ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] SDD : Sleep , Deep , Death [MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      17
      10 ก.พ. 58





    “เอาหมดนี่แหล่ะครับป้า พรุ่งนี้เช้าผมมาเอา อันนี้จอง” ชายวัยรุ่นคนนึงในเสื้อตัวโคร่ง กางเกงเป้ายานกำลังยืนชี้ๆ ถังใบย่อมสี่ห้าถังในตลาด

     

    “หมดนี่เลยเหรอคะคุณแจ็คสัน ป้าชักสงสัยแล้วนะว่าคุณแจ็คสันเอาไปทำอะไรเยอะแยะคะเนี่ย” หญิงสูงวัยกว่าเอ่ยยิ้มๆ


    “เอ่อ...งานวิจัยผมเองแหละครับป้า” โกหกคำโตเลยไอ้สั้น


    “อ๋อ..ค่ะ แล้วคุณแจ็คสันเอาอะไรเพิ่มมั้ยค่ะ” หญิงคนนั้นถามพลางลากรถเข็นคันใหญ่มาสองคันเพื่อจะบรรทุกสินค้าไว้ให้ชายหนุ่ม


    “โอ๊ะๆๆ ป้าไม่ต้องครับผมทำเอง” แจ็คสันรีบวิ่งเข้าไปยกถังใส่รถเข็นเอง


    “เอ่อ...ป้าครับ แล้วปกตินี่เกลือบริสุทธิ์แบบนี้ ป้าจะเอาเข้ามาขายอีกเมื่อไรครับ” แจ็คสันถามต่อพลางยกของขึ้นรถเข็น

    “ก็สักพักแหละค่ะ เดี๋ยวนี้มันเริ่มหายาก มลพิษเยอะ นาเกลือดีๆก็อยู่ไกล กว่าจะเสร็จกว่าจะส่ง ก็นานอยู่ค่ะ” หญิงคนนั้นบอก

     


    ใช่แล้วแจ็คสันมาทำหน้าที่คนส่งของหลังจากได้รับคำสั่งจากมาร์คเพื่อนรักให้หาเกลือบริสุทธิ์มาให้เยอะที่สุด โดยมีผีเจบีตามมาด้วย ก่อนไปเอาหลุมศพขอแวะตลาดก่อน คราวนี้แหละมึง กุจะเอาให้มึงใช้ไม่ทันเลย


     

    “ป้าคร้าบบบบบบบบบบ” น้ำเสียงสดใสดังมาแต่ไกล


    “อ้าว ยองแจ มาซื้ออะไรลูก” หญิงเจ้าของร้านกล่าวกับ เด็กหนุ่มผิวขาวยิ้มกว้างตาหยีผู้มาใหม่


    “เอา สาหร่ายแห้งแพ็คใหญ่สองแพ็ค ปลาแห้งแพ็คใหญ่อีกสาม แล้วก็เกลือแบบเดิม หนึ่ง ถังใหญ่ครับ” คนชื่อยองแจว่า


    “ได้ลูก แต่ว่า..ป้าขอโทษนะยองแจเกลือแบบเดิมน่ะมีคนจองไปหมดแล้วล่ะลูก หนูลองดูอันนี้มั้ย อันนี้ก็ดีนะมาจากจังหวัดใกล้ๆนี่แหละ”


    “อ้า!!!!!!!.....หมดอีกแล้วเหรอครับ คนที่จองนี่เขาเอาไปเผาสาปแช่งใครป่ะครับเนี่ย ใช้เยอะขนาดเนี้ย” ยองแจบ่นอย่างหงุดหงิด แต่ที่หงุดหงิดกว่าคือคนที่โดนพาดพิงอย่างแจ็คสันนี่ล่ะ

    .

    .

    .

    “มึงโดนนินทาว่ะ” ผีเจบีที่เงียบอยู่นานบอกอีกคนพลางกลั้นขำ เล่นเอาแจ็คสันหันมาส่งสายตาว่ากูรู้แล้ว


    “ยองแจอา...เอาไว้ครั้งหน้าป้าจะเก็บไว้ให้นะลูก” คุณป้าเจ้าของร้านยิ้มอย่างเอ็นดู


    “โหย..ป้าครับ แต่แม่ผมจะเอาไปหมักกิมจิอ่ะ ถ้าไม่ได้ไปนะผมโดนดุแน่เลย ป้าแอบขายให้ผมไม่ได้เหรอครับ” บ้านยองแจทำร้านอาหาร แม่เขาพิถีพิถันเรื่องวัตถุดิบมาก ถ้าไม่ได้งานนี้โดนเชือดแน่


    “ยองแจ..ป้าสัญญานะคราวหน้าจะเก็บไว้ให้จริงๆ” คุณป้าผู้ใจดีบอก


    “คอยดูนะ ถ้าผมเจอหน้าคนที่มาเหมาเกลือป้า ผมจะเข้าไปกระชากคอเสื้อ แล้วตะโกนถามใส่หน้าว่า.......” ยองแจว่าพลางทำท่ากระชากคอเสื้อในอากาศ

    .

    .

    .


    “ว่าอะไร?” แจ็คสันที่ยืนอยู่นานถามอีกคน


    “เอ๋?” ยองแจหันมามองงงๆ ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเองเชิงสงสัย



    ส่วนคุณป้า..........หลบเข้าไปในร้าน


    “พูดต่อดิ” แจ็คสันบอก ยองแจขมวดคิ้วอย่างงงๆ ไอ้พี่ฮิปฮอปนี่มันต้องการอะไร ว่าแต่หน้ามันคุ้นๆ

     

    “ฉันนี่แหละ คนเหมาเกลือร้านป้า ตกลง นายจะพูดใส่ฉันว่าอะไร” แจ็คสันขึ้นเสียงพลางเดินเข้าไปใกล้ยักคิ้วอย่างหาเรื่อง ยองแจถอยตัวน้อยๆ แต่คิดเหรอว่ายองแจจะกลัว

    “ว่างะ....”


    “ไอ้บ้า!! ถ้าจะเหมาเกลือเยอะอย่างงี้ ไม่ทำนาเกลือเองไปเลยล่ะ!!!” ยองแจตะโกนตัดบทแจ็คสัน  เล่นเอาผีเจบีขำก๊ากอย่างไร้สติ


    “นะ...นี่แหละที่ผมจะพูด” ยองแจว่าเสียงอ่อย

    “ย่าห์!! ไอ้เด็กนี่ ตะโกนใส่หน้าฉัน อยากเจอดีรึไง” แจ็คสันชักจะโมโหกะเด็กนี่ละนะ


    “ก็นายนั่นแหละ เอาเกลือไปทำไรนักหนาฮะ ของมีจำกัดก็แบ่งๆกันบ้างดิ” ยองแจตอนนี้ถึงจะกลัวนิดๆอายหน่อยๆ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วต้องสู้เว้ย เสียฟอร์ม


    “ตอนแรกก็ว่าจะแบ่งอยู่หรอก แต่เด็กแถวนี้มันปากเสีย ชอบนินทาคนอื่น ฉันไม่แบ่งให้คนนิสัยเสียแบบนายหรอก” แจ็คสันว่า


    “ได้!! นายไม่แบ่งใช่มั้ย” ยองแจพูดก่อนล้วงเงินออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะวางเงินบางส่วนที่เคาเตอร์คิดเงินของร้าน

     

    “ป้าครับนี่ค่าปลาแห้งกับสาหร่ายนะครับ” ยองแจตะโกนเข้าไปในร้าน

    .

    .

    “และนาย!!” ยองแจหันกลับมาเผชิญหน้าแจ็คสันก่อนจะปากระดาษหลากสีที่เรียกว่าเงินใส่หน้าอีกคน

     

    “ค่าเกลือ!!!!!” ยองแจตะโกนพร้อมวิ่งไปที่รถเข็นที่มีเกลือหนึ่งถัง ใช้จังหวะที่แจ็คสันตกใจกับการโดนเอาเงินฟาดหน้าครั้งแรกในชีวิต เข็นรถเข็นคันนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    “เฮ้ย ไอ้เด็กบ้า!!  ไอ้เจบี หัวเราะอยู่นั่นแหละ ทำไรสักอย่างดิวะ” แจ็คสันเผลอหันมาพูดกับเพื่อนวิญญาณที่ตอนนี้ลงไปนอนขำอยู่กับพื้นอย่างลืมตัว

    “ฮะๆๆๆ...มึง..เดี๋ยวเขาก็หาว่ามึงพูดคนเดียวหรอก” เจบีเตือนสติแจ็คสัน

     

     

     

    “โธ่เว้ย” แจ็คสันขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสีย

     

     

     

     

    ................................................................................................


     

    “ขอบคุณนะครับ” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมคืนหมวกกันน็อคให้รุ่นพี่ที่อาสามาส่ง


    “ยินดีครับ” มาร์ครับหมวกกันน็อคมาแล้วยิ้มหวานให้อีกฝ่าย


    “พี่มาร์คเข้าบ้านก่อนมั้ยครับ กินน้ำก่อน อุตส่าห์มาส่ง” ร่างเล็กยิ้ม  น้องแบมชวนเข้าบ้านอ่ะ พี่มาร์คเขินนะครับ

     

     

    “อ้าว..คุณแบม กลับมาแล้วเหรอคะ ป้ามองตั้งนานนึกว่าใคร” หญิงสูงวัยเอ่ยทักคนตัวเล็กด้วยความนอบน้อม


    “ครับ ป้าลี พ่อกับแม่กลับมาแล้วเหรอครับ” แบมแบมหันไปถาม


    “ค่ะ คุณท่านมาถึงสักพักแล้วค่ะ” คุณท่าน? คุณแบม? นี่เรียกเจบีว่าคุณด้วยมั้ย? ไม่ธรรมดาป่ะวะบ้านเนี้ย เพิ่งสังเกตว่าบ้านหรูอยู่นะ ไม่ได้ถึงกับโอ่อ่าอย่างกะวังแต่ก็ดูแล้วเป็นบ้านคนมีฐานะแน่นอน

    “พี่มาร์ครีบมั้ยครับ เข้ามาก่อนนะครับ แบมอยากขอบคุณ” แบมแบมถามอีกคน


    “ก็..ไม่รีบหรอกครับ เดี๋ยวพี่จอดรถดีๆก่อน” ไม่รีบจริงๆนะ ก็โจอี้ยังไม่โทรมาบอกให้ไปรับอ่ะ


    “จอดข้างในก็ได้ค่ะคุณ” หญิงสูงวัยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม โอ้ยยยย...อย่าคุณกับมาร์คเลยป้าครับ มาร์คตั้งตัวไม่ทัน


    “ไม่เป็นไรครับ ผมคงเข้าไปสวัสดีผู้ใหญ่แล้วก็คงกลับล่ะครับ” มาร์คว่าก่อนลากมอเตอร์ไซค์ไปแอบรั้วบ้าน

     

    ร่างสูงเดินตามร่างเล็กมาถึงในบ้าน คือบ้านเจบีมันใหญ่นะมีคนทำความสะอาดด้วน สวนก็กว้าง คือดูใหญ่แบบไม่เวอร์อ่ะ ถ้ากูเป็นมึงนะเจบีกูจะพาวิญญาณกลับมานอนบ้านทุกวัน ไม่ไปยัดอยู่กะกูในอพาร์ทเมนต์รูหนูแบบนั้นหรอก

     

    มาร์คเดินคิดก่อนจะมาหยุดที่โต๊ะรับแขก ที่มีคนสามคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่งเป็นผู้ชายกลางคนดูร่างสูงภูมิฐาน ดวงตาเรียวเล็กแต่ดูดุดันเหมือนเจบี คนหนึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างเล็กดวงตากลมโตที่ลูกชายคนเล็กถอดแบบมาได้เป๊ะ  ส่วนอีกคนเป็นชายน่าจะวัยสักสามสิบกลางๆหน้าตาดูใจดี

     


    “พ่อครับแม่ครับ สวัสดีครับ สวัสดีครับ อาแดเนียล ...กลับมาตั้งแต่เมื่อไรครับ!” ร่างเล็กวิ่งเข้าไปทักทายทั้งสามคน พร้อมกับวิ่งไปทักทายชายผู้เป็นคุณอาใจดี


    “อาก็เพิ่งถึงนี่ล่ะ แวะที่นี่ก่อนยังไม่ได้กลับบ้านเลย” แดเนียลยิ้มก่อนลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู

    “อ้าว...เจ้าแบม นั่นเพื่อนเหรอ” พ่อของแบมแบมเอ่ยทักมาร์คที่ยืนอย่างประหม่า ร่างสูงเมื่อโดนทักจึงรีบโค้งให้ทุกคนหัวแทบจะคะมำ


    “อ๋อ...นี่พี่มาร์คครับ เพื่อนพี่เจบี แบมเจอพี่เขาที่โรงพยาบาล พี่เขาเลยมาส่ง” แบมยิ้มก่อนเดินไปแนะนำมาร์คให้ครอบครัวรู้จัก ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

    “สวัสดีครับ” มาร์คโค้งอีกครั้ง หัวก็แทบคว่ำอีกครั้ง

    “ไม่ต้องเกร็งหรอกจ้ะ ขอบใจนะที่มาส่งน้อง ตามสบายนะ แบม..ไปเอาน้ำให้พี่เขาสิจ้ะ” แม่ของแบมยิ้มให้มาร์คก่อนจะหันไปบอกลูกชาย แบมแบมพยักหน้ารับก่อนจะเตรียมวิ่งไปที่ครัว ถึงจะมีแม่บ้านก็เถอะ พี่มาร์คอุตส่าห์มาส่ง แบมก็อยากขอบคุณอย่างจริงจัง

    “เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่แวะมาสวัสดีผู้ใหญ่ครับ เดี๋ยวผมจะไปแล้ว” มาร์คบอกอย่างเกรงใจ แต่แบมแบมก็วิ่งไปแล้ว

    “นั่งพักก่อนก็ได้น่า ชื่อ มาร์ค ใช่มั้ยเรา” คราวนี้เป็นพ่อของแบมแบมที่เอ่ย


    “ครับ” มาร์คตอบก่อนนั่งลงตรงข้ามผู้ใหญ่ข้างๆแดเนียล


    “ไงเราเป็นเพื่อนตาแจบอมเหรอ” แดเนียลถามก่อนเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ซ้ายของมาร์คเบาๆ


    “อ๊ะ!!” มาร์คสะดุ้ง


    ความรู้สึกแรกที่แดเนียลโดนตัวมาร์ครู้สึกเจ็บ มันไม่ใช่เจ็บแบบโดนตี แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากไหล่ซ้ายของเขาไปยังปลายนิ้วทั้งห้า ก่อนที่ความรู้สึกต่างๆจะหายไป กลายเป็นแขนข้างซ้ายของมาร์คชาเหมือนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ แต่ก็เพียงแวบเดียวก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาปกติ

    “เฮ้ เป็นอะไรไป...อาแตะเบาๆเองนะ” แดเนียลถามพลางยิ้มให้ขำๆ เพราะเขาก็แตะไหล่เบาๆจริงๆ


    “ขอโทษครับ...พอดีไหล่ซ้ายของผมช่วงนี้มันบาดเจ็บนิดหน่อยน่ะครับ” มาร์คโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ความรู้สึกนั่นยังคาใจมาร์คอยู่ สัญชาตญาณของมาร์ครู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ มาร์คคิดก่อนหันไปสำรวจอีกฝ่ายเล็กน้อย

    แดเนียลเป็นแค่ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาท่าทางใจดีคนหนึ่ง แถมยังทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง ดูแล้วอัธยาศัยดีไม่น้อย มาร์คเกือบจะคิดไปแล้วว่าความรู้สึกที่ไหล่เขาเป็นแค่การคิดไปเอง ถ้าไม่บังเอิญเห็นแหวนสีขาว ที่มีรอยสลักอะไรสักอย่างที่นิ้วของแดเนียล และถ้ามาร์คไม่คิดไปเองมันมีพลังงานบางอย่างออกมาจากแหวนนั่น

     

    “แหวน?” มาร์คเผลอหลุดปากออกมาพลางขมวดคิ้ว

    “แหวน?...แหวนเนี่ยเหรอ” แดเนียลชี้ที่แหวนวงนั้นที่ตนสวมอยู่

    “อ่า..ครับ สวยดีนะครับ” มาร์คเฉไฉ เมื่อเห็นว่าอีกคนจับได้


    “เพื่อนอาที่อเมริกาให้มาน่ะ.....สวยมั้ยแบม” แดเนียลบอกก่อนจะยื่นมือไปอวดหลานชายที่เดินถือแก้วน้ำออกมา


    “สวยครับ.....พี่มาร์คครับ กินน้ำก่อน” แบมแบมพยักหน้าให้แดเนียลก่อนจะยื่นน้ำให้มาร์ค


    “ขอบคุณครับ” มาร์ครับมาก่อนจะยิ้มให้แบมแบม เล่นเอาคนเป็นพ่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามขมวดคิ้วนิดๆ


    “อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิจ๊ะมาร์ค ไหนๆก็ไหนๆแล้ว” คุณแม่นี่ก็เปิดทางจังเลย


    “ไม่เป็นไรครับ พอดีผมต้องไปรับน้องชายด้วยครับ” มาร์คปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกฝ่าย และยังรู้สึกกังวลกับแหวนนั่นไม่หาย และอีกอย่างที่สำคัญ กูเพิ่งนึกได้ว่าน้องชายยังไม่กลับ แต่ทำไมแม่มไม่โทรมาวะ


    “อ้าว เสียดายจังเนอะ” แม่แบมแบมเอ่ยอย่างเสียดาย


    “งั้นวันหลังมาทานข้าวด้วยกันนะครับ พี่มาร์ค” เป็นแบมแบมที่เป็นฝ่ายชวน


    น้องแบมบอกเองนะว่าจะมีวันหลัง พี่มาร์คฟิน


    “ถ้ายังไง วันนี้ผมขอตัวนะครับ” มาร์คยืนขึ้นก่อนโค้งให้ทุกคน


    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ..มาร์ค” แดเนียลโบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม


    มาร์คโค้งตัวเล็กน้อยก่อนเดินออกมา เขาบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง แหวนนั่นยังคาใจเขา นั่นไม่ใช่แหวนธรรมดามาร์ครับรู้ได้ แต่อีกฝ่ายได้มาจากไหน ใครเป็นคนให้ แหวนนั่นมีพลังอะไร แล้วเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเรื่องเจบีรึเปล่า ตอนนี้ความคิดของร่างสูงสับสนอลหม่านตีกันมั่วไปหมด อยากจะเอาน้ำถังเย็นๆมาราดหัวเผื่อสมองจะโล่งบ้าง ยังไงซะเขาคงต้องปรึกษาเรื่องนี้กับจินยองแล้วก็โจอี้อีกที

     

     

    ว่าแต่โจอี้.....

     




    โจอี้.................

     




    ทำไมมันไม่โทรมาวะ????

     



    ร่างสูงคิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อหาน้องชายตัวแสบ

     

     

    ............................................................................................

     

    “ไง...ต้มตุ๋นเหรอเรา” ยูคยอมที่ตอนนี้ขับรถออกจากบ้านมาได้สักพัก

    .

    .

    .
     

    “เอ่อ....พี่ครับ ทางไปโรงเรียนผมต้องเลี้ยวซ้าย” โจอี้อยากจิครายยยย ไอ้พี่น้ำมนต์แม่มน่ากลัวชิบหาย


    “เอาน่า ขับรถเล่น จะได้คุยกันยาวๆ” ยูคยอมยิ้ม ซึ่งดูก็รู้ว่ามึงไม่จริงใจ


    “กะ..กลับช้า..ดะ..เดี๋ยวพี่ชายผมว่าน่ะครับ” โจอี้ครับ มึงจะสั่นทำไม


    “งั้นก็ตอบมาก่อนสิ เป็นพวกสิบแปดมงกุฎเหรอเราอ่ะ” ร่างสูงถามย้ำ


    “ปะ...ป่าวนิ่ครับ นั่นมันแบบว่า...พาร์ทไทม์น่ะ” โจอี้ไหวไหล่


    “คิดว่าฉันเชื่อรึไง ปัดรังควาญ? ไล่ผี? ไร้สาระ นายเคยเห็นผีจริงๆรึไง” ยูคยอมเหน็บเข้าให้


    “เฮ้อ.....ผมว่าละ...เอาเถอะครับ คนไม่เชื่อ พูดยังไงให้ตายพี่ก็ไม่เชื่อ” โจอี้ว่าก่อนจะพิงเบาะอย่างแรง


    “ก็ลองดูสิ เผื่อฉันจะเชื่อ” ยูคยอมว่า โจอี้หันไปเหล่อีกคนน้อยๆ


    “ก็ได้ครับ” โจอี้ว่าก่อนลุกขึ้นมานั่งตัวตรง

    .

    “พี่น่ะ....ช่วงนี้มีอาการปวดหลังบ้างป่ะ” โจอี้ถาม ยูคยอมเองก็ดูจะตกใจน้อยๆกับคำถาม


    “ก็มีบ้าง” ยูคยอมว่า จะว่าไปก่อนหน้านี้เขาก็ปวดหลังจริงๆน่ะแหละ รู้สึกไหล่หนักๆเหมือนแบกอะไรไว้

    “แล้ววันนี้รู้สึกว่ามันเบาขึ้นป่าว” โจอี้ถามต่อ


    “ไม่รู้สิ ไม่ได้สังเกต” จริงๆก็รู้สึกแหละว่ามันไม่ค่อยปวด เขาเองก็ว่าจะบอกแม่อยู่เพราะแม่เขาคะยั้นคะยอให้ไปปรึกษาหมอหลายวันแล้ว


    “พี่ชาย....พี่น่ะ มีวิญญาณตามอยู่ รู้ตัวป่ะ” โจอี้บอกก่อนจะเงียบดูปฏิกิริยาอีกคน


    “ว่าต่อสิ”


    “ที่คุณนายคิมสัมผัสได้น่ะ มันไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่มันอยู่ข้างหลังพี่ต่างหาก”

     


    ยูคยอมยังคงวนรถผิดทางไปเรื่อยๆ เพราะอยากรู้ว่าอีกคนจะเล่นมุกไหน

     

    “เมื่อตอนเย็น...ที่ผมเอาสเปรย์ไปฉีดพี่อ่ะ เพราะว่าวิญญาณข้างหลังพี่ทำท่าจะสิงพี่อยู่แล้ว ผมก็เลยเอาน้ำมนต์ขับไล่ไปให้” โจอี้ว่าต่อพยายามทำน้ำเสียงให้จริงจังที่สุด


    “ฉันต้องขอบคุณนายสินะ” ยูคยอมประชดพลางแค่นหัวเราะ เพ้อเจ้อชะมัด

    “พี่คงไม่ปวดหลังไปสักพักอ่ะ แต่ผมไม่ได้กำจัดวิญญาณนั้นไป เดี๋ยวสักพักเขาก็คงกลับมาใหม่”


    “นายใช้มุกนี้ เพราะจะได้ไถเงินฉันกับครอบครัวไปเรื่อยๆสินะ” ยูคยอมหยุดรถในที่ไหนก็ไม่รู้ที่โจอี้ไม่รู้จัก


    “พี่หยุดพูดไปเลย...ผมรับเงินแค่ก้อนเดียว ถ้าพี่ไม่อยากเชื่อก็ตามใจ แต่ไม่ต้องมาพูดจากับผมแบบนี้” โจอี้เอ่ยเสียงแข็ง ทำไมกูถึงได้ซวยซ้ำซ้อนอย่างงี้วะ


    “ปากเก่งนะนาย ไอ้เปี๊ยก จับส่งตำรวจซะดีมั้ย” ยูคยอมพยักเพยิดไปทางป้อมตำรวจแถวนั้น ใช่ เขาตั้งใจพาอีกคนมาเองแหละ เล่นเอาโจอี้หน้าซีด ถึงเรื่องนี้เขาจะไม่ผิดก็เหอะ แต่ในสายตาชาวโลกเขาก็เหมือนพวกงมงายต้มตุ๋นอยู่ดี


    “พะ..พี่คิดว่าผมไม่เคยโดนจับรึไง เอาเหอะ ถ้าพี่อยากส่งก็ส่ง ผมโทรกริ๊งเดียว พี่ชายผมก็เคลียร์ให้หมดแหละ พี่อยากเสียเวลาก็เชิญ” ซะที่ไหนเล่า!!! การแสดงเนียนตอแหลเอาตัวรอดเนี่ยขอให้บอกโจอี้ต้วน


    “หึ...วันนี้ฉันยังไม่ว่างเล่นกับนายหรอก” ยูคยอมก็แค่อยากขู่อีกคนเฉยๆเพราะเห็นว่าเป็นแค่เด็กม.ปลายสั่งสอนกันยังได้ แต่ดูท่าไอ้เปี๊ยกนี่ร้ายกว่าที่คิด อีกอย่างโจอี้ก็ยังไม่ได้แสดงฤทธิ์เดชอะไรมากมาย แม่เขาก็ยังดูจะชอบและเชื่ออีกฝ่ายไม่น้อย รอให้ลายออกมากกว่านี้เหอะ นายได้ไปอยู่สถานพินิจแน่ ไอ้เปี๊ยก


    “งั้นพี่ก็ไปส่งผมสักที การบ้านผมเยอะนะวันนี้” โจอี้บ่น


    “บ้านอยู่ไหน” การรู้ข้อมูลอีกฝ่ายถือเป็นเรื่องได้เปรียบสำหรับยูคยอม


    “ส่งผมที่โรงเรียนก็ได้”


    “เลือกเอาจะลงตรงป้อมตำรวจนี่หรือจะให้ฉันไปส่งบ้าน” ยูคยอมพยายามพูดให้ดูเหมือนตัวเองได้เปรียบ


    “รู้จักโรงบาล xxx ป่ะ ถัดจากนั้นไปสองแยกแล้วเลี้ยวซ้าย” โจอี้ยังคงทำเสียงนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร โถ...กูกลัวจนฉี่จะเล็ดแล้วเนี่ย ไอ้แอร์รถเหี้ยนี่ก็แรงเหลือเกินขนกูลุกหมดแล้วเนี่ย

     

     


    ครืดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดด

     


    เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงร่างเล็ก โจอี้ล้วงมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นชื่อ “Hereพี่มาร์ค” อยู่หน้าจอ แล้วสไลด์รับอย่างรวดเร็ว


    “โหล....เฮีย” โจอี้กรอกเสียงไปเบาๆ ยูคยอมก็เหล่อีกคนเป็นระยะ


    “เออๆ...ผมกำลังกลับเนี่ย.........ทำไมช้า?......ก็แม่มรายงานโคตรเยอะอ่ะเฮีย กว่าจะเขียนเสร็จ.....นี่ยังไม่เสร็จเลยนะ...ผมขอกลับก่อนเดี๋ยวทำต่อวันหลัง.....เออๆ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านเฮีย” ร่างเล็กว่าก่อนวางสาย 



    ที่แท้ก็โกหกที่บ้านด้วยนี่เอง  ไอ้เปี๊ยกนี่เป็นเด็กมีปมรึไงวะ

     


    “มองไร ขับไปสิครับ” โจอี้บอกอีกคน ที่จ้องเขาเหมือนจับผิด

     

     


    คอยดูเหอะ คิมยูคยอม คนนี้จะกระชากหน้ากากนักต้มตุ๋นแบบนายแน่ ไอ้เปี๊ยกโจอี้

     

     

    ..........................................................................................


    อิมเมจคุณอานี่นึกถึง Daniel Henney ไว้นะ ประมาณนั้นแหละ

    100% สักที เฮ้ออออ ยังมีคนติดตามใช่มั้ย TT^TT

    ขอบคุณที่อ่านนะคะ และจะขอบคุณมากๆๆๆถ้ามีเม้นเป็นกะลังใจ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×