คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : คาบเรียนที่ 8!! ความตายที่อยากหยุดยั้ง
คาบเรียนที่ 8!! ความตายที่อยากหยุดยั้ง
ฮิบาริ เคียวยะหรี่ตามองผ่านควันสีชมพูหลังจากที่รู้สึกตัวว่าถูกเคลื่อนย้าย…?
กลิ่นเลือดฉุนกึกกระทบเข้าสู่โสตประสาท--เสียงลมหายใจ ฝีเท้าของคนเป็นกลุ่มเองก็ด้วย
ความรู้สึกหงุดหงิดก่อตัวขึ้นในใจกรรมการคุมกฏหนุ่ม..
“พวกสัตว์กินพืชที่จับกลุ่มกัน..”
เจ้าสัตว์กินพืช ซาวะดะ อิเอยาสึ ก่อเรื่องวุ่นวายไม่เว้นวัน..
รวมถึงวันนี้ก็ด้วย…
แต่ยังไม่ทันที่ควันจากบาซูก้าทศวรรษจะจางหายไป คมดาบที่ไม่รู้ที่มาก็ตวัดผ่านผ่านควันสีชมพูมาปะทะกับทอนฟ่าที่ยกขึ้นมากันตามสัญชาติญาณ!
“มันโดนบาซูก้าทศวรรษ! ฆ่ามันให้ได้ก่อนที่คนปัจจุบันจะกลับมา!”
เสียงพูดโหวกเหวกสั่งการและขานรับคำสั่งในภาษาที่ฮิบาริไม่เข้าใจ
ภาษาอิตาลี่?
แต่ถึงไม่เข้าใจยังไงความรู้สึกมุ่งร้ายและรังศีฆ่าฟันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี...ว่า..ชาวต่างชาติเหล่านี้เป็นศัตรู..
“จะขย้ำ--”
ปืนหลายกระบอกถูกชักขึ้นมากระหน่ำยิงใส่ฮิบาริที่พุ่งเข้าใส่คนที่ใกล้ที่สุด มือฟาดทอนฟ่าเข้าใส่โดยไม่คิดยั้งแรงไว้เหมือนทุกครั้ง
ถึงจะไม่แน่ใจว่าที่นี่ที่ไหนและถูกโจมตีเพราะอะไร แต่ในเมื่อพกอาวุธ จู่โจมและก่อความวุ่นวายในนามิโมริก็มีแต่ต้องขย้ำเท่านั้น!
สัตว์กินเนื้อหนึ่งเดียวขย้ำฝูงสัตว์กินพืชจนหน้ำใจ--ถึงจะรู้สึกรำคาญมากกว่าสนุกแต่อย่างน้อยก็ได้ที่รองมือรองเท้ามาให้หายหงุดหงิดไปได้บ้าง...และถึงจะพึ่งต่อสู้กับผู้ใหญ่นับสิบคนแต่ร่างกายของฮิบาริก็มีเพียงรอยเฉียดของกระสุน ร่องรอยของมีดและการต่อสู้ที่ไม่หนักหนามากเท่านั้น
ฮิบาริมองหาศัตรูอีกรอบเพื่อความแน่ใจ...ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับ…
“โลงศพ…?”
ตราสัญลักษณ์แห่งวองโกเล่ที่ช่วงนี้เห็นผ่านตาบ่อยๆจากเจ้าหนูถูกสลักลงบนฝาโลง...ทั้งงดงามทั้งดุดันในเวลาเดียวกัน…
ถ้าเป็นตรานี้...ก็หมายความว่าศพที่อยู่ข้างในเป็นหนึ่งในพวกสัตว์กินพืชซาวาดะ อิเอยาสึ…
ความสงสัยที่ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ทำให้ฮิบาริเลื่อนมือไปเปิดฝาโลง
แต่ว่ามั--
ควันสีชมพูปรากฎขึ้นอีกครั้ง…
181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818181818
ร่างสูงในชุดสูทที่เชิ้ตตัวในเป็นสีม่วงหัวเราะออกมาครึ่งคำ... สายตามองเข้าไปในโลงศพที่ถูกแง้มเอาไว้โดยตัวเขาในสิบปีที่แล้ว…
อนาคตถูกเปลี่ยนแล้ว...
มุมปากยักยิ้มขึ้นน้อยๆก่อนจะเลื่อนฝาโลงให้ปิดลงอีกครั้ง
เพราะร่างกายที่เย็นเชียบของเจ้าสัตว์กินเนื้อในคราบสัตว์กินพืชนั่น….
“หายไปแล้ว...”
แกร็บ..
ฮิบาริ เคียวยะละสายตาออกจากโลงศพตรงหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ตัวว่ามีกลุ่มคนจำนวนมากกว่าเมื่อกี้สองเท่าตรงมาทางนี้
"โรล...มาเล่นโบว์ลิ่งกันเถอะ..."
TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18TYL18
สึนะแทบจะทรุดตัวลงทันทีที่สายตาคมกริบของเคียวยะ ฮิบาริถูกม่านควันสีชมพูบดบังไปอีกครั้ง
“แค่ก---แค่ก”สึนะพยายามหายใจ แต่ร่างกายไม่ยอมตอบสนองเขาเลย ขาเขาสั่นจนรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหว---และกำลังล้มลง---
“น่าๆ...ใจเย็นๆสิสึนะโยชิคุง..”เบียคุรันรับสึนะแล้วพยุงเขาเอาไว้
“กรรมการคุมกฎคุงตัวใหญ่ไปแล้วหล่ะ?”
“เพราะงั้น...หลับให้สบายเถอะนะ สึ-นะ-โย-ชิ-คุง”เสียงหัวเราะอันคุ้นหูดังแผ่วลง...จนหายไปในที่สุด..
สึนะหลับไปทั้งที่อยู่ในเงื้อมือของชายที่ชื่อเบียคุรัน…
และในโลกนี้...ไม่มีใครคิดจะมาช่วยเขาเลย…แม้แต่คนเดียว….?
แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะสึนะโยชิคุง~
เพราะจนกว่าจะถึงตอนที่เธอเล่นเกมกับฉันได้อีกครั้ง…
ฉันจะอยู่ข้างๆเธอเอง……….
เพราะงั้นนอกจากด้วยฝีมือของฉัน...
เธอห้ามตายอีกนะ?
100271002710027100271002710027100271002710027100271002710027100271002710027
“หืม..?”ผมกระพริบตาช้าๆภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้นจากความมืดมิดเมื่อครู่..
“ตื่นแล้วเหรอแกนะ”เสียงที่ติดรำคาญอันคุ้นเคยกล่าวจากที่ไกลๆ…
หรือผมยังตื่นไม่เต็มตาก็ไม่รู้? อึก--ปวดหัว--
“หือ?..เอ่อครับ?”ผมลุกขึ้นมาช้าๆ...เอามือกุมหัวเพราะรู้สึกเหมือนมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เออดี ตื่นแล้วก็ไปซะ ชู่ๆ ฉันไม่รักษาผู้ชายเพราะงั้นอย่ามาแย่งเตียงสาวน้อยในอนาคตของฉันเฟ้ย ชิ้วๆ”
เสียงแบบนี้มัน...
ไทรเด็ทน์ ชามาล…
มาทำอะไรที่นี่?
ผมหรี่ตามองภาพเบลอๆที่ควรจะเป็นหน้าเขาที่ถูกบังไว้ด้วยนิตยสารเพลย์บอยที่เขากำลังอ่านอยู่เกือบครึ่งหน้า
มองไม่ชัดเลย? แว่นอยู่ไหนนะ?
ผมอ้าปากและกำลังจะเอ่ยถามเรื่องแว่นตา--
แต่ก็หยุดก่อนที่จะถามออกไป...ทั้งๆที่เขาเองก็มีตัวตนอยู่ในอีกมิตินึงแท้ๆ
น่าแปลกที่ผม...เจอเขาแล้วไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไร?
แน่นอนว่าผมคิดถึงเขาจริงๆ...ตาแก่ที่พล่ามเรื่องไม่รักษาผู้ชายแต่ก็ช่วยชีวิตเขากับทุกคนไว้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
คงเพราะผมยอมรับเรื่องที่เขาป่วยและตายหลังจากที่จากที่ฮายาโตะรับตำแหน่งมือขวาเพียงสามปี
ถึงจะไม่พูดออกมาแต่ฮายาโตะนับถือชามาลเหมือนพ่อคนนึง…
และฮายาโตะรับมันได้ไม่ดีเท่าไร...เขาขอลาหยุดและเก็บตัวไปพักนึง...แน่นอนว่าผมให้เวลาเขา..แต่มันนานเกินไปจนผมเป็นห่วง...แรมโบ้ที่ไม่เข้าใจสถานการ์ณเองก็พยายามที่จะให้กำลังใจด้วยการเล่นหรือกวนประสาทเขาไปตามประสาเด็กๆ
ฮายาโตะตอบรับมันไม่ดีเท่าไรและตะคอกหรือลงความรู้สึกตัวเองกับทั้งแรมโบ้ อี้พิง และฟูตะ
ผมยังจำมันได้ดี..เด็กๆที่หลบอยู่หลังผมทั้งน้ำตา สั่นกลัวกับภาพคนแปลกหน้าที่เคยเป็นพี่ชายที่ถึงจะอารมณ์ร้อนแต่ก็ใจดีมาเสมอ
และในตอนนั้นนั่นแหล่ะที่ผมฟิวขาด
ผมประกาศสงครามกับหนึ่งในเพื่อนสนิทหรือมือขวาของผมเอง
ผมสู้กับเขาจนเกือบตายกันไปข้างนึง ต้องบอกว่าโชคดีที่ตอนนั้นเราอยู่ในคฤหาส์ส่วนตัวที่ถูกสร้างใหม่ของผมไม่ใช่คฤหาสน์เก่าแก่ของวองโกเล่...ไม่งั้นเราคงโดนรีบอร์นฆ่าก่อนจะได้ทำอะไรแหง...
เพราะตัวคฤหาส์นนั่นถูกระเบิดหายไปครึ่งนึงด้วยฝีมือฮายาโตะ...พร้อมๆกับสวนญี่ปุ่นของฮิบาริและคลังวิสกี้ของแซนซัส
อีกครึ่งนึงก็ไม่วายถูกผมแช่แข็งไปพร้อมๆกับคลังอาวุธของสะสมของรีบอร์นและแล็ปลับของเวรเด้ที่ไม่รู้ถูกสร้างขึ้นตอนไหนด้วยซ้ำ..
แน่นอนว่าห้องเอกสารของผมก็โดนบึ้มไปด้วย...
คงต้องขอบคุณทาเคชิกับรีบอร์นที่รู้งานและลากเด็กๆและทุกคนออกมาจากคฤหาส์นก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที
จนกระทั่งเราทั้งคู่หมดแรงลงไปกองกับพิ้นและฮายาโตะยอมเปิดใจระบายแล้วยอมรับผมอีกครั้งนั้นหล่ะ…เรื่องถึงได้สงบลงอีกครั้ง
แต่รีบอร์น ฮิบาริและแซนซัส ไม่ได้ดีใจกับผลลัพท์จากการต่อสู้เท่าไร....และไล่ล่าพวกเราตลอดสามอาทิตย์จนต้องหนีไปอยู่กับฟงที่จีนพักใหญ่
ถึงทุกอย่างจะออกมาดีในตอนท้ายแต่ถ้าเป็นไปได้
ผมก็อยากหยุดมัน…
การตายของชามาล...
ฮายาโตะจะได้ไม่ต้องเสียใจเรื่องนั้น...และไม่ต้องเก็บเรื่องที่ตะคอกใส่อารมณ์ใส่เด็กๆไว้เป็นแผลใจเล็ดๆที่แก้ไม่ได้อีก
เเต่น่าเสียดายที่ฮายาโตะไม่ได้บอกว่าเขาป่วยเป็นอะไรตาย
ไม่งั้นหล่ะก็…
“เฮ้ยๆ!! นี่แกฟังอยู่มั้ยเนี่ย!?”สิ้นเสียงเรียกที่ผมพึ่งได้ยินนิตยสารในมือเขาก็บินมากระแทกหน้าผมที่ยังคงมึนๆจนหงายลงไปนอนอีกรอบ
“โอ้ย---เจ็บๆ!”ผมกุมจมูกตัวเองที่โดนกระแทกเข้าเต็มๆแล้วเหลือบไปมองนิตยสารที่ตกอยู่ข้างเตียง
อ่ะ เเว่นตา?
มันถูกวางทับผ้าเช็ดหน้าของผมไว้ข้างๆเตียง
“เหม่ออะไรของแก? ฟื้นแล้วก็ออกไปสิฟร่ะ--”
ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบยังไงดี เพราะเคยอายุอ่อนกว่าเขามากและปกติก็มัวแต่วุ่นวายไม่ให้เขาตีกับฮายาโตะด้วยก็เลยก้มลงไปเก็บแว่นตากับผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา
“เอ่อคือ--”
ครืด---
เด็กที่เปิดประตูเข้ามาเป็นเด็กผู้หญิง--
“ไงจ๊ะสาวน้อยมาหาฉันเพราะคิดถึ---”
“ขอโทษนะคะ---อาจารย์!! แต่มัตสึชิดะคุงเขา--”
เสียงคุ้นๆยังไงไม่รู้แฮะ?
“โทษทีนะสาวน้อยแต่ฉันไม่รักษาผู้ชาย...แต่ถ้ารักษาเธอละก็--”
“เป็นลมชักคะ!!”
ผมลุกขึ้นพรวดพราแล้วคว้าผ้าพันเเผลสะอาดใส่มือ
“อึก--”ผมเซวูบ รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา...บางทีคงเพราะลุกเร็วเกินไป
ผมหันไปมองชามาลที่ตาเบิกกว้างขึ้นนิดหน่อยและดูไม่แน่ใจว่าควรจะหักคำพูดตัวเองแล้วไปช่วยหรือปล่อยให้เป็นไป
“นำไป”ผมพูดกับเด็กสาวตรงหน้าพร้อมกับใส่แว่นในมือ--ตาเบิกกว้าง--เพราะพึ่งจะรู้สึกตัวว่าเธอคือ…
เคียวโกะจัง...
“ซือคุง…”
ผู้หญิงที่ผมเคยหลงรักมาตลอดจนเธอแต่งงานกับ...พลเรือนปกติที่ไม่มีประวัติเกี่ยวกับมาเฟียและประวัติอาชญากรรมก็มีแค่ใบสั่งกับเรื่องเล็กๆน้อยๆสมัยวัยรุ่นเท่านั้น..
ผมยังจำตอนที่ได้อุ้มเคียวกะลูกชายคนแรกของทั้งสองคนได้อยู่เลย..
ตอนนี้...ที่นู่นจะเป็นยังไงบ้างนะ…
“ค่ะ!”ผมสะดุ้งเสียงเธอจนหลุดออกจากภวังค์ความคิดและถึงสายตาที่มองมายังผมสลับกับชามาลจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือแต่ก็ยอมวิ่งนำผมไปโดยดี
“ชามาล!”ผมหันไปเรียกเขาจนเขาหลุดออกจากความคิดของตัวเอง สายตาไม่แน่ใจว่าควรจะช่วยเด็กหรือไม่...
“โทรศัพท์!”ผมตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกวิ่งตามเคียวโกะจั--ไม่--ซาซางาวะจังไป
“ทางนี้ค่ะอาจารย์ซาวาดะ!”เธอตะโกนกลับมา--ผมเห็นกลุ่มนักเรียนและอาจารย์พล่ะประจำโรงเรียนยืนมุงอยู่รอบๆอะไรบางอย่าง
ซึ่งก็คุงเป็นมัตสึชิดะคุงที่ว่า
“หลบไป!”ผมตะโกนลั่น ฝูงนักเรียนแตกหือในขณะที่สีหน้าของอาจารย์พล่ะนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่คิดว่าผมจะมีประโยชน์หรือช่วยให้สถานการ์ณดีขึ้นเลยซักนิด--
“ถอยไป!อย่างน้อย 3 เมตร! อย่ามุง!”ผมตวาดคำสั่งก่อนจะคุกเข่าลง
ผมมีประสบการ์ณหลายรอบเพราะหนึ่งในลูกน้องของผมมีคนนึงเป็นโรคลมชักขั้นรุนแรง
“คุณ!”ผมหันไปเรียกอาจารย์พล่ะ
“มาจับแขนขาเขาอย่าให้กระแทกพื้น! เธอ!มาช่วยประคองหัวเขาไว้!”ผมชี้เด็กหนุ่มท่าทางแข็งแรงคนนึง
แม้จะแปลกใจนิดๆแต่พวกเขาก็รีบทำตามคำสั่งผมโดยดี
“เราจะพลิกตัวเขาหนึ่ง สอง สาม ฮึบ”ผมลดเสียงลงแต่ก็เสียงดังพอให้ทุกคนได้ยินคำสั่ง หลังจากนั้นก็แกะม้วนผ้าพันแผลสะอาดออกมาปั้นนึงแล้วใส่เข้าไปในปากกันการกัดลิ้น
“ฉันเรียกรถพยาบาลแล้ว!”เป็นชามาลเองที่วิ่งเข้ามาดูสถานการ์ณพร้อมรายงานว่าคำสั่งสั้นๆของผมนั้นส่งไปถึง
ชามาลคุกเข่าลงมาเช็คสภาพมัตสึชิดะแล้วพยักหน้าให้ผม
ตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
เพียงไม่กี่นาทีเสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้นแว่วๆ
“หนึ่งในพวกเธอไปแจ้งหน่วยกรรมการคุมกฎ อีกคนช่วยไปนำทางรถพยาบาลเข้ามาที”ผมหันไปบอกเด็กนักเรียนที่ยังคงยืนเป็นห่วงเพื่อนกันอยู่ไม่ไกลเท่าไร
หลังจากนั้นก็เป็นครูพล่ะที่ตามไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการเด็ก
ผมปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจที่ทุกอย่างดูจะผ่านไปได้ด้วยดี…
ก่อนจะรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองผมอย่างสงสัย..
เสียงซุบซิบจากเด็กนักเรียนทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน
“เออใช่เรื่องเมื่อกี้--”ผมหันไปเพื่อมองชามาลที่กำลังพูดอะไรซักอย่างขึ้นมา--
แต่...
สายตาผมก็สบเข้ากับ…พวกเขา...
ห่างจากผมไปไม่ไกล…ที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ
ฮายาโตะ...
ทาเคชิ...
และคนที่…อยู่(ในที่ของผม!)ตรงกลาง
ผมสีน้ำตาลทอง...ตาสีฟ้า...ใบหน้าที่ดูหมดห่วงจากสถานการ์ณเมื่อครู่…
มือที่ประสานกับมือของเคียวโกะจัง…
ฮานะที่กำลังแกะมือเขาออกจากเคียวโกะจังตาขวาง
ทาเคชิที่กำลังหัวเราะกับท่าทางทั้งตกใจทั้งอายของ...เด็กคนนั้น
ในขณะที่ฮายาโตะกำลังข่มขู่ให้ฮานะประสานมือสองคนนั้นเข้าหาหันใหม่…
อึก--!
“...”ผมกุมหัวร่างกายสั่น--? เจ็บไปหมด--เล็บผมจิกเข้ากับแขนตัวเอง มึนหัว---รู้สึกเหมือนอยากจะอ้วก--
นั่นมันที่ของฉัน!!!!!!
ถอยออกจากพวกเขา!!!!
สิทธิ์นั่นควรจะเป็นของฉัน!!!
น้ำใสๆไหลออกจากดวงตา
พลั่ก!!
หัว...? ของผมกระแทกเข้ากับ...อะไร? พื้นงั้นเหรอ...?
“เฮ้ย--เป็นอะไรของแ---”เสียงชามาลเลือนลางอยู่ในโสทประสาท--
“เฮ้ย!!--ถอย---มุง-”ผมได้ยินเสียงเขาเป็นระยะๆเท่านั้น--
และก่อนที่ผมจะละสายตาออกมาจากภาพบาดตานั่น…
ทาเคชิ--ยามาโมโตะคุง...กลับหันมา…
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง---
ไม่รู้ว่าผมเพ้อไปเองรึเปล่า...แต่ว่า…
‘สึนะ...?’
ความคิดเห็น