยนะ!” คนตัวเล็กตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ พร้อมกับพยายามผลักคนข้างหน้าออกไป แต่ดูเหมือนความพยายามของเขาจะสูญเปล่า ด้วยแรงที่มีอันน้อยนิดนั้นไม่สามารถทำให้ผู้ชายตรงหน้าขยับได้แม้แต่น้อย ซ้ำยังเป็นการยั่วโมโหคนทั้งสองพ่วงไปอีก

    อยากเจ็บตัวนักรึไง!” ผู้ชายอีกคนเดินมาทางด้านหลังแล้วยกมือขึ้นมากระชากหัวแบคฮยอนพร้อมกับตะโกนใส่หน้าอย่างไม่ปราณี ในขณะที่แบคฮยอนที่หวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เลือกที่จะป้องกันตัวเองด้วยการกระทืบเท้าผู้ชายข้างหน้าจนต้องปล่อยมือที่จับคอเสื้ออยู่ไป และในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเซไปเล็กน้อยเพราะความเจ็บที่แล่นไปทั่วเท้า มือเล็กของแบคฮยอนจับแขนของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังขึ้นมาอยู่ในระดับปากแล้วกัดลงที่แขนนั้นทันที

    มึงเก่งนักใช่ไหม!” ชายคนที่ถูกแบคฮยอนกระทืบเท้าเดินเข้ามาประจันหน้ากับเขาอีกครั้งด้วยความโมโห ก่อนที่จะใช้มือข้างขวาตบไปที่ใบหน้าของแบคฮยอนเต็มแรงจนร่างเล็กต้องร่วงไปกับพื้น และในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ร่วงออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วไถลไปอยู่ในพงหญ้าใกล้ ๆ

    แบคฮยอนพยายามจะยกขึ้นอีกครั้งแต่กลับถูกผู้ชายคนเดิมกดให้อยู่กับพื้น ร่างเล็กขัดขืนอีกครั้ง ทำเอาชายทั้งสองทวีความโมโหมากขึ้น ผู้ชายคนเดิมเหวี่ยงแบคฮยอนไปทางด้านซ้ายเต็มแรง ทำให้ขมับด้านขวาของร่างเล็กไปกระแทกกับเสาร์ที่มีไว้สำหรับแขวนต้นไม้ประดับอย่างแรง

    แบคฮยอนรู้สึกเจ็บที่ขมับขึ้นมากเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่าเลือดได้ไหลมาอาบตามใบหน้าตัวเองเต็มไปหมด ร่างเล็กเริ่มจะประคองสติไม่อยู่ ภาพข้างหน้าตอนนี้เห็นแค่ว่าผู้ชายสองคนนั้นได้ดึงกระเป๋าเป้ออกจากเขาไป มือเล็กถูกยกขึ้นมาตบคนข้างหน้าประปรายไปทั่ว แล้วหนึ่งในสองคนนั้นก็ซัดหมัดเข้ามาที่ท้องของเขาอย่างแรง แบคฮยอนล้มแน่นิ่งราบไปกับพื้น แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท

    ด้านชายสองคนเมื่อค้นทุกอย่างจนหมดแล้วก็ได้เงินติดมือมาแค่ห้าพันกว่าวอน ทั้งคู่อารมณ์เสียเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจกับร่างเล็กที่นอนแน่นนิ่งอยู่ใกล้ ๆ

    เอาไงดีพี่

    มันตายรึยังวะหนึ่งในชายมิจฉาชีพมองสำรวจไปทั่วร่างของแบคฮยอน ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นแล้วหันไปพูดกับอีกคน เอามันไปทิ้งไว้หลังพงหญ้าแล้วไปกันเถอะ เดี๋ยวมีคนผ่านมาเห็นว่าแล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันยกร่างของแบคฮยอนไปซ่อนไว้ในพงหญ้าใกล้ ๆ ทันที ก่อนที่จะจัดการเอากระเป๋าเป้และสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่ตรงนั้นโยนทิ้งตามไปอีกที ทั้งคู่ทำด้วยความรีบร้อนแล้วพากันหลบหนีไป โดยที่ไม่ได้สนใจว่ายังมีสิ่งของที่เก็บไม่หมดอยู่

     

     

     

     

    ยังไม่ถึงเวลาครึ่งชั่วโมงที่ตั้งไว้ รถของชานยอลก็แล่นมาถึงสถานที่นัดหมายทันที ใบหน้าของชานยอลที่ยังคงเปื้อนไปด้วยความหงุดหงิดพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะเดินลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านไป

    แต่เมื่อเข้าไปแล้วไม่เจอกับคนตัวเล็กแล้วได้ไปถามกับพนักงานในร้านแล้วชานยอลก็ต้องผิดหวัง หนึ่งในพนักงานที่เขาเข้าไปถามทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมาน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก

    แบคฮยอนมันเดินออกจากร้านไปได้พักใหญ่แล้วล่ะ เห็นก่อนหน้านี้นั่งรออะไรไม่รู้ตั้งนาน มันรอนายหรอ?

    ชานยอลยืนคุยกับพนักงานคนนั้นไม่กี่ประโยคแล้วก็เดินกลับเข้ามานั่งในรถ ก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหารูมเมทตัวเองทันที แต่แล้วเขาก็ต้องเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นอีกรอบเมื่อโทรไปหลายสายแต่แบคฮยอนกลับไม่รับโทรศัพท์ ร่างสูงจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับเพื่อนเดินทางไปยังหอพักทันที เพราะคิดว่าป่านนี้แบคฮยอนคงจะกลับเองจนไปถึงห้องแล้ว

    แต่เมื่อเดินทางกลับเข้ามาในห้องแล้วชานยอลก็ต้องกังวลขึ้น ในห้องตอนนี้ไม่มีร่องรอยของแบคฮยอนที่บอกว่ากลับมาแล้วแม้แต่นิดเดียว ชานยอลพยายามโทรหาแบคฮยอนอีกครั้งแต่ก็เป็นเหมือนเดิม แบคฮยอนไม่รับโทรศัพท์เขา

    ร่างสูงเริ่มกังวลขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องออกไปเคาะห้องของเซฮุน แล้วก็พบว่าแบคฮยอนไม่ได้อยู่ที่ห้องนั้น และเซฮุนเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนของตัวเองหายไปไหน

    ชานยอลเดินกลับเข้ามาในห้องและคว้ากุญแจรถแล้วรีบเดินออกไปทันที จุดมุ่งหมายของเขาตอนนี้คือย้อนกลับไปเส้นทางเดิมเผื่อจะพบว่าแบคฮยอนอาจจะอยู่แถว ๆ นั้น และในขณะเดียวกันชานยอลก็ยังโทรไปที่เบอร์ของแบคฮยอนไปตลอดทั้งทาง

    ชานยอลแล่นรถกลับไปยังถนนเส้นเดิมในทางที่เขาออกจากร้านมา และเมื่อกลับไปถึงร้านเดิม เจ้าตัวเข้าไปถามไถ่กับพนักงานแทบจะทุกคนอีกครั้งแต่ก็ได้คำตอบมาเหมือน ๆ กันคือ ไม่รู้

    ร่างสูงเริ่มหัวเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแบคฮยอน ก่อนจะตัดสินใจแล่นรถลับมาเส้นทางเดิมแต่รถความเร็วลดไว้แค่สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อแล่นรถไปได้ไม่ไกล ร่างสูงก็ต้องหยุดรถให้กับสุนัขตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งตัดหน้ารถไปยังถนนอีกฝั่งหนึ่ง ชานยอลมองตามสุนัขตัวนั้นอย่างเหม่อลอย มันเดินข้ามไปอีกทางแล้วไปหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ใกล้ ๆ

    ชานยอลหลุดจากอาการเหม่อลอยแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน เพื่อพบว่าสุนัขตัวนั้นกำลังคาบแล้วก็แทะอะไรบางอย่างที่เขาเหมือนจะคุ้นตาอยู่มาก ร่างสูงเพ่งไปยังของสิ่งนั้น ก่อนจะเห็นมันชัดขึ้นแล้วรู้ทันทีว่ามันคืออะไร

    กระเป๋าตังค์ของแบคฮยอน

    ชานยอลรีบลงจากรถแล้วข้ามไปยังป้ายรถเมล์ฝั่งนั้นทันที ภายในมือก็ยังคงถือโทรศัพท์ที่ต่อสายไปที่เบอร์ของแบคฮยอนอยู่ ทำให้ได้ยินเสียงเรียกเข้าของแบคฮยอนแว่ว ๆ ชานยอลเริ่มรู้สึกดีใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าแบคฮยอนคงจะอยู่แถว ๆ นี้ แต่เมื่อสายตาได้เหลือบไปเห็นคราบเลือดที่เปรอะอยู่เต็มพื้นใกล้ ๆ หัวใจของเขาก็ได้หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

    ชานยอลเดินไปตามรอยเลือดที่หยดอยู่เป็นทางด้วยลมหายใจที่ติดขัด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของแบคฮยอนดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหลังจากนั้นชานยอลก็เห็นมันตกอยู่ที่พงหญ้าตรงหน้า ร่างสูงเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาแล้วกวาดตามองไปทั่วบริเวณ ความมืดเพราะแสงจากป้ายรถเมล์เข้ามาไม่ค่อยถึงทำให้สายตาชานยอลพร่ามัว มือหนาชูโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาแล้วส่องไปยังรอบ ๆ บริเวณ แล้วภาพที่เห็นซึ่งอยู่ห่างจากทางขวามือไปไม่ไกลเท่าก็ทำเอาชานยอลถึงกับเข่าทรุด

    แบคฮยอน!!!!”

     

     

     

     

     

     

     
    อารมณ์แบบละครหลังข่าวเลยเนอะ -
    _- 555555555555 ที่จริงวางพลอตตอนนี้ไว้ยาวกว่านี้ แต่พอพิมพ์ออกมาแล้ว
    มันยาวเกินไปเลยขออนุญาตตัดบางส่วนไปอัพตอนหน้านะคะ คิดว่าคงจะได้อัพวันนี้พรุ่งนี้เลย
    มีเรื่องมาแจ้งค่ะ คือเพิ่งได้ไปย้อนอ่านของตัวเองแล้วเจอคำผิดเยอะมาก โคตรหงุดหงิดตัวเองเลย
    ตอนนี้เลยได้แก้แล้วอัพใหม่ทุกตอน ไรท์สะเพร่าเองแหละพิมพ์ๆเสร็จก็รีบอัพเลย -_-
    ต่อไปนี้ถ้าเจอคำไหนผิดอีกหรือประโยคมันไม่ประติดประต่อกันก็ทักเลยนะคะ ช่วยไรท์ด้วย T _ T

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×