คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : [ตอนที่34] :: ชาโด้ พันธมิตรผู้ช่วยเหลือคนใหม่ แผนการลับที่ถูกวางไว้ เปิดเผย!
ตอนที่34
ชาโด้ พันธมิตรผู้ช่วยเหลือคนใหม่ แผนการลับที่ถูกวางไว้ เปิดเผย!
“แหม ไม่อยู่แค่แป๊บเดียว ตามหาเจอแล้วงั้นเหรอ”
จู่ๆ ก็มีเสียงของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นมาจากบนหัวของเรา เมื่อเราเงยหน้าขึ้นไปมองบนแผ่นหินที่ถูกสลักเป็นรูปไพ่ ก็พบกับชายคนหนึ่งยืนอยู่เขาเป็นคนที่ฉันไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย เอ๊ะ แต่ที่มือของเรานั่นมันอะไร! เลือด... งั้นเหรอ!?
“สวัสดี ฉันคือ จูเนียร์” เขาพูดขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น
อะไรกันผู้ชายคนนี้... ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ทำไมถึงมีออร่าที่น่ากลัวแบบนี้นะ...
กึก...
โซโลเอามือจับที่ดาบของตัวเองทั้งท่าเหมือนจะโจมตี
“นายหัวเขียวนั่น... โรโรโนอา โซโลสินะ” ผู้ที่บอกว่าตนชื่อจูเนียร์พูดขึ้นพร้อมกับนั่งยองๆ แล้วมองหน้าของโซโล เขาฉีกยิ้มอย่างท้าทายให้กับโซโลอีกด้วย
“เออ... รู้จักฉันด้วยเหรอเนี่ย” โซโลพูดพร้อมฉีกยิ้มอย่างท้าทายกลับไปบ้าง มันทำให้จูเนียร์ถึงกับหัวเราะออกมาเลยทีเดียว
“ฉันคือจูเนียร์... เป็นคนที่เฝ้าคำใบ้นี้... ใช่ ฉันรู้ว่าพวกพ้องของพวกนายอยู่ไหน และอีกอย่างหนึ่งนะ...” จูเนียร์ทำท่าเว้นวรรคคำพูด เหมือนต้องการให้เราถามว่า อีกอย่างหนึ่งคืออะไร?
"แกต้องการจะสื่ออะไร?” โซโล
“หึหึ... พวกเพื่อนๆ ของนายสองคนน่ะ... ใครบ้างนะ แม่สาวผมสีดำยาว ที่งอกมือออกมาได้เยอะๆ น่ะ กับอีกคนหนึ่งที่ผมสีน้ำตาลดูท่าทางโง่ๆ หน่อย ฉันพึ่งจะไปจัดการมา... มันก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า” จูเนียร์พูดพร้อมฉีกยิ้มพร้อมกับเลียเลือดที่อยู่ที่นิ้วหัวแม่มือของตัวเอง... อะไรนะ! จัดการโรบินไปอย่างงั้นหรอ? ผมสีน้ำตาล? หมายถึงคีฟาร์น่ะเหรอ!?
“จริงเหรอ...” โซโลพูดพร้อมดึงดาบของเขาออกมาแล้วเอามันชี้ไปที่หน้าของจูเนียร์
“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องออมมือให้แกสินะ” โซโลพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“ออมมืองั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ เข้าใจพูดนะโรโรโนอา โซโล ฮ่าๆ...” จูเนียร์หัวเราะชอบใจ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าปอดไปเต็มเปี่ยมแล้วเขาก็เอามือทำเหมือนกับมามันเป็นปืน แล้วทำเป็นเหนี่ยวไกลปืนไปที่หัวของตัวเอง
พรึบ!!!
ในวินาทีต่อมาที่จูเนียร์ทำท่าเหมือนเหนี่ยวไกลปืนที่หัวของตัวเอง เขาก็โผล่ออกมาตรงหน้าของโซโลอย่างรวดเร็ว O__O!!
ชิ้ง!!
โซโลที่รู้ทันเอาดาบขึ้นมาป้องกันการโจมตีได้อย่างทันเวลา เขาฉีกยิ้มอย่างพอใจกับพลังของจูเนียร์ เมื่อฉันเห็นว่าโซโลกำลังจะเริ่มต่อสู้ ฉันจึงหันหน้าไปหานาอิแล้วพูดกับเขาว่า
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ ต้องไปดูอาการของโรบินกับคีฟาร์นะ!” ฉัน
“นั่นสิไปกันเถอะ ฝากด้วยนะคุณโซโล!” นาอิพูดพร้อมกับออกตัววิ่งไปพร้อมๆ กับฉัน
“อา...” โซโลตอบมาสั้นๆ ก่อนจะเริ่มเข้าห่ำหั่นกับจูเนียร์อย่างดุเดือด!
อย่าเป็นอะไรไปนะโรบิน... ทำไมเธอถึงถูกจูเนียร์จัดการล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น!
[บันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
“นายบ้าไปแล้วหรอซันจิ!” รีทาวน์หันหน้ามามองผมพร้อมกับตะคอกใส่
“ยังไงฉันก็จะไม่ทำร้ายผู้หญิงและฉันก็ทนไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยหากมีคนมาทำร้ายเลดี้!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชาโด้จังที่ยืนอยู่ข้างหลังของผมนิ่งแล้วมองหน้าของผมทันที เธอเอามือเล็กๆ แตะเข้าที่หลังของผมก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความเศร้า
“ฉันจะบอกให้... ว่าพวกพ้องของพวกนายอยู่ที่ไหน” ชาโด้จังที่กระซิบที่ข้างหูของผมทำให้ผมหันหน้าไปมองเธออย่างตกตะลึง... เธอบอกว่าเธอจะบอกงั้นเหรอว่าพวกเพื่อนๆ ของผมอยู่ไหนน่ะ!?
“จะ... จริงเหรอชาโด้จัง!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ ชาโด้จังก้มหน้าลงพร้อมกับพยักหน้า
“แต่ต้องช่วยอะไรฉันหน่อยนะ” ชาโด้จัง
“อะไรก็ได้ครับ! ผมพร้อมช่วยทุกอย่าง! ♥” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้กับเธอ แต่สีหน้าที่มีแต่ความโศกเศร้าของเธอทำให้ผมนิ่งไปถนัดตา
“ช่วยพาฉัน... ออกจากที่นี่ด้วยเถอะ!”
ชาโด้จังพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน สายตาของเธอช่างเศร้าสร้อยซะจนผมไม่อยากจะถามต่อว่าทำไม ผมได้แต่คว้ามือเธอเอาไว้ด้วยมือของตัวเอง แล้วบอกเธอด้วยเสียงหนักแน่นว่า
“แน่นอนครับ!”
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าตึกที่เต็มไปด้วยฝูงชน เมื่อดูๆ แล้วเหมือนกับว่ามันจะเป็นที่ค้าทาสแห่งหนึ่ง ชาโด้จังเป็นคนพาผมมาเอง... และแน่นอนว่าตอนแรกเจ้าพวกรีทาวน์ไม่เชื่อใจของชาโด้จัง แต่ผมก็อธิบายไปคร่าวๆ พวกนั้นก็ไม่ได้เชื่อหรอกนะ แต่ก็ยังตามผมกับชาโด้จังมาอยู่ดี
“ตึกนี้แหละเป็นที่ซ่อนตัวของพวกพ้องคุณหนึ่งคน แล้วคนๆ นั้นก็คือคุณจมูกยาว” ชาโด้จังพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในตึก พวกผมหันหน้าไปมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามเธอไปแต่โดยดี
เสียงของพวกประมูลค้าทาสดังเป็นระยะๆ เสียงของคนที่ให้ราคาสูงที่สุดดังขึ้นเพราะความดีใจที่ได้ทาสแสนสวย สลับกับเสียงถอนหายใจอย่างไม่พอใจของผู้ที่ไม่สามารถประมูลท่านที่ตนเองต้องการไปได้ พวกเราเดินขึ้นบรรไดไปจนถึงชั้นบนสุด ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นวีไอพี... ซึ่งจะต้องมีเพียงพวกคนรวยเท่านั้นที่ขึ้นมาได้ ชั้นนี้มักจะมีแต่ทาสที่มีราคาดี อย่างเช่นพวกเงือก(สายพันธุ์ที่มีหาง) และพวกที่มีผลปีศาจ พวกเราเดินไปจนถึงห้องๆ หนึ่ง ซึ่งหน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘เข้าได้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น’ ซึ่งห้องนั้นคือห้องขังทาสที่เตรียมได้รับการประมูลนั่นเอง
“ฮึก... ฮือ... ฮือๆ...” เสียงร้องห่มร้องไห้ของเหล่าทาสดึงขึ้นมาตลอดเวลา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตะคอกเสียงดังจนเสียงเงียบไป
“ปล่อยฉันนะโว้ยยย! อย่ามาขังฉันไว้ในนี้! ฉันคือผู้กล้าแห่งทะเลทั้งห้านะเฟ้ย!!”
เสียงโวยวายโอ้อวดตัวเองแบบนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าเป็นใคร -___- อุซปที่อยู่ในกรงขังร้องโวยวายดังที่สุดในหมู่ทาสทั้งหมด เมื่อเราเดินไปจนถึงกรงขัง ก็ทำให้อุซปตกตะลึงไปในทันที
“ซันจิ! นายมาช่วยฉันแล้วเหรอ O__O!!” อุซป
“เออ... มาช่วยแล้ว นายแหกปากโวยวายดังชะมัด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ก่อนที่ชาโด้จังจะเดินไปที่กรงขังแล้วดึงกุญแจกรงขังออกมา
“แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน” อุซปถามอย่างสงสัย
“ฉันคือคนที่เฝ้าคำใบ้ถึงตัวนาย...” ชาโด้จังพูดด้วยเสียงเรียบ
“ห๊า!!?~ เธอคือพวกเดียวกับเจ้าเจส์ตะที่จับตัวฉันมาน่ะเหรอ =[]=!!” อุซปทำท่าตกใจยิ่งกว่าเก่า ชาโด้จังได้แต่พยักหน้าอย่างรำคาญ ก่อนที่ชาโด้จังจะไขกุญแจจนสำเร็จ!
“เฮ้!!~ ฉันออกมาได้แล้ว!!” อุซปโห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อเขาวิ่งออกมาจากห้องขังได้
“นายควรจะขอบคุณชาโด้จังด้วยนะ” ผมพูดพร้อมชี้ไปทางชาโด้จัง
เจ้าจมูกยาวอุซปมองไปที่ชาโด้จังด้วยสายตาหวาดระแวง
“เฮ้ๆ... ทำไมยัยนี้ถึงมาช่วยเรากันล่ะ” อุซปวิ่งมาพร้อมกับกระซิบกระซาบกับผม ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะดันหัวของอุซปออกไปไกลๆ หน้าของผมแล้วกดหัวของอุซปลงเพื่อเป็นการขอบคุณชาโด้จัง
“ขอบคุณชาโด้จังซะสิ เขาช่วยให้นายออกมาได้นะเฟ้ย” ผม
“หา! ทำไมฉันต้องขอบคุณคนที่ขังฉันด้วยล่ะ!” อุซป
“บอกให้ขอบคุณก็ขอบคุณไปเหอะน่า!” ผมเริ่มโวยวาย
“ไม่เป็นไรหรอกซันจิคุง เขาคงยังไม่ไว้ใจฉัน... เหมือนกับสองคนนั้น” ชาโด้จังพูดพร้อมชี้ไปทางรีทาวน์กับเจ้ารา ใช่... เจ้าสองคนนั้นไม่ละสายตาจากชาโด้จังเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมถึงไม่ไว้ใจชาโด้จังกันนะ!
“พวกนายเลิกมองชาโด้จังด้วยสายตาไร้มารยาทแบบนั้นได้มั้ยน่ะ!” ผมโวยวาย
“อะไร... หมายถึงฉันหรอ?” เจ้ารากับรีทาวน์ประสานเสียง
“เออสิฟะ =[]=!!” ผม
“ยังไงฉันก็ไม่ไว้ใจยัยนี้” รีทาวน์พูดพร้อมชี้ไปที่ชาโด้จัง
“จริงๆ ฉันก็อยากจะไว้ใจนะ... แต่มันก็...” เจ้าราพูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“ถ้าไม่ไว้ใจก็อย่ามองชาโด้จังด้วยสายตาไร้มารยาทแบบนั้นอีก!” ผมพูดพร้อมเอาตัวไปบังสายตาของสองคนนั้นที่ส่งไปให้ชาโด้จัง ก่อนที่ชาโด้จังจะเอามือมาแตะที่หลังของผมอีกครั้งก่อนที่จะบอกกับผมว่าไม่เป็นไรหรอก
“มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ไว้ใจกันได้ง่ายๆ ไม่เป็นไรหรอกซันจิคุง” ชาโด้จังพูดเหมือนไม่สนใจ ก่อนจะเดินนำทางไปที่ประตูทางออก
“เราควรรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีคนมาเห็นนะ...” ชาโด้จังที่พูดยังไม่ทันจบประโยค จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากด้านนอก เขาคือชายสูงกว่าสามเมตร ท่าทางแข็งแรงกำยำ ท่าทางน่ากลัวใช่เล่น รอยแผลที่อยู่ที่ใบหน้านั้นยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปใหญ่!
“คนมาเห็นที่ว่านั่น... หมายถึงฉันหรือป่าว?”
หมอนั่นพูดพร้อมน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับก้มหน้าลงมองหน้าของชาโด้จังด้วยสายตาน่ากลัว ชาโด้จังผละออกมาประตูด้วยท่าทีหวาดกลัวสุดขีด!
“มะ... มาติน...” ชาโด้จัง
“คงจะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลนะ... ชาเดอรีน...”
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
[บันทึกพิเศษ ; ลูฟี่]
“ต้องตัดมือของนายอย่างเดียว เป็นวิธีเดียวจริงๆ นะ ฮือๆ~”
“เหวอ! นายจะบ้าหรือไง O__o!!!” ผม
“เอาละนะ ตัดเลย!~”
“เฮ้ย!! เจ้าบ้า อย่านะเฟ้ย =[]=!!!” ผม
ฟิ้วว... ฉับ!!!
“เหวอออ!!!” ผมร้องสุดเสียง เสียงฉับที่ตั้งใจจะตัดลงมาที่แขนของผมพลาดไปตัดที่เส้นผมเหนียวสีม่วงแทน! โชคดีมากที่ผมเอนตัวหลบทัน =[]=!!
“อา!! ไม่นะ!! เส้นผมอันงดงามของฉัน!!!” เจ้าผมม่วงร้องอย่างตายอดตายอยาก เส้นผมยาวสีม่วงแหว่งไปเกือบครึ่งหนึ่งของหัวเพราะขวานนั่น ผมที่พยายามจะดิ้นให้หลุดจากผมเหนียวๆ นี้ ไม่ว่าดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด!
“ผมของนายเหนียวชะมัด =O=!!” ผมพูดพร้อมพยายามดิ้นต่อไป
“เพราะนาย... เพราะนายคนเดียวทำให้เส้นผมของฉันเป็นแบบนี้!!” เจ้าผมม่วงที่นิ่งไปนานมันหน้ามองมาทางผมอย่างโกรธแค้น หมอนั่นเอานิ้วชี้มาทางผมอย่างโมโหสุดๆ
“อะไรกัน ก็นายอยากจะตัดแขนฉัน ใครจะไปยอมกันล่ะ =[]=!!” ผมโวยวาย
“เพราะนาย... เพราะนายเลย... เพราะนาย!!” เจ้าผมม่วงโวยวายพร้อมกับวิ่งตรงมาหาผม! ส่วนตัวผมที่ถูกผมสีม่วงพันทั่วตัวก็ได้แต่กระโดดหลบเท่านั่น =[]=!!
พรึบ!!
“ว๊ากกก” ผม
ตู้มมม!!!
เจ้าผมม่วงวิ่งเอาหัวชนกำแพงจนกำแพงนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ... เหวอ! หัวของหมอนั่นแข็งชะมัดเลย =[]=;;
“เดี๋ยวก่อนเส้! ฉันสู้ไม่ได้นะในสภาพนี้น่ะ!!” ผมโวยวายพร้อมกับดิ้นๆๆ
“เพราะนายย!!! นายทำให้ผมแสนงดงามของฉันขาดหมดเลย!!!~”
“เพราะนายตัดมันเองไม่ใช่เหรอ เจ้าบ้า!” ผม
เจ้าผมม่วงพุ่งตัวเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมที่อยู่จนมุมไม่สามารถกระโดดไปไหนได้ จึงยืดหัวของตัวเองไปพันรอบเสาที่งอกออกมาจากตัวบ้าน ก่อนจะเด้งตัวหลบหัวของเจ้าหัวม่วงได้อย่างหวุดหวิด O__O!!
ตู้มม!!!
เพราะงั้นมันจึงทำให้เจ้าหัวม่วงเอาหัวโหม่งกำแพงบ้านไปเต็มๆ!
“หน๊อย!! ลงมาเดี๋ยวนี้นะเจ้าบ้า!!~” เจ้าผมม่วงเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับเริ่มโวยวาย
“ฉันไม่ลงไปหรอกน่า!” ผมตะโกนกลับไปหาเจ้าหัวม่วง เมื่อหมอนั่นได้ยินแบบนั้นจึงตัดสินใจเอาหัวโหม่งกำแพงบ้านไปเรื่อยๆ! ซะจนตัวบ้านเริ่มพัง และตัวผมก็ค่อยๆ ตกลงมา =[]=!!
“เฮ้ยๆ! เจ้าบ้าทำอะไรของนายน่ะ!!” ผมโวยวายก่อนที่สายตาจะมองไปเห็นเข้ากับร้านประมูลมีดและดาบร้านหนึ่ง... ดีล่ะ ขนาดขวานยังตัดเส้นผมเหนียวๆ นี้ได้ งั้นมีดก็ต้องตัดได้ล่ะนะ!
“เอ้า... ฮึ้บ!!!” ผมตัดสินใจเหวี่ยงตัวเองไปที่ร้านประมูลมีดนั้นทันที เมื่อตัวผมกระทบเข้ากับพวกมีดทั้งหลายที่วางอยู่หล่นกระจาย ก็ทำเอาเจ้าของร้านหันมาโวยใส่ผมทันที =[]=!
“เฮ้ย!! แกทำอะไรของแกเนี่ย!!” คุณลุงที่ประมูลมีดโวยวายใส่ผม ในมือก็มีมีดเล่มยาวอยู่ ผมก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษเขาอย่างเดียว
“ขอโทษนะครับลุง! แต่ผมอยากตัดไอ่ผมนี่น่ะ! เพราะงั้นขอมีดของลุงหน่อยนะ!” ผมไม่รอให้ได้คำตอบจากคุณลุงคนนั้นด้วยซ้ำ ผมรีบยืดหัวไปงับมีดที่อยู่ในมือของคุณลุงคนนั้นมาแล้วรีบโกยหนีลุงเขาทันที >O<!!
“เฮ้ยเจ้าเด็กบ้า!! มีดนั้นมันราคาแพงนะเฟ้ย!! เอาคืนมานะ!!!” คุณลุงโวยวายพร้อมกับวิ่งตามผมมาติดๆ
“ขอโทษนะลุง! ไว้ใช้เสร็จแล้วจะคืนให้นะ!!” ผมพูดพร้อมกับเอามีดนั่นค่อยๆ ตัดเส้นผมเหนียวๆ ออก แล้วมันก็ได้ผล! เส้นผมนั้นหลุดออกไปเป็นกระจุกๆ เลย OoO!!
“เพราะแก!!~ แกทำให้ผมฉันเป็นแบบนี้!!!~”
เหวออ!! =[]= เจ้านั่นยังตามมาอีกหรอเนี่ย! ตื้อชะมัดเลย นี่ขนาดขอโทษไปแล้วนะเนี่ย!!
“ว๊ากกก!! ตายซะเถอะแก!!” เจ้านั่นวิ่งตรงมาทางผมด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ผมจะตัดเส้นสีม่วงจุกสุดท้ายเสร็จ! ในที่สุดผมก็เป็นอิสระแล้ว >O<!!
ผัวะ!!!
หัวของเจ้านั่นกระแทกเข้าที่ตัวของผมเต็มๆ! ผมที่ตั้งรับไม่ทันต้องปลิวไปตามแรงกระแทกของหมอนั่น =[]=!!
ตู้มมม!!!
ตัวผมกระแทกเข้ากับบ้านเรือนจนเสียหายไปหมด แต่มันก็ไม่ทำให้ผมเจ็บเท่าไหร่หรอกนะ... ก็ผมเป็นยากนี่! แต่ไอ่ที่เต็มน่ะ... มันเพราะหัวของเจ้านั่นที่กระแทกมาต่างหาก... ทั้งๆ ที่ผมเป็นยางยังทำให้ผมเจ็บได้ขนาดนี้... หมอนี่มีฮาคิงั้นสินะ!
“เพราะแก~ เพราะแกคนเดียว~~” เจ้านั่นเอาแต่ร่ำร้องพร้อมกับเดินตรงมาทางผม ผมที่เห็นท่าไม่ดีรีบกระโดดขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพุ่งหมัดรัวๆ เข้าไปที่หัวของหมอนั่นทันที!
“โกมุ โกมุ โนว... พนโต แคนนอน!!!” ผมพุ่งหมัดรัวๆ ใส่เจ้านั่นอีกครั้ง ฝุ่นที่ตลบไปทั่วบริเวณทำให้ผมไม่เห็นเลยว่าเจ้าหมอนั่นเป็นยังไงบ้าง
พรึบ!!
“ยังช้าไปนะเจ้าบ้า!!~~” จู่ๆ เจ้าผมม่วงนั่นก็โผล่ออกมาข้างหลังตัวของผมอย่างรวดเร็ว O__O!!
“ย๊า~ ตายด้วยขวานของฉันซะเถอะ!!” เจ้าผมม่วงชูขวานขึ้นเหนือหัว ก่อนที่มันจะฟันลงมาหวังจะตัดตัวของผมเป็นสองท่อน แต่เพราะผมรู้ตัวทันทำให้ผมกระโดดหลบได้อย่างทันเวลา!
“โกมุ โกมุ โนว เจ็ต สแตมป์!!” ผมส่งลูกเตะไปกระแทกเข้าที่ลำตัวของเจ้าผมม่วงเต็มๆ จนทำให้เจ้าหัวม่วงกระเด็นไปตามแรงเตะของผม!
ตู้มมม!!
บ้านเมืองพังสลายไปอีกครั้ง ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ของหมอนั่นจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง!
“เจ้าบ้า~ ตัดผมของฉันยังไม่พอ ยังจะทำให้ผมของฉันเสียทรงอีกงั้นเหรอ!!~” เจ้าบ้านั่นโวยวายเรื่องผมของตัวเองอีกครั้ง เอ๊ะ... ผมไม่ได้เป็นคนตัดผมของหมอนั่นน่ะ! หมอนั่นตัดผมของตัวเองเองต่างหาก =[]=!!
“ตายซะ! ย๊า!!” หมอนั่นพุ่งตัวเข้ามาหาผมอีกครั้ง การโจมตีของเจ้านี้จับทางได้ง่ายมากๆ มันจึงทำให้ผมพุ่งหมัดตรงไปหาเจ้านั่น และแทกเข้าที่หน้าของเจ้านั่นเต็มๆ แรง!!
ผัวะ!!!
“อั่กก!!!” เจ้านั่นร้องสุดเสียงเมื่อหมัดของผมกระแทกเข้าไปที่หน้าของมันจนเขาต้องกระอักเลือดออกมาจากปาก! ร่างใหญ่ปลิวไปกระแทกที่บ้านเรือนอีกครั้ง และครั้งนี้ผมคิดว่าหมอนั่นคงจะลุกขึ้นมาไม่ได้อีกแล้วนะ!
กึก...
“เอ๋... O__O” ผมร้องอยากตกใจ เมื่อจู่ๆ ตัวผมที่ต้องการจะเดินไปข้างหน้า แต่ก็กลับเดินไม่ได้! เมื่อก้มลงดูที่เท้าของตัวเอง ก็พบกับกาวเหนียวหนึบอยู่! เพราะกาวนั่นทำให้ผมไม่สามารถขยับเท้าได้เลย =[]=;;!!!
“แก... ติดกับจนได้นะ... เจ้าบ้า...”
เจ้าหัวม่วงที่ผมคิดว่าไม่น่าจะลุกขึ้นมาได้แล้วดันลุกขึ้นมาได้ พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาผมแล้วใช้สันขวานกระแทกเข้าที่หน้าของผม จนหัวผมกระแทกลงพื้น!!!
“ฉันจะผ่าแกออกเป็นเจ็ดท่อนเลย!!” เจ้านั่นพูดพร้อมกับผ่าขวานลงมาที่ตัวผม ก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ท้องของตัวเองจังๆ!! เมื่อก้มลงมองแล้วก็พบว่าเลือดนั่นไหลออกมาซะจนมองไม่เห็นแผลที่หน้าท้องของตัวเองด้วยซ้ำ!!!
[จบบันทึกพิเศษ ; ลูฟี่]
ฉันกับนาอิวิ่งมาตามทางที่โรบินอยู่ ระหว่างทางฉันได้ยินเสียงบ้านเรือนถูกทำลาย! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องช่วยโรบินก่อน!
“นั่นไงคุณโรบินน่ะนามิจัง!!” นาอิพูดพร้อมชี้ไปทางร่างของโรบินที่นอนอยู่ที่พื้น เมื่อฉันเห็นสภาพของโรบินก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
“โรบิน!!” ฉันร้องอย่างตกใจพร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปหาโรบิน เนื้อตัวของเธอมีแต่เศษดินและรอยที่ถูกทำร้ายมากมาย เลือดของเธอไหลออกมาจากปากบางๆ ตอนนี้เธอสลบไปไม่ได้สติ ทำยังไงดี! ช๊อปเปอร์ก็ไม่อยู่ด้วยสิ!
“คีฟาร์!! คีฟาร์!!!” เสียงของนาอิดังมาจากด้านหลังของฉัน เมื่อฉันหันหน้าไปก็พบว่านาอิกำลังนั่งลงพยุงตัวของคีฟาร์ขึ้นมา
“นายด้วยเจ้าจูเนียร์นั่นทำร้ายงั้นเหรอ!” นาอิร้องอย่างตกใจ คีฟาร์ที่เหมือนจะยังพอได้สติอยู่ๆ หายใจแบบหอบๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ฉันยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งไปหาคีฟาร์คุง แต่ระหว่างฉันที่จะวิ่งไปหาคีฟาร์ ก็พบกับร่าง ร่างหนึ่งที่นอนนิ่งสนิทอยู่กับพื้น ร่างนั้นมีหน้าตาคล้ายกับจูเนียร์มากๆ แต่สภาพของเขาเหมือนกับว่าจะถูกโรบินเล่นงาน...
“นายทำใจดีๆ ไว้นะ! โถ่เว้ย! ฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลด้วยสิ!!” นาอิพูดขึ้นอย่างเจ็บใจในความสามารถของตัวเอง ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปหาคีฟาร์ก่อนจะพยายามสื่อสารกับเขา
“นายโอเคมั้ยคีฟาร์!” ฉัน
“มะ... ไม่... คุณโร... บิน...” คีฟาร์ที่พยายามเปล่งเสียงพูด พูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปทางโรบิน
“อื้ม ฉันรู้แล้ว ตอนนี้โรบินสลบไปแล้ว” ฉัน
“จู... เนียร์... หมอนั่น... ทะ...ทำ” คีฟาร์พูดด้วยเสียงตะกุกตะกักก่อนที่เขาจะสำลักเลือด เมื่อฉันเห็นว่าท่าไม่ดี ฉันจึงบอกให้เขาหยุดพูดแล้วนอนพักซะ
“แถวนี้น่าจะมีโรงพยาบาลอยู่นะ!” ฉันพูดพร้อมหันหน้าไปทางนาอิ
เขาหันหน้ามาพยักหน้าให้กับฉัน ก่อนที่พวกเราจะรีบพยุงตัวของโรบินกับคีฟาร์ไปที่โรงพยาบาลอย่างรีบร้อน!
“อึก...”
เสียงสำลักเศษเลือดของคีฟาร์ดังขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ฉันที่กำลังนั่งเฝ้าโรบินอยู่ต้องหันหน้าไปมอง
“คีฟาร์ได้สติแล้วล่ะ!” นาอิพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองหน้าของคีฟาร์
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวของตัวเอง
“นายโดนมาหนักมากเลย คุณหมอบอกว่านายเกือบไม่รอด” นาอิพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่หน้าของคีฟาร์
“อา... แล้วคุณโรบินล่ะ?” ประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากได้สติคือการถามหาโรบิน ฉันจึงรีบให้คำตอบกับเขาว่าโรบินไม่เป็นไรแล้ว มันจึงทำให้เขาสบายใจขึ้นได้มาก
“นายโดนเจ้าจูเนียร์เล่นซะหนักเลยนะ” นาอิ
“หมอนั่น... อยู่ไหน?” คีฟาร์
“ตอนนี้คุณโซโลกำลังรับมืออยู่ พวกเราวิ่งออกมาเพื่อมาตามหาพวกนายก่อน” นาอิ
“พวกนายไปช่วยโซโลเถอะ... ฉันไม่เป็นไรแล้ว” คีฟาร์พูดพร้อมสำลักเลือด นี่น่ะเหรอไม่เป็นไร เขาเป็นหนักมากเลยนะ!
“นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พักเถอะ” นาอิพูดพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมของตัวเพื่อนรักก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
“อยู่ไปแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฉันจะกลับไปหาคุณโซโล ส่วนนามิจังก็ดูอาการของทั้งสองคนไว้นะ” นาอิ
“อะไรนะ... ถ้านายจะไป ฉันก็จะไปด้วย” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นบ้าง
“เฝ้าอาการของสองคนนี้ไว้เถอะนามิจัง เรื่องของจูเนียร์ไว้ผมจะจัดการเอง” นาอิ
“โซโลคือเพื่อนฉัน แล้วเขากำลังต่อสู้ ฉันจะไม่นั่งอยู่เฉยๆ แน่” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้นาอิเงียบไปเล็กน้อย ซะจนตอนหลังสุดฉันก็ได้ออกมาพร้อมกับนาอิคุง ใช่... โซโลคือพวกพ้องของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาสู้ด้วยตัวคนเดียวหรอก โดยเฉพาะกับคู่ต่อสู้ที่สามารถล้มโรบินได้ด้วยน่ะ...
[บันทึกพิเศษ ; โซโล]
หลังจากที่พวกนามิวิ่งไปตามหาตัวของโรบินแล้ว ผมก็สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่สักที
“ที่นี้ก็ไม่มีก้างแล้วนะโรโรโนอา โซโล...” เจ้าจูเนียร์พูดพร้อมกับส่งยิ้มให้กับผม
ผมได้แต่ยิ้มกลับให้กับเจ้านั่นก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาหมอนั่นอย่างไม่สนใจคำพูดของเขาอีก
ปึง!!
“พลังของดาบร้ายกาจไม่เบา” หมอนั่นพูดพร้อมกับเอาท่อนแขนรับดาบของผม
“ฮาคิเกราะของนายก็แข็งแกร่งไม่เบา” ผม
“แน่ล่ะ ฉันแข็งแกร่งพอจะล้มนายได้ด้วยนะ” จูเนียร์
“อันนี้ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่...” ผมพูดพร้อมผละตัวออกมาจากตัวของจูเนียร์
“วิชาสองดาบ... นิงิริโทโร่!!” ผมจับดาบสองดาบแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาจูเนียร์ สองดาบของผมตวัดขึ้นฟ้า เพราะความเร็วของผมทำให้เจ้าจูเนียร์เหวอไปเลย
ฝึด!!
ปลายดาบของผมฟันไปโดนเข้ากับแก้มของจูเนียร์เต็มๆ ทำให้เลือดของหมอนั่นไหลออกมา
“แหม... ร้ายกาจไม่เบานะ” หมอนั่นผละออกไปจากตัวผม ก่อนจะเอามือจับที่แก้มของตัวเอง เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้นทำให้จูเนียร์เสียขวัญไปได้พักหนึ่ง แต่หมอนั่นก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ถึงตาฉันบ้างล่ะ!” จูเนียร์
พรึบ!!!
“ดัชนีพิฆาต!!”
นิ้วที่แข็งแกร่งแทงเข้ามาที่หน้าของผม แต่โชคดีที่ผมเอาดาบมาป้องกันตัวของตัวเองได้อย่างทันเวลา!
“ทำไมนายถึงอ่านความเคลื่อนไหวของฉันได้ตลอดกันนะ!” จูเนียร์เริ่มหัวเสีย
“เพราะนายก็เหมือนกับลูกนกที่กำลังตื่นตระหนกน่ะสิ” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“อ๋อเหรอ...” จูเนียร์พูดพร้อมฉีกยิ้ม ก่อนที่หมอนั่นจะเตะเท้าตัวเองขึ้นฟ้าทำให้ตัวของหมอนั่นหงายหลังลงไปที่พื้น อะไรกัน! หมอนี่จะทำอะไรกัน?
พรึบ! ผัวะ!!!
ในจังหวะที่หัวของหมอนั่นกำลังจะกระแทกพื้น จูเนียร์ก็เอามือยันกับพื้นเอาไว้แล้วหมุนลูกเตะมาเตะเข้าที่ข้อเท้าของผมเต็มๆ! ทำให้ผมที่ยืนอยู่ถึงกับเสียหลัก!
“ที่นี่แหละ!!”
ผัวะ!!!
หมอนั่นเอาสองมือยันไว้กับพื้นก่อนจะเอาเท้าทั้งสองข้างกระแทกเข้าที่คางของผมเต็มๆ! การเคลื่อนไหวของหมอนี่เร็วกว่าเมื่อกี้มากๆ ทำให้ผมที่ตั้งตัวไม่ทันกระเด็นไปตามแรงถีบ!
พริ้วว!!
จู่ๆ ร่างของหมอนั่นก็โผล่ขึ้นมากลางอาการ แล้วหมอนั่นก็เตะเข้าที่ลำตัวของผมจนกระเด็นไปอีกทาง!
ตู้มม!!!
ตัวผมลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพงของตึก! ผมที่โดนโจมตีค่อยๆ ยันตัวลึกขึ้นมาจากพื้นแล้วหันหน้ามองไปทางจูเนียร์อย่างเริ่มมีน้ำโห
“เป็นไงล่ะลูกนกตื่นตระหนก” หมอนั่นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย แต่มันก็ไม่ทำให้ผมหงุดหงิดได้เท่าไหร่
ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบผ้าโพกหัวขึ้นมา พร้อมกับหยิบดาบเล่มที่สามออกมาจากฝักแล้วเอามันมาคาบไว้ที่ปาก
“หืม...?” จูเนียร์แลดูจะงงกับการกระทำของผม หมอนี่ดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องการใช้สามดาบของผมนะ? หมอนี่ถึงได้ดูตกใจแบบนั้น
“ตกใจงั้นเหรอ?” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“แต่ก็ไม่ทำให้น่าตื่นเต้นเท่าไหร่หรอก หึ” หมอนั่นพูดพร้อมพุ่งตัวเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว! ผมรีบตั้งรับกับแรงหมัดของหมดนั้นด้วยดาบของตัวเอง
ปึง!!!
การกระทบกันของหมัดหนักและดาบที่แข็งกล้าทำให้เกิดแรงกระทบอย่างหนัก! ผมฉีกยิ้มก่อนจะดึงดาบกลับไปแล้วทั้งท่าโจมตี
“วิชาสามดาบ... ดาบพิฆาตอีกาดำ!” ผมพุ่งตัวเข้าไปหาจูเนียร์ด้วยความเร็วสูงจนหมอนั่นตั้งตัวไม่ทัน! ดาบของผมฟันไปที่หน้าท้องและตัวทั้งตัวของหมอนั่นอย่างจัง!
“อั่กก!!!” จูเนียร์ร้องอย่างทรมานกับแผลที่ได้รับ ก่อนจะหันหน้ามองมาทางผมอย่างโกรธแค้น
“แก!!!” จูเนียร์คำรามพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาผม
“วิชาสามดาบ... โคคุโจออทาซึมากิ” ผมพุ่งตัวผ่านตัวของจูเนียร์ไปด้วยความเร็ว พร้อมกับกระแสลมที่ก่อตัวเป็นพายุ! มันพัดร่างของจูเนียร์จนลอยขึ้นไปบนฟ้า!
“อ๊ากกก!!” หมอนั่นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งก่อนจะถูกดาบอีกดาบของผมฟันไปที่ลำตัว เลือดที่หลั่งไหลออกมาจากตัวของหมอนั่นหยดลงสู่พื้นพร้อมกับร่างกายของเขา
พลั่ก!!!
เสียงของร่างที่กระแทกลงพื้นดังไปทั่ว ผมมองไปที่ตัวของจูเนียร์ก่อนจะตวัดดาบทั้งสามเก็บเข้าไปในฝักอย่างสงบนิ่ง
“อั่ก... ช่าง... ร้ายกาจ” เสียงของจูเนียร์ดังขึ้น ผมหันหน้ามองไปทางจูเนียร์อย่างไม่รู้สึกอะไร
“พวกพ้องของนายคนที่เป็นแรคคูนน่ะ... อยู่ที่ที่แกไม่สามารถตามหาเจอแน่นอน ถึงฉันจะตายไป แกก็ไม่ได้พวกพ้องกลับมาหรอก ฮ่าๆๆ!!” หมอนั่นระเบิดหัวเราะอย่างเหมือนกับได้รับชัยชนะ
“ไม่มีวันที่ฉันจะตามหาพวกพ้องของฉันไม่เจอหรอก รู้ไว้ด้วย” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้ม
จูเนียร์หันหน้ามองมาทางผมก่อนจะฉีกยิ้มร้ายกาจเป็นครั้งสุดท้ายให้กับผมแล้วหมอนั่นก็นิ่งไปเลย...
นายนี่มันช่างไม่มีศักดิ์ศรีเหลือเกิน... ผมได้แต่คิดแบบนั้น นี่ไงเป็นเหตุผลที่ว่ามีเกมไปก็เท่านั้น เพราะมันคงไม่ง่ายที่จะมีคนบอกตำแหน่งของพวกพ้องเราง่ายๆ อยู่แล้ว...
“อะ...อ้าว... คุณโซโล...”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของผม เมื่อผมหันหน้าไปก็พบว่าเป็น... เอ่อ... เจ้าหัวน้ำตาลที่มากับนามิ... หมอนี่ชื่ออะไรน้า...
“จัดการจูเนียร์ได้แล้วหรอครับ O__O!!” หมอนั่นทำหน้าตกใจ ผมได้แต่พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ กับหมอนั่น
“แล้วโรบินล่ะ” ผม
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ตอนนี้คุณโรบินนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว” หมอนั่นพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
“อา... งั้นก็ดีแล้ว” ผมพูดพร้อมหันหน้าไปมองหน้านามิ เธอวิ่งตามนาอิมาติดๆ เธอมองไปที่ตัวของจูเนียร์ที่นอนอยู่กับพื้นก่อนจะยกนิ้วให้กับผม
“สมแล้วที่เป็นนาย >___<!!” เธอยิ้มพร้อมกับวิ่งไปที่ตัวของจูเนียร์ เธอทำท่าค้นตัวของหมอนั่นก่อนจะหยิบเอาถุงมืออะไรสักอย่างออกมา
“นี่ไงล่ะ ถุงมือที่ทำจากหินไคโรเซคิ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้โรบินถูกทำร้ายแบบนั้น!” นามิพูดพร้อมกับเดินมาหาผม ผมมองลงไปที่ถุงมืออย่างไม่คิดอะไรมาก... เพราะตอนนี้ผมชักจะง่วงแล้ว -___-
“หินไคโรเหรอ! หินนี้เป็นสมบัติของรัฐบาลเท่านั้นหนิ ทำไมถึงมาอยู่ที่หมอนี่ได้” เจ้าผมน้ำตาลที่ชื่อ... เอ่อ... อะไรก็ไม่รู้พูดขึ้นพร้อมวิ่งตรงมาจับที่ถุงมือ
“นั่นน่ะสิ... หรือว่าหมอนี่จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลงั้นเหรอ?” นามิ
“ไม่รู้เหมือนกัน... จริงสิคุณโซโล! ได้เรื่องเกี่ยวกับที่อยู่ของพวกเพื่อนๆ คุณหรือป่าวครับ!” ผมน้ำตาลหันหน้ามาถามผม
“ไม่ได้เรื่องอะไรเลย หมอนี่ไม่บอกอะไรสักอย่าง” ผม
“อะไรกัน... เล่นไม่ตรงตามกติกาของเกมหนิ!” นามิพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะ... จูเนียร์คนพี่และคนน้องก็ไม่สามารถบอกเราได้อีกแล้ว... เท่ากับว่าเราไม่รู้ที่อยู่ของเพื่อนๆ คุณถึงสองคนเลยนะ!” ผมน้ำตาลพูดพร้อมกับมองหน้าของนามิ นามิทำหน้านิ่งอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“แล้วเราจะทำยังไงดี...” นามิ
“คงต้องไปถามที่ตัวของเจส์ตะเองแล้วล่ะ” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้ม นามิหันหน้ามองมาทางผมก่อนจะพยักหน้า
“กติกาของเกมเปลี่ยนไปแล้ว... เราคงต้องเล่นกลับบ้างล่ะนะ!” นามิ
[จบบันทึกพิเศษ ; โซโล]
[บึนทึกพิเศษ ; ซันจิ]
“เราควรรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีคนมาเห็นนะ...” ชาโด้จังที่พูดยังไม่ทันจบประโยค จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากด้านนอก เขาคือชายสูงกว่าสามเมตร ท่าทางแข็งแรงกำยำ ท่าทางน่ากลัวใช่เล่น รอยแผลที่อยู่ที่ใบหน้านั้นยิ่งเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปใหญ่!
“คนมาเห็นที่ว่านั่น... หมายถึงฉันหรือป่าว?”
หมอนั่นพูดพร้อมน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมกับก้มหน้าลงมองหน้าของชาโด้จังด้วยสายตาน่ากลัว ชาโด้จังผละออกมาประตูด้วยท่าทีหวาดกลัวสุดขีด!
“มะ... มาติน...” ชาโด้จัง
“คงจะมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลนะ... ชาเดอรีน...”
เจ้าตัวสูงใหญ่พูดขึ้นพร้อมกับเดินมาใกล้กับชาโด้จัง เมื่อผมเห็นว่าท่าไม่ดีจึงเดินไปบังตัวของชาโด้จังไว้ทันที
“หืม?... เจ้าคิ้วม้วนนี่คือใครกัน?” ชายร่างใหญ่ที่ชื่อว่ามาตินพูดพร้อมกับก้มหน้าลงมามองหน้าของผม ผมเองก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของมาตินอย่างไม่เกรงกลัว
หมับ!
“ซันจิคุง... อย่า...” ชาโด้จังเอามือจับที่ชายเสื้อของผมพร้อมกับเดินมาข้างหน้าของผมแล้วเผชิญหน้ากับมาตินตรงๆ
“เขาคือผู้ร่วมเกม แล้วเขาก็เล่นชนะ” ชาโด้จัง
“...เหรอ... ดูจากสภาพของตัวเธอแล้ว เหมือนกับว่าจะไม่ได้ผ่านการเล่นเกมมาเลยนะ” มาตินพูดพร้อมกับเอามือจับที่คางของชาโด้จังแล้วบีบมันจนผมเริ่มเห็นรอยแดงที่หน้าของชาโด้จัง!
ผัวะ!!!
ผมเตะเข้าไปที่แขนของมาตินเต็มแรงจนมือของเจ้านั่นปล่อยออกจากหน้าของชาโด้จังทันที
“ซันจิ!” ชาโด้จังร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งมาดึงตัวผมเอาไว้
“ไอ้เด็กนี่...!!” มาตินยกมือขึ้นเหนือหัวตั้งท่าจะต่อยหน้าของผม!
“อย่านะมาติน!!” จู่ๆ ชาโด้จังก็วิ่งมาบังตัวผมเอาไว้! หมัดหนักที่กำลังจะตรงมากระแทกกับหน้าของผมหยุดชะงักกลางอากาศทันที!
“คิดจะทรยศงั้นเหรอชาเดอรีน!” มาตินขึ้นเสียงตวาดใส่ชาโด้จัง... ทำไมหมอนี่ถึงเรียกชาโด้จังว่าชาเดอรีนกันนะ?
“ฉันไม่ได้ทรยศ! ฉันแค่เล่นไปตามกติกาของเกม... ไม่เหมือนพวกนายหรอก!” ชาโด้จังพูดพร้อมเอามือผลักที่อกของมาติน แต่มันก็ไม่ทำให้มาตินเซถอยหลังไปได้... แรงที่น้อยนิดของชาโด้จังไม่มีทางทำอะไรเจ้ายักษ์นี่ได้หรอก -___-
“หมายความว่ายังไงไม่เหมือนพวกนาย? ฉันไม่ได้เล่นเกมกับพวกเธอสักหน่อย” มาตินพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
“ฉันได้ยินสิ่งที่จูเนียร์พูดหมดแล้ว! เขาบอกว่าไม่มีทางเล่นตามกติกาของเกม แล้วก็รู้ว่าเขาคือคนของนาย!” ชาโด้จังเริ่มขึ้นเสียงบ้าง
“เกมที่เป็นไปตามกติกาทั้งหมด... มันก็ไม่สนุกสิจริงมั้ย?” เจ้ามาตินพูดพร้อมฉีกยิ้มอย่างร้ายกาจ ผมขมวดคิ้วมองการสนทนาของทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ... แต่ก็พอจะรู้ว่าเกมเกมนี้ชักจะไม่สนุกซะแล้ว
“ฉันรับไม่ได้กับความน่ารังเกียจแบบนี้หรอก ไหนว่ารัฐบาลคือผู้แบกความยุติธรรมไว้ที่หลัง แล้วนี่มันอะไร!!” ชาโด้จังพูดพร้อมกับผลักตัวของมาตินอีกครั้ง
เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน... ที่ชาโด้จังพูดนั้นหมายความว่ายังไง? เกมนี้เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลอย่างงั้นเหรอ O__O!!
“เธอพูดมากเกินไปแล้วนะชาเดอรีน!!” มาตินขึ้นเสียงพร้อมกับเอามือขย้ำที่คอของชาโด้จังเต็มแรง!
“อั่ก!!” ชาโด้จังร้องอย่างหายใจไม่ออก เธอเอามือจับที่มือของมาตินไว้แน่นก่อนจะพยายามตบและตีตัวของมาติน... แล้วคิดว่าผมจะอยู่เฉยๆ หรือไง!
ผัวะ!!!
ลูกเตะของผมเตะไปที่หน้าของมาตินอย่างจัง จนหมอนั่นหน้าหันไปตามแรงเตะของผม มือที่กุมคอของชาโด้จังหลุดไปในทันที
“หน๊อยแก!!!” มาตินคำรามอย่างโกรธแค้นพร้อมกับวิ่งตรงมาทางผม
พริ้วว!!
หมัดแรกจากมาตินตรงมาทางผม ผมเอนตัวหลบอย่างรู้ทันก่อนจะเตะไปที่ก้านคอของมาตินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หมอนั่นก็ไหวตัวทันเช่นกันจึงทำให้มาตินหลบลูกเตะของผมได้อย่างทันเวลา
“ผู้ชายที่ทำร้ายเลดี้ที่ไร้ทางสู้อย่างนาย... มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ” ผมพูดพร้อมมองไปที่หน้าของมาตินอย่างโกรธแค้น ต่อมาผมที่กำลังจะส่งอีกลูกเตะหนึ่งใส่หน้าของมาตินกลับถูกหยุดไว้ด้วยตัวของชาโด้จังที่เอาตัวไปบังเจ้ามาตินไว้ O___O!!
กึก!!
“ชาโด้จังทำอะไรเนี่ยครับ!” ผมพูดอย่างไม่เข้าใจ ที่จู่ๆ ชาโด้จังก็เอาตัวมาบังลูกเตะของผม
“ฉันไม่ต้องการให้มีการต่อสู้กันในสถานที่นี้ค่ะ!” ชาโด้จัง
“แต่หมอนี่ทำกับชาโด้จัง...!!” ผม
“ไม่เป็นไรหรอก...” ชาโด้จังพูดพร้อมสบตาของผม สายตาของเธอแน่วแน่และหนักแน่นว่าจะปกป้องมาติน อะไรกัน? ผมไม่เข้าใจเลย ทั้งๆ ที่มาตินทำร้ายเธอแบบนั้น ทำไมเธอถึงได้ปกป้องเขานะ!!
“ชาเดอรีน...” มาตินพูดพร้อมกับเอามือลูบที่เส้นผมของชาโด้จัง
เพียะ!!
แต่กลับถูกชาโด้จังเอามือตบที่มือเสียก่อน!
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันมาติน... ไปไกลๆ เลย!” ชาโด้จังพูดพร้อมกับคว้าเข้าที่ข้อมือของผมแล้วออกแรงดึงแล้วพาพวกผมวิ่งออกไปนอกห้อง
“อ้าวเฮ้ย! รอฉันด้วย!” เสียงของอุซปดังมาจากข้างหลังของผม เมื่อผมมองหันไปก็พบกับอุซปและพวกเจ้าราวิ่งออกมาตาม แต่ก่อนที่ตัวราชันย์จะพ้นประตู จู่ๆ มาตินก็คว้าเข้าที่ไหล่ของราชันย์ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างพร้อมกับฉีกยิ้ม เพราะประโยคนั้นทำให้ราชันย์ถึงกับนิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว!
“แกน่ะ... ตาหายดีแล้วเหรอ?” มาตินพูดพร้อมฉีกยิ้มเยาะเย้ยให้กับราชันย์ มันทำให้ราชันย์นิ่งไปเลย ก่อนที่ต่อมารีทาวน์จะวิ่งตรงเข้าไปหามาตินแล้วดึงมีดสั้นออกมาจากลำตัว!
ชิ้ง!!
มือของมาตินคว้าเข้าที่มีดได้อย่างทันเวลา!
“เป็นแกจริงๆ ด้วยสินะ!!” รีทาวน์พูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
“อ้าวๆ... นี่ใครกัน? ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเราจะเคยเจอกันก่อนหน้านี้นะ? รองกัปตันไปไหนแล้วล่ะ?” มาตินพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ราชันย์ถลึงตาอย่างโมโหก่อนจะส่งหมัดตรงไปที่หน้าของมาติน แต่หมอนั่นก็หลบได้อย่างทันเวลา!
“แหม... พลาดไปนะ... สายตาไม่ดีหรอ?” มาติน
“แกเอาทัชไปไว้ที่ไหน!!!” ราชันย์ตะคอกเสียงใส่มาตินอย่างเดือดดาด
“ฉันไม่รู้...” มาตินพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะคว้าเข้าที่แขนของราชันย์กับรีทาวน์ แล้วโยนตัวของทั้งคู่ออกนอกหน้าต่างไปเลย O__O!!
“นายทำอะไรน่ะมาติน!!” ชาโด้จังร้องอย่างตกใจ
“จำไม่ได้หรือไง? กลุ่มโจรสลัดผมทองไง... เมื่อครั้งที่แล้ว” มาตินพูดพร้อมตัวเราะอย่างมีความสุข
“รีบเอาตัวเจ้าพวกนี้ออกไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจจับเจ้าพวกนี้แทน!” มาตินพูดพร้อมชี้มาทางพวกผม ชาโด้จังกระตุกเล็กน้อยก่อนจะคว้าตัวผมแล้วพาวิ่งออกนอกอาคารมา
ตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจในบางเรื่องแล้ว... ชาโด้จังและมาตินนั่นคือคนของรัฐบาลและเกมนี่ถูกจัดขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับรัฐบาลด้วย... และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการถูกจับตัวไปของทัชรองกัปตันของเจ้าราชันย์... ผมควรจะไว้ใจชาโด้จังได้แน่เหรอ? เธอคือคนของรัฐบาล... แต่ความต้องการของเธอผมรู้ว่ามันคือความจริง...
ทำไมเธอถึงอยากออกไปจากที่นี่กันล่ะ?
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
ทุกอย่างแลดูจะยากขึ้นไปอีก เพราะว่าจูเนียร์ที่คอยเฝ้าคำใบ้ในการตามหาตัวเพื่อนๆ ของฉันกลับตายไปแล้ว แถมเขายังไม่ยอมบอกอีกด้วยว่าเขาเอาตัวของเพื่อนๆ ฉันไปไว้ไหน เหมือนว่าตอนนี้กติกาของเกมถูดบิดเบือนซะแล้ว เพราะงั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องเล่นตามกฎอีกต่อไป!
ตอนนี้ฉันกำลังจะวิ่งกลับไปหาโรบินที่โรงพยาบาล... ทั้งโซโลและนาอิเองก็วิ่งตามฉันมาเหมือนกัน แต่ฉันกลับรู้สึกแปลกๆ จนทำให้ฉันต้องหยุดวิ่ง
“ทำไมหรอนามิจัง” นาอิที่วิ่งตามฉันมาถามขึ้นเพราะจู่ๆ ฉันก็หยุดวิ่ง
“ฉันรู้สึกแปลกๆ น่ะ...” ฉัน
“แปลกๆ อะไรงั้นเหรอ?” นาอิ
“อ๋อป่าวหรอก... พวกนายไปหาโรบินก่อนเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันตามไป” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำให้นาอิไม่ถามอะไรฉันอีก เขาหันหน้าไปเรียกโซโลก่อนที่จะวิ่งนำโซโลไป
“เธอรู้สึกอะไรงั้นเหรอ” โซโลหันมาถามฉัน
“ก็... รู้สึกไม่ปลอดภัยน่ะ” ฉัน
“ให้ฉันอยู่ด้วยดีกว่ามั้ย -___-?” โซโล
“เอ่อ... ไม่ต้องหรอก นายรีบตามนาอิไปเถอะ รีบตามไปก่อนจะหลงกันดีกว่านะ!” ฉัน
“แต่...” โซโล
“ไป ไป ปายย...” ฉันพูดพร้อมดันตัวของโซโลให้ตามนาอิไป เขาหันหน้าไปมองหน้าฉันเล็กน้อยแต่ก็วิ่งตามนาอิไปในที่สุด
ความรู้สึกแปลกๆ นี้มันอะไรกันนะ? ความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย...
ตู้มมม!!
เสียงของบ้ารเรือนที่พังทลายทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมอง... ก่อนที่เท้าฉันจะวิ่งไปตามเสียงนั้นอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องวิ่งไป... แล้วเมื่อวิ่งไปก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อพบว่าผู้ที่ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นนั้นคือลูฟี่!
ฉันเห็นตัวของลูฟี่ยืนอยู่นิ่งๆ เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อยพร้อมกับก้มลงมองดูที่เท้าของตัวเขาเอง เมื่อฉันมองตามสายตาเขาไปก็พบว่าที่เท้าของเขานั้นมีกาวอยู่! เกิดอะไรขึ้นน่ะลูฟี่ O__O!!
“แก... ในที่สุดก็ติดกับ... ฉันจนได้นะ” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากซากตัวตึกที่พังลงมา เมื่อฉันหันหน้ามองไปก็พบว่าเขามีผมสีม่วง เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดและร่องรอยการต่อสู้
ผัวะ!!!
แล้วจู่ๆ เขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาลูฟี่แล้วเอาสันขวานที่อยู่ในมือทุบลงไปที่หัวของลูฟี่เต็มแรง จนลูฟี่ล้มลงไปนอนกับพื้น แล้วจู่ๆ คนผมสีม่วงคนนั้นก็ชูหวานขึ้นเหนือหัว!!
“ฉันจะหัดแกออกเป็นเจ็ดท่อนเลย!!!”
ฉัวะ!!!
ก่อนที่ขวานนั้นจะฟันเขาที่ลำตัวของลูฟี่เต็มๆ O__O!!!
“ลูฟี่!!!” ฉันตะโกนเรียกชื่อของลูฟี่ไปอย่างหลุดปาก ก่อนที่คนผมม่วงคนนั้นจะหันหน้ามองมาทางฉันทันที!
“นามิ... เหรอ?” เสียงของลอูฟี่ดังขึ้น ฉันที่ไม่สนใจอะไรอีกวิ่งตรงเข้าไปหาลูฟี่ก่อนจะดูอาการของเขาอย่าง... เป็นห่วง?
“ลูฟี่! เกิดอะไรขึ้น...” ฉันพูดพร้อมมองไปที่แผลของเขา
ถึงเลือดจะไหลออกมาเยอะแต่ดูเหมือนว่าแผลของเขาจะไม่ลึกเท่าไหร่นะ...
“ยัยนี่... เป็นใครเนี่ย” จู่ๆ คนผมสีม่วงก็เอามือคว้าเข้าที่ต้นแขนของฉัน ก่อนจะดึงให้ตัวของฉันลุกขึ้นจากพื้น!
“โอ๊ย!... ปล่อยฉันนะ!” ฉันเอามือทุบๆ ที่แขนของเจ้าบ้านั่นก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระบองคุริมาซอคเซรี่ขึ้นมาแล้วจ่อมันไปที่หน้าของเจ้าผมม่วงคนนั้น!
“อะไรเนี่ย?” หมอนั่นพูดด้วยน้ำเสียงงงงวย
“ซอคเซรี่... ริออนโรทเท็ปโป!!” ฟองอากาศที่บรรจุก้อนเมฆเล็กๆ แตกออกตามมาด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ส่งตรงไปให้เจ้าผมม่วงเต็มๆ!!
เปรี้ยง!!!
“อ๊ากกกก!!~” เจ้านั่นร้องสุดเสียงจนมือที่จับอยู่ที่ตัวฉันต้องปล่อยออก ฉันที่หลุดออกมาจากการเกาะกุมจึงรีบลงไปดูอาการของลูฟี่ทันที
“ลูฟี่ไม่เป็นไรนะ ฉันจะเอาตัวนายออกมาจากกาวเอง” ฉันพูดพร้อมปล่อยก้อนเมฆฝนเล็กๆ ออกมา น้ำฝนที่หยุดลงสู่กาว ทำให้กาวเหลวมากขึ้นทำให้สามารถดึงขาของลูฟี่ออกมาได้!
“ขอบใจนะนามิ” ลูฟี่พูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นยืน เขาเซไปข้างหลังเล็กน้อยเพราะบาดแผลที่อยู่ที่หน้าท้อง
“อย่าขยับมากดีกว่านะ” ฉันพูดพร้อมตรงไปพยุงตัวของลูฟี่เอาไว้
“เจ้าบ้านั่นมีผมที่เหนี๊ยว เหนียวเลยน่ะรู้มั้ย?” ลูฟี่หันหน้ามาบอกฉันก่อนที่แล้วจะฉีกยิ้ม ฉันแบะปากให้เขาก่อนจะพยายามพยุงตัวเขาพาไปที่โรงพยาบาล
“หยุดเลยนะยัยบ้า!”
แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของเจ้าหัวม่วงนั่น!
“ดูสิ่งที่เธอทำสิ! ดูผมอันแสนสวยงามของฉัน! มันไหม้หมดแล้ว =[]=!!” เจ้าหัวม่วงนั้นพูดพร้อมเอามือลูบที่ผมของตัวเอง ลูฟี่ที่เห็นว่าหมอนั่นยังไม่ล้มลงไปจึงผละออกจากตัวฉันแล้วหันไปชี้หน้าของเจ้านั่น
“เมื่อกี้นายเรียกยัยนี้ว่ายังไงนะ!” ลูฟี่พูดพร้อมชี้มาทางฉัน
“ยัย... บ้า...” เจ้านั่นพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเน้นย้ำให้ฉันได้ยินชัดขึ้น
ผัวะ!!!
แล้วจู่ๆ ลูฟี่ก็ปล่อยหมัดไปกระแทกที่หน้าของเจ้านั่นเต็มแรง O__O!!
“ฉันเท่านั้นที่เรียกยัยนี่ว่ายัยบ้าได้!!” ลูฟี่ตะคอกใส่เจ้าผมม่วงคนนั้นอย่างโมโห ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันหน้ามองมาทางฉัน
“ยัยบ้า!!” ลูฟี่
ก่อนจะหันหน้ามาด่าฉันว่า ยัยบ้า -____-;;
“รีบไปโรงพยาบาลก่อนที่นายจะเลือดหมดตัวดีกว่านะ -___-” ฉันพูดพร้อมกอดอกอย่างโมโห
“ดะ... เดี๋ยวก่อน... แกชื่อว่าลูฟี่งั้นเหรอ?”
จู่ๆ เจ้าผมม่วงก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของลูฟี่ ลูฟี่หันหน้ากลับไปมองหน้าของหมอนั่นแล้วพยักหน้า
“ใช่! ฉันคือลูฟี่!” ลูฟี่ประกาศตัวดังก้อง
“หึ... แกน่ะเหรอคือเจ้าหมวกฟาง...” หมอนั่นพูดพร้อมหัวเราะออกมาเหมือนกับคนโรคจิต ฉันมองไปที่หน้าของเจ้าผมม่วงอย่างงงๆ ...เขาหัวเราะเรื่องอะไร -___-?
“ฉันคือ กิวนิว เป็นผู้กำคำใบ้ที่อยู่ของเพื่อนของนาย!” เจ้าผมม่วงที่ชื่อว่ากิวนิวพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
“ว่าไงนะ!!” ฉันกับลูฟี่ประสานเสียงอย่างตกใจ ก่อนที่ลูฟี่จะวิ่งตรงไปหาเจ้านั่นแล้วดึงคอเสื้อของเจ้านั่นขึ้นมา
“ที่แกพูดคือความจริงเหรอ! แล้วเพื่อนของฉันอยู่ไหน!!” ลูฟี่
“หึๆ... ฉันจะไม่บอกอะไรทั้งนั้นแหละ... แกจะไม่มีวันได้พบกับเพื่อนๆ ของแก! ฮ่าๆๆๆ!!” กิวนิวระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสะใจ มันทำให้ลูฟี่ฟิวน์ขาด! เขากระชากคอเสื้อของกิวนิวแรงขึ้นก่อนจะขึ้นเสียงพูดอีก
“ฉันบอกให้แกบอกมาไง!!” ลูฟี่
“ม่าย ม่าย ม่าย~” กิวนิว
“หน๊อยแก!!!” ลูฟี่กระแทกหมัดลงไปที่หัวของกิวนิวเต็มแรง จนเจ้านั่นล้มลงไปกระแทกที่พื้นอิฐอย่างแรงอีกครั้ง… เป็นแบบนี้แล้วไม่ดีแน่ ถ้าหมอนี่ตายไปเราก็จะเสียคำใบ้อีกหนึ่งคำใบ้ไปเลยนะ!
“ลูฟี่อย่าต่อยหมอนั่นนะ!” ฉันเริ่มส่งเสียงห้ามลูฟี่ทันทีเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะต่อยลงไปที่หัวของกิวนิวอีก
“อะไรของเธอ!!” ลูฟี่
“ถ้านายต่อยไปอีกหมัด หมอนี่จะต้องไม่รอดแน่ๆ แล้วเราจะไม่ได้คำตอบนะว่าพวกแฟร้งกี้อยู่ที่ไหนกันน่ะ!” ฉัน
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ!?” ลูฟี่หันหน้ามองมาทางฉัน
“เราก็เอาตัวเขาไปเป็นตัวประกันก่อนสิ... ถ้าเราเอาตัวเขาไปมันจะต้องมีผลดีกว่าแน่ๆ” ฉัน
“ถ้าเธอทำแบบนั้น... มันจะผิดกติกาของเกมหรือป่าว~” กิวนิวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“เกมนี้ไม่มีกฎอะไรอีกแล้ว... ถามตัวนายเองดีกว่า!” ฉัน
[บันทึกพิเศษ ; โรบิน]
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบกับแสงสว่างจากไฟ... ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย...
“อ๊ะ คุณโรบิน!”
เสียงของนาอิดังขึ้นมาใกล้ๆ หู ฉันหันหน้ามองไปตามต้นเสียงก่อนจะพบว่าเป็นนาอิจริงๆ
“คุณโรบินฟื้นแล้วล่ะ!!” นาอิพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ฉันหันหน้ามองดูรอบตัว ก็พบว่าเตียงข้างๆ ฉันคือคุณหมอคีฟาร์ที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่เหมือนกับฉัน... เราอยู่ที่โรงพยาบาลสินะ
“คุณโรบินไม่เป็นไรนะครับ! ไม่ต้องรีบลุกขึ้นมาก็ได้ O__O!!” นาอิ
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว...” ฉันพูดขึ้นพร้อมยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง จริงสิ แล้วจูเนียร์ล่ะ!
“แล้วจูเนียร์ล่ะ ฉันเห็นเขาเดินไปทางพวกเธอ” ฉัน
“ไม่มีปัญหาแล้วครับ คุณโซโลจัดการไปแล้ว” นาอิพูดพร้อมกับชี้ไปทางโซโลที่นอนอยู่ตรงพื้น เขาเอาหลังพิงกับกำแพงแล้วนอนหลับสนิท ดูจากสภาพแล้วไม่เหมือนคนที่พึ่งผ่านการต่อสู้มาเลย... จริงสิ! ถุงมือหินไคโรเซคิของจูเนียร์ทำให้ฉันไม่มีแรงสำหรับต่อสู้! ว่าแต่ทำไมเขาถึงมีถุงมือของหินไคโรกัน มันเป็นสมบัติของรัฐบาลไม่ใช่เหรอ
ตึกๆๆๆ
เสียงฝีเท้าของคนหลายคนวิ่งตรงเข้ามาใกล้ๆ กับเตียงของฉัน เมื่อฉันหันหน้าไปมองก็พบเป็นนามิกับลูฟี่... ทำไมลูฟี่ถึงเลือดไหลออกมาแบบนั้นล่ะ!
“โรบินเธอไม่เป็นไรไม่ใช่นามิเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว =[]=!!” ลูฟี่ตะโกนดังลั่นห้องพยาบาลจนนาอิจำเป็นจะต้องจุๆ ปากให้เขาเงียบเสียง
“ฉันไม่เป็นไรหรอก” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้กับลูฟี่
“นายไปปฐมพยาบาลก่อนนะลูฟี่” นามิหันหน้าไปมองลูฟี่ก่อนจะดันตัวของคุณกัปตันไปให้นางพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ
“เอาล่ะทุกคนฉันมีเรื่องจะมาบอก ฉันว่าเราคงเล่นตามเกมไม่ได้อีกแล้วล่ะ” นามิพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ สายตาของเธอแลดูจะกังวลเป็นอย่างมาก
“อันนี้ผมเห็นด้วยนะ” นาอิเริ่มส่งเสียงสนับสนุน
“หลังจากที่เราได้พบกับจูเนียร์และโซโลได้จัดการเค้าไป เขาไม่ได้บอกเรื่องที่อยู่ของพวกแฟรงกี้มาเลย แถมเขายังบอกอีกว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่บอก... แล้วไหนจะชายอีกคนหนึ่งที่ลูฟี่เป็นคนเจอ เขาเองก็ไม่ยอมบอกอะไรเช่นกัน” นามิเริ่มอธิบาย สายตาของเธอมองออกไปนอกห้องพยาบาลอยู่เสมอๆ จนฉันเริ่มแปลกใจ
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?” ฉัน
“อ๋อป่าวหรอก... แค่ฉันเอาตัวของชายที่ลูฟี่เจอมาด้วย เขาเป็นตัวประกันน่ะ” นามิพูดพร้อมกับเดินออกจากนอกห้องไป แล้วสักพักต่อมานามิก็เดินกลับมาพร้อมกับชายผมสีม่วงซึ่งมีรอยไหม้มาด้วย... ชายคนนี้น่ะเหรอ?
“ผู้ชายคนนี้ชื่อ กิวนิว เขาคือคนที่กุมคำใบ้เรื่องที่อยู่ของเพื่อนเรา” นามิ
“ยัยบ้า~ ถึงเอาตัวฉันมาแบบนี้ยังไงฉันก็จะไม่บอกอะไรหรอกนะ!” ชายที่ชื่อกิวนิวเรื่องส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ ฉันเพ่งตามองไปที่หน้าของกิวนิวอย่างพินิจ... หน้าตาและชื่อของเขาช่างคุ้นหูเหลือเกิน
“และฉันก็สงสัยว่าเขาเป็นคนของรัฐบาลเพราะว่าเขาเป็นพวกพ้องของจูเนียร์ซึ่งมีถุงมือที่ทำจากหินไคโร” นามิพูดพร้อมกับดึงถุงมือหินไคโรเซคิออกมา
“อ๊ะ! ยัยบ้า! เธอเอาถุงมือนั่นมาจากไหน!!” กิวนิวพูดพร้อมกับพุ่งตัวหวังจะหยิบถุงมือหินไคโรนั่นแต่ว่านามิที่ไหวตัวทันดึงถุงมือขึ้นเหนือหัวก่อนจะเอามืออีกข้างหนึ่งทุบที่หัวของกิวนิวจนเขาร้องออกมา
“ฉันว่าเอาเชือกมามัดตัวหมอนี่เอาไว้ดีกว่า” นามิ
“ฉันพอจะมีเชือกอยู่นะ เอานี่” นาอิพูดพร้อมกับยื่นเชือกให้กับนามิ นามิรับเชือกนั้นไปก่อนจะมัดตัวของกิวนิวเอาไว้ด้วยเชือก
“เฮ้ย ยัยบ้า! อย่ามามัดฉันไว้นะ!!” กิวนิว
“เงียบๆ สักทีเถอะน่า ที่มันโรงพยาบาลนะ!” นามิ
“ฉันจะไม่หุบปากเด็ดขาด! ยัยบ้า ถ้าฉันหลุดออกไปได้ฉันจะฆ่าเธอ!” กิวนิว
“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนของรัฐบาลแล้วฉันจะกลัวนะ!!” นามิเริ่มขึ้นเสียงอย่างโมโห แต่ตัวกิวนิวเองก็ทำท่าไม่สนใจกับคำพูดของนามิ จนเธอหมดความอดทนแล้วทุบหัวของกิวนิวด้วยหมัดหนักๆ ของเธอ
ผัวะ!!!
“หุบปากของนายไปซะ! โอเค๊!!?” นามิ
“งึง... งึง... ยะ... ยัยบ้า... เอ๊ย...” กิวนิว
คนของรัฐบาลจริงๆ ด้วยสินะผู้ชายคนนี้... ก็ว่าเหมือนฉันจะเคยได้ยินเรื่องเขามาอยู่จากการไปประชุมร่วมกันกับครอกโคได... เขาคือผู้ช่วยนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.เวก้าพังค์ แต่หลังจากที่ได้ยินชื่อเขามาไม่นานก็มีแต่คนบอกว่าเขาหายไปและไม่มีใครทราบข่าวของเขาอีกเลย
“ฉันอยากรู้จังว่าตอนนี้กัปตันจะเป็นยังไงบ้าง” นาอิคุงพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ คุณหมอคีฟาร์ที่เห็นว่าเพื่อนรักไม่สบายใจจึงรีบพูดปลอบทันที
“กัปตันไม่เป็นไรหรอกน่า มีรีทาวน์อยู่ด้วยทั้งคน” คีฟาร์
“แต่ตอนนี้ฉันอยากจะเจอกัปตันมากเลย เขาจะรู้หรือยังนะว่าตอนนี้เราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของรัฐบาลเข้าให้แล้ว”
[จบบันทึกพิเศษ ; โรบิน]
[บันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
ตอนนี้พวกเราวิ่งออกมาจากนอกอาคารได้แล้ว เมื่อเราวิ่งไปสมทบกับพวกเจ้าราก็พบว่าพวกเขาไม่เป็นไร
“แหม หนังเหนียวเป็นบ้าเลยนะ” ผมพูดพร้อมกับเบ้ปากให้กับเจ้ารา
“เราต้องกลับเข้าไปในนั้น! ฉันจะต้องตันหน้าเจ้านั่นให้ได้!” ราชันย์ทำท่าจะวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้งแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยตัวของรีทาวน์
“ใจเย็นๆ สิกัปตัน! ฉันเข้าใจความรู้สึกของกัปตันนะ แต่ตอนนี้เราควรจะถามใครบางคนให้รู้เรื่องก่อน” รีทาวน์พูดพร้อมชายตามองมาทางชาโด้จัง
“เธอรู้เรื่องทั้งหมดใช่มั้ย รวมถึงเรื่องของทัชด้วย!” รีทาวน์หันหน้าไปมองชาโด้จัง น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่รู้เรื่องของนาย” ชาโด้จังพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่มันก็ทำให้รีทาวน์อารมณ์ขึ้นได้
“หมายความว่ายังไงเรื่องที่ว่าเธอไม่รู้เรื่องของพวกฉัน ทัช ยังไงล่ะ! ที่พวกเธอเอาตัวของเขาไปเมื่อปีก่อน!” รีทาวน์
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะตอนนั้นฉันยังมือใหม่สำหรับการเป็นคนของรัฐบาล ถึงฉันจะเคยได้ยินเรื่องของทัชแต่ว่าฉันก็ไม่รู้รายละเอียด” ชาโด้จังพูดพร้อมกับกอดอกสีหน้าของเธอนั้นจริงจังมากซะจนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเธอโกหกหรือป่าว
“งั้นมันก็คือเรื่องจริงสินะ... ว่าเกมนี้เป็นเกมที่รัฐบาลสร้างขึ้นมาน่ะ” ราชันย์
“...จริงๆ มันก็ไม่เชิงหรอกนะ... เพราะจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงามืดของรัฐบาล ซึ่งมีเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องแผนการนี้” ชาโด้จัง
“แผนการนี้? แผนการเกี่ยวกับการเล่นเกมตามหาโจรสลัดเนี่ยน่ะเหรอครับ?” ผมตั้งคำถามบ้าง
“ไม่ใช่ แผนการนี้เป็นแผนการลับสุดยอด ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบและสั่งการแผนการนี่ตั้งหมดคือ K ซึ่งฉันไม่รู้หรอกนะว่าชื่อของเขาชื่อว่าอะไรเพราะมันเป็นความรับมาก รู้เพียงแค่ว่าเขาคือพลเรือโทของกองทัพเรือและองค์กรของเขายิ่งใหญ่มาก โดยแบ่งอำนาจรองจากเขาออกเป็นเจ็ดตำแหน่งซึ่งหนึ่งในเจ็ดตำแหน่งนั้นมีมาตินรวมอยู่ด้วย” ชาโด้จัง
“หมอนั่นมีความแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ” ราชันย์
“ใช่ เขาแข็งแกร่งมาก และทุกคนที่ได้รับตำแหน่งอำนาจทั้งเจ็ดตำแหน่งนี้ล้วนเป็นพลเรือตรีกันทั้งนั้น ซึ่งถือว่าเป็นยศที่ใหญ่มากทีเดียวแต่ส่วนมากพวกเขาไม่ค่อยได้ไปร่วมการประชุมของรัฐบาล เพราะเขาเป็นเงาของรัฐบาล ตัวฉันเองนั้นเป็นมือขวาของเจส์ตะอีกที... และเจส์ตะก็เป็นมือขวาของหนึ่งในเจ็ดอำนาจ” ชาโด้จังอธิบายด้วยเสียงนิ่งเรียบ แต่ก็ทำให้พวกเราอึ้งไปได้มากเหมือนกัน... เธอคือมือขวาของเจส์ตะอย่างงั้นเหรอ?
“แปลว่าชาโด้จังก็รู้ที่อยู่ของพวกพ้องของผมทุกคนเลยน่ะสิ O___O!?” ผม
“ใช่แล้ว...” ชาโด้จัง
“งั้นก็ดีเลย... แต่ผมอยากจะถามอะไรชาโด้จังอย่างหนึ่ง” ผม
“อะไรอย่างงั้นเหรอ?” ชาโด้จัง
“แผนการที่พวกชาโด้จังกำลังทำกันอยู่มันคืออะไรกัน?” ผมตั้งคำถามไป เมื่อชาโด้จังได้ยินคำถามเธอก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มเปิดปากอธิบาย
“ตอนนี้รัฐบาลกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับผลปีศาจกันอย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับผลปีศาจที่พวกเรากำลังค้นคว้ากันอยู่คือการรีดคั้นผลปีศาจออกมาจากตัวของเจ้าของ... โดยที่เขายังไม่ตาย” เมื่อชาโด้จังพูดจบพวกเราก็นิ่งอึ้งกันไปเลยทีเดียว... การรีดคั้นผลปีศาจงั้นเหรอ! มันเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างงั้นเหรอ!?
การทดลองด้านมืดของรัฐบาลแบบนี้มันเป็นความคิดที่ดีแน่เหรอ? พวกเขากำลังรีดคั้นผลปีศาจจากเจ้าของ ซึ่งมันมีแต่ให้เจ้าของผลปีศาจตายเท่านั้นถึงจะสามารถนำผลปีศาจผลนั้นมาได้ไม่ใช่หรอ
“งั้นที่เอาตัวของทัชไป... เอาตัวเขาไปรีดคั้นผลปีศาจงั้นเหรอ!!” ราชันย์ขึ้นเสียงของเหลืออด
“ใช่แล้ว... เราได้ทำการทดลองสำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณครึ่งปีที่ผ่านมา โดยการถ่ายโอนผลปีศาจ ผลโคริ โคริไปให้กับทาสคนหนึ่งซึ่งซื้อตัวมาจากเกาะวอนเดอร์แลนด์”
เมื่อจบประโยคนั้นของชาโด้จัง ก็ทำให้ราชันย์ถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น รีทาวน์ที่เห็นท่าทางของกัปตันตัวเองเป็นแบบนั้นเขาจึงรีบพยุงตัวของราชันย์ขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรนะ” รีทาวน์หันไปถามราชันย์
“ฉัน... รู้เรื่องการทดลองนี้... ฉันรู้มานานแล้ว...” ราชันย์พูดด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ ชาโด้จังที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน
“หมายความว่ายังไง! เรื่องนี้เก็บเป็นความลับขั้นสุดยอด ไม่มีทางที่นายจะเคยได้ยิน!!” ชาโด้จัง
“ไม่... ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้จริงๆ... แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน...” ราชันย์
“เป็นไปไม่ได้หรอก!!” ชาโด้จังขึ้นเสียงอย่างรับไม่ได้ ผมหันหน้าไปมองที่ชาโด้จังก่อนจะเข้าไปพยุงตัวเธอเอาไว้
“เรื่องนี้เป็นความลับ ไม่มีทางที่จะมีคนรู้...” ชาโด้จัง
“ครับ... ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นพวกเรา” ผม
“ชาโด้จังตอนนี้เรากลับไปหาพวกเพื่อนๆ ผมก่อนดีกว่า... ผมต้องการให้เพื่อนๆ ผมได้ยินเรื่องนี้” ผมพูดพร้อมกับมองเข้าไปในตาของชาโด้จัง เธอนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าในที่สุด
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
ตุดุ๊ดๆๆๆ
จู่ๆ เสียงของแมลงโทรสารของฉันก็ดังขึ้น ฉันจึงกดรับสายในที่สุด
“ว่าไง” ฉัน
“(คุณนามิคร้าบบบ!!♥)”
“อ๊ะ! ซันจิคุง!” ฉันกรอกเสียงลงไปในแมลงโทรสารด้วยความดีใจ ฉันกำลังต้องการจะติดต่อกับเขาอยู่พอดี แต่ทีนี้เขาติดต่อมาก่อน... งั้นก็ดีเลย!
“(ตอนนี้อยู่ไหนคร้าบ~)”
“อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะซันจิคุง” ฉัน
“(หา!!~ คุณนามิเป็นอะไรงั้นหรอครับ!!!)” น้ำเสียงของซันจิคุงแลดูจะวิตกกังวลมาก ฉันจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกรอกเสียงลงโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“ฉันไม่เป็นไรหรอกซันจิคุง รีบมาที่นี่ดีกว่า ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“(ครับ ผมก็มีเรื่องจะบอกคุณนามิเหมือนกัน และผมมีคนที่อยากให้คุณนามิพบด้วย)”
“หืม? คนที่อยากให้ฉันเจอกันเหรอ? ใครกัน?”
“(ไว้ไปถึงค่อยคุยกันนะครับ แค่สิบนาทีเท่านั้น!)”
“อา... อื้มได้สิ...”
“(จริงสิคุณนามิ ตอนนี้ผมเจอตัวของอุซปแล้วนะ!)”
“หา!! ว่ายังไงนะซันจิคุง! จะ... จริงเหรอ O__O!!” ฉันร้องอย่างตกใจทันที เขาเจอตัวของอุซปแล้วเหรอ! ดีจังเลย >O<!!
“(จริงครับ! เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ บ๊ายบ่ายย)”
กึก...
แล้วแมลงโทรสารก็หลับไป... ซันจิคุงวางสายไปแล้ว เขามีใครอยากให้ฉันเจอกันนะ? แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องที่ฉันจะบอกเขาเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ... ดีใจจังที่เขายังสบายดี... แล้วไหนจะเรื่องที่เขาพบกับอุซปอีก เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ!
“ใครงั้นเหรอนามิ” ลูฟี่ที่พึ่งปฐมพยาบาลเสร็จเดินตรงมาทางฉัน ก่อนจะต้องผละเมื่อเจอกิวนิวนั่งหัวโนอยู่ที่พื้น
“ซันจิน่ะ เดี๋ยวเขาจะมาที่นี่แล้ว” ฉัน
“จริงเหรอ! งั้นก็ดีเล้ย >O<!!” ลูฟี่
“แถมเขายังเจอตัวของอุซปแล้วด้วยนะ!” ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มอย่างดีใจ ทุกคนในห้องนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่แสนดีใจออกมา ก่อนจะแสดงความยินดีกับพวกฉันบ้าง
“เย้! เราตามหาเพื่อนเราเจอคนนึงแล้ว >O<!!” ลูฟี่
สิบนาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก ไม่นานนักฉันก็ได้ยินเสียงของซันจิคุงจากนอกห้องซะแล้ว
“คุณนามิ!!~~~ โรบินจวางงงง!!~”
เมื่อประตูห้องพยาบาลเปิดออก ก็ปรากฏเป็นซันจิคุงที่พุ่งเข้ามาในห้อง ลูฟี่ที่เห็นอุซปวิ่งตามมาจากข้างหลังก็รีบวิ่งเข้าไปหาอุซปทันที
“ในที่สุดนายก็กลับมาแล้วนะอุซป T^T!!” ลูฟี่
“ฉันกลับมาแล้วลูฟี่ T___T!!” อุซป
แล้วทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันและเริ่มร้องไห้ ตามมาด้วยราชันย์และรีทาวน์ที่เดินเข้ามาในห้องนาอิรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหากัปตันที่เขาเป็นห่วงทันที
“คีฟาร์นายไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” ราชันย์เดินตรงไปที่เตียงของคีฟาร์ คีฟาร์ส่ายหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มให้กับราชันย์
“ไม่เป็นอะไรแล้วน่ากัปตัน!” คีฟาร์ฉีกยิ้ม
“งั้นก็ดีแล้ว” ราชันย์ส่งยิ้มกลับไปให้คีฟาร์บ้าง
“จริงสิคุณนามิ โรบินจัง! คนนี้ไงที่ผมต้องการให้ทั้งสองพบ ^^!” ซันจิคุงพูดพร้อมกับเดินไปที่ประตูก่อนจะส่งเสียงเรียกบุคคลปริศนา เมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาให้ห้องออร่าของเธอก็ส่องประกาย เพราะเธอเป็นคนที่สวยมาก ผมสีน้ำเงินเข้มเหลือบดำ นัยน์ตาสองสีดูแปลกมาก ริมฝีปากก็เล็กบางดูน่ารักมากๆ
“เธอคนนี้ชื่อชาโด้จังครับผม” ซันจิคุงพูดแนะนำตัวให้กับหญิงสาว เธอก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อชาโด้” ชาโด้จังแนะนำตัวก่อนจะส่งยิ้มให้พวกเราทุกคน ก่อนที่สายตาเธอจะไปปะทะเข้ากับสายตาของกิวนิวที่นั่งอยู่ที่พื้น เมื่อทั้งคู่ได้สบตากันเท่านั้นแหละ กิวนิวก็ถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที!
“ชาโด้ O__O!!” กิวนิว
“นาย...” ชาโด้จังพูดพร้อมกับมองหน้าของกิวนิวอย่างตกตะลึง
“เจ้าผมม่วงนี่เป็นใครหรอครับคุณนามิ =O=?” ซันจิ
“เขาคือตัวประกันของเราน่ะ... นี่แหละที่ฉันจะบอกนาย เขาชื่อกิวนิว เป็นคนกุมคำใบ้เรื่องที่อยู่ของพวกแฟรงกี้ แต่เขาไม่ยอมบอกเลย และเขาก็เป็นของรัฐบาลอีกด้วย!” ฉัน
“ใช่ เจ้าบ้านี่ไม่ยอมบอกเลย ไม่เล่นตามกฎเลยซักนิด!” ลูฟี่เริ่มโวยวายบ้าง
“อะไรกัน... ทำไมเธอถึงมาอยู่กับเจ้าพวกนี้! ชาโด้!” กิวนิวเบิกตากว้างมองหน้าของชาโด้จังอย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉันก็มาทวงความยุติธรรมคืนให้รัฐบาลยังไงล่ะ...” ชาโด้จังพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“เธอ... ทรยศ!!!” กิวนิวตะคอกใส่ชาโด้อย่างไม่เหลือดี... หมายความว่ายังไงที่ว่าทรยศ!? สองคนนี้เป็นพวกเดียวกันงั้นเหรอ O___O!?
“แกอย่ามาปากไม่ดีกับเลดี้นะ!!” ซันจิโวยวาย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน...” โรบินถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่หน้าของชาโด้อย่างไม่ไว้ใจอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องนี้เหมือนกับครับที่จะเป็นเรื่องที่ผมจะเล่าให้ทุกคนฟัง... เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
ซันจิคุงเล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ตอนนี้พบชาโด้จนมาถึงปัจจุบัน... เมื่อฉันฟังเรื่องจบแล้วก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามันคือแผนการของรัฐบาลจริงๆ ด้วย!
“...เพราะงั้นชาโด้จังต้องการจะช่วยเราครับผม!” ซันจิคุงเล่าเรื่องทั้งหมดจนจบแล้วหันหน้าไปยิ้มให้กับชาโด้ ซึ่งเธอก็หันหน้าไปส่งยิ้มให้กับซันจิด้วย
“และเธอก็บอกให้พวกเราพาเธอออกไปจากที่นี่ด้วย” รีทาวน์พูดแทรกขึ้นมา มันทำให้เราหันหน้ามองไปที่ชาโด้ทันที
“ทำไมเธอถึงอยากออกไปจากที่นี่ล่ะ?” ลูฟี่ถามขึ้น ชาโด้หันหน้ามองไปทางลูฟี่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ฉันรับไม่ได้กับรัฐบาล... หลังจากที่อาคาอินุได้ขึ้นเป็นจอมพล แลเหมือนทุกอย่างจะแย่ลงไปมาก... ทั้งความเป็นรับบาลที่ซื่อสัตย์... ทั้งความยุติธรรมของรัฐบาล” ชาโด้อธิบาย เมื่อลูฟี่ได้ยินชื่อของอาคาอินุก็ทำให้เขานิ่งเงียบไปเลยที่เดียว ฉันมองไปที่หน้าของลูฟี่ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของลูฟี่เบาๆ
“หืม...” เขาหันหน้ามองมาทางฉันเล็กน้อย ฉันค่อยๆ ส่งยิ้มให้กับสีหน้าที่เคร่งเครียดของเขา มันทำให้เขาค่อยๆ ระบายรอยยิ้มออกมาได้
“และการที่ฉันจะออกจากการเป็นทหารเรือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย... เพราะว่าฉันได้เข้าร่วมกับแผนการลับสุดยอดของรัฐบาลเข้าซะแล้ว... เขาไม่มีทางปล่อยให้ฉันออกจากรัฐบาลได้แน่ๆ แต่ฉันก็ไม่อยาก... ไม่อยากที่จะอยู่กับรัฐบาลแบบนี้!” ชาโด้พูดพร้อมกับกำมือแน่น
เธอดูเหมือนจะไม่พอใจกับการกระทำของรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย... กับเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะทำให้โกรธได้ขนาดนี้หรอก... มันจะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ... อะไรบางอย่างที่อยู่ลึกยิ่งกว่าความยุติธรรมของรัฐบาล...
“ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ผมว่าเราพักกันก่อนดีไหมครับ?” ซันจิพูดขึ้นหลังจากที่เราพาตัวของโรบินและคีฟาร์ออกมาจากโรงพยาบาลได้สำเร็จ
“นั่นสิ ฉันหิวแล้วด้วยนะ...” ลูฟี่พูดพร้อมเอามือจับที่ท้องของตัวเอง
“เราควรเติมพลังให้พร้อม แล้วเราค่อยออกตามหาใหม่ในวันพรุ่งนี้” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้กับทุกคน
“อื้ม... ก็ได้ ตอนนี้ฉันเริ่มจะหมดแรงแล้วด้วย!” อุซป
“ยิ่งตอนนี้เรามีชาโด้จังช่วยในการตามหาอีก ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นเยอะ ♥♥” ซันจิพูดพร้อมกับหันหน้าไปมองทางชาโด้ เธอจึงส่งยิ้มให้กับซันจิ
“เรากลับไปที่เรือไม่ได้แล้วเพราะตำรวจของเกาะนี้ได้ยึดเรือของเราเอาไว้... แล้วเราจะพักกันที่ไหน?” ฉัน
“พักที่เรือของฉันสิ!” ราชันย์เสนอพร้อมกับส่งยิ้มให้กับทุกคน สุดท้ายเราก็เห็นพ้องต้องกัน... โอเค เราจะไปพักที่เรือของราชันย์ก่อน ^^!!
เรือลำใหญ่ที่ฉันค่อนข้างจะคุ้นตามาอยู่ตรงหน้าแล้ว... เรือของราชันย์มีสภาพเดิมทุกอย่าง มันไม่แตกต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนเลยแม้แต่น้อยยกเว้นว่าเหมือนมันจะรกขึ้นมานิดหน่อย =O=
“นอนตรงไหนก็ได้นะ เพราะยังไงเรือของเราก็มีที่นั่งทุกที่” ราชันย์พูดพร้อมเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่อยู่กลางเรือ พวกเราจึงเดินไปนั่งกันบ้าง
“เอาล่ะ คงเริ่มหิวกันแล้วสินะ เดี๋ยวฉันจะแสดงฝีมือเอง ห้องครัวอยู่ไหนล่ะ?” ซันจิพูดพร้อมกับหันหน้าไปมองหน้าของรีทาวน์
“นายไม่ต้องมายุ่งกับครัวของฉันนะ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องอาหารเอง -___-” รีทาวน์
“ไม่เฟ้ย! ฉันไม่ไว้ใจรสชาติอาหารของแก ถ้ามันไม่อร่อยขึ้นมาจะทำยังไง!” ซันจิ
“มันอร่อยอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเลย -O-” รีทาวน์พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะตรงไปที่ห้องครัวอย่างไม่สนใจซันจิอีก แต่ซันจิเองก็ไม่ปล่อยให้รีทาวน์ปั่นหัวอยู่ฝ่ายเดียวหรอก เขาจึงรีบวิ่งตามรีทาวน์เข้าไปในห้องครัวทันที
ดึ๋ง... ดึ๋งง... ดึ๋ง!
“ว้าว! สนุกเป็นบ้าเลย! โซฟาของพวกนายนี่นุ่มจริงๆ เลยนะ >O<!!” ลูฟี่พูดทั้งๆ ที่ตัวกำลังกระโดดอยู่บนโซฟา
“เฮ้ยๆ! หมวกฟาง อย่ากระโดดสิ เดี๋ยวแผลนายก็เปิดหรอก =[]=!!” คีฟาร์รีบห้ามปรามลูฟี่ทันที... แหมก็เขาเป็นหมอนี่เนอะ คงต้องเป็นห่วงคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ^^
“เอ้านี่ราชันย์ จะได้ไม่คิดมาก” นาอิเดินมาพร้อมกับแอปเปิ้ลสีเขียวสด เขาโยนมันให้กับกัปตันของตัวเองแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ราชันย์
“ขอบใจนะ” ราชันย์
“ไม่เป็นไรหรอกกัปตัน!” นาอิพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
ชาโด้นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างนิ่งเงียบ เธอได้แต่นั่งมองบุคคลรอบข้างก่อนจะลอบยิ้มออกมาคนเดียว เมื่อฉันเห็นแบบนั้นจึงเดินไปนั่งข้างๆ ชาโด้ทันที
ฟุบ
ฉันทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ตัวของชาโด้ เธอทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ส่งรอยยิ้มกลับคืนมาให้ฉัน
“ฉันชื่อนามินะชาโด้ ^^” ฉัน
“อื้ม... ฉันรู้แล้ว ฉันได้ยินชื่อเธอมาตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว... ตั้งแต่ที่เธอไปถล่ม เอนิเอส ล็อบบี้” ชาโด้
“อะ...เอ่อ... ตอนนั้นมันก็นานมามากแล้วนี่เนอะ แหะๆ =w=;;” ฉัน
“ใช่แล้ว...” ชาโด้พูดพร้อมกับหันหน้าไปมองพวกลูฟี่ที่เริ่มเอาตะเกือบมาใส่ในจมูกอีกแล้ว แล้วเธอก็ลอบหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างมีความสุข
“ชอบเหรอ?” ฉันถามขึ้น มันทำให้ชาโด้ถึงกับผละเลยที่เดียว
“ชะ.. ชอบอะไร =[]=!” ชาโด้
“ชอบบรรยากาศแบบนี้ไง” ฉันพูดพร้อมพร้อมกับเอนหลังไปพิงกับเบาะนุ่มของโซฟา
“...ใช่... ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้...” ชาโด้พูดพร้อมระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา นัยน์ตาของเธอนั้นแสดงถึงความสุขที่มากมาย แต่แล้วจู่ๆ สายตานั้นของเธอก็หายไป แล้วเธอก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ฉันที่จับสังเกตได้จึงหันหน้าไปมองหน้าเธอแล้วพูดประโยคๆ หนึ่งแทงใจเธอออกไป
“มันไม่ใช่แค่ความยุติธรรมใช่มั้ย... ที่เธอไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐบาล” ฉัน
“...” เธอถึงกับนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่เธอจะหันหน้ามาสบตากับฉันแล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ไม่ใช่สักหน่อย... ก็เรื่องแค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก...” ชาโด้
“อาหารมาแล้วนะทุกคนน!!” จู่ๆ รีทาวน์ก็เดินมาพร้อมกับอาหารที่ทำจนเสร็จแล้ว กลิ่นหอมของอาหารทำให้ชาโด้ต้องหันไปมอง ก่อนที่เธอจะหันหน้ามองหน้าฉันเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“อาหารน่ากินเนอะ เราไปกินกันเถอะ” ชาโด้พูดพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งอยู่ที่กลางเรือ ซึ่งเป็นที่ที่อาหารถูกนำไม่วาง
เหตุผลอะไรกันนะที่เธอไม่บอกฉัน... มันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย แต่ที่เธอไม่บอกอาจจะเพราะว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับเธอ ฉันก็ขอไม่ถลำลึกมากเกินไปก็แล้วกัน เพราะเธอจะต้องมีเหตุผลของตัวเธอเองแน่นอน...
“คุณนามิ!!~ อาหารมาแล้วนะคร้าบบบ ♥” เสียงของซันจิคุงดังขึ้น ทำให้ฉันเลิกคิดเรื่องของชาโด้แล้วเดินไปนั่งร่วมลงอาหารด้วย
อาหารค่ำมื้อนี้เป็นอาหารมื้อค่ำที่อร่อยมากๆ และมีความสุขมากที่สุด ปาร์ตี้ที่ถูกจัดขึ้นมาเล็กๆ บนเรือไม่ทำการรบกวนคนในเมืองเท่าไหร่ แค่นี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
“อาหารหมดแล้วทุกคนอิ่มกันแล้วใช่มั้ย?” ซันจิคุงถามขึ้นเมื่ออาหารที่ถูกทยอยนำมาวางเรื่อยๆ นั้นหมดลง เพื่อนๆ ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าของซันจิก่อนจะส่ายหน้าระอากับอาหารแล้ว
“อิ่มมากๆ เลย... อา...” อุซป
“อร่อยมากๆ เลยนะ” โรบินพูดพร้อมกับอมยิ้ม
“จะว่าไปฝีมือของนายก็ใช้ได้นะคิ้วม้วนคุง” รีทาวน์
“แกเรียกใครว่าคิ้วม้วนฟะ =[]=^^!!!” ซันจิ
“ก็แกไง มองไม่ออกเหรอ =___=!!” รีทาวน์
“หน๊อยแก! กวนมาตั้งแต่กลางวันแล้วนะ มาลองซักตั้งมั้ย!” ซันจิ
“เก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้เถอะเจ้าคิ้วม้วน!” รีทาวน์
“หึ... นายพูดจามีเหตุผลดีนะ” โซโลหันหน้าไปจับมือกับรีทาวน์
“ไอ้หัวสาหร่าย แกอยากโดนหรือไงฮะ!!~” ซันจิ
เสียงหัวเราะดังขึ้นเพราะการทะเลาะกันของรีทาวน์โซโลและซันจิ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขมากวันหนึ่ง... แต่มันคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าหากมีทุกคนอยู่ครบ...
“หืม...” ฉันหันหน้าไปมองตรงมุมมืดของเรือ ก็พบกับลูฟี่ที่กำลังทำอะไรซุกๆ ซ่อนๆ อยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปเพื่อแอบดูว่าเขาแอบทำอะไร =___=+
ฟุดฟิดๆๆ
เอ๊ะ นั่นมันอะไรน่ะ? เหล้างั้นเหรอ O_o? ลูฟี่กำลังแอบดื่มเหล้างั้นเหรอ?
อึก...
เขาเอามันเข้าปากไปอึกหนึ่งก่อนจะดึงมันออกจากปากแล้วโยนออกไปไกลๆ ตัว
“แหยะ... =O=” ลูฟี่ทำท่าเหมือนจะอ้วกกับรสชาติของเหล้า ฉันแอบมองการกระทำของเขาอยู่สักพักก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“คิก...”
“เหวออ!! เธอมาแอบถ้ำมองฉันเหรอ =[]=!!” ลูฟี่ร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นฉัน
เมื่อเขาเห็นฉันแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนอีกต่อไป ฉันจึงเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“นายนั่นแหละ แอบมากินเหล้าแบบนี้ทำไม” ฉันฉีกยิ้ม
“อะไรกัน! เหล้าอะไร ฉันป่าว =O=~” ลูฟี่โกหกออกมาได้ไม่เนียนเอาซะเลย เพราะว่าข้างๆ ตัวของเขานั้นยังมีแก้วของเหล้าอยู่ -___-;
“จะลองดื่มก็ไม่เห็นต้องแอบหนิ” ฉันพูดพร้อมเดินไปนั่งยองๆ ข้างๆ ตัวของเขา เขาหันหน้ามามองหน้าฉันก่อนจะแสร้งทำหน้าเหมือนกับว่า อะไร? ฉันป่าว!
“ฉันไม่ได้ดื่นซักหน่อย!” ลูฟี่
“แล้วนี่มันอะไรยะ!” ฉันพูดพร้อมคว้าแก้วเหล้ามาทุบหัวของเขาอย่างโมโห เขาร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ ก่อนจะมองฉันอย่างโกรธๆ
“เออๆ ก็แอบกินนิดหน่อย -O-!!” ลูฟี่
“อื้ม ก็แค่บอกแค่นั้น ไม่เห็นต้องปิดบังเลย” ฉัน
“มันเรื่องของฉันน่า =____=+” ลูฟี่ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ฉันอย่างท้าทาย ฉันจึงเอื้อมมือไปบีบจมูกของเขาอย่างหมั่นไส้บ้าง
“แผลนายเป็นยังไงบ้างล่ะ” ฉันพูดพร้อมมองไปที่ท้องของเขา
“ไม่เจ็บสักนิด =O=~” ลูฟี่ทำเป็นไม่เจ็บ ฉันจึงยื่นมือไปจิ้มเต็มๆ แผลของเขา!
“โอ๊ยย!!” เขาร้องก่อนจะเอามือจับที่แผลของตัวเองอย่างเจ็บปวด
“เจ็บแล้วจะบอกว่าไม่เจ็บทำไม จะอวดเก่งไปเพื่ออะไรยะ -O-” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
ลูฟี่เอามือออกจากหน้าท้องก่อนจะหันหน้ามองมาทางฉัน แล้วเขาก็ถอนหายใจอย่างเบื่อๆ
“ฉันแค่ไม่อยากอ่อนแออีกแล้วก็แค่นั้น...” ลูฟี่พูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ เขาก้มหน้าลงไปมองที่มือของตัวเองเหมือนลำลึกความหลัง ฉันที่เห็นว่าเขาเริ่มมีท่าทีเศร้าซึมไป ฉันจึงเอื้อมมือไปหยิบหมวกฟางของเขาออกมาจากหัว
“เธอทำอะไรของเธอน่ะ!” ลูฟี่ร้องอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ฉันก็ดึงหมวกของเขาออกจากหัว
“ดูนี่สิ... ยังจำรอยนี้ได้มั้ย? รอยที่หมวกของนายนี่เกิดขึ้นเพราะบากี้ใช่มั้ย?” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่หมวกของเขา ซึ่งหมวกใบนี้ของเขายังมีรอยที่ถูกทำให้ขาดเป็นสามรอยใหญ่ๆ อยู่
“ใช่... คิดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด!” ลูฟี่
“แต่มันก็สามารถซ่อมได้ถึงแม้ว่ามันจะไม่สวยมาก แต่มันก็ยังมีความสำคัญกับนายใช่มั้ย” ฉันถามไปพร้อมกับหันไปสบตาของลูฟี่ เขาเองก็มองเข้ามาในตาของฉันเช่นเดียวกัน
“...อา... สำคัญสิ...” ลูฟี่
“งั้นก็เหมือนตัวนายยังไงล่ะ ถึงร่องรอยของการต่อสู้ยังคงอยู่ แต่ก็มีความสำคัญอยู่” ฉันพูดพร้อมเอามือลูบที่หมวกของลูฟี่เบาๆ ฉันยังจำมันได้ดี... รอยขาดสามรอยนี้ฉันเป็นคนเย็บคืนให้เขาเอง ถึงมันจะเป็นรอยเย็บที่ไม่สวยเท่าไหร่ แต่ฉันก็ดีใจที่ทำให้หมวกที่เขารักมีสภาพที่ดีขึ้น
“บางทีฉันก็รู้สึกแปลกๆ กับเธอนะนามิ” ลูฟี่พูดพร้อมกับหลบสายตาจากฉันไป
“รู้สึกแปลกๆ ยังไง?” ฉัน
“บางทีมันก็... ไม่รู้สิ แปลกๆ น่ะ อยู่กับเธอแล้วแปลกตลอดเลย” ลูฟี่พูดพร้อมขมวดคิ้วใส่ฉัน
“แปลกยังไงล่ะยะ ฉันไปทำอะไรให้นาย -____-^^” ฉัน
“เธอชอบทำให้ฉัน... ปวดท้อง! แต่มันไม่ใช่ปวดท้องหิวหรอกนะ มันปวดท้องยังไงก็ไม่รู้” ลูฟี่พูดพร้อมเอามือจับที่ท้องของตัวเอง
“...ที่ฉันกดแผลนายเหรอ เรื่องนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจนะ =O=” ฉัน
“ไม่ใช่แบบนั้น! มัน...ไม่เหมือนปวดท้องแบบทุกทีน่ะ” ลูฟี่
“ฉันคิดว่านายท่าจะบ้าแล้วนะลูฟี่ =___=” ฉันพูดพร้อมคืนหมวกฟางให้กับเขาไป อะไรกัน อยู่กับฉันแล้วรู้สึกปวดท้อง หน้าตาฉันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อยนะ พูดซะฉันอารมณ์เสียเลยแฮะหมอนี่ =___=!
“ตรงนี้ใช่หรือป่าวที่เป็นหัวใจน่ะ” จู่ๆ ลูฟี่พูดขึ้นพร้อมกับเอามือจับที่อกข้างซ้ายของตัวเอง ฉันจึงพยักหน้า
“ใช่ ตรงนั้นแหละเป็นหัวใจ” ฉัน
“มันดิ้นได้ด้วยล่ะ” ลูฟี่พูดพร้อมเอามือกดที่หัวใจของตัวเองเบาๆ
“เขาไม่ได้เรียกว่าดิ้นนะลูฟี่ เขาเรียกว่าหัวใจเต้น แล้วถ้ามันไม่เต้นแล้วแปลว่าตาย” ฉัน
“เหรอ... ดูมันสิมันเต้น ตุบๆๆๆๆๆๆๆ เลยล่ะ” ลูฟี่พูดพร้อมหันหน้ามามองฉัน เมื่อฉันได้ยินคำว่าตุบๆๆ ของเขานั้นมันแลดูจะเร็วเกินอัตราการเต้นของหัวใจทั่วไปจึงเริ่มสงสัยขึ้นมา
“ทำไมใจนายเต้นเร็วจังล่ะ นายเหนื่อยอะไร? กินเหล้ามากไปเหรอ?” ฉัน
“ฉันดื่มไปแค่อึกเดียวน่า -O- เนี่ยลองจับสิ มันเต้นเร็วมากเลยนะ O__O!!” ลูฟี่พูดพร้อมคว้ามือของฉันไปจับที่อกข้างซ้ายของเขา
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“มันเต้นเร็วขึ้นด้วยน่ะ ฉันจะตายมั้ยเนี่ย =[]=!” ลูฟี่ร้องอย่างตกใจกับอาการเต้นแรงของหัวใจเขา
มันเต้นแรงจนฉันได้ยินมันเองโดยไม่ต้องจับและมันก็เต้นแรงประสานกับหัวใจของฉัน... อะไรเนี่ยหัวใจฉันกับเขาเต้นจังหวะเดียวกันเลย!
“นายไม่ตายหรอกนะลูฟี่” ฉันพูดพร้อมชักมือกลับ เพราะอาการแบบนี้ทำให้ฉันเริ่มมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคืออะไร... ไม่ผิดแน่... มันต้องเป็น...
“แล้วตอนนายหัวใจเต้นเร็วแบบนี้ นายมีความสุขมั้ย?” ฉันหันหน้าไปสบตากับลูฟี่อีกครั้ง เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด
“มีความสุขนะ” ลูฟี่
“จริงเหรอ?” ฉัน
“อื้ม... ทำไมเหรอ?” ลูฟี่
“ป่าว... ฉันก็... มีความสุขเหมือนกัน” ฉันพูดพร้อมระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินทิ้งเขาออกมาเลย เหลือไว้แค่เพียงความไม่เข้าใจให้กับลูฟี่
รู้อะไรมั้ยลูฟี่... อาการหัวใจเต้นเร็วแบบนั้นน่ะ... เขาเรียกว่า ความ... ?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อยู่ดีๆ ก็อยากแต่งฉากฟินๆ ขึ้นมาซะงั้น
เราเลยจัดเต็มแต่งลงไปในตอนสุดท้ายเลย คิกๆๆ ♥
เอ๋? ดูเหมือนทั้งคู่จะเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กันละนะ?
ปล. ทำให้นักอ่านเงาอีกคนหนึ่งออกมาแล้ว! ฮ่าา มาเม้นซะดีๆ นะนักอ่านเงาคนนั้น!
เหวอ! มีคนจิ้นวายด้วย! ราชันย์กับรีทาวน์เหรอ O__o?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ความคิดเห็น