ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 18 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.58K
      15
      28 มี.ค. 58





    “เนียร์!! ตื่นได้แล้วมั้งลูก บ่ายโมงละนะ”

     

     

    เสียงปลุกจากมารดาไม่ได้ทำให้ร่างเล็กที่อยู่ชั้นสองของบ้านขยับตัวเลยแม้แต่น้อย จินยองที่ยังนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนอง ดวงตาใสยังหลับพริ้ม ริมฝีปากยู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงรบกวน อย่างว่าอ่ะนะวันหยุดทั้งทีตื่นบ่ายโมงมันเป็นเรื่องธรรมดา รักเนียร์อย่าปลุกเนียร์


     

     

    “เนียร์!! ตื่นมากินข้าวบ้างสิลูก”

     

     

    “ขออีกนิดฮะแม่!!!” จินยองตะโกนตอบก่อนคุดคู้เหมือนเดิม 




     

    “เนียร์!! เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอกลูก”

     





    “ไม่เกินบ่ายสองฮะ!!” จินยองบอกพลางพลิกตัวเอาผ้าห่มคลุมโปง

     






    .

    .

    .


    แต่หลังจากเข้าสู่ห้วงนิทรารอบที่ร้อยได้ไม่เท่าไรก็มีเสียงเคาะประตูห้องนอนอันเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ ณ เวลานี้

     

     

    ก๊อกๆๆๆๆ





    “แม่ฮะ...เนียร์บอกไม่เกินบ่ายสองไง” จินยองยังงอแงใต้ผ้าห่ม

     










     

    ก๊อกๆๆๆๆ

     

    เสียงเคาะประตูดังอีกครั้ง

     



    “แม่เปิดเข้ามาก็ได้ฮะ เนียร์ไม่ได้ล็อค” จินยองพูดแอบเซ็งเล็กน้อยทั้งที่ยังหลับตา

     





     

    ร่างเล็กได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับฝีเท้าที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ถึงจะสงสัยว่าทำไมวันนี้แม่ถึงได้เดินแรงจัง โกรธป่ะเนี่ย แต่จินยองก็ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาอยู่ดี วันหยุดอ่ะแม่วันหยุด ขอนอนหน่อยไม่ได้ไง ยิ่งถ้าแม่โกรธอยู่ด้วยยิ่งไม่ควรลืมตามามองเด็ดขาด


     

    “แม่ฮะ เนียร์บอกว่าขอบ่ายสอง นะฮะ” ร่างเล็กกอดหมอนข้างแน่นพร้อมกับส่งเสียงอ้อน มันดูน่ารักจนทำให้คนที่เข้ามาใหม่อดยิ้มไม่ได้

     


    แรงยุบที่เตียงข้างๆตัวทำให้จินยองเขยิบตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด









     

    “นอนกลางวันเป็นเด็กอนุบาลไปได้” เสี้ยงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้จินยองเบิกตาโต






    .

    .

    .
     

     

    แม่กูเสียงไม่ทุ้มขนาดนั้น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     



    ร่างเล็กเด้งตัวลุกขึ้นมาก่อนจะมองหน้าเจ้าของเสียงที่ฉีกยิ้มมาให้เขาอยู่ข้างๆ
     

     

    อิม แจบอม!!! มาได้ไงวะ!!

     







    “คุณ!! มาได้ไงอ่ะ”

     

    จินยองเบิกตาโตที่สุดในชีวิต ใบหน้าที่เพิ่งตื่นกับหัวชี้ๆไม่เป็นทรง แล้วไหนจะท่าทางกอดหมอนถอยกรูดติดผนังอีก น่ารักเป็นบ้า


    “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะมา” เจบียิ้มขำๆกับท่าทางอีกคน


    “แล้วขึ้นมาได้ไง”


    “นี่คุณ..ทำอย่างกับผมไม่เคยมาห้องคุณอย่างงั้นแหละ คุณแม่กับคุณพ่อก็น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ ดีใจใหญ่เลยที่เห็นผมแบบเป็นคน แถมแม่คุณยังบอกให้ผมมาปลุกคนขี้เซาด้วย” เจบีทิ้งตัวลงที่เตียงอย่างถือวิสาสะ


    “แล้วมานอนได้ไง นี่มันเตียงผม” จินยองเอาหมอนฟาดลงท้องอีกคนเข้าให้


    “โอ้ย นี่คุณ ผมเจ็บเป็นแล้วนะ” เจบีจับมืออีกคนที่ฟาดลงมาไม่ยั้งให้หยุด


    “ปล่อย” จินยองสั่งเสียงเรียบ


    “บอกผมก่อนว่าจะหยุดตี” เจบียังไม่ยอมปล่อย


    “นี่คุณ!!


    “เร็วสิครับเนียร์” เจบีล้อเลียนอีกคน มาคิดดูดีๆบางทีเจบีก็ไม่สมควรได้กลับเข้าร่างนะ


    “เออ หยุดแล้ว แล้วก็ห้ามเรียกผมแบบนั้นด้วย” จินยองดึงมือออกพลางหน้าบึ้ง


    “ทำไมล่ะ น่ารักดีนิ่” เจบีว่าพลางทำท่าเสียดายนิดๆ


    “ผมไม่อนุญาตให้คนอื่นที่ไม่ใช่พ่อกับแม่เรียกชื่อนี้” จินยองว่าโดยเน้นคำว่าคนอื่น


    “ก็ได้ๆ เดี๋ยวคุณค่อยอนุญาตผมทีหลังก็ได้” จินยองหงุดหงิดเมื่อได้ยินประโยคงี่เง่าของเจบี


    “แล้วคุณมาบ้านผมทำไม ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่มีงานไม่ต้....”


    “ผมมีงานให้คุณทำ” เจบีขัดขึ้นมาก่อนที่จินยองจะพูดจบ


    “ผมเคยบอกแล้วว่าให้ติดต่อไปที่มา..”


    “อ้ะๆ..ผมจำได้ แล้วผมก็ติดต่อมาร์คมันเรียบร้อยแล้ว” เจบีชี้หน้าจินยอง เล่นเอาอีกคนปัดอย่างหัวเสีย


    ร่างเล็กถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนปลายเตียง

     

    “แล้วมาร์คมันว่าไง” จินยองถามอีกคนที่นอนแผ่ไม่เกรงใจเจ้าของห้อง


    “มาร์คบอกให้มาหาคุณ” ไอ้มาร์ค ไอ้เลว ไอ้คนขายเพื่อน!!!!


    “จะให้ช่วยอะไร”


    “เดี๋ยวคุณได้รู้แน่ แต่ตอนนี้คุณแม่ให้ผมมาปลุกคุณไปกินข้าว คุณควรจะลงไปได้แล้ว” เจบีลุกขึ้นยืนบ้าง


    “ก็ได้ๆ แม่นะแม่” จินยองบ่นงึมงำ ก่อนที่จะพาร่างไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อกับกางเกงและผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ ก่อนจะปรายตามามองเจบีที่นั่งบนเตียงสบายใจ

     

     

    “แล้วเมื่อไรคุณจะลงไป ผมตื่นแล้วเนี่ย” จินยองถามอีกคน


    “ก็รอคุณไง”


    “ผมจะอาบน้ำ คุณลงไปก่อนสิ”


    “คุณก็ไปอาบเลย จะเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนี้ก็ได้นะ ผมไม่ถือ” เจบีบอกยิ้มๆ


    “อิม แจบอม!!!!” จินยองหันมาทำหน้าที่คิดว่าดุที่สุดใส่อีกคน คือมองยังไงก็น่ารักป่ะวะ


    “โอเค มาซะเต็มยศเลย ไปก็ได้ครับ” เจบียิ้มให้ก่อนจะค่อยๆพาร่างของตัวเองถอยจากห้องโดยที่มีร่างเล็กตามไปล็อคห้อง

     

     








    อิมาร์ค อย่าให้กูเจอหน้า มึงตายแน่ ไอ้คนขายเพื่อน!!!!

     

    ....................................................................................................................


     

    “พี่มาร์ค มาดูอันนี้สิครับ” ร่างเล็กของแบมแบมกวักมือเรียกมาร์คที่เดินอมยิ้มตามหลังมา

     


    ใช่ ไม่ผิดหรอก หลังจากที่เจบีคุยธุระกับมาร์คที่บ้านเสร็จ ก็ขอตัวบอกว่าจะไปบ้านจินยอง บอกว่าจะไปคุยธุระ ดูชัดๆก็รู้ว่าตอแหล เพราะคนเนียนย่อมมองเห็นคนเนียนด้วยกันเองทำไมมาร์คจะดูไม่ออก ส่วนแบมแบมที่ตอนแรกเหมือนจะไปด้วยก็เกิดเปลี่ยนใจอยากมาซื้อของที่ทงแดมุน และแน่นอนว่าไอ้เด็กยูคยอมต้องมาด้วย เรื่องอะไรจะให้มากันสองคน มาร์คต้องตามมาด้วยสิครับ งานหยอดไม่คืบหน้า แต่งานก้างมาร์คสู้ตาย

     

    ตอนแรกก็มาสี่คนนะเพราะลากโจอี้ที่ดูไม่ค่อยเต็มใจจะออกจากบ้านมาด้วย แต่พอมาถึงไอ้โจอี้ก็ดันอยากไปดูซีดีอะไรของมันก็ไม่รู้ ไอ้เด็กยูคยอมก็เหมือนจะหาดีวีดีเหมือนกัน แบมแบมก็เลยบอกให้สองคนนั้นไปด้วยกันแล้วก็ลากมาร์คมาดูของด้วย ย้ำอีกครั้ง ว่าแบมแบมเป็นคนบอกมาร์คแค่ทำตามจริงๆนะ ถึงไอ้เด็กยักษ์จะไม่ค่อยพอใจแต่ก็คงไม่กล้าขัดแบมแบม ส่วนโจอี้ มันก็ฮึดฮัดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาก ไอ้เด็กบ้านี่ชอบทำตัวแก่แดดห่วงภาพพจน์เป็นที่หนึ่ง
    ถามว่ามาร์คห่วงน้องมั้ย ก็ห่วงนะ แต่....โอกาสของกูสำคัญกว่า สองต่อสองเลยนะ ได้เวลาตอบแทนบุญคุณที่กูเลี้ยงมึงมาแล้วโจอี้

     
     

    “น่ารักมั้ยครับ” แบมแบมยกเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีดำแต่เป็นลายเหมือนหุ่นยนต์หลากสีตัวเล็กๆเต็มพื้นดำมาทาบกับตัว


    “น่ารัก” กูหมายถึงแบมแบมนะ


    “พี่บีจะชอบมั้ยเนี่ย” แบมแบมบ่นพึมพำ


    “แบมแบมจะซื้อให้ไอ้เจบีเหรอ” มาร์คถามพลางเดินเข้าไปหาอีกคน มันดูคาวาอี้ไปสำหรับไอ้ผีบ้านั่น
     

    “ครับ เนื่องในโอกาสที่พี่บีฟื้น” แบมแบมว่า มาร์คพยักหน้าเล็กน้อย


    “แต่แบมยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี ก็เลยให้พี่มาร์คมาช่วยแบมเลือก” แบมแบมว่าต่อพลางดูเสื้อในราวน์ต่อ


    "ไม่ชวนยูคยอมมาช่วยเลือกล่ะ" มาร์คถามอีกคน เพราะดูเด็กนั่นก็สนิทกับเจบีพอตัว

    "ไม่ล่ะครับ ยูคยอมอ่ะรสนิยมประหลาด พี่มาร์คน่ะเป็นเพื่อนพี่เจบีน่าจะพอช่วยได้" เอ่อ น้องแบมครับ พี่ก็เพิ่งเป็นเพื่อนกับมันไม่นานเนี่ยแหละ

    “ซื้อเสื้อเหรอ เลือกยากอยู่นะ” มาร์คว่าพลางช่วยดูบ้าง


    “จะหน้าหนาวแล้วนี่ครับ แบมยังเริ่มเย็นๆเลย มีแต่พี่มาร์คแหละที่ทำตัวเหมือนไม่หนาว” แบมแบมมองมาร์คที่ใส่เสื้อยืดธรรมดาแล้วทับด้วยแจ็คเก็ตหนังเก่าๆ คือไม่อุ่นแน่ๆ


    “ก็หนาวนะ แต่ไม่มาก เย็นดี”  มาร์คว่าพลางเอามือล้วงกระเป๋า คือปกติอยู่บ้านเปิดฮีทเตอร์ไม่ค่อยออกไปไหน

    “หนาวก็ใส่ถุงมือสิครับ ผ้าพันคอก็ไม่ใส่”  แบมแบมเบะปาก เมื่อมองคอโล่งๆของอีกคน

    “หาคนเดินจับมือข้างๆแค่นี้ก็อุ่นแล้ว” มาร์คหยอดอีกคนยิ้มๆ


    “กลับมาเป็นคนเดิมได้แล้วเหรอครับ ทีวันนั้นเงียบเชียว สงสัยไม่สบายจริง” แบมแบมแอบแขวะให้ ก็ช่วงก่อนๆที่แบมแบมเจอมาร์ค เล่นเงียบซะตกใจ

    “แล้วแบมชอบแบบไหนล่ะ”


    “จะแบบไหนพี่มาร์คก็คือพี่มาร์ค แบมไม่มีความเห็นหรอกครับ” แบมแบมบอกพลางผละออกจากราวเสื้อ


    “นึกว่าจะบอกว่าจะแบบไหนแบมก็ชอบทั้งนั้นซะอีก” มาร์คยังเดินตามอีกคน


    “พี่มาร์คครับ..ถามจริงนะ..เหนื่อยมั้ยเวลาคิดมุก” แบมแบมถามพลางขำอีกคน คนบ้าอะไร ยิงทุกนัด หยอดทุกเม็ด ไม่ได้รำคาญนะ ตลกดี


    “โอเค พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวไม่ได้ช่วยแบมเลือกของ” มาร์คยิ้มตอบ


    “ยังไม่หมดนะครับ เสร็จแล้วพี่มาร์คต้องช่วยแบมเลือกของขอบคุณพี่จินยองกับพี่แจ็คสันอีก” แบมแบมบอกพลางหยิบเสื้ออีกตัวมาถามความเห็นแต่มาร์คทำหน้าลังเล


    “แล้วพี่อ่ะ ไม่เห็นมีของขอบคุณเลย” มาร์คทำหน้ามุ่ยงอนๆ แอ๊บได้อีก


    “ตอนแรกก็ว่าจะให้พี่มาร์คด้วยแหละ แต่....ตอนนี้ขอคิดดูก่อน” แบมแบมบอก คือท่างอนน่าหมั่นไส้มาก


    "คนน่ารักมักใจร้ายจริงๆ" มาร์คบ่นงึมงำ

     

    “ตัวนี้ล่ะแบม” มาร์คหยิบเสื้อกันหนาวแบบสวมหัวสีน้ำเงินเข้มที่มีดีเทลตรงคอเสื้อเล็กน้อยให้อีกคนดูเพื่อขัดจังหวะพูดของแบมแบม มาร์คไม่อยากฟังประโยคแสลงหูอ่ะ


    “อ๊ะ สวยดีครับพี่มาร์ค พี่บีน่าจะชอบ” แบมแบมที่แขวะมาร์คอยู่เปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นเสื้อ


    “เห็นมั้ย แบมควรขอบคุณพี่นะ” มาร์คว่าพลางยื่นเสื้อให้แบมแบม แต่แบมแบมเอามาทาบตัวมาร์คเพราะคิดว่าถ้าพอดีกับมาร์ค เจบีน่าจะใส่ได้


    “ก็ยังขอคิดดูก่อนครับ แบมว่าแบมเอาอันนี้ล่ะ” แบมแบมว่าก่อนเตรียมจะเดินไปจ่ายเงิน


    “เดี๋ยวๆแบม จะจ่ายเลยเหรอ ไม่ดูอย่างอื่นเผื่อเลือกไว้เลยเหรอ” มาร์คจับไหล่แบมแบมยั้งไว้


    “ไม่ล่ะครับ แบมชอบ แบมเอาอันนี้แหล่ะ เดี๋ยวเหลือของคนอื่นอีก” แบมแบมยิ้มก่อนเดินไปจ่ายเงิน

     






     

    หลังจากได้เสื้อของเจบี มาร์คกับแบมแบมก็ยังเดินซื้อของสนุกสนาน เข้าตรงนั้นออกตรงนี้ มาร์คเองก็ไม่ได้เบื่ออะไรเพราะแบมแบมก็ไม่ได้ให้มาร์คยืนรอเฉยๆ แต่ให้ช่วยดูของของคนนั้นคนนี้ให้ด้วย ถึงจะแอบคิดไปบ้างว่า ทำไมอีกสองคนอย่างยูคยอมกับโจอี้ไม่ได้โทรหาเลยแต่มาร์คก็ต้องหยุดคิดไป เพราะต้องมาช่วยแบมแบมเลือกของให้จินยองและแจ็คสันรวมถึงน้องชายเขา โจอี้ด้วย



    มาร์คไม่เคยคิดว่าการมาเดินช็อปปิ้งเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลย แต่ไม่รู้เป็นเพราะคนข้างๆรึเปล่าที่ทำให้มาร์คอยากจะแวะดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเพื่อต่อเวลา มาร์คก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปเท่าไร แต่ที่รู้ๆคือ ยังไม่อยากให้ช็อปปิ้งเสร็จเลยว่ะเฮ้ย

     

     

    “พี่มาร์คไปดูตรงนั้นกันมั้ย” แบมแบมชี้ไปที่ร้านขายพวก accessory สำหรับฤดูหนาว หลังจากที่สุดท้ายได้ตกลงว่าซื้อขนมไปขอบคุณแจ็คสันกับจินยองละกัน


    “ไปสิ” มาร์คพยักหน้าก่อนเดินไปพร้อมแบมแบม

     


    ทั้งสองเดินเข้าไปดูของเรื่อยเปื่อย ของในร้านก็มีเยอะมาก มีตั้งแต่แนวแฟชั่น ไปจนถึงหมวกไหมพรมและถุงมือลายตลกๆ

    .

    .

    “แบมแบม ดูนี่” มาร์คเรียกอีกคนให้หันมาพร้อมชูมือสองข้างที่ใส่ถุงมือเป็นรูปอุ้งเท้าสัตว์สองข้าง เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กได้


    “พี่มาร์คทำอะไรน่ะครับ จะซื้อเหรอ” แบมแบมถามยังไม่หยุดหัวเราะ


    “ซื้อไปใส่ที่ไหนล่ะแบม ถ้าเป็นไอ้แจ็คมันอาจจะซื้อนะ” มาร์คถอดถุงมือวางคืน


    “พี่มาร์ค ดูอันนี้” แบมแบมหยิบหมวกไหมพรมรูปสตรอเบอร์รี่สีแดงมาสวมพร้อมทำหน้าตลกๆ


    “เหมาะดีนะ” มาร์คหัวเราะอีกคน แบมแบมเองก็หัวเราะแล้วถอดหมวกออก


    “พี่มาร์คไม่ลองดูบ้าง สดใสดีนะครับ” แบมแบมบอกพลางชี้ให้ดูถุงมือสีเหลืองรูปเป็ด


    “อ่า พี่ว่าพี่ไม่ถนัดสีสดๆเท่าไร” มาร์คหยิบมาใส่แล้วเบะปาก


    “แบมเห็นพี่มาร์คใส่แต่สีทึมๆ ไม่ก็ลายตาราง ลายสก๊อต ชอบเหรอครับ” แบมแบมว่ายังพยายามยัดเยียดให้มาร์คลองสวมอะไรที่น่ารักๆ

    “ก็มันแต่งง่าย ไม่ตกยุค ล่ะมั้ง” มาร์คไหวไหล่ เอาจริงๆคนหน้าตาดีแต่งอะไรมันก็เวิร์คอ่ะนะ


    “งั้นนี่มั้ยครับ ดำขาว” แบมแบมหยิบที่ปิดหูลายหมีแพนด้ามาเขย่งสวมให้มาร์คพร้อมหัวเราะ


    “ลำบากถึงขนาดต้องเขย่ง ก็ยังจะใส่ให้พี่นะ” มาร์คว่าพลางยีหัวอีกคนที่ยังขำอยู่


    “น่ารักออก พี่มาร์ค” แบมแบมว่า


    “ไม่ต้องเลย งั้นของแบมต้องอันนี้” มาร์คหยิบที่ปิดหูรูปเป็ดสีเหลืองอ๋อยใส่ให้แบมแบม


    "ลองใส่คู่ถุงมือสิครับ" แบมแบมเชียร์ให้มาร์คใส่ถุงมือรูปอุ้งเท้าสัตว์อีกครั้ง

    "แบ๊วเว่อร์" มาร์คว่าหลังใส่ถุงมือ แล้วส่องกระจก เล่นเอาแบมแบมขำไม่หยุด

    "แบมก็ใส่ด้วยสิ" มาร์คชี้ไปที่ถุงมือเป็ดสีเหลือง

    "เหมือนพวกเพี้ยนเลย" แบมแบมว่าพลางยืนส่องกระจกข้างมาร์ค



    แบมแบมอ่ะน่ารัก แต่กูอ่ะเพี้ยนจริง



    “แบมว่าเราพอดีกว่าเดี๋ยวเจ้าของร้านออกมาด่า” แบมแบมที่หยุดขำถอดที่ปิดหูกับถุงมือออกก่อนวางคืน มาร์คเองก็เช่นกัน

     
    "เสียดายนะครับที่ร้านห้ามถ่ายรูป" แบมแบมว่า

    "ดีแล้ว แบมจะได้ไม่เอารูปพี่ไปแบล็คเมล์" มาร์คว่า ปกติไม่แสดงท่าทางมุ้งมิ้งให้คนนอกเห็นนะครับบอกเลย

    "พี่มาร์คคิดมาก แบมว่าน่ารักจะตาย" น่ารักก็รักเลยน้องแบม พี่จะไม่ห้าม 



     



    มาร์คกับแบมแบมก็ยังคงเดินดูของไปด้วย แล้วก็ยิ้มขำไปด้วยเมื่อชี้ชวนกันดูไอเท็มตลกๆในร้าน

     








    “อ๊ะ!!” แบมแบมที่เหมือนจะเจออะไรเข้ารีบเดินไปดูผ้าพันคอผืนหนาที่วางอยู่


    “สวยมั้ยครับ” แบมแบมหยิบผ้าพันคอลายตารางหมากรุกขาวดำขึ้นมาถามมาร์ค


    “อื้ม สวยดีนะ” มาร์คว่า


    “แล้วพี่มาร์คว่าอันไหนสวยอีก ช่วยแบมเลือกหน่อย” แบมแบมถามพลางบุ้ยหน้าไปทางผ้าพันคอสีที่เหลือที่วางอยู่


    “อืม....................อันนี้มั้ง”  มาร์คหยิบผ้าพันคอไหมพรมสีเทาขึ้นมา แบมแบมหยิบจากมือมาร์คไปดู


    “แล้ว......พี่มาร์คว่าอันไหนสวยกว่ากันครับ” แบมแบมยื่นให้มาร์คดูทั้งสองอัน

    “อืม..พี่ว่าอันนี้สวยสุด” มาร์คชี้ไปที่ผ้าพันคอลายตารางหมากรุกที่แบมแบมหยิบมาผืนแรก


    “ดีจัง แบมก็ชอบ” แบมแบมวางผ้าพันคอสีเทาคืน


    “งั้นแบมไปจ่ายเงินนะ” แบมแบมหันมาบอกมาร์ค


    “นี่จะซื้อเหรอ” มาร์คตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกคนจะเลือกของซื้อของเร็วขนาดนี้


    “ก็ใช่ไงครับ” แบมแบมยิ้มก่อนจะเดินมาคิดเงินโดยมีมาร์คตามมาติดๆ

    .

     

    .

     

    .

    “ไม่ต้องใส่ถุงนะครับ แล้วก็รบกวนช่วยตัดป้ายราคาหลังคิดเงินเลยนะครับ” แบมแบมบอกพนักงานซึ่งก็พยักหน้ารับเป็นอย่างดี


    “พี่รอข้างนอกนะ” มาร์คบอกแบมแบม แบมแบมเองก็พยักหน้ารับก่อนที่มาร์คจะออกมายืนรอหน้าร้าน

     




    เริ่มจะตอนเย็นอากาศก็ยิ่งเย็นขึ้น มาร์คยืนถูมือไปมาเล็กน้อย นี่ก็ใกล้จะหน้าหนาวแล้วคิดว่าเสื้อบางๆแค่สองชั้นจะทำให้อุ่นรึไงมาร์ค ต้วน  ไม่นานแบมแบมก็เดินออกมาจากร้าน

     

     

    “พี่มาร์คครับ” แบมแบมเรียกอีกคนที่หันหลังอยู่


    “เสร็จแล้วเหรอแบม ไปไหนต่อล่ะ” มาร์คหันมาหาแบมแบม


    “เดี๋ยวก่อนครับพี่มาร์ค”

     



    ร่างเล็กนำผ้าพันคอผืนที่คิดเงินเมื่อกี้ค่อยๆบรรจงพันคอร่างสูง ก่อนจะจัดอีกเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง

     



    “อะไรเนี่ยแบม” มาร์คถาม


    “ของขอบคุณไงครับ จะหน้าหนาวแล้วแต่งตัวให้อุ่นๆหน่อยนะครับพี่มาร์ค” แบมแบมบอกพร้อมรอยยิ้ม  โอ้ย มาร์ค ต้วนโดนแอทแท็คอย่างแรง

    .

    .

    .

    “เป็นห่วงพี่ก็บอกมาเถอะ” มาร์คที่หน้าแดงเล็กน้อยเอ่ยขึ้นมาพร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้อีกคนแก้เขิน? มาร์คสิครับต้องรุก อย่ามาเขินให้เสียมาด


    “แหวะ” แบมแบมดันหน้าอีกคนก่อนจะออกเดินอีกครั้ง ร่างเล็กหน้ามุ่ยกับอาการเข้าข้างตัวเองของมาร์คก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า



     

    .


    .


    .





    “แบมห่วงแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ”

     

     

    ...........................................................................................

     



    “เฮ้ย ทำไรเปี๊ยก” ยูคยอมที่แกล้งตะคอกใส่หลังโจอี้ที่กำลังยืนเลือกซีดีอยู่ เล่นเอาโจอี้สะดุ้งไปเหมือนกัน


    “ทำบ้าอะไรของพี่วะ” โจอี้หันไปว่าอีกคนก่อนยืนเลือกแผ่น


    “ขวัญอ่อนนะ” ยูคยอมยิ้มหัวเราะ


    “ทำมาเป็นอารมณ์ดี ผมก็นึกว่าจะหน้าบูดเป็นตูดซะอีกที่พี่แบมไปกับเฮียสองคน” โจอี้พูดแต่ไม่ได้มองหน้าอีกคน


    “แล้วจะพูดให้เซ็งทำไมเนี่ย” ยูคยอมว่า จริงๆตอนแรกก็รู้สึกเซ็งอยู่หรอกที่โดนแบมแบมไล่ให้มาเป็นเพื่อนโจอี้ แต่ยังไงซะมากับเด็กนี่ก็ไม่ได้เลวร้าย มีอะไรสนุกๆให้แกล้งตั้งเยอะ แล้วอีกอย่าง ยูคยอมจะมาเลือกซื้อดีวีดีด้วยเหมือนกัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงพี่มาร์คคงทำคะแนนได้ไม่เท่าไรหรอก......มั้ง?

    “งานเนี้ยผมไม่เกี่ยวด้วยนะบอกเลย” โจอี้บอกอีกคน ถึงจะแอบเชียร์พี่ชายตัวเองเงียบๆก็เถอะ


    “ไม่รู้หรอก แต่ถ้านายเชียร์พี่มาร์คออกนอกหน้าล่ะก็ นายเตรียมโดนฉันเชือดได้เลย”


    “เฮียมาร์คสู้ๆ สู้ตาย!!” โจอี้เอ่ยประชดอีกคน


    “ไอ้เด็กนี่” ยูคยอมเอ่ยเคืองๆ กวนประสาทชะมัด


    “นี่...พี่อ่ะ จะตามพี่แบมกับเฮียไปก็ได้นะ ผมอยู่คนเดียวได้ ดีกว่าอยู่กับพี่สองคนด้วยซ้ำ” โจอี้เปิดทางให้อีกคน


    “คิดว่าฉันมาเป็นเพื่อนนายรึไง ฉันมาซื้อหนังไปดูเว้ย” ยูคยอมพูดพลางเคาะกล่องดีวีดีลงหัวร่างเล็ก


    “พี่ดูไรอ่ะ หน้าอย่างงี้...เอวีชัวร์” โจอี้บอกพลางพยายามแย่งกล่องดีวีดีในมืออีกคน แต่ยูคยอมกลับชูมันไว้สูงๆ


    “ไม่ใช่ แล้วก็ไม่ต้องอยากรู้ด้วย” โจอี้ยังคงไม่ย่อท้อ


    “ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมต้องไม่ให้ดูวะ”


    “เรื่องของฉัน”


    “เฮ้ย..นั่นพี่แบมกับเฮียนี่” โจอี้เอ่ยพลางชี้ไปข้างหลังยูคยอม ยูคยอมเองก็หันไปมองตามมืออย่างรวดเร็ว โจอี้ใช้จังหวะนี้กระโดดแย่งกล่องดีวีดีในมืออีกคนมา


    “ไหนอ่ะ...เฮ้ย” ยูคยอมที่มองหาตามที่โจอี้บอกก็ต้องตกใจเมื่ออีกคนแย่งดีวีดีไปดื้อๆ


    “พี่นี่หลอกง่ายสุดๆ” โจอี้เยาะเย้ยอีกคน


    “นายนี่มันจริงๆเลย เอามานี่” ยูคยอมว่าพลางทำท่าจะแย่งคืนแต่เรื่องอะไรจะยอมให้ง่ายๆ


    Big Hero 6 นี่ พี่ดูด้วยเหรอ” โจอี้เอ่ยเมื่อเห็นดีวีดีของยูคยอม


    “เออ ทำไม..ผิดเหรอที่โตแล้วดูการ์ตูน” ยูคยอมบอกเขินๆ


    “ผมไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย พี่ได้ดูในโรงป่ะ ผมชอบมากเลย” โจอี้พูดอย่างตื่นเต้น


    “ดูสิ ชอบก็เลยซื้อเก็บน่ะ” ยูคยอมหยิบดีวีดีคืนจากมือโจอี้


    “ผมร้องไห้เลยนะ ตอนฉากที่บอกว่า Tadashi is here มันซึ้งมากจริงๆ แล้วพี่ได้ดูเครดิตตอนท้ายมั้ยที่มีแสตน ลี ออกมาเป็นพ่อของเฟร็ดอ่ะ ผมฮาเลย” โจอี้เล่าต่อ ยูคยอมเองก็เห็นประกายความตื่นเต้นในตาของอีกคน


    “ก็ซึ้งนะแต่ไม่ร้อง” ยูคยอมยิ้มขำๆอีกคน เด็กมันก็คือเด็กจริงๆ


    “นั่นเป็นเพราะพี่เป็นลูกคนเดียวอ่ะดิ เลยไม่ซาบซึ้งกับความรักของพี่น้อง”


    “ฉันบอกว่าฉันซึ้งแต่ไม่ถึงกับร้องไห้ ไม่เหมือนเด็กแถวนี้” ยูคยอมว่าพลางลูบหัวอีกคนแกล้งๆแต่โจอี้ปัดออก


    “ชิ...แล้วพี่ได้ดูเรื่องนี้มั้ย The boxtrolls” โจอี้จิ๊ปากก่อนแนะนำการ์ตูนอีกเรื่อง


    “ยังเลย เข้าชิงหลายรางวัลเหมือนกันนิ่ได้ข่าว” ยูคยอมเคยได้ยินเพราะเข้าชิงสาขาแอนิเมชั่นบ่อยพอๆกับ big hero 6


    “ไปดู ถ้าพี่ชอบแนวหนัง stop motion picture นะ กรุณาดูเรื่องนี้ทำเทคนิคเคลื่อนไหวดีมาก สนุกด้วย” ยูคยอมถาม


    “นายชอบดูการ์ตูนเหรอ” ยูคยอมถาม โจอี้พยักหน้าหงึกหงัก


    “ก็ดีนะ ไว้คราวหน้าถ้ามีแอนิเมชั่นสนุก ฉันจะได้มีเพื่อนไปดูด้วย” ยูคยอมว่า


    “มีประโยคไหนที่ผมบอกว่าจะไปกับพี่กัน” โจอี้บอก


    “ทำเล่นตัวไปเถอะ อย่ามาเป็นฝ่ายชวนฉันก็แล้วกัน” ยูคยอมว่า


    “ไม่มีวันหรอก  แล้วนี่พี่จะดูอะไรอีกมั้ย ผมจะไปจ่ายเงินละ” โจอี้บอกหลังจากเลือกซีดีที่ต้องการได้


    “เดี๋ยวเดินไปหยิบ the boxtrolls แล้วไปจ่ายเงินกัน” ยูคยอมชี้ไปโซนดีวีดี โจอี้พยักหน้ารับแอบดีใจที่ยูคยอมเลือกซื้อเรื่องที่ตนแนะนำ

     

     


    ทั้งคู่เดินออกมาจากร้านขายดีวีดีหลังจากที่คิดเงินเสร็จ โจอี้เองตอนนี้ไม่ได้มีจุดหมายจะไปไหน ยูคยอมเองก็เหมือนกัน ทั้งสองคนเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยไม่ได้หยุดดูร้านไหนเป็นพิเศษ

     




    “ไปไหนต่อดี” เป็นยูคยอมที่ถามอีกคน


    “ให้โทรหาเฮียมาร์คให้มั้ย เราจะได้ตามไปสมทบไง” โจอี้ทำท่าจะล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์


    “เอ่อ..เดินเล่นสักพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยโทร” ขืนกลับไปเจอพี่มาร์คตอนนี้ก็อดแกล้งไอ้เด็กนี่อ่ะดิ กำลังสนุก


    “เฮ้ย!! พาทาม่อน!!!!!” โจอี้โพล่งขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่ร้านเครนเกมหรือร้านคีบตุ๊กตา

     







    ตู้คีบตุ๊กตาหลากหลายตู้เต็มไปหมดทั้งร้าน เรียกว่าเป็นแหล่งรวมโอตาคุได้เลย มีทั้งตุ๊กตาขนฟูจากการ์ตูนเรื่องดัง ไปจนถึงฟิกเกอร์ป็นกล่องๆ แต่ละตู้อาจจะต่างกันเล็กน้อย บางตู้เป็นแบบที่คีบคลาสสิกที่เคยเห็น บางตู้เป็นแบบเขี่ยให้ตกลงมา แต่ที่เรียกความสนใจคงจะเป็นตุ๊กตาดิจิมอนตัวกลมสีส้มที่มีปีกด้านหลัง


    โจอี้รีบวิ่งไปที่ตู้ตุ๊กตานั่น ส่วนยูคยอมยืนยิ้มขำ เพราะปกติที่เจอโจอี้มักจะวางมาดเป็นเด็กที่ชอบทำอะไรโตเกินวัย พอเห็นอีกคนทำท่าเป็นเด็กขึ้นมาจริงๆก็อดขำไม่ได้



    “พี่ดูดิจิมอนป่ะ ได้ข่าวว่าจะเอามาทำใหม่เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีด้วยนะ” โจอี้หันไปถามยูคยอมก่อนจะหันมามองตุ๊กตาในตู้


    “ฉันชอบอากุมอน” ยูคยอมชี้ตัวคล้ายไดโนเสาร์สีส้มในตู้เดียวกัน


    “ดีเลย จะได้ไม่แย่งพาทาม่อนของผม” โจอี้ว่าพลางล้วงเหรียญในกระเป๋ากางเกงเตรียมจะหยอด


    “นี่จะคีบเหรอ” ยูคยอมถามอีกคน


    “ก็ใช่สิ ไม่งั้นจะวิ่งมาทำไม”


    “ปกติเล่นบ่อยเหรอ” ร่างสูงยังถามอีกคน


    “เอาตรงๆนะ ไม่เคยคีบจริงจังเลย เคยลองแค่ครั้งสองครั้ง” ขืนเอาตังมาเล่นไอ้พวกนี้มาร์คได้ด่าเปิง


    “เดี๋ยวๆ วางแผนก่อนสิของอย่างนี้” ยูคยอมยั้งมืออีกคน


    “จะเอาพาทาม่อนใช่มั้ย  เห็นตัวริมซ้ายที่อยู่ระหว่างอากุม่อนสองตัวนั้นมั้ย ที่ก้นโด่งๆ” ยูคยอมชี้ให้อีกคนดู โจอี้พยักหน้า


    “หยอดละนะ” โจอี้หยอดเหรียญก่อนจะเริ่มโยกคันโยก


    “เฮ้ยๆๆ เปี๊ยก หลังไปแล้ว” ยูคยอมว่า ดีนะที่นี่เป็นตู้รุ่นเก่าที่จะขยับกี่ทีก็ได้


    “อะไรนี่ก็ตรงแล้วเนี่ย” โจอี้บ่น


    “มาดูด้านข้างเนี่ยห่างเป็นวาเลย” ยูคยอมดูจากข้างตู้บอก


    “ดูตรงนั้นพี่ก็พูดได้ดิ อ้าว เฮ้ย!!” โจอี้ยู่หน้าก่อนร้องลั่นเมื่อที่คีบหย่อนลงมาเพราะหมดเวลา


    “พูดอย่างนี้ไม่รู้จักพี่ยูคยอมซะแล้ว สมัยมัธยมพี่เซียนมากนะน้องเปี๊ยก”


    “งั้นมาสอนดิ เร็วๆเลย มัวแต่เถียงกับพี่ ดูดิ หมดเวลาเลย” โจอี้เบี่ยงตัวให้อีกคนมายืนแทน


    “นายน่ะมายืนนี่ ยืนห่างอย่างนั้นจะสอนยังไง” ยูคยอมดึงอีกคนมายืนที่เดิมก่อนจะยืนซ้อนหลังอีกคน


    “พี่มีเหรียญให้ยืมป่ะ” โจอี้แบมือขอเหรียญจากอีกคน ยูคยอมล้วงให้แต่โดยดี


    ร่างเล็กก้มไปหยอดเหรียญก่อนจะยืนขึ้นเหมือนเดิม ยูคยอมเอามือข้างหนึ่งจับไหล่เล็ก ก่อนจะก้มลงไปเกือบๆจะเอาหน้าเกยไหล่อีกคน คงไม่ต้องบอกว่ามันใกล้แค่ไหน แต่โจอี้ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากจะเอาพาทาม่อน ร่างเล็กจับคันโยกก่อนเลื่อน


    “ช้าๆๆ” ยูคยอมบอกเตือนอีกคนก่อนจะจับมือโจอี้โยกเพราะอีกคนเล็งตำแหน่งไม่ได้ดังใจ มือเด็กนี่ก็นิ่มดีนะ หน้ามันก็อย่างใส เอ๊ะ เดี๋ยว กูคิดอะไรเนี่ย


    “ซ้ายอีกนิด หลังไปอีก ค่อยๆ เชื่อฉัน” ยูคยอมที่ยังจับมืออีกคนบังคับคันโยกเอ่ยอย่างแผ่วเบา ทำไมต้องเบาเหรอ ก็ปากอยู่ข้างหูอีกคน ขืนพูดปกติไอ้เด็กเปี๊ยกได้หงุดหงิดอีก จริงๆที่ต้องใกล้ขนาดนี้มันมีเหตุผลนะ สายตาจะได้อยู่ในระดับเดียวกันไง ยูคยอมไม่คิดอะไรนะ ชอบแบมแบมคนเดียว ไม่นอกใจ


    “กดเลยทีนี้” ยูคยอมว่า โจอี้พยักหน้าตายังคงจ้องไปในตู้

     



    มือเล็กเอื้อมไปกดให้หย่อนที่คีบลงมาอย่างแรง เครนอ้าออกพร้อมกับหล่นลงมา เป้าหมายคือก้นกลมๆของพาทาม่อน ที่คีบหนีบก้นตุ๊กตาได้แล้วแต่ ไม่รู้ด้วยแรงเหวี่ยงหรือพลังงานบางอย่างทำให้มันตกตุ๊บก่อนถึงช่องเพียงนิดเดียว

     




    “อ๊ากกกกกกก นิดเดียวเอง” โจอี้ปล่อยมือจากคันโยกเป็นเหตุให้ยูคยอมเองก็ต้องปล่อยเหมือนกันก่อนจะยืนตัวตรงเหมือนเดิม


    “โวยวายว่ะ” ยูคยอมปรับสีหน้าให้เหมือนเดิม แอบเขินเหมือนกัน แอบงงด้วยว่าทำไมกูต้องใกล้ขนาดนั้น


    “พี่มีเหรียญอีกป่ะ” โจอี้หันมาหาอีกคนที่ยืนซ้อนหลังพลางทำสายตาอ้อนๆ ซึ่งมาร์คมักบอกว่าเป็นสายตาอ้อนตีนซะมากกว่า แต่สำหรับอีกคนมันก็ดูน่ารักจริงๆ

    “คะ..คิดว่าน่ารักรึไง ทำหน้าแบบนั้น” ยูคยอมตะกุกตะกัก แอบงงนิดนึงว่าใกล้ขนาดนั้น เด็กนี่มันไม่เขินไม่อะไรเลยเหรอวะ

    “นะๆๆ นะครับนะ ผมขอยืมหน่อย” โจอี้ยังไม่เลิก นี่กูก็กระดากตัวเองเหมือนกันเฮ้ย


    “ไม่มีแล้ว” ยูคยอมว่า


    “จริงอ่ะ” โจอี้คอตก อีกนิดเดียวแท้ๆ ร่างเล็กทำหน้าจ๋อยๆ เสียดายว่ะนี่มาไกลมากเลยนะสำหรับโจอี้ ให้ตายเหอะ ไอ้เด็กนี่ อะไรจะละห้อยขนาดนั้นวะ


    “มานี่มา” ยูคยอมจับมืออีกคนก่อนออกเดิน


    “ไปไหนอ่ะ” โจอี้ถามพลางมองมือตัวเองที่โดนจับ


    “แลกเหรียญไง ทำหน้าหงอยขนาดนั้น คงจะให้กลับมือเปล่าไม่ได้หรอก”


    “เฮ้ย..ไม่เป็นไร.....จริงๆ” โจอี้เอ่ยเพราะเกรงใจ บางทียูคยอมอาจอยากไปหาแบมแบม


    “ฉันอยากได้อากุม่อนด้วย โอเค๊?” ยูคยอมว่าพลางยีหัวอีกคนและเป็นครั้งแรกที่โจอี้ไม่ปัดออก

     










     

    นึกยังไงมาทำตัวใจดีแบบนี้วะ ไอ้พี่ยูคยอม




    ............................................................................................................


    ช่วงนี้ไรท์เครียดๆอ่ะ แต่ก็ยังพิมพ์ต่ออยู่นะ เดี๋ยวมาต่อวันหลังนะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากค่ะ ขอบคุณจริงๆที่ติดตาม ปลื้มมากที่มีคนบอกว่าสนุก ฮรือออออ น้ำตาจิไหล ช่วยให้ไรท์หายเครียดได้เยอะเลย ขอบคุณค่ะ

    100 แล้วจ้า ตอนหน้าอาจจะเริ่มเรื่องภาระกิจผีๆแล้วนะ ช่วงนี้เน้นมุ้งมิ้งไปก่อน 

    นี่คืออากุมอนและพาทามอน ใครเกิดยุคเด็กดิจิมอนบ้าง 




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×