คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : [ตอนที่38] :: เปิดเผยความลับของเจส์ตะ บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
ตอนที่38
เปิดเผยความลับของเจส์ตะ บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
“นาย... นายจะมาช่วยชาเดอรีนงั้นเหรอ?” มาติน
“ใช่...” ลูฟี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงงงๆ
“งั้นก็ขอร้องล่ะ!”
“เอ่อ...?” ลูฟี่
“ช่วยชาเดอรีนที ช่วยเธอ... อย่าให้เธอตายเลยนะ!!!” มาติน
ฉันนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของมาติน... เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาพึ่งจะทำร้ายพวกเราและเตรียมพร้อมที่จับพวกเราไปได้เสมอ... แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นคุกเข่าขอร้องเราซะแล้ว!
“ได้โปรด...” มาตินพูดพร้อมกับก้มหัวลงแนบกับพื้นห้อง
“...” ลูฟี่นิ่งไม่เงียบไม่พูดอะไร เขาได้เพียงแค่เดินไปใกล้ๆ กับมาตินแล้วนั่งยองๆ มองไปที่หน้าของมาติน
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ลูฟี่พูดพร้อมขมวดคิ้วมองหน้าของมาตินอย่างงงๆ
“นายแค่ช่วยชาเดอรีนออกไป เอาเธอออกไปจากที่นี่เท่านั้น!” มาตินพูดพร้อมถลาตัวเข้าไปหาลูฟี่ มันทำให้ลูฟี่ตกใจมากถึงขั้นที่เขาจะต้องถอยหลังหนีเลยทีเดียว
“ทำไมนายถึงอยากให้เราช่วยชาเดอรีนล่ะ! นายเป็นคนของกองทัพเรือ ไม่ควรขอร้องโจรสลัดอย่างพวกเราสิ!” อุซปพูดพร้อมชี้ไปที่หน้าของมาติน
พรึบ...
“แก้เชือกให้ได้แล้วนะครับคุณนามิ” บรู๊คพูดพร้อมหันหน้ามองมาทางฉัน
“ขอบคุณนะบรู๊ค” ฉันพูดพร้อมเอามือลูบที่ข้อมือของตัวเองเล็กน้อย มันมีรอยถลอกของกรดของมาตินด้วย ตอนนี้มันออกสีแดงหน่อยๆ แต่มันก็เริ่มจางหายไปมากกว่าตอนแรกแล้ว... คงเพราะมาตินได้ปลดพลังของเขาออกจากตัวของฉันแล้ว...
ว่าแต่ ทำไมเขาถึงต้องให้พวกเราช่วยชาเดอรีนล่ะ?
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลพวกนาย ฉันแค่ต้องการให้พวกนายพาชาเดอรีนหนีไป” มาติน
“...ถ้านายไม่บอกเหตุผลเราก็จะไม่ช่วยชาเดอรีนออกไปหรอก!” ลูฟี่พูดพร้อมกอดอกมองหน้ามาตินย่างไม่พอใจ
“พูดอะไรของนายน่ะฮะลูฟี่! เรามาที่นี่เพื่อช่วยชาเดอรีนนะ!” อุซป
“และตันหน้าเจ้าเจส์ตะด้วย” ลูฟี่เสริม
“...นั่นมันนายคนเดียวต่างหาก” อุซปบ่นพึมพำเบาๆ
“ว่าไงนะ? นายจะจัดการเจส์ตะงั้นเหรอ?” มาตินหันไปถามลูฟี่
“แน่นอนล่ะ” ลูฟี่พูดพร้อมชูหมัดขึ้นเหนือหัวอย่างตั้งมั่น
“งั้นฉันมีข้อเสนอ... ฉันจะบอกจุดอ่อนของเจส์ตะให้แลกกับพวกนายช่วยชาเดอรีนให้หนีออกไป” มาตินเสนอ
อะไรกัน... ถึงกับขายคนพวกเดียวกันเลยงั้นเหรอ! อะไรเนี่ยผู้ชายคนนี้...
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย... นาย...มีอะไรกับชาเดอรีนงั้นเหรอ?” อุซปถามอย่างไม่ไว้ใจในตัวของมาติน
“ฉันแค่เป็นคนหนึ่งที่ต้องการช่วยคนอย่างชาเดอรีนเท่านั้น... เธอเป็นบุคคลที่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปในอนาคต” มาตินพูดพร้อมก้มลงมองที่มือของตัวเอง
“หมายความว่ายังไง?” ฉัน
“พวกนายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น! แค่ช่วยชาเดอรีนก็พอแล้ว” มาตินพูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นมาพื้นแล้วมองไปที่ลูฟี่ช้าๆ
“ถือว่าเป็นคำขอร้องจากฉัน... ช่วยชาเดอรีนที...” มาติน
“อะไรของนาย... นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถึงแม้นายจะไม่มาขอร้องฉัน... หรือคิดจะขัดขวางฉัน... ฉันก็จะช่วยยัยนั่นอยู่ดี” ลูฟี่พูดพร้อมขมวดคิ้ว
“...ขอบคุณ...” มาติน
“แต่ก่อนหน้านั้น...” ลูฟี่
“หืม...?” มาติน
ผัวะ!!!
แล้วลูฟี่ก็ต่อยไปเต็มๆ หน้าของมาตินอย่างจัง! ซะจนตัวของมาตินนั้นกระเด็นไปกระแทกกับผนังของห้อง O__O!!
“นายทำอะไรน่ะลูฟี่!” ฉันร้องอย่างตกใจ
“นั้นสำหรับที่นายจับตัวนามิมาที่นี่... นายต้องห้ามแตะต้องพวกพ้องของฉัน!” ลูฟี่พูดพร้อมชี้ไปที่หน้าของมาตินก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนที่มาตินจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง... คิ้วของเขานั้นแตกจนเลือดไหลซึมออกมาอย่างมาก
“แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว! ไว้ฉันจะช่วยชาเดอรีนเอง!” ลูฟี่พูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“อ๊ะ จริงสิก่อนหน้านั้น...” ลูฟี่พูดพร้อมมองไปที่หน้าของมาติน
“เจ้าเจส์ตะอยู่ไหนงั้นเหรอ” ลูฟี่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้มาตินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เอ่ยคำพูดออกมา
“ฉันไม่สามารถบอกที่อยู่ของหมอนั่นให้กับนายได้หรอก... แต่ที่ที่หมอนั่นอยู่... จะต้องเป็นที่ที่ปลอดโปร่งไม่มีหลังคาหรือตัวตึกมาบดบัง...” มาติน
“ทำไมล่ะ” ฉัน
“เพราะในที่แบบนั้น หมอนั่นจะสามารถใช้พลังจากผลปีศาจได้สะดวกไงล่ะ” มาติน
[บันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
“แกคิดจะมีเรื่องกับฉันจริงๆ เหรอ?” รีทาวน์
“ก็เออน่ะสิ...” ผม
“เออ... ก็ได้” รีทาวน์พูดพร้อมดึงมีดสองเล่มออกมาจากเอว หมอนั่นเริ่มตั้งท่าเตรียมต่อสู้แล้วฉีกยิ้มออกมา
“ฉันเองก็หมั่นไส้แกมานานแล้ว...” รีทาวน์
“เออ ไม่ใช่แกคนเดียวหรอก”
ผมพูดพร้อมพุ่งตัวเข้าไปหารีทาวน์ทันที! หมอนั่นหันคมดาบมาป้องกันเท้าของผมได้อย่างทันเวลา ผมจึงตวัดเท้าอีกข้างไปที่คอของหมอนั่น!
ผัวะ!!!
รีทาวน์กระเด็นไปตามแรงเตะของผมแต่หมอนั่นก็สามารถกระโดดหมุนตัวแล้วตั้งท่าเตรียมโจมตีใหม่ได้
“อื้ม...” รีทาวน์พูดพร้อมกับเอาปลายมีดของตัวเองปาดเลือดออกจากมุมปากแล้วฉีกยิ้มให้กับผม
“โทงิเซนโทสึ(เสียงของชัยชนะ)...”
“บีสึคึริว(ที่ไร้ความปราณี)!!” รีทาวน์พุ่งตรงมาทางผมด้วยความเร็วสูงก่อนจะตวัดมีดลงมาที่กลางหัวของผม! ส่วนตัวผมที่ตั้งตัวแทบไม่ทันได้แต่เอียงหัวหลบแต่ก็พลาดท่าเพราะว่าปลายมีดที่แหลมคมนั้นได้ผ่าลึกเข้ามาที่ไหล่ของผมแล้ว!!
ผัวะ!!
ผมรีบเอาเท้าทั้งสองข้างยันที่ท้องของรีทาวน์แล้วดีดตัวออกมาไกลจากมีดคู่นั้น
“แฮ่ก... แฮ่ก...” ผมเอามือจับที่ไหล่ของตัวเองที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด... หมอนี่มีการเคลื่อนไหวที่เร็วมากๆ เลย!
“แล้วที่นี้ฉันจะไปแก้ตัวกับพวกเพื่อนๆ นายว่ายังไงดีล่ะ?” รีทาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้ม หมอนั้นตวัดมีดเพื่อสะบัดเลือดของผมออกจากมีด
“หึ...”
ผมพุ่งตัวเข้าไปหารีทาวน์ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ก่อนจะเอาเท้ากระแทกไปที่ไหล่ของรีทาวน์จนหมอนั้นล้มลงกับพื้นบ้าง ก่อนที่ผมจะเอาเท้าวางแทบไว้ที่อกของหมอนั่น
“งั้นแกก็ช่วยคิดเผื่อฉันที่จะไปบอกกับเพื่อนนายด้วยเหมือนกันนะ” ผม
“จริงสิ... ฟันที่ไหล่คงไม่มีปัญหาเรื่องการโจมตีสินะ มันต้องที่ขา...” เพียงเสี้ยววินาทีที่รีทาวน์หันมีดมาที่ข้อเท้าของผม!!
พรึบ!!
ผมรีบกระโดดหลบจากการโจมตีอย่างรวดเร็วก่อนที่ดาบนั้นจะทำร้ายผมอีก ครั้งนี้จะไม่ง่ายเหมือนครั้งแรกอีกแล้วล่ะ... รีทาวน์
“เดวิลจั๊มป์...” ผมหมุนตัวด้วยความเร็วมากพอที่รองเท้าของผมจะติดไฟได้...
“...ฟรังบาจูช็อต!!!” ผมพุ่งตัวไปด้วยความเร็ว เท้าที่มีเปลวเพลิงที่รุกโชนอยู่นั้นตรงดิ่งไปที่หน้าท้องของรีทาวน์อย่างรวดเร็ว ทำเอาหมอนั่นนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก!
โครม!!!!
ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกขัดด้วยหินก้อนใหญ่ที่ลอยมาจากไหนก็ไม่รู้!! อะไรกัน!!!
ปึง!!
ผมหมุนตัวกลับแล้วยืนนิ่งมองไปที่หินก้อนใหญ่ที่ลอยมาหยุดการโจมตีของผม รีทาวน์เองก็นิ่งอึ้งไปกับหินก้อนใหญ่นั่นเหมือนกัน... เพราะอีกไม่กี่เซนหินก้อนนั้นก็จะโยนมาโดนพวกเราทั้งสองคนแล้ว!
“นั่นใครน่ะ!!” ผมมองไปตามทิศทางที่หินถูกขว้างมา เมื่อมองดูแล้ว... เหมือนหินก้อนนั้นจะถูกโยนมาและทะลายกำแพงหินเป็นห้องๆ มาแล้ว! พลังมหาศาลมากเลย!
“นี่พวกนายทำอะไรกันอยู่น่ะฮะ!!”
เสียงที่คุ้นหูจากทิศทางที่หินถูกขว้างมาทำให้พวกเราหยุดชะงัก ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
“พวกนายบ้าไปแล้วหรือไงฮะ!!!”
“ราชันย์!!?” ผมและรีทาวน์มองไปที่ราชันย์ที่เดินมาอย่างตกใจ... อะไรกัน... หมอนี่... เป็นคนโยนหินก้อนใหญ่นี่เข้ามางั้นเหรอ!?
“ทำไมพวกนายถึงสู้กันอย่างนี้!!” ราชันย์ตะโกนใส่พวกเราอย่างหมดความอดทน ผมมองไปที่หน้าของหมอนั่นก่อนจะมองไปที่หินก้อนใหญ่อีกครั้ง
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่เนี่ย” รีทาวน์พูดพร้อมค่อยๆ เอามีดเซะซึนการิกลับเข้าที่เอวเหมือนเดิม
“ฉันก็มาตามหาเจส์ตะไงล่ะ! แต่กลับพบพวกนายเอาแต่ทำอะไรโง่ๆ อยู่!” ราชันย์พูดพร้อมค่อยๆ เดินตรงมาทางพวกเรา
“ทำอะไรโง่ๆ อะไรกัน... พวกเราป่าว” รีทาวน์พูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“ก็ที่พวกนายต่อสู้กันยังไงล่ะ เก็บแรงไว้สู้กับศัตรูดีกว่ามั้ย!” ราชันย์
“หมอนี่เป็นศัตรูของฉัน” ผมพูดพร้อมชี้ไปที่หน้าของรีทาวน์
“แต่พวกเรากำลังจับมือกันเพื่อช่วยชาเดอรีนไม่ใช่หรือไง! แล้วนาย ซันจิ... นายควรจะเก็บแรงไว้เพื่อช่วยเหลือชาเดอรีนมากกว่าจะมาทะเลาะกับลูกเรือฉัน!” ราชันย์
เห... หมอนี่ค่อนข้างจะพูดจามีเหตุผล
“โอเคๆ นายเลิกโวยวายได้แล้ว แล้วเราไปตามหาเจส์ตะกันเถอะ” รีทาวน์พูดพร้อมยกมือขึ้นเพื่อยอมแพ้ราชันย์
“ฉันบอกแล้วว่าให้นายไปทางซ้าย” ผมพูดพร้อมหันไปมองหน้าของรีทาวน์
“ถ้าแกไปทางซ้ายตั้งแต่แรกเรื่องมันก็ไม่เกิดหรอก!” รีทาวน์
“เอ๊ะ แกนี่ อยากโดนอีกหรือไง!” ผมโวยวาย
“เลิกทะเลาะกันได้แล้วน่า!” ราชันย์โวยวายอีกคน
“โอเค โอเค... พอก็พอ” รีทาวน์พูดพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“ว่าแต่นาย... เป็นคนโยนหินก้อนนี้มางั้นหรอ” ผมพูดพร้อมชี้ไปที่หินก้อนใหญ่แล้วหันหน้าไปมองหน้าของราชันย์
“มันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกนายเลิกทะเลาะกัน” ราชันย์
“แต่หินนั้นมันเกือบทำฉันตายนะโว้ย!” ผมโวยวาย
“แต่มันก็หยุดนายได้ไม่ใช่หรอ” ราชันย์พูดพร้อมเดินตรงมาทางผม ก่อนที่จะ...
พลัก!! ตุบ!!!
สะดุดก้อนหินแล้วหกล้มลงตรงหน้าของผม =____=!!!
“กัปตัน!” รีทาวน์รีบวิ่งมาหาราชันย์ทันที
“โอย... แย่ชะมัด” ราชันย์พูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก... อุ๊บ!
“แกหัวเราะอะไร!!” รีทาวน์โวยวายทันทีที่เห็นผมแอบหัวเราะ
“ป่าวๆ... ฮ่าๆๆๆๆ!!” ผมระเบิดเสียงหัวเราะ
“แกหัวเราะเยาะกัปตันงั้นเหรอ!” รีทาวน์โวยวาย
“แย่ชะมัด... มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลยแฮะ...” ประโยคที่ราชันย์พูดทำให้กับและรีทาวน์นิ่งไปในทันที... จริงสิ... ตาของหมอนี่...
“ยังไหวมั้ยกัปตัน” รีทาวน์
“ไหวน่า เรื่องเล็ก ฉันกำลังจะชินกับการสะดุดซะแล้ว” ราชันย์พูดพร้อมหัวเราะแล้วยันตัวลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ตัวของตัวเองช้าๆ
“เอาล่ะ แล้วทีนี้เราก็ไปตามหาตัวเจส์ตะกันเถอะ!” ราชันย์
“ไม่ล่ะ ฉันจะตามหาชาเดอรีนจัง ถ้าพวกนายอยากตามหาเจส์ตะก็เชิญเลย” ผม
“เราควรร่วมมือกันนะ ที่ไหนมีเจส์ตะก็มีชาเดอรีนแหละน่า!” ราชันย์ขึ้นเสียง
“อ๋อเหรอ... แล้วนายเอาอะไรมาวัดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น” ผมพูดพร้อมกอดอกมองหน้าของราชันย์อย่างจับผิด
เมื่อฟังๆ ดูแล้วเหมือนหมอนี่จะมั่นใจในคำพูดของตัวเองเหลือเกินนะ อย่างกับว่าจะรู้ว่าชาเดอรีนจังอยู่ที่ไหนอย่างงั้นแหละ
“ฉันรู้แล้วกันน่า...” ราชันย์
“พวกนายรู้มั้ย... ว่าถ้าทรยศขึ้นมาจะเป็นยังไง ฉันไม่ยอมหรอกนะ...” ผมพูดพร้อมจับที่ไหล่ข้างขวาของผม ตอนนี้เลือดเริ่มจะหยุดไหลแล้ว... ผมขยับมือข้างขวาไม่ได้เลยแฮะ
“ควรไปปฐมพยาบาลก่อนนะ” ราชันย์มองมาที่แผลของผม
“อืม...” ผมตอบไปเพียงสั้นๆ ใช่แล้ว ผมควรรีบรักษา ไม่งั้นแขนทั้งแขนของผมต้องแย่แน่ๆ
แควกกก!!!
“เอานี่พันไว้ก่อนสิ” จู่ๆ ราชันย์ก็ฉีกผ้าคลุมของตัวเองออกมาแล้วยื่นเศษผ้านั้นให้กับผม... ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยงั้นเหรอ O___O!
“ราชันย์! ไหงนายทำแบบนี้เนี่ย!” รีทาวน์โวยวายทันทีเมื่อเห็นราชันย์ฉีกผ้าคลุมของตัวเอง
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ราชันย์พูดพร้อมเดินตรงมาเอาผ้ามาพันรอบแผลของผม
“...แต่มันเป็นเสื้อตัวโปรดนายไม่ใช่หรอ” รีทาวน์
“เอาน่า... ของแบบนี้หาใหม่ที่ไหนก็ได้ แต่แผลของหมอนี่ ถ้าไม่รีบรักษาจะแย่เอานะ” ราชันย์
“...ขอบใจนะ” ผมบอกขอบคุณหลังจากที่ราชันย์พันแผลให้ผมเสร็จ มันคงทำให้เลือดของผมหยุดไหลน่ะนะ
“ไม่เป็นไรน่า” ราชันย์พูดพร้อมหัวเราะ
“...แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ไว้ใจนายอยู่ดีนั่นแหละ” ผม
“นี่นาย!” รีทาวน์
“เอาเถอะน่ารีทาวน์... ไม่เป็นไร นายไม่จำเป็นต้องเชื่อใจฉันหรอก” ราชันย์พูดพร้อมหันหลังเดินตรงไปที่รีทาวน์ ผ้าคลุมของหมอนี่เป็นผ้าที่นุ่มมาก... เป็นเสื้อคลุมตัวโปรดงั้นเหรอ... เดี๋ยวไว้ผมชดใช้คืนให้ทีหลังแล้วกันนะ
“งั้นก็แยกกันเลยแล้วกันนะ” ราชันย์
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ... เราไปด้วยกันก็ได้” ผมพูดพร้อมมองไปที่หน้าของราชันย์
หมอนั่นมองที่หน้าของผมอย่างตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง
“เจ๋งเลย!” ราชันย์
“เออๆ อย่าทำสายตาแบบนั้นได้มั้ย น่าขยะแขยงชะมัด” ผมพูดพร้อมเดินถอยหลังออกจากตัวของราชันย์เล็กน้อย
“ถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ดีที่นายมาด้วยกัน” รีทาวน์พูดพร้อมมองมาที่หน้าของผม
“เฮ้... เราญาติดีกันตั้งแต่ตอนไหนหรอ?” ผม
“ป่าว... ถ้านายอยู่ด้วย นายจะได้เป็นเหยื่อล่อตอนนี้ฉันกับกัปตันหนีน่ะ” รีทาวน์
“เจ้าบ้าเอ๊ย!!” ผมโวยวาย
“เอาล่ะๆ... งั้นเรามาวางแผนกันก่อนนะ ฉันรู้จุดอ่อนของเจส์ตะ...” ราชันย์
“หา? นายไปรู้มาจากไหน” ผม
“เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน... ผลปีศาจของหมอนั่นน่ะ ร้ายกาจมากเลยนะ” ราชันย์
“หมอนั่นกินผลปีศาจด้วยอย่างงั้นเหรอ” ผม
“ใช่แล้ว... ผลที่หมอนั่นกินคือผล..........” ราชันย์
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
[บันทึกพิเศษ ; โรบิน]
หลังจากที่พวกเราแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่มและแยกกันตามหาลูฟี่กลุ่มหนึ่ง ส่วนอีกกลุ่มตามหาชาเดอรีน... และกลุ่มของพวกเราคือการตามหาชาเดอรีน
“เมื่อไหร่เราจะเริ่มตามหากันล่ะ?” แฟรงกี้หันมาถามฉันอีกครั้งจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่ฉันก็ได้แต่หันกลับไปบอกว่าเราจะยังไม่เริ่มตามหา
“รอก่อน” ฉันตอบสั้นๆ
“มันไม่ซูเปอร์เลยนะ...” แฟรงกี้พูดด้วยน้ำเสียงสลด
“รอก่อนนะแฟรงกี้ เราต้องเงียบๆ ไว้ เพื่อให้โรบินใช้สมาธินะ” ช๊อปเปอร์
“เฮ้อออ~” แฟรงกี้เอาแต่ถอนหายใจยาวๆ แบบเบื่อๆ แต่ก็สามารถทำให้ฉันหัวเราะกับท่าทางของเขาได้... ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องใช้สมาธิในการตามหาตัวของชาเดอรีน
พรึบ!!
ดวงตาของฉันที่งอกเงยเข้าไปตามห้องต่างๆ เห็นอะไรได้อย่างชัดเจน เมื่อมองที่ไหนๆ ก็พบแต่ห้องที่เต็มไปด้วยนักโทษมากมาย... พวกเขาสภาพย่ำแย่มากๆ
พรึบ!
เมื่อมองไปยังอีกห้องหนึ่งก็ยังไม่พบใครเลย มันเป็นเพียงห้องว่างๆ ที่มืดสนิท... ทำไมกันนะ สถานที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่ค่อยพบพวกทหารเลยแม้แต่คนเดียว มันต้องไม่ปกติแน่ๆ
พรึบ!
เมื่อมองไปอีกหนึ่งห้องก็เริ่มพบกับความเปลี่ยนแปลง จากห้องที่มืดสนิท กลายเป็นห้องที่เริ่มมีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาบ้างและมีผู้คนที่แต่งตัวสีขาวสะอาดอยู่ในห้องนั้นเป็นสิบสิบคน... เมื่อลองๆ สังเกตดูแล้ว ห้องนี้จะต้องเป็นห้องทดลองเรื่องผลปีศาจแน่ๆ
“อ๊ากกกกกก!!!”
เสียงร้องของนักโทษดังออกมาจากห้องสีเทาไร้สีสัน ดวงตาของฉันนั้นเห็นทุกการทดลองของรัฐบาล เขากำลังเอาอะไรบางอย่างใส่เข้าไปในตัวของนักโทษคนนั้นก่อนที่ชายคนนั้นจะร้องออกมาอย่างไม่เป็นเสียง ภาพที่น่ากลัวแบบนี้ทำให้ฉันอยากจะหลับตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้...
“ทำต่อไป... จนกว่าจะได้ ‘ริล’ ออกมา!” เสียงของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งดังขึ้น
เขาเป็นชายที่ยืนมองความทรมานได้อย่างไม่หวั่นเกรง คนที่ทำการทดลองที่อยู่ในห้องสีเทาพยักหน้าก่อนจะเริ่มทารุณกรรมนักโทษคนนั้นต่อไปอย่างไม่สนใจเสียงร้องนั่น
“เขาสลบไปแล้วครับ!”
“ก็ปลุกมันขึ้นมาเส้! เราจะเอาริลออกมาไม่ได้ถ้าหากมันหลับนะ!!”
“ครับผม!... เฮ้ยแก! ตื่นเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!”
ผัวะ!!!
ฉันหลุดออกจากสมาธิด้วยความตกใจ... มันเป็นภาพที่แย่มากๆ...
“เป็นยังไงบ้างโรบิน?” ช๊อปเปอร์หันมาถามฉันก่อนจะจับที่มือของฉันเล็กน้อย
“ยังไม่พบเลย...” ฉันพูดพร้อมระบายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอามือปาดที่เหงื่อของตัวเอง... มันเป็นเรื่องที่น่าเวทนามากๆ ริลงั้นเหรอ? อะไรคือริลกันนะ...
“เธอแปลกๆ ไปหรือป่าวน่ะ” แฟรงกี้หันมาเอามือโบกไปโบกมาที่หน้าของฉัน
“ป่าวหรอก... แค่เจออะไรที่ไม่ดีเท่าไหร่” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับแฟรงกี้
“อะไรงั้นเหรอ?” แฟรงกี้
“แค่เจอการทดลองการรีดคั้นผลปีศาจน่ะ... ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าเขาทำการทดลองกันที่นี่” ฉัน
“งั้นเหรอ! การทดลองมันเป็นยังไงงั้นเหรอ!” ช๊อปเปอร์
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน... แต่เหมือนว่าเขาจะต้องการริลนะ” ฉัน
“ริล? ริลคืออะไรเหรอ?” แฟรงกี้
“เรื่องนั้นแหละที่ฉันไม่รู้... มันอาจจะเป็นส่วนประกอบอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวของมนุษย์ ซึ่งคงจะมีความเกี่ยวโยงกับผลปีศาจและการทดลองนี้นะ” ฉัน
“อะ...เอ่อ...” ช๊อปเปอร์และแฟรงกี้ทำหน้างงตึ๊บกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป... ฮะๆ พวกเขาคงจะไม่เข้าใจสินะ
“ยังไงมันก็คงจะเกี่ยวข้องกับผลปีศาจนั่นแหละ” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับทั้งสองคน
“อ๋อ~” แฟรงกี้และช๊อปเปอร์ประสานเสียง
“เราไปกันได้หรือยัง... ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว” โซโลที่กำลังนอนหลับอยู่พูดขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังหลับตา ก่อนจะหันมาหาฉัน
“ไปกันเลยเถอะ... ลองตามหาด้วยตัวเองดูอีกที” ช๊อปเปอร์
“...อื้ม” ฉันตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
“ซูปเปออออร์!!~ ในที่สุดก็ออกไปจากที่นี่ซะที ไปกันเถอะ!” แฟรงกี้พูดพร้อมหัวเราะอย่างมีความสุข
“พวกนายไปด้วยกันแล้วกันนะ... ฉันขอแยกตัวไปดูอะไรสักหน่อย” ฉัน
“หา!? ทำไมล่ะ?” แฟรงกี้
“ฉันเจอเรื่องที่น่าสนใจเข้าน่ะ ไว้เจอกันนะ” ฉันพูดพร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวของตัวเองเข้าไปในตัวตึกอย่างไม่สนใจเสียงโวยวายของแฟรงกี้อีกแต่เหมือนกับว่าฉันจะได้ยินอะไรแว่วๆ นะ?
“เฮ้! ยัยบ้า อย่าไปไหนคนเดียวเส้ มันน่าเป็นห่วงนะ!!” แฟรงกี้
หืม...?
ฉันได้ยินแบบนั้นจริงๆ นะ... คงไม่มั้ง
พรึบ!
ตัวของฉันค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่ที่หน้าห้องๆ หนึ่ง ซึ่งฉันสงสัยมันตั้งแต่ที่มองผ่านแล้ว...
ประตูที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามและมันทำด้วยหินไคโรเซคิ... มันคงจะต้องเป็นห้องของคนสำคัญมากแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เอาหินไคโรมาทำอะไรแบบนี้หรอก...
พรึบ
ฉันเอามือแตะที่บานประตูไม้โอ๊ตดูมีราคาก่อนจะผลักให้มันเปิดออกอย่างช้าๆ
แอ๊ด...
เมื่อเปิดประตูออก ฉันก็พบกับห้องทำงานที่ไร้ผู้คน มันเป็นห้องมืดๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมาก มันก็เหมือนกับห้องของพวกทหารเรือทั่วไป ที่จะมีโต๊ะตั้งอยู่กลางห้องและตามโต๊ะก็เต็มไปด้วยเอกสารมากมาย ในตู้เสื้อผ้ามีสูทและผ้าคลุมของพวกทหารเรืออยู่ ฉันนั้นได้เดินไปหยุดที่โต๊ะทำงานนี้ก่อนจะก้มลงมองที่โต๊ะทำงานอย่างช้าๆ
หมับ!
ฉันหยิบเอาเอกสารต่างๆ มาอ่านดูอย่างช้าๆ...
ส่วนมากมักจะเป็นเอกสารรายงานเรื่องความเรียบร้อยของเกาะนี้และรายชื่อของทหารเรือต่างๆ ไม่มีเอกสารอะไรเกี่ยวกับการทดลองเลยหรือไงนะ... ในห้องนี้ควรจะมีบ้างสิ เอกสารข้อมูลเกี่ยวกับการทดลอง
ฉันเหลือบตาไปเห็นลิ้นชักเล็กๆ อยู่ที่โต๊ะ... เอกสารคงอยู่ในนี้แน่ๆ
กึก... กึกๆๆๆ...
มันล็อค... ไม่ผิดแน่ๆ เอกสารสำคัญจะต้องอยู่ในลิ้นชักนี้อย่างแน่นอน และฉันจะต้องอ่านเอกสารพวกนั้นให้ได้
“อิมฟลูลู...”
ฉันค่อยๆ งอกเงยมือสี่มือไปที่ลิ้นชักนั่นทันที
“...ฟุรุ!”
พลัก!!! ตุบ!!!
ลิ้นชักเล็กที่ถูกกระชากด้วยแรงมหาศาลจนหลุดกระเด็นออกมากระแทกลงที่พื้น เอกสารนั้นลอยกระจัดกระจายไปตามอากาศและตกลงพื้น ฉันมองตามเอกสารต่างๆ ที่อยู่ที่พื้นก่อนจะเก็บมันขึ้นมาและฉันก็พบในสิ่งที่ต้องการ
‘ความคืบหน้าของแผนการ’
ฉันค่อยๆ ก้มหน้าลงมองที่หัวข้อของมันอย่างช้าๆ แล้วเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปอีกเพื่อเริ่มอ่านเนื้อหา
‘ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายมาก แค่ต้องการจะบอกว่าความคืบหน้าของการทดลองนั้นมีมากขึ้นแล้ว ทุกอย่างดูง่ายขึ้นตั้งแต่นายเข้ามาร่วมทีม ขอบคุณแล้วกันนะ แต่มีเรื่องที่ฉันจะบอกเอาไว้อย่างหนึ่ง ฉันต้องการให้นายบอกอะไรบางอย่างกับผมทอง ให้นายบอกไปว่าที่อยู่ของนายนั้นอยู่ที่ไหน รับประกันความปลอดภัยของตัวนายเองได้เลย ฉันไม่คิดจะปล่อยให้นายตายอยู่แล้ว
แค่นายบอกที่อยู่ของนายกับนาวาโทมัลเฟอร์ ชาเดอรีนไป แล้วบอกให้ผมทองเอาตัวพวกหมวกฟางมาให้กับฉัน แล้วฝากบอกผมทองด้วยนะว่าเดี๋ยวฉันจะไปหา
K’
เอกสารนี่มันอะไรกัน... ทั้งหมดนี่มันเป็นแผนงั้นเหรอ... ผมทอง... ราชันย์?... เขาหลอกเรา
เหมือนว่าเอกสารนี้จะถูกส่งมาเมื่อไม่นานสินะ เพราะว่าเขาพึ่งจะบอกที่อยู่ของเขากับเราในวันนี้... งั้นแปลว่าจดหมายนี้ถูกส่งมาให้กับเจส์ตะงั้นสินะ เจ้าของห้องๆ นี้คือเจส์ตะ... เขาคงจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่สินะ
จริงสิ! ข้อมูลของทหารเรือทุกคนคงจะอยู่ในห้องนี้สินะเพราะมันเป็นห้องที่ดูดีที่สุดแล้ว ข้อมูลของเจส์ตะน่าจะอยู่ในที่แห่งนี้บ้างสิน่า...
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ฉันเริ่มเปิดลิ้นชักที่เหลือออกและเริ่มตามหาเอกสารตามโต๊ะ มันต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับเขาบ้างสิน่า!
พรึบ...
ฉันล้มตัวลงนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะมองไปทั่วโต๊ะ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาเลยแฮะ... ตามยังไงก็ไม่เจอ... ตอนนี้เราควรจะรีบไปบอกพวกแฟรงกี้เรื่องจดหมายนี่ดีมั้ยนะ ผมทองอาจจะโกหกพวกเราก็ได้ แต่ว่า... ถ้าเขาโกหกพวกเราจริงๆ เขาจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ?
ค่าหัวของลูฟี่? ไม่น่าจะใช่ เพราะว่าการเอาส่งให้กับรัฐบาลคงจะไม่เป็นผลดีกับเขาด้วยแน่ๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นโจรสลัดเช่นกัน
ถูกข่มขู่? อย่างเขาคงไม่กลัวเรื่องพวกนี้หรอก
ทัช?... ในส่วนนี้เป็นส่วนที่มีความน่าจะเป็นอยู่ เรื่องของทัชอาจจะทำให้พวกเขาทรยศเราได้ง่ายๆ... เราคงต้องบอกเรื่องนี้กับพวกลูฟี่แล้วล่ะ
พลึ่บ!
ฉันคว้าเอาจดหมายของ K ที่ส่งถึงเจส์ตะแล้ววิ่งตรงออกไปนอกห้อง แต่เมื่อมือคว้าเข้าที่ลูกบิดประตูและเปิดออก ฉันก็พบกับคนที่ฉันไม่คาดคิด
“...คีฟาร์” ฉัน
“อ้าว คุณโรบินงั้นเหรอครับ! ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่เลย...” คีฟาร์พูดพร้อมมองมาที่ฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย
“อื้ม...” ฉัน
“ในห้องนี้... มีอะไรงั้นเหรอครับ?” คีฟาร์
“เป็นห้องของเจส์ตะน่ะ” ฉัน
“งั้นเหรอครับ! งั้นมันอาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดสินะครับ!” คีฟาร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องทันที
“ลิ้นชักถูกรื่อหมดเลย... คุณโรบินงั้นเหรอครับ?” คีฟาร์
“ใช่แล้ว... มันไม่มีอะไรเลยล่ะในลิ้นชักนั่น” ฉันพูดพร้อมกับเอียงตัวพยายามบังจดหมายที่อยู่ในมือ
“แย่ชะมัด... ก็นึกว่าจะมีอะไรซะอีก...” คีฟาร์พูดพร้อมเดินตรงมาทางฉัน ฉันจึงฉีกยิ้มให้กับคีฟาร์เล็กน้อย
“งั้นฉันจะไปตามหาที่อื่นล่ะ” ฉัน
“อ๋อครับ... ระวังตัวด้วยนะครับคุณโรบิน” คีฟาร์พูดพร้อมฉีกยิ้มให้กับฉัน ฉันจึงเดินออกจากตรงนั้นทันที... พวกเขา... อาจจะไม่ใช่คนที่คิดแผนการพวกนี้ก็ได้...ไม่แน่เขาอาจจะเป็นคนดี
ตึกๆๆ พลึบ!!
ในตอนที่ฉันกำลังวิ่งอยู่ จู่ๆ ก็เหมือนมีใครมาจับที่ข้อเท้าของฉันเข้า!
ตุบ!!
เพราะสิ่งนั้นทำให้ฉันถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้น!
“ใครน่ะ!” ฉันพูดพร้อมกับมองไปข้างหลัง แต่ก็ไม่พบใครเลยสักคน... อะไรกัน... ฉันรู้สึกเหมือนมีคนมาจับที่ข้อเท้าจริงๆ นี่หน่า...
เมื่อก้มลงมองที่พื้นก็พบเพียงแค่ดินที่ไม่มีท่าทางเหมือนมีอะไรโผล่ออกมา... ช่างมันเถอะ เราต้องรีบเอาจดหมายนี้ไปให้ทุกคนดู
คลืน...
เสียงแปลกๆ ทำให้ฉันต้องหันไปมองที่ลำตัว ก่อนจะพบว่าดินนั้นกำลังจะห่มหุ้มตัวของฉันอยู่! ดินมีชีวิตงั้นเหรอ? หรือว่า... พลังจากผลปีศาจ!!
“อิมฟลู... อะ...”
ฉันที่กำลังจะใช้พลังเพื่อที่จะจัดการกับดินพวกนี้ที่กำลังจะห่อหุ้มตัวของฉันทั้งหมดก็ต้องหมดแรงไปอย่างไม่เข้าใจ... ไม่มีแรงเลยแฮะ แม้แต่จะขยับนิ้วยังไม่มีแรงเลย...
ครืน... ครืน...
ดินนั้นค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทั่วตัวของฉัน โดยที่ฉันไม่มีแรงที่จะขยับด้วยซ้ำ... ฮาคิ... งั้นเหรอ...
“นิโค โรบิน... เธอติดกับแล้ว...”
“ใครน่ะ...”
ใครกันนะ... ทำไมเสียงถึงไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย กับดักงั้นเหรอ... ทุกคน...
กึก...
ฉันพยายามเอื้อมมือไปจับที่แมลงโทรสารอย่างยากลำบากก่อนจะต่อสายหาพวกแฟรงกี้ด้วยความรวดเร็ว... ไม่มีแรงเลย... ขอให้โทรติดด้วยเถอะ
ครืนน... พลึบ...
ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทไปในทันทีเมื่อดินได้ห่อหุ้มร่างกายของฉันจนหมด!
“ทุก... คน...”
ครืนนนน...
[จบบันทึกพิเศษ ; โรบิน]
[บันทึกพิเศษ ; แฟรงกี้]
ครืนนนน...
“สุดยอดมากเลยแฟรงกี้! เร็วอีกได้มั้ยย >O<!!” ช๊อปเปอร์
“ความเร็วงั้นเหรอ เร็วกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ซูปปปเปอร์~” ผม
“แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง...” โซโล
ตอนนี้ผมกำลังนั่งคุกเข่าแล้วใช้ล้อไหลไปกับพื้น! มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ซูปปปเปอร์มากเลยใช่มั้ยล่ะ >O<!!
“เร่งอีกเถอะนะแฟรงกี้ น๊า น้า!” ตอนนี้ช๊อปเปอร์กำลังนั่งอยู่ที่คอของผมและเขาเริ่มอยากให้เร่งความเร็วขึ้นอีกแล้ว... ว้า แย่ชะมัด ถ้าขอกันขนาดนี้ก็ต้องจัดให้สักหน่อยน้า~
“ก็ได้นะ... เกาะเอาไว้ดีๆ ล่ะทุกคน! ความเร็วสูงสุดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!” ผมพูดพร้อมฉีกยิ้ม
“ว้าววววว!!!~” ช๊อปเปอร์ร้องอย่างตื่นเต้น
“...” โซโล
“เอาล่ะน้า!! ซูปเปอร์!!~” ผมยกมือสองมือขึ้นเหนือหัวอย่างต้องการรวบรวมพลังก่อนจะใช้ทั้งสองมือนั้นแทบไปกับพื้นดิน!
“*O*!!” ช๊อปเปอร์
“=____=” โซโล
“ซูปเปอร์!!!~”
หมับ! พรืดดดด!!!
ผมตวัดมือไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ซะจนเกิดความเร็วสุดแสงจะตามทัน! ความเร็วที่แสนซูปเปอร์!!~
“เร็วชะมัดดด >O<!!!” ช๊อปเปอร์
“ก็แค่ดันตัวเองไปข้างหน้าเท่านั้นไม่ใช่เหรอฟะ!!” โซโลโวยวาย
“ซูปเปอร์มากเลยใช่มั้ยล่า... ฉันเรียกมันว่า แฟรงกี้แฮนฟราดเตอร์!~” ผม
“เฮ้อออ =___=!!” โซโลถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห~ เบื่อเรื่องอะไรงั้นเหรอ?
“เป็นชื่อที่สุดยอดมากๆ เลยแฟรงกี้!!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมทำตาเป็นประกายซะจนผมต้องเสยผมขึ้นอย่างขวยเขิน
มันก็แน่นอนอยู่แล้วเรื่องความซูปเปอร์ของผม อ๊าววว!
ตุดุ๊ดๆๆ... ตุดุ๊ดๆๆ...
“เห... เสียงของแมลงโทรสารน่ะแฟรงกี้” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมส่งแมลงโทรสารที่เริ่มดิ้นไปดิ้นมาให้กับผม
“สายจากโรบินงั้นเหรอ?” ผมพูดพร้อมกับยกสายขึ้นเพื่อรับสายของโรบินทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียงที่ผิดปกติบางอย่างของโรบินเข้า...
“(ครืนน... พลึบ...)”
“...โรบิน?” ผม
“(ทุก... คน... ครืนนนน...)”
“โรบิน!... เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะผมได้ยินเต็มสองหู... เสียงของโรบินนั้นเหมือนจะหมดแรงไปในทุกวินาที เธอเป็นอะไรน่ะ!
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?” โซโลถามพร้อมกับมองมาทางผม
“เหมือนจะเกิดเรื่องกับโรบินนะ เราต้องตามหาโรบิน!” ผม
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ!” ช๊อปเปอร์ร้องด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหมือนเธอกำลังจะแย่นะ คงต้องรีบแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!” ผมพูดพร้อมปรับเปลี่ยนทิศทางของร่างกายไปในที่ๆ แยกกับโรบินเมื่อกี้... เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะโรบิน!
“หลังจากที่โรบินแยกไป เราก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนนะ...” โซโลพูดพร้อมมองมาที่หน้าของผม
“ไม่รู้ล่ะ คงต้องไปที่ที่แยกกันก่อนน่ะ แล้วค่อยออกตามหาอีกที” ผม
“ฉันก็จะช่วยตามหา!” ช๊อปเปอร์
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วน่ะแรคคูน!” ผม
“ฉันไม่ใช่แรคคูนนะเฟ้ย!!” ช๊อปเปอร์โวยวาย
“(อะ...)”
เสียงของแมลงโ?รสารที่ยังไม่ดับไปนั้นส่งเสียงออกมาเหมือนกับเสียงของโรบิน เสียงของเธอเหมือนกับจะสูญเสียอากาศในการหายใจเข้าไปทุกทีๆ
“โรบิน! อยู่ไหนน่ะ!” ช๊อปเปอร์พยายามตะโกนให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
“(...)” แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบกลับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย
“(...กึก...)”
“เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างนะ” โซโลพูดพร้อมมองไปที่แมลงโทรสาร ช๊อปเปอร์จึงรีบเอาหูแนบกับแมลงโทรสารอย่างตั้งใจฟังทันที
“(เฮ้... แกเอาแต่ทำอะไรน่ะ... หืม? แมลงโทรสาร?...)”
นั่นเป็นเสียงของใครกันนะ! ไม่คุ้นหูเลยแฮะ
“(...ฮัลโหลล~ นั่นใครน้า~)”
เสียงจากปลายสายที่แลดูจะกวนประสาทพูดขึ้น เมื่อฟังดูแล้วมันคือเสียงของผู้ชาย... ซึ่งน่าจะอยู่กันประมาณสองคน!
“โรบินอยู่ไหนน่ะ!” ช๊อปเปอร์
“(...โรบินอะไรของแกฟะ?)”
“พวกพ้องของเรายังไงล่ะ! แกทำอะไรกับโรบินน่ะ!” ช๊อปเปอร์โวยวายใหญ่โตด้วยความโมโห
“(อะไรของมันน่ะ... แกรู้เรื่องมั้ยทรอย?)”
ตอนนี้เราพอจะรู้แล้วล่ะว่าหนึ่งในนั้นมีชื่อว่าทรอย!
“(...อืม...)” อีกหนึ่งเสียงที่ปรากฏขึ้นมาในแมลงโทรสารทำให้เราเริ่มสับสน เมื่อดูๆ แล้วคิดว่าน่าจะเป็นทรอยที่หมอนั่นพูดถึง
“(นายรู้เรื่องด้วยงั้นเหรอ! อะไรฟะ! ไหงฉันไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย!)” ปลายสายนั้นเริ่มทะเลาะกันทำให้ผมต้องหยุดนิ่งไม่เดินไปไหน... ผมคิดว่าสองคนนั้นไม่น่าจะอยู่ไกลเท่าไหร่ ถ้าใช้หูสุดแสนซูปเปอร์ของผมฟังอาจจะได้ยินเสียงที่สองคนนั้นพูดกันก็เป็นได้...
“(นิโค โรบิน... หนึ่งในกลุ่มโรสลัดหมวกฟาง ค่าหัวแปดสิบล้านเบรี...)”
“(งั้นก็แปลว่า... อ้อ...~ เฮ้! พวกแกที่อยู่ตรงนั้นน่ะ ฟังอยู่หรือป่าว!)”
“แกปล่อยโรบินมานะ!” ช๊อปเปอร์
“(อ้อ แปลว่าฟังอยู่... ตอนนี้นิโค โรบินอยู่กับเรา ถ้าอยากให้ยัยนั่นปลอดภัยต้องทำตามที่เราบอก...)”
“...อะไร” ช๊อปเปอร์
“(จับตัวของหมวกฟางมาแลกสิ~)”
“!!!!”
[จบบันทึกพิเศษ ; แฟรงกี้]
[บันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
“หมอนั่นกินผลปีศาจด้วยอย่างงั้นเหรอ” ผม
“ใช่แล้ว... ผลที่หมอนั่นกินคือผล..........” ราชันย์
“!!”
แค่ผมได้ยินชื่อผลปีศาจของเจส์ตะก็ทำเอาผมแทบอ้วกแล้ว ไม่คิดว่าหมอนั่นจะมีผลปีศาจที่น่ารังเกียจแบบนี้...
“หมอนี่จะถนัดอยู่ในที่ปลอดโปร่งมากกว่าอยู่ในตัวตึกแบบนี้น่ะนะ” ราชันย์พูดพร้อมมองมาที่ถ้าของผม
“ก็นะ... งั้นแปลว่าหมอนั่นอาจจะอยู่นอกภูเขาไฟนี้น่ะเหรอ” ผม
“ใช่ ตอนนี้หมอนั่นอาจจะอยู่ในตัวเมืองโอคุฮิซิททอมก็ได้นะ” รีทาวน์
“งั้นแปลว่าเราต้องลองออกตามหาที่นั่นสินะ” ผม
“ไม่ได้หรอก นายพึ่งมีเรื่องกับตำรวจที่นั่นนะ ยังจะไปก่อเรื่องอีกงั้นเหรอ =___=” ราชันย์
“ฉันไม่ได้สนใจพวกนั้นอยู่แล้ว แค่ช่วยชาเดอรีนจังได้ก็พอ” ผมพูดพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างพยายามระบายความเครียด... หมอนั่นอยู่นอกตัวตึกงั้นเหรอ... อาจจะเป็นที่ไหนก็ได้สินะ
“หมอนั่นคงไปไหนได้ไม่มากหรอก เพราะมีชาเดอรีนอยู่ด้วย” รีทาวน์
“นั่นสินะ...” ผม
แล้วหมอนี่แน่ใจได้ยังไงนะว่าชาเดอรีนจังจะอยู่กับเจส์ตะจริงๆ? ไม่รู้เลยแฮะว่าตอนนี้ชาเดอรีนจังจะเป็นยังไงบ้าง ผมจะไปช่วยคุณเองนะครับ โปรดรอเจ้าชายขี่ม้าขาวอย่างผมด้วยเถอะ ไม่นานเกินรอคร๊าบ~
ครืนนน...
จู่ๆ ก็มีเสียงๆ หนึ่งเกิดขึ้น เสียงที่เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ พวกผมทั้งสามคนจึงหุบปากเงียบกันทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะค่อยๆ ย่องตามต้นเสียงไปอย่างเงียบๆ
ครืน... ครืนน...
เอ... เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหนกันนะ?
“ซูปเปออออร์!!!~”
ชัดเลยแฮะ =____=;;
“แฟรงกี้!” ผมตะโกนเรียกแฟรงกี้ที่กำลังไถลตัวไปกับพื้น หมอนั่นหันหน้ามองมาทางผมเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มกว้าง
“โอ๊วว! ซันจิ!” แฟรงกี้
“ซันจิ!” ช๊อปเปอร์ที่โผล่หัวออกมาจากตักของแฟรงกี้ส่งยิ้มให้กับผม
“...” แล้วก็ตามมาด้วยไอคนที่ไม่คิดจะทักทายกันสักนิด เจ้าบ้าโซโลหัวสาหร่ายเน่า -____-
“อ้าว พวกนาย ไหงมาอยู่ตรงนี้เนี่ย?” เมื่อราชันย์เห็นพวกแฟรงกี้ก็เริ่มทำการทักทายทันที
“พวกเราผ่านมาพอดีน่ะ!” แฟรงกี้
“จริงด้วยสิ! ซันจิ แย่แล้วล่ะ!” ช๊อปเปอร์พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนก่อนจะวิ่งตรงมาทางผม
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ผมถามอย่างงงๆ
“โรบินน่ะสิ!... โรบินถูกจับตัวไป!” สิ้นเสียงนั้นของช๊อปเปอร์ทำให้ผมนิ่งไปในทันที อะไรนะ! โรบินจังถูกลักพาตัว!?
“แล้วตอนนี้โรบินจังอยู่ที่ไหน! เป็นยังไงบ้าง!” ผมถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“โรบินถูกคนของรัฐบาลจับตัวไป! แล้วหมอนั่นก็ยื่นข้อเสนอให้เรา!” ช๊อปเปอร์พูดทั้งๆ ที่น้ำตาเริ่มจะซึมออกมาแล้ว
“ข้อเสนออะไรงั้นเหรอ!” ผม
“ต้องเอาตัวของลูฟี่ไปให้กับพวกนั้น! ฮือออ!!~” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมกับปล่อยโฮทันที หา!?
“พวกนั้นจะบ้าหรือไงน่ะ!” ผม
“มันเป็นเรื่องจริงนะ...” แฟรงกี้
“พวกนั้นก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงเราก็ไม่ส่งให้แน่ๆ!” ผม
“นั่นก็ด้วย... แต่ไม่แน่พวกนั้นอาจจะคิดว่าลูฟี่จะต้องตามไปช่วยโรบิน แล้วก็จับตัวของลูฟี่ไปตอนนั้นก็ได้” โซโลพูดพร้อมมองมาที่หน้าของผม
“...อย่างลูฟี่ต้องไปช่วยอยู่แล้ว...” ผม
“ใช่...” แฟรงกี้
“แล้วทำไมเราไม่ไปเตะก้นเจ้าพวกนั้นซะเลยล่ะ! ก็แค่คนของรัฐบาล!” ผมพูดพร้อมเริ่มตั้งท่าต่อสู้
“ขนาดโรบินยังถูกจับตัวไปเลยนะ... จะต้องเก่งมากแน่ๆ...” ช๊อปเปอร์
“แต่ยังไงก็ต้องไปช่วยอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ!” ผม
“ใช่ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” โซโลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อ๊ะ! ซันจิ! ไหล่นายไปโดนอะไรมาน่ะ!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมชี้มาที่ไหล่ของขวาของผมด้วยความตกใจ ผมเหลือบตาไปมองหน้าของเจ้ารีทาวน์เล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
“มีเรื่องนิดหน่อย” ผมตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญๆ
“งั้นต้องรีบรักษาแล้วล่ะ! มาๆ นั่งลงก่อน!” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมกดให้กับนั่งลงกับพื้น แล้วเริ่มปฐมพยาบาลทันที
“แผลลึกมากเลยนะ! มีเรื่องอะไรกันเนี่ย!” ช๊อปเปอร์ขึ้นสียงด้วยความตกใจ
“หมามันกัดน่ะ...” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“อะแฮ่ม...” รีทาวน์
“เอาเถอะ เดี๋ยวจะรีบปฐมพยาบาลนะ... ดีนะที่ไม่ลึกไปถึงกระดูกน่ะ!” ช๊อปเปอร์
“อ่า นั่นสิเนอะ” ผม
“ว่าแต่... คนที่จับตัวของนิโค โรบินไปนี่ใครงั้นเหรอ?” รีทาวน์หันไปถามพวกโซโล
“เห็นมีคนหนึ่งชื่อว่าทรอยด้วย ฉันเองก็ไม่รู้จักนะ!” แฟรงกี้
“ทรอย!?” ราชันย์ขึ้นเสียง
“อื้ม ทำไมหรอ?” แฟรงกี้
“...คนที่ชื่อทรอยที่อยู่กับผู้ชายอีกหนึ่งคนหรือป่าว?” ราชันย์
“เอ่อ... ก็ใช่นะ... อีกคนฉันไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่รู้ว่าอยู่ด้วยกัน...” แฟรงกี้ตอบด้วยน้ำเสียงงงๆ ก่อนจะมองหน้าของราชันย์อย่างตั้งคำถาม แต่ตอนนี้หน้าตาของหมอนั่นเริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้ว
“...บ้าน่า...” ราชันย์
“นายรู้จักงั้นเหรอ?” ผมพูดพร้อมจ้องไปที่ราชันย์
“ก็... เคยได้ยินชื่อน่ะนะ...” ราชันย์พูดพร้อมค่อยๆ ส่งยิ้มให้กับผม
“จริงเหรอ! พวกนั้นเป็นใครน่ะ! พอจะรู้มั้ย!” แฟรงกี้
“อืม... พวกนั้นไปคนของรัฐบาลนั้นแหละ... ทั้งคู่เป็นคู่หูนักฆ่าที่ร้ายกาจมากของรัฐบาลนะ... ชื่อว่า ทรอยและคลาวน์...” ราชันย์พูดพร้อมกับค่อยๆ นั่งลงกับพื้น
“พวกนั้นน่ะไม่มีข้อมูลอะไรมากหรอก เพราะว่าเป็นคู่หูที่รับเฉพาะงานที่ได้ผลประโยชน์กับตัวเองมากๆ น่ะ ถ้าพวกนั้นมาปรากฏตัวที่นี้... ไม่แน่อาจจะทำงานให้กับการทดลองการรีดคั้นผลปีศาจก็ได้...” ราชันย์
“พวกนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรอ?” โซโล
“ใช่แล้ว...” ราชันย์
“กะ... ก็ว่าทำไมโรบินถึงสู้ไม่ได้ เพราะพวกนั้นเก่งมากนี่เอง” ช๊อปเปอร์
“ในความคิดของฉัน ฉันคิดว่าไม่ต้องไปยุ่งกับสองคนนั้นจะดีกว่านะ พวกนั้นน่ะเคยถูกยื่นข้อเสนอให้เป็นพลเอกกองทัพเรือมาแล้วนะ แต่พวกนั้นปฏิเสธไป...” ราชันย์
“เก่งถึงระดับนั้นเลยงั้นเหรอ!” ช๊อปเปอร์ร้องอย่างตกใจ
“ใช่... พวกนั้นน่ะน่ากลัวมากๆ เลยนะ...” ราชันย์
“นายเคยเจอตัวจริงหรือป่าว” แฟรงกี้
“...ไม่เคยหรอก แต่เขามักจะพูดกันว่าเมื่อสองคนนั้นจะปรากฏตัว ดินนั้นจะยุบตัวลงและลมบนท้องฟ้าจะแปรปรวนมากเลย” ราชันย์
“เป็นคนที่น่าสนใจดีแฮะ อยากสู้ด้วยจัง...” โซโลพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
“บอกอยู่นี่ไงว่าอย่าไปยุ่งกับพวกนั้นดีกว่านะ!” ราชันย์
“จะไม่ยุ่งคงไม่ได้แล้วล่ะนะ... อ๊ะ ขอบคุณนะช๊อปเปอร์... พวกนั้นน่ะจับตัวของโรบินจังไป ยังไงก็ต้องไปเอาตัวคืนมาอยู่ดี...” ผมพูดพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ
“จะยอมทิ้งชีวิตเพราะผู้หญิงคนเดียวงั้นเหรอ!” ราชันย์
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกพ้องของพวกเราและฉันไม่แคร์ด้วยถึงพวกนั้นจะเป็นระดับจอมพลก็เถอะ” ผมพูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วขยับไหล่ของตัวเองเล็กน้อย ยังเจ็บนิดๆ แฮะ...
“นายก็คงจะเข้าใจใช่มั้ยล่ะ เหมือนกับพวกนายกับทัชนั้นแหละ ถึงจะยากแค่ไหน... ก็จะตามหาจนกว่าจะเจอน่ะ” ผมพูดพร้อมมองไปที่หน้าของราชันย์
หมอนั่นกระตุกเล็กน้อยกับคำพูดของผมก่อนจะค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา
“ก็นะ... ถึงฉันห้ามไปพวกนายก็จะไม่หยุดใช่มั้ยล่ะ?” ราชันย์
“แน่นอน” พวกเราประสานเสียง
“งั้นก็แล้วแต่พวกนายเลยแล้วกัน แผนของพวกนายคิดว่าจะทำยังไงล่ะ?” ราชันย์
“เหอะ... ของแบบนี้ก็ต้องพุ่งชนอย่างเดียวล่ะนะ” ผม
[จบบันทึกพิเศษ ; ซันจิ]
“ฉันไม่สามารถบอกที่อยู่ของหมอนั่นให้กับนายได้หรอก... แต่ที่ที่หมอนั่นอยู่... จะต้องเป็นที่ที่ปลอดโปร่งไม่มีหลังคาหรือตัวตึกมาบดบัง...” มาติน
“ทำไมล่ะ” ฉัน
“เพราะในที่แบบนั้น หมอนั่นจะสามารถใช้พลังจากผลปีศาจได้สะดวกไงล่ะ” มาติน
“หืม? หมอนั่นมีพลังของผลปีศาจด้วยงั้นเหรอ” ลูฟี่
“มีสิ หมอนั่นน่ะ เป็นพลังที่ค่อนข้างน่ากลัวด้วยนะ” มาติน
“พลังอะไรกัน?” ฉัน
“ผลโทริ โทริ(นก)น่ะ...” มาติน
“ผลนก? สายพันธุ์อะไรกันล่ะ?” ฉัน
“แร้ง...” มาตินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ภาพแรกที่ฉันคิดถึงคือแร้งที่มีสภาพน่ากลัว กัดกินซากศพหรือสัตว์ที่ตายแล้ว... ผลแร้งงั้นเหรอ... น่ากลัวจัง
“เป็นไก่หรอ?” ลูฟี่
“ไม่ใช่! แร้งน่ะนายไม่รู้จักเรอะ!” อุซปโวยวาย
“ไม่อะ” ลูฟี่
“แร้งก็คือนกชนิดที่กินซากศพไง มันไม่ชอบหาอาหารเองหรอกนะ แต่ช่วยกินซากสัตว์ที่สัตว์ตัวอื่นเขากินเหลือไว้ไง!” อุซป
“ยี๋... กินศพหรอ!” ลูฟี่
“ใช่แล้ว!” อุซป
“ห๊า! งั้นมันกินผมน่ะสิครับ! ม่ายยย!!” บรู๊คพูดพร้อมวิ่งไปรอบๆ แล้วส่งเสียงโวยวายอย่างหวาดกลัว
“มันกินเนื้อนะไม่ใช่กระดูก!” อุซป
“อะ... อ้าวหรอครับ?... แหม... ผมก็กลัวจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น!... ถ้าผมมีหัวใจน่ะนะ โยโฮะโฮะโฮ~” บรู๊ค
“งั้นก็ง่ายๆ เลยนะ จุดอ่อนของหมอนั่นก็คือที่ที่แออัดและที่แคบ ถ้าอยู่ในที่แบบนั้นหมอนั่นจะเสียเปรียบมากๆ เลยล่ะ” มาติน
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะลุง!” ลูฟี่พูดพร้อมก้มหัวให้มาติน
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่ช่วยชาเดอรีนไปให้ได้ก็พอ” มาติน
“อื้ม... ยังไงก็ช่วยอยู่แล้วล่ะนะ~” ลูฟี่
“งั้น... เราจะออกไปจากที่นี่ได้รึยัง... ฉันรู้สึกแปลกๆ กับที่นี่น่ะ” อุซปพูดพร้อมเอามือลูบที่แขนของตัวเอง
“เราต้องออกไปตันหน้าเจ้าเจส์ตะแล้วช่วยชาเดอรีน!” ลูฟี่พูดพร้อมชูสองมือขึ้นไปบนฟ้า
“อื้ม งั้นเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน หมอนั่นคงจะอยู่นอกตัวภูเขาไฟน่ะนะ” ฉัน
“เจส์ตะมักจะอยู่ด้านหลังของภูเขาไฟ... แถวนั้นเป็นที่ที่เต็มไปด้วยลาวาที่ไม่ยอมสลายไป...” มาติน
“ข้างหลังงั้นเหรอ โอเคเลย ขอบคุณอีกครั้งนะลุง!” ลูฟี่ฉีกยิ้ม
“รีบไปได้แล้ว ก่อนที่จะไม่ทันเวลา!” มาติน
“โอ๊ววว!!~” ลูฟี่พูดพร้อมออกวิ่งตรงไปข้างนอกของภูเขาไฟทันที ฉันมองตามเขาไปก่อนจะหันหลังมองมาทางของมาตินอย่างไม่ไว้ใจเล็กน้อย
“หวังว่านายจะไม่หลอกลูฟี่นะ” ฉัน
“ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลอกหมวกฟาง” มาติน
“ไปกันเถอะ อุซป” ฉันพูดพร้อมออกวิ่งตามลูฟี่ไปบ้าง แล้วอุซปและบรู๊คก็วิ่งตามฉันมาติดๆ
ถ้ามาตินไม่ได้โกหกเราจริงๆ อีกไม่นานเราคงจะพบกับชาเดอรีนแล้ว แต่ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงอยากให้ช่วยชาเดอรีนให้ได้ขนาดนั้น? หลังจากจบการต่อสู้นี่ก่อน แล้วฉันจะมาถามหาคำตอบจากนายแล้วกันนะมาติน!
พลึบ!
เมื่อพวกเราวิ่งออกมานอกตัวของภูเขาไฟ เราก็สัมผัสได้ถึงแสงแดดอ่อนๆ ทันที ในตัวภูเขาไฟนั้นทั้งร้อนและมืดทึบ มันแย่มากจริงๆ นะ
“เราต้องรีบไปตามหาตัวของเจส์ตะ!” ลูฟี่ตะโกนลั่น
“ด้านหลังของภูเขาไฟ... คงจะอีกด้านหนึ่งกับตรงนี้สินะ” ฉันพูดพร้อมใช้สายตาทอดมองไปอีกด้านหนึ่งกับที่ที่ฉันยืนอยู่ ด้านหลังนั้นมีต้นไม้อยู่ด้วยแฮะ ทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยลาวาเนี่ยนะ?
“ด้านหลังนั่นสินะ!” ลูฟี่
“อา... แต่ถ้านายจะไปนายก็ไปก่อนเลยนะลูฟี่ เหมือนว่าฉันจะเป็นโรคต้นขาลีบเฉียบพลันน่ะ... ไม่มีแรงเดินเลย~” อุซปพูดพร้อมทำเป็นล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างทรมาน
“ไม่เอาน่าอุซป!” ฉันโวยวาย
“ต้นขาลีบเหรอขอรับ?” บรู๊ค
“ใช่แล้ว~ ไม่มีแรงเดินเลย อ๊า~” อุซป
“อ๋อ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไรนะ...” ลูฟี่หันหน้ามามองหน้าของอุซป
“ใช่มั้ยล่า ใช่มั้ยล่า~” อุซป
“นายเกาะตัวของฉันเอาไว้แล้วกัน เดี๋ยวจะแบกไปเอง” ลูฟี่พูดพร้อมยื่นมือไปให้อุซปแล้วฉีกยิ้มกว้างออกมา
“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเฟ้ยย!!” อุซปโวยวาย
“ไม่เอาน่าอุซปนายไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย!” ฉันเริ่มโวยวายบ้าง
“อะไรกัน ฉันต้นขาลีบนะ!” อุซป
“อ้อเหรอยะ...” ฉันพูดพร้อมดึงแก้มของอุซปจนยืดยาว หมอนั่นร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บปวดทันที
“ทำอะไรของเธอน่ะยัยบ้า!” อุซปกระเด้งตัวกระโดดออกห่างจากฉันไปสองเมตรก่อนจะชี้หน้าด่าฉัน
“ไม่ต้นขาลีบแล้วงั้นเหรอ” ฉันพูดพร้อมกอดอกแล้วฉีกยิ้มให้กับอุซป
“อ๊ะ! ลืมสนิท O__O!!” อุซป
“นั่นไง! อย่าเสียเวลาเลย! ไปกันเถอะ” ฉันพูดพร้อมมองไปที่หน้าของลูฟี่
ลูฟี่เดินเข้ามาใกล้ๆ กับฉันเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าของฉัน
“เอ่อ...?” ฉัน
“คงต้องแบกไปทั้งหมดน่ะนะ!” ลูฟี่
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง...” ฉันพูดพร้อมกับถอยหลังหนีจากลูฟี่ แต่จู่ๆ กลับถูกอุซปเดินมาดันหลังของฉันเอาไว้
“อะไรกันเธอ! บอกให้คนอื่นเขาไปแต่ตัวเองไม่กล้าซะเองงั้นเหรอ! ไปเลยนะ!” อุซปพูดพร้อมผลักฉันเข้าไปหาลูฟี่ด้วยแรงทั้งหมดของเขานั้นเล่นทำให้ฉันแทบกระเด็น =___+
“งั้นเอาเลยนะ” ลูฟี่พูดพร้อมกับช้อนตัวฉันขึ้นแล้วอุ้มฉันเอาไว้อย่างแน่น
“จับตัวฉันไว้ดีๆ ล่ะ” ลูฟี่พูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้กับฉัน
“นายก็อย่าทำฉันตกล่ะ!” ฉันพูดโดยที่ไม่มองหน้าของลูฟี่ ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของลูฟี่เอาไว้... อะไรเนี่ย หน้าฉันร้อนไปหมดแล้ว!
“เอาล่ะ มาเร็ว อุซป! บรู๊ค!” ลูฟี่พูดพร้อมกับอุ้มฉันด้วยแขนข้างเดียว
“อ่า” อุซปพูดพร้อมกับเดินมากอดที่เอวของลูฟี่เอาไว้ บรู๊คเองก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน
“จับแน่นๆ นะทุกคน!” ลูฟี่พูดพร้อมกับพุ่งแขนยืดยาวตรงไปที่ปากปล่องภูเขาไฟ ฉันรีบกอดลูฟี่แน่นขึ้นทันที พลาดนิดเดียวฉันอาจจะตายได้เลยนะ =[]=!!!
หมับ!!
มือของลูฟี่สัมผัสกับปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างแม่นยำ
ฟิ้วววว!!!
ก่อนที่เขาจะดีดตัวของตัวเองและพวกเราทั้งหมดไปตามแรงแขนของเขา =[]=!!!
ฟิ้ววววววววว!!!~ โครม!!!~
พวกเราทุกคนกระเด็นไปตามแรงกระแทก!! การลงแบบนี้มันไม่สวยเท่าไหร่เลย! ทำเอาฉันกลิ้งไปไกลหลายเมตร!
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยทุกคน!” ลูฟี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้กับพวกเราทุกคน
“ไม่เป็นไรบ้าอะไรล่ะ!!!” พวกเราทุกคนประสานเสียงอย่างโมโห
“เจ้าบ้านี่! ถ้าฉันคอหักตายขึ้นมาจะทำยังไง!” อุซปโวยวาย
“ขออีกรอบได้มั้ยครับ~” บรู๊ค
“ถึงเกาะแน่นแค่ไหนก็เอาไม่อยู่หรอกย่ะ การดีดตัวของนายเนี่ย!!” ฉันโวยวาย
“เอาเถอะน่า! มาถึงนี่ได้ก็ดีแล้วนะ! ฮี่ๆๆ” ลูฟี่พูดพร้อมหัวเราะ
เฮ้อ... แย่ชะมัดเลย!
ฉันค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะสังเกตว่าอีกไม่กี่เซนตัวฉันก็จะหล่นลงไปในลาวาแล้ว! อ๊ากก!! ฉันเกือบตายงั้นเหรอเนี่ย =[]=!!
“ตรงนี้มีแต่ลาวาเต็มไปหมดเลยแฮะ” ลูฟี่พูดพร้อมจ้องมองไปที่ของเหลวสีแดงที่อยู่ที่พื้น
“ใช่แล้ว... ถ้าตกลงไปต้องแย่แน่ๆ” ฉัน
“ต้องระวังให้ดีล่ะนะ!” ลูฟี่พูดพร้อมมองไปที่อุซปและบรู๊ค ตอนนี้เรากำลังเดินมารวมตัวกันที่จุดที่ฉันยืน
“ทีนี้เราก็ต้องตามหาเจส์ตะล่ะนะ” ลูฟี่
“อื้มใช่ละ...”
พลึบ!!
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดไม่จบประโยค จู่ๆ ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากหลังต้นไม้ใหญ่ พวกเราทุกคนมองไปที่ต้นไม้นั่นในทันที
พลึบ!!
เราทั้งสี่คนสังเกตเห็นถึงเงาดำๆ ที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วมากกระโดดไปกระโดดมาอยู่ที่ต้นไม้! นั่นอะไรน่ะ!?
พลึบ!! พลึบ!!!
มันเริ่มกระโดดไปกระโดดมาถี่ขึ้น ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันกระโดดชนตัวของพวกเราทุกคนจนเซ!
พลึบ!! พลัก!!!
“ว๊าย!!” ฉัน
สิ่งนั้นกระโดดมาชนฉันซะจนฉันเซถอยหลังล้มลงไปนั่งกับพื้น! อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงแรงเยอะแบบนี้
“ไม่เป็นไรนะนามิ!” อุซปรีบวิ่งมาหาฉันทันที ก่อนจะช่วยพยุงฉันให้ลุกเขา
“มันเร็วมากเลยนะลูฟี่!” อุซปตะโกนบอกกับลูฟี่ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนนิ่งอยู่
“...” ลูฟี่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ปล่อยให้สิ่งนั้นกระโดดไปกระโดดมารอบๆ ตัวเขา ลูฟี่ยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนกำลังรวบรวมสติอะไรสักอย่าง ซะจนในหนึ่งวินาทีต่อมา ลูฟี่ขยับตัวอย่างรวดเร็วคว้าเข้าที่คอของสิ่งๆ นั้นแล้วกระแทกตัวของหมอนั่นลงกับพื้น!!
หมับ!! ปึง!!!
“อั่ก!” เจ้านั่นร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในมือของลูฟี่
เมื่อลองสังเกตดูแล้ว... ลำตัวที่มีแต่ขนสีดำและลำคอที่เป็นขนเล็สีแดง จะงอยปากสีดำเอ่ยเสียงร้องทรมาน... ไม่ผิดแน่ๆ...
“จับตัวได้แล้วนะ เจส์ตะ!!” ลูฟี่
“อั่กๆๆๆ!!!”
ความคิดเห็น