คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : THE ROOMMATE - 18
เสียงเพลงจังหวะหนักดังสลับไปกับเสียงผู้คนที่เริ่มคาคั่งเข้ามาในร้านอย่างต่อเนื่อง
แบคฮยอนมองไปยังผู้คนเหล่านั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับโยกหัวน้อย ๆ ไปตามจังหวะดนตรี ก่อนจะหุบยิ้มลงหลังจากสายตาได้ไปหยุดอยู่ที่คน ๆ หนึ่งที่นั่งไขว่ห้างมองเขาอยู่ที่มุมร้าน
ทำไมหน้าด้านหน้าทนแบบนี้นะชานยอล…
เป็นเวลากว่าสามอาทิตย์แล้วที่ชานยอลได้มาเฝ้าแบคฮยอนในตอนทำงานแทบจะทุกวัน ในตอนแรกแบคฮยอนเองก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร หากแต่ชานยอลก็ดันไปตีสนิทหรือพูดง่าย ๆ ว่าไปเข้าทางกับพี่ ๆ ในร้านจนคนเหล่านั้นต่างก็เห็นดีเห็นงามกับเจ้าตัวไปซะหมด จึงเป็นความซวยของแบคฮยอนที่ต้องโดนแซวจนต้องเกิดอาการหมั่นไส้และไม่สบอารมณ์กับชานยอลอยู่เสมอ ๆ
“คิดถึงฉันอยู่หรอ” ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะคิดไปถึงไหน ชานยอลก็เดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทะเล้น
“มาเฝ้าขนาดนี้คงมีเวลาให้คิดถึงหรอก”
“งั้นก็คงนินทาฉันในใจอยู่สินะ”
“เก่งหนิ”
“แบคฮยอนอ่า… รำคาญฉันมากขนาดนั้นเลยหรอ” เมื่อได้ยินอีกคนตอบมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย สีหน้าทะเล้นของชานยอลก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเหมือนเด็กที่กำลังงอแงอยู่ทันที ก่อนที่แบคฮยอนจะยิ้มแหย ๆ ให้เป็นคำตอบ
“เอาล่ะ ถ้าฉันมาขอร้องให้นายหายโกรธแล้วนายไม่…”
“ฉันไม่ได้โกรธนายแล้ว แต่ฉันยังไม่อยากกลับไป เข้าใจไหม” แบคฮยอนพูดแทรกอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับใช้มือขวาตบเคาน์เตอร์ตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
“นี่หายโกรธจริง? ทำไมเย็นชากับฉันแบบนี้ล่ะ”
“ฉันก็เป็นแบบนี้ของฉันมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่ นายเป็นแบบนี้แค่ตอนที่มีเรื่องเคืองฉันอยู่” ชานยอลขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับเถียงคนตัวเล็กกลับไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเช่นเคย
“จะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ กลับไปได้ละ มาเฝ้าอีกแปดเดือนถ้าฉันยังไม่อยากกลับฉันก็คงไม่กลับหรอก”
“…ได้” คำตอบของชานยอลทำเอาแบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย ร่างเล็กมองหน้าคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ “ในเมื่อนายไม่ยอมใจอ่อนฉันก็ขี้เกียจจะรอแล้วเหมือนกัน”
“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วหนิ เอาเวลามาเฝ้าฉันไปพักผ่อนหรือทำอย่างอื่นบ้างเถอะ ไม่เหนื่อยบ้างรึไง”
“ห่วงฉันใช่ไหมล่ะ” ชานยอลฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเท้าคางถามแบคฮยอนด้วยใบหน้าทะเล้นอีกครั้ง
“ห่วงครับ ห่วงมากเลย ห่วงจนใจจะขาดแล้ว”
“…จะคิดว่านายไม่ได้ประชดละกันนะ” ชานยอลพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะโดนเจ้าของศีรษะปัดออกทันที
“หน้าหนา”
“เลิกพูดจาไม่น่ารักกับฉันสักที นี่เห็นว่าฉันยอมนายทุกอย่างใช่ป้ะเลยไม่ยอมอ่อนให้สักที” ชานยอลทำหน้าบึ้งตึง ก่อนที่แบคฮยอนจะเอียงคอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นถามกลับไป
“แล้วใครขอร้องล่ะชานยอล”
“โอเค ๆ ยอมละ งั้นฉันไปจริงแล้วนะ จะไม่มากวนนายอีกแล้วโอเคไหม”
“วันนี้มาแปลกแฮะ” แบคฮยอนพูดพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือเช็ดไปตามเคาน์เตอร์อย่างไม่ได้สนใจชานยอลมากเท่าไหร่
“ทำไม เปลี่ยนใจอยากให้ฉันอยู่รึไง”
“นี่ เลิกคิดเองเออเองสักที” แบคฮยอนถอนหายใจพรืดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้งเพราะท่าทางกวน ๆ ของอีกคน
“ดุตลอดเลย ไปจริง ๆ แล้วก็ได้” ชานยอลพูดพร้อมกับทำหน้าหงอย ก่อนที่จะหันหลังให้คนตัวเล็กแล้วก้าวเท้าเตรียมจะเดินออกไปทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินไปได้หลายก้าว ชานยอลก็หันกลับมายิ้มกริ่มให้แบคฮยอนอีกครั้ง “ไว้เจอกันเร็ว ๆ นี้นะ ไม่ปล่อยให้คิดถึงนานหรอก” พูดแล้วร่างสูงก็ออกตัวเดินไปอีกครั้งทันที ทิ้งให้แบคฮยอนมองตามหลังไปด้วยความแปลกใจที่มากกว่าเดิม
เป็นอะไรของมันวะ…
“เฮ้ย!” ร่างเล็กอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่ารุ่นพี่คนสนิทในร้านมายืนประชิดหลังอยู่โดยที่ไม่ได้พูดทักทายใด ๆ
“ตกใจอะไรของมึง ทำหน้าอย่างกะเห็นผี”
“ก็ตกใจพี่อ่ะดิ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” แบคฮยอนพูดพร้อมกับตีไปที่แขนของอีกคนอย่างเบาแรง ก่อนที่จะหันไปจัดแจงความเรียบร้อยของข้าวของที่อยู่บนเคาน์เตอร์ต่อ
“ตั้งแต่ชานยอลกำลังจะเดินออกไปละ ว่าแต่ทำไมวันนี้มันกลับเร็วจังวะ เห็นทุกทีห้าทุ่มค่อยกลับ นี่เพิ่งจะสามทุ่มเอง”
“เห็นบอกว่าเหนื่อย ๆ เบื่อ ๆ อะไรนี่แหละ สงสัยคงถอดใจละ”
“เอ้าจริง! มึงเสียใจป่ะเนี่ย”
“พี่นี่! เสียใจอะไร ก็เห็น ๆ อยู่ว่าผมรำคาญแค่ไหน” แบคฮยอนหันไปตะคอกใส่อีกคนเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะยักไหล่ให้
“ก็ไม่รู้สินะ อย่าเล่นตัวมากดิ ถ้ามันเกิดหายไปจริง ๆ เดี๋ยวจะได้รู้สึก ถึงตอนนั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์งอแงแล้วน้า” รุ่นพี่คนเดิมพูดพร้อมกับตบไหล่แบคฮยอนเบา ๆ ก่อนเดินจากไปโดยที่แบคฮยอนยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ร่างเล็กมองตามหลังรุ่นพี่คนสนิทที่กำลังเดินลิ่ว ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับมาอยู่ในโลกของตัวเองต่อไป
แบคฮยอนไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือหวั่น ๆ กับคำพูดนั้น เพราะอาการรำคาญหรือเบื่อหน่ายที่ตนแสดงออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง ๆ ทั้งหมด แต่ที่มันน่าแปลกในตอนนี้คือโดยพื้นฐานนิสัยของชานยอลที่เขารู้จักไม่ได้เป็นคนที่ยอมแพ้หรือล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ แบบนี้ ยิ่งได้เห็นท่าทางยียวนกวนประสาทของอีกฝ่ายแล้ว ก็ยิ่งทำให้แบคฮยอนอดที่จะคิดไม่ได้เลยว่าชานยอลอาจจะงัดไม้อื่นมาเล่นอีกก็เป็นได้
แบคฮยอนเดินทางกลับมาที่คอนโดในเวลาตีสามกว่าหลังเลิกงาน ร่างบางทิ้งตัวลงกับโซฟาทันทีที่ถึงห้องด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจเช็คอะไรต่าง ๆ นานา แบบที่ทำเป็นประจำทุกคืน
แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจอีกครั้ง เพราะหลังจากที่ได้นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักใหญ่แต่ก็ไร้ข้อความหรือสายโทรเข้าจากรูมเมทตัวสูง ทั้ง ๆ ที่ในเวลานี้อีกฝ่ายนั้นจะโทรมาเช็คเป็นประจำว่าเลิกงานหรือถึงคอนโดหรือยัง
หายไปแบบนี้ก็ดี แต่อย่ามาเล่นตุกติกทีหลังแล้วกัน…
คิดแล้วร่างเล็กก็วางโทรศัพท์แล้วเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนอย่างสบายอารมณ์
RRRRRRRRR…
ชานยอลนอนบิดตัวไปมาในผ้าห่มอย่างขัดใจเมื่อเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือข้างตัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่มือหนาจะคว้ามันขึ้นมากดรับสายโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอก่อนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฮัลโหล”
(แกนอนแล้วหรอ)
“…พ่อหรอ นี่มันจะตีสี่แล้วนะ ถ้าผมไม่นอนผมจะทำอะไรล่ะ” ชานยอลบ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ก่อนจะขยี้ตาเพื่อปลุกตัวเอง หลังจากที่รู้ว่าเสียงจากปลายสายนั้นคือเสียงของพ่อตัวเอง
(ก็เห็นแม่บอกว่าแกโทรมาหาพ่อที่บ้าน พ่อเพิ่งบินกลับจากสิงคโปร์มาก่อนหน้านี้เลยตั้งแอร์เพลนไว้ พอมาถึงบ้านก็รีบโทรกลับมาหาแกนี่แหละ กลัวว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร ร้อนวันพันปีไม่เคยเห็นโทรมา)
“ก็นึกว่าอะไรโทรหาไม่ติด”
(แล้วตกลงมีอะไรรึเปล่า)
ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มตาหลังจากที่ได้ฟังประโยคล่าสุดจากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะยิ้มกริ่มออกมาแล้วกรอกเสียงกลับไปอย่างอารมณ์ดี
“…ผมมีเรื่องอยากจะให้พ่อช่วยหน่อยน่ะ”
“…เป็นไปได้ยังไงเนี่ย” แบคฮยอนก้มมองแผ่นกระดาษในมือด้วยสีหน้าแปลกใจปนมึนงง ก่อนที่รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จะยกมือขึ้นมาตบไหล่ของเจ้าตัวเบา ๆ
“ไม่ดีรึไง งานก็ไม่ต้องทำ แถมยังได้เงินไปเรียน ต่อไปนี้มึงก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว”
“มัน…มันก็ดีอ่ะพี่ แต่ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงมาให้โอกาสผมแบบนี้”
“เออใช่ ตอนกูยังเรียนอยู่ไม่เห็นจะได้อะไรเลย” รุ่นพี่ที่อยู่ในวงล้อมอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“โถ่ไอ้สัด ก็นั่นมันแต่ก่อนปะวะ เดี๋ยวนี้มีผู้บริหารคนใหม่แล้ว ก็รู้ว่าท่านใจดีจะตาย เขาอาจจะเห็นไอ้แบคมันอดทนขยันทำงานทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่เขาก็เลยเมตตามันก็ได้”
แบคฮยอนหันไปมองรุ่นพี่คนนั้น ก่อนจะก้มลงมามองแผ่นกระดาษในมือตัวเองอีกครั้ง “ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ”
“เฮ๊ย ไม่ผิดหรอกน่า ชื่อมึงชัดเจนขนาดนี้ ผู้ใหญ่เขาหยิบยื่นโอกาสให้ก็รับ ๆ ไปเหอะ”
“ใช่ๆๆๆๆ” รุ่นพี่ทุกคนที่รายล้อมแบคฮยอนต่างเห็นพ้องตามกัน ก่อนจะพากันตั้งข้อสงสัยและพูดคุยในเรื่องของผู้บริหารที่ใจดีกับแบคฮยอนมากถึงขนาดนี้
“นี่!! ไม่ทำงานกันรึไง ไปยืนสุมหัวอะไรกันตรงนั้น แยกย้าย!” เสียงผู้จัดการร้านที่ดังมาจากชั้นลอยด้านบนทำเอาทุกคนที่สุมหัวกันอยู่ต่างกระจายไปคนละทิศละทางเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองผู้จัดการของร้าน ก่อนที่ผู้ถูกมองจะหันมายิ้มให้แบคฮยอนแล้วหันหลังกลับไป ร่างเล็กพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมด้านในของร้านแล้วพลิกกระดาษในมือเล่นอย่างเบื่อหน่าย
จดหมายในมือของแบคฮยอนมีเนื้อหาโดยย่อว่าห้ามไม่ให้เขามาทำงานแล้ว ส่วนเรื่องเงินหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทางร้านจะมอบให้เจ้าตัวเหมือนเดิม ขอแค่เขากลับไปเต็มที่กับการเรียนเพียงเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแบคฮยอนก็ไม่ได้เกิดอาการดีใจหรืออะไรเลย จริงอยู่ที่เจ้าตัวมาทำงานเพื่อหารายได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด การใช้ชีวิตโดยที่มีงานทำอยู่ตลอดมันกลายเป็นเรื่องที่เขาชินไปซะแล้ว เลยทำให้ร่างเล็กต้องคิดหนักถึงการใช้ชีวิตต่อไปจากนี้ เพราะแน่นอนถ้าหากไม่ได้ทำงานการจะมาอยู่คอนโดแล้วไปกลับมหาวิทยาลัยคงจะไม่เข้าท่า
ต้องกลับไปอยู่กับชานยอลใช่ไหม?... ไม่นะ -_-
RRRRRRRRR…
แบคฮยอนล้วงโทรศัพท์มือถือที่กำลงสั่นเครือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ก่อนที่เห็นว่าเบอร์ที่กำลังโทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลย นิ้วเรียวเล็กสไลด์หน้าจอมือถือเบา ๆ
“ฮัลโหลครับ”
(บยอนแบคฮยอนใช่ไหมคะ) เสียงที่ได้ยินในสายเป็นเสียงผู้หญิงและน้ำสียงก็ดูเป็นมิตร แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบและถามกลับไป
“ใช่ครับ …นั่นใครหรอ”
(พี่โทรมาจากสำนักงานหอพักภายในมหาวิทยาลัยค่ะ)
“อ๋อ มีอะไรหรอครับ”
(เรารู้ใช่ไหมเอ่ยว่าทางหอพักไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่หอตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะออกไปอยู่ข้างนอกได้โดยที่แทบจะไม่ได้กลับมาหอเลย แล้วสองอาทิตย์แล้วที่พี่สุ่มตรวจตามห้องแล้วเราไม่อยู่เลย รู้ใช่ไหมมันจะเป็นยังไงถ้าพี่ยื่นหนังสือรายงานไปที่คณะเรา) คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาคนตัวเล็กถึงกับสีหน้าเปลี่ยน ก่อนจะหาทางแก้ตัวแล้วตอบกลับไป
“เอ่อ… พี่คงมาตรวจเฉพาะตอนที่ผมไม่อยู่ล่ะสิ เวลาอื่นผมก็อยู่หอนะ”
(ใช่หรอคะ รูมเมทเราไม่เห็นจะพูดอะไรเลย แถมยังบอกด้วยว่าช่วยตามให้เรากลับมาที)
“…รูมเมทผมหรอครับ”
(ใช่ค่ะ)
“ไว้ผมจะกลับไปนะ” แบคฮยอนกดวางสายทันทีก่อนจะวางโทรศัพท์ลงแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดปนกับกังวลเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปจากนี้ดี
RRRRRRRRR…
ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะคิดอะไรออก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอนั้นคือคยองซู แบคฮยอนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับอีกครั้ง
“ว่าไงคยองซู”
(อยู่ไหนน่ะแบคฮยอน) คยองซูเอ่ยทักทายแบคฮยอนขึ้นด้วยคำถามและน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน
“อยู่ร้าน นายเป็นอะไรน่ะ”
(กลับมาช่วยฉันทำโครงการวิชาภาคกลุ่มเราหน่อย มันผิดพลาดไปหมดแล้ว)
“ผิดพลาดอะไร เราทำเสร็จกันแล้วไม่ใช่หรอ” แบคฮยอนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะถามคยองซูกลับไป
(มันเยอะมากที่เราทำอ่ะผิดหมดเลย ฉันทำคนเดียวไม่ไหว พรุ่งนี้เราต้องออกไปพรีเซ้นแล้วนะ)
“แล้วจงอินล่ะ”
(จงอินไม่สบาย ฉันไม่อยากปลุก ถึงมันตื่นขึ้นมาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฉันไปหานายที่ห้องมาแล้ว แล้วชานยอลก็บอกว่านายไม่อยู่น่ะ)
เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเกิดอาการอยากจะกุมขมับหลังจากได้รับโทรศัพท์ มือเรียวถูกยกขึ้นไปถูหน้าผากตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วตอบคยองซูไป
“เดี๋ยวฉันจะกลับไปตอนนี้แหละ”
แบคฮยอนนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโดตัวเองในเวลาสองทุ่มเศษ ร่างเล็กคิดไม่ตกกับคำพูดของชานยอลที่ได้พูดเอาไว้เมื่อวานถึงเรื่องที่เจ้าตัวบอกว่าจะได้เจอกันเร็ว ๆ นี้และยอมถอดใจเลิกตื๊อไปซะง่าย ๆ
แค่เอาเรื่องไม่อยู่หอไปฟ้องเจ้าหน้าที่หอแล้วมันจะทำให้ชานยอลมั่นใจว่าเราจะได้กลับไปขนาดนั้นเลยหรอวะ…
ร่างเล็กส่ายหัวเบา ๆ ให้ตัวเองเพื่อสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป และเพียงไม่นานรถเมล์ก็แล่นถึงหน้าคอนโด แบคฮยอนเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้าไม่กี่ตัวลงกระเป๋าเป้ ก่อนจะลงไปด้านล่างอีกครั้งเพื่อนั่งรถกลับไปที่มหาวิทยาลัยต่อไป
แสงไฟจากโคมไฟตั้งโต๊ะสว่างขึ้นและดับลงสลับกันเป็นระยะ
ปาร์คชานยอลนั่งเท้าคางตัวเองพร้อมกับกระดิกนิ้วของมืออีกข้างบนสวิตซ์โคมไฟไปอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยุดการกระทำทั้งหมดลงแล้วหันไปที่เตียงของรูมเมทผู้ที่ไม่ได้อยู่ติดห้องมาพักใหญ่
จะกลับมาวันไหนนะ…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
ในขณะที่ชานยอลกำลังนั่งเบื่ออยู่ในหอพักเพียงลำพัง เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะเน้น ๆ ก็ดังขึ้น ชานยอลหันไปมองทันที ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกแล้วตามมาด้วยร่างเล็ก ๆ ของรูมเมทคนคุ้นเคย
ชานยอลเบิกตากว้างพร้อมกับยืนขึ้นทันทีด้วยความดีใจ ในขณะที่แบคฮยอนเมื่อหันมาเจอหน้ารูมเมทตัวเองก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปิดประตูไว้เหมือนเดิมแล้วเดินตรงไปที่ตู้ตัวเองเพื่อเก็บกระเป๋า
“ไม่คิดว่านายจะกลับมาเร็วขนาดนี้” ชานยอลเดินตรงเข้าไปหาแบคฮยอน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอารมณ์ดี
“กลับมาทำรายงานกับคยองซู” แบคฮยอนตอบชานยอลด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมกับหยิบของในกระเป๋ามาจัดไว้ในตู้โดยที่ไม่ได้สนใจจะคุยกับรูมเมทตัวสูงสักนิด
“แค่นั้นหรอ”
“แล้วนายคิดว่ามีอะไรอีก” แบคฮยอนหันมาเลิกคิ้วถามชานยอล ก่อนจะปิดตู้แล้วเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง โดยที่ชานยอลก็ยังเดินตามหลังไปอีกเช่นเคย
“…ก็เห็นนายขนเสื้อผ้ากลับมา”
“ฉันไปห้องคยองซูก่อนนะ ดึก ๆ จะกลับ” แบคฮยอนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชานยอล ร่างเล็กเก็บแผ่นชีทและหนังสืออีกสองเล่มขึ้นมาแนบไว้กับตัว ก่อนที่จะหันมาพูดกับชานยอลแล้วเดินออกไปทันที
ชานยอลมองตามหลังรูมเมทตัวเองไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ร่างสูงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาอมยิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย
ชานยอลรู้อยู่ว่าอีกไม่ได้แบคฮยอนต้องกลับมา แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าแบคฮยอนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ จึงทำให้เจ้าตัวดีใจไม่น้อยถึงแม้แบคฮยอนจะยังคงเย็นชาอยู่เหมือนเดิมก็ตาม
คยองซูนั่งนิ่งพร้อมกับเพ่งสายตาไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเคร่งเครียด นิ้วเรียวถูกละเลงลงไปในแป้นพิมพ์อย่างชำนาญหลังจากที่ได้ใช้ความคิดมาได้สักพัก ก่อนที่ข้อความตรงหน้าจะถูกลบออกไปทั้งหมดอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง…
“โอยยยยย เมื่อไหร่แบคฮยอนจะมาวะเนี่ย” คยองซูบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับพับหน้าจอคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คลงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองยังเพื่อนสนิทร่างสูงที่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่หลายชั่วโมงแล้ว
ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังเตียงด้านหลัง หลังมืออุ่นถูกแตะลงบนหน้าผากของคนที่นอนอยู่บนเตียง
ทำไมตัวไม่หายร้อนสักทีเนี่ย…
คยองซูนั่งมองอีกคนด้วยความเป็นห่วงพลางหันไปมองงานที่กองอยู่ด้านหลังด้วยความเหนื่อยใจ ลำพังแค่ทำงานเหล่านั้นให้เสร็จมันคงจะไม่ใช่งานยากสำหรับเจ้าตัวเท่าไร หากแต่สมาธิที่ใช้ทำนั้นแทบจะไม่มีเลยเท่านั้นเอง สาเหตุก็เพราะกังวลเรื่องอาการป่วยของเพื่อนคนนี้นั่นแหละ…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!
“ฉันเองคยองซู”
หลังจากที่ได้นั่งมองคนป่วยเพราะไม่มีอารมณ์จะทำงานได้สักพัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงของแบคฮยอน คยองซูลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยความเอื่อยเฉื่อย ทำเอาแบคฮยอนที่เห็นท่าทางแล้วต้องเอ่ยปากถาม
“นี่มันหนักถึงขนาดทำให้นายเหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ”
“ไม่หรอก ฉันแค่หงุดหงิดที่คิดไม่ออกสักที” คยองซูพูดพร้อมกับไปนั่งลงที่เก้าอี้แล้วเปิดคอมขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่แบคฮยอนจะเดินตามไปวางหนังสือไว้ที่โต๊ะแล้วตบไหล่คยองซูเบา ๆ
“อย่าเครียดดิ ไปพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันทำเอง”
“อื้ม” คยองซูหันไปยิ้มให้แบคฮยอนพร้อมกับตอบรับ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปนั่งข้าง ๆ คนป่วยอีกครั้ง
“อ้าว จงอินมานอนนี่หรอ แล้วรูมเมทนายล่ะ”
“ไปค้างที่ห้องเพื่อนอ่ะ ฉันเลยเอาจงอินมานอนด้วย ไข้ยังไม่ลดเลยอ่ะ”
“เดี๋ยวก็หายแหละมั้ง พอหมดฤทธิ์แล้วนอนซมเป็นหมาป่วยเลยเนอะ ฮ่า ๆ”
แบคฮยอนพูดคุยกับคยองซูเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาตั้งใจทำงาน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสองงานก็เสร็จสมบูรณ์ โดยที่มีคยองซูมานั่งทำด้วยเป็นพัก ๆ สลับกับการนั่งเฝ้าอาการของจงอินอย่างไม่วางตา
“ดูนายเป็นห่วงจงอินมากเลยนะ” แบคฮยอนนั่งเท้าคางมองคยองซูอยู่ไม่เคยห่างจงอินอย่างจับผิด ก่อนที่คยองซูจะหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป
“ร้อยวันพันปีมันเคยป่วยแบบนี้ที่ไหนล่ะ ถ้าเกิดตายไปฉันคงเหงาแย่”
“นี่ก็ไปแช่งเพื่อน ถึกขนาดนี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ฮ่า ๆ”
“ก็ไม่แน่นะ” คยองซูหันมายักไหล่ให้แบคฮยอน
“โอเคครับ โอเค” แบคฮยอนพยักหน้าน้อย ๆ ให้เพื่อน ก่อนที่จะหันมาจัดระเบียบกับแผ่นงานบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน
“แล้วนายจะกลับไปคอนโดวันไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ได้ทำงานแล้วอ่ะ”
“อ้าวเฮ๊ยทำไมล่ะ” คยองซูถามกลับด้วยสีหน้าตกใจหลังจากที่ได้ยินคำตอบของแบคฮยอน
“ก็อยู่ดี ๆ ทางผู้บริหารเขาก็ให้ฉันออกจากงานแล้วกลับมาตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะออกให้เอง”
“…มีงี้ด้วยหรอ”
“นั่นดิ” แบคฮยอนหันมาทำหน้าสงสัยกับคยองซู ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงมานั่งใกล้ ๆ กับคยองซูเพื่อสำรวจอาการของจงอิน
“แต่ก็ดีแล้วไง ชีวิตนายดูวุ่นวายมากอ่ะหลังจากที่กลับไปทำงาน ฉันเห็นแล้วเหนื่อยแทน”
“แต่ฉันชินแล้วอ่ะ ชอบทำงานพร้อมกับเรียนไปด้วยมากกว่า มาอยู่เรียนเฉย ๆ แล้วมันน่าเบื่อ”
“ไม่ใช่ทำเพราะหลบหน้าชานยอลหรอกหรอ ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ทำงานยังไม่เห็นเป็นไรเลย” แบคฮยอนหันมามองหน้าคยองซูทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มแล้วส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบกลับไป
“ก็ตอนอยู่ปีหนึ่งใหม่ ๆ กิจกรรมมันเยอะนี่ ฉันวางแผนไว้นานแล้วอ่ะว่าจะพักเรื่องงานก่อนแล้วค่อยกลับไปทำต่อ”
“หรอ” คยองซูตอบแบคฮยอนกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กที่วางอยู่ระเบียงแล้วเดินเข้ามากดน้ำร้อนที่เสียบไว้ก่อนหน้านี้ลงไป
แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรคยองซูกลับไป เพียงแต่นั่งมองการกระทำของคยองซูอย่างไม่ได้จดจ่ออะไร ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายมีเรื่องอะไรกัน แต่การหลบหน้ากันมันไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอก อึดอัดแทน” แบคฮยอนแค่นยิ้มให้คยองซูโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกครั้ง ในขณะที่คยองซูก็งุ่นกับการถือถาดกะละมังกับผ้าขนหนูตรงมาที่จงอินเพื่อที่จะเช็ดตัวให้
มือเล็กของคยองซูค่อย ๆ แกะกระดุมและถอดเสื้อของจงอินออกช้า ๆ ก่อนจะชุบผ้าขนหนูลงไปในน้ำอุ่นแล้วจัดการบิดอย่างทะมัดทะแมง จากนั้นก็ค่อย ๆ เช็ดไปตามใบหน้ามาจนถึงลำตัวของจนอินอย่างเบาแรง ทำเอาแบคฮยอนที่นั่งมองอยู่ต้องเอ่ยปากแซวเพื่อนสนิทอย่างห้ามไม่ได้
“ถ้าฉันไม่ได้เป็นเพื่อนนายสองคนนะ ป่านนี้ฉันคงคิดว่าพวกนายเป็นแฟนกันไปละ” คยองซูยิ้มให้กับคำพูดของแบคฮยอนโดยที่ไม่ได้คิดจะเถียงอะไร
แบคฮยอนขมวดคิ้วให้กับท่าทางของคยองซู ไม่ใช่แค่ครั้งนี้… ก่อนหน้านี้คยองซูยังแสดงอาการต่าง ๆ นานาที่สื่อว่าคยองซูคิดอะไรกับจงอินเกินเพื่อนมากขึ้นทุกที แต่เขาก็ไม่ได้สนใจจะถามอะไรจริงจังกับคยองซูสักครั้ง เพราะคิดว่าเพื่อนสนิทกันทำแบบนี้ก็คงไม่แปลก
แล้วทำไมกูกับเซฮุนยังไม่ถึงขนาดนี้วะ…
“นี่คิดอะไรกับจงอินป่ะเนี่ย ชักจะงุงิมุมิกันมากเกินไปแล้วนะ”
“ยุ่งน่า”
“อย่าปิดฉันเลย มาถึงขนาดนี้คิดว่าฉันดูไม่ออกรึไง”
“…ถ้าฉันคิดจะปิดนายน่ะ นายคิดว่านายจะรู้อะไรง่ายขนาดนี้หรอ?” คยองซูหยุดการกระทำทุกอย่างลง ก่อนจะหันกลับมาตอบแบคฮยอนด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็จัดการวางผ้าขนหนูลงในถาดแล้วนำไปเก็บไว้ที่เดิมหลังจากที่เช็ดตัวให้กับจงอินที่ยังคงหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่แบคฮยอนยังไปต่อไม่เป็นกับคำพูดของคยองซูเพราะตกใจเล็กน้อย เนื่องจากคำพูดที่เขาถามออกไปนั้นไม่ได้จริงจังหรือไม่ได้ต้องการคำตอบกับคยองซูจริง ๆ ถึงแม้จะสงสัยเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
“นายกลับไปนอนได้แล้ว มันดึกแล้ว” คยองซูเดินเข้ามาหาแบคฮยอนอีกครั้งหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่แบคฮยอนจะพยักหน้าพร้อมกับยืนขึ้นเตรียมจะกลับห้อง
แบคฮยอนเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานเพื่อเก็บของของตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ และเมื่อเก็บเสร็จแล้วก็ตรงไปหมุนลูกบิดประตูทันที แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขาออกไป ร่างเล็กก็หันมาฉีกยิ้มให้กับคยองซู พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้อีกคนยิ้มกลับมาอย่างรู้ใจกัน
“…สู้นะรู้ไหม”
แบคฮยอนสาวเท้าไปช้า ๆ เพื่อกลับห้องของตัวเองพร้อมอาการที่ยังคงช็อคอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่ว่าไม่ยินดีหรือเกิดอาการรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องที่ได้รู้วันนี้จากคยองซูหรอก แต่เพราะไม่คิดว่าคยองซูจะมาไว้ใจหรือสบายใจที่จะไม่ปิดบังเรื่องนี้กับตัวเอง ซึ่งแบคฮยอนมั่นใจว่าเขาอาจจะเป็นคนแรกและก็คงจะเป็นคนเดียวแน่นอน
แล้วอะไรที่ทำให้คยองซูสบายใจที่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับเขาล่ะ…
โดยปกติแล้วคยองซูเป็นคนที่เก็บอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองเก่งมาก ก็อย่างที่เจ้าตัวบอก ถ้าสมมติคยองซูตั้งใจจะปิดจริง ๆ ก็คงจะไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าหากได้บอกใครแล้ว คน ๆ นั้นก็คงจะเป็นคนที่คยองซูไว้ใจแล้วสบายใจที่จะพูดคุยในทุกเรื่องได้ ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้แบคฮยอนเกิดอาการตกใจเล็กน้อย เพราะถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ทั้งคู่ก็ยังรู้จักกันได้เพียงไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ
หลังจากที่เดินขึ้นบันไดมาสองชั้น แบคฮยอนก็เดินถึงห้องของตัวเอง ลูกกุญแจถูกสอดเข้าไปในลูกบิดแล้วประตูก็ถูกเปิดออกโดยที่ไม่ได้เคาะก่อนแต่อย่างใด
“…” ร่างเล็กผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นรูมเมทร่างสูงกำลังนั่งห่อตัวด้วยผ้าห่มอยู่บนเตียงตัวเอง ก่อนที่อีกคนจะเงยหน้าขึ้นมาจากการกดมือถือด้วยความสะลึมสะลืมแล้วทักทายขึ้น
“ทำไมกลับช้าจั…”
“นายมาทำอะไรบนเตียงฉันน่ะ” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบ แบคฮยอนก็ตรงเข้าไปหาแล้วดึงชานยอลลุกขึ้นจากเตียงตัวเองทันที
“ก็ที่นอนมันไม่เรียบร้อยฉันก็เลยมาจัดให้”
“ขอบใจ คราวหลังไม่ต้องละ” แบคฮยอนพูดพร้อมกับทำหน้าหน่ายเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะตัวเองเพื่อเก็บของทั้งหมด ทำให้ชานยอลต้องเกิดอาการเซ็งเล็กน้อยแล้วชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“จะกลับคอนโดอีกไหม”
“กลับสิ ทำไมจะไม่กลับล่ะ”
“กลับทำไม”
“ก็กลับไปทำงานน่ะสิ รู้แล้วมาถามทำไมเนี่ย” แบคฮยอนหันไปมองค้อนอีกคนพร้อมกับตอบกลับไป
“ยังต้องทำงานอีกหรอ”
“หมายความว่าไง”
“…”
“นายรู้ด้วยหรอว่าฉันไม่ต้องทำงานแล้ว” แบคฮยอนเดินเข้าไปประชิดตัวชานยอล ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างเอาเรื่อง
“…” ชานยอลยังคงเงียบแล้วก็เอาแต่กรอกตาไปมองด้านอื่นเหมือนไม่อยากตอบคำถามของแบคฮยอน จนทำให้แบคฮยอนเกิดอาการหงิดขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นกระชากแขนเสื้ออีกคนเต็มแรง
“ตอบสิ!”
“ก็เห็นนายขนเสื้อผ้ากลับมาเท่ากับตอนไปไง” ชานยอลตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ เล็กน้อย ก่อนที่แบคฮยอนจะยอมปล่อยมือออกแล้วหันขวับกลับไปนั่งลงที่เตียงตัวเองโดยที่ไม่ได้ถามอะไรอีกคนอีก
“แล้ว… หมายความว่าไงที่นายบอกว่าไม่ต้องทำงานแล้ว”
“ผู้บริหารเป็นอะไรก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็ใจดีจะส่งฉันเรียนโดยที่ฉันไม่ต้องทำงาน” แบคฮยอนนั่งกอดเข่าตัวเองพร้อมกับตอบคำถามชานยอลด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“นายก็เลยคิดว่าฉันรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นดิ” ชานยอลยิ้มกริ่มเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ก่อนจะกลับไปนั่งลงที่เตียงของตัวเองบ้าง
“ก็แล้วอะไรที่มันทำให้นายมั่นใจว่าฉันจะกลับมาขนาดนั้นล่ะ แล้ววันนี้ก็มาพูดแบบนี้ จะไม่ให้ฉันสงสัยได้ไง” แบคฮยอนตอบชานยอลด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ แต่ชานยอลไม่ได้ถามอะไรกับมาอีก เอาแต่นั่งเท้าคางมองแบคฮยอนด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ทำให้แบคฮยอนต้องถามกลับไปด้วยสีหน้าค้อน ๆ อีกครั้ง
“ยิ้มอะไร”
“นายยอมคุยกับฉันแล้วอ่ะ หายโกรธกันแล้วใช่ไหม” เมื่อได้ยินคำตอบของชานยอลแบคฮยอนก็ถึงกับต้องหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เบื่อหน่ายยิ่งขึ้นไปอีก
“ชานยอล ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้โกรธนาย อย่าคิดว่าฉันโกรธแล้วพอหายฉันจะกลับไปรู้สึกอะไรกับนายเหมือนเดิมได้ป้ะ ตอนนี้อ่ะ ฉันกับนายมันแค่กลับไปเริ่มที่ศูนย์ใหม่เท่านั้นเอง เราไม่ได้สนิทหรืออะไรต่อมิอะไรกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โอเคสาเหตุที่เราต้องห่างกันมันอาจจะเป็นเพราะนาย แต่รู้ไว้เลยนะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้ฉันไม่ได้พยายามหรือฝืนเพื่ออยากจะห่างนายเลย ฉันพอใจที่จะอยู่แบบนี้แล้ว”
“…”
“ฉันกลับมาเป็นของฉันแบบนี้เหมือนเดิม แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายด้วย” พอพูดจบแบคฮยอนก็ล้มตัวลงนอน ในขณะที่ชานยอลเองก็ได้แต่นั่งเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ชานยอลก็ชวนแบคฮยอนคุยเรื่องใหม่ขึ้น
“แล้วจะนอนนั่นไม่อาบน้ำหรอ”
“อาบมาจากคอนโดแล้ว”
“ซกมกจัง” แบคฮยอนนอนกดโทรศัพท์มือถือโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของชานยอลแม้แต่นิดเดียว ทำให้ชานยอลหาเรื่องใหม่มาพูดอีก “แล้วนายจะกลับไปทำงานไหม ยังจะหางานใหม่ทำรึเปล่า”
“ก็ไม่แน่” ชานยอลทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของแบคฮยอน ก่อนจะตอบกลับไปทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน
“ได้ไงอ่ะแบคฮยอน ฉันอุตส่าห์ให้อยู่สบาย ๆ แล้วจะกลับไปทำไมอีก” แบคฮยอนหันขวับไปที่ชานยอลอีกทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ ก่อนจะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
“นายว่าอะไรนะ …ฉันอุตส่าห์ให้อยู่สบาย ๆ ?” ชานยอลทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอปากออกไป ก่อนที่จะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดประโยคใหม่ขึ้นเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามกับแบคฮยอน
“ไม่รู้ล่ะ นายไม่ต้องไปไหนแล้ว ฉันไม่ให้ไป” ร่างสูงพูดพร้อมกับล้มตัวลงนอนแล้วหันหลังให้แบคฮยอน ทำให้แบคฮยอนต้องลุกออกจากเตียงอีกครั้งแล้วเดินมาคาดคั้นกับชานยอลถึงเตียงอย่างเอาเรื่อง
“ตอบมาเดี๋ยวนี้ชานยอล! นายมีส่วนรู้เห็นกับที่ร้านฉันใช่ไหม”
“…”
“ชานยอล!” ชานยอลยังคงนอนนิ่งไม่สนใจเสียงเรียกของแบคฮยอน ทำเอาคนตัวเล็กอารมณ์เสียขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปกระชากตัวชานยอลขึ้นมานั่งสุดแรง
“โอ๊ย!”
“ตอบสิ!”
“ทำไมรุนแรงแบบนี้ล่ะ!!”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ!!!” ทั้งสองคนตะคอกใส่กันชนิดว่าไม่มีท่าทีจะหยุดและก็เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ศึกครั้งนี้ถึงได้สงบลงชั่วคราว
แบคฮยอนยอมปล่อยมือจากตัวชานยอลแล้วลุกขึ้นไปเพื่อที่จะไปเปิดประตู ก่อนที่ชานยอลจะลุกขึ้นมาแล้วเดินตามไปด้วยคน
และทันทีที่เปิดประตูออกก็พบว่าคนที่มาเคาะประตูนั้นเป็นเพื่อนห้องข้าง ๆ ชายหนุ่มร่างเล็กใส่แว่นหน้าเตอะยิ้มแหย ๆ ให้กับทั้งคู่ ก่อนที่จะเกาหูแล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“…ฉันอ่านหนังสืออยู่น่ะ ช่วยเบา ๆ กันหน่อยได้ไหม” แบคฮยอนก้มหัวลงขอโทษขอโพยคนข้างหน้าทันทีด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่จะคุยกันอีกนิดหน่อยแล้วอีกคนก็กลับห้องไป
“เฮ้อ…เห้ย!!” ร่างบางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออก ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดังเพราะตกใจที่หันมาเจอชานยอลยืนประชิดอยู่ด้านหลังจนจมูกแทบจะถูหน้ากับตัวเอง
“…ตกใจขนาดนั้นเลย”
“อย่ามายืนทำอะไรใกล้คอฉันได้ไหม ไม่ชอบ” แบคฮยอนเดินกลับไปที่เตียงตัวเองพร้อมกับตะคอกใส่ชานยอลเล็กน้อย
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ก็ยืนใกล้ซะขนาดนั้นน่ะ มาหายใจรดต้นคอฉันจนสยิวไปหมดละ” ชานยอลหัวเราะขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแบคฮยอน ก่อนจะเดินเข้าไปประชิดด้านหลังรูมเมทตัวเล็กอีกครั้งแล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบที่ต้นคอของอีกคน
“สยิวหรอ”
“ชานยอล!” แบคฮยอนรีบหันมาผลักชานยอลออกทันที ในขณะที่ชานยอลก็ได้แต่ยิ้มแฉ่งกวนประสาทโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาอำมหิตของเจ้าตัวเลย
“กลับไปที่ของนายเลย!”
“อ้าวไม่อยากถามอะไรฉันแล้วหรอ” ชานยอลยังคงแหย่แบคฮยอนด้วยการเดินไปกระซิบที่ต้นคออีกครั้ง ทำให้แบคฮยอนต้องหันมาผลักพร้อมกับทำหน้ามุ่ยขึ้นเพราะอารมณ์เสียอีกครั้ง
“ออกไปเลยนะชานยอล ทำอีกนายเจอดีแน่!”
“อ้าวเมื่อกี้ยังคาดคั้นฉันอยู่เลย ทำไมตอนนี้ไล่ล่ะ” ชานยอลยังคนเดินหน้ากวนรูมเมทตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี และสงครามเล็ก ๆ ของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปหลายนาที แบคฮยอนทำสีหน้าจริงจังสุดขีดแล้วชี้หน้าพูดกับชานยอลอย่างเอาเรื่อง
“บอกให้หยุดไง! ถ้านายไม่หยุดฉันจะไปนอนที่อื่นแล้ว!!”
ชานยอลหยุดการกระทำทั้งหมดลงพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไปที่เตียงของตัวเองด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“มีจุดอ่อนที่คอหรอ น่ารักจัง” ชานยอลนอนตะแคงไปทางด้านแบคฮยอนที่กำลังนอนหันหลังให้เขาแล้วถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่แบคฮยอนก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ทำให้ชานยอลต้องเรียกซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นโดยไม่คิดจะนอนเลย
“แบคฮยอน”
“…”
“แบคฮยอน”
“…”
“แบคฮ…”
“นอนสักทีได้ไหม! พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้า”
“ก็แค่ตอบฉันกลับอ่ะ”
“ไว้ค่อยตีกันต่อวันหลัง ฉันจะนอน”
“ฉันไม่ได้จะหาเรื่องหรือกวนนายซะหน่อย”
“…”
“แบคฮยอน”
“หื้อ” แบคฮยอนขานรับชานยอลอย่างหงุดหงิด ในขณะที่ชานยอลก็ได้แต่นอนมองแผ่นหลังของรูมเมทตัวเล็กด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ก่อนที่จะพูดประโยคสุดท้ายของคืนนี้ เพื่อให้แบคฮยอนได้นอนโดยที่จะไม่กวนอะไรอีก
“…ฉันคิดถึงนายนะ อย่าหนีกันไปไหนอีกเลยนะ”
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนที่จะข่มตาตัวเองให้ปิดสนิทเพื่อที่จะได้หลับเร็ว ๆ
ห้องของทั้งคู่เงียบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองคนที่ถูกพ่นออกมาเป็นระยะ ชานยอลนอนยิ้มให้กับตัวเอง เขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเกิดอาการเฟลกับคำพูดของแบคฮยอนสักนิด ในทางตรงกันข้าม ร่างสูงกลับรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่แบคฮยอนพูดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นแค่กลับไปเริ่มจากศูนย์ นั่นก็หมายความว่าความรู้สึกดี ๆ ของแบคฮยอนอาจจะเริ่มเกิดขึ้นอีกก็ได้ และเพราะอย่างนี้แหละ ที่ทำให้ชานยอลเริ่มใจชื้นขึ้นมาด้วยความหวัง
ให้โอกาสฉันนะแบคฮยอน
ครั้งก่อนไม่ได้จีบ แต่ครั้งนี้จะจีบละ…
หายไปตั้งนานได้ฤกษ์กลับมาแต่งต่อสักที ขอโทษแล้วก็ขอบคุณรีดเดอร์ที่ยังรอฟิคของไรท์มากๆน้า T _ T
โอเคมาคุยกันก่อน 5555555555 คือหายไปนานจริง นานป้ะ ไม่กี่เดือนอ่ะ คือมันอาจจะไม่นานเท่าไหร่
แต่สารภาพว่าไรท์ลืมไปแล้วว่าวางพลอตคร่าวๆที่จะแต่งตอนต่อไปไว้ยังไง วิธีการแต่งของตัวเองแบบไหนคือลืม
เออดี 5555555555 เลยได้ไปย้อนอ่านมาใหม่หมดเลยถึงกลับมาต่อได้ เลยคิดว่ารีดหลายๆคนคงจะลืมไปแล้ว
เหมือนกันว่าอีฟิคเรื่องนี้มันเป็นอะไรยังไงนะกูลืม 555555555 ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องถ้าสะดวกกัน
ก็ช่วยย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้านี้สักสองสามสี่ห้าหกเจ็ดตอนหน่อยนะคะ ขอบคุณจริงๆค่า T _ T CRY .q
ความคิดเห็น