ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกียรติคุณสุนทรภู่

    ลำดับตอนที่ #28 : ▣ บทเห่กล่อม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.66K
      1
      25 ม.ค. 57


     

    มีดังนี้
       1.บทเห่กล่อม เรื่องพระอภัยมณี
       2.บทเห่กล่อม เรื่องนางกากี
       3.บทเห่กล่อม เรื่องโคบุตร
       4.บทเห่กล่อม เรื่องจับระบำ

     


    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๖ ตอนพระอภัยติดท้ายรถนางละเวงและพยายามตามเกี้ยว


    เห่เอยเห่บท เดินรถในราตรี
    พระอภัยมณี นั่งที่ท้ายรถทรง
    บุษบกกระจกกระจ่าง เห็นรางรางรูปทรง
    คลุมประทมห่มองค์ เห็นแต่วงพักตรา
    แม่ยอดหญิงพริ้งเพริศ วิลาศเลิศลักขณา
    จะสะกิดก็ติดฝา สุดปัญญาสุดอาลัย
    ยืนยิ้มอยู่ริมรถ รื้อระทดหฤทัย
    หรือระงับหลับไหล ทำกระไรจะรู้ความ
    นิ่งนึกเห็นดึกนัก เวลาก็สักสองยาม
    คิดจะใคร่ไถ่ถาม ให้ขามขามในวิญญา
    ยามประชวรกวนจิต จะเคืองคิดโกรธา
    จึงถอยหลังรั้งรา เลียบไปหน้ารถชัย
    พระถามธิดาสุลาลี พระชนนีเป็นไฉน
    เขาบอกว่าหลับก็กลับไป ขึ้นยืนอยู่ใกล้แกลทอง
    ผลักผลักสลักติด ก็คิดคิดเขม้นมอง
    เสียงจังหรีดกระกรีดร้อง นึกว่าน้องจำนรรจา
    เกาะเกาะพระเคาะแกล เป็นไรนะแม่วัณฬา
    พี่มาแล้วนะแก้วตา จะรับรักษาทรามวัย
    เย็นยะเยียบเงียบสำเนียง ได้ยินแต่เสียงเรไร
    เสน่หาอาลัย มิได้ใกล้เคียงองค์
    กลับมานั่งบังกาย อยู่ที่ท้ายรถทรง
    พร่างพร่างกลางดง ต้นรังรงร่มครึม
    พอเดือนเที่ยงเสียงผึ้ง หึ่งหึ่งระหึม
    ทุกเงื้อมเขาเหงางึม ให้เศร้าซึมโศกา
    พี่อุตส่าห์มาด้วย ก็มิได้ช่วยรักษา
    หรือน้องแก้วแววตา สวรรคาลัยไป
    ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย จะตายด้วยแม่ดวงใจ
    กอดพระกรถอนฤทัย วิเวกในดงดอน
    เย็นยะเยียบเงียบสงัด พระพายพัดมาอ่อนอ่อน
    รวยรินกลิ่นขจร หอมเกสรสุมาลี
    ลั่นทมนมสวรรค์ ทั้งอินจันทน์จำปี
    สร้อยฟ้าสารภี มลุลีหลายพรรณ
    ทั้งยมโดยโรยริน ระรื่นกลิ่นมลิวัลย์
    เหมือนกลิ่นเนื้อเจือจันทน์ สะอื้นอั้นอาลัย
    ไฉนดีเจ้าพี่เอ๋ย จะได้เชยให้ชื่นใจ
    อุตส่าห์ตามทรามวัย มาจนใกล้กัลยา
    เพราะฝาติดอยู่นิดเดียว ให้เสียวเสียวเสน่หา
    เขม้นมองที่ช่องฝา จะใคร่เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
     
    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๔ แยกบทเห่กล่าวถึงตัวสินสมุทรและอรุณรัศมี


    เห่เอยหน่อกษัตริย์ นางอรุณรัศมี
    บวชเล่นเล่นก็เป็นชี กับฤๅษีพี่ยา
    แอบชะอ้อนนอนเพลา ว่าพระเจ้าป้าจ๋า
    พรหมจรรย์จรรยา เขาแปลว่าอันใด
    พระเจ้าลุงพรุ่งนี้ จะมานีมนต์ไป
    หลวงป้าไม่ว่าไร หรือจะไปตามคำ
    ถามเท่าไรก็ไม่ตรัส สมาบัติบริกรรม
    กลัวป้าอุตส่าห์ทำ ชักประคำภาวนา
    ลืมมนต์เสียหมดสิ้น ด้วยหอมกลิ่นบุปผา
    รสสุคนธ์มณฑา มะลิลาลมโชย
    รื่นรื่นชื่นแช่ม กลิ่นนางแย้มยมโดย
    ให้หวิวหวิวหิวโหย ร่วงโรยกำลัง
    ประหลาดเหลือเมื่อไร จะได้เข้าไปในวัง
    เสียงหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง ฟังฟังยิ่งวังเวง
    จักรจั่นสนั่นเสนาะ ดังบัณเฑาะว์ดีดเพลง
    กระดึงดังหงั่งเหง่ง ให้วังเวงวิญญา
    ครั้นเย็นย่ำน้ำค้าง พร้อยพร่างพฤกษา
    ลมเชยรำเพยพา ชื่นวิญญาเย็น เอยฯ

    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๕ ตอนนางละเวงเดินไพร ควบม้าหนีพระอภัย


    เห่เอยเห่กล่าว ถึงลูกสาวเจ้าลังกา
    โฉมลเวงวัณฬา ทรงอาชามากลางไพร
    เลี้ยวหลงวงเดิน พนมเนินพนาลัย
    แลเหลียวเปลี่ยวใจ วิเวกในดงตาล
    เห็นแต่สัตว์จัตุบาท มฤคราชแรดฟาน
    เสือสิงห์วิ่งทะยาน เสียงสะท้านสะเทือนดัง
    นางหลีกลัดดัดเดิน แนวเนินพนมวัง
    ให้หิวโหยโรยกำลัง จนม้าที่นั่งก็อ่อนแรง
    แลดูพระสุริย์ฉาย ก็เบี่ยงบ่ายชายแสง
    สุดสังเกตเขตแขวง ไม่รู้แห่งหนทาง
    แลขวาเป็นป่าชัฏ ข้างซ้ายขัดภูเขาขวาง
    ล้วนป่าสูงยูงยาง ไปตามหว่างศีขรินทร์
    เป็นโกรกกรวยห้วยธาร หุบละหานเหวหิน
    ฝูงปักษาเที่ยวหากิน บ้างโผบินร่อนเรียง
    แจ้วแจ้วแก้วพลอด ฉอดฉอดฉ่ำเสียง
    กระลุมภูเป็นคู่เคียง เค้าโมงเมียงมองแล
    ฝูงอิลุ้มคุ่มขาบ กระจิบกระจาบจอแจ
    นกออกเอี้ยงเคียงคับแค เสียงซ้อแซ้สนั่นไพร
    โพรโดกนั้นโอกเสียง เสนาะสำเนียงนกตะไน
    กินปลีเปล้าเขาไฟ จับกิ่งไม้มองเมียง
    ไก่ฟ้าพระยาลอ ขันจ้อแจ้วเสียง
    นกอุลอคลอเคียง กะเรียนเรียงรังนาน
    ฝูงยางกรอกดอกบัว กระเต็นกระตั้วหัวขวาน
    เบญจวรรณขันขาน บ้างบินผ่านโผจร
    คุลาโห่โกกิล นกขมิ้นเหลืองอ่อน
    เรียงจับสลับสลอน นางนวลนอนแนบนาง
    บ้างเวียนวิ่งบนกิ่งไม้ บ้างซุกไซ้ปีกหาง
    ชมเพลินเดินพลาง วิเวกวางเวงใจ
    บาระบูนขุนแผน กระเวนกระแวนระวังไพร
    ตัวเขียวเหยี่ยวตะไกร ไล่ลูกไก่เวียนวง
    ที่เงื้อมเงาเขาสูง แต่ล้วนฝูงเหมหงส์
    ปีกเจ้าอ่อนร่อนลง ประสานส่งสำเนียง
    นกยูงเป็นฝูงฟ้อน เหมือนละครรำเรียง
    กรีดกรายชะม้ายเมียง ประสานเสียงสนั่นดัง
    สาลิกาสุวาที นกโนรีเรียงรัง
    เหมือนนกเลี้ยงในเวียงวัง พระเนตรหลั่งหล่อชล
    โอ้อกระหกระเหิน เคราะห์เผอิญอับจน
    ม้าเลี้ยวหลงวงวน ไม่เห็นหนทางไป
    ป่าระหงดงดึก สะพรั่งพฤกษาไสว
    หอมระรื่นชื่นฤทัย ดอกไม้ไพรพนม
    แก้วกุหลาบอังกาบแกม นางเด็ดแซมมวยผม
    สร้อยฟ้าน่าชม ทั้งสุกรมยมโดย
    บ้างบานตูมเป็นพุ่มพวง บ้างหล่นร่วงกลีบโรย
    ทั้งพระพายชายไชย เกสรโปรยปรายมา
    ทั้งรวยรินอินจันทน์ กะลำพันกฤษณา
    เพลินพระทัยไคลคลา จนสุริยาเย็นรอนรอน
    ครั้นถึงธารสะอ้านสะอาด เขาอังกาศสิงขร
    จิ้งจอกออกเห่าหอน ในดงดอนดูมืดมัว
    เสียงชะนีวิเวกโหวย ละห้อยโหยหาผัว
    วังเวงน่าเกรงกลัว แลเห็นตัวอยู่ไรไร
    เห็นที่แท่นแผ่นผา ที่ไสยาอาศัย
    ลงจากม้าคลาไคล เข้านั่งใต้ไทรทอง
    ด้วยล้าเลื่อยเหนื่อยนัก พระวรพักตร์หม่นหมอง
    แล้วทรงเปลื้องสะไบกรอง นางปูรองกายา
    ค่อยเอนองค์ลงบนอาสน์ พระเศียรพาดแผ่นผา
    ให้หิวโหยโรยรา นิ่งนิทราตรอมใจ
    เสียงจังกรีดกริ่ง หริ่งหริ่งเรไร
    เคลิ้มระงับหลับไป ใต้ต้นไทรทอง เอยฯ

    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๓ แยกบทเห่กล่าวถึงตัวนางสุวรรณมาลี


    เห่เอยพระราชบุตร สินสมุทมุนี
    กับอรุณรัศมี นั่งอยู่ที่หน้าชาลา
    แย้มสรวลชวนกัน นั่งฉันน้ำชา
    พูดเล่นเจรจา กับน้องยานารี
    แขไขไตรตรัส เรืองจรัสรัศมี
    ร่อนเร่ในเมฆี มาตรงที่แกลทอง
    ถ้าเช่นนี้พี่เหาะได้ จะเหาะไปประคอง
    ค่อยสอดกรช้อนตระกอง มาไว้ในห้องไสยา
    เย็นชื่นดื่นดึก ลืมรำลึกภาวนา
    ชวนพระน้องร้องสักรวา จนหลงว่าขึ้นดังดัง
    โอ้ว่าเจ้าการะเกด ขี่ม้าเทศจะไปท้ายวัง
    น้องห้ามไว้ก็ไม่ฟัง จะแทงฝรั่งลังกา
    รู้สึกตัวกลัวกรรม ชักประคำภาวนา
    เดือนส่องต้องศิลา ดังจินดาดวงดาว
    ด้วยเขารุ้งรุ่งเรือง บ้างเขียวเหลืองแวววาว
    แวมสว่างพร่างพราว อร่ามราวเพชรพลอย
    พร่างพร่างน้ำค้างเหยาะ เผาะเผาะผอยผอย
    ดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อย จะเลื่อนลอยลับตา
    เย็นยะเยียบเงียบสงัด พระพายพัดรำเพยพา
    พระเพลินจิตไม่นิทรา แต่น้องยานั้นหลับไป
    เดือนส่องผ่องเพียง จะแข่งเคียงแขไข
    หลับสนิทจะพิศไหน งามวิไลลักขณา
    นวลหน้าเหมือนการะเกด ดังดวงเนตรของเชษฐา
    ถึงนางสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่โสภาเทียมนวล
    ชายใดแม้นได้นุช จะรักสุดแสนสงวน
    ยิ้มเยื้อนเหมือนจะชวน ให้รัญจวนใจชาย
    พิศเพ่งเล็งดูเดือน ละม้ายเหมือนกับเดือนหงาย
    ฟ้าขาวดาวประกาย พฤกษาพรายโพยมมาล
    เสียงดุเหว่าเร่าร้อง เสนาะก้องกังวาน
    ไก่กระชั้นขันขาน วิเวกหวานวังเวง
    เหมหงส์บุหรงร้อง ดังพาทย์ฆ้องประโคมเพลง
    กลระฆังก็ดังเอง เสียงเหง่งเหง่งวังเวงใจ
    ลมว่าวหนาวชื้น หอมระรื่นหฤทัย
    งีบระงับหลับไหล ในที่ไสยา เอยฯ

    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๒ ตอนนางสุวรรณมาลีบวช โดยมีสินสมุทรและอรุณรัศมีบวชตามมาอยู่ด้วย


    เห่เอยเห่กล่าว ถึงพระดาวบศนี
    องค์สุวรรณมาลี บวชด้วยมีศรัทธา
    กับสินสมุทรสุดสวาท อรุณราชนัดดา
    อยู่เขารุ้งปลายทุ่งนา ออกนั่งหน้ากุฎี
    แบ่งส่วนกุศลผลบุญ ให้องค์อรุณรัศมี
    สาวสุรางค์นางชี แต่ล้วนมีศรัทธา
    ตัดรักชักประคำ พึมพำภาวนา
    เงียบสงัดวัดวา พระสุริยาเย็นรอนรอน
    ชนีน้อยห้อยโหย วิเวกโหวยวิงวอน
    จิ้งจอกออกหอน นกนอนรังเรียง
    เริงร้องซ้องแซ่ คลอแคลกรีดเสียง
    น่าดูเป็นคู่เคียง แอ่นเอี้ยงแอบอิง
    แม่นกกกกอด ลูกพลอดวอนวิง
    แจ้วแจ้วแก้วกะลิง จับที่กิ่งไทรทอง
    นั่งชมโสมนัส กับหน่อกษัตริย์ทั้งสอง
    พลบค่ำย่ำฆ้อง เดือนส่องสว่างตา
    หอมดอกไม้ใกล้กุฏิ สาวหยุดมะลิลา
    ยี่หุบบุบณา แย้มผกากลิ่นขจร
    เย็นยะเยียบเงียบสงัด พระพายพัดมาอ่อนอ่อน
    หึ่งหึ่งผึ้งภมร เชยเกสรสุมาลี
    นิ่งระงับหลับตา อุตส่าห์รักษาอารมณ์
    ถึงหอมระรื่นไม่ชื่นชม ตามเพศพรหมจรรย์ เอยฯ

    บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๑ ตอนศรีสุวรรณรำพันรักและชมโฉมนางเกษรา




    เห่เอยเห่ละห้อย พราหมณ์น้อยศรีสุวรรณ
    แรมสำนักตำหนักจันทน์ พระสุริยันสนธยา
    ให้อาดูรพูนเทวศ ถึงแก้วเกษรา
    ได้เห็นพักตร์ลักขณา ยังติดตาทุกนาฑี
    ชมแท่นทองที่รองทรง ของอนงค์องค์บุตรี
    หอมหวนยวนยี อยู่ในที่ไสยา
    เผยพระแกลแลกระจ่าง เห็นเดือนสว่างในเวหา
    ทรงกลดรจนา เหมือนนวลหน้าพระน้องนวล
    อนาถหนาวเศร้าสร้อย ให้ละห้อยโหยหวน
    นึกเห็นเมื่อเล่นสวน เลิศล้วนลักขณา
    เนตรขนงวงวิลาศ พิศเพียงบาดนัยนา
    พระกรรณแก้วแววตา ดังกลีบผกาโกมล
    สองกรก็อ่อนชด ดังงอนรถพระสุริยน
    ปรางประพระสุคนธ์ พิศเพียงผลลูกจันทน์
    ทรวดทรงพระองค์อ่อน ดังอัปสรสาวสวรรค์
    โกมุทบุษบัน ไม่เทียมถันประทุมา
    โอฐสะอาดดังชาดจิ้ม เมื่อยามยิ้มดังเลขา
    เมื่อเนตรน้องมาต้องตา ดังสายฟ้ามาฟาดทรวง
    แสนรักสลักอก ยิ่งกว่ายกภูเขาหลวง
    จะใคร่อุ้มพุ่มพวง มาแนบทรวงไสยา
    ผิวเหลืองระเรืองรอง เหมือนเนื้อทองธรรมดา
    แม้นสมรักจะลักพา ลงเภตรากางใบ
    ดูเนื้อน่วมอยู่นุ่มนิ่ม จะชมชิมให้อิ่มใจ
    แม้นลมดีจะคลี่ใบ แล่นไปในนที
    จะปลอบประโลมโฉมฉาย ขึ้นนั่งบนท้ายบาหลี
    แย้มสรวลยวนยี จะชวนชี้ให้ชมปลา
    มีต่างต่างกลางทะเล ทั้งจรเข้เหรา
    ฝูงกระโห้ทั้งโลมา เคลื่อนคลาอยู่ตามกัน
    กุ้งกั้งแลมังกร สลับสลอนหลายพรรณ
    นาคราชผาดผัน ปลาอำพันตะเพียนทอง
    วาฬใหญ่ขึ้นไล่คู่ ผุดฟู่พ่นฟอง
    เงือกงูดูคะนอง ลอยล่องชโลธร
    กริวกราวก็เต้าตาม ฉนากฉลามสลับสลอน
    คลาเคล้าสำเภาจร ในสาครรายเรียง
    เกาะใหญ่ไม้ชะอุ่ม เป็นพุ่มพุ่มเคียงเคียง
    เหมือนจอกน้อยลอยเรียง พิศเพียงจะเพลินใจ
    นิ่งนึกจนดึกดื่น ถอนสะอื้นอาลัย
    เคลิ้มระงับหลับไป อยู่ในห้องไสยา เอยฯ

    บทเห่กล่อม เห่เรื่องกากี

    เรื่องกากี มีเค้ามาจากเรื่องในนิบาตชาดก  ชื่อ กากาติชาดก   ในชาดกเรื่องนี้ เรียก กากี ว่า กากาติ  ชื่อ กากี เป็นชื่อของหญิงสาวนางหนึ่งผู้มีโฉมสะคราญ และมีเหตุอันตรายแก่ตัวก็ด้วยความงามของนางนั้น นางเป็นมเหสีของท้าวพรหมทัต  ครั้งหนึ่งเมื่อพระยาครุฑมาเล่นสกากับท้าวพรหมทัต ได้แลเห็นนางและเกิดใคร่ได้ในตัวนาง  จึงลักพาตัวนางไปอยู่วิมานฉิมพลี   ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มนัก คนธรรพ์ชื่อนาฏกุเวร  ผู้เป็นพี่เลี้ยงท้าวพรหมทัต และทำหน้าที่ขับพิณถวาย จึงอาสาไปตามหาตัวนาง  โดยจำแลงกายแอบซ่อนในขนพระยาครุฑไปจนถึงวิมานฉิมพลี  แต่แล้วคนธรรพ์เกิดใคร่ได้ในความงามของนางเสียเอง   นาฏกุเวรลอบอยู่ในวิมานฉิมพลีหลายเวลา  จึงกลับมาทูลท้าวพรหมทัตทรงทราบ
    ท้าวพรหมทัตทราบเรื่องกลับพิโรธนางกากีนัก ว่าใจง่ายหลายชาย "ไปร่วมราชปักษีแล้วมิสา ซ้ำสมรสคนธรรพ์อันธพาล์"   ทรงประสงค์จะได้นางกากีคืนมาเพื่อลงทัณฑ์   นาฏกุเวรจึงออกอุบายจนได้นางคืนมา  เมื่อท้าวพรหมทัตเห็นหน้า ก็ตรัสบริภาษต่างๆ ด้วยความน้อยพระทัย  แม้กากีจะทูลแก้ตัวอย่างไรก็ไม่ฟัง โปรดให้นำนางไปลอยแพเสีย
    เรื่องกากียังมีตอนแต่งเพิ่มเรื่องขึ้นใหม่โดยนายโชติ มีกล่าวไว้ในตอนท้ายเรื่องว่า "ฉันผู้ต่อแต้มความตามประโยชน์ ชื่อว่าโชติมณีรัตน์พึ่งหัดสอน ในคารมไม่เพราะเสนาะกลอน มิใช่ครูภู่สุนทรอย่าติเลย"   เนื้อเรื่องกล่าวถึงความเป็นไปของกากีให้ผู้อ่านสิ้นสงสัย   กากีได้ไปพบพ่อค้ากลางทะเล ได้เสียกับพ่อค้า พลัดพ่อค้าไปได้กับโจร จนในที่สุดได้ไปเป็นชายาท้าวทศวงศ์ผู้ชราภาพ เมืองอภัยสาลี ฝ่ายทางเมืองพาราณสี ท้าวพรหมทัตวายชนม์ อำมาตย์ยกนาฏกุเวรขึ้นครองราชย์ ครั้นนาฏกุเวรรู้ว่ากากีไปตกอยู่ที่เมืองอภัยสาลี ก็ยกทัพไปชิงกากีมาได้ แล้วอภิเษกนางขึ้นเป็นพระมเหสี
    สุนทรภู่เลือกเนื้อเรื่องตอนพระยาครุฑอุ้มนางกากีเหาะไปวิมานฉิมพลี มาเป็นบทเห่กล่อมพระบรรทม  ชมความงามของทะเลสีทันดร  และขุนเขาน้อยใหญ่รอบเขาพระสุเมรุ ดังนี้ ...
       เห่เอยเห่กล่าว
    ครุฑราชปักษา
    ล่องลมชมทวีป
    ข้ามคีรีศีขรินทร์
    ชี้ชมพนมแนว
    สัตภัณฑ์สีทันดร
    งูเงือกขึ้นเกลือกกลิ้ง
    จระเข้แลเหรา
    โผนเผ่นเล่นระลอก
    นาคาอันกล้าหาญ
    หัสดินทร์บินฉาบ
    ในทะเลเภตรา
    ลำนิดนิดจิ๊ดจิ๋ว
    ชมชื่นหฤทัย
    อุ้มแอบแนบชิด
    ปีกอ่อนร่อนรา
    ลอยรอบขอบพระเมรุ
    ชมป่าหิมพานต์
    สินธพตระหลบเผ่น
    ราชสีห์ดูมีหงอน
    นรสิงห์แลลิงค่าง
    ยักษ์มารชาญฉกรรจ์
    นักสิทธิวิทยา
    กินรินและกินนร
    ห่านหงส์หลงเกษม
    พระฤๅษีชีป่า
    คนป่าทั้งหมาเหมี่ยว
    ลอยลมชมเพลิน
    มีหุบห้องปล่องเปลว
    ลดหลั่นเป็นชั้นชาน
    บ้างเขียวขาวดูวาววาม
    ชมพลางทางชี้
    ที่สูงเยี่ยมเทียมฟ้า
    รูปร่างเหมือนอย่างคน
    ยิ้มย่องผ่องพักตร์
    น้อยน้อยย้อยระย้า
    ที่มีฤทธิ์ปลิดเด็ด
    พวกนักสิทธิ์ฤทธิ์น้อย
    บ้างตะกายป่ายปีน
    ชิงช่วงหวงหึงส์
    ที่ไม่ได้ก็ไล่แย่ง
    ที่ได้ไปไว้นั้น
    พระบอกนางทางพา
    เที่ยวชมเล่นให้เย็นใจ

     

    ถึงเรื่องราวสกุณา
    อุ้มกากีบิน
    ในกลางกลีบเมฆิน
    มุจลินท์ชโลทร
    นั่นเขาแก้วยุคันธร
    แลสลอนล้วนเต่าปลา
    มัติมิงคลมัจฉา
    ทั้งโลมาแลปลาวาฬ
    ชลกระฉอกฉาดฉาน
    ขึ้นพ่นพล่านคงคา
    ก็คาบขึ้นบนเวหา
    บ้างแล่นมาแล่นไป
    เห็นหวิวหวิวอยู่ไรไร
    ก็ลอยไปในเมฆา
    ถนอมสนิทเสน่หา
    กระพือพาเผ่นทะยาน
    บริเวณจักรวาล
    เชิงชานพระเมรุธร
    สิงโตกิเลนแลมังกร
    แก้วกุญชรแลฉัททันต์
    อีกเซี่ยวกางแลกุมภัณฑ์
    ทั้งคนธรรพ์วิเรนทร
    ถือคทาธนูศร
    รำฟ้อนร่อนรา
    อยู่ห้องเหมคูหา
    หาบผลาเลียบเนิน
    ก็จูงกันเที่ยวดุ่มเดิน
    พนมเนินแนวธาร
    ดูห้วยเหวรโหฐาน
    เงื่อมตระหง่านเมฆี
    เรืองอร่ามรัศมี
    บอกคดีนีรมล
    นั่นต้นนารีผล
    ดูงามพ้นคณนา
    วิไลลักษณ์ดังเลขา
    เพทยาธรคอย
    อุ้มระเห็ดเหาะลอย
    เอาไม้สอยเสียงอึง
    เพื่อนยุดตีนตกตึง
    เสียงอื้ออึงแน่นอนันต์
    บ้างทิ่มแทงฆ่าฟัน
    ถึงเจ็ดวันก็เน่าไป
    ลอยฟ้าสุราลัย
    แล้วกลับไปวิมานเอยฯ

    ท่านสุนทรภู่แต่งบทเห่กล่อมนี้ เพื่อถวายสำหรับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

     

    เห่เรื่องโคบุตร

    เป็นนิทานเรื่องแรกที่ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อยังหนุ่ม ท่านได้นำตอนที่โคบุตรส่งสารรักถึงนางอำพันมาแต่งเป็นบทเห่ เป็นเรื่องที่สร้างความเพลิดเพลินอย่างมากแก่เด็ก และทำให้เด็กอยากรู้เรื่องราวในตอนต่อไปจนต้องหาหนังสือมาอ่านต่อ หรือให้ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง ดังจะคัดมาตอนหนึ่ง ดังต่อไปนี้
           เห่เอยเห่ถวาย ถึงเรื่องนิยายแต่ปางหลัง
      ให้พระองค์ทรงฟัง เมื่อแรกตั้งโลกา
           มีพระมิ่งมงกุฎ ชื่อโคบุตรสุริยา
      ได้ข่าวพระธิดา ตรึกตราตรอมใจ

    เห่เรื่องจับระบำ
    บทเห่จับระบำมีเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น ๓ ตอน ได้แก่ ตอนแรกเป็นเรื่องราวของนางฟ้า และเทวดาพากันร่ายรำ ท่ามกลางสายฝนบนวิมานเขาไกรลาส ตอนที่ ๒ เป็นเรื่องของนางเมขลา นางฟ้าที่มีหน้าที่เฝ้ามหาสมุทรกำลังร่ายรำพร้อมกับนางฟ้าทั้งหลาย ตอนที่ ๓ เป็นเรื่องของนางเมขลามาเจอกกับรามสูร รามสูรนั้นมีขวานเป็นอาวุธ ทั้งสองได้มาเจอกันรามสูรได้ขว้างขวานใส่นางเมขลา แต่ด้วยฤทธิ์ของแก้วมณีทำให้พลาดไป ทำให้เกิดเป็นตำนานฟ้าแลบฟ้าร้อง บทเห่จับระบำนี้มีเนื้อหาเรื่องราวที่สนุกสนานเป็นที่ชื่นชอบของเด็กที่ได้ฟัง เนื่องจากเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างยักษ์กับนางฟ้า เมื่อเด็กได้ฟังก็จะตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่องด้วย ดังจะคัดส่วนหนึ่งของตอนแรกมา ดังต่อไปนี้
           เห่เอยเห่สวรรค์ เมื่อวสันต์ฤดูฝน
      นักขัตฤกษ์เบิกบาน ให้มืดมนเมฆษ
           เทวาลาหก ให้ฝนตกลงมา
      ฝูงเทพเทวา กับนางฟ้าฟ้อนรำ



    เว็บนี้เหมาะสำหรับเปิดในเบาเซอร์
    Chrome,Firefox
    ขอบคุณธีมตกแต่ง G Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×