คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : [บทจบ] :: รักษาสัญญาที่ให้ไว้ ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่บรรเลงไปจนนิรันทร์
บทจบ
รักษาสัญญาที่ให้ไว้
ค่ำคืนแห่งเสียงเพลงที่บรรเลงไปจนนิรันทร์
แก๊บ!
เสียงของกรรไกรตัดต้นไม้ดังขึ้นในขณะที่หญิงสาวดึงผลส้มออกมาจากต้น
แล้ววางมันลงในตะกร้าใบใหญ่
“ฟู่วว... แค่นี้ก็เสร็จแล้ว”
ฉันยกมือขึ้นปาดเหงื่อในขณะที่เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ส่องแสงสดใสของยามเช้าถึงฉันจะใส่หมวกฟางของลูฟี่เพื่อบังแดดไว้แล้ว
แต่แสงแดดก็ยังทำให้ฉันรู้สึกร้อนอยู่ดี
ใช่แล้วล่ะทุกคน...
ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว
สามารถขยับตัวได้อย่างสะดวกสบายเหมือนเดิมอีกครั้ง!
ก็แน่ล่ะนะ...
นี่มันผ่านหนึ่งเดือนแล้วนี่หน่า...
พลึบ...
“ว้าวอาทิตย์นี้มีแต่ลูกใหญ่ๆ นะ” โนจิโกะส่งยิ้มให้ฉันในขณะที่ฉันแบกเอาผลส้มจำนวนมากเข้ามาในบ้าน
ตัวของโนจิโกะนั้นกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่
“เธอตื่นแล้วเหรอ ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่า” ฉัน
“ไม่หรอก เสียงนกมันกวนมากกว่า” โนจิโกะหัวเราะในขณะที่พลิกหน้าหนังสือพิมพ์
“เป็นยังไงบ้าง วันนี้มีข่าวอะไรบ้างมั้ย” ฉันพูดพร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามกับโนจิโกะ
“...เสียใจด้วยนะ วันนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว” โนจิโกะยื่นหนังสือพิมพ์ให้กับฉัน
ฉันพลิกมันไปทีละหน้า
ทีละหน้า และก็พบว่ามันไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับพวกลูฟี่เลยแม้แต่น้อย
ฉันจึงทำได้แค่ปิดหน้าหนังสือพิมพ์แล้วถอนหายใจออกมา
“เธอโอเคนะ” โนจิโกะเอื้อมมือมาจับมือของฉัน
“อื้ม... ไว้รอดูหนังสือพิมพ์ของพรุ่งนี้เช้า
อาจจะมีข่าวอะไรก็ได้” ฉันพูดแล้วส่งยิ้มให้กับโนจิโกะ
อย่างที่ทุกคนเห็นนั่นแหละ...
ตั้งแต่ที่พวกลูฟี่เข้าร่วมสงครามที่แอชเธินกรีนนั้น
มันก็เวลาล่วงเลยมาถึงหนึ่งเดือนแล้ว และหนังสือพิมพ์ไม่ปรากฏข่าวสารของการต่อสู้ครั้งนี้เลย
มีอยู่หลายๆ
ครั้งที่ฉันมักจะไปยืนอยู่ที่ท่าเรือ
มองดูทะเลที่ไกลไปจนริบตาพร้อมกับภาวนาว่าขอให้พวกเขากลับมา
แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เช้า กี่ค่ำ ฉันก็ยังไม่เห็นวี่แววของเรือซันนี่หรือเรือโกลเด้นโรสของราชันย์เลยแม้แต่น้อย
ก๊อกๆ...
“มารับส้มของสัปดาห์นี้แล้วน้า”
เสียงของคุณเก็นดังขึ้นในขณะที่ประตูบ้านเปิดออก
วันนี้เป็นวันที่คุณเก็นจะเข้ามาเพื่อรับเอาผลส้มรายสัปดาห์ไปขาย
คุณเก็นส่งยิ้มให้ฉันกับโนจิโกะ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา
“วันนี้มีข่าวดีมั้ย” คุณเก็นหันมาถามฉัน
ฉันจึงได้แต่ส่ายหน้า
“งั้นเหรอ... เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องมีแน่” คุณเก็นเอื้อมมือมาจับที่บ่าของฉันแล้วส่งยิ้มให้
“ว้าว ส้มของสัปดาห์นี้ลูกใหญ่มากเลยแฮะ ต้องได้ราคาดีมากแน่ๆ” คุณเก็น
“นั่นสิคะ ฉันก็คิดอย่างงั้น” โนจิโกะหัวเราะ
“ผลงานนี้ต้องยกให้ปุ๋ยที่นามิทำขึ้นเลยนะเนี่ย
ไม่งั้นคงไม่ได้ลูกดกและใหญ่แบบนี้แน่ๆ” โนจิโกะ
“แหม เธอก็ชมเกินไป ฉันได้สูตรปุ๋ยมาจากอุซปน่ะ” ฉันฉีกยิ้ม
“หมอนั่นเก่งใช้ได้เลยนะเนี่ย” โนจิโกะหัวเราะ
“เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวหนูช่วยยกตะกร้าไปนะ” ฉันยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
ก่อนจะเดินตรงไปที่ตะกร้าใบใหญ่ที่ตัวเองเพิ่งจะแบกเข้ามา... แหม ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณเก็นจะมารับไปเช้าขนาดนี้ =___=
“โชตะคุงก็ช่วยยกอีกตะกร้าละกันนะ” ฉันหันหน้าไปบอกโชตะคุงที่เดินตามคุณเก็นมาด้วย
เขาเป็นเด็กที่ขยันมากๆ
เลยล่ะ ไม่เคยขาดงานสักวัน แถมยังทำงานเก่งมากอีกด้วย!
“ได้ครับผม!” โชตะคุงทำท่าตะเบ๊ะ
ก่อนจะวิ่งตรงไปแบกตะกร้าอีกอันหนึ่งที่วางอยู่ข้างๆ ตะกร้าของฉัน
“อา... ไหนดูซิ... ไข่ไก่ครบ
แอปเปิ้ล ส้ม สตอเบอรี่...ปลา หนึ่ง สอง สาม สี่...” คุณเก็นตรวจเช็คสินค้าส่งออกทีละอย่าง อย่างละเอียดสุดๆ
ตอนนี้ผลิตผลมากมายกำลังวางอยู่ที่ท่าเรือ
เตรียมพร้อมส่งไปขายต่อที่เกาะอื่นๆ
ในขณะที่คุณเก็นกำลังเช็คสินค้าอยู่
ฉันนั้นหันหน้ามองไปที่ทะเลเหมือนกับทุกวัน มองทอดยาวออกไปไกล
แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากทะเลที่ส่องประกายของพระอาทิตย์ยามเช้า
“เอาล่ะ ครบหมดแล้ว ทีนี้ก็รอเรือส่งสินค้าน่ะนะ...” คุณเก็นพูดพร้อมกับเดินมายืนข้างๆ
กับฉัน สายตาทอดมองไปที่ทะเลไม่ต่างกัน
“วันนี้มาช้ากว่าปกตินะคะ ว่ามั้ย” ฉัน
“ฉันก็คิดอย่างนั้น... แต่ก็เคยมีมาช้าเป็นชั่วโมงเลยน่ะนะ”
คุณเก็น
“เห... แบบนั้นไม่ไหวเลยนะคะ คุณเก็นก็ยืนรองั้นเหรอ”
ฉันถามอย่างตกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนั้นก็ดันอาสาจะเป็นคนเฝ้าของด้วยน่ะนะ โชคร้ายเป็นบ้าเลย”
คุณเก็นเกาหัว
“งั้นเดี๋ยววันนี้ฉันอยู่เป็นเพื่อนนะคะ” ฉัน
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ... อ้าว นั่นไง... พูดถึงก็มาพอดีเลย” คุณเก็นพูดพร้อมชี้ไปที่ทะเล
ปลายนิ้วชี้ตรงไปยังเรือที่อยู่ไกลจนแทบจะมองไม่เห็น
ฉันหรี่ตามองไปที่เรือนั้นตามที่คุณเก็นชี้ หืม...เรือส่งสินค้าลำใหญ่มากเลยนะนั่น
“เรือลำใหญ่กว่าที่คิดไว้อีกนะคะ” ฉัน
“ใหญ่เหรอ ฉันว่ามันก็พอดีกับสินค้าของเรานะ” คุณเก็นหันหน้ามามองฉันอย่างงงๆ
ก่อนจะหรี่ตามองไปที่เรือที่อยู่ไกลริบตา ก่อนที่เรือลำนั้นจะค่อยๆ
เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
จู่ๆ
หัวใจของฉันก็เต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก
ความรู้สึกบางอย่างปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ความรู้สึกนั้นเพียงแค่บอกให้ฉันจับตามองไปที่เรือลำนั้นให้ดีๆ
ฉันพยายามหรี่ตามองเรือลำนั้น
ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อีก จนตอนนี้ฉันมายืนอยู่ที่ริมท่าน้ำแล้ว
“เดี๋ยวนะ นั่นมันไม่ใช่เรือส่งสินค้าหนิ” คุณเก็นหรี่ตา
“เดี๋ยวนะ... นั่นมัน!!” คุณเก็น
“เรือซันนี่!!!”
ฉันร้องออกไปสุดเสียงอย่างตกใจ!
ไม่ผิดแน่ๆ
ฉันมองไม่ผิดอย่างแน่นอน! เรือซันนี่!
แปลว่า... พวกลูฟี่!!
“ชะ...ใช่จริงๆ ด้วย... หมะ... หมวกฟางกลับมาแล้ว!” คุณเก็นตะโกนออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กับฉัน
“เห... เด็กๆ พวกนั้นกลับมาแล้วเหรอ” เสียงของคุณลุงที่กำลังจะออกไปหาปลาพูดขึ้นพร้อมกับหันมาถามพวกเราทั้งคู่
“มะ... ไม่ผิดแน่ๆ!” คุณเก็น
ครืนนน...
เรือลำใหญ่ที่คุ้นเคยเทียบท่าที่ท่าเรืออีกครั้งหนึ่ง
ฉันเงยหน้ามองเรือซันนี่และเรือโกลเด้นโรสอย่างตะลึง ก่อนจะค่อยๆ เรียกสติกลับมา
“ทุกคน!!”
ฉันตะโกนขึ้นไปบนเรืออย่างตื่นเต้น
ใบหน้าเริ่มปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างอัตโนมัติ
“เจ้าหนูหมวกฟาง!” คุณเก็นเองก็ตะโกนขึ้นไปบนเรือเช่นเดียวกัน
“...”
แต่น่าแปลกที่บนเรือไม่มีเสียงตอบกลับมา
ฉันกับคุณเก็นนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ
ฟิ้วววว!!
ก่อนที่จู่ๆ
ไม้กระดานขนาดใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลงมาจากเรือซันนี่ ตรงมายังเราสองคน!!
“ว้ายยย!!/อ๊ากกก!!” ฉันกับคุณเก็นกระโดดหนีกันไปคนละทาง!
ปึง!!!
ไม้กระดานขนาดใหญ่ถูกวางพาดระหว่างเรือกับท่าเรือแข็งแรง
ฉันมองตรงไปบนเรืออย่างสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ปัง!!!
เสียงดังของประตูที่เปิดกระแทกดังลั่นมาถึงด้านล่าง
“ขอทางหน่อย!!”
ก่อนที่เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับประโยคที่ขอทาง
“อุซป...” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ
อุซปก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ววิ่งลงมาจากเรือเป็นคนแรก
“มาเลยช๊อปเปอร์!!” อุซปตะโกน
ก่อนที่รถเข็นคนไข้จะเลื่อนตามมาพร้อมกับช๊อปเปอร์ที่เป็นคนดันมันลงมา
“นามิ ช่วยตามด๊อกเตอร์นาโก้ที!!!”
เมื่อช๊อปเปอร์เห็นฉัน
เขาก็ตะโกนขอให้ฉันช่วยตามตัวคุณหมอของหมู่บ้านในทันที
ฉันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะพยายามตั้งสติ แล้วหันหน้าไปหาคุณเก็น
“ด๊อกเตอร์อยู่ที่บ้านมั้ยคะคุณเก็น!” ฉันหันไปถาม
“อะ...อ่า!อยู่! ตะ...ตามฉันมาเลย!” คุณเก็นอาสาเป็นคนนำทาง
ช๊อปเปอร์พยักหน้าก่อนจะรีบเข็นรถเข็นนั้นวิ่งตามคุณเก็นไป
พลึบ...
รถเข็นคนไข้ที่แล่นผ่านหน้าฉันไป
ปรากฏให้เห็นร่างของคนที่นอนอยู่บนนั้น และคนๆ นั้นคือโซโล!!?
ก่อนจะตามมาด้วยคีฟาร์กับนาอิที่เข็นเอารถเข็นคนไข้อีกอันลงมา
และคนที่นอนอยู่บนนั้นคือซันจิคุง
ก่อนจะตามมาด้วย
ราชันย์... รีทาวน์...
และรถเข็นอันสุดท้ายก็เลื่อนผ่านหน้าฉันไป...
คือลูฟี่...
มะ...ไม่นะ
เวลาแต่ละนาทีที่นั่งรออยู่ที่ด้านนอกห้องผ่าตัดมันช่างยาวนานอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ห้องพยาบาลของด๊อกเตอร์นาโก้ในขณะที่ฉันกอดหมวกฟางของลูฟี่ไว้แน่น
ตรงหน้าเป็นภาพของร่างกายของพวกพ้องทุกคนที่เต็มไปด้วยบาดแผล
ไม่มีใครเลยที่ไม่มีบาดเจ็บตัว แม้กระทั่งตัวของโรบินที่อยู่ตรงข้ามกับฉัน
“เธอหายดีแล้วเหรอนามิ ร่างกายดูแข็งแรงขึ้นมากเลยน้า!” อุซปเป็นคนแรกที่เริ่มพูดหลังจากที่พวกเราทุกคนส่งพวกลูฟี่เข้าไปห้องผ่าตัดแล้ว
“อื้ม ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” ฉันฉีกยิ้ม
ขณะที่มองไปที่ผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบตัวของอุซป
“เยี่ยมไปเลย ถ้าลูฟี่เห็นเธอ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ” อุซปฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ฉันได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆ
หุบยิ้มลง
“ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา... มันเป็นยังไงบ้างเหรอ”
ฉันถาม
“อะ...อา...” อุซปตอบอย่างตะกุกตะกัก
ก่อนจะหันมองไปทางโรบิน
“หนังสือพิมพ์ไม่ตีพิมพ์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ สินะนามิ” โรบินหันมาถามฉัน
“ใช่... ไม่มีเลย” ฉันพยักหน้า
“ในตอนแรกก็เป็นอย่างที่เราคาดการณ์กันไว้นั่นแหละ
เมื่อไปถึงพวกทหารเรือก็ล้อมไว้เต็มไปหมด... แต่พลังของคลาวน์นั้นน่ากลัวกว่ามาก
คนที่อาการน่าเป็นห่วงที่สุดคงจะเป็นลูฟี่” โรบินพูดพร้อมเหลือบตามองเข้าไปในห้องผ่าตัด
“ถึงขนาดที่ลูฟี่ โซโลซันจิ คุณราชันย์และรีทาวน์รวมตัวช่วยกัน
ก็ยังแทบจะสู้ไม่ได้เลยนี่นะ...”แฟรงกี้เสริม
“เขาเก่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ!” ฉันร้องอย่างตกใจ
“พวกฉันก็อยากจะเข้าไปช่วยลูฟี่นะ
แต่แค่พวกกองทัพเรือและกองทัพแปซิฟิต้าก็เต็มกลืนแล้ว” อุซปถอนหายใจ
“พวกผมก็มีหน้าที่คอยระวังหลังให้พวกคุณลูฟี่นั่นแหละครับ” นาอิ
ดูเหมือนทุกคนจะเข้าร่วมสงครามที่อันตรายมาก...
แต่ตัวฉันนี่สิ... ตัวฉันไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้เลย...
“แต่ลูฟี่ก็เก่งมากๆ เลยล่ะ!” อุซปพูดก่อนจะหันหน้ามาส่งยิ้มให้กับฉัน
“การต่อสู้จริงๆ แล้วดำเนินไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน
แต่ลูฟี่กลับเป็นคนสุดท้ายที่ยืนหยัดสู้กับคลาวน์ถึงวินาทีสุดท้าย
ถึงในตอนท้ายที่สุดการต่อสู้จะไม่รู้ผล”อุซป
“ไม่รู้ผลงั้นเหรอ?” ฉันถาม
“อื้ม รู้สึกว่าจะเพราะเจ้าคนที่ชื่อทรอยหรืออะไรสักอย่างนั่นแหละนะ...
หมอนั่นเข้ามาหยุดคลาวน์ไว้ได้ทันเวลาน่ะ... ฉันรู้สึกได้เลยว่าหมอนั่นก็น่ากลัวใช่เล่น”
อุซปพูดพลางเอามือลูบแขนตัวเองอย่างรู้สึกขนลุก
ทรอยงั้นเหรอ...
ผู้ชายที่มีพลังของผลดินนั่นสินะ...
“แต่ฉันคิดว่าเจ้าหมวกฟางน่ะเท่มากๆ เลยนะ ในตอนนั้นน่ะ...” แฟรงกี้พูดพร้อมหันหน้าไปมองอุซป
“อ๋อ ตอนนั้นน่ะเหรอ... ฉันว่าหมอนั่นมันบ้าซะมากกว่า”
อุซปหัวเราะ
“ตอนนั้น? ตอนไหนงั้นเหรอ?” ฉันถามอย่างสงสัยในขณะที่สองหนุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ก็เจ้าบ้านั่นหลังจากที่สู้เสร็จ ยังไม่ทันที่จะนั่งเลย
หมอนั่นก็บอกให้กลับลูกเดียว” อุซปหันหน้ามาหาฉัน
ฉันได้แต่เงียบมองหน้าของอุซปในขณะที่รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเริ่มจะร้อนผ่าว
“เจ้านั่นเอาแต่พูดว่า ต้องกลับไป ต้องรีบกลับไป
แล้วก็ทำท่าจะเดินกลับเรือซันนี่ลูกเดียวเลย”อุซป
ฉันคิดภาพของลูฟี่ทำท่าดื้อดึงอย่างที่อุซปพูดอย่างรู้สึกอัดอั้น
ฉันพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถกลั้นไว้ได้แล้ว
เขาจะกลับมาที่นี่
ทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนั้นน่ะเหรอ... เขามันบ้าจริงๆ
“หะ...เห้ย!เธอร้องไห้ทำไมน่ะนามิ!”
อุซปร้องอย่างตกใจ
“หืม... เปล่าซะหน่อย” ฉันพูดพร้อมกับปาดน้ำตา
“เปล่าอะไรกันเล่า มันเห็นอยู่ชัดๆ!ระ... โรบิน ฉันเผลอพูดอะไรที่ร้ายแรงไปงั้นเหรอ!” อุซปหันหน้าไปโซยวายใส่โรบิน
“ร้ายแรงมากเลยล่ะ” โรบินพูดพร้อมกับหันหน้ามาส่งยิ้มให้กับฉัน
ฉันทำได้แต่หัวเราะออกมาในขณะที่มือปาดน้ำตาที่ไหลร่วงลงมาเรื่อยๆ
“นะ...นามิ!ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรทำร้ายจิตใจเธอนะ!
ฉะ...ฉันขอโทษ!” อุซปพูดยกมือขอโทษขอโพยฉันอย่างร้อนรน
“บ้า... นายจะขอโทษฉันทำไม... นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
ฉันเผยยิ้ม
“อ้าว ก็โรบินบอกว่าฉันพูด...” อุซปพูดพร้อมกับค่อยๆ
หันไปมองหน้าของโรบิน
“เฮ้อ คุณอุซปนี่ไม่เข้าใจความโรแมนติกเอาซะเลยนะครับ” บรู๊คถอนหายใจพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“คะ...ความโรแมนติกงั้นเหรอ?” อุซปหันไปถามบรู๊คอย่างสงสัย
“ใช่ นั่นแหละความเท่ที่ฉันหมายถึงล่ะ ซูปปปปปเปอร์!” แฟรงกี้
“อะ...อ้าว!ฉันเข้าใจผิดเหรอเนี่ย!”
อุซปโวยวาย
ก่อนที่ทุกคนในห้องจะเริ่มหัวเราะ...
รวมถึงตัวของฉันเองก็ด้วย
เวลาผ่านไปเนินนานจนฉันเผลอหลับไปที่โซฟา
จนเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาเพื่อปลุกฉัน
“นามิ เอาชาหน่อยมั้ย”
เสียงๆ
นั้นเป็นเสียงของนาอินั่นแหละ ฉันเอามือขยี้ตาก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง
และก็พบว่ามีเพียงฉันกับนาอิอยู่ในห้อง
“ขอบคุณนะ... ทุกคนหายไปไหนหมดแล้วล่ะ” ฉันรับชามาก่อนจะถามนาอิไป
“คนอื่นๆ ขอตัวไปนอนพักน่ะ” นาอิพูดพร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
ฉัน
“ช๊อปเปอร์ยังไม่ออกมาอีกเหรอ” ฉันพูดขณะที่ตามองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง...
โห นี่สามโมงแล้วเหรอเนี่ย ฉันนอนไปกี่ชั่วโมงแล้วล่ะเนี่ย!
“เพิ่งจะกลับเข้าไปใหม่เมื่อกี้นี่เอง ทุกคนพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ
แต่กำลังให้เลือดหมวกฟางเพิ่มอยู่” นาอิ
“...เขาโอเคใช่มั้ย” ฉันถามนาอิเสียงแผ่ว... ถึงจะบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะอาการหนักมากเลย
“แน่นอน เธอจะไปหาพวกคุณซันจิมั้ยล่ะ ฉันจะไปหากัปตันพอดี
พวกเขาอยู่ห้องนั้น” นาอิพูดพร้อมชี้ไปที่ห้องข้างๆ
ห้องผ่าตัด ซึ่งก็คือห้องพักผู้ป่วย
“อื้ม” ฉันพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพร้อมๆ
กับนาอิ
เมื่อเข้าไปในห้องนั้น
ผู้ป่วยหลายคนนอนเรียงรายกันตามเตียงที่จัดไว้ นาอิขอแยกตัวไปหาราชันย์กับรีทาวน์
ส่วนฉันก็เดินตรงไปหาโซโลกับซันจิคุงที่นอนอยู่ข้างๆ กัน
“คร่อกกก...”
เสียงกรนของโซโลดังไปทั่วห้อง
จนฉันไม่อยากจะเชื่อว่าหมอนี่กำลังเจ็บหนักอยู่
“อืมมม... รำคาญเสียงชะมัด!”
ก่อนที่เสียงโวยวายของซันจิคุงจะดังขึ้นมา
พร้อมกับเตรียมหันหน้ามาโวยวายใส่โซโล แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นฉัน
“คุณนามิ๊!!” ซันจิคุงเรียกชื่อฉันก่อนจะบิดไปบิดมาบนเตียง
“ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมคิดถึงคุณนามิเหลือเกินนน”
“ฮ่าๆ ฉันก็คิดถึงนายนะ แล้วเป็นยังไงบ้างซันจิคุง เจ็บตรงไหนมั้ย” ฉันนั่งลงที่เตียงของซันจิคุงก่อนจะหันไปคุยกับเขา
“อะเฮือก... ความเจ็บปวดของผมมันหายไปทันทีตั้งแต่ได้เห็นหน้าคุณนามิแล้วล่ะครับ”
ซันจิคุงฉีกยิ้ม
“ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไรแล้ว” ฉันอมยิ้ม
“แล้วคุณนามิล่ะครับ หายดีแล้วใช่มั้ยครับ” ซันจิคุง
“ฉันหายสนิทแล้วล่ะ ต้องขอบคุณสูตรอาหารที่เธอทิ้งไว้ให้จริงๆ นะ” ฉัน
“ได้ยินแบบนี้แล้วสดชื่นจริงๆ เลยครับ” ซันจิคุง
“ฉันดีใจมากเลยล่ะที่ทุกคนกลับมา”ฉันพูดพลางเอานิ้วลูบแก้วชาอุ่นๆ
ในมือ ก่อนจะมองไปทางโซโล รีทาวน์ และราชันย์ที่กำลังนอนหลับกันอยู่
“พวกเรามีจุดหมายที่ต้องกลับมานี่ครับ” ซันจิคุงพูดขณะเอื้อมมือมาจับที่ขาของฉันแล้วส่งยิ้มให้
ฉันนิ่งไปเล็กน้อย
ก่อนจะส่งยิ้มคืนให้กับเขา
แอ๊ด...
“ฉันเอายาแก้ปวดมาให้นะทุกคน... อ๊ะ นามิ!”
ช๊อปเปอร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยาแพ็คใหญ่ในมือ
เขาฉีกยิ้มกว้างแล้ววิ่งตรงมาทางฉันทันที
“ช๊อปเปอร์!” ฉันฉีกยิ้มก่อนจะตอบรับกอดของช๊อปเปอร์
“ฮือออ ฉันคิดถึงเธอมากเลย เธอหายดีแล้วใช่มั้ย” ช๊อปเปอร์พูดขณะที่น้ำตาไหลพราก
“อื้ม หายดีแล้วล่ะ” ฉัน
“ดีใจที่สุดเลยยลูฟี่ก็ปลอดภัยดีแล้วล่ะ ตอนนี้กำลังให้นอนพักอยู่” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมกับยื่นยาแก้ปวดให้กับซันจิคุงที่นอนอยู่
“จริงเหรอ” ฉันฉีกยิ้ม
“อื้ม เดี๋ยวคีฟาร์ก็พามาที่ห้องนี้แล้วล่ะ”
แอ๊ด...
ยังไม่ทันที่ช๊อปเปอร์จะพูดจบประโยค
ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับคีฟาร์ที่กำลังเข็นรถเข็นที่บนนั้นมีลูฟี่อยู่
“เดี๋ยวฉันช่วยอีกแรงนะ” เมื่อนาอิเห็นคีฟาร์เดินเข้ามาก็อาสาช่วยคีฟาร์ยกตัวของลูฟี่วางลงที่เตียง
“อ่า ช่วยทีนะ” คีฟาร์พยักหน้า
ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันยกลูฟี่วางลงที่เตียง
เมื่อฉันเห็นใบหน้าของคีฟาร์ที่โชกไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกับช๊อปเปอร์
ฉันจึงรีบลุกขึ้นรินน้ำที่อยู่ตรงข้างเตียงผู้ป่วย
แล้วยื่นให้กับช๊อปเปอร์และคีฟาร์ทันที
“อ้าว คุณนามิอ๊ะ ขอบคุณครับ” คีฟาร์แปลกใจที่เห็นฉันเล็กน้อย
ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วรับน้ำจากฉันไป
“ฉันต้องขอบคุณพวกนายจริงๆ เลยนะที่ช่วยฉันรักษาพวกลูฟี่น่ะ” ช๊อปเปอร์พูดพร้อมหันหน้าไปส่งยิ้มให้กับคีฟาร์
“ทางนี้ก็ขอบคุณที่ช่วยกัปตันและรีทาวน์เหมือนกัน
คุณช๊อปเปอร์เป็นหมอที่เก่งมากๆ เลยนะครับ ผมนี่ทึ่งเลย” คีฟาร์
“แหม... ถึงชมไปฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ เจ้าบ้าเอ้ย แหะๆๆ”
ช๊อปเปอร์พูดพร้อมบิดไปบิดมา
พลึบ...
ฉันนั่งลงที่เตียงของลูฟี่ก่อนจะมองไปที่เนื้อตัวของเขาที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผล
“เดี๋ยวพวกเราให้อยู่กันตามลำพังนะ” คีฟาร์พูดพร้อมกับเอื้อมมือรูดผ้าม่านปิดให้กับฉัน
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ
ก่อนจะเอื้อมมือดึงหมวกฟางของลูฟี่ออกจากหัวของตัวเอง แล้ววางมันไว้ที่ข้างๆ
ตัวของลูฟี่
“ขอบคุณที่รักษาสัญญานะ” ฉันฉีกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของลูฟี่แล้วบีบมันเบาๆ
สายตามองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิทของเขา ดูท่าทางแล้วเหมือนว่าเขาจะเหนื่อยอ่อนมาก
ฉันควรจะให้เขานอนพักให้มากๆ
[สี่วันต่อมา]
พลึบ...
ฉันเอื้อมมือไปหยิบผ้าชุบน้ำผืนเล็กออกมาจากกาละมัง
ก่อนจะใช้มันซับที่หน้าของซันจิคุงช้าๆ อย่างเบามือ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะป่วยตลอดไปเลยนะครับ” ซันจิคุงบิดไปบิดมา
“อยู่นิ่งๆ สิซันจิคุง เดี๋ยวน้ำก็ไปโดนแผลหรอก!” ฉันโวยวาย
“อะ ขอโทษคร้าบ” ซันจิคุงทำตัวนิ่งแข็งทื่อทันทีเมื่อโดนฉันด่าเรียบร้อย
“งี่เง่าจริงๆ นะนายน่ะ” ก่อนที่ซันจิคุงจะโดนโซโลที่นอนอยู่เตียงข้างๆ
ด่า
“อ๊ะ!ว่าไงนะแก!” ซันจิคุงหันหน้าไปโวยวายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ฉันกดผ้าที่โดนแผลที่อยู่ตรงแขนของเขา!
“อะจ๊าก!!!” ซันจิคุงร้องเสียงหลง
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าขยับน่ะ!!” ฉันโวยวายพร้อมกับกระแทกหมัดไปที่หน้าของเขา
“ขะ...ขอโทษกั๊บ” ซันจิคุงกล่าวขณะที่ตาเป็นรูปหัวใจ
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว... กินยาแล้วก็นอนซะ
พวกนายทั้งคู่เลย!” ฉันพูดพร้อมโยนยาที่ช๊อปเปอร์เตรียมไว้ให้กับโซโลและซันจิคุง
ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยกกาละมังน้ำร้อนเดินตรงไปที่เตียงของลูฟี่
ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังนอนหลับอยู่...
“เฮ้อ นี่มันสี่วันแล้วนะลูฟี่” ฉันพูดขณะที่นั่งลงที่เตียงของเขา
พูดออกไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาจะไม่ตอบกลับมา
ติ๋งๆ...
ฉันเอาผ้าผืนใหม่ชุบน้ำแล้วบิดหมาดจนได้ยินเสียงของน้ำที่หยดกลับไปที่กาละมัง
“...ตื่นได้แล้วมั้งนายน่ะ” ฉันพูดพลางมองไปที่หน้าของเขา
“...” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
ฉันจึงเอาผ้าซับไปที่หน้าของเขาเบาๆ
แล้วเอามันซับไปที่ตามแขนของเขา
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ก่อนจะโยนผ้าทั้งหมดลงไปที่กาละมังเตรียมตัวจะเอาไปซัก
นี่ก็เป็นอีกวันแล้วสินะที่ฉันทำได้แต่เช็ดตัวของเขา...
หมับ!
ก่อนที่จู่ๆ
มือของเขาจะเอื้อมมาจับแขนของฉันเอาไว้!
“ลูฟี่!” ฉันร้องออกไปอย่างดีใจ
ก่อนจะรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ กับเขาทันที
“เธอบ่นอะไรน่ะนามิ... ทำฉันตื่นเลย...” ลูฟี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนจะส่งยิ้มให้ฉัน
“ลูฟี่!!” ทันทีที่ฉันแน่ใจว่าเขาตื่นแล้ว
ฉันก็โผตัวเข้ากอดเขาทันที!
“เหวอ!” ลูฟี่ร้องออกมาอย่างตกใจ
ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ เขาก็เอามือมาโอบรอบตัวของฉันกลับ
“ฉันคิดถึงเธอที่สุดเลย” ลูฟี่พูดพลางกอดฉันแน่นขึ้น
“ฉันก็คิดถึงนายที่สุดเลย” ฉันฉีกยิ้ม
“อ๊ะ...แต่ว่า... ฉันหิวจัง”
ลูฟี่ถอนกอดฉันอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ท้องของตัวเองพร้อมกับเสียงร้องโครมครามจากท้องของเขา
[ตกเย็น ช่วงหัวค่ำ]
ทันทีที่ลูฟี่ฟื้นขึ้นมาเขาก็กินไม่หยุด...
กินจนแม้กระทั่งคุณเก็นเองยังทำหน้าเหวอ
ไม่นานนักหลังจากที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าลูฟี่ฟื้นขึ้นมา
ทุกคนก็รีบนำผลผลิตที่ตนปลูกหรือฟูมฝักมารวมกันที่ตรงกลางของหมู่บ้าน แล้วจู่ๆ
งานเลี้ยงฉลองก็เกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“...แล้วทันทีที่เจ้าพวกทหารเรือพวกนั้นล้อมรอบตัวของฉันเอาไว้
ในมือที่ปืนที่เล็งมาทางฉัน ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวกันหัวหดแล้ว แต่เรื่องแบบนั้นมันไม่เกิดขึ้นกับท่านอุซปคนนี้แน่นอน!!...”
ฉันกับคนอื่นๆ
ในหมู่บ้านกำลังนั่งรวมตัวกันฟังวีรกรรมความกล้าหาญของอุซปกันอย่างสนุกสนาน
ในขณะที่ตัวอุซปเองก็เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของเขากับเหล่าทหารเรือนับพันอย่างห้าวหาญ
ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่กับปาร์ตี้แต่ตัวลูฟี่กลับหายไปไหนก็ไม่รู้
เอ๊ะ...
เมื่อตอนกลางวันฉันยังเห็นเขากินไม่หยุดอยู่เลยนี่หน่า
แล้วทำไมพอเวลาปาร์ตี้แบบนี้เขาถึงได้หายไปได้ล่ะ? หมอนั่นหายไปไหนเนี่ย
“บาบีคิวมั้ยครับสาวๆ” ซันจิคุงเดินมาพร้อมกับยื่นบาบีคิวหลายไม้มาให้ฉัน
โนจิโกะ และโรบิน
“ลุกขึ้นมาทำอาหารแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอคุณกุ๊ก” โนจิโกะถามพลางยื่นมือไปหยิบไม้บาบีคิว
“สบายมากครับคุณพี่สาวสุดสวย” ซันจิคุงฉีกยิ้ม
“อื้ม... อร่อยมากเลย” โนจิโกะฉีกยิ้ม
“ถ้าคุณพี่สาวชอบ ผมจะไปย่างมาเพิ่มให้เดี๋ยวนี้เลยนะคร้าบ!” ซันจิคุงตัวบิดไปมา ก่อนจะวิ่งกลับไปที่เตาบาบีคิวอีกครั้ง
“อืม... โรบิน... เธอเห็นลูฟี่หรือเปล่า
ฉันไม่เห็นเขาตั้งแต่ที่ปาร์ตี้เริ่มเลยนะเนี่ย” ฉันที่หันซ้ายหันขวาอยู่นาน
ก็ทนไม่ไหว หันไปถามโรบินจนได้
“ลูฟี่เหรอ... ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน” โรบิน
“เวลาปาร์ตี้แบบนี้ หมอนั่นไม่น่าหายไปได้นะ... ฉันจะไปตามหาล่ะ”
ฉันพูดพร้อมยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
“...แล้วฉันก็จัดการทหารพวกนั้นด้วย... อ้าว นามิ
เธอจะไปไหนน่ะ? ไม่ฟังเรื่องเล่าของฉันแล้วเหรอ?”
เมื่อฉันลุกขึ้น
อุซปที่กำลังเล่าเรื่องของตัวเองอยู่ ก็หยุด แล้วหันมาถามฉัน
“อะ...อ่า ฉันจะไปตามหาลูฟี่น่ะ” ฉันตอบ
“เห เจ้านั่นน่ะเหรอ เดี๋ยวก็มา เธอมานั่งฟังฉันเล่าเรื่องต่อดีกว่า
กำลังสนุกเลย ใช่มั้ยทุกคน!” อุซปพูดพร้อมหันหน้าไปเรียกเสียงเชียร์จากเด็กๆ
ที่นั่งฟังเรื่องของเขาอยู่
“อืม... นายเล่าเถอะ ฉันจะไปตามหาลูฟี่ก่อน
ทุกทีเขาไม่เคยหายไปแบบนี้น่ะ” ฉัน
“เดี๋ยวววว!ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวหมอนั่นก็ม๊า!”
อุซปพูดก่อนจะพยายามวิ่งมาขวางทางของฉันเอาไว้
เอ๊ะ อะไรเนี่ย
หมอนี่
“อะไรของนายเนี่ยอุซป” ฉันถามอย่างสงสัยกับท่าทีของเขา
“อะ...อะไร๊!” อุซปตอบเสียงสูง
“นายมาขวางทางฉันทำไมเนี่ย หรือว่านายรู้ว่าลูฟี่อยู่ไหน?” ฉัน
“อะไร!ฉันไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นอยู่ที่ไหน!” อุซปโวยวาย
“ถ้าไม่รู้ก็หลบไป ฉันจะไปตามหาเขา... เพิ่งจะฟื้นไข้แท้ๆ
ถ้าไปล้มอยู่ไหนขึ้นมาจะทำยังไง”ฉันพูดพร้อมพยายามดันตัวของอุซปออกไปให้พ้นทาง
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามขวางทางฉันอยู่!
“ก็บอกว่าเดี๋ยวหมอนั่นก็มาไงเล่า!” อุซปพยายามดึงตัวของฉันเอาไว้
“นายจะถอยไปดีดี หรือจะให้ฉันใช้กำลังกันหา” ฉันพูดพร้อมชูกำปั้นขึ้นมาให้อุซปดู
“ว๊าก!เธอจะทำร้ายคนป่วยเหรอ ฉันยังเจ็บอยู่นะ!”
อุซปกระโดดถอยกรู
“นามิ เธอช่วยไปหยิบบาบีคิวให้ฉันเพิ่มทีได้มั้ย” โนจิโกะพูดพร้อมสะกิดที่ต้นขาของฉัน
“เห!ตั้งหลายไม้ พวกเธอกินกันหมดแล้วเหรอ!” ฉันร้องเสียงหลง เมื่อโนจิโกะยื่นจานบาบีคิวว่างเปล่ามาให้ฉัน... เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ซันจิคุงเพิ่งจะเอามาให้เองไม่ใช่เหรอ!?
“ก็มันอร่อยนี่หน่า... นะ” โนจิโกะฉีกยิ้ม
“ฉันขอด้วยนะนามิ” โรบินเองก็ส่งยิ้มให้ฉันเช่นกัน
เอ๋...
ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ...
ฉันรับจานมาก่อนจะเดินตรงไปหาซันจิคุงที่กำลังย่างบาบีคิวอยู่
“สักครู่นะครับคุณนามิ ตอนนี้บาบีคิวยังไม่สุกเลย” ซันจิคุงพูดพร้อมพลิกบาบีคิวที่วางอยู่บนเตา
“เอ่อ... ซันจิคุงฉันขอวางจานไว้ตรง...”
“คุณนามิครับ!ผมฝากเฝ้าเตาไว้ให้แป๊บนึงได้มั้ยครับ!
พอดีผมต้องไปเอาพริกไทเพิ่มน่ะครับ เดี๋ยวบาบีคิวมันจะไหม้น่ะครับ...
รบกวนหน่อยนะครับ!”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค
ซันจิคุงก็พูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะวิ่งฟิ้วออกไปหน้าเตาไม่รอคำตอบจากฉันสักคำ... เดี๋ยวนะ นี่มันอะไรกันเนี่ย=[]=!!!
“ว้าว บาบีคิวน่ากินจัง” คีฟาร์เดินมาพร้อมกับสูดกลิ่นบาบีคิวฟุดฟิด
“อ่า... พอดีเลยคีฟาร์ นายช่วย...” ฉัน
“ห๊ะ อะไรนะ กัปตันเดินชนต้นไม้!?
ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”แล้วคีฟาร์ก็วิ่งหนีฉันไปเฉยเลย!!
ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกำลังโดนแกล้งอยู่เลยล่ะเนี่ย!
“ผมกลับมาแล้วคร้าบคุณนามิ๊ ขอโทษที่รบกวนนะคร้าบ” ซันจิคุงวิ่งมาพร้อมกับขวดพริกไทในมือ
“อ๋อ งั้นฉันไป...”
“อ้าว นี่มันขวดเกลือนี่! คุณนามิครับ ผมคงต้อง...”
ซันจิคุงทำท่าจะเดินหนีไปต่อ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ยอมอีกแล้ว
ฉันรีบคว้าเข้าที่คอเสื้อของซันจิคุงก่อนจะดึงเอาขวดเกลือออกมาจากมือของเขา
แล้วส่องดู
‘ พริกไท’
“นี่มันขวดพริกไทถูกแล้วไม่ใช่เหรอ...” ฉันพูดพร้อมกับดึงซันจิคุงเข้ามาใกล้ๆ
ตั้งใจจะแกล้งกันจริงๆ
ด้วยสินะ ทุกคนเลยด้วย ฉันจะจัดการแบบเรียงตัวเลย!!!
“อะ...อะ... คุณนามิครับ”
ซันจิคุงพูดเสียงสั่นระรัวพร้อมกับท่าทางพยายามจะห้ามฉันที่ง้างหมัดขึ้นเหนือหัวอย่างโมโห
“นามิ!!!”
ก่อนที่มือของฉันจะหยุดชะงักเมื่อเสียงๆ
หนึ่งเรียกชื่อของฉัน และเสียงๆ นั้นคือลูฟี่
“อ้าว อยู่นี่เองเหรอลูฟี่” ฉันปล่อยมือจากคอเสื้อของซันจิคุงก่อนจะมองตรงไปยังลูฟี่ที่ทำสีหน้าเคร่งเครียด
“ฉันก็นึกว่านายเป็นอะไรไปซะอีก” ฉันหันหน้าไปพูดกับลูฟี่ในขณะที่เขาเดินตรงเข้ามาหาฉัน
“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ลูฟี่เดินมาหยุดตรงหน้าของฉันก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“อ๋อ... ถ้านายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
บาบีคิวก็เสร็จพอดี เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้พวกโรบิน...” ฉันทำท่าจะหันตัวไปหยิบจานบาบีคิว
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ลูฟี่ก็เอื้อมมือมาดึงมือของฉันไว้
“เดี๋ยวก่อนสินามิ ฉันมีเรื่องจะพูด” ลูฟี่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจนฉันแปลกใจ
“อะไรเหรอ” ฉันเอียงคอถาม
สายตามองไปที่ลูฟี่ที่กำลังเม้มปากแน่น มองตรงมาที่ฉันไม่ต่างกัน
พลึบ...
ก่อนที่จู่ๆ เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าของฉัน!
“คือ... ถึงจะเคยบอกเธอไปแล้ว
แต่ฉันก็อยากจะทำให้มันถูกต้องน่ะนะ...” ลูฟี่พูดพร้อมเอื้อมมือไปล่วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ฉันมองท่าทางของเขาก่อนจะเบิกตากว้าง
“แต่งงานกับฉันนะนามิ”
แหวนทองคำขาวแบบเรียบง่ายถูกดึงออกมาจากกระเป๋ากางเกง
พร้อมกับคำสู่ขอที่ออกมาจากปากของลูฟี่
ตรงหน้าของฉันคือภาพที่ลูฟี่กำลังคุกเข่าขอฉันแต่งงาน
ในขณะที่ทุกคนในหมู่บ้านลุกขึ้นยืนโปรยกลีบดอกไม้หลากสีไปทั่วตัวของฉัน
ฉันเบิกตากว้าง
อ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะมองตรงไปยังเพื่อนๆ ทุกคนที่กำลังยืนส่งยิ้มให้กับฉันอยู่พร้อมกับในมือที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้
“อะ... อะ...” ฉันพูดอย่างตะกุกตะกักพร้อมกับเอามือขวายกขึ้นมาปิดปากของตัวเอง
ความรู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเองและดวงตาที่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไม่ต่างกัน
“อะ...อื้ม แต่งสิ... แต่งอยู่แล้ว”
ฉันพยักหน้า
“ฮุเล่!! วิ้ววว!!! เย้เย้เย้!!!”
ทั้งเสียงแซวและเสียงเชียร์ดังระงมในขณะที่ลูฟี่สวมแหวนทองคำขาวลงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน
“ขอกอดหน่อย” ลูฟี่ยันตัวลุกขึ้น
ก่อนจะอ้าแขนกว้างแล้วส่งยิ้มให้กับฉัน
ฉันมองไปที่หน้าของลูฟี่ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปกอดเขาเต็มรักแล้วน้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ยินดีด้วยนะ” โนจิโกะและโรบินส่งยิ้มและปรบมือให้กับสถานการณ์ที่เซอร์ไพร์นี้
“นายติดค้างค่าช่วยเหลือจากฉันแล้วนะเฟ้ย” ซันจิคุง
“ของฉันด้วยย” อุซปยกมือ
“ยินดีด้วยนะครับคุณนามิ” ตามมาด้วยนาอิและคีฟาร์ที่ส่งยิ้มพร้อมกับโปรยกลีบดอกกุหลาบ
ฉันมองตรงไปทางราชันย์กับโซโลที่ยืนฉีกยิ้มอยู่ไม่ไกล
ช๊อปเปอร์ที่กำลังร้องไห้พร้อมกับโปรยดอกไม้ไปพร้อมๆ กับคุณเก็นและแฟรงกี้
ก่อนที่เสียงดนตรีจากไวโอลินของบรู๊คจะดังขึ้น
พวกเราทุกคนหันหน้าไปมองการเล่นไวโอลินกันอย่างพร้อมเพียง
เสียงไวโอลินที่แสนไพเราะทำให้ฉันอดหันหน้ามองไปทางลูฟี่ไม่ไหว
แล้วฉันก็พบว่าเขาเองก็กำลังมองมาทางฉันอยู่เช่นเดียวกัน
รอยยิ้มของลูฟี่ประทับอยู่ที่ใบหน้าของเขา
ก่อนที่ลูฟี่จะเอื้อมมือซ้ายมาโอบที่เอวของฉัน
และใช้มือขวาเอื้อมมาจับที่มือซ้ายของฉันแล้วเริ่มขยับตัวไปตามเสียงเพลง
ฉันเผยยิ้มออกมาในขณะที่มองเข้าไปในตาของลูฟี่
ดวงตาที่อบอุ่นทุกครั้งที่ฉันเห็นมัน
ฉันกระชับมือที่จับอยู่ของตัวเองกับลูฟี่ให้แน่นขึ้น
ก่อนจะเริ่มหมุนตัวไปตามจังหวะเพลง
ในขณะที่สายลมพัดพาเอากลีบดอกไม้หมุนวนรอบตัวของเราทั้งคู่ราวกับท้องฟ้าตั้งใจ
ฉันอมยิ้มแล้วหลับตาพริ้มปล่อยให้เสียงเพลงและสายลมพัดพาเอาวันเวลาทั้งหมดที่มีอยู่ให้หายไป
มือแข็งแรงที่กำลังโอบรอบเอวฉันอยู่นั้นยังคงคอยประคองไม่ให้ตัวของฉันล้มลงและยังประคองยกตัวฉันขึ้นหมุนไปบนอากาศ
และฉันก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับลูฟี่ในชุดเจ้าบ่าวที่กำลังหมุนตัวฉันในชุดเจ้าสาวไปกลางอากาศ
งานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นยังใช้ทำนองเพลงที่แสนไพเราะจากไวโอลินของบรู๊คเช่นเดิม
ทันทีที่เท้าของฉันแตะลงที่พื้นอีกครั้ง
ฉันก็ค่อยๆ เลื่อนตัวเข้าไปประทับรอยจูบลงที่ริมฝีปากของคนที่ฉันรัก
ความอ่อนนุ่มนั้นทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่ายังเต้นรำอยู่บนอากาศอย่างเช่นสักครู่
ก่อนที่ฉันจะถอนริมฝีปาก
ลืมตาขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้กับคนที่ฉันรักสุดหัวใจ
“ฉันรักเธอ” ลูฟี่พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
ก่อนที่เขาจะประทับรอยจูบเข้ามาที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง
ตอนนี้เราก็แต่งกันมาจนจบแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆ คนทั้งคนที่คอมเม้นและคนที่เป็นนักอ่านเงานะคะ
ขอบคุณจริงๆ ที่อ่านฟิคเรื่องนี้จนจบ
ตอนนี้ไรท์ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้สำเร็จแล้วนะคะ ที่บอกว่าไม่ว่ายังไงฟิคเรื่องนี้ก็จะต้องจบ
และวันนี้ก็จบแล้ว ใช้เวลาประมาณ 5 ปี เพราะแอดแต่งตอน ม.3ขึ้นม.4
ปัจจุบันแอดจะขึ้นปีสองแล้ว 5555 ค่อนข้างใจหายมากเลยค่ะที่ฟิคเรื่องนี้จบ
รูปประกอบเป็นรูปที่แอดวาดเองนะคะ ใครชอบก็เซฟกันไปได้ ขอแค่อย่าลบเครดิตเลย555
แล้วว่าด้วยเรื่องที่ว่าจะแต่งต่อมั้ย
ค่ะ ไรท์จะแต่งต่อ เป็นเรื่องใหม่ของลูฟี่นามิอีกเช่นเคย
ครั้งนี้อาจจะมาในรูปแบบของชีวิตประจำวันแบบเราๆ นี่แหละค่ะ
ถ้าใครอยากติดตาม ก็รอชมกันได้เลยนะคะ
ตอนนี้ใครเข้ามาใน My.id ของแอด สามารถกดเข้าไปดูตรง Blog
ได้นะคะ แอดเขียนบล็อก " ข้อสังเกตที่มองว่านามิเป็นนางเอก " อยู่
บล็อกนี้ก็มีอายุพอๆ กับฟิคเรื่องนี้เลยค่ะ ใครอยากจะเข้าไปแชร์ความคิดเห็นก็เข้าไปอ่านได้เลยนะคะ
โอเค พล่ามยาวนะ เอาเป็นว่า ไรท์ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ รักรีดเดอร์ที่สุด ♥
ขอบคุณธีมสวยๆ จาก
ความคิดเห็น