ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #11 : [[ It's over ]]: C T 9 // Up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.03K
      4
      21 พ.ค. 56















     



              เอาล่ะ มาทะเลทั้งทีจะให้หมกตัวอยู่แต่ในห้องก็คงไม่ใช่เรื่อง ฉันเลือกที่จะขอเช่าจักรยานของโรงแรมมาขี่เล่นตามหาดทรายไปรอบๆ เกาะแทนที่จะไปนอนตากลมตากแดดกลางหาดทรายสีขาวอย่างซอลลี่ ส่วนที่เหลือดูเหมือนจะไปเล่นวอลเลย์บอลชายหาดกันล่ะมั้ง เห็นเมื่อกี้โทรมาชวนฉันอยู่นะแต่ฉันปฏิเสธไปน่ะเพราะตอนแรกกะว่าจะนอนแต่คิดไปคิดมาออกมาสูดกลิ่นสดชื่นของทะเลก็น่าจะดีกว่า

     

              “จะไปขี่จักรยานเหรอครับ ?

     

              ขณะที่ฉันกำลังขี่จักรยานผ่านประตูโรงแรมก็มีเสียงหนึ่งขัดไว้ทำให้ต้องจับเบรกและใช้สองเท้ายันพื้นก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เข้ามาขวางทาง มือข้างหนึ่งจับแว่นกันแดดสีชาจัดให้เข้าที่เข้าทางแล้วมองคนผิวเข้มตรงหน้านิ่งๆ

     

              “นายมาดักรอฉันงั้นเหรอ ?

              “ประมาณนั้น” ไคยักไหล่แล้วเดินตรงมาทางฉันก่อนจะใช้สายตามองสำรวจฉันแต่งหัวจรดเท้า “...คุณใส่เสื้อทับบิกินี่ทำไม ?

              “เรื่องของฉัน”

     

              ก็ฉันไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอเขาที่นี่หนิ ฉันก็เลยเตรียมเสื้อผ้าวาบหวิวมาใส่รับลมทะเลทุกตัว อย่างในตอนนี้ฉันก็ใส่บิกินี่สีดำไว้ข้างในสวมทับด้วยเสื้อตาข่ายสีฟ้าอ่อนคู่กับกางเกงยีนส์ขาสั้นจุ๊ดจู๋ ถ้าฉันรู้ว่าเขาจะมาล่ะก็ ฉันจะเอาแต่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวมาอย่างเดียวเลยเหอะ

     

              “ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ เรื่องของคุณก็เป็นเรื่องของผมด้วยสิ...และผมก็ชอบมากด้วยถ้าแฟนจะใส่แค่บิกินี่เดินโชว์หุ่นริมชายหาด”

              “...”

     

              คำพูดของเขานี่ช่างยั่วโมโหฉันเสียจริง ยิ่งเห็นหน้าตาเจ้าเล่ห์นั่นฉันก็ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ ท่องไว้คริสตัล...เพื่อลบรูป...เพื่อลบรูป...เพื่อลบรูป

     

              “ฉันกลัวว่าผู้ชายแถวนี้จะเลือดกำเดาไหลซะก่อนน่ะสิ” ฉันเชิดหน้าแล้วตั้งท่าจะปั่นจักรยานอีกครั้ง แต่ไคไม่ปล่อยให้ฉันได้หนีไปไหนเขาเข้ามาจับมือฉันที่วางอยู่บนแฮนด์รถแล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รดอยู่ปลายจมูกโด่ง

              “งั้นผมต้องตามคุมแล้วล่ะ...จะว่าไปหุ่นคุณก็ทำให้หนุ่มๆ หลายคนเลือดกำเดาไหลได้เหมือนกันจริงๆ นั่นแหละ”

              “เอาหน้าไปไกลๆ”

              “ผมขับให้” ไคไม่สนใจที่ฉันพูดเลยสักนิด คนตัวสูงยักคิ้วข้างหนึ่งให้ฉันอย่างกวนๆ  แล้วจับมือฉันออกจากแฮนค์รถก่อนจะเพยิดหน้าให้ฉันย้ายตัวไปนั่งเบาะหลัง      “เชิญแต่ห้ามทำฉันล้มนะ”

              “ไม่มีทางที่คุณจะล้มได้แน่นอน”

     

              ฉันหรี่ตามองไคผ่านแว่นกันแดดของตัวเองแล้วยอมเขยิบไปนั่งเบาะหลัง ไคเข้านั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วก็เริ่มปั่นจักรยานออกจากโรงแรมไป

     

              “คุณไม่กลัวตกเหรอ ?

              “ทำไม นายจะให้ฉันกอดเอวนายเหมือนในหนังเหรอ ฝันไปเถอะ”

              “ผมยังไม่ได้พูดเลย...คุณนี่คิดไกล         เหมือนกันนะ”

              “ไม่ต้องพูดมากเลย ขับเรียบชายหาดเลยนะ ฉันอยากถ่ายรูป”

              “คร้าบ~

     

              เชื่อมั้ยว่าเสียงยานๆ ของเขาทำเอาใจฉันเต้นผิดจังหวะไปนิดหนึ่ง....แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ! ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

             

              ไคปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไร ฉันเองก็ไม่พูดเพราะมัวแต่ยุ่งกับการจับภาพหาดทรายสีขาวกับทะเลสีฟ้าใส แดดช่วงบ่ายๆ อย่างนี้มันช่างเหมาะกับการรัวชัตเตอร์เป็นที่สุด ดีนะที่เขาอาสามาเป็นคนขับรถจักรยานเพราะถ้าหากฉันต้องขับเองคงไม่มีมือว่างมาถือกล้องอย่างในตอนนี้หรอก

     

              “สบายเลยนะคุณน่ะ”

               

              ฉันไม่ตอบและย้ายกล้องไปอีกฝั่งที่เป็นร้านค้าเล็กๆ แทน

     

              “คุณชอบถ่ายภาพเหรอ”

              “ฉันเรียนเอกภาพยนตร์น่ะ”

              “ผมรู้...แต่เรียนเพื่อเป็นผู้กำกับไม่ใช่เหรอ”

              “ผู้กำกับก็ควรรู้มุมกล้องนะ เมื่องั้นจะรู้ได้ไงว่าภาพมุมไหนจะออกมาสวย อีกอย่างนะ...เอกภาพยนตร์ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแต่ผู้กำกับอย่างเดียวซะหน่อย ถ้าเป็นอย่างนั้นบนโลกก็คงมีหนังใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวินาทีแล้วล่ะ เข้าใจหรือยังพ่อหนุ่มบริหาร...”

              “เข้าใจแล้วครับ”

              “เฮ้ๆ ไคจอดตรงนี้หน่อย”

                        

              ทันทีที่ไคหยุดรถฉันก็ลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปยังริมหาดที่มีโขดหินตั้งตระหง่านอยู่ที่ชายฝั่ง มันเป็นโขดหินที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็พอให้คนขึ้นไปยืนด้านสองสามคน อีกทั้งไม่สูงจนดูน่ากลัวด้วย

     

              “เห้ๆ รอผมด้วยสิ”

              “นายรออยู่ตรงนั้นแหละไม่ต้องตามมา” ฉันหันไปตะโกนบอกเขาแล้วถอดรองเท้าแตะไว้บนหาดทรายสีขาวก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลจนน้ำเลยขึ้นมาถึงเข่าก่อนจะค่อยๆ เหยียบโขดหินเล็กๆ เพื่อขึ้นไปยืนบนโขดหินสีน้ำตาลด้านบนนั่น

     

              จริงๆ ด้วย...ยืนตรงนี้สามารถถ่ายหาดทรายสีขาวในแนวกว้างได้อย่างดีทีเดียว

     

              “คริสตัล เดี๋ยวก็ได้ตกหรอก!

              “ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวถ่ายรูปแป๊บเดียวก็ลงแล้ว”

     

     

     

     

    ---------------------------------

     

     

     

     

              Kai’s part

     

             

              “ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวถ่ายรูปแป๊บเดียวก็ลงแล้ว”

     

              ผมส่ายหน้าให้กับความดื้อของร่างเพรียวบางที่กำลังถือกล้องกดชัตเตอร์อย่างสนุกสนานบนโขดหินเล็กแต่สูงนั่น      และยอมถอยออกมายืนมองเธอบนหาดทรายเพื่อปล่อยให้คริสตัลเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมสุดโปรดของเธอ

              ร่างบางในชุดวาบหวิวนั่นเรียกร้อยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย ทั้งที่จริงผมเคยเห็นมากกว่านี้แต่สำหรับชุดน่ารักเหมาะกับหุ่นบางแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอน่ารักจริงๆ เอวคอดที่โผล่พ้นเสื้อตาข่ายยามยกแขนขึ้นนั่นดูเซ็กซี่รับทั้งช่วงบนและล่าง ต้นขาเรียวยาวทำให้หุ่นเล็กๆ นี้ดูเหมือนนางแบบ ดูๆ แล้วเธอน่าจะสูงประมาน 166 อัพ แน่ๆ เส้นผมที่รวบขึ้นสูงเผยให้เห็นลำคอระหงที่ผมเคยฝากรอยแดงไว้บนนั้นอยู่ไม่น้อย มองต่ำลงมาถึงไหล่บางและเนินอกที่โผล่พ้นบิกินี่นั่นดูล่อตาล่อใจให้กระชากเสื้อตะข่ายที่ช่างเกะกะลูกตาเสียจริงในความคิดผม และก่อนที่ผมจะตบะแตกดึงเธอลงมาทำอย่างนั้นจริงๆ ผมก็ละสายตาจากเนินอกนั่นไปยังใบหน้าที่เกินครึ่งถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดสีชานั่น แสงแดดที่กระทบกับร่างขาวราวหิมะนั่นทำให้เธอดูเหมือนจะสะท้อนแสงยังไงยังงั้น

     

              ผมบ้าไปแล้วที่ไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้เลย...

     

              “ถ้าคุณรู้ว่าผมโกหกคุณ...จะโกรธมั้ย...” เป็นคำถามที่ผมได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะการที่เธอยอมให้ผมได้เข้าใกล้นั่นเป็นเพราะเธอคงคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยังไงซะคนนอกก็คิดว่าเธอกับผมไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดา...และเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือทำไมผมต้องมาคิดแคร์ความรู้สึกเธอด้วย

     

              บ้าไปแล้วนางแบบสวยๆ ที่ผมเคยนอนด้วยมีตั้งเยอะตั้งแยะ ผมไม่ควรรู้สึกสนใจเธอเลยสักนิดนะ

     

              เมื่อเวลาผ่านไปได้สักสิบนาทีที่ผมปล่อยให้เธอได้เก็บภาพสวยๆ ผมก็เดินลุยน้ำเข้าไปหาคริสตัลแล้วส่งมือไปให้เธอ

     

              “ลงมาได้แล้ว เล่นนานแล้วไปแล้วนะ”

              “...” คริสตัลขมวดคิ้วมองมือผมก่อนจะลดกล้องในมือลงแล้วเลิกแว่นกันแดดขึ้นไปทัดกับศีรษะ “....ยุ่งอะไรด้วย”

              “คุณนี่ชอบหาว่าผมยุ่งกับชีวิตคุณจังนะ”

              “ก็ใช่น่ะสิ” แม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมวางมือเล็กบนมือใหญ่ คริสตัลค่อยๆ ก้าวลงจากโขดหินมาเรื่อยๆ แต่ผมกลับแกล้งฉุดแขนเธอให้เซแต่ไม่คิดว่าร่างบางจะทิ้งตัวมาทางผมจริงๆ

     

            “เฮ้ย!” ผมคว้าหมับเข้าที่มือเธอแล้วกระชากกล้องมาถือไว้ก่อนที่จะถูกร่างบางหล่นมาทับจนทำเราสองคน

     

              ตู้ม

             

              ผมไม่น่าหาเรื่องแกล้งเธอเลย

     

              “แค่กๆ กะ กล้องช้าน~ แค่กๆ”

     

              ผมโผล่หน้าขึ้นจากน้ำทะเลพร้อมกับมือที่ชูขึ้นสูงอยู่ก่อนแล้ว โชคดีที่น้ำสูงแค่ข้อเข่าเลยทำให้กล้องไม่ได้จมตามตัวไปด้วย ผมทรงตัวขึ้นนั่งบนพื้นทรายแล้วลูบหน้าไล่ความเค็มออกไปแต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเพราะมือผมเองก็เค็มเช่นกัน

              คริสตัลคว้าหมับเข้าที่กล้องในมือผมแล้วเดินเข้าฝั่งโดยไม่สนใจที่จะไถ่ถามว่าผมเป็นยังบ้างเลยสักนิด

     

              นี่ผมอุตส่าห์เอาตัวรับเธอนะ

     

              “ฮู้ว~ ค่อยยังชั่ว”

             

              คนที่นั่งอยู่ชายบนฝั่งสำรวจกล้องตัวเองพลางยิ้มอย่างโล่งใจที่กล้องตัวเองปลอดภัย

     

              “นี่ไม่คิดจะขอบคุณกันเลยหรือไง”

              “นายอยากจะแกล้งฉันดีนัก สมน้ำหน้า”

              “เหอะ น่าจะปล่อยให้กล้องมันจมน้ำตายไปเลย”

              “...”

             

              ผมเลิกสนใจยัยสวยนั่นแล้วถอดเสื้อยึดที่เปียกน้ำของตัวเองออกก่อนจะบิดเอาน้ำออกแล้วสะบัดอยู่สองสามทีแล้วเดินกลับไปยังรถจักรยาน ให้ตายสิ โทรศัพท์ผมเปียกอย่างนี้ต้องพังแล้วแน่ๆ ถ้าไม่เห็นว่าไอ้กล้องบ้านั่นสำคัญสำหรับเธอล่ะก็นะ ผมไม่มีวันคว้ามันแทนที่จะหลบเพื่อป้องกันโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยเบอร์สาวๆ ของผมแน่

     

              “อึก” ผมร้องเสียงหลงเมื่อคริสตัลกระโดดขึ้นมาขี่คอโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง

              “ขอบคุณนะไค”

              “...”

              “ถ้าไม่ได้นายฉันต้องแย่ๆ แน่ๆ ...แม้ว่านายจะเป็นคนแกล้งฉันก็เถอะ” ประโยคหลังคนบนหลังพูดเสียงอ่อย “เอาล่ะ ฉันขอบคุณนายแล้วพอใจแล้วใช่มั้ย ?

     

              คริสตัลกำลังจะผละลงจากหลังผมแต่ผมไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปได้ แขนสองข้างล็อกขาของเธอไว้แน่นแล้วโยกตัวเล็กน้อยเพื่อให้เธอเกาะหลังผม

    ผมที่เปลือยท่อนบนกับเธอที่มีเสื้อผ้าบางๆ กั้นเอาไว้ทำให้ผมรู้สึกถึงทุกสัดส่วนที่ของผู้หญิงที่พึงมี

     

    ตัวเบาชะมัด~

     

              “กรี๊ด~ กล้องฉันเกือบตก” คริสตัลตีบ่าผมแรงๆ ทีหนึ่งก่อนจะใช้แขนโอบรอบคอผมไว้แทน

              “มันยังใช้ได้อยู่ใช่มั้ย ?” ผมถามพลางออกเดินไปยังจักรยานที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

              “อื้อ เปียกนิดหน่อยแต่ไม่เป็นอะไร” มือข้างที่ถือกล้องยื่นมาตรงหน้าตามด้วยเสียงใส “...ถ่ายรูปกัน”

              “ไม่เอามันเปียก”

              “เปียกนายก็ยังหล่อเหมือนเดิม”

              “...คุณชมผม ?

              “ด่ามั้ง ม่ะๆ วัน...ทู...”

     

            แชะ

     

              คริสตัลกดชัตเตอร์ทั้งที่ผมยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ แล้วท่าทางหน้าผมจะออกมาตลกมากยัยตัวเล็กที่อยู่บนหลังถึงได้หัวเราะคิกคักแบบนี้ เหอะๆ อยากแกล้งผมนักใช่มั้ย...

              ผมหมุนตัวแล้วออกวิ่งกลับไปยังทะเลสีสวยก่อนจะสั่งคริสตัลอย่างจริงจัง

     

              “ทิ้งกล้อง!!

              “ห๊ะ?!

              “ทิ้งกล้องเร็ว”

             

            ตุบ!

     

              เมื่อได้ยินเสียงกล้องตก ผมก็วิ่งลุยน้ำทะเลในขณะที่คริสตัลกอดคอผมแน่นก่อนที่ผมจะทิ้งตัวไปข้างหลังทำให้คนที่ขี่คออยู่ถึงกับตกน้ำทันที

     

              มาทะเลทั้งทีก็ต้องเล่นน้ำกันหน่อยสิ

     

              “แค่กๆ” ผมโผล่หน้าขึ้นมาพร้อมกับไอไม่ต่างจากคริสตัล แม้ว่าตัวเองจะเป็นคนแกล้งคริสตัลแต่ผมก็โดนลูกหลงจนเปียกอีกรอบไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่

              “แว่น...แว่นฉัน” คริสตัลถามหาแว่นพลางจับหัวตัวเองไปด้วย “...แว่นฉันหาย~ เพราะนายคนเดียวเลย~

     

              เธอเบ้ปากล่างเป็นเด็กๆ แล้วเริ่มสาดน้ำใส่ผม

     

              “เล่นบ้าอะไรไม่รู้ ดูดิ๊ของหายเลย” คริสตัลกอดอกแล้วสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างงอนๆ ผมที่เห็นอย่างนั้นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เลยขยับเข้าไปใกล้แล้วดึงมือที่กอดอกอยู่ออกมาจับไว้แทน

              “เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ เล่นน้ำกัน”

              “...”

              “โทรศัพท์ฉันก็พังเหมือนกัน” ผมตบกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งที่ใส่โทรศัพท์ไว้ คริสตัลที่เห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ เหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

              “ห้านาทีนะ”

              “ได้”

    “ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ”

              “^^

     

              ผมยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำนั้นก่อนจะออกแรงผลักคริสตัลให้หงายหลังล้มลงไปในน้ำเค็มอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอต้องล้างแค้นผมอยู่แล้ว จากที่บอกว่าห้านาทีก็กลายเป็นสิบนาที...สิบห้านาที...ยี่สิบนาที...และครึ่งชั่วโมง

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------

     

             

     

     

    Tao’s part

     

     

    ร่างบางที่อยู่ในชุดบิกินี่ไร้สายสีม่วงกับหมวกปีกกว้างที่ปิดบังความร้อนพร้อมกับผ้ายางและกระเป๋าในมือเดินทอดน่องออกจากโรงแรมช้าๆ เรียกสายตาจากหนุ่มๆ หลายคนที่เดินผ่านได้ไม่น้อย และดูท่าเจ้าของหุ่นเอ็กซ์นั่นก็รู้ว่าตัวเองมีอาวุธพิเศษอยู่กับตัวถึงได้ยิ่งเดินเชิดหน้าด้วยความมั่นใจ

    ผมเดินตามหลังเธออยู่เงียบๆ มองเอวคอดที่รับกับสะโพกผายจนอยากจะเอื้อมมือไปจับแล้วบีบเบาๆ อย่างหมั่นไส้ในหุ่นอันเอิบอิ่มของผู้หญิงตรงหน้า หน้าอกหน้าใจที่มีสู้สาวๆ คนอื่นได้นั่นน่ามองอย่างบอกไม่ถูกคงเป็นเพราะผิวขาวซีดที่ไร้รอยใดๆ มาทำให้รกลูกตาล่ะมั้ง...ให้ตายสิ ผมตามเธออยู่ข้างหลังทำไมผมถึงไปจินตนาการถึงอวัยวะที่อยู่ส่วนหน้าล่ะ

    เจ้าของไหล่เล็กนั่นหยุดที่ชายหาดสีขาวก่อนที่จะกางร่มที่เธอไปขอเช่ามาจากนั้นซอลลี่ก็จัดการปูผ้ายางแล้วทิ้งตัวลงนอนโดยที่ใช้หมวกกว้างปิดใบหน้าสวยนั่นไว้อย่างเดียว

     

    เธอจะรู้มั้ยว่าไอ้หนุ่มๆ ที่อยู่รอบชายหาดกำลังเอาเปรียบร่างกายเธอทางสายตาอยู่...และยอมรับเลยว่าหนุ่มๆ ที่ว่านั้น รวมผมด้วยหนึ่งคน

     

    ใครบอกว่าผมอยากมอง...หุ่นเธอมันน่ามองเองต่างหาก! (ต่างกันตรงไหนฟะ -_-)

     

    ผมเลื่อนสายตาจากเธอไปยังผู้ชายที่อยู่รอบๆ แต่ล่ะคนทำเหมือนอยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับเจ้าของหุ่นสุดเอ็กซ์แต่ก็ไม่กล้าเพราะซอลลี่นอนอยู่ คงจะกลัวว่าถ้าไปปลุกแล้วเธอจะอารมณ์เสียล่ะมั้ง ถึงกระนั้น...ผู้ชายแต่ละคนก็ยังมิวายจ้องหุ่นสวยด้วยแววตาที่คล้ายจะอยากเข้าไปเขมือบร่างขาวๆ นั่น

              แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจที่หนุ่มๆ พวกนั้นมองซอลลี่ด้วยสายตาแบบนั้นแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ หากผมเข้าไปนั่นก็แสดงว่าผมให้ความสนใจเธอน่ะสิ...เสียหน้าแย่

     

              และยัยนั่นก็จริงๆ เลยทำไมไม่รู้จักหาผ้ามาปิดบ้าง!

     

              “อะไรวะ แกไม่เห็นสายตาผู้ชายพวกนั้นหรือไง” เสียงทุ่มต่ำจากคนคุ้นเคยมาพร้อมกับมือที่วางบนบ่ากว้าง

              “...”

              “มันจ้องจะงาบผู้หญิงของแกอยู่นะ” ลู่ฮานยังคงพูดต่อไปและมันช่าง...กวนใจผมเสียจริง

              “ใครเป็นผู้หญิงของฉัน”

              “หืม...ว่าที่ภรรยาสุดเอ็กซ์นั่นไง”

              “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

              “ไม่ได้เป็นอะไรกัน...แล้วทำไมหวังจื่อเถาต้องแอบเดินตามเธอมาด้วยล่ะ”

              “ไอ้ลู่...แกแอบมองฉันเหรอวะ” ผมพูดพลางปัดมือที่วางอยู่บนไหล่ออกแล้วกอดอกมองเพื่อนอย่างจับผิด

     

              สายตากลมที่ดูคล้ายจะใสซื่อเหมือนดวงตากวางนั่นทำให้รู้สึกเสียวสันหลังยังไงไม่รู้

     

              “บ้าน่า~ ฉันจะแอบมองแกทำไม แกนี่มัวแต่มองซอลลี่โดยไม่ได้สังเกตเลยรึไงว่าฉันเดินอยู่ข้างหลังแกมาตั้งแต่ยังไม่ออกจากโรงแรมด้วยซ้ำ ประสาทสัมผัสของแกมันตกไปแล้วหรือไง”

              “...”

              “หึๆ นี่แกไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตัวเองให้ความสนใจแม่สาวน้อยคนนั้นตลอดเวลาน่ะ”

              “ฉัน...แค่...แค่”

              “แค่...? ละสายตาจากเธอไม่ได้”

              “ไม่ใช่”

              “ปฏิเสธ...ไม่เอาน่าเทา แกโกหกตัวเองไม่ได้หรอก” ผมหรี่ตามองลู่ฮานด้วยแววตาไม่ชอบใจที่มันริจะอ่านใจผม “...เฮ้ย อย่ามองฉันแบบนั้นดิ มันน่ากลัวนะเว้ย”

              “ก็แกพูดอะไรไม่รู้เรื่อง”

              “เหอะๆ นี่แกยังปากแข็งอยู่สินะ เอาเถอะ ฉันจะถือว่าไม่ได้ยินแล้วกัน นู้น แกเห็นเรือยอร์ชนั่นมั้ย...”

     

              ผมมองตามือที่ชี้ของลู่ฮานแล้วก็เห็นว่ามีเรือยอร์ชเล็กๆ จอดเทียบอยู่ อย่าบอกนะว่า...

     

              “เป็นอภินันทนาการจากฉันเอง” ลอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานราวกับผู้หญิงนั่นทำให้ผมไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ และเท่าที่รู้จักกันมา ลู่ฮานไม่ใช่คนที่ทำอะไรให้ฟรีๆ

              “แลกกับ ?

              “ไหนบอกไม่คิดอะไร”

              “บอกมาเถอะน่า”

     

              ไอ้เพื่อนคนนี้มันวอนโดนตีนแล้วมั้ยล่ะ

     

              “แลกกับ...แอชตัน มาร์ติน คันใหม่ล่าสุดที่ได้ข่าวว่าแกติดกระจกกันกระสุนด้วย โอเคมั้ย ?

              “...”

              “ว่าไง...เรือยอร์ชนั่นสามารถซ่อนหุ่นสวยๆ ของผู้หญิงแกได้เลยนะ”

              “สามเดือน” บอกระยะเวลาที่จะให้ยืมอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

              “ก็ได้” คนพูดบอกพร้อมกับโยนกุญแจมาให้ซึ่งผมก็รับไว้ได้ทัน ลู่ฮานส่งรอยยิ้มหวานที่อาบไปด้วยยาพิษมาให้แล้วหมุนตัวเดินจากไป

     

              ผมก้มลงมองกุญแจรถในมือด้วยใบหน้านิ่งๆ ...นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย

     

              สองเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ใต้ร่มโดยไม่สนสายตาพวกผู้ชายที่ส่งมายังผมอย่างไม่พอใจที่ผมมาแย่งผู้หญิงคนนี้ไปก่อน ผมไม่สนใจไอ้พวกขี้ไก่พวกนั้นหรอก อย่างพวกมันอย่าคิดมาเทียบกับผมเลย มันคนล่ะชั้น

     

              “คุณ” ผมสะกิดไหล่บางแล้วหยิบเอาหมวกใบใหญ่นั่นออก พยายามเพ่งมองเพียงแค่ใบหน้าอย่างเดียว เนินอกขาวๆ และหน้าท้องแบนราบนั่นผมไม่ได้มองเลยสักนิดนะ!

              “...”

              “คุณๆ”

              “...”

              “ซอลลี่”

              “ใครวะ” เจ้าของเสียงห้าวยอมเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วก็ต้องยกมือขึ้นมาป้องกันแสงแดดที่กระทบตา “...จื่อเทา”

              “คุณไม่ได้หลับใช่มั้ย”

     

    ผมเดาจากน้ำเสียงตอนหงุดหงิดที่ไม่ได้มีความง่วงปนอยู่เลยสักนิดน่ะ

     

    “ฉันกำลังจะหลับ คุณมีอะไรหรือแค่ฉันอยากพักผ่อนสักวันสองวันก็ไม่ได้หรือไง คุณนี่จะตามรังควานฉันไปทุกที่เลยใช่มั้ย ?

    “...ผมตามรังควานคุณซะที่ไหนล่ะ ผมจะชวนคุณไปพักผ่อนในที่...ที่ดีกว่านี้” ประโยคหลังผมพูดพร้อมกับลากสายตาไปรอบๆ สื่อให้ซอลลี่รู้ว่ามีผู้ชายอีกมากมายที่จ้องจะเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ

     

    ซอลลี่เองก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองเป็นที่สนใจ และเธอก็ดูพอใจมากด้วยที่เป็นอย่างนั้น

     

    “บิกินี่ที่คุณเลือกให้นี่มันเรียกสายตาหนุ่มๆ ได้จริงๆ แฮะ”

    “...”

    “ฉันว่างานนี่ซูจีต้องแพ้ฉันแน่ๆ ต้องขอบคุณนายด้วยนะที่ช่วยให้ฉันมีเสน่ห์มากขึ้น”

    “...”

     

    วันนั้นผมน่าจะเลือกชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวให้เธอ

     

    ผมไม่ตอบอะไรแต่พยายามกดความรู้สึกมาคุไว้ในใจไม่ให้แสดงออกผ่านสีหน้า ก่อนจะปั้นหน้านิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของร่างบางตรงหน้าแล้วยื่นมือไปให้เธอ

     

    “มาสิ...ผมจะพาคุณไปพักผ่อนบนนั้น” พูดพร้อมกับเพยิดหน้าไปยังเรือที่จอดเทียบท่า

     

    วินาทีแรกที่ซอลลี่เห็นคือตกใจ แปลกใจก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มบางๆ คล้ายคนเจอของเล่นถูกใจ

     

    “ของนายเหรอ”

    “อื้อ”

     

    ไม่รู้หรอกว่าไอ้ลู่ไปหามาได้ยังไงแต่...ในเมื่อมันบอกว่าให้ผมมันก็ต้องเป็นของผมสิ

     

    “ว้าว~ นี่นายจีบฉันถึงขนาดลงทุนเช่าเรือยอร์ชมาให้เลยเหรอ”

    “ใครบอกว่าผมจีบคุณ”

    “ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกนะที่จะไปเช่าเรือยอร์ชมาให้ผู้หญิงโดยที่เขาไม่ได้คิดอะไร”

    “...”

    “นายจะจีบฉันใช่มั้ยล่ะ” ซอลลี่ว่าพลางหรี่ตามองผมแถมใบหน้าหวานนั่นยังลอบยิ้มมุมปากอีกด้วย

    “คุณจะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้เพราะ...เวลาผมจีบผู้หญิงคนไหนผมก็พาเธอเดตที่เรือยอร์ชเหมือนกันหมด”

    “จากนั้น...ก็จบลงที่เตียง”

    !!!

     

    เลิกสนใจซอลลี่แล้วเก็บของใส่กระเป๋าที่ใส่ของใช้ส่วนตัวของซอลลี่มาถือไว้แล้วยืนขึ้นก่อนจะยื่นมือไปหาเธอ

     

    “ยังไงสักวันเราก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ฝึกตั้งแต่วันนี้เลยเป็นไง”

    !!!

     

    ซอลลี่มองมือผมด้วยแววตาเดือดดาล เธอพยุงตัวขึ้นโดยปฏิเสธมือที่อยู่ตรงหน้าแล้วกอดอกจ้องผมกลับอย่างไม่เกรงกลัว

     

    “หยุดพูดจาหมาๆ แบบนั้นซะ ฉันกับคุณไม่มีวันจบลงที่เตียง! แค่คิดก็อยากจะอ้วก”

    “แล้วอยากให้ผมตะโกนบอกคนทั้งหาดมั้ยล่ะว่าเรานอนเตียงเดียวกันมากี่คืนแล้ว”

    “จื่อเถา!!

    “ครับ ?

    “...” ซอลลี่กวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าผมอย่างใช้ความคิดแล้วเขยิบเข้ามาใกล้โดยที่เธอไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในชุดที่ปลอดภัยนัก “ฉันว่าแล้ว...คนอย่างนายคงทำดีได้ไม่กี่วัน พออะไรไม่เข้าหูนิดหน่อยก็เผยธาตุแท้ออกมาทันที”

    “...”

     

    ยอมรับว่าสิ่งที่ซอลลี่พูดมามันคือตัวผมเลยจริงๆ นั่นแหละ

     

    “รู้แล้วก็ไม่ควรจะขัดใจผมนะ...ถ้าไม่อยากเข้าโรงพยาบาลเหมือนครั้งก่อน”

    “เหอะ คนอย่างนายจะทำอะไรฉันได้...ถือของมาให้ฉันด้วย!

     

    พูดจบซอลลี่ก็เชิดหน้าแล้วเดินไปทางเรือยอร์ชที่จอดอยู่ ผมแอบเห็นว่าระหว่างทางเธอคอยส่งสายตาแพรวพราวให้ความหวังหนุ่มที่มองเธอจนน้ำลายแทบหก ใจจริงผมอยากจะเข้าไปคว้าไหล่บางข้างหน้ามากอดข้างกาย ประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าเธอกำลังจะเป็นคู่หมั้นผม เพราะตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะฆ่าไอ้พวกหน้าปลวกข้างทางนี่เสียจริง แต่หากทำอย่างนั้นจริง...ผมว่าตัวเองต้องเสียสติไปแล้วล่ะ

     

    เธอก็แค่คู่หมั้นที่พ่อหามาให้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

     

     

     

     

    ------------------------------------------

     

             

     

     

    Kai’s part

     

              ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่าผมและคริสตัลจะขึ้นจากน้ำ ตอนนี้ก็น่าจะใกล้จะเย็นแล้วล่ะมั้งเพราะลมหนาวเริ่มพัดมาแล้ว ผมมองยัยคนสวยข้างกายที่เดินกอดอกตัวสั่นด้วยความรู้สึกเห็นใจ ใส่เสื้อผ้าแบบนั้นก็คงต้องหนาวเป็นแน่ และเสื้อผมเองก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว จำได้ว่าโยนทิ้งไว้ก่อนจะลงทะเลนะ ท่าทางจะโดนคลื่นซัดไปแล้วล่ะมั้ง

     

              “หนาวอ่ะ” คริสตัลพูดพลางกัดนิ้วตัวเองเบาๆ ขณะที่เดินขึ้นฝั่ง ผมหยิบกล้องที่ถูกทิ้งไว้นานมาถือไว้แล้วมองคริสตัลที่ตัวสั่นอย่างกังวล

              “รีบกลับโรงแรมเถอะ เดี๋ยวมันจะยิ่งเย็น”

              “อื้อ”

     

              ไม่น่าเล่นน้ำเพลินเลย...เฮ้อ~ แต่ก็โทษใครไม่ได้ล่ะนะ ผมเป็นคนชวนเล่นน้ำเอง แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดผมคนเดียวสักหน่อย...อยู่กับเธอผมแทบจะลืมเวลาไปเลยด้วยซ้ำ

              ผมขับจักรยานกลับโรงแรมไปเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าถ้าเร่ง ลมที่ปะทะมาจะยิ่งแรง คนด้านหลังอาจจะยิ่งหนาวก็เป็นได้ เพราะแค่นี้ผมก็สัมผัสได้จากความเงียบแล้วว่าเธอหนาวมาก

     

              ทำไงดีวะเนี่ย

     

              “นี่...ไค” เสียงสั่นๆ เอ่ยเรียกชื่อเขา

              “หือ ?

              “ขอ...กอดหน่อยนะ”

              “...”

              “มันหนาว”

              “...”

              “ไม่ได้เหรอ”

              “เอาสิ”

             

              หลังจากคำยินยอมของผม มือเล็กที่เย็นเฉียบก็สวมกอดเอวผมจากทางด้านหลังก่อนที่จะตามมาด้วยแก้มของคนข้างหลังที่แนบไปกับแผ่นหลังเปลือยไร้สิ่งกีดขวางของผม

     

              “ถึงแล้วบอกด้วยนะ” พึมพำน้ำเสียงอู้อี้เรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี ผมกัดริมฝีปากตัวเองไว้เพื่อที่จะกลั้นรอยยิ้มแต่มันก็ทำได้ยากจนต้องยอมปล่อยให้ตัวเองยิ้มเหมือนคนบ้าไปตลอดทางจนถึงโรงแรม

     

              ไม่ใช่แค่รอยยิ้มเท่านั้นที่ผมไม่สามารถคุมมันได้ ทั้งหัวใจและใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนมันจะเป็นสิ่งนอกเหนือการควบคุมไปแล้วตั้งแต่อยู่กับเธอวันนี้ หวังว่าคนที่กอดผมอยู่ตอนนี้จะรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดแปลกไปไม่ได้นะ

     

              หากเธอรู้ผมคงต้องเอาหน้ามุดดินจริงๆ

     

             

     

             

     

     

     

     

     

              “คุณไค” เสียงผู้หญิงเรียกชื่อตัวเองหยุดเท้าที่กำลังปั่นเข้าโรงแรม ผมจอดรถและมองผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่ไม่ค่อยได้คุยด้วยสายตาแปลกใจแต่ก็ยังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เธอ

     

              เบซูจี...สาวสวยที่เรียนอยู่คณะเดียวกับผมแถมยังเป็นเพื่อนกับแฟนผมด้วย

     

              “คุณเบ” ผมเรียกเธออย่างสุภาพเพราะไม่ได้สนิทกัน อีกทั้งเธอยังเป็นเพื่อนแฟนเขาก็ควรให้เกียรติหน่อย “...มาพอดีเลย ดูเหมือนเพื่อนคุณจะหลับนะครับ”

              “คุณสองคนไปไหนกันมาเหรอคะ” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้แล้วปลุกคนที่ยังกอดผมแน่น “...คริสตัลๆๆ”

              “อือ...ซูจี”

              “ผมพาเธอไปขี่จักรยานเล่นน่ะครับ”

     

              คริสตัลที่ได้สติแล้วลงจากเบาะหลังแล้วลงไปยืนข้างเพื่อนพร้อมกับรับกล้องจากมือผมไป

     

              “ขอบคุณนะคะที่มาส่งคริสตัล”

              “ฮ่าๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับเราอยู่โรงแรมเดียวกัน อีกอย่างผมกับแฟนก็ออกไปด้วยกันก็ต้องกลับมาด้วยกันอยู่แล้วล่ะครับ”

              “พูดอะไรไม่อายเพื่อนฉันเลยนะ” คริสตัลที่เงียบไปนานพูดขึ้นเสียงเขียว

              “ทำไมต้องอายหรือคุณยังไม่ได้บอกเพื่อนคุณว่าเป็นแฟนกับผมแล้ว”

              “ตัลบอกพวกเราแล้วล่ะค่ะ...ไม่คิดเลยว่าคริสตัลจะยอมคบกับคุณ”

              “แล้วทำไมคริสตัลถึงจะไม่ยอมคบกับผมล่ะครับ ?” ผมถามด้วยความสงสัย ใบหน้าสวยของเพื่อนแฟนเหมือนกำลังเก็บอารมณ์หงุดหงิดไว้...หรือบางทีเขาอาจจะดูผิดไป

              “นายไปได้แล้ว! เอาจักรยานไปคืนด้วย ไปกันเถอะซูจี ฉันหนาวจะแย่แล้ว”

              “ไปก่อนนะคะ คุณไค”

              “ครับ แล้วเจอกันครับ ไว้ผมจะโทรหาจะคริสตัล”

             

              คริสตัลไม่ตอบแต่รีบฉุดเพื่อนเข้าไปในโรงแรม ผมมองสองคนนั้นจนลับสายตาก่อนจะเอาจักรยานไปคืน เมื่อกลับเข้ามาในห้องพักก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแอลกับเซฮุนยืนอยู่หน้าห้อง

     

              “ไปเดตหรือไง ?

     

              ผมหัวเราะเล็กน้อยกับคำแซวของเซฮุนก่อนจะหยิบคีย์การ์ดที่เปียกชื้นแต่ยังใช่งานได้อยู่แตะประตูห้องตัวเอง

     

              “นิดหน่อยน่า~ มาเที่ยวทั้งทีจะให้อุดอู้อยู่ในห้องเหมือนพวกแกงั้นเหรอวะ”

              “ท่าทางคนนี้จะเอาจริงแฮะ สรุปว่าจริงจังกับสาวสวยคนนี้จริงๆ ใช่มั้ย ?” เซฮุนยังคงถามต่อ

              “อยากอยู่นะ...ไม่รู้สิ ฉันไม่ขอเฟิร์มว่ะ ตอนนี้เพิ่งคบไม่แน่อาทิตย์หน้าฉันอาจจะเบื่อเธอแล้วก็ได้”

              “สวยขนาดนั้นจะเบื่อง่ายๆ ได้เหรอวะ” คราวนี้เป็นแอลที่ถามขึ้นมาบ้าง

              “ขนาดนางแบบฉันยังเบื่อเลย”

              “แต่นางแบบนั่นสู้คริสตัลไม่ได้เลยนะ...แล้วนี่ถอดเสื้อมาอย่างนี้ไปทำอะไรกันมาหว่า~” เซฮุนกอดอกพลางหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

              “ไม่มีอะไรแค่เล่นน้ำทะเล”

              “จ้ำจี้กันใต้น้ำทะเลหรือเปล่า ?” แอลล้อผมด้วยใบหน้าหน้านิ่งๆ

              “ไอ้บ้า ขอตัวอาบน้ำก่อน ไว้เจอกันมื้อเย็น เรียกฉันด้วยล่ะ”

     

              ปัง

     

            จ้ำจี้กันใต้ทะเลเหรอ...เหอะๆ แค่จูบวันนี้ยังไม่มีเลย

     

     

     

    -----------------------------------

             

     

     

             

              Sull’s part

     

     

              ล่วงเลยไปหลายชั่วโมงที่ฉันพักสายตาบนเตียงผ้าใบด้านหน้าของเรือ รู้สึกตัวอีกทีแดดที่เคยแรงก็อ่อนตัวลงมาก แม้ว่าฉันจะนอนตั้งแต่บ่ายแต่ไม่ต้องห่วงว่าผิวขาวซีดที่เป็นเอกลัษณ์ของฉันจะเป็นรอยไหม้เพราะฉันทาครีมกันแดดอย่างดี แถมยังได้ร่มมาบังแดดอีกทีหนึ่งด้วย ถึงแม้จะชอบนอนริมหาดแต่ก็ไม่ได้ชอบที่จะมีผิวสีแทนหรอกนะ

              เรือยอร์ชลำนี้ยังคงจอดอยู่กลางทะเลสีฟ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แน่นอนว่าคนขับไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนายจื่อเทา

     

              เขานี่ทำได้ทุกอย่างเลยหรือไง

     

              “ตื่นแล้วเหรอ”

              “คุณเห็นฉันหลับอยู่มั้ยล่ะ”

              “หึ”

     

              ตั้งแต่ขึ้นเรือยอร์ชมาฉันกับเขาก็ยังไม่ได้คุยกันเลย กลัวว่าตัวเองจะปรี๊ดแตกอีกน่ะถ้ายังเถียงกับเขา ผู้ชายอะไรปากเสียเป็นที่สุด!

     

              ฉันมองร่างสูงที่จิบไวน์อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ปกปิดร่างสูงไว้ จะว่าไปแล้วเขานี่โคตรหุ่นดีเลย...กล้ามเนื้อที่ไร้ไขมันนั่นช่างดึงดูดสายตาเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดีรวมทั้งฉันด้วย

     

              “นี่กี่โมงแล้ว” ฉันถามแล้วพาร่างที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำไปยืนข้างๆ เขา  

              “ห้าโมงเย็น”

              “...”

              “...”

              “เรามาพูดเรื่องของเราดีกว่ามั้ย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแล้วมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า “...เรื่องงานหมั้น”

              “ว่ามาสิ” คนข้างกายจิบไวน์แล้วมองไปยังท้องทะเลเช่นเดียวกับฉัน

              “ฉันจะยอมหมั้นกับนาย”

              “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

              “หลังจากนั้นเราสองคนค่อยถอนหมั้นกัน”

              “...”

              “เราสองคนไม่ได้หมั้นกันด้วยความรัก เพราะฉะนั้นถอนหมั้นคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด”

              “...”

              “นายไม่ต้องห่วงว่าพ่อนายจะว่า...ฉันจะจัดการด้วยวิธีของฉันเอง”

              “วิธีที่ไหน ?

              “พ่อนายคงไม่ชอบนักหรอกที่จะเห็นคู่หมั้นลูกตัวเองไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น...” ฉันเว้นจังหวะแล้วหันหลังพิงขอบเรือแทน “ถ้าพ่อนายรู้ท่านคงเกลียดฉันและอยากให้เราเลิกกัน ผู้หญิงที่นอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างฉันท่านคงไม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้”

              “!!!

              “ฉันว่าวิธีนี้น่าจะได้ผะ...”

     

            ปึก

           

            เพล้ง

     

    เสียงกระทบระหว่างแผ่นหลังกับตัวเรือมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกายรวมทั้งแก้วไวน์ที่เทาเคยถือไว้เขาก็ปามันไปไกลจนฉันได้ยินเสียงแตกดังลั่น

     เทาจับไหล่ฉันและกดไว้กับตัวเรืออย่างแรงจนฉันต้องร้องให้เขาปล่อยแต่เทาไม่สนเขาจ้องฉันเหมือนพร้อมจะขย้ำฉันให้แหลกคามือได้ทุกเมื่อ

     

    “คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะทำตัวแรงยังไงก็ได้งั้นเหรอ!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดสาดใส่หน้าฉันอย่างจัง แววตาดุดันที่กำลังมองฉันอยู่นี้ ฉันจำได้ว่ามันเป็นแบบเดียวกับคืนที่เขาสั่งให้ลูกน้องขังฉันไว้ในห้อง

     

    เขามันพวกอารมณ์แปรปรวนจริงๆ สินะ

     

    “รับไม่ได้ก็บอกให้พ่อนายไปหาผู้หญิงคนอื่นสิ!

    “ซอลลี่!! ผมเตือนคุณเลยนะถ้าคุณยังยั่วโมโหผมแบบนี้...ผมไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ”

    “แล้วนายจะเอายังไง ฉันอุตส่าห์เสนอทางออกให้แล้วนายจะเอายังไงอีก!!

    “ทางออกของคุณมัน...ห่วยสิ้นดี!

    “แล้วจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อเราสองคนไปกันไม่ได้ขนาดนี้ เจอหน้ากันทีไรก็ต้องเถียงกันตลอด บางครั้งนายก็พูดดีกับฉันแต่บางครั้งนายก็พูดจาแย่ๆ เหมือนไม่ชอบฉัน นายมันยังไงกันแน่นะเทา!

    “...”

    “ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยากเถียงกับนายอีกแล้ว นายจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า ถ้าจะให้ฉันไป ฉันก็จะ...อุบส์”

     

    คำพูดถูกกลืนลงลำคอเมื่อริมฝีปากของคนตัวสูงโน้มลงมาทาบริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว ฉันทุบบ่าเขาอย่างแรงแต่คนตัวหนาก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยที่ริมฝีปากยังคงพยายามจะแทรกเข้ามาให้ลึกล้ำมากกว่าแตะกันเฉยๆ เล็บสวยจิกเข้าที่ไหล่หวังให้เขาปล่อยแต่กลับกลายเป็นว่าถูกมือหนารวบเข้าหากันก่อนจะถึกตรึงไว้เหนือหัวทำให้ฉันไม่มีอะไรที่สามารถต่อต้านเขาได้อีก อย่าพูดถึงขาเลย เทาใช้ทั้งตัวเขาทาบทับเนื้อตัวฉันจนขยับไปไหนไม่ได้

    ฉันครางประท้วงในลำคอเมื่อถูกเขี้ยวเล็กๆ ของเขากัดที่มุมปากจนต้องเผลอเปิดริมฝีปากขึ้น และนั่นเป็นโอกาสให้เทาใช้สิ่งอ่อนนุ่มล่วงล้ำเข้ามาลัดเลาะไปตามไรฟันดูดเอาความหวานจากริมฝีปากฉันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย และเมื่อนาทีที่ฉันกำลังจะขาดอากาหายใจตายคาอกเขา เทาก็ปล่อยให้ฉันได้หายใจเข้าเพียงเสี้ยววินาทีแล้วประกบปากเข้ามาใหม่และครั้งนี้มันช่างอ่อนหวาน...หนักแน่นและดุดันในเวลาเดียวกัน

    หัวใจที่เต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้ฉันไม่มีแรงที่จะปฏิเสธสัมผัสร้องแรงนี่ รู้ทั้งรู้ว่าเขาทำอย่างนี้เนื่องจากความโกรธ แต่ฉันก็รู้สึกร้อนและรู้สึกร่างกายไม่มีแรงมาผลักไสเขาออกไป มือสองข้างที่เคยถูกตรึงไว้ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นจับบ่าแกร่งของเทาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไปนั่งกับพื้น

     

    ทำไมถึงได้รู้สึกร่างกายเบาหวิวอย่างนี้...

     

    สัมผัสที่ดุดันเปลี่ยนมาเป็นร้อนแรงมากขึ้นจนฉันอดไม่ได้ที่จะจูบตอบคนตัวสูงที่ดูเหมือนจะยังไม่อิ่มกับริมฝีปากฉัน เสียงหัวเราะในลำคอหลังจากที่ฉันจูบกลับไปเรียกให้เจ็บใจอยู่ไม่น้อย แต่จะทำไงได้ล่ะในเมื่อเขาล่อลวงฉันซะขนาดนี้

     

    ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอะไรด้วย

     

    “อื้อ” เสียงครางจากฉันดังขึ้นเมื่อเทาอุ้มฉันไว้แนบอกนั่นเลยทำให้ฉันต้องใช้สองขาเกี่ยวรัดสะโพกแกร่งนั่นไว้

     

    ไม่ควรเลยที่ปล่อยให้เขาทำแบบนี้...

     

    ไม่ควรเลยจริงๆ

     

    เทาวางฉันไว้ที่ราวขอบเรือโดยที่ไม่ละริมฝีปากไปไหน เราสองคนจูบกันอย่างดุเดือดจนแทบลืมหายใจ มือข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ไปมาที่แผ่นหลังฉันเบาๆ และมันทำให้ฉันรู้สึกร้อนราวกับโดนไฟทาบไปทุกๆ ที่มือเข้าสัมผัสผ่านเนื้อผ้าบางๆ

     

    “ผมจะให้โอกาสคุณพูดอีกครั้ง...”

     

    เทาละริมฝีปากออกจากริมฝีปากฉันก็จริง แต่เขาไม่ได้ผละไปไหน ริมฝีปากร้อนที่พร้อมจะกลืนกินฉันเลื่อนลงมาตามลำคอระหงและกระซิบอยู่ไม่ห่าง

     

    “คุณจะถอนหมั้นกับผมด้วยวิธีบ้าๆ พวกนั้นจริงๆ งั้นเหรอ”

    “อื้อ...” ฉันครางเสียงหลงเมื่อเขาเม้มเนื้อบริเวณลำคออย่างแรง

    “ถ้าคุณตอบไม่ถูกใจ...ผมจะโยนคุณลงน้ำ”

    “อย่า...อือ~

     

    ลมหายใจร้อนๆ รดอยู่ทั่วลำคอฉันทำเอาหายใจเข้าออกไม่สะดวกเลยสักนิด และเมื่อปลายลิ้นร้อนชื้นของเขาแตะลงที่เนื้อบริเวณลำคอ สติที่หายไปก็เหมือนจะเริ่มกลับมาใหม่

    มือเล็กบีบไหล่เขาแน่นแล้วเริ่มออกแรงดันคนตัวสูงออกแม้ว่ามันจะยากเหลือเกิน ยิ่งตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนราวเหล็กที่ดูท่าจะตกลงไปเล่นน้ำทะเลได้ง่ายๆ มันยิ่งทำให้การขยับตัวเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

     

    “คุณจะไปนอนกับผู้ชายคนอื่นจริงเหรอ...”

     

    ให้ตายสิ เขาถามดีๆ ไม่ได้หรือไง ทั้งมือและปลายลิ้นนั่นกำลังทำให้ฉันหายใจไม่ออกนะ!

     

    “ฉัน...” พูดไม่ออกเมื่อเทาใช้มือสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้บริเวณเอวคอดใต้เสื้อคลุม  

    “ถ้าคุณจะไปนอนกับผู้ชายคนอื่น...คงต้องผ่านผมไปซะก่อน”

    !!!

    “ว่าไง...ตอบไม่ถูกใจผมโยนคุณลงน้ำจริงๆ นะ”

     

    มะ ไม่ได้นะ

     

    แม้ฉันจะกลัวกับคำขู่ของเขาแต่ก็พยายามที่จะรวบรวมสติให้อยู่บนฐานแห่งความเป็นจริง ก่อนจะจับใบหน้าของเขาที่กำลังซุกอยู่ตรงซอกคอให้ขึ้นมาสบตา

     

    “นั่นเป็นทางเดียวที่เรื่องของเราจะจบ”

    “...หึ ผมเตือนคุณแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มร้ายกาจจนคนมองเสียวสันหลังวาบ

     

    อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะโยนฉันจริงๆ

     

    “เทา ไม่นะ ฉัน...”

     

    ตู้ม!!!

     

    ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดได้จบประโยคมือที่เคยอยู่ตรงเอวก็ออกแรงผลักฉันร่วงลงกระทบผิวน้ำอย่างจังจนฉันรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งร่าง และยังไม่ทันที่จะหายเจ็บฉันก็สำลักน้ำก่อนจะตะเกียกตะกายยันตัวให้โผล่พ้นน้ำโดยสัญชาตญาณ มือสองข้างกวาดไปมาอย่างสะเปะสะปะคล้ายคนจะจมน้ำ

     

    “แค่กๆ”

    “ผมให้โอกาสคุณแล้ว  แต่ดูเหมือนคุณจะไม่รักษาชีวิตตัวเอง”

    “ชะ ช่วยด้วย แค่กๆ”

    “ไว้คุณสำนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรค่อยขึ้นมาแล้วกัน”

     

    ภาพเทาที่มองฉันด้วยแววตาเฉยชามันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาการแสบตาที่เป็นผลมาจากความเค็มของน้ำทะเลทำให้ฉันเริ่มลืมตาไม่ขึ้น  สองเท้าและสองมือที่ตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวรอดดูเหมือนจะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ

     

    นี่ไม่ใช่สระว่ายน้ำ...แต่เป็นกลางทะเลลึก ฉันจะไปเอาแรงจากที่ไหนมาช่วยตัวเองได้ในเมื่อความจริงแล้วสิ่งที่ฉันจะต้องการจะบอกเขาก็คือ...

     

    ฉันว่ายน้ำไม่เป็น

     

    “ฮึก ชะ ช่วยด้วย”

     

    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เอ่ยขอร้องพร้อมกับก้อนสะอื้นที่จุกอยู่กลางลำคอเพราะความเจ็บปวดกลางใจที่ก่อตัวขึ้น...ก่อนที่ฉันจะปล่อยให้ตัวเองค่อยๆ จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างอันหนาวเหน็บ

     

     

    เทา...ช่วยฉันด้วย

     

     

     

     

    -----------------------------------

    หายไปหลายวันเลย~ T_T

    ไรเตอร์มัวแต่ติดซีรีย์เลยดูทั้งวัน แหะๆ

    ขอโทษนะคะ~ จะรีบอัพตอนต่อไปเร็วๆ (?)

    ปล. รู้สึกว่าเรื่องมันอึดๆ เดี๋ยวต่อไปจะกระชับแล้ว

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่านนะคะ

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×