ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ˋ( exo ) THE ROOMMATE ♡ - CHANBAEK -

    ลำดับตอนที่ #19 : THE ROOMMATE - 18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.67K
      7
      18 มี.ค. 57

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงเพลงจังหวะหนักดังสลับไปกับเสียงผู้คนที่เริ่มคาคั่งเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง

    แบคฮยอนมองไปยังผู้คนเหล่านั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับโยกหัวน้อย ๆ ไปตามจังหวะดนตรี ก่อนจะหุบยิ้มลงหลังจากสายตาได้ไปหยุดอยู่ที่คน ๆ หนึ่งที่นั่งไขว่ห้างมองเขาอยู่ที่มุมร้าน

    ทำไมหน้าด้านหน้าทนแบบนี้นะชานยอล

    เป็นเวลากว่าสามอาทิตย์แล้วที่ชานยอลได้มาเฝ้าแบคฮยอนในตอนทำงานแทบจะทุกวัน ในตอนแรกแบคฮยอนเองก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร หากแต่ชานยอลก็ดันไปตีสนิทหรือพูดง่าย ๆ ว่าไปเข้าทางกับพี่ ๆ ในร้านจนคนเหล่านั้นต่างก็เห็นดีเห็นงามกับเจ้าตัวไปซะหมด จึงเป็นความซวยของแบคฮยอนที่ต้องโดนแซวจนต้องเกิดอาการหมั่นไส้และไม่สบอารมณ์กับชานยอลอยู่เสมอ ๆ

    คิดถึงฉันอยู่หรอยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะคิดไปถึงไหน ชานยอลก็เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทะเล้น

    มาเฝ้าขนาดนี้คงมีเวลาให้คิดถึงหรอก

    งั้นก็คงนินทาฉันในใจอยู่สินะ

    เก่งหนิ

    แบคฮยอนอ่ารำคาญฉันมากขนาดนั้นเลยหรอเมื่อได้ยินอีกคนตอบมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย สีหน้าทะเล้นของชานยอลก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเหมือนเด็กที่กำลังงอแงอยู่ทันที ก่อนที่แบคฮยอนจะยิ้มแหย ๆ ให้เป็นคำตอบ

    เอาล่ะ ถ้าฉันมาขอร้องให้นายหายโกรธแล้วนายไม่…”

    ฉันไม่ได้โกรธนายแล้ว แต่ฉันยังไม่อยากกลับไป เข้าใจไหมแบคฮยอนพูดแทรกอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับใช้มือขวาตบเคาน์เตอร์ตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด

    นี่หายโกรธจริง? ทำไมเย็นชากับฉันแบบนี้ล่ะ

    ฉันก็เป็นแบบนี้ของฉันมาตั้งนานแล้ว

    ไม่ นายเป็นแบบนี้แค่ตอนที่มีเรื่องเคืองฉันอยู่ชานยอลขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับเถียงคนตัวเล็กกลับไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเช่นเคย

    จะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ กลับไปได้ละ มาเฝ้าอีกแปดเดือนถ้าฉันยังไม่อยากกลับฉันก็คงไม่กลับหรอก

    “…ได้คำตอบของชานยอลทำเอาแบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย ร่างเล็กมองหน้าคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ ในเมื่อนายไม่ยอมใจอ่อนฉันก็ขี้เกียจจะรอแล้วเหมือนกัน

    น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วหนิ เอาเวลามาเฝ้าฉันไปพักผ่อนหรือทำอย่างอื่นบ้างเถอะ ไม่เหนื่อยบ้างรึไง

    ห่วงฉันใช่ไหมล่ะ ชานยอลฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเท้าคางถามแบคฮยอนด้วยใบหน้าทะเล้นอีกครั้ง

    ห่วงครับ ห่วงมากเลย ห่วงจนใจจะขาดแล้ว

    “…จะคิดว่านายไม่ได้ประชดละกันนะชานยอลพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะโดนเจ้าของศีรษะปัดออกทันที

    หน้าหนา

    เลิกพูดจาไม่น่ารักกับฉันสักที นี่เห็นว่าฉันยอมนายทุกอย่างใช่ป้ะเลยไม่ยอมอ่อนให้สักทีชานยอลทำหน้าบึ้งตึง ก่อนที่แบคฮยอนจะเอียงคอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นถามกลับไป

    แล้วใครขอร้องล่ะชานยอล

    โอเค ๆ ยอมละ งั้นฉันไปจริงแล้วนะ จะไม่มากวนนายอีกแล้วโอเคไหม

    วันนี้มาแปลกแฮะแบคฮยอนพูดพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือเช็ดไปตามเคาน์เตอร์อย่างไม่ได้สนใจชานยอลมากเท่าไหร่

    ทำไม เปลี่ยนใจอยากให้ฉันอยู่รึไง

    นี่ เลิกคิดเองเออเองสักทีแบคฮยอนถอนหายใจพรืดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้งเพราะท่าทางกวน ๆ ของอีกคน

    ดุตลอดเลย ไปจริง ๆ แล้วก็ได้ชานยอลพูดพร้อมกับทำหน้าหงอย ก่อนที่จะหันหลังให้คนตัวเล็กแล้วก้าวเท้าเตรียมจะเดินออกไปทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินไปได้หลายก้าว ชานยอลก็หันกลับมายิ้มกริ่มให้แบคฮยอนอีกครั้ง ไว้เจอกันเร็ว ๆ นี้นะ ไม่ปล่อยให้คิดถึงนานหรอกพูดแล้วร่างสูงก็ออกตัวเดินไปอีกครั้งทันที ทิ้งให้แบคฮยอนมองตามหลังไปด้วยความแปลกใจที่มากกว่าเดิม

    เป็นอะไรของมันวะ

    เฮ้ย!” ร่างเล็กอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่ารุ่นพี่คนสนิทในร้านมายืนประชิดหลังอยู่โดยที่ไม่ได้พูดทักทายใด ๆ

    ตกใจอะไรของมึง ทำหน้าอย่างกะเห็นผี

    ก็ตกใจพี่อ่ะดิ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยแบคฮยอนพูดพร้อมกับตีไปที่แขนของอีกคนอย่างเบาแรง ก่อนที่จะหันไปจัดแจงความเรียบร้อยของข้าวของที่อยู่บนเคาน์เตอร์ต่อ

    ตั้งแต่ชานยอลกำลังจะเดินออกไปละ ว่าแต่ทำไมวันนี้มันกลับเร็วจังวะ เห็นทุกทีห้าทุ่มค่อยกลับ นี่เพิ่งจะสามทุ่มเอง

    เห็นบอกว่าเหนื่อย ๆ เบื่อ ๆ อะไรนี่แหละ สงสัยคงถอดใจละ

    เอ้าจริง! มึงเสียใจป่ะเนี่ย

    พี่นี่! เสียใจอะไร ก็เห็น ๆ อยู่ว่าผมรำคาญแค่ไหนแบคฮยอนหันไปตะคอกใส่อีกคนเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่ให้

    ก็ไม่รู้สินะ อย่าเล่นตัวมากดิ ถ้ามันเกิดหายไปจริง ๆ เดี๋ยวจะได้รู้สึก ถึงตอนนั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์งอแงแล้วน้ารุ่นพี่คนเดิมพูดพร้อมกับตบไหล่แบคฮยอนเบา ๆ ก่อนเดินจากไปโดยที่แบคฮยอนยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

    ร่างเล็กมองตามหลังรุ่นพี่คนสนิทที่กำลังเดินลิ่ว ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับมาอยู่ในโลกของตัวเองต่อไป

    แบคฮยอนไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือหวั่น ๆ กับคำพูดนั้น เพราะอาการรำคาญหรือเบื่อหน่ายที่ตนแสดงออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง ๆ ทั้งหมด แต่ที่มันน่าแปลกในตอนนี้คือโดยพื้นฐานนิสัยของชานยอลที่เขารู้จักไม่ได้เป็นคนที่ยอมแพ้หรือล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ แบบนี้ ยิ่งได้เห็นท่าทางยียวนกวนประสาทของอีกฝ่ายแล้ว ก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนอดที่จะคิดไม่ได้เลยว่าชานยอลอาจจะงัดไม้อื่นมาเล่นอีกก็เป็นได้

     

     

     

     

    แบคฮยอนเดินทางกลับมาที่คอนโดในเวลาตีสามกว่าหลังเลิกงาน ร่างบางทิ้งตัวลงกับโซฟาทันทีที่ถึงห้องด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจเช็คอะไรต่าง ๆ นานา แบบที่ทำเป็นประจำทุกคืน

    แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจอีกครั้ง เพราะหลังจากที่ได้นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักใหญ่แต่ก็ไร้ข้อความหรือสายโทรเข้าจากรูมเมทตัวสูง ทั้ง ๆ ที่ในเวลานี้อีกฝ่ายนั้นจะโทรมาเช็คเป็นประจำว่าเลิกงานหรือถึงคอนโดหรือยัง

    หายไปแบบนี้ก็ดี แต่อย่ามาเล่นตุกติกทีหลังแล้วกัน

    คิดแล้วร่างเล็กก็วางโทรศัพท์แล้วเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนอย่างสบายอารมณ์

     

     

     

     

    RRRRRRRRR…

    ชานยอลนอนบิดตัวไปมาในผ้าห่มอย่างขัดใจเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือข้างตัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่มือหนาจะคว้ามันขึ้นมากดรับสายโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอก่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

    ฮัลโหล

    (แกนอนแล้วหรอ)

    “…พ่อหรอ นี่มันจะตีสี่แล้วนะ ถ้าผมไม่นอนผมจะทำอะไรล่ะชานยอลบ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ก่อนจะขยี้ตาเพื่อปลุกตัวเอง หลังจากที่รู้ว่าเสียงจากปลายสายนั้นคือเสียงของพ่อตัวเอง

    (ก็เห็นแม่บอกว่าแกโทรมาหาพ่อที่บ้าน พ่อเพิ่งบินกลับจากสิงคโปร์มาก่อนหน้านี้เลยตั้งแอร์เพลนไว้ พอมาถึงบ้านก็รีบโทรกลับมาหาแกนี่แหละ กลัวว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร ร้อนวันพันปีไม่เคยเห็นโทรมา)

    ก็นึกว่าอะไรโทรหาไม่ติด

    (แล้วตกลงมีอะไรรึเปล่า)

    ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มตาหลังจากที่ได้ฟังประโยคล่าสุดจากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะยิ้มกริ่มออกมาแล้วกรอกเสียงกลับไปอย่างอารมณ์ดี

    “…ผมมีเรื่องอยากจะให้พ่อช่วยหน่อยน่ะ

     

     

     

     

    “…เป็นไปได้ยังไงเนี่ยแบคฮยอนก้มมองแผ่นกระดาษในมือด้วยสีหน้าแปลกใจปนมึนงง ก่อนที่รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จะยกมือขึ้นมาตบไหล่ของเจ้าตัวเบา ๆ

    ไม่ดีรึไง งานก็ไม่ต้องทำ แถมยังได้เงินไปเรียน ต่อไปนี้มึงก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว

    มันมันก็ดีอ่ะพี่ แต่ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงมาให้โอกาสผมแบบนี้

    เออใช่ ตอนกูยังเรียนอยู่ไม่เห็นจะได้อะไรเลยรุ่นพี่ที่อยู่ในวงล้อมอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

    โถ่ไอ้สัด ก็นั่นมันแต่ก่อนปะวะ เดี๋ยวนี้มีผู้บริหารคนใหม่แล้ว ก็รู้ว่าท่านใจดีจะตาย เขาอาจจะเห็นไอ้แบคมันอดทนขยันทำงานทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่เขาก็เลยเมตตามันก็ได้

    แบคฮยอนหันไปมองรุ่นพี่คนนั้น ก่อนจะก้มลงมามองแผ่นกระดาษในมือตัวเองอีกครั้ง ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ

    เฮ๊ย ไม่ผิดหรอกน่า ชื่อมึงชัดเจนขนาดนี้ ผู้ใหญ่เขาหยิบยื่นโอกาสให้ก็รับ ๆ ไปเหอะ

    ใช่ๆๆๆๆรุ่นพี่ทุกคนที่รายล้อมแบคฮยอนต่างเห็นพ้องตามกัน ก่อนจะพากันตั้งข้อสงสัยและพูดคุยในเรื่องของผู้บริหารที่ใจดีกับแบคฮยอนมากถึงขนาดนี้

    นี่!! ไม่ทำงานกันรึไง ไปยืนสุมหัวอะไรกันตรงนั้น แยกย้าย!” เสียงผู้จัดการร้านที่ดังมาจากชั้นลอยด้านบนทำเอาทุกคนที่สุมหัวกันอยู่ต่างกระจายไปคนละทิศละทางเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองผู้จัดการของร้าน ก่อนที่ผู้ถูกมองจะหันมายิ้มให้แบคฮยอนแล้วหันหลังกลับไป ร่างเล็กพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมด้านในของร้านแล้วพลิกกระดาษในมือเล่นอย่างเบื่อหน่าย

    จดหมายในมือของแบคฮยอนมีเนื้อหาโดยย่อว่าห้ามไม่ให้เขามาทำงานแล้ว ส่วนเรื่องเงินหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทางร้านจะมอบให้เจ้าตัวเหมือนเดิม ขอแค่เขากลับไปเต็มที่กับการเรียนเพียงเท่านั้น

    แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแบคฮยอนก็ไม่ได้เกิดอาการดีใจหรืออะไรเลย จริงอยู่ที่เจ้าตัวมาทำงานเพื่อหารายได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด การใช้ชีวิตโดยที่มีงานทำอยู่ตลอดมันกลายเป็นเรื่องที่เขาชินไปซะแล้ว เลยทำให้ร่างเล็กต้องคิดหนักถึงการใช้ชีวิตต่อไปจากนี้ เพราะแน่นอนถ้าหากไม่ได้ทำงานการจะมาอยู่คอนโดแล้วไปกลับมหาวิทยาลัยคงจะไม่เข้าท่า

    ต้องกลับไปอยู่กับชานยอลใช่ไหม?... ไม่นะ -_-

    RRRRRRRRR…

    แบคฮยอนล้วงโทรศัพท์มือถือที่กำลงสั่นเครือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ก่อนที่เห็นว่าเบอร์ที่กำลังโทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย นิ้วเรียวเล็กสไลด์หน้าจอมือถือเบา ๆ

    ฮัลโหลครับ

    (บยอนแบคฮยอนใช่ไหมคะ) เสียงที่ได้ยินในสายเป็นเสียงผู้หญิงและน้ำสียงก็ดูเป็นมิตร แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบและถามกลับไป

    ใช่ครับ นั่นใครหรอ

    (พี่โทรมาจากสำนักงานหอพักภายในมหาวิทยาลัยค่ะ)

    อ๋อ มีอะไรหรอครับ

    (เรารู้ใช่ไหมเอ่ยว่าทางหอพักไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่หอตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะออกไปอยู่ข้างนอกได้โดยที่แทบจะไม่ได้กลับมาหอเลย แล้วสองอาทิตย์แล้วที่พี่สุ่มตรวจตามห้องแล้วเราไม่อยู่เลย รู้ใช่ไหมมันจะเป็นยังไงถ้าพี่ยื่นหนังสือรายงานไปที่คณะเรา) คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ก่อนจะหาทางแก้ตัวแล้วตอบกลับไป

    เอ่อพี่คงมาตรวจเฉพาะตอนที่ผมไม่อยู่ล่ะสิ เวลาอื่นผมก็อยู่หอนะ

    (ใช่หรอคะ รูมเมทเราไม่เห็นจะพูดอะไรเลย แถมยังบอกด้วยว่าช่วยตามให้เรากลับมาที)

    “…รูมเมทผมหรอครับ

    (ใช่ค่ะ)

    ไว้ผมจะกลับไปนะแบคฮยอนกดวางสายทันทีก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดปนกับกังวลเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปจากนี้ดี

    RRRRRRRRR…

    ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะคิดอะไรออก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอนั้นคือคยองซู แบคฮยอนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับอีกครั้ง

    ว่าไงคยองซู

    (อยู่ไหนน่ะแบคฮยอน) คยองซูเอ่ยทักทายแบคฮยอนขึ้นด้วยคำถามและน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน

    อยู่ร้าน นายเป็นอะไรน่ะ

    (กลับมาช่วยฉันทำโครงการวิชาภาคกลุ่มเราหน่อย มันผิดพลาดไปหมดแล้ว)

    ผิดพลาดอะไร เราทำเสร็จกันแล้วไม่ใช่หรอแบคฮยอนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะถามคยองซูกลับไป

    (มันเยอะมากที่เราทำอ่ะผิดหมดเลย ฉันทำคนเดียวไม่ไหว พรุ่งนี้เราต้องออกไปพรีเซ้นแล้วนะ)

    แล้วจงอินล่ะ

    (จงอินไม่สบาย ฉันไม่อยากปลุก ถึงมันตื่นขึ้นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฉันไปหานายที่ห้องมาแล้ว แล้วชานยอลก็บอกว่านายไม่อยู่น่ะ)

    เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเกิดอาการอยากจะกุมขมับหลังจากได้รับโทรศัพท์ มือเรียวถูกยกขึ้นไปถูหน้าผากตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วตอบคยองซูไป

    เดี๋ยวฉันจะกลับไปตอนนี้แหละ

    แบคฮยอนนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโดตัวเองในเวลาสองทุ่มเศษ ร่างเล็กคิดไม่ตกกับคำพูดของชานยอลที่ได้พูดเอาไว้เมื่อวานถึงเรื่องที่เจ้าตัวบอกว่าจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้และยอมถอดใจเลิกตื๊อไปซะง่าย ๆ

    แค่เอาเรื่องไม่อยู่หอไปฟ้องเจ้าหน้าที่หอแล้วมันจะทำให้ชานยอลมั่นใจว่าเราจะได้กลับไปขนาดนั้นเลยหรอวะ

    ร่างเล็กส่ายหัวเบา ๆ ให้ตัวเองเพื่อสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป และเพียงไม่นานรถเมล์ก็แล่นถึงหน้าคอนโด แบคฮยอนเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้าไม่กี่ตัวลงกระเป๋าเป้ ก่อนจะลงไปด้านล่างอีกครั้งเพื่อนั่งรถกลับไปที่มหาวิทยาลัยต่อไป

     

     

     

     

    แสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะสว่างขึ้นและดับลงสลับกันเป็นระยะ

    ปาร์คชานยอลนั่งเท้าคางตัวเองพร้อมกับกระดิกนิ้วของมืออีกข้างบนสวิตซ์โคมไฟไปอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยุดการกระทำทั้งหมดลงแล้วหันไปที่เตียงของรูมเมทผู้ที่ไม่ได้อยู่ติดห้องมาพักใหญ่

    จะกลับมาวันไหนนะ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!

    ในขณะที่ชานยอลกำลังนั่งเบื่ออยู่ในหอพักเพียงลำพัง เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะเน้น ๆ ก็ดังขึ้น ชานยอลหันไปมองทันที ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกแล้วตามมาด้วยร่างเล็ก ๆ ของรูมเมทคนคุ้นเคย

    ชานยอลเบิกตากว้างพร้อมกับยืนขึ้นทันทีด้วยความดีใจ ในขณะที่แบคฮยอนเมื่อหันมาเจอหน้ารูมเมทตัวเองก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมแล้วเดินตรงไปที่ตู้ตัวเองเพื่อเก็บกระเป๋า

    ไม่คิดว่านายจะกลับมาเร็วขนาดนี้ชานยอลเดินตรงเข้าไปหาแบคฮยอน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอารมณ์ดี

    กลับมาทำรายงานกับคยองซูแบคฮยอนตอบชานยอลด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมกับหยิบของในกระเป๋ามาจัดไว้ในตู้โดยที่ไม่ได้สนใจจะคุยกับรูมเมทตัวสูงสักนิด

    แค่นั้นหรอ

    แล้วนายคิดว่ามีอะไรอีกแบคฮยอนหันมาเลิกคิ้วถามชานยอล ก่อนจะปิดตู้แล้วเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง โดยที่ชานยอลก็ยังเดินตามหลังไปอีกเช่นเคย

    “…ก็เห็นนายขนเสื้อผ้ากลับมา

    ฉันไปห้องคยองซูก่อนนะ ดึก ๆ จะกลับแบคฮยอนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชานยอล ร่างเล็กเก็บแผ่นชีทและหนังสืออีกสองเล่มขึ้นมาแนบไว้กับตัว ก่อนที่จะหันมาพูดกับชานยอลแล้วเดินออกไปทันที

    ชานยอลมองตามหลังรูมเมทตัวเองไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ร่างสูงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาอมยิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย

    ชานยอลรู้อยู่ว่าอีกไม่ได้แบคฮยอนต้องกลับมา แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าแบคฮยอนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ จึงทำให้เจ้าตัวดีใจไม่น้อยถึงแม้แบคฮยอนจะยังคงเย็นชาอยู่เหมือนเดิมก็ตาม

     

     

     

     

    คยองซูนั่งนิ่งพร้อมกับเพ่งสายตาไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเคร่งเครียด นิ้วเรียวถูกละเลงลงไปในแป้นพิมพ์อย่างชำนาญหลังจากที่ได้ใช้ความคิดมาได้สักพัก ก่อนที่ข้อความตรงหน้าจะถูกลบออกไปทั้งหมดอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

    โอยยยยย เมื่อไหร่แบคฮยอนจะมาวะเนี่ยคยองซูบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับพับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คลงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองยังเพื่อนสนิทร่างสูงที่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่หลายชั่วโมงแล้ว

    ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังเตียงด้านหลัง หลังมืออุ่นถูกแตะลงบนหน้าผากของคนที่นอนอยู่บนเตียง

    ทำไมตัวไม่หายร้อนสักทีเนี่ย

    คยองซูนั่งมองอีกคนด้วยความเป็นห่วงพลางหันไปมองงานที่กองอยู่ด้านหลังด้วยความเหนื่อยใจ ลำพังแค่ทำงานเหล่านั้นให้เสร็จมันคงจะไม่ใช่งานยากสำหรับเจ้าตัวเท่าไร หากแต่สมาธิที่ใช้ทำนั้นแทบจะไม่มีเลยเท่านั้นเอง สาเหตุก็เพราะกังวลเรื่องอาการป่วยของเพื่อนคนนี้นั่นแหละ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!

    ฉันเองคยองซู

    หลังจากที่ได้นั่งมองคนป่วยเพราะไม่มีอารมณ์จะทำงานได้สักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงของแบคฮยอน คยองซูลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยความเอื่อยเฉื่อย ทำเอาแบคฮยอนที่เห็นท่าทางแล้วต้องเอ่ยปากถาม

    นี่มันหนักถึงขนาดทำให้นายเหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ

    ไม่หรอก ฉันแค่หงุดหงิดที่คิดไม่ออกสักทีคยองซูพูดพร้อมกับไปนั่งลงที่เก้าอี้แล้วเปิดคอมขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่แบคฮยอนจะเดินตามไปวางหนังสือไว้ที่โต๊ะแล้วตบไหล่คยองซูเบา ๆ

    อย่าเครียดดิ ไปพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันทำเอง

    อื้มคยองซูหันไปยิ้มให้แบคฮยอนพร้อมกับตอบรับ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปนั่งข้าง ๆ คนป่วยอีกครั้ง

    อ้าว จงอินมานอนนี่หรอ แล้วรูมเมทนายล่ะ

    ไปค้างที่ห้องเพื่อนอ่ะ ฉันเลยเอาจงอินมานอนด้วย ไข้ยังไม่ลดเลยอ่ะ

    เดี๋ยวก็หายแหละมั้ง พอหมดฤทธิ์แล้วนอนซมเป็นหมาป่วยเลยเนอะ ฮ่า ๆ

    แบคฮยอนพูดคุยกับคยองซูเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาตั้งใจทำงาน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสองงานก็เสร็จสมบูรณ์ โดยที่มีคยองซูมานั่งทำด้วยเป็นพัก ๆ สลับกับการนั่งเฝ้าอาการของจงอินอย่างไม่วางตา

    ดูนายเป็นห่วงจงอินมากเลยนะแบคฮยอนนั่งเท้าคางมองคยองซูอยู่ไม่เคยห่างจงอินอย่างจับผิด ก่อนที่คยองซูจะหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป

    ร้อยวันพันปีมันเคยป่วยแบบนี้ที่ไหนล่ะ ถ้าเกิดตายไปฉันคงเหงาแย่

    นี่ก็ไปแช่งเพื่อน ถึกขนาดนี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ฮ่า ๆ

    ก็ไม่แน่นะคยองซูหันมายักไหล่ให้แบคฮยอน

    โอเคครับ โอเคแบคฮยอนพยักหน้าน้อย ๆ ให้เพื่อน ก่อนที่จะหันมาจัดระเบียบกับแผ่นงานบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน

    แล้วนายจะกลับไปคอนโดวันไหน

    ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ได้ทำงานแล้วอ่ะ

    อ้าวเฮ๊ยทำไมล่ะคยองซูถามกลับด้วยสีหน้าตกใจหลังจากที่ได้ยินคำตอบของแบคฮยอน

    ก็อยู่ดี ๆ ทางผู้บริหารเขาก็ให้ฉันออกจากงานแล้วกลับมาตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะออกให้เอง

    “…มีงี้ด้วยหรอ

    นั่นดิแบคฮยอนหันมาทำหน้าสงสัยกับคยองซู ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงมานั่งใกล้ ๆ กับคยองซูเพื่อสำรวจอาการของจงอิน

    แต่ก็ดีแล้วไง ชีวิตนายดูวุ่นวายมากอ่ะหลังจากที่กลับไปทำงาน ฉันเห็นแล้วเหนื่อยแทน

    แต่ฉันชินแล้วอ่ะ ชอบทำงานพร้อมกับเรียนไปด้วยมากกว่า มาอยู่เรียนเฉย ๆ แล้วมันน่าเบื่อ

    ไม่ใช่ทำเพราะหลบหน้าชานยอลหรอกหรอ ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ทำงานยังไม่เห็นเป็นไรเลยแบคฮยอนหันมามองหน้าคยองซูทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มแล้วส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบกลับไป

    ก็ตอนอยู่ปีหนึ่งใหม่ ๆ กิจกรรมมันเยอะนี่ ฉันวางแผนไว้นานแล้วอ่ะว่าจะพักเรื่องงานก่อนแล้วค่อยกลับไปทำต่อ

    หรอคยองซูตอบแบคฮยอนกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กที่วางอยู่ระเบียงแล้วเดินเข้ามากดน้ำร้อนที่เสียบไว้ก่อนหน้านี้ลงไป

    แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรคยองซูกลับไป เพียงแต่นั่งมองการกระทำของคยองซูอย่างไม่ได้จดจ่ออะไร ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายมีเรื่องอะไรกัน แต่การหลบหน้ากันมันไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอก อึดอัดแทนแบคฮยอนแค่นยิ้มให้คยองซูโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกครั้ง ในขณะที่คยองซูก็งุ่นกับการถือถาดกะละมังกับผ้าขนหนูตรงมาที่จงอินเพื่อที่จะเช็ดตัวให้

    มือเล็กของคยองซูค่อย ๆ แกะกระดุมและถอดเสื้อของจงอินออกช้า ๆ ก่อนจะชุบผ้าขนหนูลงไปในน้ำอุ่นแล้วจัดการบิดอย่างทะมัดทะแมง จากนั้นก็ค่อย ๆ เช็ดไปตามใบหน้ามาจนถึงลำตัวของจนอินอย่างเบาแรง ทำเอาแบคฮยอนที่นั่งมองอยู่ต้องเอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทอย่างห้ามไม่ได้

    ถ้าฉันไม่ได้เป็นเพื่อนนายสองคนนะ ป่านนี้ฉันคงคิดว่าพวกนายเป็นแฟนกันไปละคยองซูยิ้มให้กับคำพูดของแบคฮยอนโดยที่ไม่ได้คิดจะเถียงอะไร

    แบคฮยอนขมวดคิ้วให้กับท่าทางของคยองซู ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ก่อนหน้านี้คยองซูยังแสดงอาการต่าง ๆ นานาที่สื่อว่าคยองซูคิดอะไรกับจงอินเกินเพื่อนมากขึ้นทุกที แต่เขาก็ไม่ได้สนใจจะถามอะไรจริงจังกับคยองซูสักครั้ง เพราะคิดว่าเพื่อนสนิทกันทำแบบนี้ก็คงไม่แปลก

    แล้วทำไมกูกับเซฮุนยังไม่ถึงขนาดนี้วะ

    นี่คิดอะไรกับจงอินป่ะเนี่ย ชักจะงุงิมุมิกันมากเกินไปแล้วนะ

    ยุ่งน่า

    อย่าปิดฉันเลย มาถึงขนาดนี้คิดว่าฉันดูไม่ออกรึไง

    “…ถ้าฉันคิดจะปิดนายน่ะ นายคิดว่านายจะรู้อะไรง่ายขนาดนี้หรอ?คยองซูหยุดการกระทำทุกอย่างลง ก่อนจะหันกลับมาตอบแบคฮยอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็จัดการวางผ้าขนหนูลงในถาดแล้วนำไปเก็บไว้ที่เดิมหลังจากที่เช็ดตัวให้กับจงอินที่ยังคงหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่แบคฮยอนยังไปต่อไม่เป็นกับคำพูดของคยองซูเพราะตกใจเล็กน้อย เนื่องจากคำพูดที่เขาถามออกไปนั้นไม่ได้จริงจังหรือไม่ได้ต้องการคำตอบกับคยองซูจริง ๆ ถึงแม้จะสงสัยเรื่องนี้อยู่ก็ตาม

    นายกลับไปนอนได้แล้ว มันดึกแล้วคยองซูเดินเข้ามาหาแบคฮยอนอีกครั้งหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่แบคฮยอนจะพยักหน้าพร้อมกับยืนขึ้นเตรียมจะกลับห้อง

    แบคฮยอนเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานเพื่อเก็บของของตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ และเมื่อเก็บเสร็จแล้วก็ตรงไปหมุนลูกบิดประตูทันที แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออกไป ร่างเล็กก็หันมาฉีกยิ้มให้กับคยองซู พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้อีกคนยิ้มกลับมาอย่างรู้ใจกัน

    “…สู้นะรู้ไหม

     

     

     

     

    แบคฮยอนสาวเท้าไปช้า ๆ เพื่อกลับห้องของตัวเองพร้อมอาการที่ยังคงช็อคอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่ว่าไม่ยินดีหรือเกิดอาการรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องที่ได้รู้วันนี้จากคยองซูหรอก แต่เพราะไม่คิดว่าคยองซูจะมาไว้ใจหรือสบายใจที่จะไม่ปิดบังเรื่องนี้กับตัวเอง ซึ่งแบคฮยอนมั่นใจว่าเขาอาจจะเป็นคนแรกและก็คงจะเป็นคนเดียวแน่นอน

    แล้วอะไรที่ทำให้คยองซูสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับเขาล่ะ

    โดยปกติแล้วคยองซูเป็นคนที่เก็บอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเก่งมาก ก็อย่างที่เจ้าตัวบอก ถ้าสมมติคยองซูตั้งใจจะปิดจริง ๆ ก็คงจะไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าหากได้บอกใครแล้ว คน ๆ นั้นก็คงจะเป็นคนที่คยองซูไว้ใจแล้วสบายใจที่จะพูดคุยในทุกเรื่องได้ ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้แบคฮยอนเกิดอาการตกใจเล็กน้อย เพราะถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ทั้งคู่ก็ยังรู้จักกันได้เพียงไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ

    หลังจากที่เดินขึ้นบันไดมาสองชั้น แบคฮยอนก็เดินถึงห้องของตัวเอง ลูกกุญแจถูกสอดเข้าไปในลูกบิดแล้วประตูก็ถูกเปิดออกโดยที่ไม่ได้เคาะก่อนแต่อย่างใด

    “…” ร่างเล็กผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นรูมเมทร่างสูงกำลังนั่งห่อตัวด้วยผ้าห่มอยู่บนเตียงตัวเอง ก่อนที่อีกคนจะเงยหน้าขึ้นมาจากการกดมือถือด้วยความสะลึมสะลืมแล้วทักทายขึ้น

    ทำไมกลับช้าจั…”

    นายมาทำอะไรบนเตียงฉันน่ะยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบ แบคฮยอนก็ตรงเข้าไปหาแล้วดึงชานยอลลุกขึ้นจากเตียงตัวเองทันที

    ก็ที่นอนมันไม่เรียบร้อยฉันก็เลยมาจัดให้

    ขอบใจ คราวหลังไม่ต้องละแบคฮยอนพูดพร้อมกับทำหน้าหน่ายเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะตัวเองเพื่อเก็บของทั้งหมด ทำให้ชานยอลต้องเกิดอาการเซ็งเล็กน้อยแล้วชวนเปลี่ยนเรื่องคุย

    จะกลับคอนโดอีกไหม

    กลับสิ ทำไมจะไม่กลับล่ะ

    กลับทำไม

    ก็กลับไปทำงานน่ะสิ รู้แล้วมาถามทำไมเนี่ยแบคฮยอนหันไปมองค้อนอีกคนพร้อมกับตอบกลับไป

    ยังต้องทำงานอีกหรอ

    หมายความว่าไง

    “…”

    นายรู้ด้วยหรอว่าฉันไม่ต้องทำงานแล้วแบคฮยอนเดินเข้าไปประชิดตัวชานยอล ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างเอาเรื่อง

    “…” ชานยอลยังคงเงียบแล้วก็เอาแต่กรอกตาไปมองด้านอื่นเหมือนไม่อยากตอบคำถามของแบคฮยอน จนทำให้แบคฮยอนเกิดอาการหงิดขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นกระชากแขนเสื้ออีกคนเต็มแรง

    ตอบสิ!”

    ก็เห็นนายขนเสื้อผ้ากลับมาเท่ากับตอนไปไงชานยอลตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ เล็กน้อย ก่อนที่แบคฮยอนจะยอมปล่อยมือออกแล้วหันขวับกลับไปนั่งลงที่เตียงตัวเองโดยที่ไม่ได้ถามอะไรอีกคนอีก

    แล้วหมายความว่าไงที่นายบอกว่าไม่ต้องทำงานแล้ว

    ผู้บริหารเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็ใจดีจะส่งฉันเรียนโดยที่ฉันไม่ต้องทำงานแบคฮยอนนั่งกอดเข่าตัวเองพร้อมกับตอบคำถามชานยอลด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    นายก็เลยคิดว่าฉันรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นดิชานยอลยิ้มกริ่มเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ก่อนจะกลับไปนั่งลงที่เตียงของตัวเองบ้าง

    ก็แล้วอะไรที่มันทำให้นายมั่นใจว่าฉันจะกลับมาขนาดนั้นล่ะ แล้ววันนี้ก็มาพูดแบบนี้ จะไม่ให้ฉันสงสัยได้ไงแบคฮยอนตอบชานยอลด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ แต่ชานยอลไม่ได้ถามอะไรกับมาอีก เอาแต่นั่งเท้าคางมองแบคฮยอนด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ทำให้แบคฮยอนต้องถามกลับไปด้วยสีหน้าค้อน ๆ อีกครั้ง

    ยิ้มอะไร

    นายยอมคุยกับฉันแล้วอ่ะ หายโกรธกันแล้วใช่ไหมเมื่อได้ยินคำตอบของชานยอลแบคฮยอนก็ถึงกับต้องหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เบื่อหน่ายยิ่งขึ้นไปอีก

    ชานยอล ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้โกรธนาย อย่าคิดว่าฉันโกรธแล้วพอหายฉันจะกลับไปรู้สึกอะไรกับนายเหมือนเดิมได้ป้ะ ตอนนี้อ่ะ ฉันกับนายมันแค่กลับไปเริ่มที่ศูนย์ใหม่เท่านั้นเอง เราไม่ได้สนิทหรืออะไรต่อมิอะไรกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โอเคสาเหตุที่เราต้องห่างกันมันอาจจะเป็นเพราะนาย แต่รู้ไว้เลยนะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้ฉันไม่ได้พยายามหรือฝืนเพื่ออยากจะห่างนายเลย ฉันพอใจที่จะอยู่แบบนี้แล้ว

    “…”

    ฉันกลับมาเป็นของฉันแบบนี้เหมือนเดิม แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายด้วยพอพูดจบแบคฮยอนก็ล้มตัวลงนอน ในขณะที่ชานยอลเองก็ได้แต่นั่งเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ชานยอลก็ชวนแบคฮยอนคุยเรื่องใหม่ขึ้น

    แล้วจะนอนนั่นไม่อาบน้ำหรอ

    อาบมาจากคอนโดแล้ว

    ซกมกจังแบคฮยอนนอนกดโทรศัพท์มือถือโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของชานยอลแม้แต่นิดเดียว ทำให้ชานยอลหาเรื่องใหม่มาพูดอีก แล้วนายจะกลับไปทำงานไหม ยังจะหางานใหม่ทำรึเปล่า

    ก็ไม่แน่ชานยอลทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของแบคฮยอน ก่อนจะตอบกลับไปทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน

    ได้ไงอ่ะแบคฮยอน ฉันอุตส่าห์ให้อยู่สบาย ๆ แล้วจะกลับไปทำไมอีกแบคฮยอนหันขวับไปที่ชานยอลอีกทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ ก่อนจะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ

    นายว่าอะไรนะ ฉันอุตส่าห์ให้อยู่สบาย ๆ ?ชานยอลทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอปากออกไป ก่อนที่จะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดประโยคใหม่ขึ้นเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามกับแบคฮยอน

    ไม่รู้ล่ะ นายไม่ต้องไปไหนแล้ว ฉันไม่ให้ไปร่างสูงพูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้แบคฮยอน ทำให้แบคฮยอนต้องลุกออกจากเตียงอีกครั้งแล้วเดินมาคาดคั้นกับชานยอลถึงเตียงอย่างเอาเรื่อง

    ตอบมาเดี๋ยวนี้ชานยอล! นายมีส่วนรู้เห็นกับที่ร้านฉันใช่ไหม

    “…”

    ชานยอล!” ชานยอลยังคงนอนนิ่งไม่สนใจเสียงเรียกของแบคฮยอน ทำเอาคนตัวเล็กอารมณ์เสียขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปกระชากตัวชานยอลขึ้นมานั่งสุดแรง

    โอ๊ย!”

    ตอบสิ!”

    ทำไมรุนแรงแบบนี้ล่ะ!!”

    อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!!!” ทั้งสองคนตะคอกใส่กันชนิดว่าไม่มีท่าทีจะหยุดและก็เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ศึกครั้งนี้ถึงได้สงบลงชั่วคราว

    แบคฮยอนยอมปล่อยมือจากตัวชานยอลแล้วลุกขึ้นไปเพื่อที่จะไปเปิดประตู ก่อนที่ชานยอลจะลุกขึ้นมาแล้วเดินตามไปด้วยคน

    และทันทีที่เปิดประตูออกก็พบว่าคนที่มาเคาะประตูนั้นเป็นเพื่อนห้องข้าง ๆ ชายหนุ่มร่างเล็กใส่แว่นหน้าเตอะยิ้มแหย ๆ ให้กับทั้งคู่ ก่อนที่จะเกาหูแล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

    “…ฉันอ่านหนังสืออยู่น่ะ ช่วยเบา ๆ กันหน่อยได้ไหมแบคฮยอนก้มหัวลงขอโทษขอโพยคนข้างหน้าทันทีด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่จะคุยกันอีกนิดหน่อยแล้วอีกคนก็กลับห้องไป

    เฮ้อเห้ย!!” ร่างบางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออก ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดังเพราะตกใจที่หันมาเจอชานยอลยืนประชิดอยู่ด้านหลังจนจมูกแทบจะถูหน้ากับตัวเอง

    “…ตกใจขนาดนั้นเลย

    อย่ามายืนทำอะไรใกล้คอฉันได้ไหม ไม่ชอบแบคฮยอนเดินกลับไปที่เตียงตัวเองพร้อมกับตะคอกใส่ชานยอลเล็กน้อย

    ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย

    ก็ยืนใกล้ซะขนาดนั้นน่ะ มาหายใจรดต้นคอฉันจนสยิวไปหมดละชานยอลหัวเราะขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแบคฮยอน ก่อนจะเดินเข้าไปประชิดด้านหลังรูมเมทตัวเล็กอีกครั้งแล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบที่ต้นคอของอีกคน

    สยิวหรอ

    ชานยอล!” แบคฮยอนรีบหันมาผลักชานยอลออกทันที ในขณะที่ชานยอลก็ได้แต่ยิ้มแฉ่งกวนประสาทโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาอำมหิตของเจ้าตัวเลย

    กลับไปที่ของนายเลย!”

    อ้าวไม่อยากถามอะไรฉันแล้วหรอชานยอลยังคงแหย่แบคฮยอนด้วยการเดินไปกระซิบที่ต้นคออีกครั้ง ทำให้แบคฮยอนต้องหันมาผลักพร้อมกับทำหน้ามุ่ยขึ้นเพราะอารมณ์เสียอีกครั้ง

    ออกไปเลยนะชานยอล ทำอีกนายเจอดีแน่!”

    อ้าวเมื่อกี้ยังคาดคั้นฉันอยู่เลย ทำไมตอนนี้ไล่ล่ะชานยอลยังคนเดินหน้ากวนรูมเมทตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี และสงครามเล็ก ๆ ของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปหลายนาที แบคฮยอนทำสีหน้าจริงจังสุดขีดแล้วชี้หน้าพูดกับชานยอลอย่างเอาเรื่อง

    บอกให้หยุดไง! ถ้านายไม่หยุดฉันจะไปนอนที่อื่นแล้ว!!”

    ชานยอลหยุดการกระทำทั้งหมดลงพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปที่เตียงของตัวเองด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    มีจุดอ่อนที่คอหรอ น่ารักจังชานยอลนอนตะแคงไปทางด้านแบคฮยอนที่กำลังนอนหันหลังให้เขาแล้วถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่แบคฮยอนก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ทำให้ชานยอลต้องเรียกซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นโดยไม่คิดจะนอนเลย

    แบคฮยอน

    “…”

    แบคฮยอน

    “…”

    แบคฮ…”

    นอนสักทีได้ไหม! พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้า

    ก็แค่ตอบฉันกลับอ่ะ

    ไว้ค่อยตีกันต่อวันหลัง ฉันจะนอน

    ฉันไม่ได้จะหาเรื่องหรือกวนนายซะหน่อย

    “…”

    แบคฮยอน

    หื้อแบคฮยอนขานรับชานยอลอย่างหงุดหงิด ในขณะที่ชานยอลก็ได้แต่นอนมองแผ่นหลังของรูมเมทตัวเล็กด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ก่อนที่จะพูดประโยคสุดท้ายของคืนนี้ เพื่อให้แบคฮยอนได้นอนโดยที่จะไม่กวนอะไรอีก

    “…ฉันคิดถึงนายนะ อย่าหนีกันไปไหนอีกเลยนะ

    แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนที่จะข่มตาตัวเองให้ปิดสนิทเพื่อที่จะได้หลับเร็ว ๆ

    ห้องของทั้งคู่เงียบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองคนที่ถูกพ่นออกมาเป็นระยะ ชานยอลนอนยิ้มให้กับตัวเอง เขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเกิดอาการเฟลกับคำพูดของแบคฮยอนสักนิด ในทางตรงกันข้าม ร่างสูงกลับรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่แบคฮยอนพูดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นแค่กลับไปเริ่มจากศูนย์ นั่นก็หมายความว่าความรู้สึกดี ๆ ของแบคฮยอนอาจจะเริ่มเกิดขึ้นอีกก็ได้ และเพราะอย่างนี้แหละ ที่ทำให้ชานยอลเริ่มใจชื้นขึ้นมาด้วยความหวัง

    ให้โอกาสฉันนะแบคฮยอน

    ครั้งก่อนไม่ได้จีบ แต่ครั้งนี้จะจีบละ 

     

     

     

     

     


    หายไปตั้งนานได้ฤกษ์กลับมาแต่งต่อสักที ขอโทษแล้วก็ขอบคุณรีดเดอร์ที่ยังรอฟิคของไรท์มากๆน้า T _ T
    โอเคมาคุยกันก่อน 5555555555 คือหายไปนานจริง นานป้ะ ไม่กี่เดือนอ่ะ คือมันอาจจะไม่นานเท่าไหร่
    แต่สารภาพว่าไรท์ลืมไปแล้วว่าวางพลอตคร่าวๆที่จะแต่งตอนต่อไปไว้ยังไง วิธีการแต่งของตัวเองแบบไหนคือลืม
    เออดี 5555555555 เลยได้ไปย้อนอ่านมาใหม่หมดเลยถึงกลับมาต่อได้ เลยคิดว่ารีดหลายๆคนคงจะลืมไปแล้ว
    เหมือนกันว่าอีฟิคเรื่องนี้มันเป็นอะไรยังไงนะกูลืม 555555555 ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องถ้าสะดวกกัน
    ก็ช่วยย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้านี้สักสองสามสี่ห้าหกเจ็ดตอนหน่อยนะคะ ขอบคุณจริงๆค่า T _ T
    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×