คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : [[ It's over ]]: C T 20 // Up
“จะไปไหน”
“!!!”
จูเนียลที่กำลังวิ่งตามไคออกจากงานถึงกับหยุดชะงักเมื่อเจอสามสาวเข้ามาขวางทาง
ซูจี นาอึนและซอฮยอนยืนกอดอกมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรจนทำเอาจูเนียลไม่กล้าขยับไปไหน ทั้งสามขยับเข้าไปใกล้อย่างพร้อมเพียง และเมื่อได้จังหวะ นาอึนกับซอฮยอนก็รีบเข้าไปจับไหล่ของจูเนียลไว้
“พวกแกทำอะไรน่ะ!”
“แก...? ยัยเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ซูจีทวนคำเสียงสูงก่อนจะจิกตาใส่จูเนียลอย่างน่ากลัว จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองเป็นสัญญาณให้รีบพาตัวออกไปเพราะเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้าซะก่อน
“กระ...” จูเนียลแทบจะหยุดเสียงกรี๊ดของตัวเองไว้ไม่ทันเมื่อเจอเข้ากับปลายแหลมคมของคัตเตอร์ขนาดเล็กในมือซูจี
“เงียบ...ถ้าไม่อยากหน้าเละ”
“!!!”
เมื่อเห็นว่าเหยื่อเงียบแล้วทั้งสามก็รีบฉุด...เอ้ย จูงจูเนียลมายังรถของซูจีที่จอดไว้ไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนจะจัดการผลักร่างเล็กกว่าขึ้นเบาะหลังอย่างรวดเร็ว
ผลัก
“พวกแกทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ไอ้พวกบ้า!”
“หึ ก็ไม่ทำอะไรมากหรอก แค่จะเอาคืนที่เคยตบฉันไว้น่ะสิ” นาอึนพูดพร้อมกับเข้าไปนั่งประกบข้างซ้าย ซอฮยอนขึ้นมานั่งข้างขวา ส่วนคนขับรถอย่างซูจีเหยียบคันเร่งออกจากที่จอดทันทีที่ทั้งสองปิดประตู
“ปล่อยนะ ฉันจะฟ้องพี่ไค!”
“ก็ลองดูสิ” ซอฮยอนพูดพร้อมกับบิดเนื้อที่แขนจูเนียลอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรู้สึกหมั่นไส้ผู้หญิงคนไหนเท่าจูเนียลมาก่อนเลยสักครั้ง ผู้หญิงคนนี้ตีสองหน้าเขาหาคริสตัล แถมยังมาแย่งแฟนเพื่อนเธออีก อย่างนี้ใครมันจะไปยอม ไอ้ผู้ชายก็เหมือนกัน...เหอะ จูเนียลก็ไม่เห็นจะสวยเท่าไหร่เลย อย่างน้อยก็น้อยกว่าคริสตัลเพื่อนเธอก็แล้วกัน
“โอ้ย!”
“ภาวนาให้ตัวเองรอดจากวันนี้ไปได้ก่อนเถอะ” ซูจีบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เธอกระตุกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างสะใจที่จะได้แกล้งคน หึ วันนี้แหละยัยจูเนียลจะได้รู้แน่ว่าอะไรควรแตะ อะไรไม่ควรแตะ
แน่นอนว่าเธอหมายถึง...จองคริสตัล
ปิ้นนนนนนนนนน!
ปิ้นๆๆๆ
และ...
เอี๊ยดดดดดดดด
เสียงแตรจากมือซูจีที่ดังติดกันรัวๆ เกิดขึ้นเพราะถูกรถหรูเข้าประกบทั้งสองข้าง ก่อนที่จะต้องรีบเหยียบเบรกมืออยู่ดีๆ มีรถอีกคันเข้ามาจอดขวางทางด้านหน้าไว้
“บ้าเอ้ย!” เสียงสบถจากใบหน้าหวานดังขึ้นหลังจากถูกปาดหน้าด้วยรถยนต์สุดหรูสามคัน อยู่ดีๆ เจ้ารถพวกนี้ก็เข้ามาวิ่งขนาบข้างแถมยังต้อนเธอให้จนมุมด้วยการตีวงล้อมเป็นวงกลมจนซูจีไม่สามารถขับไปไหนได้อีกต่างหาก โชคดีที่ไม่มีรถวิ่งมาเลยทำให้ให้ไม่เกิดอุบัติเหตุและโชคดีที่ทักษะการขับรถของเธอมันเทียบเท่านักแข่งรถ
“รถใครน่ะ” ซอฮยอนถามด้วยสีหน้าตกใจที่เห็นรถจอดล้อมรถของพวกเธอไว้ ยิ่งเห็นว่าแต่ละคันเป็นรถนอกบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของรถได้เป็นยังดี ก็ยิ่งสงสัยว่าเจ้าของรถพวกนั้นมีธุระอะไรกับพวกเธอ
“นั่นมัน...” ซูจีถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างสูงที่ซ่อนใบหน้ากว่าครึ่งภายใต้แว่นกันแดดสีดำ
“พี่แอล...พี่เซฮุน...พี่ลู่!!” จูเนียลถึงกับตะโกนอย่างดีใจที่เห็นทั้งสามเดินเข้ามาหารถคันนี้จากสามมุม อย่างนี้สิถึงจะหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย นึกว่าตัวเองจะต้องตายคาฝ่ามือยัยพวกนี้ซะแล้ว
“เงียบปากซะ!” ซูจีที่กำลังอารมณ์เสียสุดๆ ถึงกับตะโกนสั่งให้จูเนียลหุบปากอย่างน่ากลัว จนคนถูกว่าถึงกับกัดฟันตัวเองด้วยความโกรธเพราะทำอะไรไม่ได้
คอยดูเถอะลงจากรถเมื่อไหร่เธอจะใส่ความยัยพวกนี้ให้มดเลย จูเนียลคิดพลางลอบยิ้มอย่างคนมีแผน
“พวกนั้นมาได้ไง” นาอึนที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงงระคนตกใจ เธอมั่นใจว่าตอนออกจากห้องโถงจนกระทั่งถึงตัวรถไม่มีใครเห็นพวกเราเลยสักคน
“...”
ไม่มีใครในที่นี้สามารถให้คำตอบนาอึนได้ สามสาวนั่งนิ่งมองผู้ชายร่างสูงทั้งสามคนเข้ามาใกล้รถเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่เมื่ออีกไม่ถึงสามก้าวแอลก็จะเข้ามาประชิดตัวรถ ซูจีก็เปิดประตูฝั่งคนขับออกไปอย่างแรง
“มีอะไร” ซูจีถามพลางกอดอกมองผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียด “...ฉันจำได้ว่าเราไม่ได้นัดกัน”
“ถอยไป” แอลไม่สนใจสิ่งที่ซูจีพูดแล้วผลักร่างบางเบาๆ ให้หลบ ก่อนที่เขาจะชะโงกหน้าเข้าไปในรถ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ต้องการแล้วแอลก็ผละออกมายืนประจันหน้ากับซูจีต่อ
“ขึ้นรถ!”
“!!!”
“ฉันสั่งให้ขึ้นรถ...ไม่ได้ยินหรือไง”
ซูจีทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอผู้ชายเอาแต่ใจสั่งให้เธอขึ้นรถ เธอไม่สามารถเดาอารมณ์ของแอลได้เลยสักนิดเพราะเขาใส่แว่นกันแดดปิดบังหน้าต่างของหัวใจเอาไว้
“นี่ จะลากฉันไปไหน ปล่อยนะ ไอ้ผู้ชายสกปรก”
เมื่อหันไปมองข้างหลังซูจีก็เห็นว่าซอฮยอนถูกเซฮุนลากออกมาด้านนอก ส่วนอีกฝั่งก็ไม่ต่างกันเพียงแต่นาอึนถูกลู่ฮานแบกขึ้นไหล่เท่านั้นเอง
“ฝากด้วย” ลู่ฮานบอกเพื่อนพลางหันหลังเดินขึ้นรถตัวเองท่ามกลางเสียงโวยวายจากนาอึน
“คราวนี้ ไอ้ไคมันต้องตอบแทนพวกเราอย่างสาสม” เซฮุนว่าพลางหมุนตัวแล้วลากซอฮยอนที่กำลังโวยวายและก่นด่าเขาไปขึ้นรถ แม้ว่ามันจะน่าหนวกหู แต่เมื่อคิดถึงรางวัลที่คาดว่าน่าจะได้จากไคแล้วเขาก็ยอมทนๆ ฟังเสียงแหกปากจากผู้หญิงที่ชื่อซอฮยอน
“แล้วเจอกัน” แอล
ซูจียืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความงุนงง เธอตกใจจนไม่ได้เอ่ยปากห้ามผู้ชายสองคนนั้นที่ลักพาตัวเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผู้ชายพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่!
เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นพร้อมๆ กันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ก่อนที่เจ้าของรถจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไง...เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ” แอลหันมาหาซูจีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พลางถอดแว่นกันแดดออก
“นายทำอะไร มายุ่งอะไรด้วย” ซูจีถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อรู้สึกถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่คม
“ก็แค่ขัดขวางสิ่งที่พวกเธอกำลังทำไง”
“...”
“ร้ายนักนะ วางแผนทำร้ายคน”
ซูจีขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจที่แอลมองแผนการเธอออก แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันจะเกินจริงไปหน่อยก็ตาม พวกเธอไม่ได้ลักพาตัวจูเนียลไปทำร้ายสักหน่อย แค่ต้องการสั่งสอนอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง(?)
“ขึ้นรถสิ” แอลสั่งเสียงเข้ม ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ตอบเสียงแหลมๆ จากจูเนียลก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พี่แอล~ ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนูได้ทันเวลา ฮึก”
จูเนียลที่เพิ่งออกมาจากรถร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเข้ามาเกาะแขนแอลไว้พลางซุกหน้ากับน้ำตาปลอมๆ ลงบนอกแกร่ง ให้มันรู้ไปสิว่าผู้ชายคนไหนจะทนใจแข็งหากเห็นน้ำตาของผู้หญิง...เสร็จแน่ยัยซูจี
“ฮือ~ พี่แอลต้องจัดการให้หนูนะคะ พี่ซูจีเขาบีบแขนหนูเจ็บไปหมดเลย ฮึก ดูสิ เขียวเลย ฮึก”
ซูจีมองใบหน้าที่เธอเคยคิดว่าน่ารักด้วยสายตารังเกียจ ยิ่งเห็นว่าจูเนียลทำตัวออเซาะใส่ผู้ชายที่เธอรัก มันก็ยิ่งทำให้เลือดขึ้นหน้าจนอยากจะเข้าไปกระชากผมเธอเข้ามาตบซ้ายตบขวาระบายความร้อนในอก
“ยัยตอแหล!” ซูจีโพล่งออกไปเมื่อเห็นว่ายัยนั่นลอบส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ ยัยนี้มันชักจะกวนโมโหมากขึ้นทุกที เหอะ
“ฮึกๆ พี่แอลต้องช่วยหนูนะคะ พี่ๆ พวกนี้ว่าหนูแถมยังทำร้ายร่างกายหนูตอนอยู่บนรถด้วย พวกพี่เขาขู่ว่าจะฆ่าหนูถ้าหนูบอกพี่ไค ฮือ~ หนูกลัว”
“...”
“ยัยบ้า ตายซะเถอะแก!”
ว่าแล้วซูจีก็เข้าไปกระชากผมนังเด็กแก่แดดมาใกล้ตัวก่อนจะโยกไปโยกมาท่ามกลางความตกใจของผู้ชายอีกคน ซูจีผลักร่างเล็กกว่าลงพื้นแล้วขึ้นคร่อมก่อนที่จะลงแรงบนใบหน้าหวาน
“ตายซะเถอะแก!!”
เพี้ยะ
“โอ้ะ...”
เพี้ยะ!
คนที่นั่งคร่อมอยู่ลงมือบนแก้มทั้งซ้ายและขวาอย่างแรงจนคนที่นอนออยู่บนพื้นถึงกับเลือดซิบที่มุมปาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สาแก่ใจ มือสองข้างเข้ากุมเส้นผมของจูเนียลไว้ก่อนจะเขย่าไปมาอย่างรุนแรง
“แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกลอยนวลไปเหมือนคริสตัลงั้นเหรอ!”
“กรี๊ด เจ็บนะ! ปล่อย!”
“ปล่อยแน่ถ้าได้เห็นแกตายซะก่อนน่ะ” พูดจบซูจีก็กำหมัดง้างขึ้นสูงก่อนที่จะทิ้งแรงลงบนใบหน้าคนใต้ร่าง...หากแต่ หมัดนั้นถูกหยุดด้วยมือหนา
“พอได้แล้ว” คำพูดมาพร้อมกับแขนแกร่งที่เขาโอบรอบเอวซูจีแล้วรั้งให้ร่างบางลุกขึ้นมายืนตามเดิม “นี่มันกลางถนนนะ”
“หึ เป็นห่วงกันมากเหรอไง”
“ขึ้นรถไป” แอลสั่งเสียงดุไม่แพ้แววตาที่มองมายังซูจี “จะขึ้นรถดีๆ หรือให้ฉันอุ้ม...อย่าให้ต้องพูดมากได้มั้ย”
“เหอะ ก็ได้” ซูจีเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับรับคำอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะปรายตาไปมองจูเนียลที่กำลังลุกขึ้นยืน “อย่าคิดว่าจะรอดล่ะ”
“ซูจี!”
“อะไร! นายก็เหมือนกันมายุ่งเรื่องของฉันทำไม”
“...”
“จำไว้นะ...ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็เลิกยุ่งกับไคซะ กรี๊ด! แอล ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
แอลแบกซูจีขึ้นบ่าแล้วก้าวยาวไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะจับซูจียัดเข้าไปในเบาะแล้วปิดประตูเสียงดัง จากนั้นตัวเองก็ก้าวขึ้นมานั่งฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
ปังๆๆ
จูเนียลเคาะกระจก แอลจึงลดกระจกลง
“พี่แอลจะไปไหนคะ ทำไมพี่แอลต้องพานังบ้านั่นไปด้วย”
“แล้วแกจะยุ่งอะไร” ซูจีแหวอย่างอารมณ์เสีย ยัยนั่นกำลังทำเหมือนว่าผิดหวังที่เห็นแอลทิ้งตัวเองแล้วมากับเธอแทน
“จูเนียล เอากุญแจรถไป ขับกลับให้พี่ด้วย”
“ไม่ค่ะ พี่แอลจะไปไหน พี่แอลจะทิ้งจูเนียลกลางถนนไม่ได้นะคะ” จูเนียลเริ่มโวยวายเพราะเธอกำลังรู้สึกเสียหน้า ยังดีที่แถวนี้ไม่มีรถขับผ่าน เมื่องั้นล่ะก็เธอคงต้องรู้สึกอับอายจนมากไปกว่านี้แน่
ดูท่า...พี่แอลกับยัยซูจีนี่จะมีอะไรๆ ซ่อนอยู่ในก่อไผ่ จูเนียลคิดอย่างสงสัยแต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร พี่แอลก็โยนกุญแจรถมาให้พร้อมกับขับออกไปทันที
“กล้าทำกับฉันอย่างนี้ได้ไง!” จูเนียลรู้สึกเจ็บใจจนแทบอยากจะระเบิดเสียงซะตรงนี้ แต่เธอก็ยอมกล้ำกลืนความรู้สึกเหล่านั้นลงคอก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าไปยังรถของแอล
เบซูจี....แกเป็นรายต่อไป
ซูจีกับแอลนั่งรถมาคู่กันได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว หากแต่ก็ยังไม่มีฝ่ายไหนเริ่มพูดก่อน ซูจียังจำได้ดีถึงวันนั้นที่เขาพูดคำพูดแสนโหดร้ายกระทบจิตใจจนเธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง แม้กระทั่งตอนนี้ก็เช่นกัน...
“จะเงียบไปถึงเมื่อไหร่” แอลเป็นฝ่ายที่ทนความเงียบไม่ไหวจึงได้เอ่ยถามผู้หญิงข้างกายด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
“...”
“ไม่สงสัยเหรอว่าฉันจะพาเธอไปไหน”
“...”
“นี่! อย่าให้ต้องโมโหได้มั้ย เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวหรอก!” แอลเริ่มขึ้นเสียง
“เหอะ พวกนายมันโง่ที่ดูผู้หญิงไม่ออก”
“หมายถึงจูเนียล ?” แอลละสายตาจากถนนหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่จะกลับไปมองถนนข้างหน้าต่อ
“ใช่”
จริงๆ แล้วสิ่งที่ซูจีพูดไม่ได้หมายถึงเรื่องจูเนียลอย่างเดียว แต่เธอต้องการจะสื่อให้เขารู้ว่า...เขามันโง่ที่ดูเธอไม่ออกว่าเธอรักเขา ไม่ใช่ไค!
“เธอคิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไง...ขนาดเธอฉันยังดูออก”
“หมายความว่าไง ?”
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากว่าผู้หญิง”
“ทีนายยังว่าฉันเลย”
“ก็เธอเป็นข้อยกเว้น...สำหรับฉันเธอเป็นหมาก ไม่ใช่ผู้หญิง”
“...”
“...”
“...”
ใช่สินะ เขาเข้ามาหาเธอด้วยเกม ผู้หญิงที่ยอมนอนกับเขาง่ายๆ แอลก็คงเห็นเธอเป็นของเล่นแก้เบื่อของเขาเท่านั้น
“เป็นอะไรทำไมต้องเงียบ”
“เปล่า”
“เปล่าแล้วเงียบทำไม”
“ก็พูดอยู่นี่ไง!” ซูจีขึ้นเสียงใส่แอลอย่างลืมตัว เมื่อเธอตระหนักได้ว่าไม่ควรทำ ซูจีก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “จอดรถด้วย”
“...”
แอลไม่ตอบและไม่หยุดรถตามที่ซูจีขอ ยิ่งไปกว่านั้นแอลกลับเหยียบคันเร่งแรงขึ้นจนซูจีต้องรีบใส่เข็มขัดนิรภัย
“ทำไมอยากไปหามันมากนะรึไง!” คนขับขึ้นเสียงโดยที่ไม่ละสายตาออกไปจากถนน แอลไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้รู้สึกเดือดทุกครั้งที่ได้ยินผู้หญิงข้างกายพูดเหมือนต้องการจะไปจากเขาไวๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เธอต้องการกลับเป็นเพื่อนสนิทเขาอีก แอลไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมตัวเองต้องหงุดหงิดแบบนี้ ยิ่งนึกถึงสิ่งอัปยศเมื่อคืนเขาก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้มันตายๆ ไปซะตรงนี้
“นายจะพาฉันไปไหน”
“เธอต้องรับผิดชอบ...” แอลหันมาสบตาซูจี
“พูดบ้าอะไร…ฉันถามว่านายจะพาฉันไปไหน!”
“ไปที่ที่มีแค่เราสองคน…”
“-[]-”
“เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้น้องชายฉันไม่ตื่น”
“ห๊ะ?!”
ซูจี...เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้น้องชายเขาไม่ขันกับผู้หญิงคนอื่น!
-------------------------------------
Kai’s part
“...”
ผมมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความทึ่งเล็กน้อยหลังจากเห็นเธอออกมาจากห้องลองชุดด้วยเดรสสายเดี่ยวสีดำเป็นประกายกากเพชรตรงช่วงอก ความยาวของมันไม่ถึงครึ่งของต้นขาขาว ยิ่งพนักงานจับตัวคริสตัลให้พลิกหันหลัง ผมก็เห็นว่าชุดเว้าหลังที่ตัวเองเลือกกับมือช่างเหมาะกับแผ่นหลังขาวเนียนไร้ริ้วรอยเสียเหลือเกิน สายสีดำที่กว้างไม่ถึงหนึ่งนิ้วเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเนื้อผ้าทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แม้จะมีสายเล็กๆ นั่นพาดกลางหลังแต่มันไม่ได้ช่วยปกปิดแรงดึงดูดที่แผ่ออกมาจากแผ่นหลังบางนั่นได้เลย
รู้ตัวอีกที...ผมก็หยุดยืนประชิดตัวเธอแล้ว
“นายเลือกชุดบ้าๆ ให้ฉันทำมะ...ออกไปนะ!” คำพูดคริสตัลถึงกลับสะดุดเมื่อหันมาเจอผมยืนเกือบจะแนบชิดตัวเธอ แต่เมื่อผมไม่ยอมขยับเธอก็เป็นฝ่ายถอยหลังออกไปแทน พนักงานก็รู้หน้าที่ว่าควรออกไปทำให้ทั้งบริเวณนี้เหลือแค่ผมและคริสตัล
“...”
ผมยืนล้วงกระเป๋ากางเกงห้าส่วนของตัวเองนิ่งๆ ขณะที่ใช้สายตากวาดไปทั่วร่างบางตรงหน้า เดรสที่แนบไปกับทุกส่วนเว้าส่วนโค้งทำให้เห็นรูปร่างของคริสตัลได้ชัดกว่าทุกวัน แม้ว่าผมจะเคยเห็นมากกว่านี้แต่มันก็นานมาแล้ว
สวย...เซ็กซี่ นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดในเวลานี้
“นายต้องการทำอะไรกันแน่ไค!! พาฉันมาใส่ชุดบ้าๆ พวกนี้ทำไม!”
“...”
ผมเพิกเฉยคำถามของเธอด้วยการหันหลังแล้วเดินออกจากห้องลองชุดไปจ่ายเงินแล้วจัดการสั่งงานให้กับผู้จัดการร้าน หลังจากนั้นไม่นานนัก คริสตัลก็เดินออกมาจากห้องลองชุดแล้วถูกพาขึ้นไปยังชั้นสองของร้านที่เปิดเป็นร้านเสริมสวยโดยที่คริสตัลไม่โวยวายสักคำ
ผู้หญิงอย่างคริสตัลไม่โวยวายต่อหน้าคนอื่นให้เสียหน้าหรอก...หึ
“จัดการให้ด้วยนะครับ” ผมบอกผู้จัดการร้าน
“ไม่ต้องห่วงค่ะ”
4 ชั่วโมงต่อมา
รถคู่ใจหยุดลงหน้าผับที่ดีที่สุดย่านกังนัม พนักงานที่เห็นว่าผมมารีบเข้ามาต้อนรับอย่างดี ผมส่งกุญแจรถให้พนักงานรับรถไปดูแลต่อก่อนจะรีบเดินไปหาร่างบางที่กำลังคิดหนี
“จะไปไหน!” ผมดุเสียงดังแล้วรีบจับข้อศอกคริสตัลก่อนจะกระชากให้เธอหันกลับมา “ฉันสั่งให้เธออยู่ในรถไม่ใช่หรือไง”
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม! แล้วไอ้เสื้อผ้าพวกนี้อีก!” คริสตัลแหวใส่หน้าผมพลางสะบัดข้อศอกให้หลุดจากการจับกุม แต่ผมไม่ปล่อยให้มันหลุดไปได้ง่ายๆ พนักงานรับรถมองเราสองคนอย่างงงๆ แต่ก็ไม่กล้าเข้ามายุ่ง
“...”
“หรือนายจะแก้แค้นที่ฉันทำกับนาย”
“...”
“นายมันเลวไค นายคิดว่าฉันโง่จนไม่รู้เลยรึไงว่าตัวเองเคยนอนกับนายหรือเปล่า ฉันรอดูว่าเมื่อไหร่นายจะบอกความจริง แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือการหลอกลวงจากนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
“ก็แล้วไง...” ผมกลับด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึกผิด
“แล้วไงงั้นเหรอ ? ก็ไม่แล้วไง ฉันก็แค่ประจานความเลวของนายให้คนอื่นได้รู้ไง!”
“...”
“โอ้ย!” คริสตัลร้องเสียงหลงเมื่อผมออกแรงลากเธอเข้าไปข้างในโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว มือที่จับอยู่ตรงข้อศอกกำแน่นโดยไม่ได้คำนึงสักนิดว่าคนตัวเล็กจะเจ็บแค่ไหน ความโมโหที่ปะทุอยู่ในอกกำลังเข้าครอบคลุมจิตใต้สึกนึกของตัวเอง
เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นช่วงหัวค่ำทำให้แขกในผับยังไม่มี พนักงานที่รู้จักผมต่างก้มหัวให้อย่างนอบน้อม แต่ผมไม่สนจะทักทายกลับ คริสตัลที่ถูกผมลากอยู่พยายามแกะมือที่ติดหนึบบนข้อศอกเธอออกแต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมต้องสั่งสอนให้เธอรู้ว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างผม
หลายชั่วโมงที่ผ่านมาผมพาคริสตัลไปแต่งตัวและแต่งหน้าให้สวยเช้ง จริงๆ แล้วคริสตัลไม่ต้องแต่งอะไรก็สวยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากวันนี้ผมจะลงโทษเธอเลยต้องมีการลงทุนกันสักหน่อย และก็ได้ผลตามใจอยากเมื่อได้เห็นเธอในตอนนี้ ผมมั่นใจเลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนจะไม่อยากได้เธอ
ท่าทางงานประมูลวันนี้คงจะมันส์น่าดู...
“คุณคิม” ผู้จัดการที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเดินตรงเข้ามาหาผมทันทีที่ผมเข้ามาหยุดอยู่หลังร้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว “ทำไมวันนี้มาแต่หัววันเลยล่ะคะ”
“สวัสดีครับคุณฮโยริ” ผมทักทายผู้จัดการผับด้วยใบหน้าเรียบๆ ซึ่งเธอก็คงเดาออกว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ปล่อยฉันนะ!” คริสตัลที่เงียบไปนานโวยวายอีกครั้งเมื่ออยู่กันไม่กี่คน คราวนี้ผมยอมปล่อยตามที่เธอขอ “ฉันจะกลับ”
ว่าแล้วคริสตัลก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินกลับทันทีที่พูดจบ แต่ผมไม่ปล่อยให้มันได้เป็นอย่างนั้น ก้าวยาวเพียงสองก้าวก็เข้าขวางหน้าเธอได้ทัน
“ลองดูสิ...แล้วเธอจะเจอดี” ผมไม่ได้ขู่แต่คิดจะทำจริงหากเธอยังดื้อไม่ยอมหยุด สายตาเฉี่ยวอย่างผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูงในตอนนี้กลับเหลือเพียงแววตาเจ็บใจที่ใช้มองผมอย่างคนหมดทางสู้ คริสตัลยืนกำมือสองข้างแน่นและไม่ยอมพูดอะไร
ผมยิ้มอย่างเหนือกว่าก่อนจะถือโอกาสโอบเอวเธอให้เดินกลับไปทางคุณฮโยริที่ยืนมองเราสองคนอย่างงงๆ
“ผมฝากด้วยนะครับ”
“คุณคิมหมายถึงเรื่องอะไร”
อ่ะ...ผมลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ผับแห่งนี้เป็นของบ้านเทา ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนและมาใช้บริการที่นี่บ่อยๆ ทุกคนในที่นี้จึงเกรงใจผมไม่ต่างจากเทาเท่าไหร่นัก
“ของประมูลวันนี้ไงครับ”
“คะ ?!”
“วันนี้ผมขออาสาส่งของประมูลด้วยตัวเอง...”
“คุณคิมหมายถึง...”
“ใช่ครับ ผมหมายถึง...ผู้หญิงคนนี้” พูดพร้อมกับผลักหลังร่างบางในอ้อมแขนออกไปข้างหน้าเล็กน้อย
“นายหมายความไง นายจะทำอะไร!” คริสตัลหันกลับมาตะคอกใส่ผม แต่ผมไม่สนใจแล้วหันไปพูดกับผู้จัดการต่อ
“วันนี้ผมหวังว่าจะได้เห็นเธอเป็นของประมูลชิ้นสำคัญที่สุดนะครับ คุณฮโยริ”
น้ำเสียงไร้แววล้อเล่นทำเอาผู้จัดการร้านถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว ผิดกับผู้หญิงอีกคนที่สั่นด้วยความโกรธ
“ไค! ฉันไม่ใช่สิ่งของที่นายจะมาทำแบบนี้ได้นะ!!”
“ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง...เพราะไม่อย่างนั้นคุณได้ออกจากที่นี่แน่” เพิกเฉยกับเสียงโวยวายของคริสตัลแล้วกดดันผู้จัดการร้านต่อ
“แต่...”
“ฝากด้วยนะครับ คุณฮโยริ” ผมเอ่ยบอกเสียงนิ่งหากแต่เจือปนไปด้วยความน่ากลัว
ผู้จัดการร้านพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงรับปาก เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังคริสตัลที่มองผมตัวสั่นปากสั่น
ผมจับปลายคางคริสตัลขึ้นมามองใกล้ๆ แต่คนสวยกลับสะบัดหน้าหนีมือผมอย่างรังเกียจ
“ไม่ต้องกลัว...คืนนี้เธอจะได้ช่วยเด็กด้อยโอกาสอีกหลายคน”
“...”
“แล้วเจอกัน”
ผมและคริสตัลมองหน้ากันเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน สำหรับผมมันไม่มีอะไรไปมากกว่าต้องการสั่งสอนเธอ ส่วนคริสตัลคงกำลังรู้สึกโกรธที่ถูกกระทำคล้ายผู้หญิงอย่างว่า...และนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการให้เธออ้อนวอนขอร้องผมให้ปล่อยเธอไป...ผมหวังว่าจะได้เห็นนะ
“...”
คริสตัลก็ยังคือคริสตัล แม้ว่าจะเป็นวินาทีสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้อง...เธอก็ไม่พูดอะไร
1.00 น.
“ถึงเวลาแล้วครับกับของชิ้นพิเศษสุดสำหรับคุณผู้ชายในค่ำคืนนี้~ อย่างที่รู้กันว่างานประมูลนี้จัดขึ้นมาเพื่อหาเงินเข้ามูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้วยโอกาส เพราะฉะนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากกระเป๋าของทุกท่านนั้นนับเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งด้วย ได้ทั้งของ ได้ทั้งบุญคุ้มมั้ยคร้าบบบบ~”
“คุ้ม ฮู้วๆๆๆ”
“และก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่เราจะเผยของประมูลชิ้นสุดท้าย...เมื่อกี้ผมแอบไปส่องดูแล้วขอบอกเลยว่าใครที่ได้ไปคุ้มแน่นอน ถ้าทุกท่านอยากรู้ว่าคุ้มแค่ไหน ผมจะแอบบอกใบ้ให้ก็ได้ว่าสิ่งนี้ได้รับอภินันทนาการมากจาก...คุณคิมไค ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ”
พิธีกรผายมือมายังผมที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่กลางร้านซึ่งเป็นที่วีโอพี ผมยกแชมเปญขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะจิบมันเข้าปากช้าๆ สายตาจับจ้องไปบนเวทีขนาดกลางที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยหรู พิธีกรคนเดิมพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยสัญญาณให้ของประมูลชิ้นสุดท้ายขึ้นมา
เวทีที่ยกตัวสูงขึ้นประมาณสองเมตรแยกออกจากกันพร้อมกับกล่องใสขนาดใหญ่พอจะให้ผู้หญิงเข้าไปอยู่ได้ เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วร้านเมื่อเห็นของประมูลชิ้นนี้ แม้แต่ผมที่เป็นคนพาเธอมายังอดไม่ได้ที่จะตะลึง...
ร่างบางที่ถูกมัดมือมัดปากยืนอยู่ในกล่องนั้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายหลายคนเกาะขอบเวทีพยายามส่งสายตาสำรวจผิวเนื้อขาวๆ ที่รอดพ้นจากเนื้อผ้า ชุดเดรสที่ผมซื้อให้ถูกฉีกออกให้สั้นกว่าเดิมจนปิดได้แค่แก้มก้น ผมยาวสลวยที่เคยปล่อยสยายกลางหลังถูกมัดรวบเป็นหางม้าขึ้นสูง เผยให้เห็นแผ่นหลังขวาเนียนน่าสัมผัสได้อย่างชัดเจอ
“เอาล่ะครับ~ เซอร์ไพร์สมั้ยที่คราวนี้ของประมูลเราเป็นสาวสวย ฮ่าๆ ผมบอกเลยว่าใครที่ได้ของประมูลชิ้นนี้ไปจะกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ดูขาขาวๆ ของเธอสิครับ!”
“ฮู้วๆๆ โห่ววๆๆๆ”
“ฟังจากเสียงแล้วหลายคนคงถูกใจ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขอเริ่มประมูลสาวสวยคนนี้ที่หนึ่งล้านวอน”
“ฮู้วๆๆๆๆ”
เสียงโห่วร้องอย่างป่าเถื่อนทำเอาคริสตัลกลัวจนไม่กล้ามองมาด้านหน้า ผมที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างสะใจที่เห็นคริสตัลหน้าหงอ อีกไม่นานเธอคงต้องขอร้องให้ผมช่วยเธอ หึ
“อ่ะ อย่าเพิ่งรีบประมูลนะหนุ่มๆ เรามาทำความรู้จักสาวสวยคนนี้ก่อนดีกว่า...ขอเสียงปรบมือต้อนรับของขวัญชิ้นพิเศษที่สุดหน่อยครับทุกคนนนน~”
“ฮู้วๆๆ ขาวมากเลยโว้ยยยย”
“สวยสัด หุ่นเอ็กซ์มาก”
“ฮู้ววว น้องสาวสนใจพี่มั้ยคร้าบบบบ~”
คริสตัลถูกคุณฮโยริดึงออกมาจากตู้ใสแล้วถูกผลักให้มายืนข้างพิธีกร ก่อนที่ผู้จัดการร้านจะจัดการดึงเทปที่ปิดปากและที่มัดข้อมือเธอออก คริสตัลอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็เลือกที่จะไม่โวยวายและปล่อยให้ผู้ชายหน้าเวทีมองเธออย่างโลมเลียต่อไป
เมื่อไหร่เธอจะขอร้องให้ผมช่วย...
“เพื่อไม่ให้สินค้าเราด่างพร้อย ผมขออนุญาตให้เธอแนะนำตัวสั้นๆ แล้วกันนะครับ”
“...” คริสตัลเงียบพลางใช้สายตาสอดส่องไปทั่วร้านเหมือนกำลังหาใครบางคน ไม่นานนักคนเธอก็สบตาเข้ากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“คุณช่วยแนะนำตัวเองให้แขกรู้จักหน่อยสิครับ” พิธีกรยื่นไมค์ไปให้คริสตัล
“...”
“เอ่อ...คุณครับ”
“ฉันเกลียดนาย...จะเกลียดนายตลอดไป” คริสตัลพูดพลางสบตามองผมอย่างเย็นชา
“...”
เกิดความเงียบสงัดทั่วทั้งบริเวณ ผ่านไปหลายวินาทีพิธีกรถึงจะดึงบรรยากาศสนุกสนานกลับมาใหม่ด้วยการเปิดเพลง ผมยกแชมเปญขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วกระแทกมันลงบนโต๊ะอย่างโมโห เสียงเพลงชวนให้ขยับแข้งขยับขาไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกเย็นลงเลยสักนิด
“เต้นให้ดูหน่อยสิคนสวย”
“ถ้าหนูเต้นถูกใจพี่ พี่จะทุ่มสุดตัวเลย”
เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายเรียกร้องให้คริสตัลเต้นผมถึงรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น สายตาผู้ชายทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังคริสตัลอย่างมีความหมาย ร่างบางที่ยืนอยู่บนเวทีเหมือนไม่ได้สนใจเสียงนกเสียงกาพวกนั้นเลยสักนิดเพราะเธอเอาแต่มองมายังผม...และมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่เห็นประกายใสๆ ฉายในดวงตาคู่นั้น
ไม่...ผมต้องตาฝาดแน่ๆ
และผมก็เชื่อว่าตัวเองตาดฝาดจริงๆ เมื่อเห็นคริสตัลรูดยางรัดผมลงก่อนจะสะบัดหัวสองสามทีเพื่อให้ผมเข้าทรง เธอดูเซ็กซี่ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อทำอย่างนั้น...เธอจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองทำให้ผู้ชายทุกคนในที่นี้ร้อนเป็นไฟ
“โฮ้วววววววว”
เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างบางบนเวทีเริ่มยกตัวส่ายสะโพกเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง เดรสเลิกขึ้นสูงจนผู้ชายหลายคนน้ำลายแทบหก เสียงโห่ร้อง ‘เอาอีกๆ’ ดูเหมือนจะทำให้คริสตัลยิ่งคึกเธอถึงได้กรีดยิ้มหวานให้ทั่วทุกทิศทาง รวมทั้งผมด้วย
กรอด…ผมกัดฟันแน่นที่เห็นเธอเต้นยั่วบนเวทีอย่างสนุกสนาน ใบหน้าหงอๆ เมื่อตอนแรกหายไปแล้ว แววตาเฉี่ยวในตอนนี้ดูเซ็กซี่และร้อนแรงพอจะเผาหัวใจชายหนุ่มภายในเสี้ยววินาที ขาเรียวสวยบนส้นสูงกว่าสี่นิ้วขยับไปมาอย่างยั่วยวน เช่นเดียวกับสะโพกที่ส่ายไปส่ายมาอย่างรู้จังหวะ
ปึก!
ผมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อระบายความร้อนในอก แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ถ้าเธอเพียงแค่เอ่ยขอร้องผมสักนิด ผมพร้อมที่จะไปดึงเธอลงมาจากเวทีแล้วพากลับบ้าน ดีไม่ดีอาจจะไม่โกรธเธอด้วยซ้ำ เพราะผมรู้ว่าสาเหตุมันมาจากผมเป็นฝ่ายกระทำกับเธอก่อน คริสตัลถึงได้เอาคืนผม
ยังไงก็ตามดูเหมือนทุกอย่างจะผิดแผนไปหมดเมื่อคริสตัลไม่ยอมแพ้แล้วโต้กลับมาด้วยวิธีการนี้!
“!!!”
ผมเบิกตาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นบนเวที...ผู้ชายร่างสูงโปร่งกระโดดขึ้นเวทีไปเต้นกับเธออย่างแนบชิด มือหนาโอบเอวร่างบางพลางรั้งให้เข้ามาใกล้ คริสตัลดูตกใจในวินาทีแรก หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นโอบคอร่างสูงไว้แทนจากนั้นทั้งคู่ก็เต้นด้วยกันเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง
“!!!”
ผมถึงกับลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าคริสตัลซุกหน้าเข้าแนบกับอกแกร่งแล้วหันมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนประสาท ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังผละออกไปจากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างโน้มใบหน้าร่างสูงเข้ามาหอมแก้มเบาๆ คล้ายให้รางวัล
“...” ผมยืนกำหมัดแน่นมองภาพสองคนนั่นเต้นคู่กันบนเวทีด้วยอารมณ์เดือดจัด เดือดจนผมรู้สึกถึงความร้อนที่ผุดขึ้นบนใบหน้า ผมคงไม่เป็นหนักขนาดนี้หากผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก!
ปาร์คชานยอล!!
ลูกพี่ลูกน้องของไอ้เทามันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“หลีกทาง!!”
ผมละสายตาจากเวทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นร้าน หลายคนหันมามองผู้มาใหม่ หลายคนยังคงสนใจคู่บนเวที ผมเองก็หันมองตามเสียงตามสัญชาตญาณก็พบว่าคนรู้จักผมมาอีกคนแล้ว
แต่ผมไม่สนใจทักมันเพราะต้องการขึ้นไปดึงตัวคริสตัลให้ลงจากเวที แต่ก้าวได้เพียงแค่สามก้าว ลีแทมินก็เดินตัดหน้าผมไปก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีจากด้านหน้า
...
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ เสียงเพลงถูกปิด คริสตัลกับชานยอลก็ผละออกจากกัน
“แทมิน...” คริสตัลเอ่ยเสียงเบาด้วยความตกตะลึง
“คลุมไว้ซะ” เสียงทุ้มต่ำสั่งพร้อมกับโยนเสื้อโค้ทสีน้ำตาลคลุมไหล่เธอไว้ เนื่องจากขนาดตัวที่ต่างกันทำให้เสื้อโค้ทปิดเกือบถึงสะโพก
ผมมองการกระทำของเพื่อนตัวเองนิ่งๆ ก่อนที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่เห็นมันดึงคริสตัลเข้ากอดแนบอกก่อนจะพาเธอเดินลงมาจากเวทีโดยที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากห้าม คงเพราะทั้งตกใจที่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นและเพราะเห็นลีแทมินนายแบบชื่อดัง
“...”
“...”
ผมเดินไปหยุดตรงหน้าทั้งสองคน แทมินชะงักไปเมื่อเห็นผม ส่วนคริสตัลเลี่ยงที่จะหลบสายตา
“มึงจะพาของประมูลกูไปไม่ได้”
แม้จะรู้ว่าการพูดอย่างนี้จะทำให้เพื่อนโกรธ..แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก
“มึงทำกับผู้หญิงอย่างนี้ได้ไง” แทมินถามกลับด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง รอยช้ำที่มุมปากจากเหตุการณ์ช่วงบ่ายทำให้ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เผลอลงมือกับเพื่อน แต่ถึงกระนั้นผมก็เลือกที่จะพูดจากเลวๆ ออกไป...
“ผู้หญิงของกู...กูจะทำยังไงก็ได้”
“ไอ้#$%” แทมินสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าผม ก่อนที่จะเข้ามาหมายจะเล่นงานแต่ถูกมือเล็กๆ ของผู้หญิงข้างกายห้ามไว้ก่อน คริสตัลมองแทมินแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“...” ผมยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆ
“ได้ มึงอยากเล่นประมูลมากนักใช่มั้ย ได้!!”
ปึก!
กระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบเล็กลอยมากระทบใบหน้าเขาอย่างจัง ความแข็งของมันทำเอาผมย่นหน้าลงด้วยความเจ็บ
“เอาไปเลย แล้วอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกูอีก! ไอ้เชี่ย!”
กว่าผมจะรู้สึกตัวอีกทีแทมินก็พาคริสตัลออกจากร้านไปแล้ว...ผมก้มลงมองกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาบที่หล่นอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก
เธอออกไปกับเขาแล้ว...
------------------------------------
Sulli’s part
ฉันโค้งตัวเล็กน้อยทักทายผู้ใหญ่หลังจากที่เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูล ‘หวัง’ ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะอาการเทาป่วยหนักจนเขาต้องยอมฝืนตัวขับเรือกลับมาเพียงลำพัง (ฉันขับไม่เป็นน่ะ) โดยที่ฉันขู่ว่าถ้าเขาไม่ไปหาหมอภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันจะตัดขาดกับเขาจริงๆ เทาถึงได้ยอม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสารภาพว่าตัวเองโกหกเรื่องน้ำมันเรือหมดด้วย
พอมาถึงท่าเรือก็มีลูกน้องเขามารับและพามายังที่นี่เนี่ยแหละ ตอนนี้เทาถูกพาเข้าห้องนอนเพื่อรับการตรวจแล้ว ส่วนฉันถูกเรียกตัวจากผู้ใหญ่ ไม่ใช่ใครที่ไหน...พ่อฉันกับพ่อเทานั่นแหละ
“เป็นไงบ้างลูก ไม่เป็นไรใช่มั้ย ?” พ่อฉันถาม
“ไม่ค่ะ หนูสบายดี”
“แล้วทำไมพี่เทาถึงป่วยได้ล่ะ”
“เขาตากฝนน่ะค่ะ”
“...?”
เมื่อเห็นท่านทั้งสองมีสีหน้างุนงง ฉันจึงอธิบายเพิ่ม
“เราทะเลาะกันเล็กน้อย หนูก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเทาจะตากฝนจนป่วยหนักแบบนี้”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกหนูซอล ตาเทามันอึดจะตาย เดี๋ยวมันก็หาย”
ฉันยิ้มให้ลุงลี่หงแล้วพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่คุณลุงเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู
“พ่อหวังว่าหนูกับตาเทาจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
“...”
“ถ้าเทามันเคยทำอะไรให้หนูไม่พอใจ พ่อต้องขอโทษด้วยที่เลี้ยงลูกไม่ดีพอ ตาเทามันเครียดนะ...ถึงมันจะไม่พูดอะไรแต่พ่อก็รู้ว่ามันต้องมีใจให้หนูบ้าง เมื่องั้นมันคงไม่ตื่นเต้นที่จะได้หมั้นกับหนูหรอก”
“...”
“หวังว่าหนูเองก็จะรักมันเหมือนกัน”
“...”
ฉันสบตาคุณพ่อของคู่หมั้นที่มองมาอย่างอบอุ่น เวลาเห็นหน้าลุงลี่หงแล้วฉันมักจะนึกถึงหน้าเทาเป็นประจำ ทั้งสองคนมีบุคลิกคล้ายกันนั่นคือดุหากแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“หนูจะดูแลเทาให้ดีค่ะ...”
“ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ ส่วนอย่างอื่นไม่ต้องพูดหรอก...เอาไว้บอกตาเทามันดีกว่า มันคงอยากได้ยินมากกว่าคนแก่ๆ อย่างเรา” คุณลุงลี่หงพูดอย่างมีเล่ห์นัย ซึ่งฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
“ค่ะ...เอ่อ...หนู...” ฉันอึกอักเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่ง...เป็นเรื่องที่ฉันสงสัยมาตั้งแต่ตอนเทาป่วยอยู่บนเกาะแล้ว แต่เพราะตอนนั้นมันยุ่งๆ เลยไม่ได้ถาม
“มีอะไรหรือเปล่า” พ่อฉันถาม
“คือ…หนูสงสัยเรื่องบางอย่างน่ะค่ะ”
“หือ ? เรื่องอะไรเหรอหนูซอล” คุณลุงลี่หงถาม
“เรื่องเกาะน่ะค่ะ” ฉันกลั้นใจถามออกไปพลางมองผู้ใหญ่ทั้งสองคน
“...”
“มันเป็นแผนของเทาใช่มั้ยคะ ? คนร้ายพวกนั้นก็เป็นคนของเทาใช่มั้ยคะ”
“...”
“บอกหนูมาเถอะค่ะ”
ผู้ใหญ่ทั้งสองหันหน้าเขาหากันก่อนจะกลืนน้ำลายลงคงอึกใหญ่ ฉันที่เห็นอย่างนั้นเลยรู้ทันทีว่าทุกอย่างที่ฉันสงสัยเป็นเรื่องจริง! ถ้าตอนนั้นฉันไม่ไปหายาให้เขา ฉันคงไม่ไปเจอพวกวัตถุดิบมากมายที่เก็บไว้ในตู้เย็นอีกตู้หรอก เหอะๆ เขานี่หลอกให้ฉันทานแต่มาม่ากับข้าวไข่ดาวอยู่ได้ตั้งหลายวัน
คอยดูนะ ตื่นมาเมื่อไหร่จะด่าซะให้เข็ด!
จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางกว่าผู้ชายทั่วไป ผิวขาวอมน้ำผึ้งเนียนซะจนมองไม่เห็นรูขุมขน ขนตายาวเป็นแพรทำให้เขาตาเทาดูอ่อนโยนขัดกับดวงตาตวัดเฉียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในสายตาฉันตอนนี้ช่างรับกับใบหน้าของเขาเหลือเกิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้มองเขาใกล้ๆ หากแต่เป็นครั้งแรกที่ฉันสำรวจใบหน้าเขาโดยปราศจากอคติ
“นายก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ ไม่น่าล่ะสาวถึงได้เยอะนัก”
ฉันเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเขากับคู่ขาในห้องนอนวันนั้น ผู้ชายเป็นอย่างนี้กันทุกคนเลยรึไง
“ถ้านายทำเรื่องแบบนั้นอีก ฉันจะฆ่านายด้วยมือตัวเองเลยคอยดู”
“ผมไม่มีทางทำแบบนั้นอีกแน่นอน”
“O_O”
พรึ่บ
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกตวัดขึ้นโอบรอบตัวฉันที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เขา เทาออกแรงรั้งให้ฉันหล่นลงไปนอนบนอกแกร่ง เหตุการณ์คล้ายกับที่เกิดขึ้นบนเกาะหากแต่ตอนนี้ฉันกำลังเป็นนอนคร่อมเขาอยู่!
“เป็นห่วงผมขนาดที่ไม่ยอมนอนหรือไงครับ”
“ไม่ใช่ย่ะ แค่มาดูว่านายจะตายเมื่อไหร่”
“ฮ่าๆ ปากแข็ง”
ฉันเบ้ปากใส่เทาอย่างหมั่นไส้ที่เห็นเขาหัวเราะ นี่ขนาดตัวร้อนจี๋ยังมีหน้ามาหัวเราะได้อีก แขนสองข้างยันตั้งฉากกับที่นอนยันตัวขึ้นแต่เทากลับไม่ปล่อยให้ฉันลุกหนี เขารั้งเอวฉันไว้แล้วกดให้ลงมาทับตัวเขาอีกครั้ง
“เล่นอะไรบ้าๆ เนี่ย นายไม่สบายอยู่นะ!” ฉันบอกเทาเสียงดุแต่คนป่วยกลับยิ้มทะเล้น
“ผมแค่มีความสุข”
“ทำอย่างกับไม่เคยคบใครอย่างงั้นแหละ” พูดพร้อมกับจิกตาใส่เทา
“ไม่เชิง ผมคบหลายคนอยู่ แต่ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกดีเวลาได้อยู่ใกล้กัน”
“ฉันว่านายป่วยจนเพี้ยนไปแล้วนะจื่อเทา”
“ไม่เชื่อลองฟังเสียงหัวใจผมดูสิ”
“!!”
เทาไม่ได้พูดเปล่า เขากดใบหน้าฉันลงแนบไปกับก้อนเนื้อที่กำลังเต้นตุบๆๆๆๆ ไม่ต่างจากฉันเท่าไรนัก เขาไม่รู้หรือไงว่ายิ่งทำอย่างนี้ มันจะยิ่งเต้นเร็วนะ!
“ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใคร...นอกจากคุณ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแต่เทากลับเลี่ยงที่จะสบตา เขาหันไปด้านข้างพร้อมกับใบหน้าที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่ามาจากพิษไข้หรือเพราะคำพูดเลี่ยนๆ จากปากตัวเขาเองกันแน่ ยังไงก็ตามมันทำให้ฉันยิ้มได้แล้วกัน คิ
คางมนของตัวเองวางลงบนหน้าอกเขาพลางเอื้อมมือไปจับแก้มแดงๆ ทั้งสองข้างเบาๆ
“เขินเหรอ” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “หน้าแดงใหญ่เลย”
“บ้าเหรอ เพราะไข้ต่างหากล่ะ” เทาปฏิเสธโดยที่ไม่ยอมสบตาฉัน
“จริงเหรอ” ฉันล้อคนปากแข็งอีกครั้งพร้อมกับจับให้เทาให้มาสบตา “...ฉันรู้หรอกน่าว่านายเขิน พูดเองเขินเอง ฮ่าๆ”
“หยุดล้อได้มั้ย -//////-”
“คิๆ”
“นี่...จริงๆ แล้วหัวใจคุณก็เต้นแรงไม่แพ้ผมหรอกน่า” เทาเอ่ยพร้อมปรายตาลงต่ำอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันจึงไล่สายตาตามเขาจนกระทั่งตระหนักได้ว่าตัวเองก็เอาหัวใจไปแนบกับตัวเขาเหมือนกัน
!!!
ฮือ~ อย่างนี้เทาก็ต้องรู้น่ะสิว่าฉันใจเต้นแรงเหมือนเขา
“พูดไม่ออกล่ะสิ หึๆ”
ฉันตบหน้าเทาเบาๆ อย่างหมั่นไส้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งเทาก็ไม่ได้ห้ามอะไร เขาเอาแต่ยิ้มแล้วมองฉันด้วยสายตาเดียวกับที่ฉันล้อเลียนเขาเมื่อกี้
“ฉันว่าฉันไปหาอะไรให้นายทานดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่หิว”
“ไม่ได้ นายต้องทานยาหลังทานข้าว”
“...”
“เดี๋ยวฉันมา”
ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปทางประตู แต่เมื่อมือกำลังจะได้สัมผัสลูกบิดแรงจากทางด้านหลังก็รั้งเอวฉันไว้ซะก่อน
“อือ...ไม่เอา” เทางอแงอยู่ข้างหูพลางใช้จมูกร้อนๆ ของเขาไซร้ไปตามใบหูอย่างน่าหวาดเสียว
ให้ตายสิ ตัวร้อนๆ เพราะพิษไข้ของเขามันกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า
“ไม่ได้นะ นายต้องกินยา ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนอยู่บนเกาะไม่มียาให้กินแล้วนายดันป่วยหนักกว่าเดิม”
“ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆ”
“อย่ามาตลก ฉันอยู่ข้างนายไปตลอดไม่ได้หรอกย่ะ ปล่อยมือได้แล้ว เดี๋ยวก็ได้ตายจริงๆ หรอก” ฉันตีมือคนป่วยจอมดื้อที่กำลังกอดเอวฉันไว้แน่น เทาทำเสียง้อแง้แบบที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีมุมนี้อยู่ข้างหู อยากจะยิ้มอยู่หรอกนะ แต่เดี๋ยวเขาจะได้ใจ
“ทำไมคุณต้องใจร้ายกับคนป่วยด้วย” เทาพูดเสียงตัดพ้อ แต่ใบหน้าเขาไม่ได้ห่างไปจากตัวฉันเลยสักนิด ยิ่งตอนนี้เคลื่อนลงต่ำซะจนฉันหายใจไม่สะดวก “...หือ ตอบมาสิทำไมใจร้ายกับคนป่วยจัง”
“เทา ถ้าไม่ปล่อยฉันโกรธจริงๆ นะ”
พูดไปก็ไร้ประโยชน์เมื่อเทาซุกใบหน้าเขากับซอกคอฉันแล้วพ่นลมหายใจร้อนรดบนผิวเนียนคล้ายกับต้องการยั่วโมโหฉัน หะ ให้ตายสิ! เขากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย
“อื้อ” เสียงครางอย่างลืมตัวเกิดขึ้นเมื่อเทาใช้เขี้ยวแหลมคมทั้งสองกัดเบาๆ ที่ลำคอราวกับเป็นแวมไพร์กำลังล่าเหยื่อ
“ไม่ตอบเหรอ...งั้นต้องลงโทษหนักกว่านี้แล้วล่ะมั้ง”
“อ๊ะ”
มือหนาจับฉันพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับเขาจากนั้นฝ่ายชายก็รั้งฉันเข้าไปใกล้ก่อนที่จะโน้มใบหน้าเขามาเรื่อยๆ จนจมูกเขาเราสองคนแตะกันเบาๆ
“เวลาป่วย...ผมไม่เคยพึ่งยา สิ่งที่ผมต้องการคือความอบอุ่นจาก...คุณ”
“...”
“เข้าใจมั้ยครับ ?”
“...”
ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆ ขณะมองหน้าเทา แก้มทั้งสองข้างร้อนจนฉันกลัวว่ามันจะไหม้ไปต่อหน้าต่อตาเขา ยิ่งดวงตาคมกำลังมองมาอย่างมีความหมายมันยิ่งทำให้ฉันลืมแม้กระทั่ง...หายใจ ทุกอย่างที่สื่อออกมาผ่านม่านนัยน์ตาสีเทามันเป็นเชื้อเพลิงที่กำลังแผดเผาให้ฉันตายในอ้อมกอดเขาดีๆ นี่เอง
“อือ” เนิ่นนานกว่าฉันจะเปล่งเสียงออกมาได้ เทายิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะลดระยะทางที่ยังเหลืออยู่ไม่ถึงเซนต์ออกไป แต่ทว่า...
แอ๊ด
“!!!”
“!!!”
ฉันคอแข็งทันทีที่รู้ว่ามีคนเปิดประตู แต่เมื่อจะหันกลับไปมองเทากลับใช้มือข้างหนึ่งรั้งท้าทอยฉันไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้
“เอ่อ...พ่อแค่จะมาดูว่าลูกเป็นไงบ้าง”
พะ พ่อ เขาเหรอ?!
“ผมเป็นไรครับ” เทาตอบเสียงนิ่งอย่างไร้ความอายกับท่าที่เรายืนอยู่ซึ่งคนเห็นคนคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว โชคดีที่ฉันหันหลังให้ผู้ใหญ่เลยไม่ต้องสู้หน้าใคร
“เท่าที่เห็นก็น่าจะเป็นอย่างงั้น”
ฮือ TAT ฉันอยากจะบ้าตาย~
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...” เทาพูด
“พ่อเข้าใจแล้ว ฮ่าๆ เชิญตามสบาย”
“ขอบคุณครับ”
ตาบ้านี่ก็มีหน้าไปไล่พ่อตัวเองอีก!
ปัง
“พ่อไปแล้ว ก็ปล่อยฉันสิ”
คิดๆ ดูแล้วต้องขอบคุณคุณลุงลี่หงที่เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน เพราะไม่อย่างนั้นฉันกับเทาคง...คง...คงอะไรก็ไม่รู้คิดเอาเอง!
“ปล่อยสิยะ” ฉันบอกเมื่อเทายังไม่ยอมเอามือออกจากท้ายทอยฉัน แถมแขนอีกข้างก็ยังรั้งเอวฉันไว้ไม่ปล่อยอีกต่างหาก
“พ่อบอกว่า...ตามสบาย” เทาพูดพร้อมกับส่งสายตามีเล่ห์นัยมาให้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
“...”
“ขอต่อจากที่ค้างไว้...”
ร่างสูงโน้มต่ำลงมาหมายจะชิมรสหวานบนริมฝีปากฉัน หากแต่...
ปึก!
“อั่ก! O[]O” เทาปล่อยมือจากร่างกายฉันแล้วงอตัวเป็นกุ้ง มือสองข้างย้ายไปกุมน้องชายตัวน้อยๆ กลางร่างที่เพิ่งโดนศอกด้วยเข่าฉัน
“สมน้ำหน้า”
“ซะ ซะ ซอลลี่” สีหน้าเจ็บปวดของเทาทำให้ฉันหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ฉันกอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างมีชัยก่อนจะแลบลิ้นให้เขาแล้วออกจากห้องไป
“แบร่ ;P”
คิดเหรอว่าจะแอ้มฉันได้ง่ายๆ ฝันไปเถอะย่ะ!
-----------------------------
ใครที่รอ NC คงต้องผิดหวังกันไป 5555555
ฉากๆ ร้อนๆ (ไม่ใช่เอ็นซี) ขอเลื่อนไปก่อน
ภายในวันพุธจะพยายามมาอัพให้ได้อีกตอนค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ไรเตอร์น้า~ เพราะอย่างงั้นเลยทำข้อสอบได้ 5555
มีอีกเรื่องหนึ่ง~ เราอยากให้กดโหวตตรงตรงเรตติ้งให้หน่อยได้มั้ยคะ
อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้างในความคิดโดยรวมของทุกคน จะน้อยจะมากไม่ว่ากัน
แต่งมาใกล้จะจบแต่เห็นมันนิ่งมานานมากเลยอยากสำรวจความชอบของเรื่องนี้นิดหนึ่ง
โหวตตามที่รู้สึกเลยค่ะ ^^ *ขอบคุณล่วงหน้า*
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านทุกท่าน
ความคิดเห็น