ตอนที่ 51 : Chapter : 43
บทที่ 43
- Filena –
อีก 2 วันจะถึงวันงานเทศกาล รอบๆโรงเรียนก็เริ่มจะเห็นพวกพ่อค้าแม่ค้าจากด้านนอกมาจองสถานที่กันให้วุ่น พวกอาจารย์และนักเรียนเองก็เริ่มที่จะยุ่งๆด้วยเหมือนกัน ต่างคนต่างทุ่มเทให้กับงานโรงเรียนในครั้งนี้ด้วยความสนุกสนาน เห็นแบบนั้นเองฉันก็เริ่มที่จะตื่นเต้นกับงานประลองเวทมนตร์ที่ใกล้จะได้แข่งนี้เหมือนกัน
“น่าสนุกจริงๆเลยน้า เหมือนย้อนกลับไปช่วงที่เป็นวัยรุ่นเลยจริงๆ” มีคนกล่าวไว้ว่าช่วงเวลาในตอนนี้ถ้าไม่ลองดูก็จะไม่มีทางได้สัมผัสมันอีก แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะสัมผัสประสบการณ์ที่ว่านั้นเป็นครั้งที่สอง ช่างสุดยอดจริงๆ...
“อ๊ะ มีร้านขนมที่พี่สาวชอบด้วยนะครับ” ไคลด์มองบูธที่กำลังแขวนป้ายร้านด้วยท่าทางสนอกสนใจ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ชอบร้านนี้เป็นพิเศษหรอก เพราะเห็นว่าไคลด์ชอบโรลเค้กที่ร้านนั้นหรอกนะ เลยขอให้ท่านแม่ซื้อมาฝากบ่อยๆ
ยังไงซะของหวานก็ไม่ค่อยถูกปากฉันซักเท่าไหร่ แต่ก็กินได้แหละ
“ช็อกโกแลตเค้ก...” มิซาเอลบ่นพึมพำ พร้อมกับจ้องร้านช็อกโกแลตเค้กใหญ่ ฉันแอบอมยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของพวกเขา
“พวกนายชอบทานขนมอะไรงั้นเหรอ?” ถึงจะพอรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่แค่อยากเห็นปฏิกิริยาก็เท่านั้นเอง
“อืม...ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ผมค่อนข้างจะชอบทานโรลเค้กเป็นพิเศษน่ะครับ..”
“ช็อกโกแลตเค้ก…อร่อย”
“งั้น ก่อนแข่งขันพวกเรามาหาอะไรทานกันซักหน่อยแล้วกันเนอะ” ฉันยื่นข้อเสนอให้กับพวกเขา ทั้งคู่ยิ้มออกมาราวกับเห็นด้วย ถึงจะไม่ควรหาอะไรลงท้องก่อนแข่งก็เถอะ...แต่ถ้าเล็กๆน้อยๆล่ะก็คงไม่ได้ส่งกระผลกระทบเสียเท่าไหร่
“แล้วพี่สาวชอบทานอะไรงั้นเหรอครับ” ไคลด์ถามคำถามกลับมา พร้อมกับมิซาเอลที่ผงกหัวเล็กน้อยเหมือนต้องการที่จะรู้
“อืม...ถ้าพวกนายชอบฉันก็ชอบ เห็นพวกนายมีความสุขดีฉันก็ชอบแล้วล่ะ” ฉันพูดพร้อมยิ้มแป้น
จริงๆแล้วบทพูดพวกนี้ฉันมักจะเอาไว้ใช้กับพวกลูกน้องผู้หญิงที่ทำงาน ‘อันไหนเหมาะกับฉันที่สุดเหรอคะ’ คำถามสุดเบสิกแต่มักจะตอบยาก ฉันใช้คำพูดแบบนี้เอาตัวรอดมาได้ตลอด แล้วดูเหมือนจ้าตัวจะพอใจด้วย...
ปฏิกิริยาของพวกเขาเกินคาด...เขาทั้งสองคนเหมือนจะหันหน้าไปคนละทางพลางบ่นพึมพำอะไรบางอย่าง ‘เท่’ บ้างล่ะ ‘ขี้โกง’ บ้างล่ะ? ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่เข้าใจการตอบสนองของเด็กอย่างพวกเขาเลยจริงๆ
พวกเราสามคนมองบูธขายของอยู่ซักครู่ ก่อนที่จะเห็นเหล่าหน่วยองครักษ์ที่ต่างเดินกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบ แต่ความเรียบร้อยนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความหนักแน่นและสง่างาม...เหมือนกับกำลังเห็นการเดินสวนสนามยังไงยังงั้น
“ใกล้จะถึงงานเทศกาล....แต่ยังจับ..กูลอิณไม่ได้...”
“นั่นสินะ...แบบนี้จะไม่เป็นไรแน่เหรอครับ?”
จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ผู้อำนวยการแจ้งเตือนความปลอดภัยในตอนนั้น...นี่มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วนะ ก็ยังจับเจ้ากูลอิณอะไรนั่นไม่ได้...เหลือเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันก่อนที่จะเข้าสู่เทศกาลโรงเรียน...แบบนั้นมันจะไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ?
ถึงจะมีหน่วยอัศวินที่เก่งกาจแค่ไหน...แต่การปล่อยให้มันยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไอ่ความสามารถของคนพวกนั้นก็เป็นข้ออ้างว่าพวกเราปลอดภัยไม่ได้หรอก
‘ถ้าเกิด 'ฆ่า' คนสำคัญของเธอไปจะทำยังไง?’ คำถามที่เชอร์เบถามด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่ว่าจังสังเกตกี่ทีเด็กคนนั้นก็ไม่ได้ล้อเล่นกับสิ่งนี้...ถึงฉันจะตอบไปอย่างมั่นใจว่าจะให้เขาชดใช้ในสิ่งที่ทำโดยการให้มีชีวิต...
นั่นมันกรณีของมนุษย์...กูลอิณงั้นเหรอ? ถ้าเกิดเจ้านั่นโจมตีขึ้นมาฉันยังอยากให้มีชีวิตอยู่เหมือนกับมนุษย์หรือเปล่านะ?
…บางทีฉันเองก็ไม่เข้าใจตรรกะของมนุษย์อย่างเราๆเหมือนกันแฮะ
.
.
.
.
“เจ้าทึ่ม! จะโง่ก็โง่ให้มีขอบเขตหน่อยสิยะ!”
“เดี๋ยวสิ!!! ถึงฉันจะโง่ดักดานแค่ไหนจริงๆ ก็แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ยอมรับไม่ได้!”
“เห! งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ออกไปจากห้องสภาแล้วลืมหูลืมตามองมันซะ!”
“ฟังก่อนสิ! อีกอย่างฉันก็เป็นรุ่นพี่เธอนะ ฉันไม่ได้ติความคิดเห็นของเธอซักหน่อย—แค่บอกว่าฉันชอบที่ทานแซนวิชพร้อมกับชา...”
“อะไรล่ะนั่น! รสนิยมพิลึกพิลั่นนั่นน่ะ ม่าย—มีใครยอมรับมันหรอก! แซนวิชที่มีส่วนประกอบของขนมปังน่ะ! มันต้องทานกับนมอยู่แล้วสิ!”
“เดี๋ยวดิ—พิลึกขนาดนั้นเชียว???”
อัลเดน คาลอส นักเรียนระดับชั้น ทริเรด คลาส ที่กำลังต่อร้องต่อเถียงกับนักเรียนชั้น เฟิร์ส เพลเยอร์ คลาสอย่างเชอร์เบอย่างเอาเป็นอาตายโดยไม่คาดคิดมาก่อน...จริงๆแล้วถึงเรื่องที่พวกเขากำลังทะเลาะกันนั้นมันดูเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ แต่พอคิดว่าเถียงกันเรื่องเครื่องดื่มที่กินกับแซนวิช ทั้งสองคนก็ไม่ยอมกันเลย
ตอนนี้ฉันมาที่ห้องสภาในตอนกลางวัน...เพราะว่าถูกอาจารย์ที่ปรึกษาลากตัวไปใช้งาน...ไหนๆก็ไหนๆฉันเลยมาเยี่ยมหากาเร็ธที่อาจจะยุ่งๆกับงานเทศกาลที่ใกล้จะถึงนี้ ด้วยความที่ว่าเป็นห่วงเด็กคนนั้นอยู่ จึงสละเวลาทานอาหารในตอนกลางวันกับเด็กพวกนั้น คิดว่าวันนี้ก็ไปเจอลีน่าไม่ได้เหมือนกัน...คงต้องหาอะไรมาถวายให้เธอยกโทษแล้วสิ
“ฟิเลน่า ทานขนมมั้ย?” กาเร็ธที่นั่งอยู่ข้างๆตั้งแต่มาที่นี่ ก็ถามขึ้นพร้อมกับยกจานคุกกี้ขึ้นมาให้ ฉันผงกหัวเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบคุกกี้แยมมาชิ้นหนึ่งแล้วค่อยๆทาน ขนาดอัลเดนและเชอร์เบที่ทะเลาะกันอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเขาก็ยังสงบนิ่งได้...แบบนี้เขาตั้งใจเมินหรือเปล่านะ;;;
“ขอโทษนะที่พักนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย ถ้าผ่านงานเทศกาลนี้ไปจะไปนั่งทานข้าวด้วยนะ” เขายกยิ้มขึ้นมา โอ้! แบบนั้นก็ดีเลยน่ะสิ สงสัยโต๊ะคงจะครึกครื้นกันมากแน่ๆ
“จริงสิ! ฟิเลน่า/กาเร็ธ!” ในขณะที่เผลอลืมบรรยากาศการทะเลาะกันของทั้งคู่เมื่อกี้นี้ ทั้งสองคนก็ตะโกนเรียกชื่อของเราทั้งสองคน ฉันหันไปอย่างเงียบๆพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ กาเร็ธเลือกที่จะทำเป็นเมินพวกเขาแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม
“โอ้-ย! กาเร็ธ! อย่าทำเป็นเมินสิ! ทั้งสองคนคิดว่าเครื่องดื่มอะไรที่ควรทานกับแซนวิชงั้นเหรอ!?” อัลเดนถาม พร้อมกับแววตาสองคู่ที่จับจ้องมาทางนี้ราวกับคาดเค้นคำตอบ...
เฮ้อ...จริงๆเลย นายเองก็จะเป็นหนุ่มแล้วนะอัลเดน มาทะเลาะกับอีแค่เรื่องเครื่องดื่มกับแซนวิชเนี่ย...ถ้าเป็นเชอร์เบก็ว่าไปอย่าง
“อา...ฉันว่าทั้งชาแล้วก็นมก็เหมาะดีนะคะ แต่ให้เลือกก็คงเป็นกาแฟดำน่ะค่ะ” นั่นแหละ-กาแฟดำนี่ คาเฟอีนสูงๆทั้งนั้น...
“เดี๋ยวดิ! เทพธิดานี่เข้มชะมัด! ขนาดฉันยังดื่มมันไม่ได้เลยนะ!!”
“อา!—แบบนี้ก็ตัดสินไม่ได้น่ะสิ! แต่ไม่ว่ายังไงซะความคิดของฉันถูกต้องเสมอ!” เชอร์เบเอ่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ ท่าทางและคำพูดของเธอดูเหมือนจะไปสะกิดต่อมความโกรธของอัลเดนเข้าเล็กน้อย
“อา— ยัยบ้านี่..”
“อัลเดน” แม้โดนสายตาที่ดูเย็นชาของกาเร็ธกำราบจนเงียบปากไป แต่ฉันก็สังเกตถึงดวงตาที่ดูไม่ยอมแพ้ของอัลเดนที่จะหาอะไรเอาคืนเชอร์เชอร์เบเข้าให้บ้าง ทันใดนั้นเองที่อัลเดนยื่นมือไปหยิบคุกกี้อัลมอนด์ที่เชอร์เบกำลังจะกินเข้าปากตัวเองโดยพลัน
“อ๊า! เดี๋ยวสิ นั่นมันของฉันนะ!”
“หมดแล้ว” อัลเดนพูดขึ้นอย่างผู้ชนะ พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ฮึ่ม! ชักจะโกรธแล้วนะ!” เชอร์เบทุบโต๊ะลง ในจังหวะที่ทุบมือทั้งสองข้างลงกับโต๊ะโดยแรง มือของเธอไปชนเข้าถูกช้อนพอดิบพอดี ส่งให้มันกระเด็นลอยไปในอากาศพร้อมกับละอองน้ำชา ฉันยกช้อนตัวเองกันไว้ได้เฉียดฉิว
พอเห็นจุดหมายที่ช้อนและละอองน้ำชานั้นพุ่งไป...เราทั้งสามคนก็เผลอหน้าซีดเผือกพร้อมกับพูดขึ้นพร้อมกัน มันหมุนไปที่กาเร็ธที่นั่งดื่มชาอยู่ ทั้งสองคนหลับตาปี๋สวนฉันพยายามจะปัดช้อนนั้นออก แต่ก็คงไม่พ้นที่เสื้อของกาเร็ธจะต้องโดนละอองชานั่นเปื้อนเสื้อแน่ๆ
แต่ถึงแบบนั้น ฉันที่ปรับโฟกัสการมองตรงหน้าแทบไม่ทัน กลับไม่ได้ยินเสียงกระทบกับบางสิ่งบางอย่าง ยิ่งเสียงช้อนที่ตกลงพื้นก็ไม่ควรพูดถึง กลับมีเสียงกร๊อง กร๊อง...คล้ายเมล็ดอะไรแข็งๆตกลงบนโต๊ะ ทั้งสองคนลืมตาขึ้นด้วยความกล้าๆกลัวๆ
“...ทำอะไรกัน” เสียงที่ดูเย็นชาดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศรอบๆที่รู้สึกเย็นวาบ...แต่นั่นกลับไม่ใช่ความรู้สึก...มันคือความเย็นที่มาจากเสาน้ำแข็งที่ดูคล้ายงานศิลปะตรงเบื้องหน้าของเขา...ฉันตกตะลึงซักครู่ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่านั่นคือช้อนในเสาน้ำแข็ง ส่วนละอองชาเมื่อกี้ก็จับตัวแข็งกลายเป็นเม็ดอัญมณีเล็กๆไปแล้ว
ส-สุดยอด!!! นี่มันเหมือนผลงานศิลปะเลย! โครตคูล!!! แล้วอีกอย่างนะ! นานๆทีฉันจะเห็นเขาใช้เวทมนตร์บ้างก็คราวนี้แหละ!
“พวกเธอทั้งสองคนอยากกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งบ้างรึไง?” ทั้งน้ำเสียงและดงตาที่ดูอำมหิตนั้น ถึงจะไม่แสดงพลังเวทย์ที่ทรงพลานุภาพนี้...ก็สามารถทำให้อัลเดนและเชอร์เบพากันส่ายหัวพึ่บพั่บ เหมือนเขาอยากจะเอาจริงเลยแฮะ...คงไม่คิดจะจับทั้งสองคนแช่แข็งใช่มั้ย??
เอาเถอะ...เด็กคนนี้เองก็แค่สั่งสอนเท่านั้น ไม่ได้โหดร้ายขนาดทำจริงๆหรอกเนอะ...
ฉันที่หัวเราะแหะๆกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พลันสายตาที่เหลือบไปเห็นเกล็ดน้ำชาที่ตกลงพื้นโต๊ะ ด้วยความสนอกสนใจ ฉันจึงแอบหยิบเกล็ดนั้นขึ้นมาก่อนที่จะใช้สันดานเก่าตัวเอง ทดสอบด้วยการโยนมันเข้าปากโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง โอ๊ะ-รสชาติของชายังคงอยู่ครบ!
“ท่านประธาน-ท่านรองประธาน ท่านผู้อำนวยการบอกว่าอยากจะพบท่านทั้งสองครับ” ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจาดนอกห้องรับแขก ดูเหมือนว่ากาเร็ธมีงานเพิ่มเข้ามาแล้วสิ
“โอ๊ะ- ถึงเวลาแล้วเหรอเนี่ย? แบบนี้เชอร์เบเองก็ขอตัวไปทำงานต่อล่ะนะ!”
“เฮ้ย!? เดี๋ยวสิ! ยังคุยกันเรื่องเครื่องดื่มไม่จบเลยนะ!”
“มันก็ต้องนมอยู่แล้วสิ!~~~” เสียงนั้นดังขึ้นมาหลังจากที่ออกจากห้องรับแขกไป อัลเดนกัดฟันกรอดๆอย่างไม่พอใจ
(พวกเขาสองคนทันไปสนิทกันตอนไหนนะ...แต่ก็-ดีแล้วล่ะ)
“จริงๆเลย...ขอโทษนะฟิเลน่า อุตสาห์มาเยี่ยมแท้ๆ แต่ฉันกลับไม่มีเวลาให้..”
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ท่านพี่ก็อย่าหักโหมเกินไปนะคะ จนกว่าจะถึงงานเทศกาลพวกเรามาเดินเล่นในงานด้วยกันดีกว่าเนอะ!” ฉันประคองมือของเขาขึ้นเพื่อให้กำลังใจ กาเร็ธยกยิ้มขึ้น
“ถ้างั้นอยู่ดื่มชาซักหน่อยแล้วค่อยไปก็ได้ ฉันกับหมอนี่ต้องไปธุระแล้วล่ะ”
“งั้น! ไว้เจอกันใหม่นะคุณเทพธิดา!”
ฉันโบกมือลาพร้อมกับส่งรอยยิ้มกำลังใจไปให้ ยังเด็กอยู่แท้ๆแต่ต้องมารับผิดชอบงานเยอะๆแบบนี้น่านับถือจริงๆ จริงๆแล้วก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วด้วย...เดี๋ยวดื่มแก้วนี้เสร็จก็ไปเลยก็แล้วกัน
หลังจากที่ดื่มชาจนหมดแก้วแล้ว ฉันจึงตัดสินใจออกจากห้องสภานักเรียนทันที มันก็มีบ้างที่เหล่าสมาชิกในนั้นมาทักทายและเอาขนมให้ ถึงจะเกรงใจอยู่บ้างแต่ก็รับมันมาด้วยความยินดี ก็แหม...ไม่รับมันไว้ก็กลัวว่าจะทำร้ายจิตใจที่เด็กพวกนั้นอุตสาห์ให้มานี่เนอะ?
ใช้เวลาน้อยกว่าที่คิดแฮะ...แบบนี้ไปหาลีน่าแล้วขอโทษเรื่องอาหารกลางวันก่อนดีกว่า..
“ช่วยด้วยเถอะนะ คุณลิเลียน่า!”
“ร...เรื่องนั้น คือว่า...”
ในขณะที่กำลังเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว ก็ได้ยินบทสนทนาหนึ่งที่ดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่ยืน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงแอบชำเลืองมองพร้อมกับตั้งคำถามทั่วไปภายในหัว คำถามเหล่านั้นถูกตอบจนหมดเมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างของคุณนางเอกที่ดูทุกข์ร้อน...
เกิดอะไรขึ้นน่ะ? โดนแกล้งงั้นเหรอ...ไม่สิ ดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยด้วย ลองฟังไปอีกนิดก็แล้วกัน
“คือว่า เพียงดิฉันตัวคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้หรอกค่ะ...อีกอย่างการที่เข้าไปในเขตที่มีการพบว่ากูลอิณปรากฏตัวมันเสี่ยงอันตรายนะคะ เพราะฉะนั้น...”
“เรื่องนั้นฉันก็จะไปกับคุณด้วย! เพราะฉะนั้นได้โปรดช่วยเด็กคนนั้น—ช่วยเพื่อนของดิฉันด้วย!”
หืม...แอบไปในสถานที่ถูกห้ามสินะ? หนึ่งในเพื่อนของเด็กคนนั้นก็หายตัวไป?...เด็กคนนั้นคงคิดว่าถ้าสารภาพไปแล้วคนที่ผิดก็คือเด็กคนนั้นและเพื่อนของเธอที่แอบเข้าไปแน่ๆ...แทนที่ช่วยออกมาแล้วจะจบ กลับต้องมาโดนบทลงโทษเพิ่ม เพราะแบบนั้นจึงวานคุณนางเอกที่เป็นผู้อารักษ์ขาแห่งแสงแทนสินะ?
“...เข้าใจแล้วค่ะ! ดิฉันจะช่วยเด็กคนนั้นให้กลับมาอย่างปลอดภัยเองค่ะ!”
ตัดสินใจที่จะไปช่วย???—เดี๋ยวสิคุณนางเอก แบบนี้มันก็เหมือนกับเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเลยนะ!? ถึงเธอจะเป็นผู้อารักษ์ขาแห่งแสง แต่เธอก็ใช้มันในตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ ย-อย่าบอกนะว่า...สถานการณ์ที่ดูบังคับแบบนี้มัน....หรือว่าจะเข้าอีเวนท์????
“ขอบใจมากนะ! ถ้างั้นก็ไป-”
“ด—เดี๋ยวก่อน!” ฉันโผล่ออกมาจากที่ซ่อนอยู่...ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก ก่อนที่คุณนางเอกจะพูดขึ้นมาเป็นคนแรก
“ค..คุณฟิเลน่า? ทำไม...!! ยะ อย่าบอกนะว่าคุณได้ยินเรื่องทั้งหมดเลย!?” คุณนางเอกหน้าซีดเผือก อีกฝ่ายเองก็เริ่มเหงื่อตก
“จะพูดว่าเสียมารยาทก็คงเป็นงั้น...แต่ฉันไม่ยอมให้คุณไปที่อันตรายแบบนั้นเด็ดขาด” ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทั้งสองคนหลับตาปี๋
“ต-แต่ว่า! เด็กคนนั้นเขาอาจกำลังกลัวนะคะ! ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง-”
“หยุดคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายได้แล้วค่ะ! แค่ลำพังเด็กผู้หญิงสองคนน่ะไม่มีทางที่จะทำอะไรได้อยู่แล้ว แค่คิดว่าตัวเองมีพลังเวทมนตร์แล้วทำอะไรก็ได้นั้นแค่คิดก็ผิดแล้วค่ะ!”
ในเนื้อหาเกมน่ะ จะมีเด็กพวกนั้นคนใดคนหนึ่งที่จะไปกับคุณนางเอกแทนเพื่อนของเธอเพื่อความปลอดภัย...เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดแบบนั้น ดังนั้นแล้วขอแค่ครั้งนี้เท่านั้น ฉันจะไม่ยอมให้ทั้งคุณนางเอกหรือเด็กคนใดคนหนึ่งในพวกนั้นต้องไปเจอกับความเสี่ยงแบบนั้นเด็ดขาด
ฉันรู้ว่ามันอันตรายขนาดไหนในโลกแแฟนตาซี 50/50 ที่จะรอดปลอดภัยและเสี่ยงตาย ถึงคุณนางเอกจะมีสกิลนางเอกไม่มีทางตายยังไง มันก็ไม่ใช่ว่าเธอจะกลับมาอย่างไม่มีบาดแผล
ทั้งสองคนทำใบหน้าที่ดูหดหู่...รู้สึกผิดที่ต้องมาห้ามความหวังของพวกเธอก็เถอะ...แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“...เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะขอให้คนรู้จักช่วยจัดการให้ เพราะงั้นเลิกที่จะไปทำอะไรแบบนั้นเถอะนะ” ขอวานเชอร์เบซักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง ถึงเด็กคนนั้นจะดูอันตรายมากกว่ากูลอิณก็เถอะ;;;
“ถึงจะเป็นคุณฟิเลน่าขอร้องมาก็เถอะค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากทิ้งให้เด็กคนนั้นตกอยู่ในอันตราย! เพราะฉะนั้นดิฉันจะไป!” ใบหน้าของเธอเข้มแข็งขึ้นและดวงตาสีชมพูที่ดูกล้าหาญ...ฉันผงะก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“โห...ฉันค่อนข้างชอบความหัวชนฝาของคุณพอสมควรนะคะ แต่ยังไงมันก็เสี่ยง แบบนั้นก็จะไปงั้นเหรอคะ?” ฉันเพิ่มคำพูดให้ดูโหดร้ายขึ้นพร้อมกับเพิ่มแรงกดดันทางสายตา เธอกลืนลมหายใจเข้า ก่อนที่จะส่ายหัว
“ค่ะ!...ถึงจะเสี่ยงแค่ไหน ดิฉันก็จะไป!” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเด็ดเดี่ยว
ให้ตายสิ...เป็นเด็กที่ความตั้งใจแรงกล้าเสียจริงๆ ไม่ไหว...ขืนมัวแต่เถียงกันแบบนี้ความปลอดภัยของเด็กคนนั้นและช่วงเวลาที่เด็กพวกนั้นจะมาเห็นคุณนางเอกจะยิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ...งั้น
“...เข้าใจแล้วค่ะ... แต่เพื่อการนั้นขอให้ฉันไปแทนคนๆนี้ด้วยค่ะ” ถึงก่อนหน้านี้จะพูดว่าลำพังแค่เด็กผู้หญิงก็เถอะ...แต่อย่างน้อยการตัดสินใจของฉันก็ถือว่าเด็ดขาดกว่าเด็กแน่ๆ
“เอ๊!!?? แต่แบบนั้นคุณฟิเลน่าก็จะเสี่ยงไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ไม่ทำอะไรบ้าบิ่นอย่างไปสู้กับกูลอิณอะไรนั่น ตามหาเด็กคนนั้นแล้วรีบวิ่งออกมาก็ปลอดภัยระดับหนึ่งแล้วค่ะ”
ถ้าไม่ทำแบบนี้...ก็กลัวว่าเด็กพวกนั้นจะเข้ามาช่วยเสียก่อน เพราะฉะนั้นฉันเองที่จะไปกับคุณนางเอกก่อนที่จะเจอเหตุการณ์แบบนั้น อีกอย่างเหล่าหน่วยองครักษ์ก็น่าจะอยู่ละแวกนั้น ถ้าตะโกนดังๆขอความช่วยเหลือ ยังไงๆก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว
"ถ้างั้น...ขอรบกวนด้วยนะคะ..."
คุณนางเอกยอมรับข้อเสนอของฉันอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะยื่นมือมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเข้มแข็ง ฉันจับมือเธอกลับอันเป็นข้อตกลง
อา...บางทีฉันอาจจะเป็นคนที่โง่ที่สุดในตอนนี้ก็ได้...
============================================================================================
328 ความคิดเห็น
-
#314 tjailoon14 (@tjailoon14) (จากตอนที่ 51)วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 / 09:0951ตอนผ่านไป เมื่อไหร่ป้าจะรู้สักทีว่าพวกนั้นไม่ได้รักป้าแบบเพื่อนหรือแบบพี่น้อง วงวาร555#3140
-
#200 bumzazatv (@bumzazatv) (จากตอนที่ 51)วันที่ 18 เมษายน 2562 / 06:46เอาแล้วๆ#2000