MoMoRin
ดู Blog ทั้งหมด

วิตามินอีรูปแบบเม็ดยอดฮิต...กินมากไปก็ไม่ดีนะ!!

เขียนโดย MoMoRin
    วันนี้จะขอพูดถึงวิตามินอีละกันเนาะ เนื่องจากเป็นวิตามินเสริมในรูปแบบเม็ด..ที่คนเรานิยมนำมาทานเสริมเพื่อสุขภาพมากเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่า มาดูกันว่า..ถ้าทานมากไป จะเกิดผลกระทบภายหลังต่อผู้ทานอย่างไรบ้าง มะ...มาดูกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน ถือเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรง ปัจจุบันวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมทั้งหลาย จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่อะไรที่ได้มากเกินไป แทนที่จะส่งผลดี ก็กลับส่งผลเสียทำคุณป่วยได้ง่ายๆ





 



  วิตามินอี
       
       สาวเราหลายคนนิยมทานวิตามินอี (Vitamin E) กัน นัก เพราะขึ้นชื่อในเรื่องช่วยให้ผิวพรรณสวยใส เปล่งปลั่ง แถมคุณหนุ่มๆ ก็ยังเคยปลื้มกันนัก เนื่องจากเคยมีงานวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ระบุว่า การรับประทานวิตามินอีเป็นอาหารเสริมทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ต่อมลูกหมากได้

       
      
   ทว่าต่อมาในปีคศ.2001 สถาบันมะเร็งแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาอย่างจริงจัง และพบข้อเท็จจริงว่า การรับประทานวิตามินอีในระยะยาวอาจส่งผลเสีย ผลการศึกษาพบว่า ผู้ชายที่รับประทานวิตามินอีทุกวันติดต่อกันมานาน 5 ปี กลับมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นถึงร้อยละ17
       
       ทั้งนี้วิตามินอีมีส่วนสำคัญ ในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบมากในอาหารเช่น บรอกโคลี, ข้าวสาลี, เมล็ดทานตะวัน, ถั่ว, ธัญพืช ฯลฯ ซึ่งการได้รับวิตามินอีมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, ตาพร่ามัว, แน่นท้อง, ท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก ก็อาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินเออีกด้วย
  
       
       ดร. Eric Klein แห่ง สถานพยาบาลคลีฟแลนด์ระบุว่า “คนมักคิดว่า วิตามินเป็นของที่ไม่อันตราย แม้กินมากก็ไม่ได้ส่งผลเสีย แต่ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หากเรารับประทานอาหารครบ 5 หมู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว การกินวิตามินเสริมก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ซ้ำร้ายยิ่งกินมาก ก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   ทานวิตามินอีมากๆ ระวังเป็นมะเร็งปอด

      ทั้งนี้ จากการศึกษาประชากรกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 77,000 คน พบว่า หากรับประทานวิตามินอีวันละ 400 มิลลิกรัม ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกับการรับสารเบตา แคโรทีน มากเกินไป

          ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำให้รับวิตามินอีโดยผ่านการรับประทานผักและผลไม้ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการรับเป็นอาหารเสริม งานวิจัยนี้เป็นการสำรวจประชากรกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 50-76 ปี เป็นเวลานาน 4 ปี โดยสังเกตพฤติกรรมการรับอาหารเสริมวิตามินซี กรดโฟลิก และวิตามินอี เฉลี่ยต่อวัน ซึ่งในช่วงของการวิจัยพบผู้ที่เป็นมะเร็งปอด 521 คน

          นัก วิจัยพบว่า ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างวิตามินซีและกรดโฟลิกกับความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด ซึ่งตรงกันข้ามกับการใช้อาหารเสริมวิตามินอี นักวิจัยสรุปว่า การรับวิตามินอีเพิ่มขึ้นทุกๆ 100 มิลลิกรัมกรัม/วัน จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด ร้อยละ 7

          นักวิจัยสหรัฐเชื่อว่า การรับวิตามินอีมากเกินไปอาจยิ่งสนับสนุนให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเซลส์


ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับปริมาณในการบริโภคด้วยนะคะ ยังไงลองปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนซื้อมารับประทานกันดีกว่านะคะ บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเสริมอะไรให้กับร่างกายของเราก็เป็นได้ เพราะบ้านเรา..เมืองไทยแห่งนี้ ไม่ว่าจะอาหาร ของกินต่างๆ กระทั่งผัก-ผลไม้ บ้านเราก็มีมากมาย ซึ่งเป็นศูนย?รวมของเหล่าวิตามินทั้งหลายนั่นเอง ใช่มั้ยจ๊ะ


แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียนะคะ ข้อดีของวิตามินอีก็มีอยู่มากมายเช่นกัน มาดูตัวอย่างข้อดีกันค่ะ

วิตามิน อี อาจช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ยืดอายุขัย

เมื่อวันที่ 12-19 เมษายน 2551 นักวิจัย Valory Pavlik, PhD. จาก Baylor College of Medicine's Alzheimer's Disease and Memory Disorders Center ได้นําเสนอผลการวิจัยในงานประชุมประจําปีของ American Academy of Neurology ที่เมืองชิคาโก
การวิจัยนี้ติดตามผู้ ป่วยโรคอัลไซเมอร์ กว่า 847 คน ที่เป็นโรคนี้มาโดยเฉลี่ย 5 ปีแล้ว ประมาน 67% ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ทานวิตามิน อี 1000 IU วันละ 2 ครั้ง พร้อมกับยาอัลไซเมอร์ ที่มีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ cholinesterase (cholinesterase inhibitor) น้อยกว่า10% ของผู้ป่วยทานเพียงวิตามิน อี อย่างเดียว และอีกประมาน 15% ของผู้ป่วยไม่ได้ทานวิตามิน อี

ผลจากการวิจัยนี้พบว่า ผู้ป่วยที่ทานวิตามิน อี //-ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ทานยาควบคู่ไปด้วย หรือไม่ได้ทานยาเลย //-มีโอกาสที่จะเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้ทานวิตามิน อี ถึง26%

นอกจากนั้น ผลการวิจัยได้ชี้ว่าการทานวิตามิน อี ควบคู่กับการทานยาอัลไซเมอร์ ที่มีฤทธิ์ต้านเอนไซม์ cholinesterase จะมีผลดีมากกว่าการทานอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นอกจากนั้นการทานวิตามินอีในปริมาณที่สมควรยังช่วยชลอความชราภาพของผิว ยับยั้งการทำลายหรือการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวต่างๆช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต แสงอุลตร้าไวโอเลตเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย

การทานวิตามิน อี จะช่วยป้องกันเซลล์ผิวชั้นนอกจากแดด และช่วยป้องกันการอักเสบด้วยค่ะ หรือถ้าเป็นแผลวิตามิน อี ก็จะช่วยสมานแผลค่ะ และจุดด่างดำจากสิวได้ดีมาก ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ปัจจัยที่มีผลสำคัญที่สุดต่อความชราภาพของผิวคือ ผิวแห้ง และการขาดสมดุลย์หรือเกิดความบกพร่องของความสามารถในการอุ้มน้ำของในชั้นผิว หนังจะทำให้สูญเสียน้ำและแห้ง

•ภูมิ คุ้มกันในร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น ไลดการเกิดโรคที่ไม่พึงประสงต่างๆนาๆ
•ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ
• ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย.....ใครทำงานแล้วง่วงหงาวหาวนอนตลอดเวลาวิตามิน อี ช่วยได้จ้า





 

วิตามิน อี สามารถพบได้ในอาหารเสริม นํามันพืชบางชนิด ถั่ว และผักใบเขียว



ขอบคุณผู้จัดการออนไลน์และกระปุกดอตคอม สำหรับบทความดีๆนะคะ ยังมีข้อมูลอื่นๆที่มีประโยชน์อีกมากมาย ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้นะจ๊ะ



เครดิต: อ้างอิงข้อมูลจาก เวบไซต์ GNC Health & Wellness กระปุกดอตคอม ผู้จัดการออนไลน์



ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
http://bowaynita.lnwshop.com/ **ส่งฟรี**
วิตามินลดเซลลูไลท์30เม็ด 560 บ. HOT~!!
วิตามิน E 400 mg.
วิตามินC 2,700 mg.
Puritan Hyaluronic Acid 100 mg
Collagen premium 100,000mg
Collagen นางฟ้า 120,000mg.
Puritan\'s Pride bilberry 1,000mg
Green Tea Fat Burner