ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      10
      12 เม.ย. 58

     
     

    หลังจากเรียนเสร็จยองแจลงมานั่งใต้ตึกคณะรอใครบางคนที่จะเรียกว่ารุ่นพี่หรือลูกศิษย์ดี ส่วนแบมแบมกับยูคยอมเรียนเสร็จก็ขอตัวกลับไปก่อน โดยเฉพาะยูคยอมที่ช่วงนี้ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหน ตรงดิ่งกลับบ้านอย่างเดียว

    ยองแจนั่งพลิกหนังสือไปเรื่อยๆพยายามหาวิธีที่จะอธิบายให้แจ็คสันเข้าใจง่ายๆกับเรื่องพวกนี้ จริงอยู่ว่าโดยปกติบริษัทใหญ่ๆแบบนั้นต้องจ้างพนักงานบัญชีเก่งๆอยู่แล้วแต่สำหรับแจ็คสันยองแจคิดว่าเอาเฉพาะที่ควรจะรู้ก็พอ เอาแค่ว่าให้อ่านเอกสารรู้เรื่อง ไม่อายพนักงานก็พอ



    ขณะที่นั่งพลิกหนังสือไปมา ยองแจก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาที่โต๊ะตัวเองแต่ไม่คิดจะใส่ใจอะไรมากเพราะคิดว่าก็คงเป็นไอ้พี่แจ็คสันนั่นแหละที่เดินมาเลยไม่คิดจะหันไปมอง เสียงฝีเท้าหยุดที่หัวโต๊ะก่อนจะเกิดเป็นเงาบังตัวหนังสือในหนังสือที่ยองแจเปิดอยู่



    “มาแล้วเหรอ ไอ้พี่....” ยองแจบอกก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนมาใหม่


    .
    .
    .

    “พะ..พี่มินโฮ ขอโทษครับ” ยองแจถึงกับเหวอเมื่อไม่ใช่คนที่ตัวเองคิดแต่กลับเป็นรุ่นพี่คณะตัวเองที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่รหัสตัวเองอย่าง ซงมินโฮ


    “ขอโทษ? ขอโทษอะไรยองแจ” มินโฮถามยิ้มๆพร้อมนั่งลงตรงข้ามน้องรหัสเพื่อนตัวเอง


    “ผมเรียกพี่ว่าไอ้ไงครับ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมนึกว่าเป็น...” ยองแจหยุดคิดเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง


    “เป็นใครเหรอ” มินโฮถาม


    “เอ่อ..พอผมนัดคนไว้น่ะครับ” ยองแจตอบ


    “อ่าฮะ...แฟนเหรอ?” มินโฮถามหยั่งเชิงเพราะปกติเขารู้นิสัยน้องรหัสของไอ้แทฮยอนเพื่อนตัวเองค่อนข้างดีว่าโคตรจะป็นเด็กดี เลิกเรียนปุ๊บกลับบ้าน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่เอา เรียนเก่ง นิสัยดี หน้าตาก็น่ารัก




    ทำไมถึงรู้ดีน่ะเหรอ? 



    ก็เล็งไว้ตั้งแต่วันเปิดสายรหัสแล้วไง จบนะ




    “ไม่มีทางหรอกครับ” ยองแจปฏิเสธพลางนึกถึงหน้าแจ็คสัน สยองแปลกๆ


    “ดีแล้วล่ะ” มินโฮแอบโล่งใจเล็กน้อย


    “ดี?” ยองแจงง ไม่มีแฟนมันดียังไงวะ คือบางโมเม้นท์กูก็เหงาเป็นป่ะ


    “ก็จะได้อยู่ให้พวกพี่แกล้งไปเรื่อยๆอย่างนี้ไง” มินโฮว่าพลางยีหัวยองแจ


    “โอ้ย พี่มินโฮ ผมจะฟ้องพี่แทฮยอนจริงๆด้วย” ยองแจพูดขำๆ


    “มันไม่กล้าหือกับพี่หรอก” อีกคนดูจะมั่นใจไม่น้อย


    “แล้วพี่ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” ยองแจถามก็พวกปีสองเรียนเสร็จก่อนพวกเขาอีก


    “ตอนแรกว่าจะกลับ แต่เห็นนายนั่งอยู่คนเดียว พี่เลยว่าจะมานั่งรอเป็นเพื่อน” มินโฮบอก


    “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวพี่แจ็คสันก็มา” ยองแจหลุดพูดชื่อออกไป


    “แจ็คสัน? รุ่นพี่แจ็คสันคณะวิทย์น่ะเหรอ” มินโฮถาม ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนไม่มีชื่อเสียงซะหน่อย เคยเป็นนักบาสมหาลัยด้วยนิ่ แล้วชื่อแจ็คสันก็ใช่ว่าจะมีคนใช้เยอะ


    “รู้จักเหรอครับ” ยองแจถาม


    “ก็เคยได้ยินพวกเพื่อนผู้หญิงพูดบ่อยๆ ที่เขาว่าแก๊งหนุ่มหล่อคณะวิทย์อะไรนั่น ใช่มั้ย?” มินโฮตอบ


    “แก๊งหนุ่มเพี้ยนมากกว่าล่ะมั้งครับ” ยองแจบอก อาจจะเป็นเพราะคณะเขาอยู่ไกลไปล่ะมั้ง กิตติศัพท์ความเพี้ยนและความบ้าบอคอแตกเลยไม่ค่อยมาถึง


    “ทำไมไปพูดถึงแบบนั้นล่ะ พี่เห็นผู้หญิงคณะเราก็ดูปลื้มรุ่นพี่เขาหลายคนอยู่นะ” มินโฮถามยิ้มๆ แอบแปลกใจเพราะปกติยองแจไม่ค่อยว่าใคร


    “ช่างเถอะครับ พี่มินโฮไม่รู้จักเขาก็ดีแล้วล่ะ” ยองแจบอกปัดๆ

     


    .

    .
     
    .

     

    “ยองแจอา!!” พูดยังไม่ทันขาดคำก็ปรากฏร่างของแจ็คสันกำลังตรงมาที่โต๊ะพร้อมกับยิ้มร่าแต่ก็ต้องหุบยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ายองแจไม่ได้นั่งคนเดียว


    “พี่มาช้าอ่ะ” ยองแจบ่น


    “นิดหน่อยทำบ่นนะ ติดแล็บอยู่ เนี่ยเพิ่งเสร็จ” แจ็คสันว่าพลางนั่งลงข้างยองแจ


    “พี่มินโฮครับนี่พี่แจ็คสัน แล้วก็นี่พี่มินโฮรุ่นพี่คณะผมเอง พี่เขาปีสองเป็นรุ่นน้องพี่อ่ะ” ยองแจแนะนำคนแปลกหน้าสองคนให้รู้จักกันไว้


     “สวัสดีครับ” มินโฮก้มหัวอย่างสุภาพ


    “หวัดดี.....เอานี่ หนังสือที่ถามหาวันก่อน โทรไปถามร้านที่เคยใช้บริการที่บ้านบ่อยๆ เขาว่าในสต๊อกยังเหลือแต่ไม่ได้เอาโชว์หน้าร้าน” แจ็คสันทักตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเล่มเล็กๆยื่นให้ยองแจ


    “เฮ้ยยยยย หาได้จริงดิ” ยองแจตาโตรับหนังสืออ่านฆ่าเวลาเล่มเล็กที่เขาหามานานขึ้นมาดู


    “มีอะไรที่หวังแจ็คสันหาไม่ได้บ้างฮะ แล้วก็นะ...หัดขอบคุณผู้ใหญ่ซะบ้างนะมึงอ่ะ” แจ็คสันว่าพลางดีดหน้าผากอีกคน


    “โอ้ย มันเจ็บป่ะวะพี่แจ็คสัน บอกดีๆก็ได้” ยองแจมุ่ยหน้า


    “แล้วไหนคำขอบคุณ” แจ็คสันทวงแอบยิ้มกับท่าทางของยองแจ ตลกว่ะ


    “ขอบคุณคร้าบบบบบบ พอใจยัง” ยองแจลากเสียงประชด


    “สนิทกันดีจังเลยนะครับ” มินโฮทักหลังจากที่คาใจมาสักพัก เรียนก็คนละคณะ รุ่นก็คนละรุ่น ทำไมดูสนิทกันจัง นี่ถ้าแจ็คสันไม่หลุดคำว่ามึงใส่ยองแจ มินโฮก็อาจจะคิดว่าแจ็คสันเป็นคู่แข่งซะล่ะมั้ง


    “สนิทอะไรกันล่ะครับพี่มินโฮ” ยองแจเถียงแจ็คสันก็ถลึงตาใส่อย่างหมั่นไส้


    “ไม่เหรอ?” มินโฮถาม ยองแจส่ายหน้าแทนคำตอบ


    “นี่ๆ ให้มันน้อยๆหน่อย” แจ็คสันว่าพลางจับหน้าอีกคนให้หยุดส่าย


    “ก็ไม่ได้สนิทนิ่ เดี๋ยวเขาหาว่าผมคบคนบ้า” ยองแจยังเถียงไม่เลิก


    “เด็กนี่..” แจ็คสันกัดฟันใส่อีกคน


    “โอเคๆ งั้นพี่ไปก่อนนะยองแจ” มินโฮตัดบทก่อนจะเกิดสงครามอีกรอบ ถึงจะยังแปลกใจที่ยองแจทำตัวก้าวร้าวเวลาอยู่กับแจ็คสันก็เถอะ


    “ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ” ยองแจยิ้ม


    “โอเค อย่ากลับค่ำมากล่ะเราน่ะ” มินโฮยีหัวยองแจเบาๆซึ่งยองแจไม่ได้ปัดได้แต่ยิ้มเกร็งๆ


     มินโฮหันมาโค้งให้อีกคนก่อนจะหันหลังเดินออกไป แจ็คสันที่เห็นอีกคนเริ่มเดินห่างไปเรื่อยๆหันกลับมามองยองแจที่มองตามหลังรุ่นพี่คณะตัวเอง


    .

    .

    .



    “แหม่...ละมุนไปมั้ย เคลิ้มเลยเคลิ้ม” แจ็คสันแขวะ


    “อะไร พูดอะไร” ยองแจถาม


    “มึงอ่ะแหล่ะ ทีกูจับนิดจับหน่อยทำเป็นปัด” แจ็คสันว่าเรื่องจริง


    “ไร้สาระ” ยองแจพยายามไม่สนใจ


    “ชอบรึไง ไอ้นั่นน่ะ” แจ็คสันถามยองแจพลางพยักเพยิดไปทางที่มินโฮเพิ่งเดินไป


    “ใคร? พี่มินโฮอ่ะนะ บ้าแล้ว” ยองแจบอกพลางส่ายหน้า ก็แค่เคารพเฉยๆได้ป่าววะ ก็ไม่ได้สนิทกันมากมายจะให้พูดไม่สุภาพมันก็ไม่ถูกพี่เขาแม่มโคตรสุภาพกับกูเลยเนี่ย


    “ทำไม แทงใจดำอ่ะดิ”


    “พี่อย่ามาไร้สาระ แทงใจบ้าบออะไร” ยองแจพลิกหน้าหนังสือไปมา


    “งั้นหลบตากูทำไม” แจ็คสันยังแหย่ไม่เลิก


    “อะ ไม่หลบละ พี่จะหยุดได้ยัง” ยองแจพูดห้วนหันมาจ้องตาอีกคนอย่างรำคาญในมือก็พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ


    “มึงนี่นะ กับคนอื่นก็สุภาพ แต่กับกูนี่แบบโคตรปีศาจเลยว่ะ” แจ็คสันหัวเสียเล็กน้อย เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเด็กนี่มันก็ดูสุภาพดีหรอก อยู่ต่อหน้าจินยองก็ครับๆทุกคำ แล้วกับกูนี่คืออะไร หน้าบึ้ง พูดห้วนๆ แถมกวนตีนอีก


    “ก็ดูทำตัวให้น่าสุภาพด้วยมั้ยล่ะ...โอ้ย!!” ยองแจที่บ่นอยู่ร้องลั่นเมื่อมือที่พลิกกระดาษโดยไม่มองถูกกระดาษบาดอย่างจัง

     



    ร่างเล็กยกนิ้วขาวขึ้นมาดู เลือดซึมๆไม่เยอะมาก แต่ก็เจ็บใช่ย่อยเพราะมันเป็นปลายนิ้ว

     



    “เอาอีกละ มึงอายุเท่าไรเนี่ยถึงได้โดนกระดาษบาด” แจ็คสันแอบกลั้นขำเล็กน้อย


    “เงียบไปเลย พี่มีทิชชู่ป่ะ” ยองแจถามเพื่อจะได้เอากระดาษมาซับให้มันหยุด


    “กูพกพลาสเตอร์ยา เอาป่ะล่ะ” แจ็คสันพูดพลางล้วงกระเป๋าตัวเอง


    “เออ เอาๆ” ยองแจพยักหน้า


    “ลองขอดีดีดิ๊” แจ็คสันยกยิ้มกว้างแกล้งอีกคน


    “พี่แจ็คสันขอพลาสเตอร์ยาหน่อย” ยองแจพูดเสียงปกติ


    “หางเสียงมึงไปไหนหมดเนี่ย”


    “พี่แจ็คสัน..........ครับ  ขอพลาสเตอร์ยาหน่อย.......ครับ” ยองแจพูดห้วนๆแต่เว้นวรรคเน้นคำว่าครับ


    “เอาน้ำเสียงแบบอ้อนๆดิ๊” แจ็คสันยังไม่เลิก

    “วุ้ย!! เยอะนะ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวไปซื้อเอง” ยองแจเตรียมจะลุกขึ้นแต่โดนอีกคนฉุดให้นั่งคืน


    “เออๆๆๆ นั่งนี่แหละ กูให้แล้ว มึงนี่แม่ม” แจ็คสันหยิบพลาสเตอร์ยื่นให้อีกคน ซึ่งเป็นลายกบสีเขียว


    “แบ๊วมาก ตอนประถมผมยังไม่กล้าใช้ลายแบบนี้เลย” ยองแจว่าพลางมองหน้าแจ็คสันสลับกับพลาสเตอร์


    “มึงไม่ควรวิจารณ์รสนิยมคนอื่น”


    “เออๆ ไม่พูดก็ได้” ยองแจว่าพลางทำท่าจะแกะซองพลาสเตอร์


    “เดี๋ยวๆๆๆๆ” แจ็คสันว่าพลางยกมือห้าม


    “อะไร?” ยองแจหันมามองเล็กน้อย


    “แล้วมึงไม่ล้างก่อนเหรอ”


    “ล้างอะไร”


    “แผลสิ ล้างน้ำเปล่าไง สกปรก” แจ็คสันชี้ไปที่มืออีกคน


    “แผลนิดเดียวเอง” ยองแจยักไหล่


    “ไม่ได้ๆ มึงมานี่เลย” แจ็คสันยึดพลาสเตอร์คืนก่อนจะลากยองแจไปที่ห้องน้ำใกล้ๆแถวนั้น


    “เฮ้ย ไม่เอา ไอ้พี่แจ็คสันอย่าเยอะ”ยองแจพยายามจะดึงมือหนีแต่ไม่สำเร็จ


    “เยอะอะไรแค่ล้างแผล” แจ็คสันว่าจนดึงยองแจมาที่อ่างล้างมือได้สำเร็จ


    “ไม่เอา มันแสบ” ยองแจยังยื้อมือไว้


    “มึงอย่างอแงได้มั้ย มันไม่ได้ดูน่ารักหรอกนะเว้ย” แจ็คสันพูดก่อนจะเอามือยองแจไปล้างกับน้ำที่ไหลลงมาจากก๊อก


    “อะ..อ๊า...” ยองแจครางพลางหลับตาปี๋เพราะความแสบบริเวณปลายมือ


    “มึงอย่ามาครางกระเส่าแถวนี้เดี๋ยวคนผ่านไปมาเข้าใจผิด” แจ็คสันพูดพลางหัวเราะ


    “กระเส่าบ้าอะไร เสร็จยัง”


    “ใจเย็นสิวะ เอาเดี๋ยวเช็ดก่อน” แจ็คสันว่าพลางเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาซับให้ยองแจเบาๆ


    “เฮ้ยพี่ เดี๋ยวเปื้อน” ยองแจพยายามห้ามอีกคน


    “เฉยๆได้มั้ย” แจ็คสันดุพลางซับน้ำออกเบาๆ แผลก็ไม่ได้ใหญ่ไม่ต้องบรรจงขนาดนั้นก็ได้

     


    ยองแจลอบมองหน้าด้านข้างของอีกคน ใบหน้าที่มักทำตัวเพี้ยนๆตลกๆพอดูนิ่งๆ พี่แจ็คสันก็เป็นคนหน้าตาดีจริงๆแหละ จัดว่าดีมากด้วยซ้ำ ไม่ผิดหรอกที่จะกลายเป็นที่พูดถึงของสาวๆในมหาลัย ท่าทางจะฮอตจริงอะไรจริงโดยเฉพาะแต่ก่อนอ่ะนะ แต่ก็น่าแปลกที่ไม่เห็นควงใครสักคน

     

     

    “เออ ถามหน่อยดิ” ยองแจเอ่ยขึ้นมา


    “อะไรอีก”


    “พี่มีแฟนป่ะ” สงสัยก็ให้ถาม โอเคป่ะ


    “แล้วเคยเห็นแฟนกูป่ะล่ะ” แจ็คสันถามกลับพลางแกะซองพลาสเตอร์


    “ไม่อ่ะ”


    “ก็ไม่มีไง” แจ็คสันค่อยๆแปะพลาสเตอร์สีเขียวรูปกบบนนิ้วเรียวของอีกคน


    “จริงอ่ะ  พี่เองก็ออกจะ...เอ่อ...ดัง ไม่น่าหายากนะ”


    “ก็ไม่หาไงน้องตี๋ มีแฟนก็ต้องมาเทคแคร์ดูแล เอาไว้เจอคนที่อยากดูแลจริงๆแล้วค่อยไปขอเขามาเป็นแฟนดีกว่า”


    “แล้วเจอยัง” ยองแจถามขณะมองนิ้วตัวเองที่ยังอยู่ในมืออีกคน

     




    แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมามองยองแจสลับกับนิ้วที่แปะพลาสเตอร์ก่อนจะหันมาจ้องหน้ายองแจอย่างจริงจัง ส่วนยองแจเองก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากจ้องอีกคนกลับ แต่ยิ่งจ้องกลับยิ่งรู้สึกประหม่า หัวใจที่เคยเต้นด้วยอัตราปกติพอถูกอีกคนจ้องจังๆมันกลับเต้นเร็วขึ้นอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมา นี่เขินเหรอ ไม่ม้างงงงงง



    “เอ่อ..คิดว่ายัง” แจ็คสันตอบพลางปล่อยมืออีกคน


    “อ่ะ..เอ่อ...นั่นสิเนอะ ถ้าเจอแล้วพี่คงไม่มาขลุกอยู่กับผมหรอก” ยองแจเกาท้ายทอยกลบเกลื่อน


    “พอๆ เลิกพาออกทะเลแล้วไปเริ่มสอนได้แล้วมั้งครับ อาจารย์” แจ็คสันว่าพลางออกเดินนำหน้าอีกคน

     





    ยองแจได้แต่เดินตามอีกคนไปเงียบๆ แต่ที่น่าแปลกคือ ใจที่เคยเต้นรัวๆเมื่อกี้ทำไมกลับรู้สึกโหวงๆแปลกๆแฮะ



     

     

    ........................................................................................................................

     


    “งั้นวันอาทิตย์กูไปรับมึงก่อนแล้วเดี๋ยวไปบ้านไอ้เจบีพร้อมกัน พอเสร็จปาร์ตี้ก็เริ่มดักฝันกัน โอเค?” มาร์คหันไปคุยงานคร่าวๆกับจินยองขณะเดินออกมาหน้าคณะ


    “เออๆๆ กูรู้ๆ เลิกย้ำได้แล้ว” จินยองว่าอย่างไม่สบอารมณ์


    “มึงนี่ขี้หงุดหงิดจังวะ เดี๋ยวกูเรียกไอ้เจบีมาจัดการ”


    “จัดการเหี้ยอะไร พูดดีๆ เดี๋ยวตบให้หน้ายับ” จินยองเงื้อมือจะฟาดเพื่อนตัวดี


    “โอ้ย กลัวชิบหายเลย” มาร์คประชด ซึ่งน่าถีบมาก


    “มึงไปได้ละ ก่อนที่กูจะฟาดปากมึงด้วยตีนกู” จินยองยกเท้าขู่อีกคน


    “เออๆ ไปละ เจอกันมึง” มาร์คว่าก่อนแยกไปทางลานจอดรถข้างตึก ส่วนจินยองก็แยกไปทางหน้ามหาลัย

     





    ร่างสูงเดินไปทางลานจอดรถจักรยานยนต์ข้างๆตึกคณะ แต่ก่อนจะเลี้ยวตรงหัวมุมไปที่ลานจอดมาร์ครับรู้ได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ ถึงจะเบามากแต่มาร์คก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนตามหลังมา 

    มาร์คลองหยุดเดินพักหนึ่ง เสียงฝีเท้านั่นก็หยุดตาม มาร์คตัดสินใจเดินต่อไปจนถึงรถเวสป้าของตัวเองแต่สิ่งที่ร่างสูงทำไม่ใช่ขึ้นคร่อมรถเหมือนที่เคย มาร์คไขเปิดเบาะหลังก่อนจะหยิบปืนโบราณออกมา ถึงกระสุนเกลือจะยิงคนแล้วม่เป็นอะไร แต่การยกปืนขู่ก็ใช้ได้ผลเสมอ


    มาร์คกระชับปืนในมือก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้ากับเสียงฝีเท้านั่น  แต่กลับพบเพียงพื้นที่ว่างเปล่าที่มีรถจักรยานยนต์ของเหล่านักศึกษาจอดเหลือไม่กี่คัน

    มาร์คแน่ใจว่าตนเองโดนสะกดรอยตาม ร่างสูงจึงตัดสินใจยืนพิงเวสป้าตัวเองก่อนจะสอดส่ายสายตาจนไปเจอเงาตะคุ่มอยู่ตรงแถวมุมตึก

     



    “จะหลบอยู่ตรงมุมนั้นอีกนานมั้ย” มาร์คตัดสินใจถามออกไปเสียงดังพอควร

     




    ร่างในมุมมืดนิ่งไปสักพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากมุมตึก มาร์คขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายมาก่อน แต่ยังไงซะมาร์คก็ยังไม่ไว้ใจสถานการณ์อยู่ดี

     



    “ไง....วางนั่นลงก่อนดีมั้ย?......มาร์ค” คนคนนั้นถามออกมาพลางจ้องปืนในมือมาร์ค


    “นายเป็นใคร” มาร์คถามแต่ก็ไม่ได้วางปืนลงตามที่คนนั้นบอก


    “คิม จงอิน บริหารปีสาม” ร่างนั้นแนะนำตนเอง


    “แล้วต้องการอะไร” มาร์คถามต่อ


    “ไม่เอาน่า ฉันแค่อยากคุยกับนายนะ”


    “แต่กูไม่” มาร์คขัดขึ้นมาเสียงแข็ง


    “หัวแข็งอย่างที่เขาลือ” จงอินบอกก่อนเดินมาหาอีกคนซึ่งมาร์คก็ไม่ได้เดินหนี


    “รู้จักกูได้ไง” มาร์คถามอีกครั้ง


    “นายออกจะเป็นคนดังนี่ ทั้งในมอ และนอกมอ” จงอินเน้นประโยคหลัง


    มาร์คขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายพูด


    “สองพี่น้องทายาทตระกูลต้วน งานกำจัดวิญญาณฆาตกรที่ปูซาน งานล่ามนุษย์เงาแถวคังนัม งานกวาดล้างวิญญาณร้ายในสุสานปีที่แล้ว กี่งานๆก็เป็นชื่อพวกนายทั้งนั้น ไหนจะงานล่าสุด.....ส่งวิญญาณกลับเข้าร่าง” จงอินจ้องหน้ามาร์ค


    “มึงเป็นใคร” มาร์คยังคงมีแต่คำถามเต็มหัว


    “เรามันก็สายงานเดียวกันนั่นแหละ” จงอินบอกพลางชูจี้ห้อยคอรูปดาวดาวิดให้มาร์คดู


    “หมายความว่าไง มึงทำงานเหมือนกู?”


    “ต่างกันนิดหน่อย ฉันอาจถนัดใช้งานปีศาจมากกว่ากำจัดมัน” จงอินบอก


    “มึงคือคนที่ถามหากูกับไอ้แจ็คสันใช่มั้ย” มาร์คถาม

    “แจ็คสัน?..........อ่า...คนที่ฉันเคยเจอก่อนหน้านั้นสินะ” จงอินนึกออกเพราะหลังจากวันที่ถามสองคนนั้นที่หน้าร้านน้ำแล้ว จงอินก็ไม่ได้ถามใครอีกเลย


    “นี่มีคนเคยบอกมึงมั้ยว่ามึงลีลามากชิบหาย” มาร์คชักรำคาญ


    “ฉันก็แค่อยากคุยนานๆ เผื่อจะได้เรียนรู้เคล็ดลับดีๆมาบ้าง ถามจริงเถอะเรื่องอิมแจบอมน่ะ นายทำได้ไง” จงอินถาม


    “มึงรู้จักแจบอม?” มาร์คถามอีกครั้ง


    “ฉันก็เพิ่งบอกไปนิ่ว่าปีสามคณะบริหาร”

     



    จบคำพูดจงอิน มาร์คตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายพลางจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

     




    “มึงรู้เรื่องเจบี มึงเป็นเพื่อนคณะมัน มึงรู้ทุกอย่าง แต่เสือ_กไม่ทำอะไรอย่างนั้นเหรอวะ!!!!” มาร์คตะคอกใส่อีกคน


    “ฉันมีเหตุผลของฉัน” จงอินพูดเรียบๆ


    “เหตุผลส้นตีนอะไรของมึง” มาร์คผลักอีกคนจนเซ


    “เหตุผลข้อที่หนึ่ง ฉันไม่รับงานที่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้” จงอินเว้นวรรค
     

    “และข้อที่สอง ฉันรับงานอื่นมาก่อนหน้านี้ ฉันไม่รับงานซ้อน”


    “แต่นั่นเพื่อนร่วมคณะมึง!!” มาร์คตะคอกอีกครั้ง


    “นายก็น่าจะรู้นิ่มาร์ค มิตรภาพไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคนอย่างเรา” จงอินว่า


    “สำหรับมึงคนเดียวเถอะ”


    “เอาตัวไปผูกพันกับนายจ้างกับเหยื่อ ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะทำนะมาร์ค” จงอินชี้แนะ


    “อย่าเอาคติมึงมาใช้กับกู” มาร์คยังจ้องอีกคนไม่ลดละ


    “โอเค ฉันไม่ควรชี้แนะนักล่าชั้นหนึ่งอย่างนายนี่นะ”


    “มึงพูดมาเลยว่ามึงต้องการอะไรจากกู!!” มาร์คเริ่มถึงขีดจำกัดของอารมณ์ตัวเอง


    “ฉันไม่ต้องการอะไรหรอก แค่อยากจะเตือน” จงอินว่านิ่งๆ


    “เตือนเหี้ยอะไร”


    “ฉันแค่จะเตือนว่าอย่ามาขัดขวางงานฉัน”


    “ขัดขวางอะไร?” มาร์คถาม นอกจากงานเจบีแล้วมาร์คก็ไม่ได้รับงานอื่นอีกเลยนี่หว่า


    “ลองไปถามน้องชายนายดู” จงอินทิ้งปริศนาอีกลูกให้มาร์ค


    “โจอี้? เกี่ยวอะไรกับน้องกู” มาร์คทำท่าจะไปกระชากคอเสื้อจงอินอีกรอบแต่จงอินเดินถอยหลัง


    “ฉันถือว่าฉันเตือนแล้ว ถ้ายังไม่เลิกฉันจะไม่ปล่อยไปอีก” จงอินว่า ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไปทางที่ตัวเองมา


    “เฮ้ย!! เดี๋ยวเฮ้ย!!!!!”  มาร์คตะโกนไล่หลังไปแต่อีกคนก็เดินจากไปไวมากเช่นกัน

     




     

    อะไรของแม่มวะเนี่ย!!!!!!!!!


    ......................................................................................................................

    มาต่อแล้วนะ ไรท์ไปติดเกาะมาแหละ ไม่มีสัญญาณ ไม่มีไวไฟ ไม่ได้เอาคอมไป กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไม่ได้หายสาบสูญนะอย่าเพิ่งทิ้งเค้าไป TT^TT ตอนนี้กลับมาแล้ว อาจจะไม่ได้อัพถี่มากนะออกตัวก่อน เพราะหลังจากติดเกาะ กลับมางานเต็มโต๊ะเบย ขอบคุณที่ยังมารอที่ท่าน้ำทุกวันนะคะ ตั้งใจว่าจะไม่เกินสามสิบตอนนะคะสำหรับเรื่องนี้ แต่จะลงเอยแบบไหนก็คงดูอารมณ์อีกทีนะคะ ขอบคุณทุกยอดวิว ทุกเม้นท์ ทุกการติดตามค้าบบบบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×