ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #30 : Chapter 29

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.24K
      13
      28 มิ.ย. 58

    ร่างสูงของเจบีกำลังเดินไปเดินมาอยู่รอบรถยนต์คันสวยของผู้เป็นอา มือหนาถูกันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน ส่วนคนเด็กกว่าอย่างยูคยอมเองก็ได้แต่ชะเง้อมองไปบนอาคารสูงที มองออกไปถนนใหญ่ที มือข้างนึงก็กดโทรศัพท์หาใครบางคน

     


    “โทรหาใคร” เจบีหันมาถามยูคยอมที่นั่งกดมือถือมาพักใหญ่


    “ฮะ? เนี่ยเหรอ...เอ่อ...โจอี้น่ะ” ยูคยอมตอบตามตรง


    “อย่าบอกนะว่าเรียกโจอี้มา ไอ้มาร์คได้กระทืบนายแน่” เจบีเตือน เขาเองก็พอรู้เรื่องทีน้องชายเพื่อนโดนกักบริเวณ


    “เปล่า แค่โทรแจ้งข่าวน่ะ”

    “แล้วนี่เมื่อไรจินยองจะมานะ” เจบีชะเง้อมองหารถของแจ็คสันที่น่าจะมาได้แล้ว


    “นั่นสิ พี่มาร์คก็ไม่ส่งสัญญาณอะไรมาเลย” เมื่อเวลาผ่านไปความกังวลก็ยิ่งเพิ่มขึ้น


    “เราลองขึ้นไปดูดีมั้ยวะ” เจบีเสนอความคิด เพราะมันชักจะนานไปแล้ว


    “กากๆอย่างพี่กับผม ขึ้นไปก็คงเป็นตัวเกะกะ ผมว่ารอพี่จินยองก่อนเถอะ” ยูคยอมเตือน


    “ถูกของนาย แต่มันร้อนใจว่ะ” เจบีบอก


    "ทำไงได้ ทั้งพี่ทั้งผมเป็นพวกเซนส์ต่ำทั้งคู่"
     


    แสงไฟคู่จากรถยนต์คันหนึ่งสาดเข้ามาขัดจังหวะสนทนาของคนทั้งคู่ เจบีเบิดตากว้างอย่างดีใจ ส่วนยูคยอมจากที่ยืนพิงรถก็ยันตัวเต็มความสูง ไม่อยากจะใช้คำนี้แต่ว่า พวกนี้ตายยากชะมัด

    หลังจากไฟรถดับและจอดสนิท ร่างเล็กๆสองร่างก็ก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับเสียงบ่นนำมาก่อนเสียงอื่น

     

    “กูโดนไอ้มาร์คฆ่าทิ้งแน่ๆ” จินยองเอ่ยขณะลงจากรถพร้อมไปที่กระโปรงหลังรถเพื่อเอาของบางอย่าง

    “มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่าพี่จินยอง ผมไม่ยอมให้เฮียมันห่วงผมคนเดียวหรอกน่า” เสียงของคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้อย่างโจอี้ดังขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าออกตามมา

    “พวกแกมันก็เหมือนกันทั้งบ้านนั่นล่ะโจอี้” จินยองบ่นอุบ ไม่ได้สนใจคนที่มารออยู่ก่อนเลย

     
    “พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานมั้ย กูเห็นมึงเถียงกันตั้งแต่หน้าบ้าน” แจ็คสันถามพร้อมกับเปิดประตูฝั่งคนขับออกมา


    .

    .

    “โทษทีว่ะมึงมาช้า ไม่คิดว่าไอ้โจอี้จะตามขึ้นรถมา มัวแต่ไล่มันกลับบ้าน” แจ็คสันบอกกับเจบีที่ยืนรอใครสักคนสนใจเขาบ้าง


    “โทษทีคุณ เด็กแถวนี้มันพูดไม่ค่อยฟัง” จินยองบอกก่อนสะพายกระเป๋าเป้ที่หยิบจากหลังรถ


    “ไม่เด็กแล้วป่ะวะพี่” โจอี้บ่นตามหลัง


    “ทำคนอื่นช้าแล้วยังพูดมากอีกนะเปี๊ยก” ยูคยอมเดินมาสมทบอีกคน


    “ช่างเหอะ ตอนนี้พี่ผมเป็นไงบ้างเนี่ย” โจอี้ตัดบทเพราะขี้เกียจเถียง


    “ขึ้นไปข้างบนได้พักใหญ่ๆแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง” เจบีบอก


    “มันไม่ส่งสัญญาณอะไรลงมาเลยเหรอ” เป็นจินยองที่ถามแต่เจบีส่ายหน้าลูกเดียว


    “เอาไงล่ะทีนี้” แจ็คสันถามพลางเหลือบมองข้างบน


    “ก็....ตามขึ้นไปสิ” จินยองบอกพลางล้วงกระเป๋าหยิบแท่งเหล็กคล้ายเสาอากาศรูปตัวแอลสองอันขึ้นมา


    “เราจะรู้ได้ไงครับว่าพี่มาร์คอยู่ชั้นไหน” ยูคยอมถามพลางมองตึกร้างที่สูงน่าจะมากกว่าสิบชั้น


    “นี่ไง เราจะทำดาวน์ซิ่ง” จินยองพูดพลางชูแท่งเหล็กสองแท่งขึ้นมา


    “อะไรนะ?”


    “อะไรของมึงวะ?”


    “เจ๋งว่ะพี่!! พี่ทำได้จริงดิ!!” เสียงสุดท้ายเป็นของโจอี้ที่น้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ เรียกให้คนปกติสามคนหันมามองเป็นตาเดียว



    โจอี้มองคนที่เหลือถอนใจเล็กน้อยก่อนเริ่มอธิบาย



    “ดาวน์ซิ่งเป็นวิธีโบราณที่เขาใช้หาโลหะ ตาน้ำหรือแม้แต่สิ่งลี้ลับ เขาจะเอาไอ้เหล็กสองแท่งเนี่ยยื่นไปข้างหน้า ถ้าเป็นจุดที่มีสิ่งที่เราตามหาอยู่เหล็กสองแท่งก็จะชี้ไปทางนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ พี่แม่มขั้นเทพว่ะ”


    “คือ..เอาจริงๆนะ กู...กู...กู....ก็ไม่เคยใช้หรอก อันนี้ก็ยืมๆเขามาอีกที” จินยองบอกเมื่อคนน้องทำท่าจะโม้


    “มัน...จะได้ผลจริงเหรอ” เจบีผู้ที่ผ่านความตายมาแล้วหนึ่งครั้งก็ยังไม่อยากจะเชื่อ


    “ไม่รู้สิ...ก็ลองดู...อย่างกับว่ามีอะไรจะเสียงั้นแหละ” จินยองทำท่าหลับตายื่นแท่งเหล็กไปข้างหน้า


    “ตะ...” เจบีทำท่าจะพูดแต่แจ็คสันแตะไหล่เบาๆพร้อมกับส่งสัญญาณให้เงียบ

     


    สายตาทุกคู่จับจ้องที่แท่งเหล็กในมือจินยอง เสียงลมพัดใบไม้ไหวเบาๆพอสร้างบรรยากาศ วิธีที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์สมัยก่อนยังบอกว่างี่เง่า แต่นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กำลังจะใช้มัน ถ้าตัดคำว่าสายเลือดแม่มดของจินยองออก ความเป็นไปได้ยิ่งกว่าติดลบเสียอีก

    จินยองลืมตาขึ้นพลางจ้องไปที่เหล็กสองแท่ง พร้อมๆกับทุกคน จนกระทั่งไอ้แท่งเหล็กที่ว่าค่อยๆเคลื่อนโดยหันไปที่อาคารร้างนั้นในที่สุด แม้แต่จินยองยังไม่อยากเชื่อ


    จินยองเงยหน้ามองเพื่อนร่วมทางที่แต่ละคนอ้าปากเหวอก่อนจะพยักหน้า

     





    “ไปกันเถอะ”

     


    .................................................................................................................

     

    เสียงหอบหายใจหนักๆด้วยความเหนื่อยล้า พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ย่ำอยู่ตลอด ปืนเกลือในมือที่ตอนนี้เหลือเพียงกระบอกปืนเปล่าๆ ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินเย็นเฉียบในมือ เหงื่อไหลตามเสื้อผ้าและใบหน้าที่ถึงแม้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาไว้ ตอนนี้ไม่มีผีสาวตนนั้นแล้วแต่อีกไม่นานเธอก็จะกลับมา ทุกครั้งที่กระสุนสาดใส่เธอ เธอจะหายไปแต่เพียงไม่นานเธอก็กลับมา แดเนียลได้แต่ยื้อเวลาจนกระทั่งกระสุนลูกสุดท้าย เขาคลาดกับเจ้าของปืนอย่างมาร์คไปแล้วด้วย ตอนนี้ทำได้แค่วิ่งเพื่อถ่วงเวลา



    “หนีไปเถอะครับ เอาจนกว่าคุณจะหมดลมหายใจเลย” เสียงเย็นๆของจงอินพร้อมกับฝีเท้าช้าๆที่เข้ามาใกล้

     


    แดเนียลจนหนทาง นี่มันสุดทางแล้ว อีกก้าวเดียวได้ร่วงลงพื้นแน่ๆ เขาตัดสินใจหันมาเผชิญหน้าอีกคน



    “ไงล่ะ สมใจนายละยัง หายแค้นมั้ย?” แดเนียลยิ้มสู้

    “หึ..จะตายแล้วยังปากดีได้อีกนะครับ”

    “ถ้าคิดว่าเรื่องที่จีซูตาย นายเจ็บคนเดียวล่ะก็...นายคิดผิด” แดเนียลพูดเสียงแผ่ว


    “จะบอกว่าคุณเองก็เสียใจเหรอ? แล้วไง?” จงอินแค่นหัวเราะ


    “รู้อะไรมั้ย ตอนแรกผมก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะกำจัดคุณหรอกนะ....” จงอินพูดต่อ



    แดเนียลจ้องมองอีกคนที่เดินไปมาช้าๆ



    “หลังจากที่ผมแจ้งความจับพ่อแม่บุญธรรมข้อหาทารุณกรรมเสร็จ มันโคตรง่ายเลยแค่โชว์แผลที่ตัวให้ตำรวจดูบวกกับภาพถ่ายอุปกรณ์ที่ใช้พิธีกรรมต่างๆไปยื่นเป็นหลักฐาน แค่นั้นแม่_งก็จบ ผมน่าจะทำตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ”



    จงอินเดินกลับไปกลับมาอย่างลีลา พร้อมกับจ้องมองแดเนียลที่ยืนหอบเป็นระยะ



    “ผมกะจะเริ่มชีวิตใหม่ที่โซลด้วยเงินในบัญชีของไอ้แก่สองคนนั้น  แต่แค่ผมเห็นรูปคุณบนหน้าปกนิตยาสารเท่านั้นแหละ....”



    จงอินเว้นจังหวะให้อีกฝ่ายรอคอย



    “นักธุรกิจหน้าใหม่ที่กำลังประสบความสำเร็จ......ทำไม?..............ทำไมคุณถึงยังมีความสุข? เนี่ยเหรอครับที่คุณเสียใจ? คุณไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำเมื่อพี่สาวผมหายไปจากชีวิตคุณ!!!!!”


    “งั้นถ้าฉันตาย เรื่องมันจะจบใช่มั้ย...นายจะมีความสุขใช่รึเปล่า?” แดเนียลถาม



    ที่จงอินพูดอาจจะมีส่วนถูก เขาพยายามจะใช้ชีวิตอย่างปกติเมื่อเธอจากไป เขาคิดไปว่ามันคงเป็นแค่เรื่องความรักทั่วไปมีรักได้ก็หมดรักได้ เขาตามหาเธอแต่เมื่อไร้วี่แววเขาก็เอาเวลาไปทุ่มให้งานเพื่อให้ลืมความเสียใจ แต่เขาลืมไปว่าเธอมีชีวิตยังไงและเขาคิดไม่ถึงว่าเธอต้องเจอกับอะไร ถ้าเขาฉุกคิดสักนิด เขาอาจจะช่วยเธอได้ และเธออาจจะยังอยู่ตรงนี้




    จงอินไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มออกมา




    “เด็กพวกนั้นจะปลอดภัยใช่มั้ย? ตอบมาเซ่!!!” แดเนียลเริ่มโมโห


    “ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะกระโดดลงไปรึไง?” จงอินชะโงกหน้าไปข้างหลังที่ถ้าถอยอีกก้าวแดเนียลได้เป็นศพแน่ แดเนียลเองก็จ้องอีกคนเหมือนเอาจริง


    “ถ้าอย่างนั้น......” จงอินลูบคางอย่างใช้ความคิด









    .

    .

     

     

    “ไอ้เหี้ยไค!!!!!!!” เสียงตะโกนมาจากทางด้านหลัง พร้อมกับแรงเหวี่ยงอีกคนไปให้พ้น

     


    จงอินล้มลงทั้งๆที่ปากยังเหยียดยิ้ม มองหน้าเจบีที่จู่ๆก็โผล่มาคร่อมร่างพร้อมกับเงื้อหมัดเตรียมจะต่อย แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านจนน่าประหลาดใจ

    ฝ่ายจินยองเองก็วิ่งเข้าไปประคองร่างของแดเนียลพลางมองหาวิญญาณแถวนั้นแต่น่าแปลกที่กลับไม่พบอะไรเลย พ่อมดได้แต่ทำหน้าสงสัยเมื่อเขาสังเกตได้ว่าไอ้เพื่อนบ้าดีเดือดอย่างมาร์คก็ไม่อยู่แถวนั้น


    “โอเคมั้ยครับ?”  จินยองถามอีกคน


    แดเนียลพยักหน้าพลางลุกขึ้นยืนตามอีกฝ่าย


    “เดี๋ยวสักพักวิญญาณคงกลับมา เธอหายไปเพราะไอ้นี่” แดเนียลยื่นปืนเปล่าให้จินยอง


    “แล้ว....” จินยองทำท่าจะถามต่อ


    “มาร์คหนีไปข้างบน” แดเนียลเล่าต่อ


    “หนี? มีวิญญาณมากกว่าหนึ่งเหรอครับ” จินยองถามต่อ


    “เปล่า...หนีจากแบมแบม” จบคำแดเนียลจินยองหันไปมองหน้าจงอินที่ตอนนี้ถูกเจบีคร่อมร่าง และมีแจ็คสันยืนคุมอีกที


    “หมะ..หมายความว่าไง นายทำอะไร” จินยองถามจงอิน


    “ทำอะไร? นายเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญนี่ น่าจะรู้” จงอินเหยียดยิ้ม


    “มึงทำอะไรน้องกู!!!” เจบีกระชากคอเสื้อถามอีกคน


    “ก็แค่...ยืมร่างน้องมึงนิดหน่อย น้องมึงฉลาดไปหน่อย แถมหัวแข็งด้วย ก็เลยต้องให้คนอื่นมาอยู่ในร่างน้องมึงแทน” จงอินตอบเสียงเรียบ


    “นะ...นาย...นายกล้าทำได้ไง ในให้วิญญาณที่ไหนก็ไม่รู้มาสิงร่างคนด้วยกันเนี่ยนะ!!! เวรเอ้ย!!” จินยองสบถอย่างหัวเสีย


    “ผม..ผมไปดูเฮียเอง” โจอี้หน้าตาตื่นบอกเสียงสั่นก่อนจะวิ่งไปโดยมียูคยอมตามไปด้วย


    “มึงทำทำไม มึงทำแบบนี้ทำไมวะ!!” เจบีกระชากคอเสื้อขึ้นมาถาม


    “ถามอามึงดูสิ เจบี” จงอินบุ้ยหน้าไปที่แดเนียลที่ยืนหอบ


    “ใช่....ถ้านายบอกว่ามันเป็นความผิดของฉัน งั้นก็มาลงที่ฉันสิ” แดเนียลบอกพลางจ้องจงอิน


    “แบบนี้มันสนุกกว่านี่”

     

     




    ผัวะ!!!!!!!!


     

    เจบีปล่อยหมัดลงใบหน้าของจงอินด้วยความเหลืออด จงอินหน้าสะบัดไปตามแรงแต่ริมฝีปากยังคงยกยิ้มอยู่อย่างนั้น

     

    “อยากทำอะไรก็ทำเถอะ เพราะเดี๋ยวถ้า เธอ กลับมา มึงอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจกู”

     


    สิ้นคำพูดจงอิน แรงกดดันมหาศาลปกคลุมทั่วบริเวณนั้น จินยองและแดเนียลที่สัมผัสได้ก่อน มองไปรอบๆ ก่อนจะเริ่มเห็นกลุ่มควันสีดำที่กำลังก่อตัวเป็นรูปร่างจางๆ



    “แจ็คสัน” จินยองเรียกเพื่อนตัวเอง ก่อนจะโยนขวดบางอย่างให้เพื่อน แจ็คสันรับมันอย่างรู้ทัน ทั้งสองพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณ ก่อนที่แจ็คสันจะวิ่งไปจากบริเวณนั้น

    “ยังจะมีอารมณ์ห่วงเพื่อนอีกนะ แต่เอาเถอะ ฉันไม่สนหมอนั่นอยู่แล้ว” จงอินบอก

     


    ควันนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างมากขึ้น แรงกดดันวิญญาณเองก็มากขึ้นตามมาด้วย ดวงตาสีแดงที่คุ้นเคยปรากฏในกลุ่มควันนั่น จินยองอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น แดเนียลเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อเห็น เธอ กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่สามารถขับไล่เธอไปได้อีกแล้ว เสียงดังหวีดหวิวของลมดังไปทั่วและยิ่งแรงขึ้นเมื่อเธอชัดเจนขึ้น เจบีนิ่วหน้าเมื่อลมพัดจนแสบตา จงอินอาศัยจังหวะนั้นถีบอีกคนออกจนเจบีล้มลง

     

    “เจบี!!” จินยองตกใจเมื่ออีกคนล้มลง

     

    ร่างเล็กสวดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะปรากฏเป็นกลุ่มควันเล็กๆสีขาวพุ่งไปที่จงอินที่กำลังวิ่งไปอีกทาง จงอินหยุดนิ่งก่อนจะหันมามองจินยองอย่างตกใจ

     

    “ทำอะไรน่ะคุณ!” เสียงเจบีถามเสียงลมพัดแรงทำให้เขาต้องตะโกน


    “มะ..ไม่รู้!!...แม่ผมบอกให้สวดถ้านึกอะไรไม่ออก!” จินยองบอกกลับ

     


    ควันนั่นปรากฏเป็นรูปร่างคล้ายชายชรายืนล็อคแขนขาของ คิม จงอินไว้

     

    “เหมือนคนนะ?” แดเนียลบอกจินยอง


    “ปะ...ปู่เหรอ!!” จินยองถามเมื่อเริ่มเห็นร่างที่คุ้นเคยในความทรงจำ และถ้าไม่ตาฝาดเขาเห็นว่าควันนั่นยิ้มให้เขา



     ทันทีที่ คิมจงอิน ถูกตรึงไว้ วิญญาณสาวกลับหันมามองที่จินยอง เมื่อเห็นนายตัวเองถูกตรึงไว้ เธอเกรี้ยวกราดขึ้นมองจ้องมาที่คนสามคน


    “เอาไงจินยอง!” เจบีถาม ก็ไม่ได้เห็นชัดเท่าไรหรอก แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดี


    “วิ่งสิ!!” จินยองบอก

     

    ทั้งสามคนออกวิ่ง ก่อนที่วิญญาณนั้นจะตามมา แรงกดดันที่แสนหนักหน่วงพร้อมทั้งกลิ่นเหม็นรุนแรงที่พุ่งเข้ามาจนแสบจมูก กลุ่มควันสีขาวทำท่าจะเคลื่อนมาปกป้องทั้งสามคน

     

    “ไม่ๆๆ ล็อคเขาไว้ปู่ ผมจัดการเอง!!” จินยองที่เชื่อว่านั่นเป็นคุณปู่ของเขาตะโกนบอก ทำให้กลุ่มควันนั้นชะงักไป


    ทั้งสามวิ่งไปเรื่อยๆ จินยองเองก็วิ่งไปพลางควานหาของบางอย่างในกระเป๋า เขาหยิบขวดบางอย่างยัดใส่มือเจบีเหมือนฝากถือ ก่อนจะควานเอาถ้วยเล็กๆออกมา


    “เอ่อ...คุณแดเนียลครับ! ส่งแหวนคุณมาหน่อยได้มั้ยครับ!” จินยองถาม


    “แหวนเนี่ยนะ?” แดเนียลถามพลางชูมือที่สวมแหวนสีขาวขึ้นมา


    “ครับมันส่องแสงแปลกๆ ตั้งแต่เธอมา!” จินยองบอกพลางชี้ไปที่วิญญาณที่ตามมาไม่ลดละ


    แดเนียลถอดแหวนให้อีกคนถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ ร่างเล็กรับมาก่อนจะนำมันใส่ลงไปในถ้วย ตามด้วยเทน้ำมนต์จากขวดที่ฝากเจบีถือ ก่อนจะสวดพึมพำยาวเฟื้อย

     

    .

    .

    .

    “คุณจีซูครับ..ถ้าผมเดาไม่ผิด...ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเป็นแบบนี้...กลับมานะครับ” จินยองบอกกับแหวนหลังจากนั้นร่างเล็กก็หันไปเผชิญหน้ากับวิญญาณ แล้ววางถ้วยนั้นบนพื้นอย่างแรง

     

    ทันทีที่ถ้วยกระทบพื้น เกิดแสงสว่างวาบที่แม้แต่จินยองก็ไม่สามารถอธิบายได้ทั่วบริเวณ ทั้งสี่คนรวมทั้งจงอินหลับตาเพราะแสงสว่างจ้า ก่อนจะได้แต่ภาวนาว่า ขอให้เกิดเรื่องดีๆด้วยเถอะ

     


    .........................................................................................................................................

     

    มาร์ควิ่งไปตามทางเรื่อยๆ เสียงหอบหนักออกจากปากเขาอย่างต่อเนื่อง เสียงฝีเท้าของแบมแบมที่ไม่ใช่แบมแบมดังตามมา ทั้งที่เหมือนจะไม่เร็วมาก แต่ถ้าเผลอหยุดเมื่อไรแบมแบมก็เข้าประชิดตัวทุกที  มาร์คเองไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่ใครจะอยากไปทำร้ายแบมแบมกันล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นมาร์คคงถีบกระเด็นแล้วค่อยว่ากัน


    มาร์ควิ่งมาสุดทาง ข้างหน้าเป็นพื้นข้างล่างไม่ต่างจากหน้าผา มาร์คตัดสินใจหันหน้ามาเผชิญหน้าแบมแบมที่ตอนนี้ห่างจากเขาไม่กี่เมตร ทั้งตัวมีแค่มีดพกหนึ่งอัน เครื่องรางประจำตัวเขี้ยวหมาป่าก็ถอดให้ไอ้โจอี้ไปแล้ว ไม่คิดจริงๆว่าไอ้บ้าจงอินจะมามุกนี้ ปืนก็ให้แดเนียลไปแล้วด้วย



    “แบม นี่พี่เองนะ” มาร์คบอกอย่างใจเย็น ในขณะที่อีกคนก้าวเข้ามาเรื่อยๆ



    มาร์คล้วงมีดพกก่อนจะโยนไปอีกทางเพราะกลัวเผลอใช้ สายตาที่ว่างเปล่าของแบมแบมไม่แม้แต่จะมองมีดนั่น กลับจ้องไปที่มาร์คคนเดียว



    “แบม..ตื่นเถอะ...นะ” มาร์คบอกอีกคน



    แบมแบมย่างเข้ามาหาเขาเรื่อย



    “แบมทำให้พี่ไม่มีทางเลือกนะ” มาร์คตัดสินใจพุ่งเข้าหาอีกคน จนแบมแบมล้มไปกับพื้น

     

    มาร์คคร่อมร่างอีกคนพร้อมกับตรึงข้อมือไว้ทั้งสองข้าง แบมแบมดิ้นไปมาพยายามขัดขืน มาร์คเองก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนเอาแรงมาจากไหน หลังจากยื้อกันสักพัก ขาเล็กๆยกขึ้นถีบคนด้านบนอย่างแรงจนมาร์คผละออกไป และขณะที่ร่างสูงไม่ได้ตั้งตัวร่างเล็กก็ลุกขึ้นพร้อมกับประชิดตัวอีกคน

    “แบมบะ...” มาร์คพยายามจะเรียกอีกคนแต่ตอนนี้สองมือของแบมแบมโอบรอบคอของเขา แรงบีบของนิ้วทั้งสิบทำให้เสียงของมาร์คขาดหาย


    ร่างสูงพยายามถอยหลังหนีดึงมืออีกคนออกแต่ไม่เป็นผล เขาถอยมาจนสุดทาง ข้างล่างเป็นพื้นดิน ข้างหน้าเป็นแบมแบมที่เขาไม่รู้จัก

     

     

    “เฮีย!!!

     



    มาร์คคงจะสียสติเพราะขาดอากาศถึงได้ยินเสียงน้องชายตัวเอง ตอนนี้แบมแบมปล่อยมือแล้ว

     


    .

    .

    .

    และ



    .

    .

    .
     

     

    เขากำลังจะร่วงจากตึกสูงเกือบสิบชั้น


    .............................................................................................................................................

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ช้าอีกแล้ว ทำค้างหรือเปล่า ไรท์มันสะตอใช่มั้ย บอกจะมาเร็วขึ้นแต่ไม่เลย ฮือออออ ขอโต๊ดดดดนะ ขอบคุณที่ยังรอกันนะ รักคนอ่าน รักคอมเม้นท์ด้วย ขอบคุณมากๆค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×