คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [[ It's over ]]: C T 11 // Up
ร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟาขยับตัวๆ เล็กน้อยเมื่อถูกสะกิด ฉันจิ้มแก้มเขาสองสามทีแต่ไคก็ยังไม่ยอมลืมตา มือหนาปัดสิ่งที่กำลังรังควานการนอนของเขาออก ฉันเลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะปลุกเขาแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปเรียนแทน ฉันมีเรียนเช้า ถ้าช้าไปกว่านี้จะเข้าคลาสไม่ทัน ส่วนไคฉันไม่รู้ตารางเรียนเขารู้แค่ว่าเขามีเรียนแค่สองวิชาในเทอมนี้
หลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จฉันก็ออกมาปลุกเขาใหม่อีกรอบแต่ไคก็ยังไม่ตื่น
“ขี้เซาเหมือนกันนะเรา”
ฉันอุ่นซุปข้าวโพดให้ไคแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนจะเขียนโน๊ตบอกเขาไว้ที่ประตูห้องน้ำ หวังว่าเขาจะเห็นมันนะ
เมื่อคืนไคก็ไม่โวยวายที่ฉันบอกให้เขานอนโซฟา ซึ่งมันน่าแปลกมาก แต่ก็ดีที่เขายังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษมาให้เห็นบ้าง
หวังว่าตอนฉันไปอยู่บ้านเขา ไคจะไม่ดื้อนะ
“จงออบอ่า~”
“อะไร”
“นี่ยังงอนฉันไม่เลิกอีกเหรอ”
“เหอะๆ เธอมีแฟนแล้วนี่ เพื่อนตาดำๆ อย่างฉันจะไปสำคัญอะไร”
“ขี้งอนจังเลย ฉันล่ะสงสารแฟนนายจริงๆ”
“ใช้ซี้ ฉันคงไม่สำคัญพอให้เธอมาง้อ ใครจะไปหล่อเหมือนไค หนุ่มหล่อทรงเสน่ห์แห่งมหา’ลัยที่สาวๆ ที่ไหนเห็นก็เป็นอันตกหลุมรัก โอ้ย! ยัยบ้า ตบหัวฉันทำไม”
“ก็นายพูดอะไรไม่เข้าหูหนิ”
ฉันมองจงออบอย่างไม่สบอารมณ์ที่เขาพูดเรื่องไค ไม่ได้อะไรนะ แต่โกรธตรงที่เขาบอกว่าผู้หญิงทุกคนตกหลุมรักหมอนั่น ขอบอกเลยว่ายกเว้นฉันไว้คนหนึ่ง!
“บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้ตกหลุมรักไค” ประโยคหลังฉันโน้มไปกระซิบข้างๆ หูจงออบ เพราะตอนนี้เราอยู่ในศูนย์อาหารของมหา’ลัยและเป็นช่วงพักคนเลยเยอะเป็นพิเศษ “...ถ้าฉันเล่าอะไรให้นายฟัง นายห้ามบอกใครนะ”
“สำคัญแค่ไหน ระดับชาติเลยรึเปล่า ?” คนขี้งอนเริ่มแสดงท่าทีสนใจ
“สำคัญขนาดที่ฉันไม่กล้าบอกสี่สาว”
“!!!”
สีหน้าตกใจของจงออบทำให้ฉันยิ้มออกมานิดหน่อย เขาเองก็คงตกใจเหมือนกันที่ฉันไม่เล่าให้เพื่อนสาวทั้งสี่แต่เลือกจะบอกเขาแทน
ถึงจงออบจะเป็นผู้ชายแต่ฉันมั่นใจว่าเพื่อนคนนี้สุภาพบุรุษพอที่จะไม่เอาเรื่องฉันกับไคไปเล่า
“ว่ามาๆ ตกลงมันยังไง”
ฉันขยับตัวไปใกล้จงออบแล้วเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เจอไคครั้งแรกจนถึงเรื่องที่ฉันตกลงไปอยู่บ้านเขา แน่นอนว่ารวมทั้งเรื่องที่ฉันกับเขามีอะไรกันแล้วและเรื่องที่ฉันถูกแบล็คเมล์
“เฮ้ย ทำไมมันเลวยังงั้นวะ”
“เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงไม่มีวันชอบเขา”
“ทำไมเธอไม่ฟ้องตำรวจ เอามันไปเข้าคุกล่ะ”
“จะบ้าเหรอ! ทำยังงั้นจะไปสะใจอะไร ต้องลงมือเองสิถึงจะสะใจยิ่งกว่า”
“เธอมีแผนอื่นนอกจากลบรูปอีกงั้นเหรอ ?”
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็คงมีมั้ง เอาจริงๆ นะ ฉันไม่มีแผนจะทำอะไรไคหรอก แค่ลบรูปแล้วก็เลิกกับเขาก็จบแล้ว อย่างอื่นฉันไม่ถือ แค่ไม่ต้องมายุ่งกันอีกฉันก็พอใจแล้ว”
จงออบมองฉันด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนที่จะพยักหน้าขึ้นลงเหมือนเข้าใจในเหตุผลที่ฉันทำ
“แล้วเรื่อง...นั่นล่ะ”
ดูจากสายตากล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามก็พอจะรู้ว่าเขาถามถึงเรื่องบนเตียง
“ช่างมันเถอะ”
“...”
“ฉันผิดเองแหละที่ปล่อยให้ตัวเองเมา อีกอย่างฉันจำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นในตัวฉันสักนิด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”
“...”
“จริงๆ นะ ฉันไม่ซีเรียสอะไร แต่ไม่ใช่เพราะฉันเป็นเด็กนอกอะไรนะ แค่รู้สึก...ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายให้นายเข้าใจได้ยังไง”
ภาพที่ฉันจำได้ก็คือฉันขึ้นคร่อมเขา...และมันก็เลือนลางเหลือเกิน
“เฮ้อ เธอน่าจะบอกฉันตั้งแต่แรก ฉันจะได้ไปจัดการต่อยหมอนั่นสักสองสามที”
“นายกล้าจริงเหรอ เพื่อนเขาเป็นมาเฟียนะ”
“...” จงออบหน้าเหวอทันทีที่ฉันบอกอย่างนั้น
“ฮ่าๆ ทำเป็นเก่ง”
“เออๆ ก็พูดไปงั้นแหละ เธอก็รู้ฉันสู้ใครไม่ได้ แล้วนี่ซ้อมเป็นไงบ้าง ?”
“ก็โอเค ไม่ยากอะไร”
“เออๆ ถ้าทำงานไม่ทันก็บอกจะได้ช่วย เดี๋ยวไปอยู่บ้านนั้นแล้วคงไม่มีเวลาว่างเพราะมัวแต่จู๋จี๋...ไม่พูดแล้วก็ได้” จงออบหยุดพูดทันที่เห็นสายตาน่ากลัวของฉัน
จู๋จี๋เหรอ...คำนี้มันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
“นั่นแฟนเธอมาแล้ว”
ฉันหันมองตาที่จงออบชี้ก็เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยาวสีดำขาลอยโชว์รองเท้าหนังเก๋ๆ ของเขา ผมก็ไม่ได้เซ็ตแต่กลับดูดีจนสายตาของคนแทบทั้งศูนย์อาหารต่างหันไปมองไค บอกแล้วไงว่าเขามันพวกแรงดึงดูดสูง
“จะว่าไปไคก็หล่อเหมาะกับเธอดีนะ”
“ฉันหาได้ดีกว่าเขาเยอะ”
“เหอะๆ แม่คนหลงตัวเอง ฉันไปล่ะ เห็นหน้ามันแล้วของขึ้น”
“อื้อ เดี๋ยวเจอกันในคลาส”
ไม่แปลกหลอกที่จงออบจะไม่ชอบหน้าไคแม้จะรู้ความจริงแล้วก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่จงออบรู้ว่าไคพุ่งรถใส่ เขาก็อคติกับหมอนี่มาตลอด
ระหว่างฉันกับจงออบน่ะเพื่อนกันจริงๆ ไม่มีทางเป็นมากกว่านั้นแน่
“นึกว่าวันนี้จะไม่ตื่นแล้วซะอีก” ฉันเอ่ยแซวเมื่อเห็นไคเดินมาใกล้
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงเข้มทำให้ฉันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “...เดี๋ยวนี้”
“แต่ฉันมีเรียนอีกครึ่งชั่วโมง”
“...”
“เอาไว้เราค่อยคุยกันได้มั้ย”
ฉันยืนขึ้นแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายก่อนจะจับแขนไคให้เดินออกจากศูนย์อาหาร ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดี แต่ฉันสัมผัสได้ว่าใบหน้าหล่อดูเคร่งเครียดเหมือนกับโกรธอะไรอยู่
เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลยแล้วทำไม...
“เราแยกกันไปเรียน ไว้ตอนเย็นค่อยมาคุยกันโอเคมั้ย ? ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ตอนเย็นมีซ้อมอีก”
ฉันปล่อยมือจากแขนไคเมื่อเรามาถึงหน้าศูนย์อาหารแล้วส่งยิ้มบางเบาให้เขาก่อนจะหมุนตัวแต่ก็ถูกไคดึงสายกระเป๋าสะพายไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวจนฉันเกือบล้ม ยังไม่ทันที่ฉันจะได้โวยวายไคก็จับข้อศอกแล้วบังคับให้ฉันเดินตามเขาไป
“เฮ้อ~” ฉันได้แต่ถอนหายใจยาวเมื่อคิดว่าวันนี้คงไม่ได้เข้าเรียนเป็นแน่
ไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย ไคโยนฉันเข้ารถก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปนั่งอีกฝั่งแล้วสตาร์ทรถแต่ไม่ได้ขับไปไหน
“เมื่อเช้า...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ฉันยกมือห้ามเขาไว้ก่อน
“ขอส่งข้อความบอกเพื่อนก่อนว่าฉันไม่ได้เข้าเรียน” ฉันเบรกคำพูดไคแล้วหยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาจงออบว่าติดธุระซึ่งเขาน่าจะเข้าใจว่าธุระในที่นี้หมายถึงฉันกับไค “...เสร็จแล้ว มีอะไรว่ามา”
“...”
“พอให้พูดแล้วก็ไม่พูด”
ไคเบือนหน้าไปที่ถนนหน้าด้านหน้าที่มีนักศึกษาเดินกันให้ขวักแต่ไม่มีใครมองมาทางเราเพราะฟิลม์สีดำสนิทของรถคันนี้นั่นเอง
และวินาทีที่ไคหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะปามาทางฉัน ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาหงุดหงิดเรื่องอะไร
ยาคุมฉุกเฉิน!!
เขาเจอมันได้ยังไง...
“เมื่อเช้าผมจะเอาพวกเสื้อผ้าและของใช้ที่สำคัญย้ายไปบ้านผม แต่ดันเจอไอนี่ใต้หมอนคุณ มีอะไรจะอธิบายมั้ย ?”
“...”
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเจอสายตาประดุจเหยี่ยวกำลังจ้องจะกินฉันทางสายตา และเมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรฉันก็ตอบกลับไคด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยาคุม ? มันแปลกตรงไหนถ้าฉันจะกิน”
ความจริงแล้วฉันไม่ได้กินมัน ที่ซื้อมานี่ก็แค่ซื้อมาเฉยๆ ช่วงหลังจากกลับจากอเมริกา พอมาอ่านดูวิธีฉันก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรถ้ากินหลังระยะเวลาที่กำหนด ตอนนั้นก็สี่ห้าวันแล้วที่ฉันมีอะไรกับเขา เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่ได้กิน
“คุณไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”
ขอแกล้งเขาหน่อยเถอะ! อยากค้นห้องฉันดีนัก
“การเสี่ยงมีลูกกับคุณอันตรายกว่าอีก”
“...”
ใบหน้าคมเข้าฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนจนกรามขบเป็นรอยนูน
“อีกอย่างฉันก็แค่ป้องกัน ไม่เห็นมีอะไรแปลก นายน่าจะดีใจนะที่ฉันป้องกัน มันจะได้ไม่กลายเป็นภาระของนายไง” ฉันบอกเขาเสียงนิ่งแล้วลอบสังเกตปฏิกิริยาของไค
แววตาที่ฉายความโกรธทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ก็ปั้นหน้านิ่งตอบโต้กลับไปจนไคต้องเบนหน้าไปอีกฝั่งแล้วทุบมือลงบนพวงมาลัยจนเกิดเสียงดังลั่น
ปิ้นนนนนนนนน!!
ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อเจอเสียงแสบแก้วหูจากแตรรถ นิสิตที่เด็กกันขวักไขว่ต่างหันมามองทางรถเราด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ราวกับรู้ว่าใครคือเจ้าของรถ
“ไค!!!” ฉันร้องเรียกเขาเมื่อไคเหยียบคันเร่งอย่างแรงจนรถทะยานไปหน้าข้างด้วยความเร็วสูง ผู้คนที่เดินอยู่ต้องกระโดดหลบรถเขากันใหญ่
“...”
“หยุดๆๆ ฉันบอกความจริงนายก็ได้ว่าฉันไม่ได้กิน พอใจยัง!!”
“คุณว่าไงนะ?!”
“ฉันบอกว่าไม่ได้กินสักเม็ด นายไม่เห็นหรือไงว่าในแผงทุกเม็ดยังอยู่ครบ”
“...”
ฉันยื่นแผงยาไปตรงหน้าเขาจนเกือบจะติดลูกตาทั้งสองข้าง ไคที่เพิ่งค้นพบความจริงเริ่มชะลอความเร็วลงจนกลับมาอยู่ในความเร็วปกติ
“แค่นี้ก็ต้องโกรธ...ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่านายจะโกรธฉันทำไมต่อให้ฉันกินจริงๆ มันก็ดีไม่ใช่ระ...”
คำพูดฉันถูกกลืนลงลำคอเมื่อไคคว้าท้ายทอยฉันแล้วดึงไปประกบจูบทั้งที่เขายังบังคับพวงมาลัยให้รถเคลื่อนตัวอยู่บนท้องถนน แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาไคก็ผละออกไป
“มันอันตราย ผมไม่ชอบ ถ้าคุณตายขึ้นมาผมจะทำไง”
“...”
เขาว่าอะไรนะ ?
“ยังมาทำหน้าเหวออีก ไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือไง ?”
ไอ้ประโยคหน้าก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ประโยคหลัง...ฉันไม่ค่อย...เข้าใจนะ
“ต่อไปไม่ต้องไปกินไอยาพวกนี้อีกนะ ถ้าท้องเดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”
“!!!”
“เป็นใบ้หรือไงทำไมไม่พูดหรือโดนจูบจนเสียงไม่มีแล้ว”
“บะ บ้า”
“หึ อยากเป็นเด็กโกหกดีนัก ได้โดดเรียนมานั่งรถเล่นเลยเป็นไง”
“-_-”
โทษฉันอีก เขาเป็นคนพาฉันออกมาแท้ๆ
“เอาแต่ใจที่สุด!” ฉันสะบัดหางเสียงเหวี่ยงไคแล้วเชิดหน้าไปที่วิวแทน
ช่างมันเถอะ เมื่อกี้เขาคงพูดด้วยอารมณ์ คงไม่จริงจังอะไร
ว่าแต่...อารมณ์ไหน ?
“เหลือเวลาอีกสิบนาที วนรถกลับไปส่งฉันสิ” พูดพลางหันไปมองคนขับรถ
“ช้าไปแล้ว...ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”
“ฉันไม่หิว”
“แต่ผมหิว ไอ้ซุปข้าวโพดของคุณไม่ได้ช่วยให้ผมอิ่มเลยสักนิด” ไคหันมายักคิ้วให้ฉันที่มองเขาอย่างไม่พอใจอยู่ก่อนแล้ว “...แต่มันอร่อยดี กินแล้วสุขใจ”
“...”
ตึกๆ ตักๆ ตึกตักๆๆๆๆ
บะ บ้าน่า! เสียงหัวใจใครเต้นดังอย่างนี้!!
19.00 น.
หลังจากไคพาฉันไปทัวร์บ้านเขาเมื่อช่วงบ่ายก็ต้องพบว่าผู้ชายคนนี้มันน่าจับฆ่ายิ่งนัก คนอะไรเอาของส่วนตัวทั้งเสื้อผ้าและชุดชั้นในฉันมาไว้ที่บ้านเขาโดยพลการ และแค่นั้นมันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตซะที่ไหนล่ะ เมื่อตอนบ่ายฉันเลยไปขนของบางส่วนไปไว้บ้านเขาอีก ฉันสังเกตแล้วว่าเขามีโน๊ตบุ๊คสองเครื่อง มันอาจจะมีรูปฉันอยู่ในไหนสักเครื่องเนี่ยแหละ
ฉันมาซ้อมละครเวทีได้ชั่วโมงกว่าแล้ว แน่นอนว่าไคก็ด้วย ตอนนี้เป็นช่วงพักฉันเลยแวะไปเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับเข้ามาใหม่
!!!
ภาพตรงหน้าทำให้ฉันชะงักมือที่กำลังเปิดประตู จูเนียลกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับไปตามเสื้อไคที่ดูท่าคงเกิดอุบัติเหตุจนน้ำหกใส่ ไคปล่อยให้จูเนียลทำแบบนั้นโดยไม่ได้ห้ามอะไรก่อนจะจับมือเล็กๆ ที่ถือผ้าเช็ดหน้าออกจากอกแล้วพูดอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน แต่ใบหน้าที่ดูเขินอายของน้องเขาก็ทำให้ฉันพอจะรู้ว่าแฟนตัวเองคงหว่านเสน่ห์ใส่สาวรุ่นน้อง
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“อ่ะ แฮ่ม” เสียงขัดจังหวะจากรุ่นพี่ผู้ชายทำให้สองคนตรงหน้า แยกตัวออกจากกัน “...แหม ไครุ่นน้องก็ไม่เว้นเหรอ”
“ฮะๆ ไม่หรอกครับ พี่น้องเฉยๆ”
“ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่พี่ชินดงคิดซะหน่อย”
“ฮ่าๆ ระวังนะไค คริสตัลเห็นเขาจะหึงเอาได้”
ไคหัวเราะรับคำพูดของพี่ชินดง ส่วนจูเนียลเพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นราวกับเขินอายเสียเต็มประดา ฉันหยุดมือที่จะเปิดเข้าไปเปลี่ยนเป็นปิดมันลงแทนจากนั้นก็ถอยออกมาตั้งหลัก
นี่มันหยามหน้ากันชัดๆ
“อ้าว คริสตัลทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ” พี่ทิฟฟานี่ที่เดินผ่านมาทักขึ้น ฉันปั้นสีหน้าเป็นปกติก่อนจะยิ้มให้พี่เขา
“ออกมาสูดอากาศหน่อยน่ะค่ะ ข้างในมันหนาวแต่เดี๋ยวจะเข้าไปแล้ว”
“ป่ะๆ ไปซ้อมกันต่อจะได้กลับเร็วๆ”
“ค่ะ”
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง น้องจูเนียลที่สนิทกับฉันมากที่สุดก็เข้ามาหาทันที
“พี่คริสตัล จูเนียบขอโทษนะคะ เมื่อกี้หนูทำน้ำส้มหกใส่เสื้อพี่ไค T^T”
“แล้วไคเขาว่ายังไงบ้าง”
“พี่ไคเขาบอกว่าไม่เป็นไร แค่ไปซักให้ก็พอ”
“...”
“จูเนียลขอโทษนะคะ”
“ขอโทษพี่ทำไมล่ะจ๊ะ จูเนียลไม่ได้ทำน้ำหกใส่พี่สักหน่อยหนิ” ฉันบอกเสียงเรียบทั้งที่ความเป็นจริงฉันโมโหผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนมากแต่ก็ไม่อยากจะลงกับรุ่นน้องที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
หน้าใสๆ ที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ตอนนี้คงไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างไคหรอก!
“อ้าว คริสตัลมาพอดีเลย” เสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับร่างเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นหุ่นผู้ชายที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เขาไม่ได้ล้ำบึกแต่ก็มีกล้ามน้อยๆ ตามไหล่และหน้าท้องที่แลดูเซ็กซี่จนทำให้คนมองถึงกับหน้าร้อนผ่าว...ยกเว้นฉัน! ที่ตอนนี้หน้าร้อนด้วยความโกรธ
ไคยื่นเสื้อเชิ้ตไปทางจูเนียลที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ ฉัน
“ว้าว น้องไคถอดเสื้ออย่างนี้ เดี๋ยวพี่ก็จับขย้ำซะเลย” พี่ทิฟฟานี่ล้อไคที่ยืนไม่สะทกสะท้านกับสายตานับสิบที่มองมายังเขา “..อิจฉาคริสตัลจริงๆ เลย”
“ฮะๆ ถ้าได้คนสวยอย่างพี่ฟานี่มาขย้ำแล้วล่ะก็ ผมยอมล่ะครับ”
“แหม น้องไคนี้ตลกจัง พี่ขอไปทำงานต่อก่อนนะ” แล้วพี่ทิฟฟานี่ก็ออกไปรวมกลุ่มกับพี่ซูยอง ตอนนี้เลยเหลือแค่เราสามคน
“เอ่อ...เดี๋ยวหนูเอาไปซักให้เองนะคะ”
ไคส่งเสื้อให้น้องก่อนที่จูเนียลจะก้มหัวเดินจากไปเหมือนต้องการปล่อยให้ฉันกับเขาอยู่กันสองคน
“ไปซ้อมกัน” ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่สงสัยอะไรแล้วเดินกลับไปรวมกลุ่มกับนักแสดงคนอื่นๆ ไคเองก็ไม่ได้พูดอะไรแถมยังยิ้มและคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติ แถมยังซ้อมต่อทั้งที่ไม่ได้ใส่เสื้อ
‘ฉันเตือนแกนะตัล...ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม เขามีผู้หญิงรายล้อมมากมาย ถ้าเกิดวันหนึ่งแกพลาดขึ้นมา ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจ’
ต่อให้ฉันพลาดท่าให้เขาไปแล้ว แต่สำหรับใจ...ไม่มีวัน
“คุณจะเข้านอนเลยหรือเปล่า” ไคถามขณะที่เปิดไฟบ้าน
“อื้อ”
“เอาอาหารว่างก่อนมั้ย มีพวกนม ขนมปังและก็...”
“ฉันไม่หิว” ตัดบทแล้วถอดรองเท้าออกก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องนอนที่ไคจัดไว้ให้ เมื่อตอนบ่ายเขาบอกว่าห้องนี้เป็นห้องพักแขกสำหรับเพื่อนๆ ที่มาค้างแต่ต่อไปนี้มันจะเป็นห้องฉัน
ไม่เกินสองวัน...ฉันจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงเรียกมาพร้อมกับมือเย็นๆ ที่เข้ามาจับมือหยุดมือที่กำลังจับลูกบิด
“อะไร”
“คุณเป็นอะไร...ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว ไม่คุยกับผมเลย”
“ฉันก็คุยกับคุณอยู่นี่ไง”
“ถามคำตอบคำนี่มันเรียกว่าคุยตรงไหน เป็นอะไร เมนส์มาหรือไง”
“...”
“ตอนบ่ายยังดีๆ อยู่เลย ในรถอีก ผมกับน้องจูเนียลชวนคุย คุณก็เหมือนไม่เต็มใจจะคุยด้วยจนน้องนึกว่าคุณโกรธอะไรเขาสักอีก”
“ฉันไม่ได้โกรธจูเนียลและก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ฉันสะบัดมือออกจากไคแล้วเปิดประตูก่อนจะปิดใส่หน้าเขาจากนั้นก็กดล็อกอย่างรวดเร็ว
ปังๆๆๆ
“นี่ปิดประตูใส่ผมงั้นเหรอ!”
“คุณไปซะเถอะ ฉันจะอาบน้ำแล้วก็นอน”
โชคดีที่ในห้องมีห้องน้ำในตัวฉันเลยไม่ต้องออกไปไหน
“ไม่ได้นะ ผมยังไม่กินอะไรเลย คุณต้องออกมาทำให้ผมกินก่อนสิ!”
“ไร้สาระ เราเพิ่งไปกินข้าวกันมาเมื่อกี้”
ฉัน ไคและจูเนียลแวะทานข้าวที่ร้านริมทางหลังจากซ้อมเสร็จจากนั้นก็วนรถไปส่งจูเนียลที่คอนโดซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่นั่งฟังสองคนนี้หัวเราะต่อกระซิกอยู่เงียบๆ ถ้าเป็นปกติฉันคงร่วมวงสนทนาด้วยแล้ว แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำเอาฉันอารมณ์เสียจนขี้เกียจอ้าปากพูด
ถ้าไม่ได้ขึ้นชื่อว่าคบกับฉันคงไม่เลือดขึ้นหน้าอย่างนี้หรอก!
“งั้นคุณก็ไปอาบน้ำเถอะ ดูท่าคุณจะเหนื่อยจนไม่อยากคุยกับผม” เสียงหงอยๆ ของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้โมโหยิ่งกว่าเดิม
ฉันหยิบของใช้ส่วนตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ ค่อยๆ ก้าวเท้าลงไปในอ่างช้าๆ ทิ้งตัวลงบนอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่หลังจากรอจนอุณหภูมิน้ำได้ที่ วางหัวไว้กับขอบอ่าง หลับตาลงจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำอุ่นๆ และกลิ่นหอมๆ จากสบู่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ช่วยอะไรมากแต่ก็มากพอให้ฉันใจเย็นลงได้บ้างล่ะนะ
สองวันเท่านั้น...ทนหน่อยน่าคริสตัล
ผ่านไปหลายนาทีที่ฉันตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนเข้ามาในห้องน้ำจนกระทั้งได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ
!!!
“อาบน้ำด้วยคนสิ”
“!!!” ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่ได้ยินเสียงไคจากเบื้องหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าไคยืนอยู่ปลายขอบอ่างอาบน้ำด้วยผ้าขนเช็ดตัวที่ปิดท่อนล่างอยู่ผืนเดียว
“คุณคิดผิดแล้วล่ะที่หนีในบ้านที่ผมเป็นเจ้าของ” คนพูดชูพวงกุญแจด้วยใบหน้ามีชัย ก่อนที่เขาจะวางมันไว้ที่อ่างล้างหน้าแล้วกลับมาหาฉันใหม่
ขะ เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่! ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู!
“นะ นาย...” ฉันพูดอะไรไม่ออกแต่สองมือรวบฟองสบู่เข้าหาตัวเพื่อปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าจากสายตาเจ้าเล่ห์นั่น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย อยากจะร้องไห้ T^T
ไคที่เห็นหน้าตาเลิ่กลั่กของฉันถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกผิดและไร้ยางอาย เขานี่มันน่าจับฆ่ายิ่งนัก ผู้ชายบ้าอะไรเข้ามาตอนผู้หญิงกำลังอาบน้ำแล้วยังมาขออาบด้วยหน้าตาเฉย
“อะ ออกไป” ฉันสั่งเสียงสั่นแล้วพยายามรวบฟองสบู่จากทั่วสารทิศมาไว้รอบหน้าอกตัวเอง แผ่นหลังก็แนบไปกับผนังอ่างจนแทบจะจมหายไปกับปูนอยู่แล้ว
“ผมบอกว่าขออาบน้ำด้วยไง”
“มะ ไม่ได้นะ”
“ทำไมถึงไม่ได้ นี่ห้องน้ำของผม อ่างนี้ก็ของผม”
“แต่สบู่ของฉัน ออกไป”
ขวดสบู่ที่อยู่ใกล้มือถูกคว้ามาถือไว้เตรียมจะขว้างใส่ผู้ชายไร้ยางอาย แต่ไคเหมือนจะไม่กลัว เขายักคิ้วท้าเป็นเชิงแน่จริงก็โยนมา...
“ถ้าผมบาดเจ็บล่ะก็ นอกจากอาบน้ำด้วยกันแล้วคืนนี้คงมีกิจกรรมสนุกๆ เกิดขึ้นแน่”
คำขู่ของไคทำเอาฉันยอมวางขวดสบู่กับที่เดิมแล้วกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเจ็บใจ
กิจกรรมสนุกๆ ...บ้ารึไง เขาคิดอะไรของเขาอยู่เนี่ย!
“หอมจริงๆ” เขาทำท่าสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างน่าโมโห “...ผมชอบนะ”
“...”
“อาบด้วยกันเลยดีกว่า...”
“อย่านะ!” ฉันร้องห้ามเสียงดังเพราะไคตั้งท่าจะปลดปมผ้าเช็ดตัวออกจริงๆ “...นายมันทุเรศที่สุด ไม่มียางอายเลยสักนิด”
“คุณเพิ่งรู้รึไง” ไคยกยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทก่อนจะปลดปมผ้าเช็ดตัว ฉันที่เห็นอย่างนั้นรีบก้มหน้าลงฝ่ามือตัวเองทันที
ไร้ยางอาง!! หน้าด้าน!!
“แต่ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมบอก ผมก็จะยอมกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองแต่โดยดี”
“ว่ามาสิ” พูดโดยที่หน้ายังไม่ละออกจากฝ่ามือจนไคเข้ามาจับมือฉันแล้วดึงออกช้าๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเขาขยับมายืนอยู่ข้างหลังแถมยังโน้มหน้าลงมาใกล้อีกด้วย
-//////////////////-
ทั้งชีวิตไม่เคยรู้สึกอายอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย~ ยังดีนะที่เขาไม่ได้เปลื้องผ้าจริงๆ
ลมหายใจร้อนๆ รินรดอยู่ที่ใบหูทำเอาใบหน้าฉันร้อนยิ่งกว่าเดิม ร้อนจนฉันเริ่มหายใจติดขัด
“จูบผมสิ”
เสียงกระซิบดังแผ่วเบาราวกับกำลังร่ายมนตร์ทำเอาฉันต้องกลืนน้ำลายเพื่อเรียกสติ อย่าเคลิ้มไปเขาเด็ดขาดเลยนะคริสตัล!
“ถ้าไม่...ผมจะลงไปอาบน้ำให้คุณ...เดี๋ยวนี้”
“!!!”
น้ำเสียงกระซิบอย่างวาบหวิวไม่ได้มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งปลายนิ้วเรียวยาวที่กำลังลูบไล้ไปตามไหล่บางทั้งสองข้างช้าๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนจนแทบจะไหม้ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าฉันแดงขนาดไหน
“ว่าไง...”
พูดอย่างเดียวไม่ได้หรือไงทำไมต้องมาพ่นลมหายใจใส่ลำคอฉันด้วย T^T
“คงอยากให้ผมอาบน้ำให้สินะ เงียบแบบนี้”
“มะ ไม่”
“...”
“จูบก็จูบ”
ไม่รอให้ไคพูดอะไรที่มันน่าหวาดเสียวไปมากกว่านี้ ฉันก็หมุนตัวหาไคแล้วใช้แขนสองข้างของตัวเองโอบรอบคอเขาให้โน้มต่ำลงมามากกว่าเดิมก่อนจะประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว
เมื่อริมฝีปากของเราสองคนแตะกัน มันราวกับมีไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง ความร้อนที่ริมฝีปากพุ่งสูงซะจนฉันไม่อาจแยกออกจากริมฝีปากหนา ไคไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เขาแค่หลับตาพริ้มและปล่อยให้ฉันเป็นคนนำทางทุกอย่าง
ความอยากเอาชนะเริ่มสูงขึ้นเมื่อเขาไม่ยอมเปิดริมฝีปากให้ฉันเข้าไปสำรวจอย่างที่เขาชอบทำกับฉัน มือที่อยู่บริเวรท้ายทอยจึงเลื่อนไปยังแผ่นหลังกว้างและไล้ขึ้นลงราวกับยั่วสวาท บางครั้งบีบเบาๆ อย่างหมั่นไส้ที่เขาแกล้งฉัน และเมื่อฉันกำลังผละออกเพราะยอมแพ้ที่จะบุกเข้าไป ฝ่ายชายก็เป็นฝ่ายจับท้าทอยฉันไว้
“บอกผมมาทำไมคุณทำตัวหมางเมิน” เสียงเบาๆ เอ่ยขึ้นทั้งที่ริมฝีปากเขายังจูบอ้อยอิ่งอยู่ที่ปากฉัน
“...”
“บอกผมสิ...คริสตัล คุณไม่พอใจอะไร”
“ฉัน...” ปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นวายอยู่กับริมฝีปากฉันอย่างน่าหวาดเสียว “ไม่รู้”
“ไม่รู้งั้นเหรอ”
เหมือนคนตัวสูงจะไม่พอใจในคำตอบ มือที่จับท้ายทอยอยู่ถึงได้เลื่อนต่ำลงไปตามแผ่นหลังเนียนสวย
!!!
“บอกผมมา ไม่งั้นจะทำมากกว่าจูบ”
“มือนาย...” น้ำเสียงเหมือนคนขาดสติเอ่ยขึ้นอย่างน่าอาย ทั้งตัวสั่นสะท้านไปกับฝ่ามือหนาที่กำลังไล้วนแผ่นหลังเปลือยเปล่าใต้ฟองสบู่ เปลือกตาปิดลงเพราะไม่สามารถทนมองคนตรงหน้าได้อีกต่อไป
มันน่าอายเกินไป...
“ผมไม่ชอบที่คุณหมางเมิน...อะไรที่ทำให้คุณอารมณ์เสียแค่บอกผมมา”
มือหนาเริ่มนวดคลึงเอวบางจนฉันขนลุกซู่และนั่นทำให้ฉันต้องดึงสติกลับมา...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“คุณ...ทำให้ฉันอารมณ์เสีย” ฉันตอบเสียงเบาหวิว มือที่กำลังนวดเคล้นเอวบางถึงกับหยุดทันที ริมฝีปากที่จูบอยู่ตามริมฝีปากล่างของฉันก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
“ผม ?” สายตาประดุจหมาป่าฉายแววสงสัย ไคยอมผละหน้าออกห่างจากฉันเพื่อที่จะเราจะได้สบตากันได้ถนัดยิ่งขึ้น “ผมทำอะไร ?”
“...”
ฉันหลับตาแล้วลืมขึ้นใหม่อีกครั้งก่อนจะตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาราบเรียบ
“นายทำให้ฉัน...หึง”
ขอให้คำโกหกนี้ทำให้ฉันรอดพ้นจากเงื้อมือเขาด้วยเถอะ
“ห๊ะ ?”
“นายกับจูเนียล”
“...”
“ฉันไม่ชอบ”
แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก...แต่ใจฉันก็รู้สึกดีที่ได้พูดออกไปแบบนั้นราวกับว่าบางส่วนมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
ใบหน้าหล่อเข้มเริ่มเผยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างเหมือนถูกใจกับเหตุผลของฉัน
มันมีอะไรน่าดีใจไม่ทราบ!
“เหตุผลน่ารักมาก...หึๆ” ไคละมืออกจากลำตัวฉันพลางหัวเราะเบาๆ
ฉันเบ้ปากใสไคอย่างงอนๆ ก่อนที่เบือนหน้าหนีเขา
ฟอดดดดด~
!!!
“เป็นคำตอบที่ถูกใจที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา” ว่าแล้วคนพูดก็เดินยิ้มร่าออกจากห้องน้ำไปหลังจากขโมยแก้มฉันไปฟอดใหญ่
ปัง
ฮู้ววว~ เกือบไปแล้วไม่ล่ะเรา ต่อไปนี้จะอาบน้ำคงต้องรอตอนที่เขาหลับไม่ก็ตอนไคไม่อยู่บ้านอย่างเดียว
มันเป็นเวรกรรมอะไรของฉันที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วต้องมาเจอเขานอนตะแครงอยู่บนเตียงแล้วใช้สายตาหื่นมองฉันที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
ปกติฉันก็ออกมาแต่งตัวข้างนอกอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าไอ้บ้าหน้าหื่นนี่จะมานอนเล่นอยู่ในห้องฉัน T^T
“คุณจะนอนชุดนี้เหรอ ?”
“...” ฉันไม่ตอบแล้วรีบเปิดตู้เอาเสื้อยืดและกางเกงนอนขายาว! ก่อนจะรีบควานหาชุดชั้นในติดมือเข้าห้องน้ำไปด้วย
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยและออกมาจากห้องน้ำอีกรอบ ไคก็ยังนอนอยู่ท่าเดิมด้วยแววตาแพรวพราว แต่ยังดีที่ตัวเขายังมีชุดนอนห่อหุ้ม
“มานอนนี่เร็ว” ไคตบหมอนเบาๆ
“ฉันต้องรอผมแห้งก่อน”
“...”
“คุณกลับห้องไปเถอะ มันอีกนาน”
“หมางเมินกันอีกแล้ว คุณนี่ชอบให้ผมใช้ไม้แข็งสินะ”
“หยุด” คนตัวสูงที่ทำท่าจะลงจากเตียงหยุดกะทันหัน “คุณสัญญาแล้วว่าจะให้ฉันนอนห้องนี้”
“ใช่ แต่ผมก็ตามมานอนด้วยไง ผิดคำพูดตรงไหน”
“นี่!!”
“ครับ ?”
“ให้ตายเถอะ นายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด” ฉันบ่นแล้วหันหลังให้ไคก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างโมโห
ผู้ชายคนนี้นี่เปิดโอกาสให้หน่อยเป็นไม่ได้ คอยแต่จะเล่นขี้โกง!
ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่นอย่างเซ็งๆ มือข้างหนึ่งจับผ้าฝืนเล็กขึ้นมาเช็ดหัวอย่างหงุดหงิดที่โดนเขาปั่นหัว เสียงเปิดประตูตามหลังมาพร้อมกับฝีเท้าหนัก
“ตามมาทำไมอีก...กลับห้องไปเลยไป” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายคนงอน ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะมีด้านนี้แบบผู้หญิงคนอื่นด้วย
“สัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไร” ไคทิ้งตัวลงนั่งข้างฉัน
“ไม่ได้! วันนี้นายแกล้งฉันมากพอแล้ว”
“ก็...”
“ก็อะไร”
“แน่ใจเหรอว่าจะให้ผมพูด”
“ไม่พูดก็กลับห้องไปซะ”
“ก็คุณน่ารักหนิ”
“...”
มือที่กำลังเช็ดหัวอยู่ถึงกับหยุดชะงัก ฉันสบตาคนตัวสูงที่มองฉันอยู่ก่อนแล้วด้วยความตกใจ
“สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแค่นอนเฉยๆ แล้วก็เรื่องจูเนียลสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนั้นอีก”
“...”
“ผมชอบที่คุณหึงผมจัง”
ดีใจนะที่นายชอบคำโกหกของฉัน เหอะๆ
“ก็ได้”
เพื่อให้การใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้เป็นไปอย่างสงบสุข ฉันยอมให้เขานอนกับฉันก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาผิดสัญญาล่ะก็...หึๆ โคมไฟที่หัวเตียงคงได้ตกกระทบหน้าหล่อๆ ของเขาแน่
ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มอย่างถูกใจในคำตอบของฉัน ก่อนจะลุกขึ้น
“งั้นผมไปจัดเตียงรอก่อนดีกว่า”
ท่องไว้คริสตัล ท่องไว้...เพื่อรูป...เพื่อรูป...เพื่อรูป
------------------------------------------
Sull’s part
มือข้างที่ไม่ได้ถือของแตะคีย์การ์ดก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้วยหัวใจบอบช้ำ ฉันกลับมาหลังจากคริสตัลสองวันน่ะแต่เวลาที่เหลือฉันก็ไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากหมกตัวอยู่ในห้องหลีกเลี่ยงการเจอหน้าเทา เขามาหาฉันที่ห้องพักและพยายามจะเข้ามาแต่ก็เจอเพื่อนฉันห้ามไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามฉันก็ต้องกลับมาเจอเขาที่นี้อีกอยู่ดีเพราะเพื่อนฉันบอกว่าเขากลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าทั้งห้องปิดไฟเหมือนไม่มีคนอยู่ เครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้เปิดใช้งาน บางที่เทาคงจะไปทำงานเพราะนี้ก็เที่ยงแล้ว เขาคงไม่อยู่ที่ห้องหรอก
หลังจากฉันจัดการเอาของในกระเป๋าออกเรียบร้อยก็เดินเข้าไปหาอะไรทานในห้องครัว แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นโน๊ตแผ่นเล็กๆ แปะไว้ที่ตู้เย็น
‘ผมจะไม่อยู่สักอาทิตย์หนึ่งเพราะมาจัดการเรื่องงานหมั้นของเรา...ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณด้วยตัวเอง -จื่อเทา’
คำลงท้ายที่เขาไม่ชอบให้ฉันเรียกที่มุมกระดาษเรียกรอยยิ้มบางๆ จากฉัน แต่มันก็แค่นิดเดียวก่อนที่จะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ฉันดึงกระดาษแผ่นนั้นออกแล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาเทดื่ม
จะไปไหนก็ไป...ไปแล้วไม่ต้องกลับมาได้ยิ่งดี!
กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นเรียกสติฉันให้กลับคืนมา ฉันวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ ชเวซอลลี่พูดค่ะ”
[…]
“ฮัลโหล”
[คุณกลับมาแล้วเหรอ...]
เทา...
“...”
[ผมมาฮ่องกงอาทิตย์หนึ่ง พอดีมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย]
“...”
[ทั้งเรื่องบริษัทและเรื่องงานหมั้นของเรา]
“...”
[คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ]
“...”
[ผมขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น...ซอลลี่ คุณอย่าเงียบอย่างนี้สิ ผมใจไม่ดีเลย]
“คุณบอกมาสิว่าอยากให้ฉันพูดอะไร...เพราะถ้าฉันพูดอะไรไม่เข้าหู คุณก็จะทำร้ายฉันอีก”
สรรพนามจาก ‘นาย’ กลับมาเป็น ‘คุณ’ ดั่งเช่นตอนเจอกันวันแรก
[ซอลลี่...] เสียงเทาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และถ้าฉันฟังไม่ผิด ฉันได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ [ด่าผม ตะคอกใส่ผมอย่างที่คุณเคยทำยังดีกว่าเป็นแบบนี้]
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับคุณดีแล้วเทา...คุณต้องการอะไรบอกฉันมาเลยดีกว่า พอฉันบอกจะถอนหมั้นคุณก็ไม่ยอม...” ฉันกลืนคำอีกมากมายที่ต้องการจะพูดกับเขาลงคอเมื่อรู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่อกันไม่ให้ตัวเอปล่อยสะอื้นจนตอนนี้มันแสบไปทั้งขอบตาและริมฝีปากที่น่าจะห้อเลือด
[ไว้ผมกลับไป ผมจะคุยกับคุณอีกที]
“...มะ ไม่ ฮึก คุยกันตอนนี้เลย...”
ถ้าต้องให้ฉันทนอยู่ในห้องที่ของทุกชิ้นเป็นของคนที่จะฆ่าฉัน อีกไม่นานฉันคงต้องขาดใจตายเป็นแน่
[ซอลลี่...คุณเป็นอะไร...]
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์กลัวของตัวเองก่อนจะปั้นเสียงเรียบตอบเขาไป
“ฉันไม่เป็นไร”
[ไม่ คุณเป็นแน่ๆ ...คุณร้องไห้ใช่มั้ย ?]
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรยังไงเล่า ฟังภาษคนไม่รู้เรื่องเหรอ!” ฉันตวาดเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเอง
[ผมจะรีบกลับไป!]
“ไม่ต้อง ฉันยังไม่อยากเจอคุณ”
[ซอลลี่...อย่าเป็นอย่างนี้สิ]
“แค่นี้นะ...”
[เดี๋ยว!! ผมมีเรื่องจะเตือนคุณ ถ้ามีใครมาหาหากไม่ใช่คนรู้จัก คุณไม่ต้องเปิดประตูให้เขานะ เข้าใจมั้ย?]
“...”
[รับปากผมมาก่อนสิ เมื่องั้นคืนนี้ผมกลับไปหาคุณแน่ๆ ...บ้าเอ้ย น่าจะเอาคุณมาด้วย]
“คุณหมายความว่าไง พูดอย่างกับมีคนจะปองร้ายฉันงั้นแหละ”
[ไม่เชิง เอาเป็นว่าคุณอย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ถ้าผมจัดการธุระทางนี้เสร็จ ผมจะรีบกับไปคุยเรื่องของเรา]
“...”
[โอเคนะครับ]
“ไม่มีคำว่า ‘เรา’”
ปิ่บ
ฉันทิ้งโทรศัพท์ไร้สายให้ล่วงลงพื้นก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง
ทำไม...เขาต้องพูดเหมือนยังแคร์ฉันด้วย
หลังมือถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าจะร้องไห้ให้เทาทำไม ในเมื่อฉันเองก็เกลียดเขา ยิ่งประโยคที่เขาพูดเหมือนใส่ใจฉันมันทำให้ฉันยิ่งเจ็บเพราะความเป็นจริงแล้วเขาพร้อมที่จะหยุดลมหายใจฉันได้ทุกเมื่อ!
หรือว่าคำพูดที่ซอฮยอนบอกมันจะเป็นความจริง…
‘ฉันว่าแกมีใจให้เทาแล้วล่ะซอล เพียงแต่แกไม่เคยรักใครเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง’
ดึกแล้ว...แต่ฉันนอนไม่หลับจึงออกจากห้องมาเดินเล่นริมแม่น้ำฮัน ลืมบอกไปว่าคอนโดเทาอยู่ติดกับแม่น้ำฮัน มันเลยสะดวกที่จะออกมาพักสมองที่นี่ บางครั้งฉันยังตื่นเช้าเพื่อมาวิ่งออกกำลังกายที่นี่อีกด้วย
รอบด้านแทบไม่มีผู้คน แต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้ว คงไม่มีใครบ้ามาเดินเล่นยามมืดขนาดนี้หรอก
แสงไฟสลัวๆ จากเสาไฟทำให้ทางเดินริมแม่น้ำในเวลาอย่างนี้ไม่น่ากลัวมากนัก ฉันเดินเรียบไปเรื่อยๆ อย่างคนใช้ความคิดก่อนจะหยุดนั่งที่ม้านั่งตัวยาว ข้างหน้าเป็นลานน้ำพุที่ตอนนี้ปิดไว้ มีคู่รักชราคู่หนึ่งนั่งถัดจากฉันไม่ใกล้ ไม่ไกล ใบหน้าเปื้อนยิ้มของทั้งสองเหมือนกำลังหวนระลึกถึงความหลังในวัยเยาว์ซะจนคนมองอย่างฉันอดยิ้มตามไม่ได้
ถ้าฉันมีใครสักคนที่พร้อมจะรักฉันไปจนแก่เถ้าก็คงจะดีไม่น้อย...
“...”
ความเงียบเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจ ฉันถอนหายใจยาวก่อนจะห่อไหล่ลงราวกับคนอดสู่ยังไงยังงั้น
แต่ก็นะ..ฉันรู้สึกแย่จริงๆ
ทำไมหัวใจมันถึงรู้สึกล้าอย่างนี้...ล้าจนฉันต้องปิดเปลือกตาลงแล้วปล่อยให้ร่างกายเอนลงบนม้านั่งช้าๆ
...
ความรู้สึกหนักหัวเล่นงานฉันทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็ต้องกระพริบตาถี่ๆ ด้วยความแปลกใจเพราะความมืดที่กำลังปกคลุมห้องนี้ ฉันพยุงตัวขึ้นนั่งพลางหลับตาสักพักแล้วลืมขึ้นใหม่เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับความมืดของห้องเย็นๆ นี้
จำได้ว่าฉันออกไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำฮัน...และอาจจะเผลอหลับ แต่ทำไมฉันถึงมานอนอยู่บนเตียงได้ ?
“ตื่นแล้วเหรอ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ฉันมองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจเพราะน้ำเสียงนั่นไม่คุ้นเลยสักนิด
“ใครน่ะ”
“...”
“ฉันถามว่าใคร!!”
เสียงขยับเก้าอี้ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยฝีเท้าหนักๆ ฉันพยายามมองตามแต่ก็เห็นเพียงแค่เงาของร่างผู้ชายที่สูงเพรียวเท่านั้น
“อย่าตะโกนสิครับ คุณกำลังป่วยอยู่นะ”
“...”
ฟูกเตียงหย่อนลงตามน้ำหนักที่ขึ้นทับ ร่างสูงที่ยังคงเป็นปริศนา เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องถอยหลังหนีจนสุดขอบเตียงอีกฝั่ง และกำลังจะก้าวขาลงแต่กลับถูกกระชากไหล่จนปะทะกับแผ่นอกแกร่งเข้าซะก่อน
“ไหนดูหน่อยซิ...ผู้หญิงของหวังจื่อเถาจะสวยขนาดไหน”
ฉันตัวสั่นเป็นลูกนกเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวของผู้ชายตรงหน้าไล้ไปตามโครงหน้า กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของแบรนด์ดังจากตัวเขาบ่งบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีรสนิยมอยู่พอตัว
“สวยจริงๆ ด้วย ไม่แปลกเลยที่ตระกูลหวังถึงต้องประกาศหมั้น”
“นะ นายเป็นใคร ?”
“นี่จะหมั้นกันอาทิตย์หน้าแล้วสินะ”
“ตะ ต้องการอะไร ?”
ร่างตรงหน้าไม่ตอบแต่กลับไล้มือไปตามไหล่ฉันจนเลยมาถึงมือที่กำลังสั่น มือหนาจับมือฉันไว้ทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียวก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ
“ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจาก...คุณ”
“ฉันไม่รู้จักคุณ! ถ้าแน่จริงก็เปิดไฟสิ”
“หึๆ คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้จักผมตอนนี้หรอก เอาไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณเอง”
กลิ่นอายจากตัวผู้ชายคนนี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน ไม่ว่าจะเหลือกตามองแค่ไหนฉันก็ไม่สามารถเห็นรายละเอียดของใบหน้าเรียวนั่นได้เลย เท่าที่รู้ตอนนี้คือกลิ่นน้ำหอม ใบหน้าเรียวและร่างที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร
“ผมจะบอกสิ่งที่ต้องการให้ฟัง...”
!!!
“กรี๊ด!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถูกคนตรงหน้าผลักให้นอนราบไปกับเตียงก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว
“เป็นของผม! นี่แหละสิ่งที่ผมต้องการ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด~”
แควกกกกกกกกกก~
ฉันหวีดร้องเสียงดังพร้อมกับเสียงเหมือนเสื้อถูกกระชากออกจากร่าง…
ในเวลานี้คนที่ฉันนึกถึงคนแรกกลับเป็น ‘เขา’ ...คนที่เคยจะฆ่าฉัน
หวังจื่อเถา...ช่วยฉันด้วย!
----------------------------------------
Tao’s part
‘เป็นของผม! นี่แหละสิ่งที่ผมต้องการ’
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด~’
แควกกกกกกกกกก~
ปึก!!
สองประโยคสุดท้ายที่มาตามสายโทรศัพท์ทางไกลทำเอาผมร้อนใจจนต้องปาสมาร์ทโฟนราคาแพงทิ้งอย่างไม่ใยดีจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนในสนาบินต่างหันมามองผมด้วยความตกใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวลูกน้องชุดดำที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ตอนนี้
“บัดซบเอ้ย!!”
ผมสบถอย่างขัดใจเมื่อมองไปด้านนอกเห็นฝนตกหนักและยังพายุเข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำให้ทุกสายการบินปฏิเสธการขึ้นบิน ไม่เว้นแม้แต่เครื่องบินส่วนตัวของผม!
“ทางสนามบินบอกว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงฝนจะซาลง อาจทำการบะ...”
“อีกชั่วโมง!! รอจนถึงเวลานั้นซอลลี่ไม่เป็นอะไรไปแล้วหรือไง” ผมตะโกนใส่แกรี่เสียงดังอย่างโมโห ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วถอนหายใจออกอย่างแรง
“แต่คุณปาร์คคงไม่...”
“ไม่อะไร ? มีใครจะรับประกันมั้ยว่าซอลลี่ไม่เป็นอะไร!”
“แต่คุณจื่อเถาเป็นคน...”
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนเอ่ยปากเอง ลืมไปเลยว่านิสัยหมาๆ ของมันคงจะไม่ปล่อยผู้หญิงสวยแน่ๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงของฉันด้วยแล้ว มันยิ่งต้องขโมย!”
บ้าเอ้ย! ผมน่าจะเอาเธอมาด้วย
ยัยนั่นก็เหมือนกัน ไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปอยู่กับไอ้เวรนั่นได้! บอกไม่ให้เปิดประตูก็ไม่เคยจะเชื่อฟัง น่าจับตีนัก!
“มีอีกวิธีหนึ่งครับ” แกรี่ที่เงียบไปนานพูดขึ้น
“อะไร”
“บอกให้เพื่อนคุณจื่อเถาไปช่วย”
“เอาโทรศัพท์มา!!”
แกรี่รีบส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผมอย่างเร่งรีบ ผมกดโทรหาไคก่อนเป็นอันดับแรกแต่มันดันไม่รับ ลองโทรหาแอล มันก็ไม่รับ เซฮุนกับลู่ฮานก็เช่นเดียวกัน!!
ไอ้เพื่อนเวรเวลาอย่างนี้มัวแต่ทำอะไรกันอยู่!
“ไปเตรียมเครื่องบิน” ผมสั่งแกรี่เสียงนิ่งขณะที่ส่งโทรศัพท์คืน
“แต่...พายุมันยังแรงอยู่เลยนะครับ คงไม่มีนักบินคนไหนยอม...”
“ช่างหัวมันสิ”
“ห๊ะ?!”
“ไปจัดการเตรียมเครื่องบินเจ็ทให้เรียบร้อย...ฉันจะขับเอง”
“O_O”
“หูหนวกหรือไง!”
“คะ ครับๆ”
นอกจากมันจะเอาตัวผู้หญิงผมไปแล้วยังมีการโทรศัพท์มายั่วโมโหผมอีก คอยดูนะถ้าซอลลี่เป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะฆ่ามันด้วยมือผมเอง!!
----------------------------------
สำหรับคู่ไคตัลนี่ยังไม่ได้เรียกว่าระเบิดลง
อีกสักพักใหญ่ๆ เลย ^______^
มีตัวละครโผล่มาอีกแล้ว~
ปล. จะเปิดเทอมแล้วคงไม่ได้อัพบ่อยๆ แล้วนะคะ TT
ขอเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยเร็วววววววว~
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่านค่ะ
ความคิดเห็น