ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #15 : [[ It's over ]]: C T 13 // Up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      3
      2 มิ.ย. 56







    13


              เฮ้อ...ทั้งที่เมื่อคืนก็หนักเอาการอยู่แต่ทำไมยังนึกถึงใบหน้าผู้หญิงคนนั้นอยู่น้า...

     

              แอ๊ด~

     

            เสียงเปิดตูห้องของเลขาทำให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง คังแกรี่เดินเข้ามาในห้องหลังจากจัดการไปส่งผู้หญิงที่นอนกับผมเมื่อคืนจนเลยถึงช่วงสายของวันนี้เรียบร้อย

     มันเป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เกิดจากอารมณ์ดิบตามสัญชาตญาณของผู้ชาย จริงๆ แล้วผมไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่หรอก แต่เพราะเรื่องซอลลี่มันทำให้ผมรู้สึกเครียดมากจนต้องหาที่ระบาย แอบรู้สึกผิดกับผู้หญิงที่ผมพาขึ้นเตียงด้วยเหมือนกันนะ เธอเจอศึกหนักจากอารมณ์รุนแรงของผมไปเยอะทีเดียว

     

              “เป็นอะไรไปทำไมทำท่าทางแปลกๆ” ผมถามแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พลางเหล่ตามองแกรี่ที่ทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด

              “ปะ เปล่าครับ”

     

              คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยกับท่าทางที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ผมใช้สายตาดุมองลูกน้องที่มักจะหน้านิ่งอยู่เสมอๆ เป็นเชิงบอกว่า อย่ามาโกหก

     

              “บอกฉันมา...หรือผู้หญิงคนนั้นเรียกร้องเงิน ?

              “เปล่าครับ”

              “งั้นอะไร ?” เสียงนิ่งๆ ของผมทำเอาแกรี่ไม่กล้าสบตาด้วย และนั่นก็ยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้นไปอีกจนต้องเดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนอยู่หน้าประตู

     

              !!!

     

              แต่แล้ว...สิ่งที่ผมเห็นอยู่หน้าประตูก็ทำเอาผมตกใจไม่น้อย

     

              นี่มัน!!

     

              “รองเท้าแตะของซอลลี่มาอยู่ตรงนี้ได้ไง ?” ผมถามเสียงเรียบโดยที่สายตายังอยู่ที่รองเท้าแตะคู่นั้น

              “เอ่อ...คือ...”

             

              คราวนี้ผมแปลกใจมากกว่าเดิมที่แกรี่ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ

     

              “ขอโทษครับ คุณซอลลี่ไม่ให้ผมบอกคุณจื่อเถา เอ้ย...อุบส์”

              “!!!

     

              อะไรนะ...

     

              แสดงว่าเมื่อคืนนี้ซอลลี่มาที่นี่ใช่มั้ย ผมมั่นใจว่ารองเท้าของเธอไม่ได้วางอยู่ตรงนี้มาหลายวันแล้ว และที่มันมาอยู่ตรงนี้ได้แสดงว่าเจ้าของต้องเข้ามาในห้องนี้และถอดทิ้งไว้

     

              ถ้ายังงั้น...หรือว่าเธอจะยังอยู่ในห้องนี้ ?

     

              ผมหันมองซ้ายมองขวา รวมทั้งเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ เดินจนทั่วห้องแต่ก็ไม่มีวี่แววของเจ้าของรองเท้า ทั้งห้องนี้มีห้องนอนเพียงห้องเดียว มันเป็นไปไม่ได้ที่ซอลลี่จะอยู่เพราะเมื่อคืนผมใช้มันเป็นสนามรบกับแม่สาวคนนั้น

     

              “เธอไม่ได้อยู่ในนี้หรอกครับ คุณซอลลี่กลับไปนานแล้ว” แกรี่เดินมาหยุดหลังผมแล้วเอ่ยบอกเสียงนิ่ง สายตาที่มองเหมือนจะตำหนิผมเล็กน้อยด้วย

              “หมายความว่าไง ?

              “เธอมาที่ห้องประมาณตีหนึ่งกว่าๆ แล้วก็กลับไปทันทีที่เข้าไปในห้องได้สักพัก...”

              “...”

              “ผมคงไม่ต้องบอกคุณจื่อเถาใช่มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ?

     

              ไม่ต้องมีใครมาบอกผมก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง...

     

    ซอลลี่มาที่ห้องนี้...แล้วคงเห็นผมกำลัง...

     

    “เวรเอ้ย!!” ผมสบถอย่างหัวเสียแล้วตวัดสายตาน่ากลัวมองเลขาตัวเอง “ทำไมแกไม่บอกฉันให้มันเร็วกว่านี้!

    “คุณซอลลี่สั่งห้ามผะ...”

    “ถ้าคราวนี้ซอลลี่โกรธฉันมากกว่าเดิม คอยดูนะฉันจะตัดเงินเดือนแกครึ่งหนึ่ง”

    O_O

     

    ผมไม่สนใจหน้าตาตื่นตกใจของเลขา แล้วก้าวเท้าเข้าห้องนอนตัวเอง ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้ววางแก้วกาแฟไว้บนพื้นก่อนจะใช้มือลูบหน้าตัวเองอย่างใช้ความคิด

     

    มันเป็นโชคร้ายของผมจริงๆ ...ความผิดในอดีตยังไม่ได้รับการอภัย ผมยังทำเรื่องบัดสีให้เธอเห็นอีก

     

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมพยายามง้อเธอ ไปหาซอลลี่ที่บ้านซูจี ตามไปมหาลัยแต่เธอก็อย่างกับนินจา คอยหลบหน้าผมได้ตลอดเวลา บางครั้งยังใช้เพื่อนมาบอกให้ผมกลับไปอีก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงใจว่าเป็นเพื่อนว่าที่คู่หมั้นผมไม่มีทางยอมฟังแน่นอน

     

    ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเบอร์คนที่อยากจะคุยด้วยที่สุดในตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งๆ ปลายสายก็ไม่มีวี่แววว่าจะตอบรับ จนกระทั่งเธอทนไม่ไหวถึงได้ตัดสายผมทิ้งไปแล้วปิดเครื่องหนี

     

    ซอลลี่...แค่สักครั้งหนึ่งก็ไม่ได้เหรอ ?

     

    แค่ฟังคำขอโทษของผมอีกสักครั้งก็ไม่ได้เลยใช่มั้ย...

     

    ก๊อกๆ

     

    “คุณจื่อเถาครับวันนี้ตอนเย็นคุณมีนัดกับคุณชานยอลไปดูโกดังใหม่ด้วยกันนะครับ”

    “...”

    “อีกหนึ่งชั่วโมงผมจะเรียกใหม่อีกรอบนะครับ”

    “อือ” ผมตอบลูกน้องเสียงเบาแล้วเอนหลังนอนราบไปกับเตียง แขนข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลง

     

    ผมควรทำยังไงดี...ปล่อยให้เรื่องของเราเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้ว่ากำลังจะหมั้นกันก็ตามงั้นเหรอ ?

     

     

     

     

    -------------------------------------

     

     

     

     

    Krystal’s part

     

     

    19.40 น.

     

    “เลิกซ้อมๆ ทุกคนทำได้ดีมาก” พี่ชินดงตะโกนบอกนักแสดงทุกคน “...กลับบ้านกันได้เลย อ่ะ มีอีกเรื่องอาทิตย์หน้าสอบปลายภาคเพราะฉะนั้นพี่งดซ้อมให้แล้วกัน”

     

    เสียงเฮดังขึ้นทันทีที่พี่ชินดงพูดจบ ฉันเองก็เบาใจที่มีเวลาอ่านหนังสือกับเขาบ้าง ตอนนี้ฉันยังไม่ได้แตะหนังสือสักวิชาเลยด้วยซ้ำ ว่างทีไรก็ซ้อมบทตลอดและก็ซ้อมกับไคที่บ้านนั่นแหละ

     

    “วันนี้ฉันกลับกับนาอึนนะ นายไปส่งจูเนียลแล้วก็กลับบ้านไปก่อนเลย” ฉันบอกไคขณะที่เรากำลังเดินออกจากห้องซ้อม จูเนียลเองก็เดินตามหลังเราอยู่ไม่ห่าง

    “อ่าว ทำไมล่ะ”

    “ต้องไปลองชุดที่จะใส่ไปงานหมั้นน่ะ จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ ?

    “เหอๆ ไม่เอาหรอก เชิญคุณเถอะ งั้นผมไปส่งจูเนียลคนเดียวก็ได้ เจอกันที่บ้านนะครับ”

     

    ฉันไม่ตอบแต่ยิ้มเบาๆ ให้เขา ก่อนจะแยกกันเมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ฉันเห็นรถของนาอึนจอดรออยู่หน้าตึกแต่ก็ยังไม่เดินไปเพราะกะจะไปเข้าห้องน้ำก่อน ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีฉันก็กลับมาขึ้นรถเพื่อนรัก แต่พอหันไปมองหน้าเพื่อนก็ต้องแปลกใจที่ใบหน้าหวานนั่นกำลังขมวดคิ้วและดูเหมือนเธอจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันขึ้นรถมาแล้ว

     

    “นาอึน”

    “...”

    “นาอึน!

    “ห๊ะ หือ ?

    “เป็นอะไรทำหน้าเหมือนปวดท้อง”

    “ฉัน...” นาอึนไม่ได้พูดต่อ เธอหันมาสบตาฉันที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว คิ้วเรียวสวยยังคงขมวดเป็นปม นาอึนทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับถอนหายใจยาวแทน

    “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ?

    “จริงๆ ก็มี แต่คิดอีกทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

    “ว่ามาสิ ฉันจะได้ช่วยแกคิด”

     

    นาอึนมองฉันเหมือนกำลังกลั่นกรองคำพูด สักพักหนึ่งเธอถึงจะยอมบอก

     

    “เมื่อกี้นี้ฉันเห็นไค...กับน้องผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักๆ แก้มพองๆ”

              “อ้อ นั่นน้องจูเนียลน่ะ ไคไปส่งน้องที่คอนโด” ฉันไขข้อข้องใจให้เพื่อนด้วยน้ำเสียงติดตลกเมื่อคิดว่านาอึนหนักใจเรื่องนี้ แต่...

              “จับมือกันเดินขึ้นรถ”

              “...”

              “ฉัน...ไม่ได้มองผิดจริงๆ นะ ผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆ แก้มแดงเถือกเลยตอนที่ไคจูงมือน่ะ”

              “...อือ” ฉันตอบสั้นๆ พลางหันไปมองถนนด้านหน้าแทน

              “เอาจริงๆ นะตัล ฉันว่าสองคนนั้นมัน...”

              “ช่างมันเถอะ มันไม่มีอะไรหรอก” ฉันตัดบทโดยที่ไม่หันไปมองเพื่อนก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาๆ “...ฉันเองเคยเห็นมากกว่าจับมือด้วยซ้ำ”

              “หมายความว่ายังไง ?

              “เรื่องของฉันกับไคมันซับซ้อน เอาไว้ฉันพร้อมเมื่อไหร่ฉันจะเล่าให้แกฟังแล้วกัน”

              “...”

              “แต่แกไม่ต้องคิดว่าฉันจะหึงหรือหวงเขาเลย ต่อให้ร่างกายฉันจะเป็นของเขาไปแล้วแต่ใจ...ยังไม่ใช่”

              “หมายความว่าแกคบกับเขาแต่ไม่ได้รักเขาใช่มั้ย ?

              “อื้อ ฉันไม่ได้รักเขาแค่มีเรื่องบางเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

              “...”

              “...เอาไว้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง แกรีบขับรถเถอะ เดี๋ยวจะคนอื่นจะรอนาน”

             

              นาอึนไม่ได้ถามอะไรอีกซึ่งมันก็ดีแล้ว เพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องถูกแบล็คเมล์ให้เพื่อนสนิทฟัง ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจเพื่อนแต่กลัวเหลือเกินว่าสาวๆ จะฆ่าไคตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลบรูปน่ะสิ เพื่อนฉันโหดอย่าบอกใครเลย

     

              “ขอให้จริงอย่างที่แกพูดนะตัล...เพราะเท่าที่ได้ยินมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้เขาแล้วไม่ตกหลุมเสน่ห์ของเขา”

              “...”

     

              นาอึน...ฉันเองก็คิดว่าสิ่งที่แกพูด...มันมีส่วนที่เป็นความจริงอยู่เหมือนกัน

     

     

             

     

     

     

     

     

     

    หลังจากลองชุดเพื่อนคู่หมั้นเป็นที่เรียบร้อย พวกเราทั้งสี่คนก็ไปหาอะไรทานในห้างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องเสื้อแบรนด์ดังที่พวกเราเพิ่งไปลองกันมา วันนี้ซอลลี่ไม่ได้มาด้วยเพราะมีเรื่องกวนใจจนไม่อยากออกไปไหน ตอนนี้ซอลลี่อาศัยอยู่กับซูจีมาตั้งแต่กลับจากทะเลแล้ว ฉันไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามาจากเทา เมื่อเพื่อนไม่ยอมบอก ฉันก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไร เชื่อว่าซอลลี่ต้องการเวลาคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างเพราะอีกไม่กี่วันชีวิตเธอก็จะเปลี่ยนไป

     

    “นี่ ฉันได้ข่าวบางอย่างมาล่ะ” ซอฮยอนพูดขึ้นกลางวง

    “อะไร” ซูจีถามพลางคีบเนื้อย่างใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

    “เรื่องแก...กับผู้ชาย”

    “แค่กๆ” เสียงไอแค่กๆ เพราะเนื้อติดคอเรียกความสงสัยจากทุกคนบนโต๊ะ ฉันส่งกระดาษทิชชู่ให้เพื่อนก่อนที่จะลูบหลังคนที่นั่งข้างๆ ไปด้วย

    “แค่นี้ถึงกับติดคอเลยเหรอยะ” นาอึนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัยซูจีเอ่ยแซว

    “บ้า ยัยซอ แกพูดเรื่องอะไร” ซูจี

    “มีคนพูดกันว่าแกกับแอลกำลังคบกัน จริงเหรอ ?

    !!!” ตะเกียบในมือซูจีถึงกับร่วง “แกไปเอาเรื่องมาจากไหน”

    “ฉันได้ยินเพื่อนในคณะพูดกัน พวกนั้นเป็นฝ่ายมาถามฉันด้วยซ้ำว่าแกกับแอลเป็นแฟนกันจริงหรือเปล่า” ซอฮยอน

    “ว่าไงล่ะ ?” ฉันถามบ้างเพราะตัวเองก็สงสัยเหมือนกัน ฉันมั่นใจว่าซูจีต้องกำลังคบกับใครสักคนอยู่แน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าใครเท่านั้นเอง แล้วถ้าเป็นแอลอย่างที่ซอฮยอนพูดจริงๆ ฉันว่าทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันดีนะ

    “...”

    “บอกมาสิ” นาอึนเร่ง

    “มัน...ไม่ใช่อย่างที่พวกแกคิด”

     “แล้วมันยังไงล่ะ ?” ฉันเร่งบ้าง

    “ฉันกับแอลไม่ได้เป็นแฟนกัน มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย...แอลเขาคิดว่าฉันชอบ...ไค”

    !!!

     “เขาก็เลยมาเสนอเล่นเกมส์อะไรก็ไม่รู้ ฉันก็เห็นว่ามันตลกดีเลยยอมเล่นตามน้ำ”

    “เดี๋ยว...งั้นที่แกหายไปจากห้องคืนนั้น...”

    “-/////////-”

    “โอ้ว...อย่าบอกนะว่าแกกับแอล...” นาอึน

    “./////////.”

    “งั้นรอยแดงๆ ที่คอ แอลก็เป็นคนทำน่ะสิ...” ฉันพูดพลางจิ้มนิ้วชี้ลงที่รอยแดงๆ สามสี่รอยบนคอของเพื่อน

     

    ซูจีพยักหน้าแดงๆ ของเธอเบาๆ ด้วยท่าทีเขินอายแต่ก็แก้เก้อด้วยการจิบน้ำเปล่า

     

    “สรุปว่าแกเสียตัวให้แอลไปแล้วงั้นเหรอ” ซอฮยอนถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ แต่การพยักหน้าของซูจีก็เป็นสิ่งยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี

    “ฉันเต็มใจ...แกอย่าไปโทษฝ่ายชายเลย” ซูจีบอกน้ำเสียงจริงจัง

    “แกรักเขา ?” ฉันถามเสียงเบาหวิวเพราะยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

     

    นี่คงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่เพื่อนๆ ตอนฟังฉันสารภาพเรื่องฉันกับไคล่ะมั้ง

     

    งง สับสน กลัวเพื่อนตัดสินใจพลาด แต่ไม่ได้โกรธ...

     

    “เฮ้อ...ปิดต่อไปไม่ได้แล้วสินะ” ซูจีถอนหายใจยาวก่อนจะเล่าต่อ “...ฉันชอบแอลมาได้สักพักหนึ่งแล้วล่ะ เกือบปีแล้วมั้ง แต่ก็ชอบเฉยๆ เหมือนเจอผู้ชายที่ถูกใจก็เลยชอบ แต่แอลเป็นคนที่ไม่สนใจผู้หญิงสวย เขาจะมีวิธีการเลือกผู้หญิงในแบบของเขา ประมาณว่าคนๆ นั้นต้องน่าสนใจพอ ตอนนั้นฉันอยู่ในผับเห็นแกกับไคอยู่ด้วยกัน ฉันก็มองด้วยความเป็นห่วงตามประสาที่รู้จักนิสัยไค แต่แอลดันคิดว่าฉันมองเพราะชอบไคซะงั้น เหอะๆ ตลกดีนะ”

     

    ฉันพยักหน้าตามอย่างเข้าใจก่อนที่คำถามของนาอึนจะเรียกความสนใจ

     

    “แล้วนี่แกนอนกับเขาไปกี่ครั้งแล้ว เป็นไงบ้าง สนุกมั้ย อย่าบอกว่าจำไม่ได้เหมือนคริสตัลนะ ฉันรู้ว่าคนอย่างแกไม่โดนมอมเหล้าหรอก”

    “จะบ้าเหรอ...ถามอะไรแบบนั้นเล่า! อายเป็นนะเฟ้ย!” ซูจี

    “ว่าไงกี่รอบแล้ว ?” ฉันถามแกล้งบ้าง

    “หลายอยู่ .////.”

    “แล้วเป็นไงบ้าง ?” ซอฮยอน

    “หวิวๆ ดี .////////.”

    “เขาเป็นคนได้เวอร์จิ้นแกไปใช่มั้ย ?” นาอึน

    “อือ ./////////////////////.”

    “โอ้วววว~ แกนี่มันไวไฟจริงๆ เลยนะซูจี รอยที่คอเนี่ยวันหลังก็ช่วยหาผ้ามาปิดด้วยเห็นแล้วจะขนลุก” ฉันว่าเพื่อนด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่คนที่ถูกแซวกลับเบ้ปากแล้วมองฉันกลับ

    “ว่าแต่ฉัน...แกกับไคไปถึงไหนแล้วล่ะ”

    “ถึงไหนอะไรยะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจเหมือนแกนะ”

    “จ้าๆ แม่สาวขี้เมา เหอะๆ อย่าได้เผลอเชียวล่ะ ผู้ชายคนนั้นเขาพร้อมที่จะมีผู้หญิงคนอื่นได้ทุกเมื่อ ฉันพูดจริงๆ นะคริสตัล”

    “...”

     

    เกิดความเงียบขึ้นกลางโต๊ะหลังจากซูจีพูดจบ ฉันกับนาอึนสบตากันก่อนที่ต่างคนต่างเบนไปทางอื่น

     

    “ฉันรู้ว่าไม่มีใครสวยสู้แกได้...แต่ผู้ชายนิสัยหมาป่าอย่างไค...แค่เป็นผู้หญิงก็เอาหมด ไม่เชื่อแกถามซอลลี่เลย”

    “พอเถอะ” ฉันพูดแล้วรวบตะเกียบเข้าด้วยกัน หยิบน้ำขึ้นมาดื่มดับอามรณ์คุกรุ่นในใจ “...ไคไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันจะเอามาทำแฟนด้วยเหมือนกัน”

    “แต่...”

    “เอาไว้สักพักหนึ่ง รอตอนฉันพร้อมฉันจะเล่าบางอย่างให้พวกแกฟัง”

     

    หลังจากพูดขัดซูจี ทุกคนก็มองมาทางฉันอย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเมื่อเห็นสายตาจริงจังของฉัน

    ฉันรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะพลาดท่าเสียใจเมื่อต้องเลิกกับไค...แต่มันจะไม่มีวันนั้น ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองเสียใจให้ไคเด็ดขาด จะไม่มีวันที่ฉันจะกลายไปเป็นผู้หญิงที่ถูกเขาทิ้งแน่นอน

     

    “ฉันไม่มีวันถูกทิ้งแน่นอน” ฉันบอกเพื่อนอย่างมั่นใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปิ่บ

     

    เสียงบ่งบอกว่าใส่รหัสประตูถูกต้องดังขึ้น ฉันผลักประตูบ้านไคเข้าไปอย่างเคยชินหลังจากนั่งรถนาอึนมาถึงนี่ ยัยนั่นตกใจใหญ่ที่รู้ว่าฉันมานอนบ้านไคได้หลายคืนแล้ว แต่ก็ไม่ถามอะไรมากเพียงแค่บอกว่าให้ระวังตัวไว้ เมื่อเข้ามาในตัวบ้านก็ต้องแปลกใจที่ไฟยังไม่ถูกเปิดสักดวง

     

    นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วไคยังไม่กลับอีกงั้นเหรอ ?

     

              ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเดินไปเปิดไฟแล้วตรงไปยังชั้นสองก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเขา แต่ก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่ในห้องมีแต่โน๊ตบุ๊คที่ตั้งไว้บนเตียง...โน๊คบุ๊ค

     

              หึๆ ได้โอกาสแล้วล่ะเรา

     

              ฉันเปิดโน๊ตบุ๊คไค โชคดีที่มันไม่มีรหัสอะไรเลยไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นโคนัน ไม่นานนักหน้าจอรูปผู้ชายห้าหกคนก็ปรากฏขึ้นมา...ไค...เทา...เซฮุน...ลู่ฮาน...แอล...และแทมิน ฉันแปลกใจตรงแทมินนิดหน่อย เนื่องจากแทมินนี่คือคนเดียวกับที่ฉันไปถ่ายแบบเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เขารู้จักด้วยงั้นเหรอ ? แต่ดูจากภาพที่กอดคอกันอย่างสนิทสนมก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกัน

     

              โลกกลมเหลือเกิน...

     

    ฉันกดนู้นเข้านี่อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่เจออะไรเลยสักอย่าง นอกจากไฟล์งานและรูปเขากับเพื่อนโน๊ตบุ๊ตเครื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด

     

    บ้าเอ้ย! โอกาสมาถึงแล้วแท้ๆ ดันไม่เจออะไร...หรือว่าบางทีรูปอาจจะไม่มี

     

    กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง

     

    “ฮัลโหล”

    [คริสตัล วันนี้ผมไม่กลับบ้านนะ]

    “...”

    [พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องทำอาหารเผื่อผมนะ ไว้ไปเจอที่มหาลัยตอนซ้อมเลยแล้วกัน กุญแจรถอีกคันอยู่ในลิ้นชักหัวเตียง คุณขับมันไปเรียนแล้วกัน]

    “นายอยู่ไหน ?” ฉันถามด้วยความสงสัยเพราะได้ยินเสียงเพลงตื้ดๆ ดังลอดเข้ามาเป็นระยะๆ และฉันก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ผับ (ตัวเองก็เที่ยวบ่อยเหมือนกัน) แต่ที่ถามก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะตอบยังไง

    “อยู่บ้านลู่ฮานน่ะ พอดีมาหาอะไรดื่มที่นี่นิดหน่อย คริสตัลตอนนี้ผมต้องไปแล้วไว้เจอกันนะครับที่รัก”

    […]

    “พี่ไค...ตู้ดๆๆๆ

     

    !!!

     

    เมื่อกี้นี่ฉันว่าฉันได้ยินเสียงผู้หญิง...เรียกไคว่า พี่ ก่อนที่สายจะถูกตัดไป…และเสียงใสๆ นั่น คุ้นหูฉันเหลือเกิน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อวานไคไม่ได้กลับบ้านอย่างที่เขาบอกจริงๆ ตื่นมาตอนเช้าก็ยังไม่เจอ บางทีเขาคงเที่ยวเพลินจนต้องนอนบ้านเพื่อนหรือไม่ก็เรื่องที่เขาบอกว่าอยู่บ้านเพื่อนเป็นเรื่องจริง แม้ว่าในใจฉันจะคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหกก็ตาม

     เหอะๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหนฉันก็ไม่สนใจหรอกเพราะฉันคิดว่าตัวเองคงได้เลิกกับเขาภายในวันสองวันนี้แน่ๆ เนื่องจากเมื่อคืนฉันค้นโน๊ตบุ๊คทั้งสองเครื่องแล้วมันก็ยังไม่เจออะไร บางทีเขาอาจจะไม่ได้เซฟเก็บไว้นอกจากในโทรศัพท์ก็ได้

     

    หากมันไม่มีรูปพวกนั้นแล้วจริงๆ ฉันจะอยู่ที่บ้านหลังนี่ไปทำไม จริงมั้ย ?

     

    ฉันขับรถ BMW สีดำของไคมาเรียนตามที่เขาอนุญาต จนเวลาล่วงเลยไปถึงตอนเย็นก่อนซ้อมละครเวที ฉันก็ยังไม่เจอไคเลย ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือโทรมาสักนิด ซึ่งมันแปลกมาก ตั้งแต่คบกับเขา ไคโทรหาฉันทุกเวลาที่เราอยู่ห่างกัน แม้มันจะฟังดูน่ารำคาญแต่ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่ามันรู้สึกดีที่มีคนคอยโทรถามว่า ทานข้าวรึยัง ?’ ‘เรียนเป็นไงบ้าง ?’ คิดถึงคุณนะครับ คุณคิดถึงผมมั้ย ?’ และอีกมากมาย

     

    เฮ้อ~ บ้าไปแล้วยัยตัล เขาไม่โทรมาก็ดีแล้วจะไปนึกถึงผู้ชายคนนั้นทำไม!

     

     

    แอ๊ด~

     

    ฉันค่อยๆ เปิดปรตูห้องชมรมการแสดงเข้าไป วันนี้ฉันมาก่อนเวลาตั้งชั่วโมงหนึ่งเลยทำให้ไม่มีใครอยู่ในห้อง ฉันเลือกที่จะไปนอนหลบอยู่บนโซฟาหลังห้องที่มีโต๊ะตัวใหญ่กั้นเอาไว้ ส่วนด้านหน้าก็มีพวกกองเสื้อผ้าวางอยู่เป็นกองๆ ถ้าคนไม่สังเกตก็คงไม่รู้ว่าฉันมานอนอยู่ตรงนี้

    ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นหลังจากทิ้งตัวลงนอนบนเบาะนิ่มๆ ผ่านไปประมาณสิบนาทีเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

    “ยังไม่มีใครมาเลยค่ะพี่ไค”

     

    ...

     

    เสียงจูเนียลหนิ!

     

    ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องหุบขายาวๆ ของตัวเองมาคู้เข้ากับตัวและลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงราวกับกลัวว่าจะถูกคนจับได้ว่ามาแอบอยู่ตรงนี้ด้วย

     

    “หรือเวลาอีกตั้งนานก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่มีใครอยู่”

     

    คราวนี้เสียทุ้มต่ำอย่างมีเสน่ห์แบบเป็นเอกลักษณ์ของคนๆ หนึ่งทำให้ฉันถึงกับตกใจ

     

    ไค...

     

    “แต่ทำไมไฟกับแอร์เปิดอยู่ล่ะคะ”

    “ก็คงเป็นรุ่นพี่ที่เข้ามาก่อนหน้านี้ล่ะมั้ง”

    “อ้อ แล้วพี่ไคไม่ไปหาพี่คริสตัลเหรอคะ”

    “ไม่จำเป็นหรอก ไว้เดี๋ยวคริสตัลเรียนเสร็จเขาก็ขึ้นมาเองนั่นแหละ”

     

    ฉันที่นอนอยู่บนโซฟาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อที่จะได้มองเห็นคนสองคนที่อยู่หน้าห้อง โชคดีที่ห้องซ้อมละครเป็นห้องโถงกว้างๆ เลยไม่มีอะไรมาบดบังภาพไคกับจูเนียลได้ และตอนนี้มือไคก็โอบอยู่รอบเอวจูเนียลอยู่ด้วย

     

    “เดี๋ยวพี่คริสตัลก็น้อยใจหรอกค่ะ พี่ไคมาอยู่กับจูเนียลตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ถ้าพี่คริสตัลรู้พี่เขาต้องโกรธแน่ๆ เลย” จูเนียลพูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ที่ฟังดูน่ารักจนอยากจะเข้าไปดึงแก้มพองๆ แม้แต่กับฉันที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกอย่างนั้นเลย แล้วไคจะเหลือเหรอ...

     

    ภาพที่ฉันเห็นต่อจากนี้...ทำเอาช็อคมากทีเดียว...

     

    ไคจับปลายคางจูเนียลให้หันเข้าหาตัวเองก่อนที่จะก้มลงไปประกบปากเล็กๆ ของคนช่างพูด ก่อนที่ทั้งสองจะมอบจูบดูดดื่มให้กันและกันดั่งเช่นเดียวกับตอนอยู่ในโรงภาพยนตร์

     

    “พี่ไค ไม่เอาค่ะเดี๋ยวมีคนมาเห็น” จูเนียลเบนตัวหลบเมื่อไคเริ่มไล้ใบหน้ามาซุกที่ซอกคอ “...อือ พี่ไคอย่าทำให้มันเป็นรอยนะ”

    “ครับ...ถึงทำก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราเป็นของพี่แล้วนะ”

    “พี่ไคอ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้!” จูเนียลตีไหล่ไคเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะผลักไหล่ไคออก แต่ไคก็ไม่ยอม เขารั้งท้ายทอยจูเนียลไว้ก่อนที่ตัวเองจะประกบปากจูบอีกครั้ง จนในที่สุดจูเนียลก็หมดแรงที่จะต่อต้านและจูบไคกลับไปอย่างดูดดื่ม

     

    ทั้งคู่เคลื่อนตัวไปยืนชิดกระจกก่อนที่ฉันจะเห็นว่าไคใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองล้วงเข้าไปใต้เสื้อแขนกุดสีหวานของจูเนียล

     

    !!!

     

    มือข้างหนึ่งที่ถือโทรศัพท์ไว้กำแน่นจนกลัวว่ามันจะแตก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเลือดซิบ ก้อนเนื้อมีชีวิตในร่างกายกำลังเต้นด้วยเพลิงโทสะที่ไม่สามารถวัดระดับความร้อนได้ รู้แต่ว่า...มันพร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ

     

    “พี่ไค ไม่เอานะคะ เดี๋ยวพี่คริสตัลมาเห็น” จูเนียลพยายามดันไหล่ให้ออกไป แต่ฝ่ายชายก็ยังซุกใบหน้าไปกับเนินอกอิ่มของคนตัวเล็ก อีกทั้งมือที่อยู่ใต้เสื้อก็ไม่ได้ถอนออกมา

    “คริสตัลไม่ว่าหรอก...”

    “ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ นี่มันห้องส่วนรวมนะคะ”

    “งั้นหมายความว่าห้องส่วนตัวได้ใช่มั้ย ?

    “พี่ไคอ่ะ บ้า!! พูดอะไรก็ไม่รู้ เอามืออกไปเลย”

    “หึๆ งั้นคืนนี้พี่ไปค้างที่ห้องเราได้อีกล่ะสิ”

    “ถึงบอกไม่ให้ พี่ไคก็จะเข้ามาอยู่ดี หนูรู้น่า~

    “หึ รู้ใจพี่จริงนะเรา” ไคดึงปลายจมูกของจูเนียลไปมาสองสามทีก่อนจะยอมผละออกมายืนเป็นปกติ “...เห็นแก่บุคคลที่สามหรอกนะถึงได้ยอมปล่อย”

     

    ฉันนี่ไงบุคคลที่สาม...

     

    ฉันหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็นภาพสองคนนั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะปิดตาได้แต่เสียงก็ยังคงรับรู้ทุกถ้อยคำของทั้งสอง

     

    “พี่ไคไม่กลัวพี่คริสตัลว่าเหรอคะ ถึงทำอย่างนี้ หนูไม่อยากมีเรื่องกับพี่คริสตัลนะคะ”

    “ถ้าคริสตัลไม่รู้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหนิ”

    “...”

    “เป็นอะไรทำหน้าบูดเชียว”

    “พี่ไคทำเหมือนหนูเป็นตัวสำรองที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย”

    “...”

    “ถ้าพี่ไครักพี่คริสตัลก็ไม่ต้องสนใจหนูหรอกค่ะ อะไรที่เสียไปเมื่อวานหนูไม่ถือสาเอาความ...พี่คริสตัลทั้งสวย เรียนเก่งแถมยังรวยกว่าหนู ทิ้งหนูไปเถอะค่ะ”

    “จูเนียล...อย่าพูดอย่างนี้สิ”

    “พี่ไคกับพี่คริสตัลรักกัน ส่วนหนู...ฮึก...หนู...ฮึก หนูเป็นแค่มือที่สาม ฮือ”

     

    หมับ

     

    เปลือกตาที่เคยปิดกลับลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากรุ่นน้อง เมื่อมองไปที่ทั้งสองคนก็เห็นว่าไคกำลังยืนกอดผู้หญิงตัวเล็กๆ แน่นด้วยใบหน้าเหมือนคงเป็นทุกข์ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นร้องไห้

     

    อ้อมกอดแบบที่ฉันไม่เคยได้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา...

     

    “เราไม่ได้เป็นมือที่สามสักหน่อย ใครบอกเรากันว่าพี่รักคริสตัล...”

              “ฮึก พี่ไคหมายความว่ายังไง ?

              “พี่ไม่ได้รักคริสตัล...และยังไม่เคยนอนกับคริสตัลเลยด้วยซ้ำ”

              “!!!

              “พี่นอนกับเราก่อนคริสตัลอีกนะ เพราะฉะนั้นเรื่องระหว่างพี่กับคริสตัลไม่มีอะไรเกินเลยแม้แต่นิดเดียว”

              “แต่ข่าวตอนนั้นที่...”

              “มันเป็นโทสะของพี่กับคริสตัลน่ะ เราสองคนไม่มีใครยอมใครเลยต้องพูดออกไปแบบนั้น ทุกคนเลยเข้าใจผิดว่าพี่กับคริสตัลมีอะไรกันแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ตอนนี้คริสตัลยังถูกพี่หลอกว่านอนด้วยกันแล้วเลย”

              “หมายความว่า...”

              “หมายความว่า...พี่กับคริสตัลก็แค่ได้ชื่อว่าคบกันเฉยๆ”

              “...”

     

              ฉันไม่รับรู้อะไรอีกเลยหลังจากรู้ความจริงจากปากเขา...ไม่รับรู้เลยว่าทั้งสองคนนั้นจะทำอะไรเกินเลยกันต่อ ไม่รับรู้แม้กระทั้งมีคนอื่นเข้ามาในห้อง ไม่ได้ยินเสียงพี่ชินดงถามถึงชื่อฉัน ไม่รับรู้ถึงแรงสั่นจากโทรศัพท์ในมือ

      ในหัวรู้สึกสับสนและมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นรัวจนฉันกลัวว่ามันจะทะลุเนื้อออกมาข้างนอก

     

              อย่างนี้เองสินะ...ไค

     

              อย่างนี้นี่เอง...

     

     

     

             

     

     

     

     

     

    2 ชั่วโมงผ่านไป

     

     

    ฉันเปิดประตูออกจากห้องชมรมหลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันหลบอยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีใครหาเจอเลยสักนิด และฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกเมื่อยหรือลำบากอะไรที่ต้องคุดคู้อยู่อย่างนั้น...ร่างกายฉันมันเหมือนจะชาไปทุกส่วน

    โชคดีที่ประตูห้องล็อคจากด้านในฉันเลยออกจากห้องได้อย่างสบาย เพราะวันนี้ไม่มีใครหาตัวนางเอกพบรุ่นพี่เลยซ้อมแค่ชั่วโมงเดียวแล้วก็ปล่อยกลับ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าเลยมืดสนิท ในมหาลัยแทบจะไม่หลงเหลือผู้คนซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ ฉันไม่อยากจะเจอใครทั้งนั้น

     

    มันเป็นโทสะของพี่กับคริสตัลน่ะ เราสองคนไม่มีใครยอมใครเลยต้องพูดออกไปแบบนั้น ทุกคนเลยเข้าใจผิดว่าพี่กับคริสตัลมีอะไรกันแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ตอนนี้คริสตัลยังถูกพี่หลอกว่านอนด้วยกันแล้วเลย

            หมายความว่า...

            หมายความว่า...พี่กับคริสตัลก็แค่ได้ชื่อว่าคบกันเฉยๆ

     

            …

     

            ‘…แม้แต่ตอนนี้คริสตัลยังถูกพี่หลอกว่านอนด้วยกันแล้วเลย

     

              ฉันรู้ว่าที่เราคบกันมันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเราสองคนที่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากเสียหน้า...แต่เรื่องที่เขาหลอกฉัน โกหกว่าเขากับฉันมีอะไรกันแล้วมันเจ็บจนพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ดีใจที่ตัวเองยังบริสุทธิ์แต่...สิ่งที่ผ่านมาล่ะ ฉันยอมเขาไปเพื่ออะไร ฉันยอมให้เขาจูบ กอด จับมือสร้างรอยราคีทุกครั้งที่เขาสัมผัสร่างกาย ฉันยอมมันไปเพื่ออะไร และที่สำคัญฉันย้ายเข้ามาอยู่บ้านเขาทำไม...

    เรื่องระหว่างฉันกับเขามันไม่เคยมีอะไรเลยตั้งแต่แรก...แต่เขากลับกุเรื่องขึ้นมาหลอกฉันได้หน้าตาเฉย ทุกสัมผัส ทุกคำพูดที่หว่านล้อมให้ฉันใจอ่อนล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกของผู้ชายร้ายกาจคนหนึ่ง

     

    พี่ไม่ได้รักคริสตัล...และยังไม่เคยนอนกับคริสตัลเลยด้วยซ้ำ

     

    ฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก...แต่ก็หมายความว่าจะมาหลอกกันง่ายๆ เหมือนฉันเป็นเด็กไม่มีสมองอย่างนี้ได้!

     

    เจ็บใจที่สุดที่ถูกเขาหลอก!!

     

    ฉันว่าแล้วว่าทำไมตัวเองถึงจำความรู้สึกบนเตียงไม่ได้เลยสักนิด รู้สึกเหมือนมันไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นแทนที่ฉันจะเชื่อความรู้สึกตัวเองกลับไปเชื่อคำพูดของคนนิสัยเจ้าเล่ห์อย่างไค!

     

              แต่ก็ดีที่เราไม่มีพันธะใดๆ ต่อกัน...เพราะนั่นหมายความว่าฉันจะได้จัดการทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น

     

              ฉันมองโทรศัพท์ตัวเองที่โชว์สายไม่ได้รับกว่าห้าสิบสายที่มาจากคนสองคนนั่นคือ...ไคและน้องจูเนียล

     

    ไม่ต้องรีบอยากเจอฉันหรอก...ยังไงซะเราก็ได้เจอกันแน่นอน

     

      

     

     

     

     

     

     

     

    “คริสตัล!” เสียงเรียกอย่างตกใจจากไคดังขึ้นทันทีที่เขาเห็นฉันเปิดประตูเข้ามา “ไปไหนมาโทรไปก็ไม่รับ เป็นห่วงแทบแย่”

     

    การที่ไปมั่วกับผู้หญิงอื่นนั่นคือการแสดงความเป็นห่วงของนายสินะ

     

    ฉันไม่สนใจคำพูดของไคแล้วเดินหนีเขาขึ้นไปชั้นสองและก็อย่างที่คิด...ไคเดินตามขึ้นมาด้วย ฉันพาตัวเองเข้าห้องนอนโดยที่มีไคเดินตามหลังมาติดๆ

     

    “ฉันขออยู่คนเดียว” ฉันบอกเสียงเรียบขณะที่ตัวเองกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอน

    “ได้ แต่หลังจากคุณบอกเหตุผลมาก่อนว่าหายไปไหนมา”

    “...”

    “คริสตัล ผมเป็นห่วงคุณนะ โทรไปก็ไม่รับ รู้มั้ยว่าที่ชมรมเขาต้องวุ่นวายเพราะคุณกันไปหมด เป็นนางเอกของเรื่องก็ควรมีความรับผิดชอบหน่อยสิ ไม่ใช่คิดจะโดดซ้อมก็โดดคนอื่นเขาทำงานกันไม่ได้เพราะคุณนะ”

    “งั้นเปลี่ยนนางเอกดีมั้ย...จูเนียลเป็นไง” ฉันตอบกลับไปตรงๆ โดยที่สบตากับไคด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผู้ชายคนนี้ก็แสดงละครได้เก่งเหลือเกิน เขายังคงทำหน้าเรียบเฉยกับคำพูดของฉัน

     

    หึ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ยินกับหู ไม่ได้เห็นกับตาฉันคงต้องไม่ชื่อแน่ๆ ว่าเขาจะรอบกินน้องสาวคนสนิทของฉันจริงๆ

     

    “ผมว่าคุณต้องไปอารมณ์เสียที่ไหนมากแน่ๆ ถึงได้ประชดประชันแบบนี้”

    “ฉันไม่ได้ประชด-ประชัน แต่ฉันกำลังอารมณ์เสียมากๆ และนายไม่ควรมายุ่ง” ฉันตั้งท่าจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็ถูกไคขวางเอาไว้ ฉันเงยหน้าจ้องคนตัวสูงอย่างเอาแต่เขาไม่ได้มีท่าทีกลัวฉันสักนิด

    “บอกผมสิ...อะไรก็ตามที่ทำให้คุณอารมณ์เสีย ผมรับฟังได้หมด”

    “อย่ามายุ่งกับฉัน”

     

    พลั่ก

     

    ฉันผลักไคออกอย่างแรงจนเขาเซไปด้านข้าง และฉันสามารถเข้ามาในห้องน้ำได้ทันเวลา ไม่รอช้าฉันรีบกดล็อคทั้งที่รู้ว่าหากเขาจะเข้ามามันย่อมได้อยู่แล้ว

     

    ปังๆๆๆๆ

     

    “ออกมาเรามีเรื่องต้องคุยกัน!” ไคตะโกน

     

    หึ...เราต้องคุยกันยาวด้วยแหละไค คุยกันอีกนานจนนายรู้สึกหัวปั่นแน่ๆ

     

    ...

     

    ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีที่ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วกลับมาอยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวที่เลยหัวเข่าขึ้นมาเกือบสองคืบด้านบนเผยให้เห็นไหล่และแผ่นหลังเนียนขาวน่าสัมผัสได้อย่างชัดเจนเพราะเส้นผมถูกเกล้ารวบลวกๆ ขึ้นสูงเป็นมวยกลมๆ กลางหัว ฉันไม่เคยใส่เลยตั้งแต่มาอยู่บ้านหลังนี่ หากแต่ปกติแล้วฉันใส่นอนประจำในห้องของตัวเอง

     

    O_O” นี่คือสีหน้าไคตอนเห็นฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ เขายังคงไม่ไปไหน นั่งอยู่ปลายเตียงมองฉันตาโต

    “โอเค ฉันอารมณ์เย็นลงแล้ว” ฉันบอกพลางยิ้มให้เขาเบาๆ

    “คุณไม่หนาวเหรอ ?

    “ไม่อ่ะ วันนี้ฉันรู้สึกร้อนๆ”

    “เหมือนผมเลย...เห็นคุณแล้วก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที”

    “...”

     

    เหอะๆ เขานี่มันเลวขั้นสูงสุดจริงๆ เมื่อตอนเย็นกอดจูบกับผู้หญิงอีกคน ตอนนี้กลับใช้สายตาหื่นๆ มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

    “เมื่อวานนายไปนอนที่ไหนมา” ฉันถามขณะที่ก้าวไปนั่งที่ปลายเตียงข้างๆ เขา

    “...”

    “ไคคะ...ฉันถามว่าไปนอนที่ไหนมา” ย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาไคมองแต่เนินอกที่โผล่พ้นเนื้อผ้าสีขาว “...คงไม่ได้ไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนหรอกนะ”

    “ผม...เอ่อ...ไปนอนบ้านลู่ฮานมาน่ะ อย่างที่ผมบอกไง ผมไปดื่มที่บ้านเพื่อนมา”

    “อย่างนี้นี่เอง” ฉันพยักหน้าแล้วหลุบสายตาลงต่ำ “...เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย เหมือนกับว่าฉัน...คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นของนาย”

    “...”

    “ทั้งคืนฉันเลยไม่ได้นอน เมื่อตอนเย็นฉันเลยไปงีบหลับที่ห้องสมุดตื่นมาอีกทีก็มืดแล้ว”

    “อย่าบอกนะว่าที่โดดซ้อมเพราะไปหลับ”

    “ก็ใช่น่ะสิ เหตุผลมาจากนายทั้งนั้น นายกอดฉันอยู่ทุกวันแล้วอยู่ดีๆ มาหายไปแบบนี้มัน...”

    “คุณเหมือนไม่ใช่คุณเลย คริสตัล” ไคหยุดคำพูดของฉันด้วยน้ำเสียงแปลกใจพร้อมกับมือที่ลูบไล้แก้มฉันไปมา “...แต่ผมชอบนะ เหมือนคุณเป็นลูกแมวน้อยเชื่องๆ ตัวหนึ่งเลย”

    “ขอโทษที่เมื่อกี้หงุดหงิดใส่ ฉันแค่โกรธที่นายไม่ยอมอยู่กับฉันเมื่อคืน” ฉันจับมือสากตรงแก้มตัวเองออกมาก่อนจะจุมพิตมันเบาๆ ที่หลังมือ ไคดูตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือของฉันอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

    “งั้นวันนี้ผมจะทดแทนเรื่องคืนก่อนให้เอง”

    “ว้าย!” ฉันร้องเสียหลงเมื่อไคช้อนตัวฉันก่อนที่จะปล่อยลงให้นอนราบไปกับเตียงอย่างนุม่นวลก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวลงมาข้างๆ แล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอกเราทั้งสองคน

    “วันนี้ผมจะนอนกอดคุณถึงเช้า...จะไม่หนีไปไหน...จะทำตัวเป็นแฟนที่ดีของคุณ”

     

    แฟนที่ดี ? …เหอะ

     

    แขนแกร่งสวมกอดเอวฉันไว้แล้วออกแรงรั้งตัวฉันเข้าไปชิดกับอกแกร่งจนอะไรต่อมิอะไรชนกันไปหมด ใบหน้าฉันซุกอยู่บริเวณซอกคอของไคจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ประจำตัวไค ส่วนคางของเขาเกยอยู่บนหัวฉัน

     

    “ผมชอบเสียงหัวใจเต้นแรงๆ ของคุณนะ” ไคบอกพลางใช้มือลูบหลังบางไปมา “...มันเข้ากับผมได้ดีทีเดียว”

     

     เสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขาทำเอาฉันเผลอหวั่นใจไปด้วย แต่พอนึกได้ว่าไม่ควร...ฉันก็พยายามควบคุมมันให้กลับมาเต้นเป็นปกติ...

     

    แต่ อัตราการเต้นของหัวใจมันบังคับได้ที่ไหนกัน...จริงมั้ย ?

     

    “ผมชอบคุณนะคริสตัล...”

     

    เป็นเรื่องที่น่าตลกเสียจริง...วันนี้วันเดียวฉันกลับได้ยินทั้งคำว่า ไม่ได้รักกับ ชอบ ในเวลาไล่ๆ กัน

     

    หากวันนี้ฉันไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับจูเนียล...ฉันคงคิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้ตกหลุมรักฉันจริงๆ

     

    ขอบคุณสำหรับตั๋ววีไอพีชมการแสดงอันยอดเยี่ยมของนายนะ...ไค

     

     

     

     

    ---------------------------------------

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

     

    “คุณชเวซอลลี่หรือเปล่าคะ ?

     

    พนักงานร้านในชุดดำเดินเข้ามาทักทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้ามา

     

    “ค่ะ คุณทราบได้ยังไงคะ”

    “วันนี้เราเปิดบริการเฉพาะคุณคนเดียวเป็นพิเศษค่ะ”

     

    ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ บางทีพ่อฉันอาจจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้หลังจากที่ฉันโทรไปบอกพ่อแล้วว่าไม่สามารถหาเวลาเดินทางไปฮ่องกงได้เพราะติดสอบ พ่อเลยบอกให้ฉันมาที่นี่ในวันนี้แทน

    ร้านนี้เป็นแบรนด์ชื่อดังสำหรับชุดราตรีทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ตอนที่พ่อบอกว่าชื่อแบรนด์ที่รับหน้าที่ตัดชุดฉันก็รู้สึกพอใจไม่น้อยเพราะฉันชอบในความหรูหราและมีสไตล์ของที่นี่อยู่แล้ว

     

    ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานหมั้นที่เกิดจากความเต็มใจ แต่รูปลักษณ์ภายนอกก็สำคัญมากสำหรับสายตาคนอื่นๆ

     

    ยังไงซะ...ฉันก็ต้องดูเพอร์เฟคตั้งแต่หัวจรดเท้าไว้ก่อน

     

    “นี่ค่ะชุดคุณชเว...ทางเราได้ตัดตัวใหม่เนื่องจากทราบมาว่าคุณไม่สามารถเดินทางไปลองชุดที่ฮ่องกงได้ ห้องลองอยู่ทางด้านในเชิญคุณเข้าไปลองได้เลยค่ะ”

    “ขอบคุณค่ะ”

     

    ฉันรับชุดมาถือไว้แล้วเดินเข้าห้องลองเสื้อด้านหลังร้าน น่าแปลกที่วันนี้ทั้งร้านมีพนักงานอยู่คนเดียวหรือเพราะมีแขกแค่ฉัน พนักงานคนอื่นๆ เลยไม่จำเป็น

     

    เอาเถอะ รีบลองให้เสร็จๆ จะได้รีบกลับไปอ่านหนังสือ...

     

    ชุดเดรสรัดรูปสายเดี่ยวสีขาวผ้าชีฟองทั้งชุดโดยที่เนื้อผ้าชั้นที่สองเป็นผ้าสีขาวเล่นลายด้วยลูกปัดเล็กๆ ที่ถูกปักวนไปวนมาอย่างสวยงาม ความยาวของมันพอดีกับเข่าฉันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ มันเป็นชุดที่ไม่ได้ดูเว่อร์เหมือนเจ้าสาวแต่ก็ไม่เรียบพอที่จะใส่ไปแค่งานเลี้ยงเต้นรำ

     

    ฉันไม่รู้ว่าใครเลือกชุดนี้ให้แต่อยากจะขอบคุณคนๆ นั้นที่เลือกชุดได้ถูกใจฉันเสียจริง

     

    แต่...ตอนนี้มีปัญหาอยู่อย่างคือ ฉันไม่สามารถรูปซิบที่อยู่ด้านหลังได้

     

    “ขอโทษนะคะ ช่วยเข้ามารูดซิปให้หน่อยได้มั้ยคะ”

     

    ...

     

    “ขอโทษนะคะ ช่วยมารูดซิปด้านหลังให้หน่อยค่า~

     

    ...

     

    ท่าทางพนักงานจะไม่ได้ยินจริงๆ แล้วฉันจะทำยังไงดี ถ้าไม่รูดซิปก็จะไม่รู้ว่าชุดพอดีตัวหรือเปล่า เอาวะ ลองรูดเองอีกรอบก็ได้...และขณะที่ฉันกำลังรูดซิปอยู่เสียงรูดม่านก็ดังขึ้น

     

    “ช่วยรูดซิปด้านหลังให้หน่อยค่ะ พอดีมือฉันเอื้อมไปไม่ถึง” ฉันพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าพนักงานเพราะตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับชุดตรงหน้าอกที่ดูเหมือนจะหลวมๆ ยังไงไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้รูดซิปล่ะมั้งเลยรู้สึกอย่างนี้

    “คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกชุดนี้ให้คุณ” เสียงกระซิบข้างๆ หูทำเอาฉันถึงกับขนลุกซู่เพราะจำน้ำเสียงของเขาได้!

    “จื่อเทา!!” ฉันสบตากับเขาในกระจก

    “คุณนี่เล่นซ่อนหาได้เก่งเหมือนกันนะซอลลี่” เทาว่าพลางจับหัวไหล่ฉันไว้แน่นเมื่อฉันเริ่มขยับตัวออกห่างจากเขา และเพียงแค่เทาออกแรงเล็กน้อย แผ่นหลังฉันก็ปะทะเข้ากับอกแกร่งของเขา

    “นายเข้ามาได้ยังไง”

    “ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อผมเหมามันทั้งร้าน”

    !!!

     

    แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วสินะว่าฉันจะมาลองชุดวันนี้ เหอะๆ

     

    “ออกไป” ฉันขู่เสียงต่ำและพยายามสะบัดตัวออกจากมือผู้ชายสกปรก แค่เห็นเขาเรื่องเลวร้ายต่างๆ ก็ลอยเข้ามาในหัวจนตีรวนกันไปหมด

    “ไม่...รู้มั้ยกว่าจะตามตัวคุณได้ผมต้องลำบากขนาดไหน” เทาออกแรงบีบหัวไหล่ฉันจนรู้สึกถึงความเจ็บจากปลายนิ้วที่กดลงมา “และวันนี้ผมต้องคุยกับคุณให้รู้เรื่อง”

    “ฉันจำไม่ได้เลยสักนิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันตอบกลับโดยที่ไม่หลบสายตาคมในกระจก

    “แต่ผมมี”

     

    ฉันสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเย็นๆ ของเทาย้ายลงมาสัมผัสแผ่นหลังเกือบเปลือย ก่อนที่เขาจะจัดการรูดซิปชุดเดรสให้ฉันช้าๆ โดยที่สายตาของเราสองคนยังสบตากันอยู่ในกระจก

     

    “ขอบคุณ” ฉันบอกแล้วใช้โอกาสตอนที่เทาละออกไปเดินหนีออกจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต่เพราะชุดเดรสรัดรูปที่ใส่อยู่มันทำให้ฉันก้าวเดินได้ทีละนิดๆ และในที่สุดก็ไม่รอดพ้นฝ่ามือหนาที่คว้าหมับเข้าที่ข้อศอกก่อนจะรั้งฉันเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดจนฉันขยับไปไหนไม่ได้

    “ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริงๆ”

    “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร! กรุณาปล่อยฉันด้วย”

    “ไม่ ผมคิดถึงคุณ...ผมคิดถึงคุณจริงๆ นะ”

     

    ไม่ว่าฉันจะดิ้นเท่าไหร่มันก็ไม่มีประโยชน์  เจ้าของต้นแขนแกร่งไม่มีท่าทีจะปล่อยฉันสักนิด อีกทั้งยังมากระซิบคำว่า ขอโทษ อยู่ข้างๆ หูซ้ายให้ขนลุกซู่อีกด้วย

     

    “ขอโทษ...”

    “จะขอโทษเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่ทำฉันเกือบตายหรือว่าเรื่องไหน หึ” ฉันยอมหยุดยืนนิ่งๆ ให้เขากอด

    “ผมรู้ว่าวันนั้นคุณมาที่ห้อง...คุณเห็น...”

    “ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!!

    “ไม่ คุณต้องเห็นแน่ๆ แกรี่บอกผมหมดแล้ว”

    “...”

    “ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าคุณจะกลับมา”

    “...”

    “ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงจริงจังทำเอาฉันถึงกลับยืนเงียบไปหลายวินาที และก่อนที่ฉันจะใจอ่อน ลมหายใจร้อนๆ ที่รดอยู่บนลำคอก็เรียกสติฉันกลับมา

    “ถอยออกไป คนสกปรก” ฉันพูดเสียงนิ่งและกำมือเข้าหากันแน่น

    !!!

    “คุณมันสกปรกเทา...ฉันไม่อยากแม้แต่มองหน้าคุณด้วยซ้ำ” น้ำเสียงเยือกเย็นถูกนำมาใช้กลับคนที่กำลังกอดฉันอยู่

     

    เทาดูเหมือนจะตกใจกลับคำพูดฉันมากจนยอมผ่อนแรงกอดเปลี่ยนมาเป็นจับต้นแขนฉันไว้แทน สายตาคมที่ครั้งหนึ่งฉันเคยมองว่ามันเท่และน่าหลงใหลเมื่อยามที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนนี้ฉันกลับเห็นว่าในแววตานั้นมีแต่ความโหดร้าย

     

    ภาพตอนที่เขาโยนฉันลงบนเตียงเมื่อตอนที่เขาคิดอยากจะขังฉัน...

    ภาพตอนที่เขาผลักฉันลงน้ำด้วยแววตาสะใจ...

    ภาพตอนที่เขาต่อว่าฉันว่าทำตัวอกุศลกับพี่ชายเขา...

    และ...ภาพที่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น

     

              ทุกการกระทำโหดร้ายของเทา ยังคงหมุนเวียนจนไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือหายใจออกมันก็เจ็บไปหมด เจ็บ...จนอยากจะร้องไห้

     

              “ผม...” เทาพูดไม่ออกเมื่อสบสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะและความเสียใจ

     

              เขาคิดว่าตัวเองขอโทษแล้วทุกอย่างจะจบงั้นสิ...ง่ายเกินไปมั้ย ?

     

              แต่แล้วสิ่งที่เขากำลังจะเอ่ยออกมาก็ทำฉันเสียศูนย์ได้เล็กน้อย...

     

              “คบกับผมได้มั้ย...ซอลลี่”

              “!!!

              “คบกับผมแล้วผมจะดูแลคุณในฐานะผู้หญิงของผม”

              “!!!

     

              แววตาคมดุจพญาเหยี่ยวไม่ได้มีความล้อเล่นแต่อย่างใด คำขอคบของเขาทำเอาใจฉันเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย แต่ก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น...ฉันก็กลับมาปั้นหน้าเย็นชาได้เหมือนเดิม

              ฉันเดินถอยหลังไปทีละเล็กละน้อย พอๆ กับที่เทาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

     

              “ผมจะไม่ทำให้ผู้หญิงของผมต้องร้องไห้”

              “...”

              “สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยว่า...ผมจะไม่มีวันทำแบบในอดีต”

              “...”

              “...”

     

              ฉันหยุดเดิน...เทาหยุดเดิน...เราสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยความเยือกเย็น

     

    “กราบเท้าฉันสิ...กราบฉันแล้วฉันจะคบกับคุณ”

    !!!

    “ไหนๆ ก็สัญญาด้วยเกียรติแล้ว ก็ทิ้งมันไว้แทบเท้าฉันเลยสิ...”

    !!!

    “เพราะสักวัน...ฉันจะเหยียบเกียรติลูกผู้ชายของคุณให้จมดิน”

     

     

     

     

    -----------------------------------------------

    เข็นตอนนี้มาอย่างยากลำบาก เนื่องจากห่างหายจากแป้นพิมพ์ไปนานเกิน

    อ่านจบแล้วอนุญาตให้ทุกคนด่าไคได้อย่างเต็มที่ค่ะ (ปกติก็เจอด่าอยู่แล้ว~) 55555555

    เปิดเทอมก็เลยหายไปนาน~ ซอรี่ซอรี่

     

    ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×