คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : [[ It's over ]]: C T 18 // Up
“...”
“...”
“...”
“...”
ไม่มีใครคุยกับใคร ไม่มีใครมองหน้าใคร ทั้งฉันและเทาต่างนั่งเกรงอยู่ในห้องนั่งเล่นท่ามกลางเสียงเครื่องปรับอากาศดังหึ่งๆ ภาพเหตุการณ์น่าขายหน้าในห้องน้ำเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วยังคงติดหัวอยู่ไม่หาย มันบ้าซะยิ่งกว่าบ้าที่ฉันมาแก้ผ้าต่อหน้าต่อตาเขา ไม่ต้องถามอะไรให้เปลืองน้ำลายฉันก็รู้ว่าเทาเห็นหน้าอกฉันไปเต็มๆ ตา
หลังที่ฉันโป๊ท่อนบนต่อหน้าเขาแล้วเทาก็รีบปล่อยแล้วรีบหันหลังก่อนที่จะเป็นฝ่ายออกไปจากห้องน้ำโดยที่ฉันไม่ต้องเอ่ยปากไล่ T_T พอฉันสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ (ไม่มีเสื้อผ้าเลยสักตัว) ออกมาด้านนอกโดยหวังว่าจะเคลียร์เรื่องในห้องน้ำกับเขา แต่เอาเข้าจริงฉันก็พูดไม่ออกเพราะมันอาย (มากๆ) .////.
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
“ฉัน...เอ่อ...เข้านอนก่อนนะ -////-” พูดสิ่งที่อยู่ในใจไม่ออกเลยเลือกที่จะเลี่ยงโดยการหลบเข้าห้อง ทำไมมันเกรงอย่างนี้~
“อือ” เทาตอบเสียงนิ่งโดยที่ไม่หันมามองฉันเลยสักนิด เมื่อเห็นเขาไม่ห้ามอะไรฉันก็เลยลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้าห้องนอน
ฉันไม่น่ามานั่งตรงนี้เลยมันน่าอึดอัดกว่าตอนอยู่ในห้องน้ำสักอีก ฉันอายจนจะแทรกหน้าลงฟุบที่พื้นอยู่แล้ว ฮือออ~ น้องหน่มน๊มฉันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป (?)
“ซอลลี่” เพราะฉันมัวแต่คร่ำครวญเรื่องน่าอายเลยไม่ได้สังเกตว่าเทาเข้ามาในห้องนอนด้วย ฉันหลับตาลงสักวินาทีก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมกับหันไปมองเขาโดยที่พยายามไม่ให้เทาดูออกว่าฉันกำลังเขินสุดๆ
“มีอะไร”
“คือ...”
“...”
“เรื่องเมื่อกี้...”
“...”
“ที่ผมเห็น...เอ่อ...” เทาไม่พูดแต่ใช้สายตาสื่อโดยการมองต่ำลงมายังหน้าอกฉันแทน “ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ฉันรู้” เพราะถ้ามันไม่ใช่อุบัติเหตุล่ะก็ฉันจะเอามีดอีโต้ในห้องครัวมาผ่าควักเอาลูกตาเขาออกมาปาลงทะเลให้ฉลามมันกินเล่น -_-
“คุณไม่โกรธนะ” เทามองฉันอย่างกล้าๆ กลัว ฉันเลยพยักหน้ารับด้วยใบหน้านิ่งๆ พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองใจเต้นแรงหรือหน้าแดงอะไรทั้งสิ้น
“จะไม่โกรธถ้านายแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ดะ ได้ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“อือ ขอบคุณ”
ดีแล้วที่เป็นอย่างนี้...
หลังจากฉันพูดคำนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง บรรยากาศอึดอัดยังคงเกาะตัวอยู่รอบๆ เราสองคน มีเพียงแค่สายตาของฉันและเทาที่ประสานกันโดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
เทาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้
“แล้ว...อีกเรื่องล่ะ ?”
“เรื่องไหน ?” ฉันแกล้งเป็นถามกลับอย่างใสซื่อ แต่จริงๆ แล้วฉันรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร
“ที่ผมขอโทษ...หายโกรธผมได้รึยัง”
“ทำไมนายถึงอยากให้ฉันหายโกรธ...” ฉันต่อลองโดยหวังว่าเทาจะพูดคำๆ นั้นออกมาอีกครั้ง...คำๆ เดียวกับตอนที่อยู่ในห้องน้ำ
“อย่างที่ผมเคยบอกคุณ”
“บอกว่า ?”
“คุณก็ได้ยินหนิ” เทาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ่าห๊ะ”
“แล้ว...”
“ฉันลืมแล้ว”
“...”
“ไม่เป็นไรถ้านายไม่อยากพูด วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็...”
“ผมชอบคุณ” เทาพูดขัดขึ้นสียงจริงจัง
“!!!”
“ผมชอบคุณจริงๆ”
“...”
“ได้ยินชัดมั้ย ?”
“อะ อือ” ฉันพยักหน้าเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างคนไม่รู้จะทำยังไง เรียกง่ายๆ ว่า ‘เขิน’
“แล้วคำตอบ ?”
“จะให้ตอบว่าอะไร ?” ฉันถามโดยที่ไม่มองหน้าเทา
“อะไรก็ได้”
“...” ฉันหมุนตัวหันหลังให้เทาแล้วลอบหายใจเข้าลึกๆ ให้คลายความตื่นเต้นที่คับอกอยู่ขณะนี้
ไม่ได้นะซอล...ผู้ชายคนนี้จะชอบเธอได้ยังไง เขาตั้งใจทำร้ายเธอมากี่ครั้ง ห้ามโอนอ่อนไปกับคำพูดชวนใจเต้นแรงนั่นเด็กขาด
เทากับฉันเนี่ยนะจะรักกันได้...ฉันไม่เห็นอะไรที่เป็นเหตุผลให้เขาชอบฉันเลยสักนิด เราสองคนที่ทะเลาะกันเกือบตายเนี่ยนะ...จะเป็นไปได้ยังไง...
“โกหก” พูดเสียงแข็งโดยที่หันหลังให้เทา ฉันวางมือทาบเนินอกตำแหน่งเดียวกับก้อนเนื้อที่กำลังเต้นตุบๆ คล้ายจะระเบิดแล้วกดลงเบาๆ หวังให้มันสงบลงบ้าง
“...”
“อย่าพูดจาบ้าๆ แบบนี้อีกถ้านายไม่คิดจริงจัง” ฉันกล้ำกลืนความรู้สึกอ่อนไหวต่างๆ ลงคอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“...”
“ฉันไม่เคยลืมใบหน้าสะใจตอนนายผลักฉันลงน้ำหรอกนะเทา ทุกคำพูดทุกการกระทำที่ต่อว่าฉันในวันนั้นอย่าคิดว่าจะลบมันได้ง่ายเพียงแค่คำว่าขอโทษ”
“ซอลลี่...” เทาเหมือนจะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็ถูกฉันขัดเข้าซะก่อน
“อีกไม่นานเราก็จะถอนหมั้นกัน...ถึงวันนั้นเราสองคนคงมีความสุขที่ได้เป็นอิสระ นายก็จะได้ไปอยู่กลับผู้หญิงคนนั้นของนายโดยไม่มีฉัน ฉันเองก็จะได้หาแฟนหล่อๆ สักคน”
“!!!”
“นี่แหละคำตอบของฉัน”
“ทำไม...”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญออกไป ฉันขอนอน” ฉันไม่ได้หันหลังไปมองเทาเลยว่าเขาเป็นยังไงบ้างตอนได้ยินฉันพูด แต่ฉันรู้สึกถึงความผิดหวังที่ทิ่มแทงแผ่นหลังอยู่ทุกย่างก้าวขณะที่สองเท้ากำลังขยับขึ้นเตียง “...สำหรับเรื่องวันนี้ขอบคุณมาก”
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ” เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหยุดยืนปลายเตียง ใบหน้าคมกำลังบิดเบี้ยวจนเดาไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร
โกรธ...เสียใจ...ไม่พอใจ...?
“คุกเข่าให้ก็แล้ว ขอโทษก็แล้ว ทำดีกับคุณสารพัดมันยังไม่พออีกใช่มั้ย”
มันไม่ใช่น้ำเสียงเกรี้ยกราดดังเช่นในอดีตหากแต่เป็นน้ำเสียงผิดหวังหรือแม้กระทั่งตัดพ้อ...
“...” ฉันพูดไม่ออกได้แต่หลบสายตาเทาไปที่เตียงสีขาวแล้วล้มตัวลงนอนไม่สนใจร่างสูงที่ทอดสายตาลงมาคล้ายคนกำลังเสียใจ
ผู้ชายอย่างเทาเนี่ยนะจะเสียใจ...ฉันไม่อยากเชื่อ
“เราไม่ต้องคืนดีกันหรอก...เพราะยังไงสักวันเราก็ต้องแยกกันอยู่ดี” พลิกตัวนอนตะแคงใช้มือหนุนหัวแล้วเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทผ่านหน้าต่างบานใหญ่
“ถ้าผมบอกว่าผมไม่อยากแยกกับคุณล่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ” ฉันตอบกลับทันทีไม่รอให้ต้องคิดด้วยซ้ำ
“ผมบอกว่าชอบคุณคุณก็ไม่เชื่องั้นเหรอ”
“มันไม่มีเหตุผล”
“...”
“เราไม่เคยทำดีให้กัน คนอย่างนายจะมาชอบฉันได้ยังไง”
“คุณคงเกลียดผมมากถึงได้คิดยังงี้”
“...” ความเงียบของฉันเป็นการตอบรับคำพูดเขาได้อย่างดี
“เข้าใจล่ะ”
“...”
“แต่ผมไม่ยอมหรอกนะซอลลี่...คุณหมั้นกับผมแล้วเพราะฉะนั้นผมไม่มีวันปล่อยผู้หญิงของตัวเองไปแน่ๆ”
“...”
“สักวันคุณจะต้องตกหลุมรักผม...เชื่อสิ”
ปัง
แม้เสียงประตูจะบ่งบอกว่าผู้ชายคนนั้นได้ออกไปแล้ว แต่น้ำเสียงจริงจังและเด็ดเดี่ยวจากเจ้าตัวก็ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทไปมาจนฉันไม่สามารถข่มตาลงนอนได้ คำประกาศก้องปราศจากแววล้อเล่นทำให้ฉันขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
‘สักวันคุณจะต้องตกหลุมรักผม...เชื่อสิ’
ฉันว่าไม่ใช่สักวันหรอกจื่อเทา...เพราะแค่วันนี้ฉันก็คิดว่าตัวเองเทใจให้เขาแล้ว
------------------------------
Kai’s part
ความร้อนจากร่างกายเปลือยเปล่าของผมและจูเนียลที่กำลังสัมผัสกันอยู่นั้นทำให้เหงื่อผุดขึ้นมาตามไรผมของร่างบาง มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่เอื้อมไปปาดเม็ดเหงื่อที่เกิดจากบทเพลงสวาทของเราสองคนออกไปอย่างไม่รังเกียจ
“พี่ไค...อื้อ” เสียงแหบพร่าจากปากงามเรียกรอยยิ้มมุมปากจากผมได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อสะโพกสอบกระแทกลงบนร่างบางอย่างแรงเป็นจังหวะรัวๆ เพิ่มความเสียวซ่านให้กับร่างน้อยจนเธอถึงกับตาลอยคว้างคล้ายคนขาดสติ
“อีกนิดเดียว...อ๊ะ”
มือทั้งสองข้างเลื่อนต่ำลงมายังสะโพกแล้วจับให้ยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระหน่ำสะโพกลงกระแทกอย่างดุดันหากแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนทำให้หญิงสาวต้องร้องครางเสียงดังแข่งกับเสียงเนื้อกระทบเนื้ออย่างห้ามไม่อยู่
“พี่ไค...อ๊ะ...อ๊า!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นพร้อมกับร่างบางใต้ร่างเกรงกระตุกสองสามทีหลังจากที่ส่งสาวเจ้าแตะสวรรค์เป็นที่เรียบร้อย ผมก้มหน้าลงจูบปากที่กำลังหายใจหอบอย่างดุเดือด ลิ้นเล็กพัวพันกับลิ้นหนาอย่างไม่มีใครยอมใครพร้อมกับสะโพกสอบที่กระแทกเข้าหาให้จมลึกจนมือเล็กต้องจิกลงบนไหล่กว้างคล้ายเป็นการลงโทษที่ผมแกล้งเธอ
“อื้อ...อ่า...”
ณ จุดแห่งความเสียวซ่านใบหน้าหยิ่งๆ และสายตาเย็นยะเยือกลอยเข้ามาในหัวผม...
“อ่ะ พี่ไค...พอแล้วค่ะ ครั้งที่สี่แล้วนะ” จูเนียลร้องบอกอย่างเอียงอายเมื่อผมเริ่มขยับกายที่ยังคงฝังลึกในร่างบาง
“ขออีกครั้ง” พูดจบก็จัดการจูบปิดปากจูเนียลทันที
มันน่าโมโหสุดๆ เพราะไม่ว่าจะร่วมรักกับจูเนียลที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนผมอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้ง...ใบหน้าผู้หญิงอีกคนก็จะตามมาหลอกหลอนเป็นอันให้ผมต้องหงุดหงิดทุกครั้งไป
“อือ~” ผมสะบัดหัวไล่ภาพใบหน้าหยิ่งๆ นั่นออกจากหัวแล้วจัดการระบายอารมณ์ลงบนคนตัวเล็กเป็นครั้งที่สี่
หึ...เห็นมั้ยคริสตัล ? คุณเองก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมมากนักหรอก...
------------------------------------
Sulli’s part
“ฉันอยากกลับแล้ว” พูดพร้อมกับกอดอกบอกเทาที่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่บนโซฟา และนี้เป็นครั้งที่สี่แล้วที่ฉันบอกเขาว่าอยากกลับบ้าน แต่อีกฝ่ายดันทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น “จื่อเทา! ฉันพูดกับนายอยู่นะ”
“...”
เงียบ...
เมื่อความอดทนถึงขีดสุดฉันเลยดึงหนังสือออกจากมือเขาแล้วขว้างมันไปไกลอย่างโมโห เทายอมเงยหน้าขึ้นมาฉันก่อนจะขยับปากถามอย่างกวนอวัยวะเบื้อล่าง
“ผมนึกว่าคุณไม่อยากคุยกับผมซะอีก”
“ฉัน-อยาก-กลับ-บ้าน” ฉันบอกเน้นย้ำทีล่ะคำอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยไม่ตอบคำถามเทา
“ผมยังไม่อยากกลับ” เทาตอบหน้าตายพร้อมกับมองฉันอย่างกวนประสาท
“นี่!”
“น้ำมันหมดกลับไม่ได้ ถ้าอยากกลับก็ว่ายน้ำข้ามฝั่งไปเองสิ”
“ตาบ้า! ฉันว่ายน้ำเป็นที่ไหนเล่า”
เหอะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับที่บอกว่าชอบฉันจริงเหรอเนี่ย! ถ้าไม่ได้ยินกับหู ไม่เห็นกับตานี่ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“ช่วยไม่ได้ คงต้องรอให้มีคนมาช่วยแต่คงอีกนานเพราะที่เกาะนี้ไม่มีโทรศัพท์”
“อะไรนะ?!”
“เฮ้อ~ อากาศดีๆ อย่างนี้ไปว่ายน้ำกันมั้ยคุณ” เทาถามพลางหยัดตัวขึ้นยืนแล้วชูแขนสองข้างบิดตัวไปมายึดเส้นยึดสาย
“ไม่! ฉันจะไปเรียกให้คนมาช่วย” พูดจบก็หันหลังให้เขาอย่างโมโห แต่เทาก็ตามมาจับไหล่ฉันไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้าเขา
“มันไม่มีประโยชน์หรอกน่า~ คุณก็เห็นว่ารอบด้านมีแต่น้ำทะเล อย่าทำตัวเหมือนเด็กๆ ที่ทำตามวิธีบ้าๆ ในหนังหน่อยเลย”
“!!!”
“มากับผมนี่...จะสอนว่ายน้ำให้”
“ไม่ไป ปล่อย!” ฉันว่าพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเทา ร่างสูงส่ายหัวเล็กน้อยคล้ายกับรำคาญฉันก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายออกแรงลากให้ฉันเดินตามเข้าไปหลังบ้านที่เป็นส่วนของสระว่ายน้ำในร่ม “ไม่ว่ายนะ ปล่อย!”
“ถ้าไม่ว่ายจะทำอะไร” คนตัวสูงหยุดเดินกะทันหันแล้วหันมามาถามฉัน
“ฉันจะไปนอน”
“นอน ? ไม่เอาน่า ผมรู้ว่าคุณนอนไม่หลับหรอก ในหัวคุณคงคิดถึงแต่คำสารภาพของผมล่ะสิ”
“นะ นาย...”
ตาบ้านี่รู้ได้ไงว่าเมื่อคืนฉันไม่ได้นอน แล้วดูยังมีหน้ามียิ้มเยาะอีก! ต้นเหตุก็มากคำพูดของเขานั่นแหละ ชิ!
“ผมเองก็นอนไม่หลับ...เพราะมัวคิดหาวิธีทำให้คุณตกหลุมรัก”
“ไม่มีทาง!”
“หึๆ เดี๋ยวก็รู้”
“ถ้าต้องรักคนอย่างนายให้ฉันกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายเสียดีกว่า”
“งั้นเหรอ...” เทาเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะทำสิ่งที่ไม่คาดคิดนั่นคือตวัดวงแขนอุ้มฉันด้วยสองแขนแกร่งก่อนที่จะโยนลงน้ำ...
ตู้ม!!
O_O
ฉันตกถึงขีดสุดเพราะไม่คิดว่าเทาจะโยนฉันลงน้ำทั้งที่รู้ว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น สองมือตะเกียกตะกายคล้ายเวลาลูกหมาตกน้ำพลางเชิดหน้าขึ้นกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าปอด
ตู้ม
“มานี่มา” เสียงทุ้มต่ำจากคนใจร้ายมาพร้อมกับมือหนาที่จับเข้าที่เอวบางแล้วดึงฉันให้เข้าไปใกล้เขา เทารวบเอวฉันไว้ด้วยแขนข้างเดียวโดยที่อีกข้างยกขึ้นมาใช้มือปาดหยดน้ำตามใบหน้าฉันให้ออกไป
“แค่กๆ อะ แค่ก ไอ้บ้า” ฉันไอแค่กๆ พร้อมกับทุบไหล่หนาอย่างแรงแต่เทาไม่สะทกสะท้าน เขาปล่อยให้ฉันลงแรงบนไหล่เขาโดยที่ไม่ได้ห้าม
“ฝึกไว้หน่อย เผื่อตกน้ำไปแล้วผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นคุณจะได้ช่วยตัวเองได้”
“นายต่างหากที่น่ากลัว!”
“...”
“คอยดูนะกลับไปเมื่อไรฉันจะถอนหมั้นนาย” มือสองข้างที่กำลังทำร้ายไหล่หนาหยุดลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นเกาะไว้แทน แต่ถึงกระนั้นดวงตาที่กำลังวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะยังคงทอดไปยังนัยน์ตาสีเทาเบื้องหน้า
“ซอลลี่ ผมบอกว่าขอโทษไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ!” น้ำเสียงตะคอกกลับมาพร้อมกับแววตาดุดันที่เริ่มทอประกายความไม่พอใจ
“รู้เรื่องแต่ไม่ฟัง! ไหนนายบอกว่าชอบฉันไง...แล้วดูสิ่งที่นายทำสิ!”
แทนที่เทาจะมีสีหน้าสำนึกผิดเขากลับทำสิ่งตรงกันข้ามนั่นคือการยักไหล่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ก็คุณมันพูดไม่รู้เรื่อง”
วงแขนทั้งสองข้างของเขากระชับร่างฉันให้แนบชิดติดกันมากขึ้น ฉันเองก็ไม่กล้าปล่อยมือที่เกาะไหล่หนาอยู่เพราะกลัวจะจมน้ำ
“เหอะ” ฉันเบ้ปากพ่นลมก่อนจะเบือนหน้าหนีดวงตาดุจพญาเหยี่ยวไปอีกทาง สองมือที่โอบเอวฉันไว้ขยับเล็กน้อย ฉันถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเทากำลังสัมผัสเนื้อแท้ของฉันอยู่เพราะเสื้อยืดบางๆ ถูกแรงดันของน้ำเลิกขึ้นจนเกือบถึงหน้าอก
“ถ้าคุณยังดื้อผมจะจับคุณกดน้ำ”
ตวัดสายตามองเทาอย่างโมโหแต่เขากลับทำหน้านิ่งอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะขยับตัวไปอยู่ริมขอบสระพร้อมกับสั่งฉัน
“เอามือสองข้างจับขอบสระไว้”
“...” ฉันไม่ขยับและยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากไหล่เทา จะว่าไม่อยากทำตามที่เขาสั่งก็ใช่ กลัวจมก็ใช่เช่นกัน
“เร็วสิ” ทำสั่งเสียงดุก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งดึงมือที่เกาะไหล่เขาออกแต่ฉันขืนไว้สุดแรง เทาเลยต้องยอมแพ้
“ไม่เอา นายอยากว่ายก็ว่ายเองสิ ฉันจะขึ้นจากน้ำ”
“...”
“พาฉันขึ้นข้างบนเดี๋ยวนี้!!” ตะคอกใส่อย่างเด็กเอาแต่ใจพร้อมกับมองเขาอย่างตำหนิแต่เทากลับทำสิ่งตรงข้ามกับที่ฉันสั่ง เขาค่อยๆ ปล่อยเอวฉันออก “อย่านะ!”
ด้วยความที่กลัวว่าจะจมน้ำหากไม่มีที่ยึดฉันเลยตะหวัดขาสองข้างเกี่ยวสะโพกร่างสูงพร้อมกับแขนที่โอบรอบคอเขาแน่น กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันเป็นฝ่ายติดหนึบเขาแทน
“หึๆๆ”
“ฉันเกลียดนาย”
“เกลียดผมแต่เกาะผมแน่นขนาดนี้เนี่ยนะ”
“ก็ไม่อยากจะเกาะมากนักหรอกย่ะ” ฉันเบ้หน้าใส่เทาที่กำลังยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างมีชัย ฉันล่ะอยากเอามือตบหน้าเขาจริงๆ เลยให้ตายสิ
“โอเค...ไม่แกล้งแล้วแต่คุณต้องหัดว่ายน้ำ เผื่อคุณเผลอตกน้ำแล้วผมไม่อยู่จะได้ไม่ตาย ผมไม่อยากเป็นพ่อหม้ายหรอกนะ”
“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับคุณ”
“หัวใจผมบอก”
“แหวะ”
เขากล้าพูดเรื่องแบบนี้หน้าตายได้ยังไง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้หน้าด้านเป็นที่สุด...
จุ๊บ
O_O
ฉันมองคนที่ขโมยริมฝีปากฉันตาโต เทายักคิ้วข้างหนึ่งอย่างกวนประสาทพร้อมกับคำพูดที่ชวนให้น่าโดนตบ
“ถ้าคุณยังเถียงอีกคืนนี้ผมจะปล้ำคุณ”
“O_O!!”
“หรือว่าจะทำที่นี่ดี...” ร่างสูงไม่เพียงแต่เอ่ยปากเปล่าแต่สายตาคมยังก้มลงต่ำมองหน้าอกผ่านเสื้อยึดตัวบางที่แนบไปกับเนินอกของฉัน ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อสีอ่อนที่ใส่อยู่แทบไม่ช่วยปกปิดบราเซียร์ไร้สายสีขาวที่ใส่อยู่เลยสักนิด “ภาพเมื่อวานยังติดตาผมอยู่เลย”
“นะ นาย...” ฉันอ้าปากพะงาบๆ
“เริ่มจากเตะขาก่อนดีมั้ย ? …หรือจะจูบก่อนดี”
“...” ฉันกัดริมฝีปากที่ถูกเขาประทับรอยไว้เมื่อสักครู่ก่อนจะยอมพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย “เตะขา”
“หึๆ”
“ขึ้นไปได้เมื่อไหร่ฉันจะจัดการนายคอยดู!”
“หึๆ”
ฉันจะบ้าตาย...บ้าๆๆ ทำไมต้องใจเต้นกับสิ่งที่ยังไม่สามารถเรียกว่าจูบได้ด้วยซ้ำ...-//////-
5 ชั่วโมงต่อมา
เสียงถอนหายใจออกคล้ายคนหมดอาลัยตายอยากบนโลกใบนี้ถูกปล่อยออกมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ฉันนั่งขดตัวในผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่โดยที่ภายใต้ไร้ผ้าใดๆ ปกปิด ชุดเดียวที่ฉันมีให้สวมใส่บนเกาะแห่งนี้ก็ถูกตากไว้ริมระเบียงรวมทั้งชุดชั้นในของตัวเองด้วย และเพราะเหตุนั้นฉันถึงต้องมานั่งอุดอู้อยู่ในห้องนอนเกือบชั่วโมงแล้ว
เฮ้อ~
“จะถอนหายใจสักพันครั้งเลยมั้ย”
น้ำเสียงกวนประสาทจากคนใจร้ายเรียกให้ฉันหันไปมอง เมื่อเห็นร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงขาสั้นสีดำยืนล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างกำลังเดินมาทางเตียงที่ฉันอยู่ ฉันก็รีบรวบผ้าห่มเข้าหาตัวทันที
“...” มองเขานิ่งๆ ไม่กี่วินาทีก็ละสายตาไปทางอื่น
หึ มันน่าเจ็บใจนักที่ฉันถูกเขาบังคับให้ฝึกว่ายน้ำตั้งหลายชั่วโมง แม้ว่าตอนนี้ฉันจะลอยตัวในน้ำได้แล้วแต่ฉันก็ไม่ขอบคุณเขาหรอกนะ นายคนนี่แทบจะจับฉันกดน้ำด้วยซ้ำเวลาฉันคิดหนีขึ้นฝั่ง
“ไม่หนาวหรือไง เปิดแอร์ซะเย็นเชียว”
“ไม่ ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“...”
“...”
แม้ไม่ได้สบตากันและกันแต่ความเงียบที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง เมื่อนึกถึงริมฝีปากนุ่มของเขาที่สัมผัสริมฝีปากฉันอยู่หลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เราสองคนขึ้นมาบนเกาะนี้ หัวใจก็พลันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ กลัวว่าหากต้องมองหน้าเขาอีกสักนิด ฉันจะใจอ่อนยอมคืนดีกับเขา
“ไม่นี่มา” ร่างสูงไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูด เขากลับเดินตรงเข้ามาแล้วจับข้อมือฉันก่อนจะฉุดให้เดินตามเดือดร้อนฉันที่มีเพียงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างต้องรีบรวบผ้าไม่ให้หลุด
“ไปไหน ฉันเหนื่อยแล้วนะ”
“...”
เทาไม่ตอบแต่ลากฉันออกจากบ้านหลังโตไปยังหาดทรายสีขาว ท้องฟ้าสีหม่นบ่งบอกว่าพระอาทิตย์กำลังตกดิน ลมโหมแรงพัดกระหน่ำเราสองคนจนเส้นผมตีหน้าไปมาอย่างน่ารำคาญ เมฆครึ้มลอยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับพายุฝนกำลังจะเข้ามาแทนที่ในอีกไม่กี่ชั่วโมง
“ฝนจะตกแล้ว นายจะพาฉันออกมาข้างนอกทำไม”
“คุณอยากกลับนักไม่ใช่เหรอ” เทาพูดโดยที่ไม่หันมามองฉัน เขายังคงจูงฉันให้เดินลุยน้ำไปยังเรือที่จอดเทียบชายฝั่งไว้
ฉันฝืนตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้เขาหยุด และก็ได้ผล เทาหยุดก่อนจะตวัดสายตาเย็นชามาทางฉัน
“จะบ้าเหรอ ออกเรือตอนนี้นายไม่เห็นหรือไงว่าพายุจะเข้า แล้วไหนบอกว่าน้ำมันหมดไง!” ฉันตะคอกเขากลับอย่างโมโห ผู้ชายคนนี้นี่ต้องการอะไรกันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พอฉันบอกอยากกลับไม่ให้กลับ พอฉันไม่พูดด้วยก็ลากให้ไปนู้นไปนี่อย่างเอาแต่ใจ
“ก็คุณอยากกลับนี้”
“ใช่ ฉันอยากกลับ กลับแบบสบายๆ ไม่ใช่ไปตายกลางทะเลกับนาย!” ฉันเพิ่มระดับเสียงเมื่อลมแรงๆ ปะทะเข้าใบหน้าเราสองคน น้ำทะเลเย็นๆ ที่ข้อเท้า
“...”
ลมพายุโหมกระหน่ำตามอารมณ์ของเราสองคน เส้นผมปลิวว่อนอย่างหน้ารำคาญแต่ฉันก็ไม่สนใจที่จะจับมันทัดหู มองสบตากับนัยน์ตาสีเทาอย่างเดือดดาล นึกถึงสิ่งที่เขาทำร้ายพร้อมกับความอบอุ่นที่ละลายหัวใจฉันมันทำให้ฉันโมโหตัวเองจนอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปซะ!
และเป็นฉันเองที่ยอมแพ้ดวงตาคม ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับเตือนสติตัวเอง
ฉันกับเขาไม่มีวันญาติดีกันได้...
“ปล่อย” พูดพร้อมกับสะบัดแขนข้างหนึ่งให้หลุดจากการเกาะกุม เทาเองก็ยอมปล่อยอย่างว่าง่าย บางทีเพราะเขาคงกำลังตกใจกับท่าทีแข็งกร้าวของฉันตอนนี้ก็ได้
คำว่า ‘ชอบ’ ของเขามันทำให้ฉันหวั่นไหวอย่างไม่ควร...
ฉันไม่ควรเป็นแบบนี้...
มือสองข้างรวบผ้าห่มเข้าหาตัวแน่นเพราะลมแรงๆ กำลังทำให้ฉันตัวสั่นเบาๆ ร่างสูงที่มีเพียงเสื้อผ้าติดตัวอยู่ชิ้นเดียวดูไม่สะทกสะท้านกับอะไรทั้งปวง...ดวงตาแข็งกร้าวที่กำลังมองมา มันทำให้ฉันตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าคุณอยากเลิกกับผมนักก็ถอดแหวนทิ้งไปเลยสิ”
“!!!”
“เพราะแหวนนั้นเป็นสิ่งที่มัดเราสองคนไว้ด้วยกัน...อยากเลิกนักก็ถอดมันทิ้งไปซะ”
“!!!”
“หากคุณยังสวมไว้...ผมจะถือว่าคุณเองก็มีใจให้ผม”
คำพูดถือดีจากปากร่างสูงมันทำให้ในใจฉันเดือดปุดๆ จนแทบระเบิด ยิ่งเมื่อเทาเดินผ่านฉันกลับเขาฝั่งโดยไม่ลืมทิ้งสายตาดูแคลนไว้ให้ มันทำให้ฉันหมดความอดทน!
เฟี้ยว~
เสียงสิ่งของลอยปะทะลมข้ามหัวเทาแล้วตกลงบนพื้นทรายทำให้ขาสองข้างของเทาหยุดชะงัก
ฉันเดินตามเขาไปก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างๆ มองแหวนที่จมพื้นทรายด้วยสายตาเรียบเฉย
“...”
“แหวนนั่นไม่มีความสำคัญอะไรกับฉันเลยสักนิด”
“...”
“เราสองคนไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“...”
“นายท้าคนผิดแล้ว...จื่อเทา”
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นทันที่ฉันพูดจบประโยค ขาสองข้างก้าวยาวเข้าบ้านโดยไม่ได้สนใจผู้ชายเบื้องหลังเลยสักนิด...
1 ชั่วโมงต่อมา
ซ่า~
เสียงสายฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่ด้านนอกมากว่าชั่วโมงทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ฉันปาแหวนทิ้งไปก็ยังไม่ได้เจอเทาเลย เขาไม่ได้เข้ามาหาฉันดั่งเช่นทุกครั้ง และไม่มีทางที่ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อนแน่ๆ
เฮ้อ~
ไม่รู้ว่าวันนี้ฉันถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้ว อาจจะเป็นพันครั้งแล้วล่ะมั้ง มันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อตอนเย็น...
ฉันงี่เง่าเกินไป...ทั้งที่เทาพยายามทำดีด้วยแล้วแต่ฉันก็ยังอคติ
“ไปขอโทษดีมั้ยนะ”
ฉันลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดตรงริมหน้าต่างบานใหญ่ที่ไร้ซึ่งผ้าม่านใดๆ มาขวางกั้นเม็ดฝนที่โหมกระหน่ำอย่างหนัก ท้องฟ้ายังคงคำรามอย่างน่ากลัวจนฉันไม่คิดอยากจะออกไปด้านนอกเลยสักนิด
แหวนฉันคงถูกน้ำทะเลกับน้ำฝนพัดหายไปไกลแล้วล่ะมั้ง...
!!!
สายตาฉันถูกแช่แข็งเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่บริเวรที่เคยเป็นชายหาดเพราะบัดนี้น้ำทะเลที่ยกตัวสูงขึ้นเข้ากลืนผืนทรายไปเกือบหมด
หวังจื่อเถา!
“ตาบ้านั่นไปทำอะไรตรงนั้น...”
อย่าบอกนะว่า...
มือข้างขวาลูบนิ้วนางข้างซ้ายที่เคยมีแหวนเพรชประดับไว้ด้วยความรู้สึกใจหาย ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเห็นว่าเทาก้มๆ เงยๆ แล้วเตะน้ำไปทั่วคล้ายคนบ้าอยู่กลางผืนน้ำท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำลงมา หัวใจเต้นรัวด้วยความกังวลว่ามันจะเป็นอย่างที่คิด ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงประตูบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อสัมผัสโลหะเย็นๆ สติฉันก็กลับมา
ฉันกำลังทำอะไร...
เขาจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขาสิ...
เม้มริมฝีปากอย่างคนคิดไม่ตกก่อนที่จะยอมละมือที่จับลูกบิดอยู่ออกจากนั้นก็ค่อยๆ ถอยหลังกลับขึ้นห้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ทำเหมือนว่าฉันไม่เห็นอะไร...ทำเหมือนว่าฉันไม่รู้สึกอะไร...
----------------------------------------------
Krystal’s part
20.00 น.
มือกดรหัสประตูบ้าน...ไค ช้าๆ ในใจก็หวังว่าเขาจะยังไม่เปลี่ยนรหัส
กึก
เสียงปลดล็อกเรียกรอยยิ้มจากฉันได้เล็กน้อยเพราะว่ารหัสที่ตั้งไว้คือ ‘1024’ ซึ่งเป็นวันเกิดของฉันเอง
ภายในบ้านเปิดไฟทิ้งไว้แต่ดันเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ ไคอาจจะอยู่ในห้องเขาเพราะฉันเห็นรถของไคจอดอยู่ในโรงจอดรถ ฉันถอดรองเท้าส้นสูงออกเพื่อเปลี่ยนมาใส่สลิปเปอร์แทนแต่ดันเห็นรองเท้าผ้าใบสีชมพูของผู้หญิงวางทิ้งไว้
ถึงแม้ฉันจะยังไม่ได้เก็บของกลับคอนโดตัวเองแต่ก็มั่นใจว่าไม่เคยมีรองเท้าผ้าใบสีแบบนี้แน่นอน ความคิดบางอย่างวูบเข้ามาในหัว...
“จูเนียล...” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะไม่คิดใส่ใจอะไร ต่อให้ไคจะพาผู้หญิงคนไหนเข้ามามันก็เรื่องของเขา
เนื่องจากวันนี้ฉันว่างเลยกลับมาเก็บของที่เคยเอามาทิ้งไว้บ้านไคกลับ ทุกสิ่งในห้องยังเหมือนเดิมคล้ายกับเจ้าของบ้านไม่ได้มายุ่งกับมัน ฉันดึงกระเป๋าลากออกจากตู้เสื้อผ้าแล้วจัดการเก็บสิ่งของทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทุกอย่างก็ถูกจัดการรวบลงกระเป๋าลากใบใหญ่ได้หมด ขณะที่ฉันกำลังปิดซิบกระเป๋าเสียงเปิดประตูด้านหลังก็ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย...
“คริสตัล”
“...”
ฉันจับกระเป๋าลากแล้วมองหน้าไคที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำเงินตัวเดียวกับที่ฉันเห็นหลังจากตื่นขึ้นมาถูกเขาหลอกว่าเราสองคนมีอะไรกันแล้ว...
“ฉันมาเก็บของ”
“...”
เราสองคนมองหน้ากันนิ่งๆ จากนั้นฉันก็เมินเขาด้วยการลากกระเป๋าจะออกจากห้องแต่เมื่อถึงจุดที่ไคยืนอยู่เขากลับรั้งข้อศอกฉันไว้
“มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า”
“...”
“ผมให้โอกาสคุณนะ”
ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดแฝงความนัยแต่ก็ไม่ถามอะไรออกไปแล้วดึงข้อศอกตัวเองกลับเข้ามา
“ดูเหมือนคุณเพิ่งขึ้นเตียงมาสินะ”
“!!!”
“อย่ามาโดนตัวฉันเพราะมัน...น่ารังเกียจ”
“!!!”
“พี่คริสตัล”
ฉันละสายตาจากพื้นพรมขึ้นมองร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำเช่นเดียวกับไคเพียงแต่เป็นสีขาว เส้นผมดูกระเซอะกระเซิงและลำคอขาวเนียนมีร่องรอยแห่งความใคร่ปรากฏไว้เป็นจ้ำๆ
“สวัสดี” ฉันเอ่ยทักเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย แวบแรกจูเนียลมองมาทางฉันอย่างตกใจแต่ต่อมาดวงตาคู่ใสก็ฉายแววสะใจก่อนที่เธอจะเชิดหน้าขึ้นสูงคล้ายกับประก้าวให้ฉันรู้ว่าเธอเป็นของไคแล้ว
“ไม่คิดเลยนะคะว่าพี่คริสตัลจะกลับมาบ้านของ...แฟนเก่า” คำหลังจูเนียลเน้นย้ำชัดๆ พร้อมกับปรายตามองอย่างดูแคลน แต่เมื่อไคหันมา แววตาพวกนั้นก็จางไปคล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้น
“...”
“พี่ไคคะ...เราสองคนยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่คืนเมื่อวานเลยนะคะ...หนูหิวแล้ว” จูเนียลเดินผ่านฉันก่อนที่จะไปเกาะแขนไคแล้วซบเข้าที่อกเขาราวกับต้องการประกาศว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ
“หึ”
ฉันหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นร่องรอยสีกุหลาบตามลำคอของทั้งสองคน
“น่าสมเพชผู้หญิงอย่างเธอนะ...” พูดพร้อมกับเชิดหน้าแล้วปรายตามองทั้งคู่ “นายเองก็เหมือนกัน...นึกว่าจะหาผู้หญิงได้ดีกว่านี้ซะอีก”
“พี่คริสตัล!”
“...”
“อย่าไปใส่ใจเลยจูเนียล เรามาทำเรื่องของเราต่อเหอะ” ใบหน้าคมคายมองฉันอย่างเย็นชาก่อนจะก้มลงหาคนตัวเล็กในอ้อมแขนที่เงยหน้าขึ้นมารับจูบดูดดื่มจากเขาพอดี
...
ฉันอธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในอกไม่ถูก...คล้ายกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาบีบหัวใจฉันเป็นจังหวะช้าๆ...ช้าๆ บีบคั้นจนรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วร่าง อยากจะกรีดร้องแต่ร้องไม่ออก อยากจะหนีจากภาพตรงหน้าแต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนมอง…
ริมฝีปากของคนทั้งสองประกบกันอย่างดุเดือด ฝ่ายชายกลืนกินริมฝีปากร่างเล็กอย่างเร่าร้อนโดยไม่สนใจว่าฉันจะยืนมองทั้งคู่อยู่ด้วยซ้ำ
“พอก่อนค่ะ เกรงใจพี่คริสตัล” จูเนียลเป็นฝ่ายดันหน้าไคให้ออกไปก่อนที่ตัวเองจะหันมายักคิ้วให้ฉัน
“...”
หึ...มีความสุขกันไปเถอะเพราะอีกไม่นานมันจะไม่มีวันนี้อีก...
ขวับ
ฉันหมุนตัวพร้อมกับเดินลากกระเป๋าลงไปชั้นล่างโดยไม่คิดจะหันไปอำลาทั้งคู่เลยสักนิด เมื่อพ้นสายตาของทั้งสองคนฉันก็เอามือเท้ากำแพงบ้านไว้พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ
ไม่เป็นไรนะคริสตัล...ไม่เป็นไรนะ
วันต่อมา
ฉันมองข้อความที่ส่งตรงมาจากเพื่อนชายเพียงคนเดียวแล้วลอบยิ้มออกมา แต่ดูเหมือนนาอึนที่อยู่ข้างๆ จะสังเกตเห็นถึงได้กระทุ้งศอกใส่สีข้าง
“ยิ้มอะไรจ๊ะแม่คนสวย”
“จงออบน่ะ ส่งมาบอกว่าเขาหาทางได้แล้ว”
“หืม เรื่องนั้นน่ะเหรอ นี่คิดจะทำจริงๆ ใช่มั้ย ?” นาอึนมองฉันแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง
“อื้อ...ลงโทษผู้ชายเจ้าชู้หน่อยนะ เขาจะได้รู่วาฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาปั่นหัวได้ง่ายๆ”
“ระวังจะโดนเอาคืนล่ะ ไคก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะปั่นหัวได้ง่ายๆ เหมือนกันนะ”
“...”
“แล้วเธอไม่มีความรู้สึกให้เขาหน่อยเหรอ...”
ฉันสบตากับนาอึนแล้วหยุดยืนกลางทางเดินย่านเมียงดงเป็นผลให้นาอึนหยุดด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่หรอก”
“...”
“ระหว่างฉันกับไคมันไม่มีอะไรเลย”
“จริงเหรอ ?”
“...”
“แน่ใจนะว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด”
“...อื้อ”
ฉันหลบสายตาเพื่อนแล้วออกเดินอีกครั้ง ยกชาเขียวปั่นขึ้นจิบเล็กน้อย หวังให้ความเย็นของมันทำให้ใจฉันสงบลงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เอ๊ะ!
จูเนียล!
“ฉันว่า...ฉันต้องจัดการอะไรสักอย่าง”
“หือ ?” นาอึนมองฉันอย่างแปลกใจก่อนที่จะไล่สายตาไปทิศทางเดียวกับฉัน “นังเด็กนั่นหนิ ตายแล้วมีแรงลุกออกจากเตียงด้วยเหรอเนี่ย”
“แกช่วยดูหน่อยสิว่ามาคนเดียวหรือเปล่า”
“น่าจะนะ เหมือนมาช็อปคนเดียว”
ฉันพยักหน้ารับคำนาอึนก่อนที่จะออกเดินไปยังจุดหมายช้าๆ โดยที่มีนาอึนเดินตามหลังมาด้วย จูเนียลที่กำลังเลือกชุดอยู่ในร้านแบรนด์ชื่อดังหันมาเจอฉันก็ตกใจแต่แค่วินาทีเดียวเท่านั้นแหละ ใบหน้าที่เคยคิดว่าใสซื่อก็เปลี่ยนเป็นนางร้ายทันที
“พี่คริสตัลชอบแบรนด์นี้เหมือนกันเหรอคะ”
“ใช่...ไม่คิดว่าเธอจะชอบเหมือนกัน” ฉันบอกเสียงนิ่งๆ พลางส่องสายตาไปทั่วร้านคล้ายกับกำลังเลือกหาชุดที่อยากได้
“อ้าว คุณจอง สวัสดีค่ะ” พนักงานหญิงชุดดำตรงเข้ามาฉันทันทีที่เธอเห็นว่าฉันอยู่ในร้าน ฉันยิ้มรับแล้วโค้งให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณคิม”
“คุณจองมาถูกวันพอดีเลยค่ะ วันนี้ร้านเรามีคอลเลคชั่นใหม่เพิ่งมาถึง ถ้าคุณจองสนใจขอเชิญที่หลังร้านเลยค่ะ”
“เสียดายจังเลยนะคะพอดีวันนี้ฉันไม่ได้มาซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองน่ะค่ะ แต่กำลังหาชุดเหมาะๆ ให้น้องคนนี้” ฉันปรายตาไปทางจูเนียลที่ยืนทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “วานคุณคิมช่วยเลือกชุดที่เหมาะกับน้องให้หน่อยได้มั้ยคะ”
“อ้อ ได้ค่ะ ไม่มีปัญหารอสักครู่นะคะ” เธอพูดพร้อมกับมองจูเนียลเพื่อวัดไซส์อยู่สักพักก่อนจะหันหลังแต่เพื่อนฉันก็เรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวค่ะ ขอชุดที่โชว์เนื้อโชว์หนังเยอะๆ หน่อยนะคะ พอดีน้องเขาจะใส่ไปเพื่อยั่วผู้ชายโดยเฉพาะ แบบเรียบร้อยไม่ต้องเอามานะคะ”
ฉันรู้ว่าเพื่อนตัวดีแกล้งทำเป็นพูดเสียงดังให้คนทั้งร้านได้ยิน มันได้ผลเมื่อแทบทุกสายตามองมายังเราสามคน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง พนักงานคิมพยักหน้ารับอย่างงงๆ ก่อนจะเดินเข้าหลังร้านไป
“พวกพี่ๆ คิดจะทำอะไรกันน่ะ” จูเนียลถามเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“หูหนวกหรือไง ถึงฟังไม่ออกว่าเพื่อนฉันตั้งใจจะซื้อชุดให้เธอ” นาอึนกอดอกแล้วจิกทั้งตาและน้ำเสียงใส่นาอึน
“ไม่จำเป็น ฉันมีเงินซื้อของฉันเอง พวกพี่ไม่ต้องเข้ามายุ่ง!”
ท่าทางคงจะใกล้หมดความอดทนแล้วล่ะมั้งถึงได้เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองจาก ‘หนู’ เป็น ‘ฉัน’
“แค่ซื้อชุดให้ทำไมต้องโกรธด้วย ปกติฉันไม่ค่อยใจดีแบบนี้หรอกนะ”
“หึ ไม่จำเป็นหรอกมั้งคะ...เพราะแค่ได้พี่ไคมาฉันก็พอใจแล้ว” จูเนียลมองฉันด้วยสายตาเหยียดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสมเพชโดยที่ตั้งใจให้มันดังทั่วร้าน “ขอแสดงความสมน้ำหน้าด้วยนะคะที่พี่ไคไม่เลือกคนสวยๆ อย่างพี่!!!”
“!!!”
“พี่คงไม่รู้สินะคะว่าตัวเองน่ะถูกพี่ไคหลอกมาตั้งแต่ต้น..หึ พี่เองก็โง่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ถูกพี่ไคหลอกนั้นแหละ คงคิดว่าตัวเองสำคัญจนพี่ไคต้องง้อสินะ เหอะ น่าสมเพช”
“!!!”
“แล้วก็ไม่ต้องมาสงสารซื้อชุดให้ฉันหรอกค่ะ พี่ไคให้มาเยอะแล้ว...ทั้งตัวและเงิน!”
“นังบ้า!/มาแล้วค่ะ” เสียงนาอึนกับพนักงานดังขึ้นพร้อมกันแต่คนละอารมณ์ พนักงานคิมลากราวที่แขวนเสื้อผ้าเนื้อดีมาเจ็ดแปดชุด “เอ่อ...อยากดูชุดไหนก่อนดีคะ”
“...”
บรรยากาศมาคุเข้าครอบคลุมทั้งร้าน แม้แต่พนักงานและลูกค้าคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องยังไม่กล้าเอ่ยอะไร ฉันมองหน้าจูเนียลที่กำลังยิ้มเยาะให้ฉันอย่างเจ็บใจ นาอึนที่อยู่ข้างๆ ดูเดือดพอๆ กับฉัน บางทีเพื่อนฉันอาจจะเข้าไปตบแก้มพองๆ นั่นแล้วหากพนักงานไม่เข้ามาซะก่อน
“ไหนๆ พี่คริสตัลก็ทำตัวเป็นแม่พระแล้ว...หนูก็จะรับไว้แล้วกันนะคะ” จูเนียลพูดพร้อมกับเดินไปเลือกดูชุดนั้นชุดนี้ไปด้วย “สวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะพี่คริสตัล ใส่โชว์อย่างนี้พี่ไคต้องชอบแน่เลย พี่คริสตัลเอาสักชุดมั้ยคะ ?”
“เอาทั้งราวมาให้ฉัน” พูดเสียงเย็นพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตสีทองให้พนักงานอย่างไม่ใส่ใจในราคาสักนิด
“คะ ?”
“ฉันบอกว่าเอาทั้งราว...ใส่ถุงให้คุณผู้หญิงคนนี้ด้วย”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานตาแวววาวทันทีที่รู้ว่าจะได้รับเม็ดเงินก้อนใหญ่จากเสื้อผ้าทั้งแปดชุดตรงหน้า เธอรับบัตรเครดิตในมือฉันก่อนที่จะเข้าไปจัดการเรื่องชุดให้ฉัน
“ขอบคุณนะคะพี่คริสตัล พี่ไคต้องดีใจแน่ๆ ที่มีแฟนเก่าใจดีแบบพี่คริสตัล”
“ขนาดแฟนฉันยังให้เธอได้เลย เรื่องเงินเล็กน้อยแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...จริงมั้ยนาอึน ?”
“อื้อ อยากได้มากกว่านี้มั้ยล่ะจ๊ะ บ้าน...รถ...เงิน...ค่าเทอม...บอกพี่คริสตัลคนนี้ได้เลยนะจ๊ะจะได้ไม่ต้องไปถวายตัวให้ผู้ชายง่ายๆ อีก!”
“แก นังบ้า!!”
“พูดความจริงแค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วย หึ อย่าคิดว่าหน้าใสๆ อย่างเธอจะมาหลอกเพื่อนฉันได้ ผู้ชายแบบไคก็เหมาะกับผู้หญิงง่ายๆ แบบเธอนั่นแหละ ขอบอกว่าคริสตัลไม่เสียใจเลยสักนิด!” นาอึนพูดพร้อมกับเดินตรงไปหาจูเนียลที่ยืนหน้าขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ มือเล็ก ๆ สองข้างกำเข้าหากันแน่น
“นาอึนไม่เอาน่า น้องอายเป็นนะ ดูสิคนมองใหญ่แล้ว”
คำพูดฉันคล้ายจะห้ามเพื่อนก็จริง แต่สิ่งที่ฉันแสดงออกคือการยืนกอดอกมองจูเนียลที่เดือดปุดๆ ด้วยสายตาเรียบเฉยพร้อมกับจิบชาเขียวปั่นไปพลาง
“อุ้ย โทษที นึกว่าแย่งแฟนชาวบ้านจนไม่มียางอายแล้วซะอีก ฮ่าๆ”
เพี้ยะ!
!!!
ทั้งร้านตกใจเมื่อเห็นจูเนียลยกมือขึ้นตบแก้มนาอึนเข้าเต็มแรงจนเพื่อนฉันหน้าหัน นาอึนที่เพิ่งถูกตบไปหมาดๆ ลูบแก้มตัวเองเบาๆ พร้อมกับตวัดสายตาขึ้นมองหน้าจูเนียลอย่างโมโห และก่อนที่เธอจะได้เข้าไปเอาคืนฉันก็รั้งแขนเพื่อนไว้ก่อน
“ที่บ้านไม่สอนหรือไงว่าไม่ควรยุ่งเรื่องชาวบ้าน” จูเนียลที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนมองรอยแดงๆ บนหน้าเพื่อนฉันอย่างสะใจ
“!!!”
“ชุดได้แล้วค่ะ คุณจอง เอ่อ...”
ฉันหันไปเซ็นชื่อก่อนที่จะรับของมาถือด้วยใบหน้านิ่งๆ จากนั้นก็ยื่นทั้งแปดถุงไปให้จูเนียลด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ขอบคุณค่ะ...หนูจะตอบแทนด้วยการดูแลพี่ไคเป็นอย่างดี”
“...”
“ไปล่ะค่ะ...แล้วก็ขอโทษด้วยพอดีเมื่อกี้อารมณ์มันพาไป”
“...”
จูเนียลเหยียดยิ้มมุมปากอย่างนางร้ายก่อนจะให้ไปจิกตาใส่นาอึนที่ยืนเดือดปุดๆ อยู่ข้างๆ ฉัน จากนั้นเธอก็ออกไป ฉันหันหน้ามองเพื่อนที่กำลังมองตามร่างบางออกไปอย่างเครียดแค้น
“ไปกันเถอะ” ฉันบอกอย่างรู้ทัน
ซนนาอึน...ไม่มีทางปล่อยให้คนมาทำร้ายเธอฟรีๆ แน่ๆ
ผลัก
“อุ้ย! Sorry” นาอึนกล่าวขอโทษร่างเล็กที่ถูกชน (อย่างความตั้งใจ) ด้วยน้ำเสียงปั้นแต่งให้ดูเหมือนรู้สึกผิดเต็มที่ “อ้าว...จูเนียลเองเหรอ”
จูเนียล...ที่นั่งจมกองถุงเสื้อผ้าอยู่บนพื้นตวัดสายตามองฉันสองคนอย่างโกรธเคืองก่อนที่จะพยายามลุกขึ้น มือข้างหนึ่งของฉันยื่นไปหาเธอ จูเนียลเหมือนลังเลว่าจะรับความช่วยเหลือจากฉันดีมั้ย แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจับมือฉันไว้
ฉันยิ้มมุมปากให้เธอเล็กน้อยก่อนจะฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นแต่...
“โอ้ย!!”
ฉันผ่อนแรงที่ช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นส่งผลให้จูเนียลลงไปนั่งที่พื้นอีกครั้ง ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ตามแหล่งช็อปชื่อดังอย่างเมียงดงหันมามองเราสามคนอย่างให้ความสนใจ มีใครบ้างจะไม่สนใจ...เราทั้งสามคนหน้าตาดีและดูเหมือนกำลังมีเรื่องกันอยู่อีกต่างหาก
ฉันเหยียดยิ้มให้จูเนียลอย่างสะใจก่อนจะก้มลงไปหยิบถุงเสื้อผ้าราคาแพงขึ้นมาเทใส่ผู้หญิงคนนี้ท่ามกลางสายตาประชาชน
“กรี๊ด พี่คริสตัล พี่ทำอะไรน่ะ!”
ฉันกับนาอึนช่วยกันเทเสื้อผ้าราคาแพงใส่เธอโดยไม่คำนึงถึงความเสียดายเลยสักนิด กลายเป็นว่าจูเนียลนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นโดยมีเสื้อผ้าพวกนี้คลุมหัว
หึ ดูเหมือนตัวตลกดีนะ…
เสียงฮือฮารอบข้างไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกแย่เลยสักนิด มันกลับทำให้ฉันรู้สึกสะใจเสียด้วยซ้ำที่มีคนเห็นฉากนี้เยอะๆ
ฉันมองหน้าจูเนียลด้วยสายตาเย็นชาเมื่อเธอเอาเสื้อผ้าออกจากหัวและยังไม่ทันที่จูเนียลจะลุก ชาเชียวปั่นกว่าครึ่งแก้วก็ถูกสาดใส่ใบหน้าหวานอย่างจัง
“กรี๊ด!”
“หึ เสื้อผ้าสวยๆ พวกนั้นไม่เหมาะกับคนจิตใจต่ำๆ แบบเธอหรอก” ฉันเดินเข้าไปใกล้แล้วส้นสูงกว่าสี่นิ้วขยี้เสื้อผ้าพวกนั้นต่อหน้าต่อจูเนียลอย่างไม่ใยดีในเม็ดเงินที่เสียไป “อย่าคิดมาเทียบชั้นกับฉัน...”
ฉันนั่งลงยองๆ ระดับเดียวกับจูเนียลก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างๆ ใบหูจูเนียลให้ได้ยินกันสองคน “เพราะอีกไม่นาน...เธอได้ดังกว่าฉันแน่”
“มะ หมายความว่าไง”
ฉันไม่ตอบคำถามและยักไหล่หนึ่งที่ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามปกติ นาอึนที่อยู่ข้างๆ สบตากับฉันแวบหนึ่งก่อนที่ฉันจะพยักหน้าให้เธอเบาๆ
“อ๊าย!”
ฉันถอยออกมาดูนาอึนที่กระชากผมยาวๆ ของคนบนพื้นจนหน้าหงายขึ้นก่อนที่เพื่อนฉันจะจัดการเทมอคค่าปั่นที่ซื้อมาพร้อมกับชาเขียวปั่นใส่หน้าจูเนียลไปเต็มๆ
“วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปโดยไม่แตะต้องใบหน้าสวยๆ นี่...แต่ถ้าเจอกันอีก ฉันไม่รับรองความปลอดภัยเพราะฉะนั้นอย่ามาให้ฉันเจอหน้าอีก เข้าใจมั้ย!!”
“กรี๊ด ไอ้พวกบ้า คอยดูนะฉันจะฟ้องพี่ไค!” จูเนียลที่ตอนนี้ทั้งหน้าทั้งผมเลอะไปด้วยน้ำปั่นสีเขียวและสีน้ำตาลดูน่าตลกจนฉันหลุดยิ้มอย่างสะใจ
“ฉันถามว่าเข้าใจมั้ย!!” นาอึนตะคอกพร้อมกับผลักหัวร่างเล็กอย่างแรงจนเธอเกือบล้มไปนอนกับพื้น
“ไปเถอะ...เดี๋ยวเธอจะดังไปมากกว่านี้” ฉันแตะข้อศอกเพื่อนที่กำลังหายใจเข้าออกอย่างแรงด้วยโทสะก่อนจะรั้งให้นาอึนถอยออกมา
“คอยดูนะ ฮึก ฉันจะจัดการพวกแกให้หมดทุกคน ฮือ~” จูเนียลทั้งร้องไห้และตะโกนด่าไล่หลังเราสองคนที่เดินมาได้เพียงสามก้าว แต่สิ่งที่ทำให้ฉันกับนาอึนหยุดไม่ใช่คำขู่ของเธอ หากแต่เป็น...
ไค
ดวงตาตกใจของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันมองไคอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เจ้าของใบหน้าคมคายจะขยับปากช้าๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดขั้วหัวใจ...
“ฉันว่าคนที่จิตใจต่ำน่าจะเป็นเธอกับเพื่อนของเธอมากกว่านะ...คริสตัล”
-------------------------
มาแล้ว ^^
ตอนนี้เทาซอลอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน ฮ่าๆ ต้องเข้าใจน้องซอลหน่อย~
คนกำลังหวั่นไหวแต่ไม่ยอมรับก็งี้ คิๆ
สำหรับไคตัลก็ยังรุนแรงเหมือนเดิม...และจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณนักอ่านและทุกคอมเม้นต์ค่ะ
ความคิดเห็น