ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #13 : [[ It's over ]]: C T 11 // Up

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      6
      25 พ.ค. 56













     

              ร่างสูงที่นอนอยู่บนโซฟาขยับตัวๆ เล็กน้อยเมื่อถูกสะกิด ฉันจิ้มแก้มเขาสองสามทีแต่ไคก็ยังไม่ยอมลืมตา มือหนาปัดสิ่งที่กำลังรังควานการนอนของเขาออก ฉันเลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะปลุกเขาแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปเรียนแทน ฉันมีเรียนเช้า ถ้าช้าไปกว่านี้จะเข้าคลาสไม่ทัน ส่วนไคฉันไม่รู้ตารางเรียนเขารู้แค่ว่าเขามีเรียนแค่สองวิชาในเทอมนี้

              หลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จฉันก็ออกมาปลุกเขาใหม่อีกรอบแต่ไคก็ยังไม่ตื่น

     

              “ขี้เซาเหมือนกันนะเรา”    

     

              ฉันอุ่นซุปข้าวโพดให้ไคแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะก่อนจะเขียนโน๊ตบอกเขาไว้ที่ประตูห้องน้ำ หวังว่าเขาจะเห็นมันนะ

              เมื่อคืนไคก็ไม่โวยวายที่ฉันบอกให้เขานอนโซฟา ซึ่งมันน่าแปลกมาก แต่ก็ดีที่เขายังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษมาให้เห็นบ้าง

     

              หวังว่าตอนฉันไปอยู่บ้านเขา ไคจะไม่ดื้อนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “จงออบอ่า~

              “อะไร”

              “นี่ยังงอนฉันไม่เลิกอีกเหรอ”

              “เหอะๆ เธอมีแฟนแล้วนี่ เพื่อนตาดำๆ อย่างฉันจะไปสำคัญอะไร”

              “ขี้งอนจังเลย ฉันล่ะสงสารแฟนนายจริงๆ”

              “ใช้ซี้ ฉันคงไม่สำคัญพอให้เธอมาง้อ ใครจะไปหล่อเหมือนไค หนุ่มหล่อทรงเสน่ห์แห่งมหาลัยที่สาวๆ ที่ไหนเห็นก็เป็นอันตกหลุมรัก โอ้ย! ยัยบ้า ตบหัวฉันทำไม”

              “ก็นายพูดอะไรไม่เข้าหูหนิ”

     

              ฉันมองจงออบอย่างไม่สบอารมณ์ที่เขาพูดเรื่องไค ไม่ได้อะไรนะ แต่โกรธตรงที่เขาบอกว่าผู้หญิงทุกคนตกหลุมรักหมอนั่น ขอบอกเลยว่ายกเว้นฉันไว้คนหนึ่ง!

     

              “บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้ตกหลุมรักไค” ประโยคหลังฉันโน้มไปกระซิบข้างๆ หูจงออบ เพราะตอนนี้เราอยู่ในศูนย์อาหารของมหาลัยและเป็นช่วงพักคนเลยเยอะเป็นพิเศษ “...ถ้าฉันเล่าอะไรให้นายฟัง นายห้ามบอกใครนะ”

              “สำคัญแค่ไหน ระดับชาติเลยรึเปล่า ?” คนขี้งอนเริ่มแสดงท่าทีสนใจ

              “สำคัญขนาดที่ฉันไม่กล้าบอกสี่สาว”

              “!!!

     

              สีหน้าตกใจของจงออบทำให้ฉันยิ้มออกมานิดหน่อย เขาเองก็คงตกใจเหมือนกันที่ฉันไม่เล่าให้เพื่อนสาวทั้งสี่แต่เลือกจะบอกเขาแทน

     

              ถึงจงออบจะเป็นผู้ชายแต่ฉันมั่นใจว่าเพื่อนคนนี้สุภาพบุรุษพอที่จะไม่เอาเรื่องฉันกับไคไปเล่า

     

              “ว่ามาๆ ตกลงมันยังไง”

     

              ฉันขยับตัวไปใกล้จงออบแล้วเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่เจอไคครั้งแรกจนถึงเรื่องที่ฉันตกลงไปอยู่บ้านเขา แน่นอนว่ารวมทั้งเรื่องที่ฉันกับเขามีอะไรกันแล้วและเรื่องที่ฉันถูกแบล็คเมล์

     

              “เฮ้ย ทำไมมันเลวยังงั้นวะ”

              “เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงไม่มีวันชอบเขา”

              “ทำไมเธอไม่ฟ้องตำรวจ เอามันไปเข้าคุกล่ะ”

              “จะบ้าเหรอ! ทำยังงั้นจะไปสะใจอะไร ต้องลงมือเองสิถึงจะสะใจยิ่งกว่า”

              “เธอมีแผนอื่นนอกจากลบรูปอีกงั้นเหรอ ?

              “ตอนนี้ยังไม่มี แต่เดี๋ยวอยู่ๆ ไปก็คงมีมั้ง เอาจริงๆ นะ ฉันไม่มีแผนจะทำอะไรไคหรอก แค่ลบรูปแล้วก็เลิกกับเขาก็จบแล้ว อย่างอื่นฉันไม่ถือ แค่ไม่ต้องมายุ่งกันอีกฉันก็พอใจแล้ว”

     

              จงออบมองฉันด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนที่จะพยักหน้าขึ้นลงเหมือนเข้าใจในเหตุผลที่ฉันทำ

     

              “แล้วเรื่อง...นั่นล่ะ”

     

              ดูจากสายตากล้าๆ กลัวๆ ที่จะถามก็พอจะรู้ว่าเขาถามถึงเรื่องบนเตียง

     

              “ช่างมันเถอะ”

              “...”

              “ฉันผิดเองแหละที่ปล่อยให้ตัวเองเมา อีกอย่างฉันจำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นในตัวฉันสักนิด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม”

              “...”

              “จริงๆ นะ ฉันไม่ซีเรียสอะไร แต่ไม่ใช่เพราะฉันเป็นเด็กนอกอะไรนะ แค่รู้สึก...ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายให้นายเข้าใจได้ยังไง”

     

              ภาพที่ฉันจำได้ก็คือฉันขึ้นคร่อมเขา...และมันก็เลือนลางเหลือเกิน

     

              “เฮ้อ เธอน่าจะบอกฉันตั้งแต่แรก ฉันจะได้ไปจัดการต่อยหมอนั่นสักสองสามที”

              “นายกล้าจริงเหรอ เพื่อนเขาเป็นมาเฟียนะ”

              “...” จงออบหน้าเหวอทันทีที่ฉันบอกอย่างนั้น

              “ฮ่าๆ ทำเป็นเก่ง”

              “เออๆ ก็พูดไปงั้นแหละ เธอก็รู้ฉันสู้ใครไม่ได้ แล้วนี่ซ้อมเป็นไงบ้าง ?

              “ก็โอเค ไม่ยากอะไร”

              “เออๆ ถ้าทำงานไม่ทันก็บอกจะได้ช่วย เดี๋ยวไปอยู่บ้านนั้นแล้วคงไม่มีเวลาว่างเพราะมัวแต่จู๋จี๋...ไม่พูดแล้วก็ได้” จงออบหยุดพูดทันที่เห็นสายตาน่ากลัวของฉัน

     

              จู๋จี๋เหรอ...คำนี้มันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที

     

              “นั่นแฟนเธอมาแล้ว”

             

              ฉันหันมองตาที่จงออบชี้ก็เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยาวสีดำขาลอยโชว์รองเท้าหนังเก๋ๆ ของเขา ผมก็ไม่ได้เซ็ตแต่กลับดูดีจนสายตาของคนแทบทั้งศูนย์อาหารต่างหันไปมองไค บอกแล้วไงว่าเขามันพวกแรงดึงดูดสูง

     

              “จะว่าไปไคก็หล่อเหมาะกับเธอดีนะ”

              “ฉันหาได้ดีกว่าเขาเยอะ”

              “เหอะๆ แม่คนหลงตัวเอง ฉันไปล่ะ เห็นหน้ามันแล้วของขึ้น”

              “อื้อ เดี๋ยวเจอกันในคลาส”

     

              ไม่แปลกหลอกที่จงออบจะไม่ชอบหน้าไคแม้จะรู้ความจริงแล้วก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่จงออบรู้ว่าไคพุ่งรถใส่ เขาก็อคติกับหมอนี่มาตลอด

     

              ระหว่างฉันกับจงออบน่ะเพื่อนกันจริงๆ ไม่มีทางเป็นมากกว่านั้นแน่

     

              “นึกว่าวันนี้จะไม่ตื่นแล้วซะอีก” ฉันเอ่ยแซวเมื่อเห็นไคเดินมาใกล้

              “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงเข้มทำให้ฉันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “...เดี๋ยวนี้”

              “แต่ฉันมีเรียนอีกครึ่งชั่วโมง”

              “...”

              “เอาไว้เราค่อยคุยกันได้มั้ย”

     

    ฉันยืนขึ้นแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพายก่อนจะจับแขนไคให้เดินออกจากศูนย์อาหาร ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดี แต่ฉันสัมผัสได้ว่าใบหน้าหล่อดูเคร่งเครียดเหมือนกับโกรธอะไรอยู่

     

              เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลยแล้วทำไม...

     

              “เราแยกกันไปเรียน ไว้ตอนเย็นค่อยมาคุยกันโอเคมั้ย ? ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ตอนเย็นมีซ้อมอีก”

     

              ฉันปล่อยมือจากแขนไคเมื่อเรามาถึงหน้าศูนย์อาหารแล้วส่งยิ้มบางเบาให้เขาก่อนจะหมุนตัวแต่ก็ถูกไคดึงสายกระเป๋าสะพายไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวจนฉันเกือบล้ม ยังไม่ทันที่ฉันจะได้โวยวายไคก็จับข้อศอกแล้วบังคับให้ฉันเดินตามเขาไป

     

              “เฮ้อ~” ฉันได้แต่ถอนหายใจยาวเมื่อคิดว่าวันนี้คงไม่ได้เข้าเรียนเป็นแน่

     

              ไม่นานนักก็มาถึงที่หมาย ไคโยนฉันเข้ารถก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปนั่งอีกฝั่งแล้วสตาร์ทรถแต่ไม่ได้ขับไปไหน

     

              “เมื่อเช้า...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ฉันยกมือห้ามเขาไว้ก่อน

              “ขอส่งข้อความบอกเพื่อนก่อนว่าฉันไม่ได้เข้าเรียน”  ฉันเบรกคำพูดไคแล้วหยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาจงออบว่าติดธุระซึ่งเขาน่าจะเข้าใจว่าธุระในที่นี้หมายถึงฉันกับไค “...เสร็จแล้ว มีอะไรว่ามา”

              “...”

              “พอให้พูดแล้วก็ไม่พูด”

             

              ไคเบือนหน้าไปที่ถนนหน้าด้านหน้าที่มีนักศึกษาเดินกันให้ขวักแต่ไม่มีใครมองมาทางเราเพราะฟิลม์สีดำสนิทของรถคันนี้นั่นเอง

             

              และวินาทีที่ไคหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะปามาทางฉัน ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาหงุดหงิดเรื่องอะไร

     

              ยาคุมฉุกเฉิน!!

             

              เขาเจอมันได้ยังไง...

     

              “เมื่อเช้าผมจะเอาพวกเสื้อผ้าและของใช้ที่สำคัญย้ายไปบ้านผม แต่ดันเจอไอนี่ใต้หมอนคุณ มีอะไรจะอธิบายมั้ย ?

              “...”

     

              ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อเจอสายตาประดุจเหยี่ยวกำลังจ้องจะกินฉันทางสายตา และเมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรฉันก็ตอบกลับไคด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

              “ยาคุม ? มันแปลกตรงไหนถ้าฉันจะกิน”

     

              ความจริงแล้วฉันไม่ได้กินมัน ที่ซื้อมานี่ก็แค่ซื้อมาเฉยๆ ช่วงหลังจากกลับจากอเมริกา พอมาอ่านดูวิธีฉันก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรถ้ากินหลังระยะเวลาที่กำหนด ตอนนั้นก็สี่ห้าวันแล้วที่ฉันมีอะไรกับเขา เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่ได้กิน

     

              “คุณไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย”

             

              ขอแกล้งเขาหน่อยเถอะ! อยากค้นห้องฉันดีนัก

     

              “การเสี่ยงมีลูกกับคุณอันตรายกว่าอีก”

              “...”

     

              ใบหน้าคมเข้าฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนจนกรามขบเป็นรอยนูน

     

              “อีกอย่างฉันก็แค่ป้องกัน ไม่เห็นมีอะไรแปลก นายน่าจะดีใจนะที่ฉันป้องกัน มันจะได้ไม่กลายเป็นภาระของนายไง” ฉันบอกเขาเสียงนิ่งแล้วลอบสังเกตปฏิกิริยาของไค

     

              แววตาที่ฉายความโกรธทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ก็ปั้นหน้านิ่งตอบโต้กลับไปจนไคต้องเบนหน้าไปอีกฝั่งแล้วทุบมือลงบนพวงมาลัยจนเกิดเสียงดังลั่น

     

              ปิ้นนนนนนนนน!!

     

              ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อเจอเสียงแสบแก้วหูจากแตรรถ นิสิตที่เด็กกันขวักไขว่ต่างหันมามองทางรถเราด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ราวกับรู้ว่าใครคือเจ้าของรถ

     

              “ไค!!!” ฉันร้องเรียกเขาเมื่อไคเหยียบคันเร่งอย่างแรงจนรถทะยานไปหน้าข้างด้วยความเร็วสูง ผู้คนที่เดินอยู่ต้องกระโดดหลบรถเขากันใหญ่

              “...”

              “หยุดๆๆ ฉันบอกความจริงนายก็ได้ว่าฉันไม่ได้กิน พอใจยัง!!

              “คุณว่าไงนะ?!

              “ฉันบอกว่าไม่ได้กินสักเม็ด นายไม่เห็นหรือไงว่าในแผงทุกเม็ดยังอยู่ครบ”

              “...”

     

              ฉันยื่นแผงยาไปตรงหน้าเขาจนเกือบจะติดลูกตาทั้งสองข้าง ไคที่เพิ่งค้นพบความจริงเริ่มชะลอความเร็วลงจนกลับมาอยู่ในความเร็วปกติ

     

              “แค่นี้ก็ต้องโกรธ...ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่านายจะโกรธฉันทำไมต่อให้ฉันกินจริงๆ มันก็ดีไม่ใช่ระ...”

     

              คำพูดฉันถูกกลืนลงลำคอเมื่อไคคว้าท้ายทอยฉันแล้วดึงไปประกบจูบทั้งที่เขายังบังคับพวงมาลัยให้รถเคลื่อนตัวอยู่บนท้องถนน แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาไคก็ผละออกไป

     

              “มันอันตราย ผมไม่ชอบ ถ้าคุณตายขึ้นมาผมจะทำไง”

              “...”

     

              เขาว่าอะไรนะ ?

     

              “ยังมาทำหน้าเหวออีก ไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือไง ?

     

              ไอ้ประโยคหน้าก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ประโยคหลัง...ฉันไม่ค่อย...เข้าใจนะ

     

              “ต่อไปไม่ต้องไปกินไอยาพวกนี้อีกนะ ถ้าท้องเดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”

              “!!!

              “เป็นใบ้หรือไงทำไมไม่พูดหรือโดนจูบจนเสียงไม่มีแล้ว”

              “บะ บ้า”

              “หึ อยากเป็นเด็กโกหกดีนัก ได้โดดเรียนมานั่งรถเล่นเลยเป็นไง”

              “-_-

     

              โทษฉันอีก เขาเป็นคนพาฉันออกมาแท้ๆ

     

              “เอาแต่ใจที่สุด!” ฉันสะบัดหางเสียงเหวี่ยงไคแล้วเชิดหน้าไปที่วิวแทน

     

              ช่างมันเถอะ เมื่อกี้เขาคงพูดด้วยอารมณ์ คงไม่จริงจังอะไร

     

              ว่าแต่...อารมณ์ไหน ?

     

              “เหลือเวลาอีกสิบนาที วนรถกลับไปส่งฉันสิ” พูดพลางหันไปมองคนขับรถ

              “ช้าไปแล้ว...ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”

              “ฉันไม่หิว”

              “แต่ผมหิว ไอ้ซุปข้าวโพดของคุณไม่ได้ช่วยให้ผมอิ่มเลยสักนิด”  ไคหันมายักคิ้วให้ฉันที่มองเขาอย่างไม่พอใจอยู่ก่อนแล้ว “...แต่มันอร่อยดี กินแล้วสุขใจ”

              “...”

     

              ตึกๆ ตักๆ ตึกตักๆๆๆๆ

     

            บะ บ้าน่า! เสียงหัวใจใครเต้นดังอย่างนี้!!

               

     

             

     

     

     

     

     

     

              19.00 น.

     

              หลังจากไคพาฉันไปทัวร์บ้านเขาเมื่อช่วงบ่ายก็ต้องพบว่าผู้ชายคนนี้มันน่าจับฆ่ายิ่งนัก คนอะไรเอาของส่วนตัวทั้งเสื้อผ้าและชุดชั้นในฉันมาไว้ที่บ้านเขาโดยพลการ และแค่นั้นมันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตซะที่ไหนล่ะ เมื่อตอนบ่ายฉันเลยไปขนของบางส่วนไปไว้บ้านเขาอีก ฉันสังเกตแล้วว่าเขามีโน๊ตบุ๊คสองเครื่อง มันอาจจะมีรูปฉันอยู่ในไหนสักเครื่องเนี่ยแหละ

    ฉันมาซ้อมละครเวทีได้ชั่วโมงกว่าแล้ว แน่นอนว่าไคก็ด้วย ตอนนี้เป็นช่วงพักฉันเลยแวะไปเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับเข้ามาใหม่

             

              !!!

     

              ภาพตรงหน้าทำให้ฉันชะงักมือที่กำลังเปิดประตู จูเนียลกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับไปตามเสื้อไคที่ดูท่าคงเกิดอุบัติเหตุจนน้ำหกใส่ ไคปล่อยให้จูเนียลทำแบบนั้นโดยไม่ได้ห้ามอะไรก่อนจะจับมือเล็กๆ ที่ถือผ้าเช็ดหน้าออกจากอกแล้วพูดอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน แต่ใบหน้าที่ดูเขินอายของน้องเขาก็ทำให้ฉันพอจะรู้ว่าแฟนตัวเองคงหว่านเสน่ห์ใส่สาวรุ่นน้อง

     

              ให้มันได้อย่างนี้สิ!

     

              “อ่ะ แฮ่ม” เสียงขัดจังหวะจากรุ่นพี่ผู้ชายทำให้สองคนตรงหน้า แยกตัวออกจากกัน “...แหม ไครุ่นน้องก็ไม่เว้นเหรอ”

              “ฮะๆ ไม่หรอกครับ พี่น้องเฉยๆ”

              “ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่พี่ชินดงคิดซะหน่อย”

              “ฮ่าๆ ระวังนะไค คริสตัลเห็นเขาจะหึงเอาได้”

             

              ไคหัวเราะรับคำพูดของพี่ชินดง ส่วนจูเนียลเพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นราวกับเขินอายเสียเต็มประดา ฉันหยุดมือที่จะเปิดเข้าไปเปลี่ยนเป็นปิดมันลงแทนจากนั้นก็ถอยออกมาตั้งหลัก

     

              นี่มันหยามหน้ากันชัดๆ

     

              “อ้าว คริสตัลทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ” พี่ทิฟฟานี่ที่เดินผ่านมาทักขึ้น ฉันปั้นสีหน้าเป็นปกติก่อนจะยิ้มให้พี่เขา

              “ออกมาสูดอากาศหน่อยน่ะค่ะ ข้างในมันหนาวแต่เดี๋ยวจะเข้าไปแล้ว”

              “ป่ะๆ ไปซ้อมกันต่อจะได้กลับเร็วๆ”

              “ค่ะ”

     

              เมื่อเดินเข้ามาในห้อง น้องจูเนียลที่สนิทกับฉันมากที่สุดก็เข้ามาหาทันที

     

              “พี่คริสตัล จูเนียบขอโทษนะคะ เมื่อกี้หนูทำน้ำส้มหกใส่เสื้อพี่ไค T^T

              “แล้วไคเขาว่ายังไงบ้าง”

              “พี่ไคเขาบอกว่าไม่เป็นไร แค่ไปซักให้ก็พอ”

              “...”

              “จูเนียลขอโทษนะคะ”

              “ขอโทษพี่ทำไมล่ะจ๊ะ จูเนียลไม่ได้ทำน้ำหกใส่พี่สักหน่อยหนิ” ฉันบอกเสียงเรียบทั้งที่ความเป็นจริงฉันโมโหผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนมากแต่ก็ไม่อยากจะลงกับรุ่นน้องที่ไม่ได้ทำผิดอะไร

     

              หน้าใสๆ ที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ตอนนี้คงไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างไคหรอก!

     

              “อ้าว คริสตัลมาพอดีเลย” เสียงทุ้มต่ำมาพร้อมกับร่างเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นหุ่นผู้ชายที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เขาไม่ได้ล้ำบึกแต่ก็มีกล้ามน้อยๆ ตามไหล่และหน้าท้องที่แลดูเซ็กซี่จนทำให้คนมองถึงกับหน้าร้อนผ่าว...ยกเว้นฉัน! ที่ตอนนี้หน้าร้อนด้วยความโกรธ

             

    ไคยื่นเสื้อเชิ้ตไปทางจูเนียลที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ ฉัน

     

    “ว้าว น้องไคถอดเสื้ออย่างนี้ เดี๋ยวพี่ก็จับขย้ำซะเลย” พี่ทิฟฟานี่ล้อไคที่ยืนไม่สะทกสะท้านกับสายตานับสิบที่มองมายังเขา “..อิจฉาคริสตัลจริงๆ เลย”

    “ฮะๆ ถ้าได้คนสวยอย่างพี่ฟานี่มาขย้ำแล้วล่ะก็ ผมยอมล่ะครับ”

    “แหม น้องไคนี้ตลกจัง พี่ขอไปทำงานต่อก่อนนะ” แล้วพี่ทิฟฟานี่ก็ออกไปรวมกลุ่มกับพี่ซูยอง ตอนนี้เลยเหลือแค่เราสามคน

    “เอ่อ...เดี๋ยวหนูเอาไปซักให้เองนะคะ”

     

    ไคส่งเสื้อให้น้องก่อนที่จูเนียลจะก้มหัวเดินจากไปเหมือนต้องการปล่อยให้ฉันกับเขาอยู่กันสองคน

     

            “ไปซ้อมกัน” ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่สงสัยอะไรแล้วเดินกลับไปรวมกลุ่มกับนักแสดงคนอื่นๆ ไคเองก็ไม่ได้พูดอะไรแถมยังยิ้มและคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติ แถมยังซ้อมต่อทั้งที่ไม่ได้ใส่เสื้อ

     

            ฉันเตือนแกนะตัล...ห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม เขามีผู้หญิงรายล้อมมากมาย ถ้าเกิดวันหนึ่งแกพลาดขึ้นมา ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจ

     

            ต่อให้ฉันพลาดท่าให้เขาไปแล้ว แต่สำหรับใจ...ไม่มีวัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              “คุณจะเข้านอนเลยหรือเปล่า” ไคถามขณะที่เปิดไฟบ้าน

              “อื้อ”

              “เอาอาหารว่างก่อนมั้ย มีพวกนม ขนมปังและก็...”

              “ฉันไม่หิว” ตัดบทแล้วถอดรองเท้าออกก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องนอนที่ไคจัดไว้ให้ เมื่อตอนบ่ายเขาบอกว่าห้องนี้เป็นห้องพักแขกสำหรับเพื่อนๆ ที่มาค้างแต่ต่อไปนี้มันจะเป็นห้องฉัน

     

              ไม่เกินสองวัน...ฉันจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที

     

              “เดี๋ยวก่อน!” เสียงเรียกมาพร้อมกับมือเย็นๆ ที่เข้ามาจับมือหยุดมือที่กำลังจับลูกบิด

              “อะไร”

              “คุณเป็นอะไร...ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว ไม่คุยกับผมเลย”

              “ฉันก็คุยกับคุณอยู่นี่ไง”

              “ถามคำตอบคำนี่มันเรียกว่าคุยตรงไหน เป็นอะไร เมนส์มาหรือไง”

              “...”

              “ตอนบ่ายยังดีๆ อยู่เลย ในรถอีก ผมกับน้องจูเนียลชวนคุย คุณก็เหมือนไม่เต็มใจจะคุยด้วยจนน้องนึกว่าคุณโกรธอะไรเขาสักอีก”

              “ฉันไม่ได้โกรธจูเนียลและก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น” ฉันสะบัดมือออกจากไคแล้วเปิดประตูก่อนจะปิดใส่หน้าเขาจากนั้นก็กดล็อกอย่างรวดเร็ว

     

              ปังๆๆๆ

     

            “นี่ปิดประตูใส่ผมงั้นเหรอ!

              “คุณไปซะเถอะ ฉันจะอาบน้ำแล้วก็นอน”

     

              โชคดีที่ในห้องมีห้องน้ำในตัวฉันเลยไม่ต้องออกไปไหน

     

              “ไม่ได้นะ ผมยังไม่กินอะไรเลย คุณต้องออกมาทำให้ผมกินก่อนสิ!

              “ไร้สาระ เราเพิ่งไปกินข้าวกันมาเมื่อกี้”

     

              ฉัน ไคและจูเนียลแวะทานข้าวที่ร้านริมทางหลังจากซ้อมเสร็จจากนั้นก็วนรถไปส่งจูเนียลที่คอนโดซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่นั่งฟังสองคนนี้หัวเราะต่อกระซิกอยู่เงียบๆ ถ้าเป็นปกติฉันคงร่วมวงสนทนาด้วยแล้ว แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำเอาฉันอารมณ์เสียจนขี้เกียจอ้าปากพูด

     

              ถ้าไม่ได้ขึ้นชื่อว่าคบกับฉันคงไม่เลือดขึ้นหน้าอย่างนี้หรอก!

     

              “งั้นคุณก็ไปอาบน้ำเถอะ ดูท่าคุณจะเหนื่อยจนไม่อยากคุยกับผม” เสียงหงอยๆ ของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้โมโหยิ่งกว่าเดิม

     

              ฉันหยิบของใช้ส่วนตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ ค่อยๆ ก้าวเท้าลงไปในอ่างช้าๆ ทิ้งตัวลงบนอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่หลังจากรอจนอุณหภูมิน้ำได้ที่ วางหัวไว้กับขอบอ่าง หลับตาลงจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำอุ่นๆ และกลิ่นหอมๆ จากสบู่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ช่วยอะไรมากแต่ก็มากพอให้ฉันใจเย็นลงได้บ้างล่ะนะ

             

              สองวันเท่านั้น...ทนหน่อยน่าคริสตัล

     

              ผ่านไปหลายนาทีที่ฉันตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนเข้ามาในห้องน้ำจนกระทั้งได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ

     

              !!!

     

              “อาบน้ำด้วยคนสิ”

              “!!!” ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจที่ได้ยินเสียงไคจากเบื้องหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าไคยืนอยู่ปลายขอบอ่างอาบน้ำด้วยผ้าขนเช็ดตัวที่ปิดท่อนล่างอยู่ผืนเดียว

              “คุณคิดผิดแล้วล่ะที่หนีในบ้านที่ผมเป็นเจ้าของ” คนพูดชูพวงกุญแจด้วยใบหน้ามีชัย ก่อนที่เขาจะวางมันไว้ที่อ่างล้างหน้าแล้วกลับมาหาฉันใหม่

     

              ขะ เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่! ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู!

     

              “นะ นาย...” ฉันพูดอะไรไม่ออกแต่สองมือรวบฟองสบู่เข้าหาตัวเพื่อปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าจากสายตาเจ้าเล่ห์นั่น

     

              นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย อยากจะร้องไห้ T^T

     

              ไคที่เห็นหน้าตาเลิ่กลั่กของฉันถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างๆ ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกผิดและไร้ยางอาย เขานี่มันน่าจับฆ่ายิ่งนัก ผู้ชายบ้าอะไรเข้ามาตอนผู้หญิงกำลังอาบน้ำแล้วยังมาขออาบด้วยหน้าตาเฉย

     

              “อะ ออกไป” ฉันสั่งเสียงสั่นแล้วพยายามรวบฟองสบู่จากทั่วสารทิศมาไว้รอบหน้าอกตัวเอง แผ่นหลังก็แนบไปกับผนังอ่างจนแทบจะจมหายไปกับปูนอยู่แล้ว

              “ผมบอกว่าขออาบน้ำด้วยไง”

              “มะ ไม่ได้นะ”

              “ทำไมถึงไม่ได้ นี่ห้องน้ำของผม อ่างนี้ก็ของผม”

              “แต่สบู่ของฉัน ออกไป”

     

              ขวดสบู่ที่อยู่ใกล้มือถูกคว้ามาถือไว้เตรียมจะขว้างใส่ผู้ชายไร้ยางอาย แต่ไคเหมือนจะไม่กลัว เขายักคิ้วท้าเป็นเชิงแน่จริงก็โยนมา...

     

              “ถ้าผมบาดเจ็บล่ะก็ นอกจากอาบน้ำด้วยกันแล้วคืนนี้คงมีกิจกรรมสนุกๆ เกิดขึ้นแน่”

     

              คำขู่ของไคทำเอาฉันยอมวางขวดสบู่กับที่เดิมแล้วกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเจ็บใจ

     

              กิจกรรมสนุกๆ ...บ้ารึไง เขาคิดอะไรของเขาอยู่เนี่ย!

     

              “หอมจริงๆ” เขาทำท่าสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างน่าโมโห “...ผมชอบนะ”

              “...”

              “อาบด้วยกันเลยดีกว่า...”

              “อย่านะ!” ฉันร้องห้ามเสียงดังเพราะไคตั้งท่าจะปลดปมผ้าเช็ดตัวออกจริงๆ “...นายมันทุเรศที่สุด ไม่มียางอายเลยสักนิด”

              “คุณเพิ่งรู้รึไง” ไคยกยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทก่อนจะปลดปมผ้าเช็ดตัว ฉันที่เห็นอย่างนั้นรีบก้มหน้าลงฝ่ามือตัวเองทันที

     

              ไร้ยางอาง!! หน้าด้าน!!

     

              “แต่ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมบอก ผมก็จะยอมกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองแต่โดยดี”

              “ว่ามาสิ” พูดโดยที่หน้ายังไม่ละออกจากฝ่ามือจนไคเข้ามาจับมือฉันแล้วดึงออกช้าๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเขาขยับมายืนอยู่ข้างหลังแถมยังโน้มหน้าลงมาใกล้อีกด้วย

     

              -//////////////////-

     

              ทั้งชีวิตไม่เคยรู้สึกอายอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย~ ยังดีนะที่เขาไม่ได้เปลื้องผ้าจริงๆ

     

              ลมหายใจร้อนๆ รินรดอยู่ที่ใบหูทำเอาใบหน้าฉันร้อนยิ่งกว่าเดิม ร้อนจนฉันเริ่มหายใจติดขัด

     

              “จูบผมสิ”

     

              เสียงกระซิบดังแผ่วเบาราวกับกำลังร่ายมนตร์ทำเอาฉันต้องกลืนน้ำลายเพื่อเรียกสติ อย่าเคลิ้มไปเขาเด็ดขาดเลยนะคริสตัล!

     

              “ถ้าไม่...ผมจะลงไปอาบน้ำให้คุณ...เดี๋ยวนี้”

              “!!!

     

              น้ำเสียงกระซิบอย่างวาบหวิวไม่ได้มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งปลายนิ้วเรียวยาวที่กำลังลูบไล้ไปตามไหล่บางทั้งสองข้างช้าๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนจนแทบจะไหม้ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าฉันแดงขนาดไหน

     

              “ว่าไง...”

     

              พูดอย่างเดียวไม่ได้หรือไงทำไมต้องมาพ่นลมหายใจใส่ลำคอฉันด้วย T^T

     

              “คงอยากให้ผมอาบน้ำให้สินะ เงียบแบบนี้”

              “มะ ไม่”

              “...”

              “จูบก็จูบ”

     

              ไม่รอให้ไคพูดอะไรที่มันน่าหวาดเสียวไปมากกว่านี้ ฉันก็หมุนตัวหาไคแล้วใช้แขนสองข้างของตัวเองโอบรอบคอเขาให้โน้มต่ำลงมามากกว่าเดิมก่อนจะประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว

              เมื่อริมฝีปากของเราสองคนแตะกัน มันราวกับมีไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง ความร้อนที่ริมฝีปากพุ่งสูงซะจนฉันไม่อาจแยกออกจากริมฝีปากหนา ไคไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เขาแค่หลับตาพริ้มและปล่อยให้ฉันเป็นคนนำทางทุกอย่าง

              ความอยากเอาชนะเริ่มสูงขึ้นเมื่อเขาไม่ยอมเปิดริมฝีปากให้ฉันเข้าไปสำรวจอย่างที่เขาชอบทำกับฉัน มือที่อยู่บริเวรท้ายทอยจึงเลื่อนไปยังแผ่นหลังกว้างและไล้ขึ้นลงราวกับยั่วสวาท บางครั้งบีบเบาๆ อย่างหมั่นไส้ที่เขาแกล้งฉัน และเมื่อฉันกำลังผละออกเพราะยอมแพ้ที่จะบุกเข้าไป ฝ่ายชายก็เป็นฝ่ายจับท้าทอยฉันไว้

             

              “บอกผมมาทำไมคุณทำตัวหมางเมิน” เสียงเบาๆ เอ่ยขึ้นทั้งที่ริมฝีปากเขายังจูบอ้อยอิ่งอยู่ที่ปากฉัน

              “...”

              “บอกผมสิ...คริสตัล คุณไม่พอใจอะไร”

              “ฉัน...” ปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่กำลังวุ่นวายอยู่กับริมฝีปากฉันอย่างน่าหวาดเสียว “ไม่รู้”

              “ไม่รู้งั้นเหรอ”

     

              เหมือนคนตัวสูงจะไม่พอใจในคำตอบ มือที่จับท้ายทอยอยู่ถึงได้เลื่อนต่ำลงไปตามแผ่นหลังเนียนสวย

     

              !!!

     

              “บอกผมมา ไม่งั้นจะทำมากกว่าจูบ”

              “มือนาย...” น้ำเสียงเหมือนคนขาดสติเอ่ยขึ้นอย่างน่าอาย ทั้งตัวสั่นสะท้านไปกับฝ่ามือหนาที่กำลังไล้วนแผ่นหลังเปลือยเปล่าใต้ฟองสบู่ เปลือกตาปิดลงเพราะไม่สามารถทนมองคนตรงหน้าได้อีกต่อไป

     

     มันน่าอายเกินไป...

     

              “ผมไม่ชอบที่คุณหมางเมิน...อะไรที่ทำให้คุณอารมณ์เสียแค่บอกผมมา”

     

              มือหนาเริ่มนวดคลึงเอวบางจนฉันขนลุกซู่และนั่นทำให้ฉันต้องดึงสติกลับมา...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

     

              “คุณ...ทำให้ฉันอารมณ์เสีย” ฉันตอบเสียงเบาหวิว มือที่กำลังนวดเคล้นเอวบางถึงกับหยุดทันที ริมฝีปากที่จูบอยู่ตามริมฝีปากล่างของฉันก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน

              “ผม ?” สายตาประดุจหมาป่าฉายแววสงสัย ไคยอมผละหน้าออกห่างจากฉันเพื่อที่จะเราจะได้สบตากันได้ถนัดยิ่งขึ้น “ผมทำอะไร ?

              “...”

     

              ฉันหลับตาแล้วลืมขึ้นใหม่อีกครั้งก่อนจะตอบคำถามเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาราบเรียบ

     

              “นายทำให้ฉัน...หึง”

     

              ขอให้คำโกหกนี้ทำให้ฉันรอดพ้นจากเงื้อมือเขาด้วยเถอะ

     

              “ห๊ะ ?

              “นายกับจูเนียล”

              “...”

              “ฉันไม่ชอบ”

     

              แม้ว่ามันจะเป็นคำโกหก...แต่ใจฉันก็รู้สึกดีที่ได้พูดออกไปแบบนั้นราวกับว่าบางส่วนมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ

              ใบหน้าหล่อเข้มเริ่มเผยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นยิ้มกว้างเหมือนถูกใจกับเหตุผลของฉัน

     

              มันมีอะไรน่าดีใจไม่ทราบ!

     

              “เหตุผลน่ารักมาก...หึๆ” ไคละมืออกจากลำตัวฉันพลางหัวเราะเบาๆ

     

              ฉันเบ้ปากใสไคอย่างงอนๆ ก่อนที่เบือนหน้าหนีเขา    

     

              ฟอดดดดด~

     

              !!!

     

              “เป็นคำตอบที่ถูกใจที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา” ว่าแล้วคนพูดก็เดินยิ้มร่าออกจากห้องน้ำไปหลังจากขโมยแก้มฉันไปฟอดใหญ่

     

              ปัง

     

            ฮู้ววว~ เกือบไปแล้วไม่ล่ะเรา ต่อไปนี้จะอาบน้ำคงต้องรอตอนที่เขาหลับไม่ก็ตอนไคไม่อยู่บ้านอย่างเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              มันเป็นเวรกรรมอะไรของฉันที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วต้องมาเจอเขานอนตะแครงอยู่บนเตียงแล้วใช้สายตาหื่นมองฉันที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว

     

              ปกติฉันก็ออกมาแต่งตัวข้างนอกอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าไอ้บ้าหน้าหื่นนี่จะมานอนเล่นอยู่ในห้องฉัน T^T

     

              “คุณจะนอนชุดนี้เหรอ ?

              “...” ฉันไม่ตอบแล้วรีบเปิดตู้เอาเสื้อยืดและกางเกงนอนขายาว! ก่อนจะรีบควานหาชุดชั้นในติดมือเข้าห้องน้ำไปด้วย

     

              เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยและออกมาจากห้องน้ำอีกรอบ ไคก็ยังนอนอยู่ท่าเดิมด้วยแววตาแพรวพราว แต่ยังดีที่ตัวเขายังมีชุดนอนห่อหุ้ม

     

              “มานอนนี่เร็ว” ไคตบหมอนเบาๆ

              “ฉันต้องรอผมแห้งก่อน”

              “...”

              “คุณกลับห้องไปเถอะ มันอีกนาน”

              “หมางเมินกันอีกแล้ว คุณนี่ชอบให้ผมใช้ไม้แข็งสินะ”

              “หยุด” คนตัวสูงที่ทำท่าจะลงจากเตียงหยุดกะทันหัน “คุณสัญญาแล้วว่าจะให้ฉันนอนห้องนี้”

              “ใช่ แต่ผมก็ตามมานอนด้วยไง ผิดคำพูดตรงไหน”

              “นี่!!

              “ครับ ?

              “ให้ตายเถอะ นายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด” ฉันบ่นแล้วหันหลังให้ไคก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างโมโห

     

    ผู้ชายคนนี้นี่เปิดโอกาสให้หน่อยเป็นไม่ได้ คอยแต่จะเล่นขี้โกง!

     

    ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่นอย่างเซ็งๆ มือข้างหนึ่งจับผ้าฝืนเล็กขึ้นมาเช็ดหัวอย่างหงุดหงิดที่โดนเขาปั่นหัว เสียงเปิดประตูตามหลังมาพร้อมกับฝีเท้าหนัก

     

    “ตามมาทำไมอีก...กลับห้องไปเลยไป” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายคนงอน ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะมีด้านนี้แบบผู้หญิงคนอื่นด้วย

    “สัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไร” ไคทิ้งตัวลงนั่งข้างฉัน

    “ไม่ได้! วันนี้นายแกล้งฉันมากพอแล้ว”

    “ก็...”

    “ก็อะไร”

    “แน่ใจเหรอว่าจะให้ผมพูด”

    “ไม่พูดก็กลับห้องไปซะ”

    “ก็คุณน่ารักหนิ”

    “...”

     

     มือที่กำลังเช็ดหัวอยู่ถึงกับหยุดชะงัก ฉันสบตาคนตัวสูงที่มองฉันอยู่ก่อนแล้วด้วยความตกใจ

     

    “สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแค่นอนเฉยๆ แล้วก็เรื่องจูเนียลสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนั้นอีก”

    “...”

    “ผมชอบที่คุณหึงผมจัง”

     

    ดีใจนะที่นายชอบคำโกหกของฉัน เหอะๆ

     

    “ก็ได้”

     

    เพื่อให้การใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้เป็นไปอย่างสงบสุข ฉันยอมให้เขานอนกับฉันก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาผิดสัญญาล่ะก็...หึๆ โคมไฟที่หัวเตียงคงได้ตกกระทบหน้าหล่อๆ ของเขาแน่

    ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มอย่างถูกใจในคำตอบของฉัน ก่อนจะลุกขึ้น

     

    “งั้นผมไปจัดเตียงรอก่อนดีกว่า”

     

    ท่องไว้คริสตัล ท่องไว้...เพื่อรูป...เพื่อรูป...เพื่อรูป

     

     

     

     

     

    ------------------------------------------

     

     

     

     

              Sull’s part

     

     

    มือข้างที่ไม่ได้ถือของแตะคีย์การ์ดก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้วยหัวใจบอบช้ำ ฉันกลับมาหลังจากคริสตัลสองวันน่ะแต่เวลาที่เหลือฉันก็ไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากหมกตัวอยู่ในห้องหลีกเลี่ยงการเจอหน้าเทา เขามาหาฉันที่ห้องพักและพยายามจะเข้ามาแต่ก็เจอเพื่อนฉันห้ามไว้ก่อน  

     

              อย่างไรก็ตามฉันก็ต้องกลับมาเจอเขาที่นี้อีกอยู่ดีเพราะเพื่อนฉันบอกว่าเขากลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

     

              เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าทั้งห้องปิดไฟเหมือนไม่มีคนอยู่ เครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้เปิดใช้งาน บางที่เทาคงจะไปทำงานเพราะนี้ก็เที่ยงแล้ว เขาคงไม่อยู่ที่ห้องหรอก

              หลังจากฉันจัดการเอาของในกระเป๋าออกเรียบร้อยก็เดินเข้าไปหาอะไรทานในห้องครัว แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นโน๊ตแผ่นเล็กๆ แปะไว้ที่ตู้เย็น

     

            ‘ผมจะไม่อยู่สักอาทิตย์หนึ่งเพราะมาจัดการเรื่องงานหมั้นของเรา...ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณด้วยตัวเอง -จื่อเทา

     

              คำลงท้ายที่เขาไม่ชอบให้ฉันเรียกที่มุมกระดาษเรียกรอยยิ้มบางๆ จากฉัน แต่มันก็แค่นิดเดียวก่อนที่จะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ฉันดึงกระดาษแผ่นนั้นออกแล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาเทดื่ม

     

              จะไปไหนก็ไป...ไปแล้วไม่ต้องกลับมาได้ยิ่งดี!

     

              กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงงง

     

              เสียงโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นเรียกสติฉันให้กลับคืนมา ฉันวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์

     

              “สวัสดีค่ะ ชเวซอลลี่พูดค่ะ”

              […]

              “ฮัลโหล”

              [คุณกลับมาแล้วเหรอ...]

     

              เทา...

     

              “...”

              [ผมมาฮ่องกงอาทิตย์หนึ่ง พอดีมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย]

              “...”

              [ทั้งเรื่องบริษัทและเรื่องงานหมั้นของเรา]

              “...”

              [คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ]

              “...”

              [ผมขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น...ซอลลี่ คุณอย่าเงียบอย่างนี้สิ ผมใจไม่ดีเลย]

              “คุณบอกมาสิว่าอยากให้ฉันพูดอะไร...เพราะถ้าฉันพูดอะไรไม่เข้าหู คุณก็จะทำร้ายฉันอีก”

     

              สรรพนามจากนายกลับมาเป็น คุณดั่งเช่นตอนเจอกันวันแรก

     

              [ซอลลี่...] เสียงเทาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และถ้าฉันฟังไม่ผิด ฉันได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ [ด่าผม ตะคอกใส่ผมอย่างที่คุณเคยทำยังดีกว่าเป็นแบบนี้]

              “ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับคุณดีแล้วเทา...คุณต้องการอะไรบอกฉันมาเลยดีกว่า พอฉันบอกจะถอนหมั้นคุณก็ไม่ยอม...” ฉันกลืนคำอีกมากมายที่ต้องการจะพูดกับเขาลงคอเมื่อรู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่อกันไม่ให้ตัวเอปล่อยสะอื้นจนตอนนี้มันแสบไปทั้งขอบตาและริมฝีปากที่น่าจะห้อเลือด

              [ไว้ผมกลับไป ผมจะคุยกับคุณอีกที]

              “...มะ ไม่ ฮึก คุยกันตอนนี้เลย...”

     

              ถ้าต้องให้ฉันทนอยู่ในห้องที่ของทุกชิ้นเป็นของคนที่จะฆ่าฉัน อีกไม่นานฉันคงต้องขาดใจตายเป็นแน่

     

              [ซอลลี่...คุณเป็นอะไร...]

     

              ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์กลัวของตัวเองก่อนจะปั้นเสียงเรียบตอบเขาไป

     

              “ฉันไม่เป็นไร”

              [ไม่ คุณเป็นแน่ๆ ...คุณร้องไห้ใช่มั้ย ?]

    “ฉันบอกว่าไม่เป็นไรยังไงเล่า ฟังภาษคนไม่รู้เรื่องเหรอ!” ฉันตวาดเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเอง

              [ผมจะรีบกลับไป!]

              “ไม่ต้อง ฉันยังไม่อยากเจอคุณ”

              [ซอลลี่...อย่าเป็นอย่างนี้สิ]

              “แค่นี้นะ...”

              [เดี๋ยว!! ผมมีเรื่องจะเตือนคุณ ถ้ามีใครมาหาหากไม่ใช่คนรู้จัก คุณไม่ต้องเปิดประตูให้เขานะ เข้าใจมั้ย?]

              “...”

              [รับปากผมมาก่อนสิ เมื่องั้นคืนนี้ผมกลับไปหาคุณแน่ๆ ...บ้าเอ้ย น่าจะเอาคุณมาด้วย]

              “คุณหมายความว่าไง พูดอย่างกับมีคนจะปองร้ายฉันงั้นแหละ”

              [ไม่เชิง เอาเป็นว่าคุณอย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ถ้าผมจัดการธุระทางนี้เสร็จ ผมจะรีบกับไปคุยเรื่องของเรา]

              “...”

              [โอเคนะครับ]

              “ไม่มีคำว่า เรา

     

              ปิ่บ

     

            ฉันทิ้งโทรศัพท์ไร้สายให้ล่วงลงพื้นก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

     

              ทำไม...เขาต้องพูดเหมือนยังแคร์ฉันด้วย

     

              หลังมือถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าจะร้องไห้ให้เทาทำไม ในเมื่อฉันเองก็เกลียดเขา ยิ่งประโยคที่เขาพูดเหมือนใส่ใจฉันมันทำให้ฉันยิ่งเจ็บเพราะความเป็นจริงแล้วเขาพร้อมที่จะหยุดลมหายใจฉันได้ทุกเมื่อ!

     

              หรือว่าคำพูดที่ซอฮยอนบอกมันจะเป็นความจริง

     

            ฉันว่าแกมีใจให้เทาแล้วล่ะซอล เพียงแต่แกไม่เคยรักใครเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง

     

           

     

             

     

     

     

     

     

              ดึกแล้ว...แต่ฉันนอนไม่หลับจึงออกจากห้องมาเดินเล่นริมแม่น้ำฮัน ลืมบอกไปว่าคอนโดเทาอยู่ติดกับแม่น้ำฮัน มันเลยสะดวกที่จะออกมาพักสมองที่นี่ บางครั้งฉันยังตื่นเช้าเพื่อมาวิ่งออกกำลังกายที่นี่อีกด้วย

              รอบด้านแทบไม่มีผู้คน แต่ก็ไม่น่าแปลกเพราะตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้ว คงไม่มีใครบ้ามาเดินเล่นยามมืดขนาดนี้หรอก

              แสงไฟสลัวๆ จากเสาไฟทำให้ทางเดินริมแม่น้ำในเวลาอย่างนี้ไม่น่ากลัวมากนัก ฉันเดินเรียบไปเรื่อยๆ อย่างคนใช้ความคิดก่อนจะหยุดนั่งที่ม้านั่งตัวยาว ข้างหน้าเป็นลานน้ำพุที่ตอนนี้ปิดไว้ มีคู่รักชราคู่หนึ่งนั่งถัดจากฉันไม่ใกล้ ไม่ไกล ใบหน้าเปื้อนยิ้มของทั้งสองเหมือนกำลังหวนระลึกถึงความหลังในวัยเยาว์ซะจนคนมองอย่างฉันอดยิ้มตามไม่ได้

     

              ถ้าฉันมีใครสักคนที่พร้อมจะรักฉันไปจนแก่เถ้าก็คงจะดีไม่น้อย...

     

              “...”

     

              ความเงียบเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจ ฉันถอนหายใจยาวก่อนจะห่อไหล่ลงราวกับคนอดสู่ยังไงยังงั้น

     

              แต่ก็นะ..ฉันรู้สึกแย่จริงๆ

     

              ทำไมหัวใจมันถึงรู้สึกล้าอย่างนี้...ล้าจนฉันต้องปิดเปลือกตาลงแล้วปล่อยให้ร่างกายเอนลงบนม้านั่งช้าๆ

     

              ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              ความรู้สึกหนักหัวเล่นงานฉันทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว เมื่อลืมตาขึ้นก็ต้องกระพริบตาถี่ๆ ด้วยความแปลกใจเพราะความมืดที่กำลังปกคลุมห้องนี้ ฉันพยุงตัวขึ้นนั่งพลางหลับตาสักพักแล้วลืมขึ้นใหม่เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับความมืดของห้องเย็นๆ นี้

     

              จำได้ว่าฉันออกไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำฮัน...และอาจจะเผลอหลับ แต่ทำไมฉันถึงมานอนอยู่บนเตียงได้ ?

     

              “ตื่นแล้วเหรอ”

     

              น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ฉันมองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจเพราะน้ำเสียงนั่นไม่คุ้นเลยสักนิด

     

              “ใครน่ะ”

              “...”

              “ฉันถามว่าใคร!!

     

              เสียงขยับเก้าอี้ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยฝีเท้าหนักๆ ฉันพยายามมองตามแต่ก็เห็นเพียงแค่เงาของร่างผู้ชายที่สูงเพรียวเท่านั้น

              “อย่าตะโกนสิครับ คุณกำลังป่วยอยู่นะ”

              “...”

     

    ฟูกเตียงหย่อนลงตามน้ำหนักที่ขึ้นทับ ร่างสูงที่ยังคงเป็นปริศนา เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องถอยหลังหนีจนสุดขอบเตียงอีกฝั่ง และกำลังจะก้าวขาลงแต่กลับถูกกระชากไหล่จนปะทะกับแผ่นอกแกร่งเข้าซะก่อน

     

    “ไหนดูหน่อยซิ...ผู้หญิงของหวังจื่อเถาจะสวยขนาดไหน”

     

    ฉันตัวสั่นเป็นลูกนกเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวของผู้ชายตรงหน้าไล้ไปตามโครงหน้า กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของแบรนด์ดังจากตัวเขาบ่งบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีรสนิยมอยู่พอตัว

     

              “สวยจริงๆ ด้วย ไม่แปลกเลยที่ตระกูลหวังถึงต้องประกาศหมั้น”

              “นะ นายเป็นใคร ?

              “นี่จะหมั้นกันอาทิตย์หน้าแล้วสินะ”

              “ตะ ต้องการอะไร ?

              ร่างตรงหน้าไม่ตอบแต่กลับไล้มือไปตามไหล่ฉันจนเลยมาถึงมือที่กำลังสั่น มือหนาจับมือฉันไว้ทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียวก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ

     

              “ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจาก...คุณ”

              “ฉันไม่รู้จักคุณ! ถ้าแน่จริงก็เปิดไฟสิ”

              “หึๆ คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้จักผมตอนนี้หรอก เอาไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณเอง”

             

              กลิ่นอายจากตัวผู้ชายคนนี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน ไม่ว่าจะเหลือกตามองแค่ไหนฉันก็ไม่สามารถเห็นรายละเอียดของใบหน้าเรียวนั่นได้เลย เท่าที่รู้ตอนนี้คือกลิ่นน้ำหอม ใบหน้าเรียวและร่างที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร

     

              “ผมจะบอกสิ่งที่ต้องการให้ฟัง...”

     

              !!!

     

              “กรี๊ด!!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถูกคนตรงหน้าผลักให้นอนราบไปกับเตียงก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว

              “เป็นของผม! นี่แหละสิ่งที่ผมต้องการ”

              “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด~

     

              แควกกกกกกกกกก~

     

              ฉันหวีดร้องเสียงดังพร้อมกับเสียงเหมือนเสื้อถูกกระชากออกจากร่าง

     

              ในเวลานี้คนที่ฉันนึกถึงคนแรกกลับเป็น เขา...คนที่เคยจะฆ่าฉัน

     

              หวังจื่อเถา...ช่วยฉันด้วย!

     

     

     

     

    ----------------------------------------

     

     

     

     

              Tao’s part

     

     

    เป็นของผม! นี่แหละสิ่งที่ผมต้องการ

              กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด~’

     

              แควกกกกกกกกกก~

     

            ปึก!!

     

              สองประโยคสุดท้ายที่มาตามสายโทรศัพท์ทางไกลทำเอาผมร้อนใจจนต้องปาสมาร์ทโฟนราคาแพงทิ้งอย่างไม่ใยดีจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนในสนาบินต่างหันมามองผมด้วยความตกใจแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวลูกน้องชุดดำที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ตอนนี้

     

              “บัดซบเอ้ย!!

     

              ผมสบถอย่างขัดใจเมื่อมองไปด้านนอกเห็นฝนตกหนักและยังพายุเข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำให้ทุกสายการบินปฏิเสธการขึ้นบิน ไม่เว้นแม้แต่เครื่องบินส่วนตัวของผม!

     

              “ทางสนามบินบอกว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงฝนจะซาลง อาจทำการบะ...”

              “อีกชั่วโมง!! รอจนถึงเวลานั้นซอลลี่ไม่เป็นอะไรไปแล้วหรือไง” ผมตะโกนใส่แกรี่เสียงดังอย่างโมโห ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วถอนหายใจออกอย่างแรง

              “แต่คุณปาร์คคงไม่...”

              “ไม่อะไร ? มีใครจะรับประกันมั้ยว่าซอลลี่ไม่เป็นอะไร!

              “แต่คุณจื่อเถาเป็นคน...”

              “ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนเอ่ยปากเอง ลืมไปเลยว่านิสัยหมาๆ ของมันคงจะไม่ปล่อยผู้หญิงสวยแน่ๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงของฉันด้วยแล้ว มันยิ่งต้องขโมย!

             

              บ้าเอ้ย! ผมน่าจะเอาเธอมาด้วย

     

              ยัยนั่นก็เหมือนกัน ไปทำอีท่าไหนถึงได้ไปอยู่กับไอ้เวรนั่นได้! บอกไม่ให้เปิดประตูก็ไม่เคยจะเชื่อฟัง น่าจับตีนัก!

     

              “มีอีกวิธีหนึ่งครับ” แกรี่ที่เงียบไปนานพูดขึ้น

              “อะไร”

              “บอกให้เพื่อนคุณจื่อเถาไปช่วย”

              “เอาโทรศัพท์มา!!

     

              แกรี่รีบส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ผมอย่างเร่งรีบ ผมกดโทรหาไคก่อนเป็นอันดับแรกแต่มันดันไม่รับ ลองโทรหาแอล มันก็ไม่รับ เซฮุนกับลู่ฮานก็เช่นเดียวกัน!!

     

              ไอ้เพื่อนเวรเวลาอย่างนี้มัวแต่ทำอะไรกันอยู่!

     

              “ไปเตรียมเครื่องบิน” ผมสั่งแกรี่เสียงนิ่งขณะที่ส่งโทรศัพท์คืน

              “แต่...พายุมันยังแรงอยู่เลยนะครับ คงไม่มีนักบินคนไหนยอม...”

              “ช่างหัวมันสิ”

              “ห๊ะ?!

              “ไปจัดการเตรียมเครื่องบินเจ็ทให้เรียบร้อย...ฉันจะขับเอง”

              “O_O

              “หูหนวกหรือไง!

              “คะ ครับๆ”

     

              นอกจากมันจะเอาตัวผู้หญิงผมไปแล้วยังมีการโทรศัพท์มายั่วโมโหผมอีก คอยดูนะถ้าซอลลี่เป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะฆ่ามันด้วยมือผมเอง!!

             

     

     

             

    ----------------------------------

    สำหรับคู่ไคตัลนี่ยังไม่ได้เรียกว่าระเบิดลง

    อีกสักพักใหญ่ๆ เลย ^______^

    มีตัวละครโผล่มาอีกแล้ว~

    ปล. จะเปิดเทอมแล้วคงไม่ได้อัพบ่อยๆ แล้วนะคะ TT

    ขอเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยเร็วววววววว~

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่านค่ะ

     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×