ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.83K
      17
      1 ก.พ. 58




    มาร์คกำลังเดินไปตามทางเดินโรงพยาบาลตรงไปที่ห้อง ไอซียู หลังจากที่จินยองโทรมาบอกเขาว่าส่วนประกอบในการทำพิธีต้องใช้ส่วนประกอบที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างของเจบีด้วย  ตอนแรกเจบีเองก็จะมาด้วย แต่ติดที่แจ็คสันไม่กล้าไปเอาดินที่หลุมศพคนเดียว เลยขอให้วิญญาณเจบีไปคอยคุมหลังให้หน่อย มาร์คเองก็ไม่อยากจะขัดเพื่อนหรอกนะ แต่เชื่อเถอะว่าถ้ามีผีหรืออะไรมาหลอกพวกมันเนี่ย เจบีน่าจะหายตัวเร็วกว่าแจ็คสันอีก

     

    ร่างสูงเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าถึงหน้าไอซียู ก่อนจะชะโงกไปมองข้างในกระจกบานเล็กๆติดกับประตูเพื่อสำรวจว่ายังให้เข้าเยี่ยมหรือไม่

    เมื่อเห็นว่ายังมีญาติคนไข้ยืนอยู่ในแต่ละเตียงบ้าง มาร์คจึงถอดรองเท้าแล้วตรงเข้าไปที่เตียงของเจบี มาร์คมองคนที่อยู่บนเตียง ไอ้บ้านี่ดูเหมือนคนที่หลับไปเฉยๆจริงๆแหละถ้าไม่ติดว่าปากมันคาบท่อช่วยหายใจหรืออะไรสักอย่างล่ะนะ ไอ้เรื่องวิญญาณออกจากร่างเนี่ยอันที่จริงมาร์คก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ส่วนมากก็จะเป็นคนที่มีพลังอะไรทำนองนั้น หรือนั่งสมาธิจนเข้าฌาณแล้วแต่พิธีกรรมอะไรก็ตาในแต่ละท้องที่ แต่ดูยังไงไอ้เจบีก็ดูเป็นคนธรรมดาที่ห่างไกลจากศาสนารวมถึงเรื่องผีสางมากๆด้วยซ้ำ ไหงถึงหลุดออกมาได้วะ


    มาร์คพิจารณาดูร่างเบื้องหน้าที่มีรอยบวมช้ำบนใบหน้าเล็กน้อย แผลถลอกอีกนิดหน่อย

     
     

    เอาส่วนไหนไปดีวะเนี่ย.....ให้คุณพยาบาลเจาะเลือดเผื่อดีมั้ย

     

     

    มาร์คยืนเกาท้ายทอยอย่างใช้ความคิด

     

    เอาผมมันละกัน  ยังไงมันก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่ละ

     

    มาร์คคิดก่อนจะเอื้อมมือไปตรงหัวเตียง..........

     

     

    “พี่มาร์คครับ?”  มาร์คชะงักหดมือกลับก่อนหันไปมองข้างหลังตามเสียงเรียกแล้วพบกับใบหน้าหวานเจ้าของเสียง

     

    “บะ..แบมแบม” มาร์คหันไปหาอีกคน หวังว่าคงไม่เห็นฉากที่กูกำลังจะประทุษร้ายไอ้เจบีนะ

    “ทำไมมาค่ำจังเลยครับ  อีกแปบเดียวจะหมดเวลาเยี่ยมแล้วนะครับ” แบมแบมถาม


    “พอดีมีประชุมที่คณะน่ะ” ประชุมชมรมคนอวดผีอ่ะดิ


    “อ่อ ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยมพี่บี”


    “แล้วแบมแบม ได้ไปมหาลัยบ้างมั้ยครับเนี่ย เห็นอยู่เฝ้าไอ้เจบีตลอดเลย” มาร์คถาม มันจะบังเอิญไปมั้ยที่มาร์คมาที่ไรก็เห็นแบมแบมอยู่ทุกที


    “แบมไม่ได้ไปมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้วล่ะครับ”


    "อ่อ..แล้วแบมแบมเรียนทันเหรอเนี่ย โดดเรียนนานๆเราจะแย่เอานะ” มาร์คบอก เห็นอย่างนี้ซีเรียสนะครับเรื่องเรียนอ่ะ เล่นเอาแบมแบมนึกถึงพี่ชายขึ้นมา

     


     


    “แบม อย่าให้พี่รู้นะว่าเราโดดเรียน ไม่งั้นเจอดีแน่”

     



    แบมแบมยังจำคำพูดที่เจบีขู่ได้สมัยที่เขายังเป็นเด็ก ม.ปลาย

     



    “ค...ครับ แบมจะไปเรียนพรุ่งนี้แล้วไง” แบมแบมบอกทำปากยู่

     

     

    อื้อหือ  น่ารักเว่อ

     
     

    “แบมแบมต้องห่วงตัวเองบ้างนะ แผลนี่วันนี้ทำรึยังเนี่ย” มาร์คถามเมื่อเห็นแผลที่แขน เพราะตั้งแต่ที่มาร์คเจอแบมแบมทุกครั้งร่างเล็กดูจะกังวลเรื่องพี่ชายตลอดเวลา แต่ก็ไม่แปลก มาร์คเข้าใจความรู้สึกแบบสองคนพี่น้องดี


    “รู้แล้วครับ แบมไปทำเมื่อกี้ไง” ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันแต่แบมแบมกลับรู้สึกสนิทใจที่จะคุยกับมาร์ค อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเจบีล่ะมั้ง เวลาอยู่ด้วยทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหมือนได้คุยกับพี่ชาย

    “แล้วนี่แบมแบมกลับไงเหรอ” มาร์คถาม เห็นคราวที่แล้วว่าขับรถไม่เป็น

    “คงนั่งแท็กซี่กลับเองน่ะครับ ไม่อยากรบกวนให้ที่บ้านมารับ” เกรงใจก็ส่วนหนึ่งแต่เหนือสิ่งอื่นใดแบมแบมยังคงรู้สึกกลัวอยู่ เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาโทรบอกให้ที่บ้านมารับ  ทำให้พี่ชายเขาต้องมานอนอยู่ไอซียูนี่ไง

     

    “เอ่อ.....ถ้างั้น......เอ่อ...........” มาร์คเอ่ยขึ้นมาอย่างลังเล กูเสนอตัวไปส่งดีป่ะวะ จะดูเยอะไปมั้ยวะ


    “พี่มาร์คมีอะไรรึป่าวครับ” แบมแบมถาม


    “เอ่อ....พี่ไปส่งมั้ย....แต่มอไซค์นะ” น้องเขานั่งแท็กซี่สบายๆเสื_อกชวนมานั่งมอไซค์


    “อย่าดีกว่าครับ แบมเกรงใจพี่มาร์คน่ะ” แบมแบมรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ


    “อ่า...มันคงไม่สะดวกแบมแบมสินะนั่งมอไซค์อ่ะ” มารยาสักนิด จริตสักหน่อย มาร์คต้วน


    “มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” แบมแบมรีบปฏิเสธ ก็มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆนิ่ พี่มาร์คพูดแบบนั้นแบมก็ไม่สบายใจป่ะ


    “ไม่เป็นไรครับ แบมแบมเหนื่อยคงอยากนั่งรถยนต์ตากแอร์เย็นๆ พี่เข้าใจ” ไซโคเข้าไปมาร์คต้วน


    “ถะ....ถ้าอย่างนั้น แบมติดรถพี่มาร์คกลับด้วยละกันนะครับ” ร่างเล็กทำหน้าจ๋อยๆ ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกผิดด้วย




    สำเร็จ
    !!!!!



    “โอเคครับ ส่งให้ถึงบ้านเลย” มาร์คหันไปยิ้มกว้าง


    “อีกสิบนาทีจะหมดเวลาเยี่ยม ถ้ายังไงแบมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”  ร่างเล็กว่าก่อนจะเดินออกไปจากไอซียู

     

     

     

    มาร์คมองตามหลังอีกคนไปก่อนจะหันมามองร่างคนที่หลับใหล ก่อนจะเอื้อมไปดึงผมแจบอมออกมาสองสามเส้นแล้วใส่ในซองพลาสติกกันน้ำ

     



    “กูไม่ได้ม่อน้องมึงนะ กูทำหน้าที่พี่ชายแทนมึงเฉยๆ” มาร์คต้วนไม่มีแอบแฝง จริงจริ๊งงงงงงงง

     

     

     

    ....................................................................

     

    โจอี้กำลังหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน   ไม่สิ  บ้านอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ ก็คือมันเป็นบ้านอ่ะนะ แต่หลังใหญ่มากกกกก รั้วเป็นสไตล์เกาหลี ส่วนตัวบ้านก็เป็นสไตล์เกาหลีผสมกับสมัยใหม่หน่อย คือสวย คือดีงาม คืออยากอยู่แบบนี้บ้าง โจอี้ได้แต่คิดก่อนจะค่อยๆกดออดหน้าบ้าน

     

     

    ออดดดดดดดดดดดดดดดด

     
     

    [สวัสดีค่ะ มาพบใครคะ] เสียงออดดังขึ้นตามด้วยเสียงดังมาจากสปีกเกอร์เล็กๆที่อยู่ข้างกัน มีสปีกเกอร์ด้วยอ่า

    “เอ่อ..สวัสดีครับ ผม โจอี้ ต้วน ผมรับงานมาจากคุณโจควอนน่ะครับ” โจอี้เอ่ยพาดพิงถึงเพื่อนเก่าแก่ของพ่อเขาที่คอยหาข่าวหางานให้เขากับมาร์คบ่อยๆ


    [อ๋อ ค่ะ..สักครู่นะคะ]

     



    โจอี้ยืนอยู่สักพักก็มีหญิงวัยกลางคน ตัวสูงหุ่นยังเช้ง หน้าตาสวยสมวัย มาเปิดประตูให้พร้อมกับรอยยิ้ม

     

    “โจอี้ใช่มั้ยจ้ะ” หญิงคนนั้นถามเพื่อยืนยันอีกคน


    “ครับ”


    “ฉันเป็นคนที่โทรไปปรึกษาคุณโจควอนเองล่ะจ้ะ แล้วนี่มาคนเดียวเหรอจ้ะ” หญิงคนนั้นบอกพลางเดินนำโจอี้เข้าไปในรั้วบ้าน โอ้ย ขนาดสวนในบ้านยังสวย มีบ่อเล็กๆมีปลาคาร์ฟด้วย ฮวงจุ้ยแหล่มมากนะครับ


    “มาคนเดียวครับ เอ่อ....คุณคือ คุณนายคิม....เจ้าของบ้านใช่มั้ยครับ” โจอี้อยากถามว่ามีลูกสาวมั้ยครับ ผมชอบบ้าน

    “จ้ะ ยังเด็กอยู่เลยนะเรา ขอเรียกแทนตัวเองว่าน้าได้มั้ยจ้ะ”  เธอบอก รู้สึกถูกชะตากับใบหน้าน่ารักๆยังไงไม่รู้


    “เอ่อ...ได้ครับ” โจอี้ไม่ขัดอีกฝ่ายพร้อมกับพาร่างตัวเองเดินตามมาจนถึงในบ้าน  จะหรูไปไหนวะเนี่ย


    “ตอนแรกคุณโจควอนบอกว่า คนที่จะมาช่วยน้าเป็นเด็กหนุ่ม น้าก็นึกว่าประมาณมหาลัยซะอีก” อันที่จริงก็จะเป็นเด็กหนุ่มมหาลัยแหละครับ โจอี้คิดก่อนจะยิ้มแห้งๆ


    “แล้ว...คุณนายคิมพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับว่าเรื่องมันเป็นยังไง” โจอี้เข้าเรื่องงานพลางเอื้อมมือไปรับน้ำจากป้าแม่บ้าน เออ เพิ่งเห็นว่ามีแม่บ้าน


    “ก็ไม่อะไรหรอกจ้ะ น้าเริ่มรู้สึกตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว น้าก็ไม่รู้ว่าน้าคิดไปเองรึเปล่า แต่น้ารู้สึกว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้านน้า”

    “ยังไงเหรอครับ” โจอี้ถามรายละเอียดเพราะตั้งแต่เดินเข้ามาเขายังไม่รู้สึกถึงพลังอะไรแปลกๆ


    “อย่างเวลาน้าเข้านอน จะได้ยินเสียงคนเดินในบ้านทั้งคืนเลยจ้ะ โดยเฉพาะตรงฝั่งห้องนอนลูกชายน้าเสียงชัดมาก บางทีก็มีของตก เวลาน้าถามว่าเมื่อคืนมีใครออกมาเดินมั้ยมีใครทำของตกมั้ย ทุกคนในบ้านก็ปฏิเสธ สามีน้าเองก็เริ่มจะสังเกตแล้วก็ได้ยินเหมือนกัน น้าว่าจะให้คนมาทำพิธีหลายทีแล้วแหละ แต่ติดที่ลูกชายน้า เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้น่ะจ้ะ”


    โจอี้พยักหน้า แต่เขายังไม่รู้สึกถึงอะไรเลยจริงๆนะ ว่าแต่..คุณนายมีแต่ลูกชายเหรอครับ


    “แล้วหนูรู้สึกหรือเห็นอะไรบ้างมั้ยลูกตั้งแต่เข้ามา” 


    “ผมว่าผมอาจจะต้องเดินสำรวจ.........” โจอี้พูดค้างก่อนจะตีหน้าเครียด.....



    .......เดี๋ยวนะ.....

     

     

    ........เมื่อกี้ไม่รู้สึกแต่ตอนนี้รู้สึกนิดๆแล้ว

     
     

    “เป็นอะไรเหรอจ้ะ หนูเห็นอะไรเหรอลูก” คุณนายคิมก็ดูร้อนรน

     


    ชักจะชัดขึ้นนะ....

     


    “แปบนึงนะครับ” โจอี้ทำจมูกฟุดฟิด คือมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรอ่ะนะ แต่มันเป็นความเคยชิน

     

    มันใกล้เข้ามา......

     


    “ข้างนอก” โจอี้หันไปดูที่ประตู เขาสัมผัสได้ว่ามันอยู่ข้างนอกและกำลังใกล้เข้ามา


    “ข้างนอกเหรอจ้ะ?” คุณนายคิมมองไปที่ประตู

     

     

    โจอี้ได้กลิ่นอันคุ้นเคยพุ่งเข้ามาทันทีที่ประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงๆที่ดูคุ้นแปลกๆ และเงาดำจางๆข้างหลังร่างนั่น

     






     

    ชัดเลย!!!!

     

     




    “กลับมาแล้วครับ” ร่างนั้นเอ่ยก่อนก้มไปถอดรองเท้า

     

    โจอี้กำลังช็อค  ไม่ได้ช็อคจากวิญญาณหรืออะไรนะ แต่ช็อคจากไอ้คนที่ก้มไปถอดรองเท้านี่แหละ นั่นมันไอ้พี่น้ำมนต์นี่หว่า!!!!!!!

     

    “กลับมาแล้วเหรอยูคยอม ไปไหนมาซะเกือบค่ำเนี่ย” คุณนายคิมเดินไปหาลูกชายตัวเอง


    “ไปเยี่ยมพี่บีมาครับ แต่ที่ช้าเนี่ยเพราะเจอคนบ้า” ยูคยอมว่าก่อนจะยืนขึ้นมาและเห็น คนบ้า ที่ว่านั่นยืนอยู่ในบ้านเขา

     

     

    นั่นมันไอ้เด็กขี้หมานี่หว่า!!!

     


    “เอ้อ..น้าลืมเลย  โจอี้นี่ลูกชายน้าจ้ะ คิม ยูคยอม  แล้วก็นะยูคยอมนี่โจอี้  คนที่จะมาทำพิธีให้บ้านเราไง” คุณนายคิมยิ้ม ยูคยอมรู้ดีว่าพิธีอะไร ให้ตายเหอะเขาอยากจะตะโกนใส่หน้าคนที่บ้านจริงๆว่านี่มันงมงาย ไร้สาระ ไอ้พวกที่มารับทำพิธีบ้าบออะไรเนี่ยก็พวกต้มตุ๋นทั้งนั้น ที่เขายอมให้แม่จ้างคนมาปัดรังควานอะไรนั่นก็เพื่อความสบายใจของแม่ แต่พอเห็นหน้าไอ้เด็กขี้หมานี่

     

     

    โคตรอยากจะไล่ตะเพิดเลย

     
     

    “อ่อ..เหรอครับ แม่ว่าไม่เด็กไปเหรอ” ยูคยอมว่าก่อนจะเดินมาหาโจอี้ที่ยืนหน้าซีด บอกตรงๆตอนนี้โจอี้ไม่ได้กลัวไอ้เงาจางๆที่อยู่ด้านหลังอีกคนเท่าไรเพราะเขารู้ดีว่า วิญญาณที่โดนไล่ครั้งนึงแล้วเนี่ย มักจะใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม  แต่ที่หน้าซีดเนี่ย เพราะกลัวไอ้ยักษ์นี่ต่างหากเว้ย!!!

     

    “เอ่อ.....คุณนายคิมครับ....พอดีผมมีเรื่องจะปรึกษานิดนึง ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้มั้ยครับ” โจอี้บอกพยายามไม่มองสายตาอาฆาตจากยูคยอมที่ส่งมาให้

     

    “ได้สิจ้ะ” คุณนายคิมว่าก่อนจะพาโจอี้เดินออกไปคุยข้างนอก

     

     

    ....

     

     

    ........

     

     

    ................

     

    “คือว่า คุณนายคิมครับ ผมว่าผมเจอต้นตอของปัญหาทั้งหมดแล้วครับ” โจอี้เอ่ยปากก่อนเมื่อออกมาข้างนอก


    “เหรอจ้ะ” คุณนายคิมตาลุกวาวทันที


    “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ บ้าน ครับ แต่ปัญหาอยู่ที่ลูกชายคุณนายคิม คืองี้นะครับ....” โจอี้ว่าก่อนจะเล่าสิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังรวมทั้งเรื่องที่เขาเจอยูคยอมก่อนหน้านี้

     


    ....

     

    ..........



    ...............


     

    “ตายแล้ว...น้าจะทำยังไงดี” เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาหลังฟังจบ


    “ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมจะหาวิธีกำจัดให้ได้ อีกอย่างผมเองก็เพิ่งไล่วิญญาณตนนั้นไป คงอีกสักพักกว่าจะกลับมา” ทำไงได้กูรับเงินค่าจ้างมาตั้งครึ่งนึงแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้จบ เสียชื่อ


    “ช่วงนี้คุณนายเอาสเปรย์น้ำมนต์นี่ให้เขาฉีดทุกวันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะลองดูพวกเครื่องรางให้” โจอี้หยิบสเปรย์น้ำมนต์ยัดใส่มืออีกฝ่าย แล้วยิ้มให้

     

    “ขอบใจมากนะลูก” เธอขอบคุณโจอี้

     

    .....




    ........... 

     


     

    “ทำไมต้องคุยข้างนอกด้วยครับ มันเริ่มมืดแล้วนะ” เสียงตะโกนจากข้างในบ้านของยูคยอมดังขึ้น

     

    “เอ่อ..งั้นผมกลับก่อนนะครับวันนี้ เดี๋ยววันหลังว่ากันใหม่” โจอี้พูดเสียงดัง


    “อ้าวกลับยังไงล่ะลูก มืดแล้วนะเนี่ย” คุณนายคิมถาม ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นเด็กม.ปลายนะ


    “อ๋อ...เดี๋ยวผมเดินกลับไปโรงเรียนครับ แล้วเดี๋ยวอาจให้พี่ชายมารับที่โรงเรียน” รถเมย์ตอนนี้แม่มเบียด เดินเอานี่แหละ


    “เอางี้ น้าว่าให้ยูคยอมไปส่งดีกว่า........เผื่อจะได้หาวิธีปัดเป่าวิญญาณให้ลูกชายน้าด้วย” ประโยคหลังเธอกระซิบกับโจอี้


    “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เขาคงเหนื่อยให้เขา....” โจอี้พยายามปฏิเสธ


    “เกรงใจทำไมล่ะครับ พี่ไปส่งก็ได้” ยูคยอมเดินเข้ามาหาอีกสองคน

     

     




    “พี่ว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับน้อง.........เยอะเลย” ยูคยอมยกยิ้มมุมปากอย่างไม่น่าไว้ใจ

     

     

     

    พี่มาร์คมาช่วยน้องอี้ด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    .................................................................................................


    100% ละนะ ยูคอี้ใช่มั้ย....ก็น่าจะอย่างนั้นแหละ ตอนแรกคิดอยู่นานอยากเห็นยูคเป็นฝั่งเป็นฝา ประจวบเหมาะกับเห็นยูคไปบ้านมาร์คที่เมกา ก็เลย....ตามนั้น 555 แต่ดูพี่ยูคแกไม่ค่อยปลื้มน้องอี้เลย งานงอก ไอ้เรื่องพิธีกรรม ลัทธินู่นนี่นั่นไรท์บอกก่อนว่ามีข้อมูลจริงบ้างบวกมโนบ้างนะ ไรท์มิเชี่ยวชาญจีจี 

    ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม ถ้าไรท์ว่างก็จะมาอัพบ่อย แต่ถ้าช่วงง่อยๆก็อาจจะมาช้านะ ช่วงนี้ก็เริ่มจะง่อยบ้างไรบ้าง งานงอกพอๆกับโจอี้ในฟิค ก็ยังขอบคุณที่อ่านกัน 

    เม้นกันได้นะ ไม่ห้าม 55555 

    1 เม้น 1 กำลังใจ (ประโยคเดิมๆแต่ต่อเติมชีวิตไรท์ให้กระชุ่มกระชวย)

    ขอบคุณค่า

    ...........................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×