ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #22 : [[ It's over ]]: C T 20 // Up

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.22K
      30
      30 มิ.ย. 56













     

           “จะไปไหน”

           “!!!

     

           จูเนียลที่กำลังวิ่งตามไคออกจากงานถึงกับหยุดชะงักเมื่อเจอสามสาวเข้ามาขวางทาง

           ซูจี นาอึนและซอฮยอนยืนกอดอกมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรจนทำเอาจูเนียลไม่กล้าขยับไปไหน ทั้งสามขยับเข้าไปใกล้อย่างพร้อมเพียง และเมื่อได้จังหวะ นาอึนกับซอฮยอนก็รีบเข้าไปจับไหล่ของจูเนียลไว้

     

           “พวกแกทำอะไรน่ะ!

           “แก...? ยัยเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ซูจีทวนคำเสียงสูงก่อนจะจิกตาใส่จูเนียลอย่างน่ากลัว จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองเป็นสัญญาณให้รีบพาตัวออกไปเพราะเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้าซะก่อน

           “กระ...” จูเนียลแทบจะหยุดเสียงกรี๊ดของตัวเองไว้ไม่ทันเมื่อเจอเข้ากับปลายแหลมคมของคัตเตอร์ขนาดเล็กในมือซูจี

           “เงียบ...ถ้าไม่อยากหน้าเละ”

           “!!!

     

           เมื่อเห็นว่าเหยื่อเงียบแล้วทั้งสามก็รีบฉุด...เอ้ย จูงจูเนียลมายังรถของซูจีที่จอดไว้ไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะจัดการผลักร่างเล็กกว่าขึ้นเบาะหลังอย่างรวดเร็ว

     

          ผลัก  

     

           “พวกแกทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ไอ้พวกบ้า!

           “หึ ก็ไม่ทำอะไรมากหรอก แค่จะเอาคืนที่เคยตบฉันไว้น่ะสิ” นาอึนพูดพร้อมกับเข้าไปนั่งประกบข้างซ้าย ซอฮยอนขึ้นมานั่งข้างขวา ส่วนคนขับรถอย่างซูจีเหยียบคันเร่งออกจากที่จอดทันทีที่ทั้งสองปิดประตู

           “ปล่อยนะ ฉันจะฟ้องพี่ไค!

           “ก็ลองดูสิ” ซอฮยอนพูดพร้อมกับบิดเนื้อที่แขนจูเนียลอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงคนไหนเท่าจูเนียลมาก่อนเลยสักครั้ง ผู้หญิงคนนี้ตีสองหน้าเขาหาคริสตัล แถมยังมาแย่งแฟนเพื่อนเธออีก อย่างนี้ใครมันจะไปยอม ไอ้ผู้ชายก็เหมือนกัน...เหอะ จูเนียลก็ไม่เห็นจะสวยเท่าไหร่เลย อย่างน้อยก็น้อยกว่าคริสตัลเพื่อนเธอก็แล้วกัน

           “โอ้ย!

           “ภาวนาให้ตัวเองรอดจากวันนี้ไปได้ก่อนเถอะ” ซูจีบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เธอกระตุกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างสะใจที่จะได้แกล้งคน หึ วันนี้แหละยัยจูเนียลจะได้รู้แน่ว่าอะไรควรแตะ อะไรไม่ควรแตะ

     

           แน่นอนว่าเธอหมายถึง...จองคริสตัล

     

          ปิ้นนนนนนนนนน!

     

          ปิ้นๆๆๆ

     

          และ...

     

          เอี๊ยดดดดดดดด

     

          เสียงแตรจากมือซูจีที่ดังติดกันรัวๆ เกิดขึ้นเพราะถูกรถหรูเข้าประกบทั้งสองข้าง ก่อนที่จะต้องรีบเหยียบเบรกมืออยู่ดีๆ มีรถอีกคันเข้ามาจอดขวางทางด้านหน้าไว้

     

           “บ้าเอ้ย!” เสียงสบถจากใบหน้าหวานดังขึ้นหลังจากถูกปาดหน้าด้วยรถยนต์สุดหรูสามคัน อยู่ดีๆ เจ้ารถพวกนี้ก็เข้ามาวิ่งขนาบข้างแถมยังต้อนเธอให้จนมุมด้วยการตีวงล้อมเป็นวงกลมจนซูจีไม่สามารถขับไปไหนได้อีกต่างหาก โชคดีที่ไม่มีรถวิ่งมาเลยทำให้ให้ไม่เกิดอุบัติเหตุและโชคดีที่ทักษะการขับรถของเธอมันเทียบเท่านักแข่งรถ

           “รถใครน่ะ” ซอฮยอนถามด้วยสีหน้าตกใจที่เห็นรถจอดล้อมรถของพวกเธอไว้ ยิ่งเห็นว่าแต่ละคันเป็นรถนอกบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของรถได้เป็นยังดี ก็ยิ่งสงสัยว่าเจ้าของรถพวกนั้นมีธุระอะไรกับพวกเธอ

           “นั่นมัน...” ซูจีถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างสูงที่ซ่อนใบหน้ากว่าครึ่งภายใต้แว่นกันแดดสีดำ

           “พี่แอล...พี่เซฮุน...พี่ลู่!!” จูเนียลถึงกับตะโกนอย่างดีใจที่เห็นทั้งสามเดินเข้ามาหารถคันนี้จากสามมุม อย่างนี้สิถึงจะหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย นึกว่าตัวเองจะต้องตายคาฝ่ามือยัยพวกนี้ซะแล้ว

           “เงียบปากซะ!” ซูจีที่กำลังอารมณ์เสียสุดๆ ถึงกับตะโกนสั่งให้จูเนียลหุบปากอย่างน่ากลัว จนคนถูกว่าถึงกับกัดฟันตัวเองด้วยความโกรธเพราะทำอะไรไม่ได้

     

          คอยดูเถอะลงจากรถเมื่อไหร่เธอจะใส่ความยัยพวกนี้ให้มดเลย จูเนียลคิดพลางลอบยิ้มอย่างคนมีแผน

          

           “พวกนั้นมาได้ไง” นาอึนที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงงระคนตกใจ เธอมั่นใจว่าตอนออกจากห้องโถงจนกระทั่งถึงตัวรถไม่มีใครเห็นพวกเราเลยสักคน

           “...”

     

           ไม่มีใครในที่นี้สามารถให้คำตอบนาอึนได้ สามสาวนั่งนิ่งมองผู้ชายร่างสูงทั้งสามคนเข้ามาใกล้รถเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่เมื่ออีกไม่ถึงสามก้าวแอลก็จะเข้ามาประชิดตัวรถ ซูจีก็เปิดประตูฝั่งคนขับออกไปอย่างแรง

     

           “มีอะไร” ซูจีถามพลางกอดอกมองผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียด “...ฉันจำได้ว่าเราไม่ได้นัดกัน”

           “ถอยไป” แอลไม่สนใจสิ่งที่ซูจีพูดแล้วผลักร่างบางเบาๆ ให้หลบ ก่อนที่เขาจะชะโงกหน้าเข้าไปในรถ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ต้องการแล้วแอลก็ผละออกมายืนประจันหน้ากับซูจีต่อ

           “ขึ้นรถ!

           “!!!

           “ฉันสั่งให้ขึ้นรถ...ไม่ได้ยินหรือไง”

     

           ซูจีทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอผู้ชายเอาแต่ใจสั่งให้เธอขึ้นรถ เธอไม่สามารถเดาอารมณ์ของแอลได้เลยสักนิดเพราะเขาใส่แว่นกันแดดปิดบังหน้าต่างของหัวใจเอาไว้

     

           “นี่ จะลากฉันไปไหน ปล่อยนะ ไอ้ผู้ชายสกปรก”

     

           เมื่อหันไปมองข้างหลังซูจีก็เห็นว่าซอฮยอนถูกเซฮุนลากออกมาด้านนอก ส่วนอีกฝั่งก็ไม่ต่างกันเพียงแต่นาอึนถูกลู่ฮานแบกขึ้นไหล่เท่านั้นเอง

     

           “ฝากด้วย” ลู่ฮานบอกเพื่อนพลางหันหลังเดินขึ้นรถตัวเองท่ามกลางเสียงโวยวายจากนาอึน

           “คราวนี้ ไอ้ไคมันต้องตอบแทนพวกเราอย่างสาสม” เซฮุนว่าพลางหมุนตัวแล้วลากซอฮยอนที่กำลังโวยวายและก่นด่าเขาไปขึ้นรถ แม้ว่ามันจะน่าหนวกหู แต่เมื่อคิดถึงรางวัลที่คาดว่าน่าจะได้จากไคแล้วเขาก็ยอมทนๆ ฟังเสียงแหกปากจากผู้หญิงที่ชื่อซอฮยอน

           “แล้วเจอกัน” แอล

     

           ซูจียืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความงุนงง เธอตกใจจนไม่ได้เอ่ยปากห้ามผู้ชายสองคนนั้นที่ลักพาตัวเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผู้ชายพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่!

           เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นพร้อมๆ กันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ก่อนที่เจ้าของรถจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

     

           “ไง...เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ” แอลหันมาหาซูจีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พลางถอดแว่นกันแดดออก

           “นายทำอะไร มายุ่งอะไรด้วย” ซูจีถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่คม

           “ก็แค่ขัดขวางสิ่งที่พวกเธอกำลังทำไง”

           “...”

           “ร้ายนักนะ วางแผนทำร้ายคน”

     

           ซูจีขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจที่แอลมองแผนการเธอออก แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันจะเกินจริงไปหน่อยก็ตาม พวกเธอไม่ได้ลักพาตัวจูเนียลไปทำร้ายสักหน่อย แค่ต้องการสั่งสอนอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง(?)

     

           “ขึ้นรถสิ” แอลสั่งเสียงเข้ม ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตอบเสียงแหลมๆ จากจูเนียลก็ดังขึ้นมาซะก่อน

           “พี่แอล~ ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนูได้ทันเวลา ฮึก”

     

           จูเนียลที่เพิ่งออกมาจากรถร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเข้ามาเกาะแขนแอลไว้พลางซุกหน้ากับน้ำตาปลอมๆ ลงบนอกแกร่ง ให้มันรู้ไปสิว่าผู้ชายคนไหนจะทนใจแข็งหากเห็นน้ำตาของผู้หญิง...เสร็จแน่ยัยซูจี

     

           “ฮือ~ พี่แอลต้องจัดการให้หนูนะคะ พี่ซูจีเขาบีบแขนหนูเจ็บไปหมดเลย ฮึก ดูสิ เขียวเลย ฮึก”

     

           ซูจีมองใบหน้าที่เธอเคยคิดว่าน่ารักด้วยสายตารังเกียจ ยิ่งเห็นว่าจูเนียลทำตัวออเซาะใส่ผู้ชายที่เธอรัก มันก็ยิ่งทำให้เลือดขึ้นหน้าจนอยากจะเข้าไปกระชากผมเธอเข้ามาตบซ้ายตบขวาระบายความร้อนในอก

     

           “ยัยตอแหล!” ซูจีโพล่งออกไปเมื่อเห็นว่ายัยนั่นลอบส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ ยัยนี้มันชักจะกวนโมโหมากขึ้นทุกที เหอะ

           “ฮึกๆ พี่แอลต้องช่วยหนูนะคะ พี่ๆ พวกนี้ว่าหนูแถมยังทำร้ายร่างกายหนูตอนอยู่บนรถด้วย พวกพี่เขาขู่ว่าจะฆ่าหนูถ้าหนูบอกพี่ไค ฮือ~ หนูกลัว”

           “...”

           “ยัยบ้า ตายซะเถอะแก!

     

           ว่าแล้วซูจีก็เข้าไปกระชากผมนังเด็กแก่แดดมาใกล้ตัวก่อนจะโยกไปโยกมาท่ามกลางความตกใจของผู้ชายอีกคน ซูจีผลักร่างเล็กกว่าลงพื้นแล้วขึ้นคร่อมก่อนที่จะลงแรงบนใบหน้าหวาน

     

           “ตายซะเถอะแก!!

     

          เพี้ยะ

         

          “โอ้ะ...”

     

           เพี้ยะ!

     

           คนที่นั่งคร่อมอยู่ลงมือบนแก้มทั้งซ้ายและขวาอย่างแรงจนคนที่นอนออยู่บนพื้นถึงกับเลือดซิบที่มุมปาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สาแก่ใจ มือสองข้างเข้ากุมเส้นผมของจูเนียลไว้ก่อนจะเขย่าไปมาอย่างรุนแรง

     

           “แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกลอยนวลไปเหมือนคริสตัลงั้นเหรอ!

           “กรี๊ด เจ็บนะ! ปล่อย!

           “ปล่อยแน่ถ้าได้เห็นแกตายซะก่อนน่ะ” พูดจบซูจีก็กำหมัดง้างขึ้นสูงก่อนที่จะทิ้งแรงลงบนใบหน้าคนใต้ร่าง...หากแต่ หมัดนั้นถูกหยุดด้วยมือหนา

           “พอได้แล้ว” คำพูดมาพร้อมกับแขนแกร่งที่เขาโอบรอบเอวซูจีแล้วรั้งให้ร่างบางลุกขึ้นมายืนตามเดิม “นี่มันกลางถนนนะ”

           “หึ เป็นห่วงกันมากเหรอไง”

           “ขึ้นรถไป” แอลสั่งเสียงดุไม่แพ้แววตาที่มองมายังซูจี “จะขึ้นรถดีๆ หรือให้ฉันอุ้ม...อย่าให้ต้องพูดมากได้มั้ย”

           “เหอะ ก็ได้” ซูจีเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับรับคำอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะปรายตาไปมองจูเนียลที่กำลังลุกขึ้นยืน “อย่าคิดว่าจะรอดล่ะ”

           “ซูจี!

           “อะไร! นายก็เหมือนกันมายุ่งเรื่องของฉันทำไม”

           “...”

           “จำไว้นะ...ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็เลิกยุ่งกับไคซะ กรี๊ด! แอล ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”

     

           แอลแบกซูจีขึ้นบ่าแล้วก้าวยาวไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะจับซูจียัดเข้าไปในเบาะแล้วปิดประตูเสียงดัง จากนั้นตัวเองก็ก้าวขึ้นมานั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว

     

           ปังๆๆ

     

          จูเนียลเคาะกระจก แอลจึงลดกระจกลง

     

           “พี่แอลจะไปไหนคะ ทำไมพี่แอลต้องพานังบ้านั่นไปด้วย”

           “แล้วแกจะยุ่งอะไร” ซูจีแหวอย่างอารมณ์เสีย ยัยนั่นกำลังทำเหมือนว่าผิดหวังที่เห็นแอลทิ้งตัวเองแล้วมากับเธอแทน

           “จูเนียล เอากุญแจรถไป ขับกลับให้พี่ด้วย”

           “ไม่ค่ะ พี่แอลจะไปไหน พี่แอลจะทิ้งจูเนียลกลางถนนไม่ได้นะคะ” จูเนียลเริ่มโวยวายเพราะเธอกำลังรู้สึกเสียหน้า ยังดีที่แถวนี้ไม่มีรถขับผ่าน เมื่องั้นล่ะก็เธอคงต้องรู้สึกอับอายจนมากไปกว่านี้แน่

     

           ดูท่า...พี่แอลกับยัยซูจีนี่จะมีอะไรๆ ซ่อนอยู่ในก่อไผ่ จูเนียลคิดอย่างสงสัยแต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร พี่แอลก็โยนกุญแจรถมาให้พร้อมกับขับออกไปทันที

     

           “กล้าทำกับฉันอย่างนี้ได้ไง!” จูเนียลรู้สึกเจ็บใจจนแทบอยากจะระเบิดเสียงซะตรงนี้ แต่เธอก็ยอมกล้ำกลืนความรู้สึกเหล่านั้นลงคอก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าไปยังรถของแอล

     

          เบซูจี....แกเป็นรายต่อไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

          ซูจีกับแอลนั่งรถมาคู่กันได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว หากแต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนเริ่มพูดก่อน ซูจียังจำได้ดีถึงวันนั้นที่เขาพูดคำพูดแสนโหดร้ายกระทบจิตใจจนเธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง แม้กระทั่งตอนนี้ก็เช่นกัน...

     

           “จะเงียบไปถึงเมื่อไหร่” แอลเป็นฝ่ายที่ทนความเงียบไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามผู้หญิงข้างกายด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ

           “...”

           “ไม่สงสัยเหรอว่าฉันจะพาเธอไปไหน”

           “...”

           “นี่! อย่าให้ต้องโมโหได้มั้ย เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวหรอก!” แอลเริ่มขึ้นเสียง

           “เหอะ พวกนายมันโง่ที่ดูผู้หญิงไม่ออก”

           “หมายถึงจูเนียล ?” แอลละสายตาจากถนนหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่จะกลับไปมองถนนข้างหน้าต่อ

           “ใช่”

     

           จริงๆ แล้วสิ่งที่ซูจีพูดไม่ได้หมายถึงเรื่องจูเนียลอย่างเดียว แต่เธอต้องการจะสื่อให้เขารู้ว่า...เขามันโง่ที่ดูเธอไม่ออกว่าเธอรักเขา ไม่ใช่ไค!

     

           “เธอคิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไง...ขนาดเธอฉันยังดูออก”

           “หมายความว่าไง ?

           “ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากว่าผู้หญิง”

           “ทีนายยังว่าฉันเลย”

           “ก็เธอเป็นข้อยกเว้น...สำหรับฉันเธอเป็นหมาก ไม่ใช่ผู้หญิง”

           “...”

           “...”

           “...”

     

           ใช่สินะ เขาเข้ามาหาเธอด้วยเกม ผู้หญิงที่ยอมนอนกับเขาง่ายๆ แอลก็คงเห็นเธอเป็นของเล่นแก้เบื่อของเขาเท่านั้น

     

           “เป็นอะไรทำไมต้องเงียบ”

           “เปล่า”

           “เปล่าแล้วเงียบทำไม”

           “ก็พูดอยู่นี่ไง!” ซูจีขึ้นเสียงใส่แอลอย่างลืมตัว เมื่อเธอตระหนักได้ว่าไม่ควรทำ ซูจีก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “จอดรถด้วย”

           “...”

          

           แอลไม่ตอบและไม่หยุดรถตามที่ซูจีขอ ยิ่งไปกว่านั้นแอลกลับเหยียบคันเร่งแรงขึ้นจนซูจีต้องรีบใส่เข็มขัดนิรภัย

     

           “ทำไมอยากไปหามันมากนะรึไง!” คนขับขึ้นเสียงโดยที่ไม่ละสายตาออกไปจากถนน แอลไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้รู้สึกเดือดทุกครั้งที่ได้ยินผู้หญิงข้างกายพูดเหมือนต้องการจะไปจากเขาไวๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เธอต้องการกลับเป็นเพื่อนสนิทเขาอีก แอลไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดแบบนี้ ยิ่งนึกถึงสิ่งอัปยศเมื่อคืนเขาก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้มันตายๆ ไปซะตรงนี้

            

           “นายจะพาฉันไปไหน”

           “เธอต้องรับผิดชอบ...” แอลหันมาสบตาซูจี

           “พูดบ้าอะไรฉันถามว่านายจะพาฉันไปไหน!

           “ไปที่ที่มีแค่เราสองคน

           “-[]-

           “เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้น้องชายฉันไม่ตื่น”

           “ห๊ะ?!

          

          ซูจี...เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้น้องชายเขาไม่ขันกับผู้หญิงคนอื่น!

     

     

     

     

     

    -------------------------------------

     

     

          

          

           Kai’s part

     

          

           “...”

     

           ผมมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความทึ่งเล็กน้อยหลังจากเห็นเธอออกมาจากห้องลองชุดด้วยเดรสสายเดี่ยวสีดำเป็นประกายกากเพชรตรงช่วงอก ความยาวของมันไม่ถึงครึ่งของต้นขาขาว ยิ่งพนักงานจับตัวคริสตัลให้พลิกหันหลัง ผมก็เห็นว่าชุดเว้าหลังที่ตัวเองเลือกกับมือช่างเหมาะกับแผ่นหลังขาวเนียนไร้ริ้วรอยเสียเหลือเกิน สายสีดำที่กว้างไม่ถึงหนึ่งนิ้วเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเนื้อผ้าทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แม้จะมีสายเล็กๆ นั่นพาดกลางหลังแต่มันไม่ได้ช่วยปกปิดแรงดึงดูดที่แผ่ออกมาจากแผ่นหลังบางนั่นได้เลย

     

           รู้ตัวอีกที...ผมก็หยุดยืนประชิดตัวเธอแล้ว

     

           “นายเลือกชุดบ้าๆ ให้ฉันทำมะ...ออกไปนะ!” คำพูดคริสตัลถึงกลับสะดุดเมื่อหันมาเจอผมยืนเกือบจะแนบชิดตัวเธอ แต่เมื่อผมไม่ยอมขยับเธอก็เป็นฝ่ายถอยหลังออกไปแทน พนักงานก็รู้หน้าที่ว่าควรออกไปทำให้ทั้งบริเวณนี้เหลือแค่ผมและคริสตัล

           “...”

     

           ผมยืนล้วงกระเป๋ากางเกงห้าส่วนของตัวเองนิ่งๆ ขณะที่ใช้สายตากวาดไปทั่วร่างบางตรงหน้า เดรสที่แนบไปกับทุกส่วนเว้าส่วนโค้งทำให้เห็นรูปร่างของคริสตัลได้ชัดกว่าทุกวัน แม้ว่าผมจะเคยเห็นมากกว่านี้แต่มันก็นานมาแล้ว  

     

    สวย...เซ็กซี่ นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดในเวลานี้

     

    “นายต้องการทำอะไรกันแน่ไค!! พาฉันมาใส่ชุดบ้าๆ พวกนี้ทำไม!

    “...”

     

    ผมเพิกเฉยคำถามของเธอด้วยการหันหลังแล้วเดินออกจากห้องลองชุดไปจ่ายเงินแล้วจัดการสั่งงานให้กับผู้จัดการร้าน หลังจากนั้นไม่นานนัก คริสตัลก็เดินออกมาจากห้องลองชุดแล้วถูกพาขึ้นไปยังชั้นสองของร้านที่เปิดเป็นร้านเสริมสวยโดยที่คริสตัลไม่โวยวายสักคำ

    ผู้หญิงอย่างคริสตัลไม่โวยวายต่อหน้าคนอื่นให้เสียหน้าหรอก...หึ

     

    “จัดการให้ด้วยนะครับ” ผมบอกผู้จัดการร้าน

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    4 ชั่วโมงต่อมา

     

    รถคู่ใจหยุดลงหน้าผับที่ดีที่สุดย่านกังนัม พนักงานที่เห็นว่าผมมารีบเข้ามาต้อนรับอย่างดี ผมส่งกุญแจรถให้พนักงานรับรถไปดูแลต่อก่อนจะรีบเดินไปหาร่างบางที่กำลังคิดหนี

     

    “จะไปไหน!” ผมดุเสียงดังแล้วรีบจับข้อศอกคริสตัลก่อนจะกระชากให้เธอหันกลับมา “ฉันสั่งให้เธออยู่ในรถไม่ใช่หรือไง”

    “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม! แล้วไอ้เสื้อผ้าพวกนี้อีก!” คริสตัลแหวใส่หน้าผมพลางสะบัดข้อศอกให้หลุดจากการจับกุม แต่ผมไม่ปล่อยให้มันหลุดไปได้ง่ายๆ พนักงานรับรถมองเราสองคนอย่างงงๆ แต่ก็ไม่กล้าเข้ามายุ่ง

    “...”

    “หรือนายจะแก้แค้นที่ฉันทำกับนาย”

    “...”

    “นายมันเลวไค นายคิดว่าฉันโง่จนไม่รู้เลยรึไงว่าตัวเองเคยนอนกับนายหรือเปล่า ฉันรอดูว่าเมื่อไหร่นายจะบอกความจริง แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือการหลอกลวงจากนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

    “ก็แล้วไง...” ผมกลับด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกผิด

    “แล้วไงงั้นเหรอ ? ก็ไม่แล้วไง ฉันก็แค่ประจานความเลวของนายให้คนอื่นได้รู้ไง!

    “...”

    “โอ้ย!” คริสตัลร้องเสียงหลงเมื่อผมออกแรงลากเธอเข้าไปข้างในโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว มือที่จับอยู่ตรงข้อศอกกำแน่นโดยไม่ได้คำนึงสักนิดว่าคนตัวเล็กจะเจ็บแค่ไหน ความโมโหที่ปะทุอยู่ในอกกำลังเข้าครอบคลุมจิตใต้สึกนึกของตัวเอง

     

    เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นช่วงหัวค่ำทำให้แขกในผับยังไม่มี พนักงานที่รู้จักผมต่างก้มหัวให้อย่างนอบน้อม แต่ผมไม่สนจะทักทายกลับ คริสตัลที่ถูกผมลากอยู่พยายามแกะมือที่ติดหนึบบนข้อศอกเธอออกแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมต้องสั่งสอนให้เธอรู้ว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างผม

    หลายชั่วโมงที่ผ่านมาผมพาคริสตัลไปแต่งตัวและแต่งหน้าให้สวยเช้ง จริงๆ แล้วคริสตัลไม่ต้องแต่งอะไรก็สวยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากวันนี้ผมจะลงโทษเธอเลยต้องมีการลงทุนกันสักหน่อย และก็ได้ผลตามใจอยากเมื่อได้เห็นเธอในตอนนี้ ผมมั่นใจเลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนจะไม่อยากได้เธอ

     

    ท่าทางงานประมูลวันนี้คงจะมันส์น่าดู...

     

    “คุณคิม” ผู้จัดการที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเดินตรงเข้ามาหาผมทันทีที่ผมเข้ามาหยุดอยู่หลังร้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว “ทำไมวันนี้มาแต่หัววันเลยล่ะคะ”

    “สวัสดีครับคุณฮโยริ” ผมทักทายผู้จัดการผับด้วยใบหน้าเรียบๆ ซึ่งเธอก็คงเดาออกว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    “ปล่อยฉันนะ!” คริสตัลที่เงียบไปนานโวยวายอีกครั้งเมื่ออยู่กันไม่กี่คน คราวนี้ผมยอมปล่อยตามที่เธอขอ “ฉันจะกลับ”

     

    ว่าแล้วคริสตัลก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินกลับทันทีที่พูดจบ แต่ผมไม่ปล่อยให้มันได้เป็นอย่างนั้น ก้าวยาวเพียงสองก้าวก็เข้าขวางหน้าเธอได้ทัน

     

    “ลองดูสิ...แล้วเธอจะเจอดี” ผมไม่ได้ขู่แต่คิดจะทำจริงหากเธอยังดื้อไม่ยอมหยุด สายตาเฉี่ยวอย่างผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูงในตอนนี้กลับเหลือเพียงแววตาเจ็บใจที่ใช้มองผมอย่างคนหมดทางสู้ คริสตัลยืนกำมือสองข้างแน่นและไม่ยอมพูดอะไร

     

    ผมยิ้มอย่างเหนือกว่าก่อนจะถือโอกาสโอบเอวเธอให้เดินกลับไปทางคุณฮโยริที่ยืนมองเราสองคนอย่างงงๆ

     

    “ผมฝากด้วยนะครับ”

    “คุณคิมหมายถึงเรื่องอะไร”

     

    อ่ะ...ผมลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ผับแห่งนี้เป็นของบ้านเทา ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนและมาใช้บริการที่นี่บ่อยๆ ทุกคนในที่นี้จึงเกรงใจผมไม่ต่างจากเทาเท่าไหร่นัก

     

    “ของประมูลวันนี้ไงครับ”

    “คะ ?!

    “วันนี้ผมขออาสาส่งของประมูลด้วยตัวเอง...”

    “คุณคิมหมายถึง...”

    “ใช่ครับ ผมหมายถึง...ผู้หญิงคนนี้” พูดพร้อมกับผลักหลังร่างบางในอ้อมแขนออกไปข้างหน้าเล็กน้อย

    “นายหมายความไง นายจะทำอะไร!” คริสตัลหันกลับมาตะคอกใส่ผม แต่ผมไม่สนใจแล้วหันไปพูดกับผู้จัดการต่อ

    “วันนี้ผมหวังว่าจะได้เห็นเธอเป็นของประมูลชิ้นสำคัญที่สุดนะครับ คุณฮโยริ”

     

     น้ำเสียงไร้แววล้อเล่นทำเอาผู้จัดการร้านถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว ผิดกับผู้หญิงอีกคนที่สั่นด้วยความโกรธ

     

    “ไค! ฉันไม่ใช่สิ่งของที่นายจะมาทำแบบนี้ได้นะ!!

    “ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง...เพราะไม่อย่างนั้นคุณได้ออกจากที่นี่แน่” เพิกเฉยกับเสียงโวยวายของคริสตัลแล้วกดดันผู้จัดการร้านต่อ

    “แต่...”

    “ฝากด้วยนะครับ คุณฮโยริ” ผมเอ่ยบอกเสียงนิ่งหากแต่เจือปนไปด้วยความน่ากลัว

     

    ผู้จัดการร้านพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงรับปาก เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังคริสตัลที่มองผมตัวสั่นปากสั่น

    ผมจับปลายคางคริสตัลขึ้นมามองใกล้ๆ แต่คนสวยกลับสะบัดหน้าหนีมือผมอย่างรังเกียจ

     

    “ไม่ต้องกลัว...คืนนี้เธอจะได้ช่วยเด็กด้อยโอกาสอีกหลายคน”

    “...”

    “แล้วเจอกัน”

     

    ผมและคริสตัลมองหน้ากันเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน สำหรับผมมันไม่มีอะไรไปมากกว่าต้องการสั่งสอนเธอ ส่วนคริสตัลคงกำลังรู้สึกโกรธที่ถูกกระทำคล้ายผู้หญิงอย่างว่า...และนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการให้เธออ้อนวอนขอร้องผมให้ปล่อยเธอไป...ผมหวังว่าจะได้เห็นนะ

     

    “...”

     

    คริสตัลก็ยังคือคริสตัล แม้ว่าจะเป็นวินาทีสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้อง...เธอก็ไม่พูดอะไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    1.00 น.

     

    “ถึงเวลาแล้วครับกับของชิ้นพิเศษสุดสำหรับคุณผู้ชายในค่ำคืนนี้~ อย่างที่รู้กันว่างานประมูลนี้จัดขึ้นมาเพื่อหาเงินเข้ามูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้วยโอกาส เพราะฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากกระเป๋าของทุกท่านนั้นนับเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งด้วย ได้ทั้งของ ได้ทั้งบุญคุ้มมั้ยคร้าบบบบ~

    “คุ้ม ฮู้วๆๆๆ”

    “และก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่เราจะเผยของประมูลชิ้นสุดท้าย...เมื่อกี้ผมแอบไปส่องดูแล้วขอบอกเลยว่าใครที่ได้ไปคุ้มแน่นอน ถ้าทุกท่านอยากรู้ว่าคุ้มแค่ไหน ผมจะแอบบอกใบ้ให้ก็ได้ว่าสิ่งนี้ได้รับอภินันทนาการมากจาก...คุณคิมไค ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ”

     

    พิธีกรผายมือมายังผมที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่กลางร้านซึ่งเป็นที่วีโอพี ผมยกแชมเปญขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะจิบมันเข้าปากช้าๆ สายตาจับจ้องไปบนเวทีขนาดกลางที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยหรู พิธีกรคนเดิมพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยสัญญาณให้ของประมูลชิ้นสุดท้ายขึ้นมา

    เวทีที่ยกตัวสูงขึ้นประมาณสองเมตรแยกออกจากกันพร้อมกับกล่องใสขนาดใหญ่พอจะให้ผู้หญิงเข้าไปอยู่ได้ เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วร้านเมื่อเห็นของประมูลชิ้นนี้ แม้แต่ผมที่เป็นคนพาเธอมายังอดไม่ได้ที่จะตะลึง...

    ร่างบางที่ถูกมัดมือมัดปากยืนอยู่ในกล่องนั้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายหลายคนเกาะขอบเวทีพยายามส่งสายตาสำรวจผิวเนื้อขาวๆ ที่รอดพ้นจากเนื้อผ้า ชุดเดรสที่ผมซื้อให้ถูกฉีกออกให้สั้นกว่าเดิมจนปิดได้แค่แก้มก้น ผมยาวสลวยที่เคยปล่อยสยายกลางหลังถูกมัดรวบเป็นหางม้าขึ้นสูง เผยให้เห็นแผ่นหลังขวาเนียนน่าสัมผัสได้อย่างชัดเจอ

     

    “เอาล่ะครับ~ เซอร์ไพร์สมั้ยที่คราวนี้ของประมูลเราเป็นสาวสวย ฮ่าๆ ผมบอกเลยว่าใครที่ได้ของประมูลชิ้นนี้ไปจะกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ดูขาขาวๆ ของเธอสิครับ!

    “ฮู้วๆๆ โห่ววๆๆๆ”

    “ฟังจากเสียงแล้วหลายคนคงถูกใจ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขอเริ่มประมูลสาวสวยคนนี้ที่หนึ่งล้านวอน”

    “ฮู้วๆๆๆๆ”

     

    เสียงโห่วร้องอย่างป่าเถื่อนทำเอาคริสตัลกลัวจนไม่กล้ามองมาด้านหน้า ผมที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างสะใจที่เห็นคริสตัลหน้าหงอ อีกไม่นานเธอคงต้องขอร้องให้ผมช่วยเธอ หึ

     

    “อ่ะ อย่าเพิ่งรีบประมูลนะหนุ่มๆ เรามาทำความรู้จักสาวสวยคนนี้ก่อนดีกว่า...ขอเสียงปรบมือต้อนรับของขวัญชิ้นพิเศษที่สุดหน่อยครับทุกคนนนน~

    “ฮู้วๆๆ ขาวมากเลยโว้ยยยย”

    “สวยสัด หุ่นเอ็กซ์มาก”

    “ฮู้ววว น้องสาวสนใจพี่มั้ยคร้าบบบบ~

     

           คริสตัลถูกคุณฮโยริดึงออกมาจากตู้ใสแล้วถูกผลักให้มายืนข้างพิธีกร ก่อนที่ผู้จัดการร้านจะจัดการดึงเทปที่ปิดปากและที่มัดข้อมือเธอออก คริสตัลอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็เลือกที่จะไม่โวยวายและปล่อยให้ผู้ชายหน้าเวทีมองเธออย่างโลมเลียต่อไป

     

           เมื่อไหร่เธอจะขอร้องให้ผมช่วย...

     

    “เพื่อไม่ให้สินค้าเราด่างพร้อย ผมขออนุญาตให้เธอแนะนำตัวสั้นๆ แล้วกันนะครับ”

    “...” คริสตัลเงียบพลางใช้สายตาสอดส่องไปทั่วร้านเหมือนกำลังหาใครบางคน ไม่นานนักคนเธอก็สบตาเข้ากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว

    “คุณช่วยแนะนำตัวเองให้แขกรู้จักหน่อยสิครับ” พิธีกรยื่นไมค์ไปให้คริสตัล

    “...”

    “เอ่อ...คุณครับ”

    “ฉันเกลียดนาย...จะเกลียดนายตลอดไป” คริสตัลพูดพลางสบตามองผมอย่างเย็นชา

    “...”

     

    เกิดความเงียบสงัดทั่วทั้งบริเวณ ผ่านไปหลายวินาทีพิธีกรถึงจะดึงบรรยากาศสนุกสนานกลับมาใหม่ด้วยการเปิดเพลง ผมยกแชมเปญขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วกระแทกมันลงบนโต๊ะอย่างโมโห เสียงเพลงชวนให้ขยับแข้งขยับขาไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกเย็นลงเลยสักนิด

     

    “เต้นให้ดูหน่อยสิคนสวย”

    “ถ้าหนูเต้นถูกใจพี่ พี่จะทุ่มสุดตัวเลย”

     

    เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายเรียกร้องให้คริสตัลเต้นผมถึงรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น สายตาผู้ชายทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังคริสตัลอย่างมีความหมาย ร่างบางที่ยืนอยู่บนเวทีเหมือนไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาพวกนั้นเลยสักนิดเพราะเธอเอาแต่มองมายังผม...และมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่เห็นประกายใสๆ ฉายในดวงตาคู่นั้น

     

    ไม่...ผมต้องตาฝาดแน่ๆ

     

    และผมก็เชื่อว่าตัวเองตาดฝาดจริงๆ เมื่อเห็นคริสตัลรูดยางรัดผมลงก่อนจะสะบัดหัวสองสามทีเพื่อให้ผมเข้าทรง เธอดูเซ็กซี่ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทำอย่างนั้น...เธอจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองทำให้ผู้ชายทุกคนในที่นี้ร้อนเป็นไฟ

     

    “โฮ้วววววววว”

     

    เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างบางบนเวทีเริ่มยกตัวส่ายสะโพกเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง เดรสเลิกขึ้นสูงจนผู้ชายหลายคนน้ำลายแทบหก เสียงโห่ร้อง เอาอีกๆดูเหมือนจะทำให้คริสตัลยิ่งคึกเธอถึงได้กรีดยิ้มหวานให้ทั่วทุกทิศทาง รวมทั้งผมด้วย

     

    กรอดผมกัดฟันแน่นที่เห็นเธอเต้นยั่วบนเวทีอย่างสนุกสนาน ใบหน้าหงอๆ เมื่อตอนแรกหายไปแล้ว แววตาเฉี่ยวในตอนนี้ดูเซ็กซี่และร้อนแรงพอจะเผาหัวใจชายหนุ่มภายในเสี้ยววินาที ขาเรียวสวยบนส้นสูงกว่าสี่นิ้วขยับไปมาอย่างยั่วยวน เช่นเดียวกับสะโพกที่ส่ายไปส่ายมาอย่างรู้จังหวะ

     

    ปึก!

     

    ผมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อระบายความร้อนในอก แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ถ้าเธอเพียงแค่เอ่ยขอร้องผมสักนิด ผมพร้อมที่จะไปดึงเธอลงมาจากเวทีแล้วพากลับบ้าน ดีไม่ดีอาจจะไม่โกรธเธอด้วยซ้ำ เพราะผมรู้ว่าสาเหตุมันมาจากผมเป็นฝ่ายกระทำกับเธอก่อน คริสตัลถึงได้เอาคืนผม

    ยังไงก็ตามดูเหมือนทุกอย่างจะผิดแผนไปหมดเมื่อคริสตัลไม่ยอมแพ้แล้วโต้กลับมาด้วยวิธีการนี้!

     

    !!!

     

    ผมเบิกตาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นบนเวที...ผู้ชายร่างสูงโปร่งกระโดดขึ้นเวทีไปเต้นกับเธออย่างแนบชิด มือหนาโอบเอวร่างบางพลางรั้งให้เข้ามาใกล้ คริสตัลดูตกใจในวินาทีแรก หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นโอบคอร่างสูงไว้แทนจากนั้นทั้งคู่ก็เต้นด้วยกันเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง

     

    !!!

     

    ผมถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าคริสตัลซุกหน้าเข้าแนบกับอกแกร่งแล้วหันมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนประสาท ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังผละออกไปจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างโน้มใบหน้าร่างสูงเข้ามาหอมแก้มเบาๆ คล้ายให้รางวัล

     

    “...” ผมยืนกำหมัดแน่นมองภาพสองคนนั่นเต้นคู่กันบนเวทีด้วยอารมณ์เดือดจัด เดือดจนผมรู้สึกถึงความร้อนที่ผุดขึ้นบนใบหน้า ผมคงไม่เป็นหนักขนาดนี้หากผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก!

     

    ปาร์คชานยอล!!

     

           ลูกพี่ลูกน้องของไอ้เทามันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

     

           “หลีกทาง!!

     

           ผมละสายตาจากเวทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นร้าน หลายคนหันมามองผู้มาใหม่ หลายคนยังคงสนใจคู่บนเวที ผมเองก็หันมองตามเสียงตามสัญชาตญาณก็พบว่าคนรู้จักผมมาอีกคนแล้ว

           แต่ผมไม่สนใจทักมันเพราะต้องการขึ้นไปดึงตัวคริสตัลให้ลงจากเวที แต่ก้าวได้เพียงแค่สามก้าว ลีแทมินก็เดินตัดหน้าผมไปก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีจากด้านหน้า

     

           ...

     

           ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เสียงเพลงถูกปิด คริสตัลกับชานยอลก็ผละออกจากกัน

     

           “แทมิน...” คริสตัลเอ่ยเสียงเบาด้วยความตกตะลึง

           “คลุมไว้ซะ” เสียงทุ้มต่ำสั่งพร้อมกับโยนเสื้อโค้ทสีน้ำตาลคลุมไหล่เธอไว้ เนื่องจากขนาดตัวที่ต่างกันทำให้เสื้อโค้ทปิดเกือบถึงสะโพก

     

           ผมมองการกระทำของเพื่อนตัวเองนิ่งๆ ก่อนที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่เห็นมันดึงคริสตัลเข้ากอดแนบอกก่อนจะพาเธอเดินลงมาจากเวทีโดยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากห้าม คงเพราะทั้งตกใจที่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นและเพราะเห็นลีแทมินนายแบบชื่อดัง

     

           “...”

           “...”

     

           ผมเดินไปหยุดตรงหน้าทั้งสองคน แทมินชะงักไปเมื่อเห็นผม ส่วนคริสตัลเลี่ยงที่จะหลบสายตา

     

           “มึงจะพาของประมูลกูไปไม่ได้”

     

    แม้จะรู้ว่าการพูดอย่างนี้จะทำให้เพื่อนโกรธ..แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก

     

    “มึงทำกับผู้หญิงอย่างนี้ได้ไง” แทมินถามกลับด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง รอยช้ำที่มุมปากจากเหตุการณ์ช่วงบ่ายทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เผลอลงมือกับเพื่อน แต่ถึงกระนั้นผมก็เลือกที่จะพูดจากเลวๆ ออกไป...

    “ผู้หญิงของกู...กูจะทำยังไงก็ได้”

    “ไอ้#$%” แทมินสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าผม ก่อนที่จะเข้ามาหมายจะเล่นงานแต่ถูกมือเล็กๆ ของผู้หญิงข้างกายห้ามไว้ก่อน คริสตัลมองแทมินแล้วส่ายหน้าเบาๆ

    “...” ผมยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆ

    “ได้ มึงอยากเล่นประมูลมากนักใช่มั้ย ได้!!

     

    ปึก!

     

    กระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบเล็กลอยมากระทบใบหน้าเขาอย่างจัง ความแข็งของมันทำเอาผมย่นหน้าลงด้วยความเจ็บ

     

    “เอาไปเลย แล้วอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกูอีก! ไอ้เชี่ย!

     

    กว่าผมจะรู้สึกตัวอีกทีแทมินก็พาคริสตัลออกจากร้านไปแล้ว...ผมก้มลงมองกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาบที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก

     

    เธอออกไปกับเขาแล้ว...

     

     

     

     

    ------------------------------------

     

     

     

     

    Sulli’s part

     

     

    ฉันโค้งตัวเล็กน้อยทักทายผู้ใหญ่หลังจากที่เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูล หวัง ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะอาการเทาป่วยหนักจนเขาต้องยอมฝืนตัวขับเรือกลับมาเพียงลำพัง (ฉันขับไม่เป็นน่ะ) โดยที่ฉันขู่ว่าถ้าเขาไม่ไปหาหมอภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันจะตัดขาดกับเขาจริงๆ เทาถึงได้ยอม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสารภาพว่าตัวเองโกหกเรื่องน้ำมันเรือหมดด้วย

    พอมาถึงท่าเรือก็มีลูกน้องเขามารับและพามายังที่นี่เนี่ยแหละ ตอนนี้เทาถูกพาเข้าห้องนอนเพื่อรับการตรวจแล้ว ส่วนฉันถูกเรียกตัวจากผู้ใหญ่ ไม่ใช่ใครที่ไหน...พ่อฉันกับพ่อเทานั่นแหละ

     

    “เป็นไงบ้างลูก ไม่เป็นไรใช่มั้ย ?” พ่อฉันถาม

    “ไม่ค่ะ หนูสบายดี”

    “แล้วทำไมพี่เทาถึงป่วยได้ล่ะ”

    “เขาตากฝนน่ะค่ะ”

    “...?

     

    เมื่อเห็นท่านทั้งสองมีสีหน้างุนงง ฉันจึงอธิบายเพิ่ม

     

    “เราทะเลาะกันเล็กน้อย หนูก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเทาจะตากฝนจนป่วยหนักแบบนี้”

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกหนูซอล ตาเทามันอึดจะตาย เดี๋ยวมันก็หาย”

     

    ฉันยิ้มให้ลุงลี่หงแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่คุณลุงเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู

     

    “พ่อหวังว่าหนูกับตาเทาจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”

    “...”

    “ถ้าเทามันเคยทำอะไรให้หนูไม่พอใจ พ่อต้องขอโทษด้วยที่เลี้ยงลูกไม่ดีพอ ตาเทามันเครียดนะ...ถึงมันจะไม่พูดอะไรแต่พ่อก็รู้ว่ามันต้องมีใจให้หนูบ้าง เมื่องั้นมันคงไม่ตื่นเต้นที่จะได้หมั้นกับหนูหรอก”

    “...”

    “หวังว่าหนูเองก็จะรักมันเหมือนกัน”

    “...”

     

    ฉันสบตาคุณพ่อของคู่หมั้นที่มองมาอย่างอบอุ่น เวลาเห็นหน้าลุงลี่หงแล้วฉันมักจะนึกถึงหน้าเทาเป็นประจำ ทั้งสองคนมีบุคลิกคล้ายกันนั่นคือดุหากแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

     

    “หนูจะดูแลเทาให้ดีค่ะ...”

    “ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ ส่วนอย่างอื่นไม่ต้องพูดหรอก...เอาไว้บอกตาเทามันดีกว่า มันคงอยากได้ยินมากกว่าคนแก่ๆ อย่างเรา” คุณลุงลี่หงพูดอย่างมีเล่ห์นัย ซึ่งฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก

    “ค่ะ...เอ่อ...หนู...” ฉันอึกอักเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่ง...เป็นเรื่องที่ฉันสงสัยมาตั้งแต่ตอนเทาป่วยอยู่บนเกาะแล้ว แต่เพราะตอนนั้นมันยุ่งๆ เลยไม่ได้ถาม

    “มีอะไรหรือเปล่า” พ่อฉันถาม

    “คือหนูสงสัยเรื่องบางอย่างน่ะค่ะ”

    “หือ ? เรื่องอะไรเหรอหนูซอล” คุณลุงลี่หงถาม

    “เรื่องเกาะน่ะค่ะ” ฉันกลั้นใจถามออกไปพลางมองผู้ใหญ่ทั้งสองคน

    “...”

    “มันเป็นแผนของเทาใช่มั้ยคะ ? คนร้ายพวกนั้นก็เป็นคนของเทาใช่มั้ยคะ”

    “...”

    “บอกหนูมาเถอะค่ะ”

     

    ผู้ใหญ่ทั้งสองหันหน้าเขาหากันก่อนจะกลืนน้ำลายลงคงอึกใหญ่ ฉันที่เห็นอย่างนั้นเลยรู้ทันทีว่าทุกอย่างที่ฉันสงสัยเป็นเรื่องจริง! ถ้าตอนนั้นฉันไม่ไปหายาให้เขา ฉันคงไม่ไปเจอพวกวัตถุดิบมากมายที่เก็บไว้ในตู้เย็นอีกตู้หรอก เหอะๆ เขานี่หลอกให้ฉันทานแต่มาม่ากับข้าวไข่ดาวอยู่ได้ตั้งหลายวัน

     

    คอยดูนะ ตื่นมาเมื่อไหร่จะด่าซะให้เข็ด!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางกว่าผู้ชายทั่วไป ผิวขาวอมน้ำผึ้งเนียนซะจนมองไม่เห็นรูขุมขน ขนตายาวเป็นแพรทำให้เขาตาเทาดูอ่อนโยนขัดกับดวงตาตวัดเฉียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในสายตาฉันตอนนี้ช่างรับกับใบหน้าของเขาเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้มองเขาใกล้ๆ หากแต่เป็นครั้งแรกที่ฉันสำรวจใบหน้าเขาโดยปราศจากอคติ

     

    “นายก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ ไม่น่าล่ะสาวถึงได้เยอะนัก”

     

    ฉันเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเขากับคู่ขาในห้องนอนวันนั้น ผู้ชายเป็นอย่างนี้กันทุกคนเลยรึไง

     

    “ถ้านายทำเรื่องแบบนั้นอีก ฉันจะฆ่านายด้วยมือตัวเองเลยคอยดู”

    “ผมไม่มีทางทำแบบนั้นอีกแน่นอน”

    O_O

     

    พรึ่บ

     

    ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกตวัดขึ้นโอบรอบตัวฉันที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เขา เทาออกแรงรั้งให้ฉันหล่นลงไปนอนบนอกแกร่ง เหตุการณ์คล้ายกับที่เกิดขึ้นบนเกาะหากแต่ตอนนี้ฉันกำลังเป็นนอนคร่อมเขาอยู่!

     

    “เป็นห่วงผมขนาดที่ไม่ยอมนอนหรือไงครับ”

    “ไม่ใช่ย่ะ แค่มาดูว่านายจะตายเมื่อไหร่”

    “ฮ่าๆ ปากแข็ง”

     

    ฉันเบ้ปากใส่เทาอย่างหมั่นไส้ที่เห็นเขาหัวเราะ นี่ขนาดตัวร้อนจี๋ยังมีหน้ามาหัวเราะได้อีก แขนสองข้างยันตั้งฉากกับที่นอนยันตัวขึ้นแต่เทากลับไม่ปล่อยให้ฉันลุกหนี เขารั้งเอวฉันไว้แล้วกดให้ลงมาทับตัวเขาอีกครั้ง

     

    “เล่นอะไรบ้าๆ เนี่ย นายไม่สบายอยู่นะ!” ฉันบอกเทาเสียงดุแต่คนป่วยกลับยิ้มทะเล้น

    “ผมแค่มีความสุข”

    “ทำอย่างกับไม่เคยคบใครอย่างงั้นแหละ” พูดพร้อมกับจิกตาใส่เทา

    “ไม่เชิง ผมคบหลายคนอยู่ แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้กัน”

    “ฉันว่านายป่วยจนเพี้ยนไปแล้วนะจื่อเทา”

    “ไม่เชื่อลองฟังเสียงหัวใจผมดูสิ”

    !!

     

    เทาไม่ได้พูดเปล่า เขากดใบหน้าฉันลงแนบไปกับก้อนเนื้อที่กำลังเต้นตุบๆๆๆๆ ไม่ต่างจากฉันเท่าไรนัก เขาไม่รู้หรือไงว่ายิ่งทำอย่างนี้ มันจะยิ่งเต้นเร็วนะ!

     

    “ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใคร...นอกจากคุณ”

     

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแต่เทากลับเลี่ยงที่จะสบตา เขาหันไปด้านข้างพร้อมกับใบหน้าที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่ามาจากพิษไข้หรือเพราะคำพูดเลี่ยนๆ จากปากตัวเขาเองกันแน่ ยังไงก็ตามมันทำให้ฉันยิ้มได้แล้วกัน คิ

           คางมนของตัวเองวางลงบนหน้าอกเขาพลางเอื้อมมือไปจับแก้มแดงๆ ทั้งสองข้างเบาๆ

     

           “เขินเหรอ” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “หน้าแดงใหญ่เลย”

           “บ้าเหรอ เพราะไข้ต่างหากล่ะ” เทาปฏิเสธโดยที่ไม่ยอมสบตาฉัน

           “จริงเหรอ” ฉันล้อคนปากแข็งอีกครั้งพร้อมกับจับให้เทาให้มาสบตา “...ฉันรู้หรอกน่าว่านายเขิน พูดเองเขินเอง ฮ่าๆ”

           “หยุดล้อได้มั้ย -//////-”

           “คิๆ”

           “นี่...จริงๆ แล้วหัวใจคุณก็เต้นแรงไม่แพ้ผมหรอกน่า” เทาเอ่ยพร้อมปรายตาลงต่ำอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันจึงไล่สายตาตามเขาจนกระทั่งตระหนักได้ว่าตัวเองก็เอาหัวใจไปแนบกับตัวเขาเหมือนกัน

     

           !!!

     

           ฮือ~ อย่างนี้เทาก็ต้องรู้น่ะสิว่าฉันใจเต้นแรงเหมือนเขา

     

           “พูดไม่ออกล่ะสิ หึๆ”

          

           ฉันตบหน้าเทาเบาๆ อย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทาก็ไม่ได้ห้ามอะไร เขาเอาแต่ยิ้มแล้วมองฉันด้วยสายตาเดียวกับที่ฉันล้อเลียนเขาเมื่อกี้ 

     

            “ฉันว่าฉันไปหาอะไรให้นายทานดีกว่า”

           “ไม่ต้องหรอก ผมไม่หิว”

           “ไม่ได้ นายต้องทานยาหลังทานข้าว”

           “...”

           “เดี๋ยวฉันมา”

     

           ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปทางประตู แต่เมื่อมือกำลังจะได้สัมผัสลูกบิดแรงจากทางด้านหลังก็รั้งเอวฉันไว้ซะก่อน

     

           “อือ...ไม่เอา” เทางอแงอยู่ข้างหูพลางใช้จมูกร้อนๆ ของเขาไซร้ไปตามใบหูอย่างน่าหวาดเสียว

     

           ให้ตายสิ ตัวร้อนๆ เพราะพิษไข้ของเขามันกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า

          

    “ไม่ได้นะ นายต้องกินยา ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนอยู่บนเกาะไม่มียาให้กินแล้วนายดันป่วยหนักกว่าเดิม”

    “ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆ”

    “อย่ามาตลก ฉันอยู่ข้างนายไปตลอดไม่ได้หรอกย่ะ ปล่อยมือได้แล้ว เดี๋ยวก็ได้ตายจริงๆ หรอก” ฉันตีมือคนป่วยจอมดื้อที่กำลังกอดเอวฉันไว้แน่น เทาทำเสียง้อแง้แบบที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีมุมนี้อยู่ข้างหู อยากจะยิ้มอยู่หรอกนะ แต่เดี๋ยวเขาจะได้ใจ

    “ทำไมคุณต้องใจร้ายกับคนป่วยด้วย” เทาพูดเสียงตัดพ้อ แต่ใบหน้าเขาไม่ได้ห่างไปจากตัวฉันเลยสักนิด ยิ่งตอนนี้เคลื่อนลงต่ำซะจนฉันหายใจไม่สะดวก “...หือ ตอบมาสิทำไมใจร้ายกับคนป่วยจัง”

    “เทา ถ้าไม่ปล่อยฉันโกรธจริงๆ นะ”

     

    พูดไปก็ไร้ประโยชน์เมื่อเทาซุกใบหน้าเขากับซอกคอฉันแล้วพ่นลมหายใจร้อนรดบนผิวเนียนคล้ายกับต้องการยั่วโมโหฉัน หะ ให้ตายสิ! เขากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย

     

    “อื้อ” เสียงครางอย่างลืมตัวเกิดขึ้นเมื่อเทาใช้เขี้ยวแหลมคมทั้งสองกัดเบาๆ ที่ลำคอราวกับเป็นแวมไพร์กำลังล่าเหยื่อ

    “ไม่ตอบเหรอ...งั้นต้องลงโทษหนักกว่านี้แล้วล่ะมั้ง”

    “อ๊ะ”

     

           มือหนาจับฉันพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับเขาจากนั้นฝ่ายชายก็รั้งฉันเข้าไปใกล้ก่อนที่จะโน้มใบหน้าเขามาเรื่อยๆ จนจมูกเขาเราสองคนแตะกันเบาๆ

     

           “เวลาป่วย...ผมไม่เคยพึ่งยา สิ่งที่ผมต้องการคือความอบอุ่นจาก...คุณ”

           “...”

           “เข้าใจมั้ยครับ ?

           “...”

     

           ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆ ขณะมองหน้าเทา แก้มทั้งสองข้างร้อนจนฉันกลัวว่ามันจะไหม้ไปต่อหน้าต่อตาเขา ยิ่งดวงตาคมกำลังมองมาอย่างมีความหมายมันยิ่งทำให้ฉันลืมแม้กระทั่ง...หายใจ ทุกอย่างที่สื่อออกมาผ่านม่านนัยน์ตาสีเทามันเป็นเชื้อเพลิงที่กำลังแผดเผาให้ฉันตายในอ้อมกอดเขาดีๆ นี่เอง

          

           “อือ” เนิ่นนานกว่าฉันจะเปล่งเสียงออกมาได้ เทายิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะลดระยะทางที่ยังเหลืออยู่ไม่ถึงเซนต์ออกไป แต่ทว่า...

          

          แอ๊ด

     

          !!!

           “!!!

     

           ฉันคอแข็งทันทีที่รู้ว่ามีคนเปิดประตู แต่เมื่อจะหันกลับไปมองเทากลับใช้มือข้างหนึ่งรั้งท้าทอยฉันไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้

     

           “เอ่อ...พ่อแค่จะมาดูว่าลูกเป็นไงบ้าง”

     

           พะ พ่อ เขาเหรอ?!

     

           “ผมเป็นไรครับ” เทาตอบเสียงนิ่งอย่างไร้ความอายกับท่าที่เรายืนอยู่ซึ่งคนเห็นคนคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว โชคดีที่ฉันหันหลังให้ผู้ใหญ่เลยไม่ต้องสู้หน้าใคร

           “เท่าที่เห็นก็น่าจะเป็นอย่างงั้น”

          

           ฮือ TAT ฉันอยากจะบ้าตาย~

     

           “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...” เทาพูด

           “พ่อเข้าใจแล้ว ฮ่าๆ เชิญตามสบาย”

           “ขอบคุณครับ”

     

           ตาบ้านี่ก็มีหน้าไปไล่พ่อตัวเองอีก!

     

           ปัง

     

          “พ่อไปแล้ว ก็ปล่อยฉันสิ”

     

           คิดๆ ดูแล้วต้องขอบคุณคุณลุงลี่หงที่เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน เพราะไม่อย่างนั้นฉันกับเทาคง...คง...คงอะไรก็ไม่รู้คิดเอาเอง!

     

           “ปล่อยสิยะ” ฉันบอกเมื่อเทายังไม่ยอมเอามือออกจากท้ายทอยฉัน แถมแขนอีกข้างก็ยังรั้งเอวฉันไว้ไม่ปล่อยอีกต่างหาก

           “พ่อบอกว่า...ตามสบาย” เทาพูดพร้อมกับส่งสายตามีเล่ห์นัยมาให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

           “...”

           “ขอต่อจากที่ค้างไว้...”

     

           ร่างสูงโน้มต่ำลงมาหมายจะชิมรสหวานบนริมฝีปากฉัน หากแต่...

     

           ปึก!

         

          “อั่ก! O[]O” เทาปล่อยมือจากร่างกายฉันแล้วงอตัวเป็นกุ้ง มือสองข้างย้ายไปกุมน้องชายตัวน้อยๆ กลางร่างที่เพิ่งโดนศอกด้วยเข่าฉัน

           “สมน้ำหน้า”

           “ซะ ซะ ซอลลี่” สีหน้าเจ็บปวดของเทาทำให้ฉันหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ฉันกอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างมีชัยก่อนจะแลบลิ้นให้เขาแล้วออกจากห้องไป

           “แบร่ ;P

     

           คิดเหรอว่าจะแอ้มฉันได้ง่ายๆ ฝันไปเถอะย่ะ!

     

     

     

     

    -----------------------------

    ใครที่รอ NC คงต้องผิดหวังกันไป 5555555

    ฉากๆ ร้อนๆ (ไม่ใช่เอ็นซี) ขอเลื่อนไปก่อน

     ภายในวันพุธจะพยายามมาอัพให้ได้อีกตอนค่ะ

    ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ไรเตอร์น้า~ เพราะอย่างงั้นเลยทำข้อสอบได้ 5555

     

    มีอีกเรื่องหนึ่ง~ เราอยากให้กดโหวตตรงตรงเรตติ้งให้หน่อยได้มั้ยคะ

    อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้างในความคิดโดยรวมของทุกคน จะน้อยจะมากไม่ว่ากัน

    แต่งมาใกล้จะจบแต่เห็นมันนิ่งมานานมากเลยอยากสำรวจความชอบของเรื่องนี้นิดหนึ่ง
    โหวตตามที่รู้สึกเลยค่ะ
    ^^ *ขอบคุณล่วงหน้า*

     

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่าน


     
     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×