ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Exo fx ] It's over tonight

    ลำดับตอนที่ #34 : [[ It's over ]]: C T 29 // 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.51K
      1
      8 ก.ย. 56

















     

    ผ่านมาสองอาทิตย์หลังจากที่ผมกับคริสตัลร่วมรักกันครั้งแรก และนั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียว หลายวันที่ผ่านมา ผมแทบจะตามติดคริสตัลไปทุกๆ ที่...แต่ก็ แทบจะ เท่านั้นเพราะ...มีบางอย่างระหว่างเราสองคนเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมรู้สึกถึงมันได้ จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ดีก็ไม่เชิง

    ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแล้วล่ะก็...อืม อย่างเช่นเมื่ออาทิตย์ก่อน  คริสตัลไปหาเพื่อนที่ชื่อจงออบที่หอ ผมก็จะตามไปด้วยเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย แม้จะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คริสตัลไปคนเดียว ยอมรับเลยว่าผมหวงคริสตัลขึ้นหลายเท่าหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น

     

    มีแฟนสวยก็ต้องหวงกันเป็นธรรมดาล่ะครับ เอ่อ จริงๆ ก็ยังเรียก แฟน ไม่ได้ แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละครับ

     

    ต่อๆ ประเด็นคือคริสตัลไม่ให้ผมขึ้นไปด้วย บอกให้ผมรออยู่ที่รถแทนซะงั้น เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะครับ ผู้หญิงของผมอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั้นด้วย คุณคิดว่าคริสตัลจะยอมเชื่อฟังสิ่งที่ผมพูดมั้ยล่ะ เหอะๆ หัวดื้อและหยิ่งยโสอย่างเธอไม่ยอมผมเลยสักนิด จนท้ายที่สุดวันนั้นเราจบลงด้วยการทะเลาะกัน แล้วคริสตัลก็ไล่ให้ผมกลับบ้าน...ครับ ไล่ ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยครับ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งที่คิดว่าทุกกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับคริสตัลทะเลาะกันทุกวัน และผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกครั้ง ผมคิดว่าบางทีที่เธอแสดงออกอย่างนี้คงเป็นเพราะเธอยังเคืองเรื่องที่ผมปล้ำเธอตอนเมา

     

    ภาวนาว่าวันนี้เราจะไม่มีปากเสียงกันนะ

     

    วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ผมเลยมารับเธอที่มหาลัย  คริสตัลเรียนปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว คงอีกไม่นานผมคงจะได้แต่งงานกับเธอ ผมไม่มีเรียนและยังไม่ได้เริ่มทำงานจึงว่าง...ว่างขนาดที่ไปรับไปส่งแฟนได้ทุกวัน นั่นไง ร่างบางในชุดเดรสสีขาวสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเดินมานู้นแล้ว

     

    เดี๋ยวก่อนนะครับ! ในมือเธอมีดอกกุหลาบสีแดงช่อหนึ่งได้ยังไง

     

    อ่ะ ไม่ใช่แค่ช่อดอกไม้ แต่ยังมีผู้ชายหน้าตาดีเดินขนาบข้างเธอมาด้วย

     

    “คริสตัล!” ผมเรียกเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่คุยอยู่กับไอ้หน้าขาวจนไม่มองมาทางผมเลยสักนิด เมื่อคริสตัลหันมาเห็นผมเธอก็ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตาลง ก่อนจะเดินตรงมา ไอ้หน้าขาวก็ยังคงเดินอยู่ข้างๆ ผู้หญิงของผมเหมือนเดิม

    “จะมารับทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ”

    “ก็อยากเซอร์ไพรส์ แล้วนั่นใคร ?” ผมตอบกลับและถามต่อโดยที่สายตามองไปยังไอ้หน้าขาวอย่างไม่ชอบใจ ดูจากแววตาก็รู้ว่ามันจ้องจะจับผู้หญิงของผม ดูท่า...ดอกกุหลาบช่อนี้ก็คงมาจากมัน

    “นี่เพื่อนใหม่ฉัน ชื่อคิมจุนมยอนเพิ่งย้ายมาจากปูซาน ส่วนนี้ไค..คิมไคเป็นเพื่อน/แฟน!” ผมบอกเสียงดังจนแทบจะกลบเสียงคริสตัลมิด คนถูกขโมยคำพูดหันมามองผมอย่างไม่พอใจ แต่ใครสนล่ะ หึ

     

    เป็นไงล่ะทำหน้าเหวอเลย สมน้ำหน้า ไอ้วอก!

     

    แต่แล้วคนที่ทำหน้าเหวอเป็นรายต่อไปกลับเป็นผม

     

    “ไม่ใช่แฟนค่ะ ไคกับฉัน เราเป็นเพื่อนกัน”

    !!!

    “อ้อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณคิมไคเพื่อนคุณคริสตัล”

     

    ผมไม่สนใจน้ำเสียงเยาะเย้ยของมัน สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าเรียวที่ไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกผิดกลับสิ่งที่พูดออกไป

     

    เราเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ...

     

    เพื่อนเขานอนด้วยกันด้วยหรือไง ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “...”

     

    บรรยากาศในรถเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน ผมขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่ในหัวยังคิดถึงที่คริสตัลประกาศออกไปว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่คลาย ไม่ว่าจะพยายามทำความเข้าใจเหตุผลของเธอมากเท่าไหร่แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ผมมั่นใจมาตลอดว่าเธอก็คงมีใจให้ผมบ้างแหละ เพราะถึงจะเคยทำผิด แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พยายามทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเพื่อเธอแล้ว แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าคนข้างๆ มีใจให้ผมบ้างหรือเปล่า

     

    “ไค นายขับเลยคอนโดฉันแล้ว” เสียงใสเรียกให้ผมกลับมาสนใจภาพเบื้องหน้าจึงเห็นว่าตัวเองขับรถเลยมาไกลพอสมควร “เป็นอะไร โกรธที่ฉันพูดแบบนั้นเหรอ”

     

    เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงคล้ายคนห่วงใย หัวใจที่กำลังคุกรุ่นกลับเต้นรัวขึ้นมาซะอย่างนั้น...เฮ้อ ผมปล่อยให้คริสตัลมามีบทบาทกับชีวิตผมมากเกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้แล้วสินะ

     

    “ไม่หรอก” ผมตอบสั้นๆ แล้วหักพวงมาลัยกลับรถปาดหน้ารถอีกฝั่ง “คุณพูดถูกแล้ว” แม้จะดีใจที่เธอรู้ใจผม แต่มันก็อดที่จะประชดไม่ได้

    “...”

    “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

    “...”

    “แค่นอนด้วยกันเฉยๆ” มือกำพวงมาลัยแน่น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายคนน้อยใจ “มีแต่ผมที่รักคุณคนเดียว”

     

              ผมอยากจะเป็นผู้ชายที่มีความอดทนได้มากกว่านี้ อยากเป็นผู้ชายที่ใจเย็น รอคอยการตอบรับของหัวใจโดยไม่เร่งรีบ ผมอยากเป็นอย่างนั้น แต่ผมทำไมได้เพราะด้วยนิสัยของผมที่ไม่ใช่บุคคลประเภทนั้นเลยสักนิด ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วที่ผมทำตัวเป็นคนดีมาตลอด 24ชั่วโมง และผมก็อยากจะได้รับคำว่า รัก จากเธอเร็วๆ

     

              “ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะรักผม” คำบอกกล่าวที่ว่าปากไวกว่าสมอง เห็นท่าจะจริง

              “ไค”

              “ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ตั้งแต่คืนนั้นดูเหมือนคุณจะตีตัวออกห่างจากผมเสียเหลือเกิน ไหนบอกให้โอกาสผมไง ทำไมถึงทำเหมือนว่าเราเป็นแค่คนรู้จัก” ด้วยความที่อดกลั้นมานาน ผมเลยเอ่ยถามทุกอย่างที่สงสัย คริสตัลไม่ได้เย็นชากลับผมแค่เรื่องเดียว แต่มีอีกหลายเรื่องที่เธอปฏิเสธผม เช่น เธอไม่ให้ผมขึ้นไปบนห้อง แค่ส่งหน้าคอนโดก็พอ ทั้งที่แต่ก่อนผมเข้าออกห้องเธอออกจะบ่อย ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งคริสตัลยังทำเหมือนตัวเองไม่มีพันธะด้วยการให้เบอร์ผู้ชายที่เข้ามาขอเวลาเราไปเที่ยวกันด้วยหกัน นอกจากนี้คริสตัลยังไม่รับสายผม โดยอ้างว่าไม่ว่าง และมีอีกหลายๆ เรื่องที่ทำเอาผมคิดหนัก อ่ะ แต่ยกเว้นช่วงที่ผมเจอกับซูจีนะ เมื่ออยู่ต่อหน้าซูจี คริสตัลแสดงว่าเป็นคนรักของผมทันที

             

              ผมมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง คริสตัลเปลี่ยนไป

     

              “ถึงแล้ว จอดตรงนี้แหละ” คริสตัลไม่ตอบแต่กลับบอกให้ผมจอดรถ

              “ยังไม่ตอบผมเลย” น้ำเสียงเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจเพราะอารมณ์แบบเมื่อก่อนเริ่มกลับมาอีกครั้ง ยิ่งเห็นใบหน้าไม่แยแสของเธอแล้วผมก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้

     

            เอี๊ยดดดดดดดดด

     

            ผมเบรกรถอย่างแรงเมื่อมาถึงที่หมาย คริสตัลตวัดสายตามองผมอย่างไม่พอใจ แต่ใครสนล่ะ ตอนนี้ผมโมโหมากที่เธอบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน โมโหจนอยากจะดึงเธอเข้ามาประกบปากแล้วสั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างว่าเธอ-เป็น-ของ-ผม-แล้ว และเป็น-ของ-ผม-คน-เดียว-เท่า-นั้น!

     

              “วันหลังถ้าไม่อยากมารับก็บอก ฉันขับรถไปเองได้”

              “จะเอายังไง ? ผมยอมคุณทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้...ผมยอมไม่ได้จริงๆ เพื่อนที่ไหนเขานอนด้วยกันบ้างล่ะ”

              “แน่แหละ ก็นายนอนกับผู้หญิงมาเป็นร้อยแล้วหนิ สงสัยคงจะเป็นมากกว่าเพื่อนทุกคน”

              “ผมให้ตอบไม่ใช่ให้ย้อน”

     

              ให้ตายสิ คริสตัลเห็นผมใจดีขึ้นมาหน่อยนี่ปากดีขึ้นเยอะเลยนะ

     

              “ฉันพูดความจริง” คริสตัลยักไหล่ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทันได้ก้าวออกไปก็ถูกแขนผมรั้งเอวบางเข้ามานั่งตักตัวเองซะก่อน “ไค! ปล่อย!!

              “ไม่! ผมจะทำให้คุณรู้ว่าผมเป็นมากกว่าเพื่อน แม้จะไม่ใช่แฟนแต่ก็ไม่เหมือนไอ้พวกผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณ เพราะผมมีสิทธิในตัวคุณทุกอย่าง!

     

              ไม่ใช่แค่ประกาศศักดาด้วยคำพูด ทว่ามือทั้งสองข้างที่จับเอวบางอยู่ก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ผมลูบไล้เอวเธอพลางใช้จมูกสูดดอมกลิ่นหอมจากท้ายทอย...ซอกคอ...เนินไหล่ ทุกที่ที่ริมฝีปากหยักสัมผัสเนื้อสาว ผมก็มิวายที่จะฝากรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของไว้ ให้มันรู้ซะมั้งว่าใครเป็นใคร!

     

            ปิ้นนนน ปิ้นนนน

     

              “อื้อ ปล่อยนะไค!” แม้คริสตัลจะดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักแกร่งอย่างรุนแรงจนเผลอไปโดนแตรรถ แต่ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การกักขังของผมจนท้ายที่สุดเธอก็ยอมอยู่นิ่งๆ และปล่อยให้ผมตักตวงความหวาน...ความหอมจากเธอได้อย่างหนำใจ

     

              ยิ่งได้สัมผัส สูดกลิ่นกายแสนหอมก็ยิ่งทำให้คุมอารมณ์ไม่อยู่จนต้องจับปลายคางมนให้หันมารับจูบอันร้อนแรงทว่าอ่อนหวานไปในคราเดียวกัน เธอไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้กลับมา

     

              ผมจะทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของคิมไค...คิมไคคนเดียว!!

     

              เวลาผ่านไปเนิ่นนานที่ผมเฝ้าตักตวงความหวานจากริมฝีปากสีเชอร์รี่  ลิบสติกที่เธอทามาถูกผมกลืนกินจนไม่หลงเหลือร่องรอย เมื่อคิดว่าคนขนตักหน้าจะหายดื้อแล้วผมถึงยอมผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งที่ยังหลับตา

     

              เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นคริสตัลเสมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำราวกับคนเป็นไข้ ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเธอ มันน่ารักจนอยากจะดึงเข้ามาจูบแรงๆ อีกสักรอบ แต่ยังก่อน...

     

              ผมมีแผนที่จะกระตุ้นความรู้สึกของเธอ หึๆ

     

              คิดได้ดังนั้นผมก็ตีหน้าขรึมแล้วอุ้มเธอกลับไปนั่งยังเบาะข้างคนขับเหมือนเดิม

     

              “เราลองห่างกันดูสักพักมั้ย ?” แสร้งทำเสียงเศร้าพร้อมกับทอดมองนัยน์ตากลมด้วยสายตาน้อยใจ “ถ้าคุณอยู่ได้โดยไม่มีผมตลอดหนึ่งอาทิตย์ แสดงว่าคุณไม่ได้รักผมจริงๆ”

              “...”แววตาคริสตัลฉายแววสับสนแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร

              “หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ ผมจะไม่ติดต่อ ไม่ส่งข้อความ และไม่มาให้คุณเจอหน้า ลองดูไว้ใจคุณคิดถึงผมเหมือนที่ผมจะคิดถึงคุณบ้างมั้ย”

              “!!!

              “ศุกร์หน้า...เป็นวันเกิดผม ผมจะรอคำตอบตรงที่ที่เราเจอกันครั้งแรก” ทั้งน้ำเสียงและแววตาไม่มีแววล้อเล่นปรากฏออกมา “ถ้าคุณมาแสดงว่าคุณรักผม แต่ถ้าไม่...แสดงว่าคุณปฏิเสธ”

              “แต่อาทิตย์หน้าฉัน...”

              “ไม่มีแต่” ผมหยุดคำพูดเธอไว้ “ไม่มีเงื่อนไขใดๆ สำหรับเรื่องนี้”

              “ฉัน...” คริสตัลเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่พูดเพราะสบตาเข้ากับแววตาจริงจังของผมเข้าซะก่อน “เข้าใจแล้ว...อาทิตย์หน้าวันศุกร์ใช่มั้ย”

              “อือ”

              “ได้” คริสตัลยอมรับง่ายๆ น้ำเสียงและสายตาไม่ได้บ่งบอกว่าจะมาหรือไม่มาเลยสักนิด เธอเปิดประตูลงแล้วเดินหายลับเข้าไปหลังประตูโดยที่ไม่หันมามองผมเลยสักนิด

     

              วูบหนึ่ง...ผมรู้สึกเสียใจที่ตัวเองตั้งข้อตกลงแบบนั้นออกไปเพราะถ้าเธอไม่มา...

     

              ผมจะมีชีวิตอยู่อย่างไร...

     

     

     

     

    ----------------------------------------------

     35%







     

    ผ่านมาสองอาทิตย์หลังจากที่ผมกับคริสตัลร่วมรักกันครั้งแรก และนั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียว หลายวันที่ผ่านมา ผมแทบจะตามติดคริสตัลไปทุกๆ ที่...แต่ก็ แทบจะ เท่านั้นเพราะ...มีบางอย่างระหว่างเราสองคนเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมรู้สึกถึงมันได้ จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ดีก็ไม่เชิง

     

    ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแล้วล่ะก็...อืม อย่างเช่นเมื่ออาทิตย์ก่อน  คริสตัลไปหาเพื่อนที่ชื่อจงออบที่หอ ผมก็จะตามไปด้วยเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชาย แม้จะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คริสตัลไปคนเดียว ยอมรับเลยว่าผมหวงคริสตัลขึ้นหลายเท่าหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น

     

    มีแฟนสวยก็ต้องหวงกันเป็นธรรมดาล่ะครับ เอ่อ จริงๆ ก็ยังเรียก แฟน ไม่ได้ แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละครับ

     

    ต่อๆ ประเด็นคือคริสตัลไม่ให้ผมขึ้นไปด้วย บอกให้ผมรออยู่ที่รถแทนซะงั้น เรื่องอะไรผมจะยอมล่ะครับ ผู้หญิงของผมอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั้นด้วย คุณคิดว่าคริสตัลจะยอมเชื่อฟังสิ่งที่ผมพูดมั้ยล่ะ เหอะๆ หัวดื้อและหยิ่งยโสอย่างเธอไม่ยอมผมเลยสักนิด จนท้ายที่สุดวันนั้นเราจบลงด้วยการทะเลาะกัน แล้วคริสตัลก็ไล่ให้ผมกลับบ้าน...ครับ ไล่ ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยครับ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งที่คิดว่าทุกกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกับคริสตัลทะเลาะกันทุกวัน และผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกครั้ง ผมคิดว่าบางทีที่เธอแสดงออกอย่างนี้คงเป็นเพราะเธอยังเคืองเรื่องที่ผมปล้ำเธอตอนเมา

     

    ภาวนาว่าวันนี้เราจะไม่มีปากเสียงกันนะ

     

    วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ผมเลยมารับเธอที่มหาลัย  คริสตัลเรียนปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว คงอีกไม่นานผมคงจะได้แต่งงานกับเธอ ผมไม่มีเรียนและยังไม่ได้เริ่มทำงานจึงว่าง...ว่างขนาดที่ไปรับไปส่งแฟนได้ทุกวัน นั่นไง ร่างบางในชุดเดรสสีขาวสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยเดินมานู้นแล้ว

     

    เดี๋ยวก่อนนะครับ! ในมือเธอมีดอกกุหลาบสีแดงช่อหนึ่งได้ยังไง

     

    อ่ะ ไม่ใช่แค่ช่อดอกไม้ แต่ยังมีผู้ชายหน้าตาดีเดินขนาบข้างเธอมาด้วย

     

    “คริสตัล!” ผมเรียกเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่คุยอยู่กับไอ้หน้าขาวจนไม่มองมาทางผมเลยสักนิด เมื่อคริสตัลหันมาเห็นผมเธอก็ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตาลง ก่อนจะเดินตรงมา ไอ้หน้าขาวก็ยังคงเดินอยู่ข้างๆ ผู้หญิงของผมเหมือนเดิม

    “จะมารับทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ”

    “ก็อยากเซอร์ไพรส์ แล้วนั่นใคร ?” ผมตอบกลับและถามต่อโดยที่สายตามองไปยังไอ้หน้าขาวอย่างไม่ชอบใจ ดูจากแววตาก็รู้ว่ามันจ้องจะจับผู้หญิงของผม ดูท่า...ดอกกุหลาบช่อนี้ก็คงมาจากมัน

    “นี่เพื่อนใหม่ฉัน ชื่อคิมจุนมยอนเพิ่งย้ายมาจากปูซาน ส่วนนี้ไค..คิมไคเป็นเพื่อน/แฟน!” ผมบอกเสียงดังจนแทบจะกลบเสียงคริสตัลมิด คนถูกขโมยคำพูดหันมามองผมอย่างไม่พอใจ แต่ใครสนล่ะ หึ

     

    เป็นไงล่ะทำหน้าเหวอเลย สมน้ำหน้า ไอ้วอก!

     

    แต่แล้วคนที่ทำหน้าเหวอเป็นรายต่อไปกลับเป็นผม

     

    “ไม่ใช่แฟนค่ะ ไคกับฉัน เราเป็นเพื่อนกัน”

    !!!

    “อ้อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณคิมไคเพื่อนคุณคริสตัล”

     

    ผมไม่สนใจน้ำเสียงเยาะเย้ยของมัน สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าเรียวที่ไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกผิดกลับสิ่งที่พูดออกไป

     

    เราเป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ...

     

    เพื่อนเขานอนด้วยกันด้วยหรือไง ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “...”

     

    บรรยากาศในรถเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน ผมขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่ในหัวยังคิดถึงที่คริสตัลประกาศออกไปว่าเราเป็นเพื่อนกันอยู่ไม่คลาย ไม่ว่าจะพยายามทำความเข้าใจเหตุผลของเธอมากเท่าไหร่แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ผมมั่นใจมาตลอดว่าเธอก็คงมีใจให้ผมบ้างแหละ เพราะถึงจะเคยทำผิด แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็พยายามทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเพื่อเธอแล้ว แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าคนข้างๆ มีใจให้ผมบ้างหรือเปล่า

     

    “ไค นายขับเลยคอนโดฉันแล้ว” เสียงใสเรียกให้ผมกลับมาสนใจภาพเบื้องหน้าจึงเห็นว่าตัวเองขับรถเลยมาไกลพอสมควร “เป็นอะไร โกรธที่ฉันพูดแบบนั้นเหรอ”

     

    เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงคล้ายคนห่วงใย หัวใจที่กำลังคุกรุ่นกลับเต้นรัวขึ้นมาซะอย่างนั้น...เฮ้อ ผมปล่อยให้คริสตัลมามีบทบาทกับชีวิตผมมากเกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้แล้วสินะ

     

    “ไม่หรอก” ผมตอบสั้นๆ แล้วหักพวงมาลัยกลับรถปาดหน้ารถอีกฝั่ง “คุณพูดถูกแล้ว” แม้จะดีใจที่เธอรู้ใจผม แต่มันก็อดที่จะประชดไม่ได้

    “...”

    “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

    “...”

    “แค่นอนด้วยกันเฉยๆ” มือกำพวงมาลัยแน่น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายคนน้อยใจ “มีแต่ผมที่รักคุณคนเดียว”

     

              ผมอยากจะเป็นผู้ชายที่มีความอดทนได้มากกว่านี้ อยากเป็นผู้ชายที่ใจเย็น รอคอยการตอบรับของหัวใจโดยไม่เร่งรีบ ผมอยากเป็นอย่างนั้น แต่ผมทำไมได้เพราะนิสัยของผมที่ไม่ใช่บุคคลประเภทนั้นเลยสักนิด ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วที่ผมทำตัวเป็นคนดีมาตลอด 24 ชั่วโมง และผมก็อยากจะได้รับคำว่า รัก จากเธอเร็วๆ

     

              “ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะรักผม” คำบอกกล่าวที่ว่าปากไวกว่าสมอง เห็นท่าจะจริง

              “ไค”

              “ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ตั้งแต่คืนนั้นดูเหมือนคุณจะตีตัวออกห่างจากผมเสียเหลือเกิน ไหนบอกให้โอกาสผมไง ทำไมถึงทำเหมือนว่าเราเป็นแค่คนรู้จัก” ด้วยความที่อดกลั้นมานาน ผมเลยเอ่ยถามทุกอย่างที่สงสัย คริสตัลไม่ได้เย็นชากลับผมแค่เรื่องเดียว แต่มีอีกหลายเรื่องที่เธอปฏิเสธผม เช่น เธอไม่ให้ผมขึ้นไปบนห้อง แค่ส่งหน้าคอนโดก็พอ ทั้งที่แต่ก่อนผมเข้าออกห้องเธอออกจะบ่อย ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งคริสตัลยังทำเหมือนตัวเองไม่มีพันธะด้วยการให้เบอร์ผู้ชายที่เข้ามาขอเวลาเราไปเที่ยวกันด้วยกัน นอกจากนี้คริสตัลยังไม่รับสายผม โดยอ้างว่าไม่ว่าง และมีอีกหลายๆ เรื่องที่ทำเอาผมคิดหนัก อ่ะ แต่ยกเว้นช่วงที่ผมเจอกับซูจีนะ เมื่ออยู่ต่อหน้าซูจี คริสตัลแสดงว่าเป็นคนรักของผมทันที

     

              ผมมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง คริสตัลเปลี่ยนไป

     

              “ถึงแล้ว จอดตรงนี้แหละ” คริสตัลไม่ตอบแต่กลับบอกให้ผมจอดรถ

              “ยังไม่ตอบผมเลย” น้ำเสียงเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจเพราะอารมณ์แบบเมื่อก่อนเริ่มกลับมาอีกครั้ง ยิ่งเห็นใบหน้าไม่แยแสของเธอแล้วผมก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้

     

            เอี๊ยดดดดดดดดด

     

            ผมเบรกรถอย่างแรงเมื่อมาถึงที่หมาย คริสตัลตวัดสายตามองผมอย่างไม่พอใจ แต่ใครสนล่ะ ตอนนี้ผมโมโหมากที่เธอบอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน โมโหจนอยากจะดึงเธอเข้ามาประกบปากแล้วสั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างว่าเธอ-เป็น-ของ-ผม-แล้ว และเป็น-ของ-ผม-คน-เดียว-เท่า-นั้น!

     

              “วันหลังถ้าไม่อยากมารับก็บอก ฉันขับรถไปเองได้”

              “จะเอายังไง ? ผมยอมคุณทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้...ผมยอมไม่ได้จริงๆ เพื่อนที่ไหนเขานอนด้วยกันบ้างล่ะ”

              “แน่แหละ ก็นายนอนกับผู้หญิงมาเป็นร้อยแล้วหนิ สงสัยคงจะเป็นมากกว่าเพื่อนทุกคน”

              “ผมให้ตอบไม่ใช่ให้ย้อน”

     

              ให้ตายสิ คริสตัลเห็นผมใจดีขึ้นมาหน่อยนี่ปากดีขึ้นเยอะเลยนะ

     

              “ฉันพูดความจริง” คริสตัลยักไหล่ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทันได้ก้าวออกไปก็ถูกแขนผมรั้งเอวบางเข้ามานั่งตักตัวเองซะก่อน “ไค! ปล่อย!!

              “ไม่! ผมจะทำให้คุณรู้ว่าผมเป็นมากกว่าเพื่อน แม้จะไม่ใช่แฟนแต่ก็ไม่เหมือนไอ้พวกผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณ เพราะผมมีสิทธิในตัวคุณทุกอย่าง!

     

              ไม่ใช่แค่ประกาศศักดาด้วยคำพูด ทว่ามือทั้งสองข้างที่จับเอวบางอยู่ก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี ผมลูบไล้เอวเธอพลางใช้จมูกสูดดอมกลิ่นหอมจากท้ายทอย...ซอกคอ...เนินไหล่ ทุกที่ที่ริมฝีปากหยักสัมผัสเนื้อสาว ผมก็มิวายที่จะฝากรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของไว้ ให้มันรู้ซะมั้งว่าใครเป็นใคร!

     

            ปิ้นนนน ปิ้นนนน

              “อื้อ ปล่อยนะไค!” แม้คริสตัลจะดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักแกร่งอย่างรุนแรงจนเผลอไปโดนแตรรถ แต่ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การกักขังของผมจนท้ายที่สุดเธอก็ยอมอยู่นิ่งๆ และปล่อยให้ผมตักตวงความหวาน...ความหอมจากเธอได้อย่างหนำใจ

     

              ยิ่งได้สัมผัส สูดกลิ่นกายแสนหอมก็ยิ่งทำให้คุมอารมณ์ไม่อยู่จนต้องจับปลายคางมนให้หันมารับจูบอันร้อนแรงทว่าอ่อนหวานไปในคราเดียวกัน เธอไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้กลับมา

     

              ผมจะทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของคิมไค...คิมไคคนเดียว!!

     

              เวลาผ่านไปเนิ่นนานที่ผมเฝ้าตักตวงความหวานจากริมฝีปากสีเชอร์รี่  ลิปสติกที่เธอทามาถูกผมกลืนกินจนไม่หลงเหลือร่องรอย เมื่อคิดว่าคนขนตักหน้าจะหายดื้อแล้วผมถึงยอมผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งที่ยังหลับตา

     

              เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นคริสตัลเสมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำราวกับคนเป็นไข้ ผมกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเธอ มันน่ารักจนอยากจะดึงเข้ามาจูบแรงๆ อีกสักรอบ แต่ยังก่อน...

     

              ผมมีแผนที่จะกระตุ้นความรู้สึกของเธอ หึๆ

     

              คิดได้ดังนั้นผมก็ตีหน้าขรึมแล้วอุ้มเธอกลับไปนั่งยังเบาะข้างคนขับเหมือนเดิม

     

              “เราลองห่างกันดูสักพักมั้ย ?” แสร้งทำเสียงเศร้าพร้อมกับทอดมองนัยน์ตากลมด้วยสายตาน้อยใจ “ถ้าคุณอยู่ได้โดยไม่มีผมตลอดหนึ่งอาทิตย์ แสดงว่าคุณไม่ได้รักผมจริงๆ”

              “...”แววตาคริสตัลฉายแววสับสนแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร

              “หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ ผมจะไม่ติดต่อ ไม่ส่งข้อความ และไม่มาให้คุณเจอหน้า ลองดูว่าใจคุณคิดถึงผมเหมือนที่ผมจะคิดถึงคุณบ้างมั้ย”

              “!!!

              “ศุกร์หน้า...เป็นวันเกิดผม ผมจะรอคำตอบตรงที่ที่เราเจอกันครั้งแรก” ทั้งน้ำเสียงและแววตาไม่มีแววล้อเล่นปรากฏออกมา “ถ้าคุณมาแสดงว่าคุณรักผม แต่ถ้าไม่...แสดงว่าคุณปฏิเสธ”

              “แต่อาทิตย์หน้าฉัน...”

              “ไม่มีแต่” ผมหยุดคำพูดเธอไว้ “ไม่มีเงื่อนไขใดๆ สำหรับเรื่องนี้”

              “ฉัน...” คริสตัลเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่พูดเพราะสบตาเข้ากับแววตาจริงจังของผมเข้าซะก่อน “เข้าใจแล้ว...อาทิตย์หน้าวันศุกร์ใช่มั้ย”

              “อือ”

              “ได้” คริสตัลยอมรับง่ายๆ น้ำเสียงและสายตาไม่ได้บ่งบอกว่าจะมาหรือไม่มาเลยสักนิด เธอเปิดประตูลงแล้วเดินหายลับเข้าไปหลังประตูโดยที่ไม่หันมามองผมเลยสักนิด

     

              วูบหนึ่ง...ผมรู้สึกเสียใจที่ตัวเองตั้งข้อตกลงแบบนั้นออกไปเพราะถ้าเธอไม่มา...

     

              ผมจะมีชีวิตอยู่อย่างไร...

     

     

     

     

    -------------------------------

     

     

     

              Sulli’s part

     

     

     

              แอ๊ด

     

            เสียงเปิดตูห้องทำให้ฉันที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกชะโงกหน้าไปมองคนที่เข้ามาใหม่ มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่มีสิทธิ์เปิดประตูโดยไม่ต้องกดออด

     

              “กลับมาแล้วเหรอ!” ฉันทักออกไปอย่างกระตือรือร้น ใช้รีโมทกดปิดทีวีแล้วเดินไปรับกระเป๋าเดินทางจากเทามาถือไว้ “เคลียร์ทุกอย่างแล้วใช่มั้ย ?

              “อือ”

     

              เทาดูเหนื่อยๆ ใบหน้าดูหมองคล้ำเหมือนคนอดหลับอดนอนติดต่อกันหลายคืน ดวงตาคมที่ดูร้ายกาจอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว เทาในตอนนี้เหมือนผู้ชายที่กำลังจะล้มลงพื้นได้ทุกเวลา ฉันวางกระเป๋าไว้บนพื้นแล้วเดินตามหลังเทาไป ก่อนจะสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง

     

              “คิดถึงจัง...คิดถึงมาก” ฉันกับเขาไม่ได้เจอกันมาสองอาทิตย์เต็มๆ เทาต้องบินกลับไปฮ่องกงเพื่อเคลียร์งานที่ดูเหมือนจะเกิดปัญหา และเขาจำเป็นต้องกลับไปแก้ จริงๆ แล้ว เทาควรอยู่ฮ่องกงถาวรด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าฉันอยู่นี่ เขาก็คงกลับไปแล้ว โชคดีที่ที่นู้นมีลูกพี่ลูกน้องเทาที่ชื่อปาร์คชานยอลช่วยดูงานแทนเลยทำให้เทาไม่ต้องคอยเทียวไปเทียวมา “กินอะไรมาหรือยัง ?

              “ผมไม่หิวน่ะ” ตอบอย่างนี้แสดงว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องชัวร์ แต่ก็เอาเถอะ ลองให้เขาไม่อยากกิน บังคับยังไงก็คงไม่กิน

              “ที่นู้นเป็นไงบ้าง”

     

              คนตัวสูงถอนหายใจยาว ก่อนจะจับมือฉันที่อยู่รอบเอวเขาไปจุมพิตเบาๆ

     

              “ดีแล้วล่ะ ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีก ชานยอลคงจัดการได้”

              “อื้อ”

     

            ฉันซุกหน้าเข้าหาแผ่นกลังกว้าง แล้วสูดกลิ่นหอมประจำตัวเทาเข้าปอดลึกๆ เขาจะรู้มั้ยว่าฉันคิดถึงเขามากแค่ไหน คนที่เห็นกันอยู่ทุกวัน มาวันหนึ่งเขากลับเดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล ตัวจากไปไกลแต่ดันทิ้งกลิ่นอายความเป็นเขาให้ตลบอบอวลไปทั่วตารางเมตรของห้องชุดสุดหรูแห่งนี้ แล้วฉันที่ต้องกลับมาเจอความว่างเปล่าทุกวันจะทนได้ยังไง

     

              เหนื่อยมากมั้ย ? ฉันถามเสียงอู้อี้

              นิดหน่อยน่ะ แต่เห็นหน้าคุณก็หายเหนื่อยแล้ว

              งั้นนายรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันไปเตรียมน้ำอุ่นให้นายอาบน้ำ ฉันบอก และผละออกจากแผ่นหลังกว้าง จังหวะที่กำลังเดินผ่านเทาไป เขากลับหยุดฉันด้วยการจับข้อมือ

              อาบด้วยกันมั้ย ?

              !!!

              ถ้ามีคุณอยู่ในอ่างด้วยผมคงหายเหนื่อย ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วกระตุกข้อมือแรงๆ หนึ่งที ฉันเลยกระเด็นไปซบอกเขา  เทาทำเสียงอ้อนๆ ข้างหูนะครับ

              จะบ้าเหรอ

              ก็คุณอยากให้ผมหายเหนื่อยไม่ใช่เหรอ

              ก็นายบอกเห็นหน้าฉันก็หายเหนื่อยแล้วหนิ

              นั่นก็ใช่ แต่ถ้าได้อาบน้ำกับคุณผมคงมีความสุขมาก...มากๆ เลยแหละ เสียงเจ้าเล่ห์ท้ายประโยคทำเอาฉันหน้าขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างถือวิสาสะนั่นก็กำลังทำฉันรู้สึกปั่นปวนไปทั่วร่าง

              บ้า! ฉันรวบรวมสติแล้วออกแรงผลักเทาอย่างแรงจนเขากระเด็นออกไป ฉันใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีเข้าห้องนอนตัวเองแล้วปิดประตูดัง ปัง

     

            ตึกตักๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

              บ้า! คนบ้า! อาบน้ำด้วยกันเหรอ ฝันไปเถอะย่ะ!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความคิดที่ว่าไม่มีทางอาบน้ำกับเขาเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน เพราะเวลานี้ฉันได้พาตัวเองมาในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย ถ้ามาเฉยๆ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่เพราะฉันดันพันผ้าเช็ดตัวสีขาวรอบอกอยู่อย่างเดียว

     

    !!! เทาที่อยู่ในอ่างจากุซซี่อ้าปากมองฉันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ฉันเหยียดยิ้มให้เขาเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเขินขายอะไร ทั้งที่จริงฉันเขินจนแทบจะละลายไปกับอากาศอยู่แล้ว ยิ่งสายตาคมๆ นั่นไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท่าก็ยิ่งทำเอาฉันอยากจะระเบิดตัวเองตายไปเสียตอนนี้

    คุณ เทายิ่งคงตกตะลึงไม่หาย ฉันเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงแล้วหยุดยืนข้างหลังเขา ก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้ใบหู

    คุณต้องให้รางวัลฉันด้วย กระซิบแผ่วเบาพร้อมกับเป่าลมร้อนๆ ที่รูหูเขา มือทั้งสองข้างวางลงบนไหล่กว้างแล้วบีบเบาๆ เพื่อเรียกสติคนในอ่าง

     

    ฉันยังจำเหตุการณ์บนเกาะได้ เราสองคนเคยอยู่ในห้องน้ำเดียวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนั้นฉันก็ดันไปแก้ผ้าต่อหน้าเขา ถึงเทาจะไม่ได้นำเรื่องนี้มาล้อ แต่ฉันก็มั่นใจว่าเทาเห็นหน้าอกฉันเต็มๆ เอาเถอะ อยู่ในน้ำที่เต็มไปด้วยฟองก็คงไม่เห็นอะไร...มั้ง

     

    คนในอ่างหลับตาพริ้มเมื่อฉันนวดไหล่เขาไปเรื่อยๆ ฉันยิ้มเมื่อเห็นเทาผ่อนคลายลง แต่ไม่หรอก แค่นี้ยังไม่พอ ฉันจะทำให้เขาสบายตัวจนลืมเรื่องงานไปเลย คนในอ่างคอแข็งขึ้นทันทีเมื่อเจอฉันแกล้งพ่นลมหายใจร้อนๆ ไปทั่วซอกคอ

     

    ซอล...

    ชอบมั้ยคะ

    อื้อ ฉันยิ้มอย่างภูมิใจแล้วเปลี่ยนมาเป็นนวดคลึงขมับเทาเบาๆ บางครั้งก็เน้นหนักเพื่อให้เทาผ่อนคลาย ฉันไม่ได้เป็นนักนวดมืออาชีพอะไรหรอก แค่ชอบนวดให้พ่อบ่อยๆ เวลาท่านกลับมาบ้านหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ ท่านเอ่ยชมฉันตั้งหลายครั้งว่าฉันนวดเก่ง เพราะฉะนั้นเทาเองก็คงไม่ต่างกัน ยิ่งเห็นเทาเคลิ้มฉันยิ่งชอบใจที่ผู้ชายตัวโตอย่างเขาตกอยู่ในกำลังตกอยู่ในเอื้อมมือเล็กๆ ของฉัน

     

    เทาจับมือฉันที่กำลังบีบไล่ไปตามบ่าแกร่งเอาไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะจุมพิตมันเบาๆ เหมือนครั้งตอนที่ฉันสวมกอดเขา ริมฝีปากหยักไล่ประทับจุมพิตไปทั่วหลังมือแล้วค่อยไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ความร้อนวูบวาบแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนฉันต้องใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างอยู่บีบบ่าเขาเพื่อทรงตัวไม่ให้ทรุดไปกับพื้นเข้าซะก่อน

     

    “ทำดีแบบนี้ต้องให้รางวัล” พูดไปริมฝีปากหนาก็ยังไม่ผละออกจากแขนฉัน เทาไล่ริมฝีปากมาจนถึงข้อศอก ก่อนที่เขาจะออกแรงฉุดให้ฉันเข้าไปใกล้ เมื่อใบหน้าของเราอยู่ในระดับเดียวกัน คนที่อยู่ในอ่างก็จัดการเข้าครอบครองริมฝีปากฉันอย่างรวดเร็ว

     

    เขาเรียกร้องฉันอย่างเร่าร้อนจนฉันต้องยอมเปิดรับเขาให้เข้ามาเก็บเกี่ยวความหวานด้านใน เขาเรียกร้อง...โหยหาให้ฉันตอบสนอง ทุกการเคลื่อนไหวของสิ่งนุ่มหยุ่นเล็กๆ ในโพรงปากบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเข้าคิดถึง...โหยหา...และต้องการฉันมากแค่ไหน ไม่ต่างกันเลยสักนิด ฉันเองก็คิดถึงเขามากเหมือนกัน มากจนคิดว่าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาจากไปนานแบบนี้อีกแล้ว ฉันรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วสินะ

     

    เราสองคนจูบกันเนิ่นนาน ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นนอกจากความเสียวซ่านผสมกับความอ่อนโยนที่กำลังขยับต่อสู้กับลิ้นเล็กๆ ของฉันอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองเข้ามาอยู่ในอ่างจากุซซี่ตั้งแต่เมื่อไรและยังไง

     

    “พอแล้ว” ฉันบอกเสียงแหบพร่า ตาทั้งสองข้างยังไม่ลืมขึ้น และแก้มร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่แก้มที่ร้อน แต่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันรู้สึกว่ามันร้อนจนฉันแทบจะละลาย เมื่อลืมตาขึ้นมาเจอสายตากรุ้มกริ่มของลูกครึ่งฮ่องกง ฉันก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยความอาย

     

    สายน้ำอุ่นๆ ไม่ได้ช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าสายตาของลูกมาเฟียกำลังหลอมละลายฉันทั้งที่เราไม่ได้สบตากัน ฉันสัมผัสได้ว่าเขามองผิวขาวซีดอย่างไม่ปิดบัง รู้สึกว่าฉันยังฉลาดพอที่ไม่ทำผ้าหลุดระหว่างที่เราจูบกัน ไม่ทันที่จะได้พูดอะไร อ้อมแขนแข็งแกร่งก็เขาโอบรอบเอวฉันแล้วจับพลิกให้ฉันขึ้นมานั่งบนตักเขา แผ่นหลังของฉันแนบไปกับแผ่นอกร้อนผ่าวของเทา ขณะที่แขนสองข้างโอบรอบเอวฉันไว้หลวม

     

    ความดันน้ำไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อร่างกายของเราเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นผ้าเช็ดตัวผืนบางก็ไม่ได้ทำให้ฉันรับรู้น้อยลงเลยว่าบางสิ่งบางอย่างแข็งขันอยู่แถวๆ สะโพกฉัน

     

    “เอ่อ...” ฉันพูดไม่ออกเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ตื่นตัว

    “ไม่ต้องพูดอะไร...ผมรู้ตัว” เสียงเขาแหบพร่าเหมือนคนกำลังจะตาย แต่ตายเพราะความปราถนานะ

    “แต่คุณ...”

    “อยู่อย่างนี้เถอะน่า คุณยั่วผมเองนะ” เทาจูบซับไปทั่วไหล่บางของฉัน “ถ้าขยับล่ะก็จับปล้ำจริงๆ ด้วย”

    “...”

    “อยากรักคุณจัง” เทากระชับอ้อมแขนแล้วไซร้ริมฝีปากไปตามซอกคอขาวเนียน “แต่ผมสัญญากับพ่อคุณไว้ว่าจะไม่ล่วงเกินคุณ ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน”

     

    พ่อนะ พ่อ! ทำไมต้องให้เทาสัญญาอะไรแบบนั้นด้วย เอ้ย ไม่ใช่สิ ดีแล้วล่ะ ดีแล้วๆ เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวหน่อย

     

    “โชคดีไม่ได้สัญญาว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวคุณ” ริมฝีปากหยักที่สร้างรอยไว้ตามผิวขาวซีดย้ายมาขบติ่งหูเล็กๆ เบาอย่างหยอกล้อ “ผมสัญญากับท่านว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทุกคน และรักแต่ลูกท่านคนเดียว”

    “...” ฉันเคลิ้ม...เคลิ้มทุกสัมผัส ทุกคำพูดจนไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้

    “ผมเป็นผู้ชายเลือดร้อน เพราะฉะนั้น...คุณต้องให้ผมชิมคุณบ่อยๆ” ไม่ต้องรอฉันอนุญาตคนด้านหลังก็จัดการจับใบหน้าฉันให้หันไปรับริมฝีปากร้อนแรงนั่นอีกครั้ง

    “อื้อ” ฉันครางประท้วงเมื่อรู้สึกว่าน้องชายที่กำลังตื่นตัวดีดเด้งราวกับมันมีชีวิตอยู่ใต้น้ำ เทาก็เหมือนจะรู้เขาถึงได้หน้าขึ้นสีแบบนั้น “นาย...”

    “ไม่ต้องกลัว มันไม่ทำอะไรคุณหรอก...อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้” เทาบอกด้วยน้ำเสียงแสดงความหนักแน่น ทั้งที่นัยน์ตาเขากำลังฉายประกายความทรมานอย่างรุนแรง ฉันเคยเรียนเพศศึกษา เพราะฉะนั้นฉันรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังเผชิญกับอารมณ์แบบไหน

     

    ฉันเบี่ยงตัวมานั่งหันข้างอยู่บนตักเทา ไล่สายตาสำรวจใบหน้าหล่อเหลาที่ซูบลงไปเยอะ ก่อนจะยกมือขึ้นปากเหงื่อที่ผุดขึ้นตามหน้าผากให้อย่างสงสาร เขาต้องการฉันมากแค่ไหนกันนะ ทำไมถึงได้ดูทรมานขนาดนี้...จะมีวิธีช่วยเขาได้บ้างมั้ย ?

     

    “ซอล...” เขาเรียกชื่อฉันเสียงหลง เมื่อฉันขยับตัว จนเผลอไปโดยอะไรที่กำลังเต้นตุบๆ

    “อ่ะ ขอโทษ ฉัน...”

    “ไม่เป็นไร” เทาบอกแล้วก้มหน้าลงไปในน้ำ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาใหม่แล้วสะบัดใบหน้าไปมาเพื่อไล่หยดน้ำ เขาดูทรมานจัง ฉันคิดผิดใช่มั้ยที่ดันเข้ามาอาบน้ำให้เขา แทนที่จะทำให้เขาผ่อนคลาย กลับกลายเป็นว่าเทาเครียดยิ่งกว่าเดิม

     

    ยิ่งเห็นเขาพยายามกักเก็บอารมณ์ดิบไว้ภายใต้รอยยิ้มอบอุ่น ฉันก็ยิ่งรู้สึกดีที่เทาไม่คิดจะล่วงเกินฉัน เขาให้สัญญากับพ่อฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไร ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเหลือเกิน

     

    อืม...เขาล่วงเกินฉันไม่ได้ งั้นถ้าฉันล่วงเกินเขาล่ะ

     

    “คิดอะไรอยู่ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เขาถามเมื่อเห็นว่าฉันก้มหน้าเขินอายกับความคิดตัวเอง

    “ปะ เปล่า”

    “งั้นอย่าทำอีก เพราะหน้าแดงๆ ของคุณมันยั่วผมจนอยากจะกระชากเข้ามาปล้ำ” คำพูดห่ามๆ ทำเอาฉันต้องตีแขนเขาแรงๆ เป็นการลงโทษหนึ่งที

    “นายสัญญากับพ่อฉันแล้วนะ”

    “ก็คุณทำหน้าเหมือนอยากจะกินผม”

              “ก็...ก็...” ก็จริงอ่าแหละ ฉันเพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าจะกินอย่างไงดี ...เอ้ยๆ ไม่ใช่ๆ นี่ฉันเป็นอะไรไป  

              “ก็อะไร อยากกินผมจริงๆ สินะ งั้นก็ได้ ผมไม่ถือ อย่างนี้ก็ไม่ผิดสัญญากับผู้ใหญ่ด้วย ผมกินคุณไม่ได้ แต่คุณกินผมได้ ไม่ผิดกฎหมาย”

     

              ผิดกฎหมายบ้าบอ อะไรของเขา ฉันจิกตาใส่เทา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมองเขาด้วยสายตารักใคร่ แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาแล้วสบตากับเทาอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร พยายามไม่สนใจอะไรที่มันกำลังดุนดัน ณ เบื้องล่าง

     

              “เรียนจบแล้วแต่งงานกันนะ” เขาขอ

              “อื้อ”

              “...”

              “นายกำลังคิดอะไรอยู่ ?

              “กำลังคิดว่าใต้ผ้าผืนนี้มันจะเป็นยังไง” คำพูดตรงๆ ของเขาทำเอาใบหน้าฉันร้อนฉ่า “แม้จะเคยเห็นแล้ว...แต่ตอนนั้นมันแวบเดียว ยังไม่ทันได้เก็บรายละเอียด”

              “บะ บ้า!

              “นี่ ผมต้องรออีกปีหนึ่งสินะถึงจะเก็บรายละเอียดได้”

              “คงงั้น”

              “ทรมานจัง”

              “นายจะทรมานกว่านี้ ถ้าฉันจับได้ว่านายไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น”

              “ไม่มีทาง ทุกวันนี้ผมอยากนอนกอดคุณคนเดียว” เทาเปลี่ยนมาทำสายตาหงอยๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “วันนี้ผมขอนอนเตียงเดียวกับคุณนะ ถ้าได้กอดคุณสักคืน ผมคงหายเหนื่อย”

     

              แม้จะรู้ว่าเขาพูดเกินจริง แต่ฉันก็ยังพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เทาเห็นอย่างนั้นเลยหอมแก้มฉันไปหนึ่งที

     

    “ดีมากครับที่รัก คุณเองก็เหมือนกัน อย่าไปเที่ยวลงอ่างกับใครล่ะ ถ้าผมจับได้รับรองว่าผมฆ่าล้างโคตรไอ้ผู้ชายคนนั้นแน่ ส่วนคุณ...” เขาเว้นจังหวะแล้วจ้องตาฉันอย่างดุดัน “ผมจะทำให้คุณอยู่แต่บนเตียงทั้งวันทั้งคืน เอาให้เดินไม่ได้ไปสักเจ็ดวัน”

     

    ฉันอ้าปากค้างกับคำขู่ของเขา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มขำ เมื่อคิดว่าเขาหึงและหวงฉันมากแค่ไหน หัวใจดวงน้อยๆ พลันอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด สวนทางกับคำขู่ที่ดูน่ากลัวนั่น

     

    “เข้าใจแล้วค่ะ พี่จื่อเทา” ฉันยิ้มหวาน แล้วยอมเอ่ยสรรพนามที่ฉันใช้เวลาที่อ้อนเขา ซึ่งเทาก็ใจอ่อนทุกครั้งเมื่อถูก ฉันเรียกว่า พี่

    “เข้าใจแล้วก็ดีครับ” เขายิ้มแล้วบีบจมูกฉันไปมา ก่อนจะยอมปล่อยแล้วผละฉันออกไป “ขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวเป็นหวัด”

    “แต่ยังไม่ได้อาบน้ำให้นายเลย”

    “อย่าเลย...กลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่อาบ”

     

    เห็นสายตาเป็นประกายนั่น ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร คนบะ บ้า!

     

              เมื่อเขาเห็นว่าฉันยังไม่ยอมขยับ เทาก็ช้อนตัวฉันขึ้นแล้วอุ้มออกจากอ่างหรู ฉันรีบโอบแขนไว้รอบคอเขาทันทีเพราะกลัวตก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาโป๊ ฉันก็รีบปิดตาทั้งสองข้าง ใบหน้าร้อนผ่าวขนาดที่ฉันสามารถบอกได้ว่าตัวเองกำลังหน้าแดงเถือกโดยไม่ต้องส่องกระจก เสียงหัวเราะคิกคักของคนตัวสูงทำเอาฉันอายจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ จนกระทั่งปลายเท้าสัมผัสกับพื้นเย็นๆ ฉันถึงได้ยอมลืมตา แต่...ไม่ยอมมองอย่างอื่นนอกจากใบหน้าเขา

     

              “ล้างตัวซะ ฟองติดเต็มหัวคุณเลย ผมไม่ขอทำให้นะ กลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไม่สัมผัสคุณไม่ไหว”

     

              ฉันหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินคำสารภาพตรงไปตรงมาของเทา เทายิ้มบางๆ คล้ายกำลังเขินอายให้ แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องน้ำ ฉันต้องรีบปิดตาอีกครั้งเมื่อเผลอไปมองสะโพกแกร่งของเขา อ่า...เขาดูแข็งแรงจัง เฮ้ย ไม่ใช่ๆ ตั้งสติสิซอลลี่! สะโพกนั่นก็เหมือนผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ จะไปเต้นแรงกับสะโพกยั่วๆ หน้าจับ นั่นทำไม!

     

              เมื่อมองตัวเองในกระจกแล้วอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ ทั้งหน้าแดงเถือก และรอยสีแดงที่แสดงความเป็นเจ้าของตามลำคอมันทำเอาฉันคิดหนักว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดอะไรเพื่อปิดร่องรอยพวกนี้ดี

     

              วันหลังฉันต้องไปหาซื้อเสื้อคอเต่ามาเก็บว่าสักห้าหกตัวซะแล้ว  เทานะเทา ทำอย่างนี้ฉันจะตอบคำถามเพื่อนอย่างไงเล่า

     

     

     

     

    ------------------------------------------------

     

     

     

     

              Kai’s part

     

     

     

    1 อาทิตย์ต่อมา

     

    18. 00 น.

     

    สองมือที่วางไว้บนหน้าตักตัวเองขยับปลายนิ้วไปมาด้วยความกังวล วันนี้เป็นวันครบกำหนดที่ผมนัดกับคริสตัลเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ด้วยใจที่เฝ้ารอคอยให้วันนี้มาถึงเร็วๆ ผมถึงได้มารอที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ประตูมหาลัยยังไม่ทันเปิดเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะพลาดการปรากฏตัวของคริสตัลเลยทำให้ผมออกมาจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ ทว่าจนถึงบัดนี้ คนที่ผมรอก็ยังไม่มาสักที

     

    “...”

     

    ในเวลานี้ความเงียบเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุด มันกดดันจนผมอยากจะตะโกนระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมานานหลายวันออกมาดังๆ แต่ก็ทำได้แค่คิด นักศึกษาหลายคนทยอยกลับบ้านกันเกือบหมดทำให้บริเวณหน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์เงียบสงบกว่าเมื่อตอนกลางวันหลายเท่านัก ที่นี่เป็นสถานที่ที่เราสองคนเจอกันครั้งแรก ตอนนั้นผมเกิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ถึงได้ลงไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทั้งที่ความจริงมันไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด อีกอย่างผมก็ไม่รู้จักคริสตัลเลยด้วยซ้ำ แต่ผมทนเห็นคนรังแกผู้หญิงไม่ได้เลยตัดสินใจเข้าไปช่วย นับตั้งแต่วันนั้น ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจสักนิดที่ได้ตัดสินใจอย่างนั้นลงไป เพราะมันทำให้ผมพบว่า ในโลกนี้ มีผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อผมเพียงคนเดียว

     

    ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างกดดันเมื่อเวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า คนที่ผมเฝ้ารอคอยก็ยังไม่มา ตั้งแต่เช้าผมบอกตัวเองเสมอว่าเธอจะต้องมา แต่พอผ่านมาสิบกว่าชั่วโมง ใจที่คอยเข้าข้างตัวเองก็เริ่มไขว้เขว ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าเธอกำลังจะมา บางทีอาจจะรถติด บางทีเธออาจจะกินข้าวกับเพื่อนอยู่ ไม่ก็บางทีเธออาจจะกำลังหาซื้อของขวัญเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดผมก็เป็นได้  หรือไม่เธอก็กำลัง...กำลัง...กำลังติดธุระอยู่ที่ไหนสักแห่งและกำลังจะมา แต่ถ้าเธอไม่มาล่ะ...ไม่ ผมยอมให้เธอลืมนัดวันนี้ ดีกว่าตั้งใจจะไม่มา

     

    หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่โทรหาเธอซะ ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ติดต่อเธอไปจนกว่าเธอจะมาหาผมในวันนี้ คริสตัลจะรู้มั้ยว่าผมทรมานแค่ไหนตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอจะรู้มั้ยว่าผมถึงกับต้องเปลี่ยนโทรศัพท์และเปลี่ยนเบอร์เพื่อที่จะได้ไม่นึกถึงเธอ เธอจะรู้มั้ยว่าผมต้องใช้ความอดทนแค่ไหนที่จะข่มตานอนต่อสู้กับความคิดถึงที่ปะทุอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด มีอีกหลายเรื่องที่ผมต้องคอยหักห้ามใจไม่ให้ผิดคำพูดตัวเอง ในเมื่อตั้งใจจะลองใจเธอแล้ว ผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้

     

    วันนี้เป็นวันเกิดผม แต่ผมยังไม่ได้คุยกับใครเลย ผมปิดเครื่องและมาที่นี่ตั้งแต่เช้า เจอก็แต่เพื่อนเก่าและรุ่นพี่ที่มหาลัยบางคนเท่านั้นเอง เชื่อเลยว่าถ้าเปิดโทรศัพท์ผมคงเจอมิสคอลมากกว่าร้อยสายจากเพื่อนๆ ที่โทรถามว่าจะไปเลี้ยงที่ไหน เวลานี้ผมไม่มีอารมณ์มากินเลี้ยงหรอก ถ้าผมจะต้องฉลอง ผมก็ขอให้มีคนที่ผมรักอยู่ข้างๆ ผมในวันเกิดปีนี้ด้วย

     

    ผ่านไปอีกสองชั่วโมง ท้องฟ้ามืดสนิท บริเวณมหาลัยไม่หลงเหลือผู้คนอีกต่อไป ผมตัดสินใจออกมารอด้านหน้าก่อนที่ยามจะมาไล่ ผมนั่งลงบนทางเท้าแล้วหันซ้ายหันขวาตลอดเวลา กลัวว่าคริสตัลมาแล้วจะคลาดกันไป ผมถอนหายใจออกมาครั้งที่ร้อย พร่ำบอกตัวเองว่าเธอกำลังจะมา อีกไม่นานก็คงถึง ผมบอกตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งล่วงเลยเข้าสี่ทุ่ม

     

    ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง...

     

    หัวใจบีบหนักเพราะในตอนนี้มีแนวโน้มว่าเธอจะไม่ปรากฏตัวสูง ความคิดที่เข้าข้างตัวเองเริ่มกลับขั้ว คริสตัล...ไม่รักผมงั้นเหรอ ? เธอไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ ? เรื่องคืนนั้นไม่มีความหมายสำหรับเธอเลยใช่มั้ย ?

     

    เพียงแค่คิดว่าคริสตัลตั้งใจไม่มา ขอบตาผมก็เริ่มร้อนผ่าว ความอดทน เหนื่อยล้า และความหิวกำลังเล่นงานร่างกายผมจนแทบจะยืนไม่ไหว ผมลูบใบหน้าตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ และโมโหจนอยากจะบ้า

     

    “โธ่เว้ย! ทำไมยังไม่มาอีก!!” ผมคิดว่าตัวเองตะโกน แต่เสียงที่ออกมากลับต่ำจนตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน

     

    ทุกครั้งที่เสียงรถแล่นผ่าน ผมมักจะหันไปมองด้วยความหวัง แต่แล้วก็ต้องพบกลับความผิดหวังทุกครั้งไป...

     

    ห้าทุ่มสี่สิบแล้ว...

     

    “มาสิๆ ได้โปรด” เสียงของผมอ่อนแรงจนผมยังรู้สึกสมเพชตัวเองที่ตกเป็นทาสรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าคนรักสนุกอย่างผมจะตกหลุมรักใครได้มากมายอย่างที่เป็นอยู่

     

    ห้าทุ่มสี่สิบเอ็ด

    ห้าทุ่มสี่สิบสอง

    ...

    ห้าทุ่มห้าสิบ

     

    พรึ่บ

     

    ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเข็มบอกเวลาในหน้าปัดนาฬิกา ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะกลับไปที่รถ เอาโทรศัพท์โทรหาเธอ ถามให้มันรู้ไปเลยว่าจะเอายังไงกันแน่! ทำไมเธอไม่มา!

     

    ผมข้ามถนนที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งแทนที่จะข้ามสะพานลอยเหมือนทุกที หลังจากเข้าไปในรถแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดเครื่อง อย่างที่ผมคิด มีข้อความอวยพรวันเกิดและสายที่ไม่ได้รับเป็นร้อย ผมเกือบจะเพิกเฉยต่อมัน ถ้าไม่ติดว่าเห็นชื่อของคนที่ผมกำลังเฝ้ารอมาตลอดทั้งวันปะปนไปกับรายชื่อของคนอื่นๆ

     

    50 Missed Calls

    : Krystal

     

    พระเจ้า วันนี้เธอโทรหาผมทั้งวันเลย!

     

    ผมรีบเช็คข้อความแล้วก็พบว่ามีหนึ่งข้อความเสียงเพิ่งส่งมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แน่นอนว่าคนส่งคือคริสตัล ไม่รอช้าผมรีบเปิดทันที

     

    [ไค ทำไมนายไม่เปิดเครื่องเลยล่ะ ฉันโทรหานายจนมือจะหงิกแล้วนะ ไคอ่า...ตอนนี้ฉันอยู่สนามบินเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด วันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อ ฉันกับพี่เจสเลยไปเยี่ยมหลุมศพคุณพ่อคุณแม่ น่าแปลกเนาะ พ่อกับนายเกิดวันเดียวกันเลย ขอโทษด้วยที่ฉันไปช้า แต่วันนี้เป็นวันสำคัญของฉันกับพี่มากๆ เลยเลี่ยงไม่ได้ ฉันกะจะบอกนายตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้วว่าฉันไม่ว่าง แต่นายไม่ฟังฉันเลย จะโทรมาบอกนายนายก็ปิดเครื่องหนี วันนี้ฉันอาจจะไปสายหน่อย อย่าเพิ่งกลับนะ แต่ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ ฉันภาวนาให้นายได้เปิดข้อความนี้ฟัง ฉันรักนายนะ...รักเหมือนที่นายรักฉันนั้นแหละ แล้วเจอกัน]

     

    ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย...นั่นมันเสียงคริสตัลจริงๆ ใช่มั้ย ?

     

    “ไค! ไค!!!

     

    เสียงนี้มัน

     

    ผมค่อยๆ หันหน้าไปทางเสียงที่ได้ยิน เมื่อมองผ่านกระจกด้านข้างผมก็เห็นว่าคนที่หัวใจผมกำลังรอคอยยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังโบกไม้โบกมือมาทางผม

     

    คริสตัลมาแล้ว...

     

     

     

    --------------------------------------

     

     

     

     

     Krystal’s part

     

     

    23.50 น.

     

    อีกสิบนาที ขอให้เขายังอยู่ด้วยเถอะ!

     

    ตอนนี้แท็กซี่ที่เธอเรียกจากสนามบินกำลังขับเข้ามาในเขตเดียวกับมหาลัย ฉันมองนาฬิกาในหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วได้แต่ภาวนาว่าเขาจะยังอยู่ หวังว่าเขาจะได้ฟังคลิปเสียง หวังว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวฉัน

     

    ใจของฉันเองก็คิดไม่ต่างจากไคเลยสักนิด ฉันรักเขาเหมือนที่เขารักฉัน เพียงแต่ที่ปฏิบัติตัวห่างเหินเป็นบางครั้งก็เพราะอยากดูว่าไคทนได้มั้ย ถ้าเขาทนได้แสดงว่าเขารักฉันจริง ยังไม่ทันที่แผนจะประสบความสำเร็จ ไคกลับแก้เผ็ดคืนด้วยการยื่นข้อเสนอนี้มาให้ ตอนแรกฉันก็โกรธที่เขาทำเหมือนตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่คิดไปคิดมา...ฉันก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นเพราะเขารักฉัน

     

    วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว ฉันกับพี่สาวเลยไปเยี่ยมท่าน แต่เพราะหลุมศพอยู่ต่างจังหวัดเลยทำให้ฉันกับพี่ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน แต่ฉันคิดว่ายังไงก็คงมาหาเขาทันแน่ๆ ทว่า ขากลับไฟท์บินดันดีเลย์ ฉันเลยมาช้าอย่างนี้ไง เฮ้อ

     

    “พี่คะ ช่วยเร็วอีกนิดได้มั้ยคะ”

     

    หลังจากฉันบอกคนขับแท็กซี่เป็นรอบที่สิบ สองสามนาทีต่อมาฉันก็มาถึงที่หมาย

     

    23. 55 น.

     

    ประตูปิดแล้ว ไฟแทบทุกดวงด้านในก็ปิดหมดแล้ว ฉันยืนเกาะรั้วเหล็กที่สูงกว่าตัวเองถึงสองเท่า แล้วสอดส่องสายตาหาร่างสูง เผื่อว่าเขาจะยังอยู่ ทั้งที่ความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้เพราะประตูปิดทางเข้าออกไว้แล้ว ฉันเดินไปที่ป้อมยามใกล้ๆ แต่ก็ต้องเดินคอตกกลับมาเมื่อพบว่ายามหลับ ทรุดตัวนั่งลงบนทางเท้าแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองแรงๆ อย่างหงุดหงิด ไม่มีใครเขารอเธอทั้งวันหรอกยัยตัล! เธอกำลังหวังบ้าอะไรอยู่เนี่ย!

     

    เมื่อคิดได้อย่างนั้น ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเพื่อให้น้ำตาไหลกลับ แต่จังหวะนั้นเองที่ฉันดันเห็นรถคุ้นตาจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเพ่งมองผ่านไฟสลัวๆ ของถนน พยายามมองให้ออกว่าคนในรถคือเขาจริงๆ ใช่มั้ย

     

    เนื่องจากกระจกมืดทำให้ฉันมองไม่เห็นคนในรถ แต่แล้วเมื่อมีแสงไฟอ่อนๆ คล้ายไฟจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างขึ้นมา ฉันจึงเห็นว่าคนๆ นั้นคือเขาจริงๆ

     

    เขายังอยู่ พระเจ้า ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ

     

    “ไค! ไค!!!

     

    ฉันก้มลงดูตัวเลขในหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วก็ยิ้มกว้าง 23.58 น. ...ยังทันสินะ

     

    ไคเปิดประตูลงมาจากรถแล้วมองฉันอย่างตกใจก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

     

    Happy birthday นะ!!!” ฉันตะโกนสุดเสียงเพราะกลัวว่าคนที่อยู่อีกฟากจะไม่ได้ยิน ฉันปาดน้ำตาที่กำลังไหลด้วยความตื้นตันช้าๆ สองเท้าก้าวข้ามเลนถนนไปเรื่อยๆ จนมาถึงครึ่งทาง

     

    เขาอยู่ตรงหน้าแล้ว อีกแค่ไม่กี่ก้าว ฉันก็จะได้กอดเขาแล้ว อีกแค่นิดเดียว...

     

    อีกนิดเดียว...

     

    เราสองคนมองหน้ากันและกันด้วยสายตาที่มีเพียงฉันกับเขาเท่านั้นที่รู้ความหมาย เขายิ้มให้ฉันและอ้าแขนกว้างคล้ายรอให้ฉันไปหา ฉันยิ้มกลับไปขณะที่ออกเดินต่อช้าๆ ก่อนจะตะโกนคำๆ นั้นออกไปให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “ฉันรักนาย!!!!

    “คริสตัล!!!!!!!!!!!!!!

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

     

    วินาทีสุดท้ายก่อนที่ฉันจะมองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไร ฉันเห็นริมฝีปากหนาหุบยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นอ้าปากร้องเรียกชื่อเสียงดังจนแสบแก้วหู ใบหน้าตกใจสุดขีดราวกับว่าโลกใบนี้กำลังสลายของไคคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันมองเห็น จากนั้นความเจ็บปวดจึงตามมา...

     

    พลั่ก

     

    โครม!

     

     

     

     

    ---------------------------------------

     บทส่งท้ายจะลงอีกสองสามอาทิตย์ให้หลังนะคะ





     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×