ตอนที่ 16 : Chapter : 10
บทที่ 10
-Filena-
หลังจากที่ฉันได้รู้ว่าท่านพี่จะออกเดินทางไปที่หอในวันพรุ่งนี้ ฉันก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วเพื่อมาคุยกับท่านพี่ที่ห้องของเขา
ทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงไม่ยอมบอกล่ะ แบบนี้ฉันจะไปเตรียมของส่งทันได้ไงเล่า (ไคลด์ก็ไม่เห็นจะพูดอะไรด้วย) เมื่อก่อนท่านพี่เวลามีเรื่องอะไรก็จะมาบอกให้ฉันกับไคลด์ฟังตลอด ทำไมเดี๋ยวนี้พอโตๆขึ้นกลับเงียบเหมือนในเกมซะงั้น???
ฉันเดินตามทางมาเรื่อยๆ ระหว่างเดินมาก็เห็นพวกคนใช้ทั้งหลายต่างขนสัมภาระออกมาบางส่วน นี่แน่ใจนะว่าของที่จะเอาไปไว้ที่หอพัก นึกว่าขนหนีน้ำท่วมซะอีก ระหว่างที่ชำเลืองมองพวกเขาที่กำลังวุ่นวาย ฉันก็เห็นห้องของท่านพี่จากนี้อีกไม่กี่ห้อง
“ท่านพี่คะ!!!” พอฉันถึงหน้าห้องของท่านพี่ ฉันก็รีบตะโกนออกไปสุดเสียง
ท่านพี่กาเร็ธที่กำลังเก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋า ก็ตกใจกับเสียงที่ฉันตะโกนออกไป เขาค่อยๆหันมาเพื่อตรวจสอบความแน่ใจว่าใช่เจ้าของเสียงที่เขาคุ้นเคยหรือไม่ พอเห็นว่าใช่เสียงที่ตนคุ้นเคยแล้ว จึงค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฟิเลน่าเองงั้นเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ท่านพี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆแบบปกติ
“ท่านพี่ทำไมไม่บอกหนูเรื่องย้ายเข้าหอพักล่ะคะ!” ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆท่านพี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากฉันนัก ด้วยท่าทีเคืองๆไม่พอใจอะไรซักอย่าง
ท่านพี่ไม่ได้ตอบอะไรฉันกลับมา แต่ว่าเขาเหมือนจะหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะของเขามาฉบับหนึ่ง ท่านพี่ยื่นจดหมายนั่นมาให้ฉันแทนคำตอบ พอฉันเปิดอ่านดู จดหมายฉบับนี้มันกล่าวรายระเอียดเรื่องการเข้าศึกษาที่นั่น
โรงเรียนเวทมนตร์ ‘ลอเรเนีย’ โรงเรียนเวทมนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 4 อาณาจักร ชื่อของโรงเรียนแห่งนี้เป็นชื่อของผู้อำนวยการที่เป็นเอลฟ์ (เอลฟ์ล่ะ!!!) เธอได้จัดตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมาเพื่อขัดเกลานักเวทย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การเรียนในที่แห่งนี้นั้น จะเข้าได้ก็ต่อเมื่อบรรดาผู้ใช้เวทย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฐานะใดๆทั้งสิ้น ก็ล้วนสามารถเข้าโรงเรียนนี้ได้ เมื่ออายุครบ 15 ปี บริบูรณ์ แต่เพื่อกำจัดปัญหาความแบ่งแยกชนชั้นกัน ผู้อำนวยการจึงจัดตั้งห้องเรียนสำหรับขุนนางและผู้ที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งอยู่ด้วยกัน และห้องที่เหลือก็ตามอัธยาศัย
ใช้เวลาเรียนเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งแบ่งออกเป็นจำนวน 3 คลาส คือ
1. เฟิร์ส เพลเยอร์ คลาส : จะเป็นชั้นสำหรับเด็กที่มีอายุ 15 ปีหรือพอใครเข้าศึกษาที่นี่เป็นปีแรกก็จะอยู่คลาสที่ว่านี่
2. อัน ดฺ ซัลเวอร์ คลาส : สำหรับเด็กที่ผ่านการสอบของคลาสแรกแล้วพออายุ 16 ก็จะ ได้เลื่อนขั้นสูงกว่า เฟิร์ส เพลเยอร์ คลาส
3. ทริเรด คลาส : เหมือนกัน สำหรับเด็กที่ผ่านการสอบของคลาสที่สองแล้วพออายุ 17 ก็จะ ได้เลื่อนขั้นสูงกว่า อัน ดฺ ซัลเวอร์ คลาส และจะมีสิทธิพิเศษสามารถออกไปข้างนอกโรงเรียนได้
4. ลาสเอนด์ ฟินิจ คลาส : เป็นคลาสพิเศษสำหรับคนที่จะศึกษาต่อที่นี่ เพราะถ้ามีนักเรียนคนไหนจบจากคลาสนี่ จะได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้เข้าศึกษาสูงสุดจากพระราชาโดยตรง และมีอำนาจพิเศษต่างๆจากราชา
ก็...มีแค่นี้ แต่ว่าพวกที่เข้าไปเรียนนั้นต้องนอนหอที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้เพื่อเป็นการกักตัวนักเรียนไม่ให้ออกไปวุ่นวายข้างนอก เพราะพอเข้าโรงเรียนแล้ว ทุกคนจะได้รับอาวุธที่เหมาะสมกับตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพลังเวทย์ และพอจบการศึกษา ไอ่อาวุธนั่นก็ยังสามารถเอาเป็นของตัวเองได้ซะด้วย
ฉันอ่านไปเรื่อยๆ จนบรรยากาศรอบตัวนั้นเงียบไปหมด เหล่าคนใช้ทั้งหลายที่ต่างทำเสียงดังตึงตังเพราะเก็บของ ตอนนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว ในบรรยากาศที่เงียบสงบนั่น ท่านพี่ก็เปิดปากพูดออกมา
“พี่ก็ตกใจเหมือนกัน หลังจากที่อ่านจดหมายนี่”
“ค่ะ ใครที่เปิดอ่านนี้ก็ต้องตกใจเหมือนๆกันแหล่ะค่ะ แล้วเรื่องนี้ไคลด์รู้หรือยังคะ?” ฉันพูดพร้อมกับพับจดหมายกลับเข้าซองเหมือนเดิม
“รู้พร้อมๆกับพี่นี่แหละ ฟิเลน่าคนเดียวแหละมั้ง ที่ยังไม่รู้เรื่องนี้” คำพูดที่ดูซอฟของท่านพี่นั้นมันดูหนักแน่นสำหรับฉัน เหมือนกับบอลลูนคำพูดนั่นมันแทงมาที่หัวใจฉันดัง ฉึก! งั้นแหละ
“ขะ ขอโทษที่ไม่ใส่ใจค่ะ” ฉันที่รู้สึกผิด เพราะมัวแต่สนใจเรื่องที่องค์ราชินีชวนไปดื่มชาจนไม่ทันได้สังเกตคนในครอบครัว
พอท่านพี่เห็นฉันท่าทางหงอยๆแล้ว จู่ๆก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ฝ่ามือของท่านพี่ส่งผ่านมาที่หัวของฉัน ฉันที่รู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้นมามองท่านพี่
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ สำหรับฟิเลน่า...เรื่องสำคัญต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้วนี่...เนอะ?” ท่านพี่พูดให้กำลังใจฉัน พร้อมกับส่งยิ้มที่มีดาเมจอันรุนแรงมาให้ฉัน
อ๊ากกกก เห็นรอยยิ้มนี่แล้วความเหนื่อยล้าเกือบทั้งหมดแทบหายไปเลย...อิจฉาคุณนางเอกแล้วสิถ้าเกิดได้ท่านพี่ไปครอบครองเนี่ยยยย
แต่ท่านพี่ตอนที่อายุ 15 นี่...แจ่มแมวเลยค่า!!! รูปร่างของท่านพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ยังเท่สุดๆ! ถึงตอนนี้จะยังไม่เจอท่านพี่ตอนอายุ 17 แต่ว่าท่านพี่ตอนนี้ก็หล่อกระชากใจแล้วค่ะ!
“อะ แฮะๆ ขอบคุณมากค่ะ!” ฉันที่รู้สึกหงอยๆเมื่อกี้ ก็กลับมาสดชื่นอีกครั้ง ต้องแบบนี้สิตัวฉัน ฉันจะจมปักกับอดีตไม่ได้ ในเมื่อวันนี้ฉันพลาดไปฉันต้องเริ่มใหม่ภายในวันพรุ่งนี้
พอฉันจะเรียกชื่อของท่านพี่ ก็กลับเห็นสีหน้าที่ดูหม่นหมองของเขามองมาที่ฉัน เอ๊ะ...ไม่สบายหรอ? พอฉันจ้องหน้าเขากลับไปเขาก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เหมือนกับเขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่
แต่ว่านะ ตลอดเวลาทั้งปีที่ผ่านมา ฉันสังเกตมาซักพักแล้ว ทำไมแววตาของท่านพี่มันกลับเหมือนสัตว์ป่าที่ดูอันตรายตลอดเวลางั้นแหละ (บางครั้งก็ตาฝาดไปเห็นสีตาของเขาเปลี่ยนบ้างแหละ)
“ท่านพี่ ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ?” ฉันทักถามท่านพี่ที่กำลังทำสีหน้าหมองๆเมื่อกี้
คำถามของฉันที่เมื่อกี้ จู่ๆเขาก็หลุดจากห้วงความคิดของเขาแล้วกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“...ไม่เป็นไรหรอก ฟิเลน่าไปพักเถอะนะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆละสิ เดี๋ยวเจอกันตอนทานข้าวเย็นนะ” ท่านพี่พูดพร้อมกับดันหลังฉันให้กลับไปที่ห้องเพื่อพัก พอฉันออกจากห้องของท่านพี่เขาก็ปิดประตูทันที
“???...ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย”
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ทางเดินของคฤหาสน์ที่ปูด้วยพรมสีแดงตามทางเดินยาว ฉันที่กำลังเดินคอตกด้วยความเหนื่อยล้า มันเป็นเวลาที่ทุกคนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่เว้นแต่พวกสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ แต่ที่น่าแปลกคือ ทุกคนมักจะสงสัยว่าทำไมฉันถึงต้องออกมาตอนกลางคืนอีกแล้ว
ขอเล่าก่อน...คือ...หลังจากที่พวกเรารู้เรื่องที่ท่านพี่จะเข้าศึกษาที่โรงเรียนเวทมนตร์ จึงจัดงานเลี้ยงอำลาและฉลองท่านพี่ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากคฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า
แล้วทุกคนที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นสาวอายุน้อยๆ แต่เป็นคุณป้าอายุ 34 ที่อยู่ในร่างของเด็กอายุ 13 เท่านั้น แต่นั่นแหละ มันทำให้มันสมองที่ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ของฉันทำให้คิดอะไรดีๆออก ฉันจึงแอบปลีกตัวออกมาจากวงเฉลิมฉลองนั่น
จนถึงตอนนี้ไอ่ของที่ว่านั่น ฉันก็เพิ่งได้มันมาเมื่อตะกี้นี่เอง ตอนนี้ฉันต้องเอาของนี่ไปให้ท่านพี่ที่ห้องของเขาก่อน ทุกคนอาจจะคิดว่าทำไมถึงไม่ให้พรุ่งนี้เช้า
เอาจริงๆคือ...ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะตื่นไปส่งเขาไหวหรือเปล่า เพราะวันนี้ฉันเหนื่อยไปมากแล้ว ทางที่ดีฉันควรให้เขาในตอนที่ฉันยังตาสว่างยังจะดีซะกว่าอีก แล้วอีกอย่างคือเขาเป็นคนที่นอนดึกอยู่แล้ว อิจฉาเหมือนกันแฮะ ที่นอนอ่านหนังสือดึกๆๆด้โดยที่สายตามันไม่เสียเนี่ย...
ในขณะที่ฉันกำลังขบคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ฉันก็ได้เดินตามทางเดินมาจนถึงหน้าห้องของท่านพี่พอดี ฉันยืนถอนหายใจแรงๆ เพื่อเช็คความเตรียมพร้อม หลังจากนั้นฉันก็เคาะประตูห้องของเขา
“ท่านพี่คะ? ตื่นอยู่หรือเปล่า” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆประตู และกระซิบถาม
แกร๊ก..
ฉันได้ยินเสียงกลอนประตูปลดล็อคออก ฉันถอยออกมาจากประตูเล็กน้อย จากนั้นประตูก็เปิดออก ทำให้เห็นคนที่มาเปิดประตูให้ฉันด้วยแสงไฟสลัวๆจากตะเกียงที่เขาถืออยู่
“ฟิเลน่า? มาทำอะไรดึกๆดื่นๆน่ะ” ท่านพี่มายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับตะเกียงที่อยู่ในมือและสิ่งที่สะดุดตาที่สุด...ผ้าคลุมสีแดง... อุฟ เหมือนหนูน้อยหมวกแดงเลย!
“ชู่! ท่านพี่ ขออนุญาตเข้าไปข้างในก่อนนะคะ” ฉันพยายามให้ท่านพี่เงียบเสียงที่สุด
เพราะถ้าเกิดท่านพ่อหรือท่านแม่ คนใดคนหนึ่งตื่นขึ้นมา ฉันจะต้องโดนบ่นเรื่องแอบลักลอบเข้าห้องคนอื่นยามวิกาลแน่ๆ! บ่นฉันยังกะจะให้ฉันเป็นโรคจิตให้ได้เลยนะ
พอฉันเข้าไปในห้องของท่านพี่ ฉันก็ไปนั่งลงตรงปลายเตียงของเขาทันที ท่านพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อกี้ ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆฉัน แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“มานี่มีธุระอะไรล่ะ” ท่านพี่พูดขึ้นมาพร้อมกับวางตะเกียงที่ถืออยู่ไปไว้ตรงโต๊ะ
“นี่ๆ ท่านพี่คะ หนูให้นะ” ฉันยื่นของที่ฉันมาทั้งวันให้ท่านพี่ เจ้าสิ่งนั้นคือ ‘อควาพรามาเรีย’
มันคือดอกไม้น้ำแข็งขนาดเล็กทีสามารถเป็นสิ่งเตือนความปลอดภัยของเจ้าของ ถ้าเกิดมีสิ่งที่อันตรายเกิดขึ้นกับคนที่ครอบครองล่ะก็ มันจะมีละอองเล็กๆเหมือนดาวประกายระยิบระยับอยู่ (จินตนาการเหมือนผงพิกซี่ในทิงเกอร์เบลนั่นแหละ)
“หนูทำเป็นเข็มกลัดให้ท่านพี่ติดเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นท่านพี่ไม่ต้องเหงานะ! เดี๋ยวหนูจะส่งจดหมายไปให้ทุกอาทิตย์เลย!” ฉันยื่นอควาพรามาเรียให้ท่านพี่
ท่านพี่หยิบมันขึ้นไปดู ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มด้วยความวางใจออกมา (พักนี้ท่านพี่จะยิ้มบ่อยเกินไปแล้วนะ)
''หวังว่าท่านพี่จะชอ-" ฉันที่ยังพูดไม่ทันสิ้นประโยค ท่านพี่ก็จับไหล่ฉันแล้วผลักร่างของฉันเข้าหาตัวของเขา นะ นี่มันกอด!!!!!
ฉันที่รวบรัดสถานการณ์แทบไม่ทัน จึงพยายามจะผลักฉันออกจากกอดของเขา แต่พอยิ่งจะออกห่างจากเามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกอดขึ้นมาเท่านั้น เอาไงดีล่ะ ฉันควรจะกอดเขาตอบมั้ย???
“รู้มั้ยฟิเลน่า...ตั้งแต่พี่รู้จักเธอ ตั้งแต่นั้นมาพี่ก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น” ท่านพี่กระซิบข้างหูของฉัน ลมหายใจของเขามันตีกับหูของฉันจนร้อนผ่าว
“...คะ?” ฉันที่ไม่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อออกมาเมื่อตะกี้ จึงได้เพียงแค่ตอบรับคำพูดของเขาเมื่อกี้เท่านั้น
"ขอเพียงแค่นี้ พี่ก็พอใจแล้วล่ะ...." ท่านพี่พูดพร้อมกับเอาหน้าซบไหล่ของฉัน ฉันที่กำลังมึนๆอึนๆจนไม่รู้ว่าจะทำอะไร
เขาที่ดูเหมือนจะสื่อความรู้สึกอะไรซักอย่างให้กับฉันนะ แต่มันเป็นเพียงความรู้สึกที่เขามีให้ต่อฉัน ฉันจึงไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาที่จะสื่อมาให้คืออะไรกันแน่
ไอ่สถานการณ์นี่มัน....มันเหมือนกับตอนที่เล่นรูทกาเร็ธในเกมเลยนิ! มันเป็นฉากที่นางเอกให้กำลังใจกับกาเร็ธตอนที่เขาท้อเรื่องวีรกรรมของน้องสาวของเขา (บักฟิเลน่า ตัวร้ายนั่นแล...) ตอนนั้นที่กาเร็ธหมดความอดทนจึงกอดนางเอกเข้า
เอาไงดี;;; ถ้าเป็นนางเอกในเกม นางจะคอบปลอบใจและให้กำลังใจเขา แต่ในเหตุการณ์นี่มันคือฉัน ที่เป็นนางร้ายนี่สิ! ตอนนี้ฉันควรจะทำในแบบที่ฉันทำเมื่อโลกก่อนสินะ!
"ทะ ท่านพี่ ไม่ต้องเศร้านะคะ" ฉันพยายามจะไม่ให้พูดติดอ่าง ท่านพี่ที่เงียบไปเมื่อกี้ กอยู่ๆก็มีเสียงคิกคักขึ้นมา หะ หัวเราะ?
“เธอนี่นะ ดูเหมือนคนที่จะเข้าใจอะไรทุกอย่างแท้ๆ แต่เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เธอแทบจะไม่เข้าใจสินะ” ท่านพี่คลายอ้อมกอดเมื่อกี้ออกให้ฉันได้ขยับเขยื้อนอย่างอิสระ
"งะ งั้นหนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ!" ฉันว่าแบบนั้น จึงรีบลุกพรวดออกมาจากที่นั่งเมื่อกี้ แล้วก็รีบกลับห้องของฉันทันที สิ่งที่ฉันแทบไม่เข้าใจงั้นหรอ??? มันคืออะไรกันล่ะ???
ในคืนนั้นฉันแทบจะนอนไม่หลับเพราะสิ่งที่เขาบอกฉันมา มันทำให้ฉันเก็บไปคิดมากต่อในห้องของฉัน แต่ด้วยความเหนื่อยหรืออะไรซักอย่าง ทำให้วันรุ่งเช้าฉันแทบจะจำคำพูดของเขาเมื่อคืนแทบไม่ได้....
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
เวลาผ่านไปพรุ่งนี้เช้าก็มาถึง
ฉันกับไคลด์ ท่านพ่อ ท่านแม่ ก็มาส่งท่านพี่เดินทางไปศึกษาที่โรงเรียน ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตัวแสดงความยินดีที่ได้เข้าศึกษาและมาบอกลากันทั้งสิ้น
“อยู่ที่นั่นตั้งใจเรียนนะกาเร็ธ” ท่านพ่อจับไหล่ท่านพี่ด้วยความภาคภูมิใจ ผิดจากท่านแม่ที่ร้องไห้ฟูมฟายจนแทบจะไม่เหลือสภาพ
“อึก ฮึก ...แม่คงจะคิดถึงลูกมากแน่ๆ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะส่งจดหมายมาให้นะครับ” ท่านพี่พยายามพูดกับท่านแม่ เพื่อให้ท่านแม่สงบลงจากการร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท่านพี่ครับ ขอบคุณที่คอยให้คำแนะนำปรึกษาครับ” ไคลด์ยื่นมือไปทางท่านพี่ ท่านพี่ที่เห็นดังนั้นจึงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“อ่า ทางนี้ก็ขอบคุณเหมือนกัน” ท่านพี่ตอบรับด้วยการจับมือของไคลด์ไป พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ เรื่องแบบนี้เลยเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากสินะ สุดยอดเลย...ความสัมพันธ์ของลูกผู้ชายเนี่ย
“ฟิเลน่า” ท่านพี่กวักมือเรียกฉันไปหา พอฉันเห็นแบบนั้นก็เลยเดินไปตามสัญญาณ
“ขอบคุณที่ผ่านมานะ” ท่านพี่ยื่นมือมาเหมือนกับที่ไคลด์ทำเมื่อกี้ อ่อ...อยากจับมือกันก่อนไปงั้นหรอ
“ค่ะ! ท่านพี่ก็รักษาตัวด้วย-” ระหว่างที่ฉันกำลังเอื้อมมือเพื่อไปจับมือของท่านพี่
ท่านพี่ก็มาคว้ามือของฉันไว้ แล้วดึงตัวฉันเข้าไปในกอดของเขา
รัก? แบบไหนกัน? แบบพี่น้อง ครอบครัว? หรือว่ารักแบบ....
ตอนที่ฉันกำลังสับสนกับสิ่งที่ท่านพี่พูดออกมา ท่านพี่ก็จับไหล่ของฉันแล้วดึงออกให้ห่างจากตัว เขาทำท่าดีใจยกใหญ่
“ฉันนำหน้านายไปแล้วนะ” ท่านพี่หันไปมองไคลด์ที่กำลังตกตะลึงกับเมื่อกี้ พอไคลด์ได้ยินก็หน้าถอดสีไป
หลังจากนั้นท่านพี่ก็ได้ขึ้นรถม้าไป ฉันที่เงิบๆอยู่เมื่อกี้ก็ได้สติกลับมา อะไรของเด็กคนนั้นกัน!? ไปรู้คำพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ระ...หรือว่า ฉันเผลอไป 'ปักธง' เขาเข้า??? ไม่หรอกมั้ง!! ฉันเป็นป้าแก่แล้วเขาคงไม่สนฉันหรอก เอ๊ะ แต่ฉันอยู่ในร่างเด็กนี่นา ไม่น้า...คงรักเราแบบครอบครัวอยู่แล้วล่ะ คนอย่างท่านพี่กาเร็ธแล้ว ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าครอบครัวแน่นอน!
ท่านพ่อและท่านแม่ ที่ยืนมองเมื่อกี้ก็มาตบไหล่ฉันเบาๆ พร้อมกับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘มันเป็นการตัดสินใจของลูกนะ’ พอพวกท่านทั้งสองพูดจบ พวกเขาก็เดินกลับเข้าคฤหาสน์ไปทั้งอย่างงั้น ปล่อยให้ฉันกับไคลด์ที่อยู่หน้าประตูงงๆกันเอง
“เอ่อ ไคลด์ พี่ว่าเรากลับเข้าบ้านกันดีหว่านะ”
“...ครับ” ไคลด์ทำเสียงนิ่งๆก่อนที่จะตอบตกลงแล้วเดินเข้าคฤหาสน์ไปทั้งแบบนั้น อะไรเนี่ยเด็กพวกนี้ หรือว่าไคลด์จะเหงาเพราะท่านพี่ที่เป็นผู้ชายคนเดียวในคฤหาสน์ไปอยู่ที่อื่น?
ฉันมองไปทางซินเซียที่ยืนอยู่ตรงประตูเมื่อกี้ เธอก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายพร้อมกับหนักใจ ผสมปนเปจนกลายเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ดิฉันเหนื่อยใจแทนนายน้อยไคลด์เลยค่ะ...” เธอเอามือของเธอจิ้มไปตรงระหว่างคิ้ว อะไรกันเนี่ยคนบนโลกนี้ ขนาดมาอยู่ที่นี่ 7 ปี ฉันยังไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขาเลย!
============================================================================================
แฮร่!!!! สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้จะเป็นตอนหนึ่งก่อนที่ฟิเลน่าจะได้เข้าเรียนค่ะ ถ้าเกิดถามว่าไรต์อวยคู่ไหน คือ...เอาตริงๆไรต์ชอบคู่พี่น้องมากกว่า////// แต่คูอื่นไรต์ก็ชอบนะ ถถถถถ
โอ๊ะ อีกเรื่องหนึ่งคือ...ไรต์เปลี่ยนปกนิยายใหม่ค่าาาาา นี่เลย! ทั้งภาพทั้งปกในตอนนี้ไรต์ใช้เมาส์ปากกาวากแล ถถถถ โอเคกว่าวาดเมาส์หนูเยอะๆๆๆๆ
ถถถถถถ ชอบมากกกกก พอดีได้ยืมเมาส์ปากกาจากเพื่อนมา เลยถือโอกาศเปลี่ยนปกแม่มเลยค่ะ!!!! และก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆคนนะคะที่ยังติดตามอ่านกันจนถึงตอนนี้! ดาเบ๊ะ!
เลขสวยมาก....
พูดถึงคำพูดของท่านพี่ตอนกลางดึก แค่อ่านก็รู้แล้วว่าน้อยใจนาง สื่อขัดๆว่าพี่ไม่ได้สำคัญสินะงั้นก็ไม่ต้องสนใจหรอก แต่นางก็ยังแอ๊บใสซื่อบริสุทธิ์ไม่เก็ทไปอีกกกก
ตรงๆเลยว่านางให้ความสำคัญกับคนอื่นรอบตัวมากกว่าคนในครอบครัวทุกคน นางมักจะเมินเฉยกับคนในครอบครัว แล้วดี๊ด๋าระริกระรี้กับคนอื่นเสมอๆ ก็เข้าใจว่าไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริง แต่อยู่มาตั้ง 7 ปี ไม่ใช่เพราะครอบครัวนี้หรอเธอถึงยังมีความสุขอยู่ได้ ปากก็บอกว่ามีความสุขกับครอบครัวนี้แต่การกระทำกับสิ่งที่ไรท์สื่อผ่านตัวนางสวนทางกันมาก เพราะนางไม่มีความใส่ใจคนในครอบครัวเลย แย่มากกกก
อีกอย่าง ขณะที่นางพร้อมกอดคนอื่นไปทั่วโดยอ้างว่านางคือป้าแก่มองเด็กๆ แต่กับคนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันตลอด 7 ปี นางกลับทำตัวไม่ถูกจนดูเหมือนแสดงออกถึงความรังเกียจไม่ชอบใจ ซึ่งไม่เมคเซ็นเลย
อะไรคือการตกใจที่ถูกพี่ชายกอด ทำท่ารังเกียจใส่พี่ชายแบบนั้น ก็เข้าใจว่าตกใจอ่ะนะแต่เกินไปรึเปล่า ถ้านี่เป็นกาเร็ธคงโคตรน้อยใจเลย ลึกๆแล้วเป็นไปไม่ได้หรอกที่กาเร็ธจะไม่รู้สึกว่าน้องสาวอยากผลักตัวเองออกไป แบบอย่ามาแตะต้องนะ!! แบบนั้น แต่ก็มองข้ามและกลับมาคิดแง่ดีว่าน้องคงตกใจ
และอะไรคือการที่นางไปกอดคนอื่นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
พูดถึงการปักธง ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า เคมีกับกาเร็ธแรงมาก แต่เพราะความเป็นพี่น้องมันเลยออกจะไม่ถูกต้อง ส่วนไคลด์ต้องรุกกว่านี้ เคมีน่าจะสูง
แต่ไม่ว่านางจะปักธงใครต่อใครไปทั่ว คนที่คู่กับนางควรเป็นตัวละครลับในเกมจะดีกว่าตัวเลือกดาดดื่นที่มีอยู่แล้วมากกกกก
ซื้อบื้อไปไหมอ่า ?
ไหนว่าอายุ30กว่า อาชีพการงานก็ดี
ไม่น่าจะมาคีฟลุคอินโนเซ้นขนาดนี้นะ