คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ ๓ นักสืบจำเป็น (๓)
“ว่ายังไงนะ!”
สองเสียงอุทานขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกัน
หลังจากนั่งฟังเรื่องราวที่หลุดออกจากปากอิ่ม
ในขณะที่นัดพบกันบริเวณสวนสาธารณะในเมือง ย่านถนนแฟชั่นชื่อดังของกรุงปารีส ดัคซ์
คอร์เนอร์ และลิสซี่ เพิร์ลรัซ ส่ายหน้าจนคอแทบหลุด
ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง
หลังก้าวออกจากสถานีตำรวจ
แคทเทอรีนก็กดโทรศัพท์หาเพื่อนรักทั้งสองคนเป็นการใหญ่เพื่อนัดให้ออกมาพบปะกันที่สวนสาธารณะซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำงานของบรรณาธิการสาวเพียงร้อยเมตร
เมื่อมาพร้อมเพรียงกัน นักสืบจำเป็นก็เปิดปากเล่าให้ฟังตามปกติเหมือนคดีอื่นๆ
“เธอบอกฉันให้ได้ยินเต็มๆ
สองรูหูหน่อยได้ไหมยัยแคท ว่าที่พูดมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก” ลิสซี่รีบโพล่งถาม
และเขย่าแขนเพื่อนรักด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อ
“ใช่
มันเป็นแค่ความฝัน” แคทเทอรีนรำพันออกมา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำประชดประชัน “ดัคซ์
ลิสซี่ ทุกอย่างที่พวกเธอทั้งสองคนได้ยิน มันคือความจริงจ้ะ”
สองคนต่างไซซ์ถึงกับต้องแหงนเงยมองท้องฟ้ากว้าง
คล้ายอยากให้เครื่องบินหรือระเบิดหล่นตุ้บลงกลางสมอง
“ฉันจะเข้าไปสืบคดีนี้
คอยดูสิฉันจะลากคอไอ้หมอนั่นกับพวกพ้องเข้าซังเตให้ได้ เชอะ! เล่นกับใครไม่เล่น เตรียมตัวเน่าได้เลยนายฟาบริช คาร์มิโอ” น้ำเสียงหมายมั่นดังขึ้น
“แต่...”
ดัคซ์ทำท่าจะคัดค้าน กลับถูกมือเล็กยกขึ้นห้ามซะก่อน
“ฉันว่ามันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้
ตระกูลนี้คงไม่ทำเรื่องแบบนั้น ชื่อเสียงเกียรติยศของเขาสั่งสมกันมานานนะ
ตั้งแต่บรรพบุรุษด้วยซ้ำ ฉันว่าแกเปลี่ยนใจเถอะ
อีตาผู้กองนั่นไม่ได้บังคับแกไม่ใช่เหรอ อย่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นเลย
แล้วอีกอย่างแกเป็นผู้หญิงนะ อย่าเสี่ยงเลย”
ลิสซี่รีบโพล่งออกมายาวเหยียด
แคทเทอรีนยิ้มหวานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“อืม...นั่นสิ”
ดัคซ์และลิสซี่หันมายิ้มให้กัน
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะกล่อมคนหัวดื้อได้สำเร็จ นาทีต่อมาบรรณาธิการสาวก็ร้องถาม
“แกจะเปลี่ยนใจใช่ไหมยัยแคท”
“เปล่า
ไอ้หมอนั่นมันชอบผู้หญิง ถ้าหากฉัน...”
คำตอบของเพื่อนรักทำให้แสงสว่างที่เห็นอยู่ตรงหน้ามืดมิดจนหาทางออกไม่เจอ
ลิสซี่แทบกลั้นใจตาย
หรือไม่ก็อยากจับเพื่อนรักกักขังไว้ไม่ให้พบเจอกับโลกภายนอกอีก
ในขณะที่ชายหนุ่มคนเดียวร้องห้ามออกมาเสียงดังลั่น
“ไม่ได้!”
สองสาวหันมาจับจ้องเพื่อนชายเป็นจุดเดียว
อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยดัคซ์”
แคทเทอรีนต่อว่าพร้อมเอ่ยต่อ “พอเลยทั้งคู่ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
คืนนี้ไปฉลองกันหน่อยดีไหม ได้งานกลับมาทำทั้งที ฉันรู้สึกดีเป็นบ้าเลย”
นักสืบสาวยิ้มพราย
นัยน์ตาทอประกายความสุข วาดฝันอนาคตของตัวเองไว้อย่างเลิศหรู
มองเห็นใครบางคนที่ต้องก้าวเข้าไปอยู่ในซังเตด้วยความรู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ
“ฉันรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต”
ลิสซี่พึมพำเบาๆ
“ฉันก็เช่นกัน”
ดัคซ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทั้งคู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก
สิ่งที่เพื่อนสาวยินดีปรีดาหนักหนากลับสร้างความวิตกกังวลจนพูดไม่ออก
ท้ายสุดก็ได้แต่ปิดปากเงียบแยกย้ายกันกลับ เพื่อรอเวลาที่จะพบเจอกันอีกครั้งตามนัดหมาย
ราตรีที่รอคอยเดินทางมาถึง
ถนนหลักของเมืองปารีสพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ รอบๆ
บริเวณเกลื่อนไปด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านหนังสือ โรงภาพยนตร์ ผับ ไนต์คลับ
และบาร์ ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาจนล้นหลาม เรียกเงินยูโรเข้ากระเป๋าผู้ประกอบการในละแวกนี้ไม่ต่ำกว่าหลักล้านยูโรในค่ำคืนเดียว
เจ้าของรถซีตรองคลาสสิกขับเคลื่อนเครื่องยนต์แหวกผู้คนเข้ามาอย่างช้าๆ
สีหน้าและแววตาดูคล้ายเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่าย ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงเต็ม
ชายหนุ่มมีนัดดินเนอร์กับดาราคนดังของวงการมายาในเมืองฝรั่งเศส หล่อนสวย
ดูมีเสน่ห์น่าค้นหาอยู่ในชุดรัดรูปสีดำ รูปทรงนั้นขับให้ผิวขาวๆ ผุดผ่องเป็นยองใย
แต่ที่น่าแปลกก็คือเพียงจุมพิตเดียวที่เขาทาบทับเรียวปากลงไปบนปากอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีแดงสด
หลังจากเปิดห้องสวีตในโรงแรมดัง นอนตระกองกอดกันบนเตียงหรู พร้อมกระโจนสู่ห้วงพิศวาส
ภาพของผู้หญิงบ้าคนหนึ่งก็แทรกเข้ามา
ทำให้อาหารหวานที่คิดจะตบท้ายหลังจากมื้อหลักต้องพังพินาศอย่างย่อยยับ
ชายหนุ่มพยายามที่จะสานต่อกิจกรรมบนเตียงนั้น
แต่มันก็ไม่ได้ผล แค่คิดจะบดจูบดาราสาวยั่วยวน
ชายหนุ่มก็นึกขยะแขยงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สองคืนเข้ามาแล้วที่ฟาบริช
คาร์มิโอปล่อยให้ดาราสาวต้องอารมณ์ค้าง
หรือว่าผู้หญิงที่ลูกน้องมือซ้ายจัดหามาให้ไม่มีสิ่งที่น่าดึงดูดอารมณ์ส่วนลึกมากพอ
ถึงทำให้รู้สึกว่าความสามารถด้านอิสตรีของตัวเองลดน้อยถอยลง
ไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนในวันวานที่ผ่านมา
ฟาบริช
คาร์มิโอผ่อนลมหายใจทิ้งอย่างช้าๆ ในขณะที่ชะลอรถให้จอดสนิทบริเวณหน้าผับของตัวเอง
มือหนาจัดการผลักประตูออกมาแล้วยื่นกุญแจรถให้ลูกน้องอย่างที่เคยทำ
ก่อนจะก้าวเข้าสู่ด้านในด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ปลายเท้านั้นมุ่งตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม เมื่อมาถึงเสียงห้าวเข้มก็ร้องสั่งลูกน้องในชุดทักซิโด้สีขาว
“วอดก้ามาร์ตินี”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มก้มหน้าให้
สักพักก็ยื่นแก้วเครื่องดื่มที่ชายหนุ่มต้องการมาตรงหน้า
เห็นเจ้านายกระดกเข้าไปในลำคอหมดแก้วแล้วร้องสั่ง
สอง! สาม! สี่! แล้วแก้วที่ห้าก็ตามมาติดๆ
จนต้องรีบเรียกมือขวาคนสนิทของเจ้านายให้มาดูอาการอย่างเร่งด่วน
ผ่านไปไม่ถึงนาที
ดอม เคิร์ทก็ก้าวออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการร้าน ตรงดิ่งมายังบาร์เครื่องดื่ม
หย่อนสะโพกลงนั่งใกล้ๆ คนเป็นนายโดยไม่ต้องเอ่ยขอ
ก่อนจะหันไปร้องสั่งบรั่นดีเพียงหนึ่งแก้ว
เมื่อบาร์เทนเดอร์หนุ่มส่งมาให้ก็กระดกเข้าลำคอแกร่ง หันมามองใบหน้าของเจ้านายหนุ่มที่ยกสุรากลั่นขึ้นดื่มอย่างไม่แยแสต่อรสชาติและผลที่จะตามมาเลยสักนิดเป็นเชิงสังเกต
“ดูเจ้านายอารมณ์ไม่ดีนะครับ
หรือว่าสาวๆ ที่นายจอห์นจัดให้ไม่ถูกใจอย่างที่ควรจะเป็น”
คำตอบของฟาบริชก็คือการเทของเหลวใสเคลื่อนผ่านลำคอลงไปยังกระเพาะอาหาร
“นายเคยจูบใครบ้างไหมดอม”
ประโยคที่หลุดออกมาจากปากคนเป็นนายเล่นเอาดอม
เคิร์ทต้องกรอกเหล้าที่ถืออยู่ในมือลงคออย่างรวดเร็วพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ก็เคยครับ”
“รู้สึกยังไงบ้าง
นายเคยหลงใหลรสจูบของผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า”
ลูกน้องหนุ่มส่ายหน้าจนคอแทบหลุด
“ไม่รู้สิครับ
เท่าที่ผ่านมาผมยังไม่เคยหลงใหลรสจูบของผู้หญิงคนไหนสักคน”
“นั่นสินะ”
ฟาบริชพึมพำแผ่วเบา
ปฏิกิริยานั้นทำให้คนสนิทเบิกตาโต
“เจ้านายหลงรสจูบของสาวคนไหนเหรอครับ”
คนเป็นนายยกสุรากลั่นในมือขึ้น
จ้องมองของเหลวใสในแก้วสีอำพันอยู่อย่างนั้น กระตุกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ
“ถ้าฉันเจอเธอ
ฉันจะจูบเธอให้นายเห็น ดีไหมดอม”
เป็นคำถามที่ไม่รอคำตอบ
บอกแค่นั้นก็ผละออกจากบาร์เครื่องดื่ม เดินตรงขึ้นไปยังชั้นวีไอพี
ปล่อยให้คนสนิทและบาร์เทนเดอร์มองตามไปจนลับสายตา ดอม เคิร์ทส่ายหน้าน้อยๆ
แล้วยิ้มกว้าง
“ผมจะคอยดูครับเจ้านาย”
เสียงห้าวทุ้มพึมพำเบาๆ
จบประโยคนั้นก็ก้าวขายาวๆ ตรงดิ่งไปหาคู่หูซึ่งยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ไม่ไกล
ก่อนจะชักชวนกันขึ้นชั้นบนเพื่อไปดูอาการของคนเป็นนายด้วยความเป็นห่วง
แต่สิ่งที่ดอมกระซิบให้จอห์นได้ยินนั้นช่างตรงกันข้ามเหลือเกิน
เสียงเคาะประตูเบาๆ
ดังขึ้นพร้อมจอห์น มาร์ดิร้องถาม
“นายดอมบอกว่าเด็กของผมไม่ถูกใจเจ้านายเหรอครับ”
ฟาบริชวางเอกสารในมือลงอย่างช้าๆ
เมื่อได้ยินประโยคนั้น ดวงตาทั้งสองข้างหรี่แคบลง
“ฉันกำลังทำงานนะจอห์น
และตอนนี้ก็ค่อนข้างยุ่งมากทีเดียว” บอกลูกน้องแค่นั้นก็เบือนหน้าหนี ดอม เคิร์ทยักไหล่ให้เพื่อนร่วมงานที่พร้อมกระโจนเข้าใส่เขาอย่างเอาเรื่อง
“เจ้านายสนใจนางแบบชื่อดังของฮอลลีวูดหรือเปล่าครับ”
คำตอบก็คืออาการส่ายหน้า
“ฉันเบื่อผู้หญิงพวกนั้นเต็มทน
เบื่อหน้าอกปลอมๆ ของพวกหล่อน
และก็เบื่อหน้ากากที่พวกหล่อนพอกจนมองโครงหน้าไม่ออก”
มือขวาคนสนิทหัวเราะขึ้นเมื่อกลั้นไว้ไม่ไหว
ในขณะที่หนุ่มไซซ์บิ๊กทำหน้าเหมือนกลืนยาขม ก่อนดอม
เคิร์ทจะหันไปมองจอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งปรากฏภาพภายในผับผ่านกล้องวงจรปิด
เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตา มุมปากได้รูปก็ยกยิ้มน้อยๆ
“ผมว่ามีใครบางคนจะทำให้เจ้านายหายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง
และอาจตื่นเต้นจนลืมไม่ลงเลยนะครับ”
คำพูดของดอมเรียกความสนใจจากสองหนุ่มได้เป็นอย่างดี
“นายกำลังพูดถึงใคร”
ฟาบริชโพล่งถามออกไป น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นไม่น้อย
“ดูท่าทางเธอกำลังจะมองขึ้นมาด้านบนด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มหมุนหน้าจอแอลซีดีขนาดสี่สิบนิ้วไปตรงหน้าเจ้านาย
นิ้วหนาจิ้มไปยังช่องเล็กๆ ขนาดฝ่ามือให้เห็นคนที่บอกกล่าว ฟาบริชยิ้มกว้าง
นัยน์ตาพราวระยับ
“คืนนี้ฉันคงไม่ต้องใช้บริการสาวๆ
ของนายแล้วนะจอห์น มีอะไรให้ทำสนุกกว่านั้นเยอะ เอาละ
ฉันคงต้องลงไปเล่นเกมจับนางแมวซะหน่อยแล้ว พวกนายสองคนก็ไปผ่อนคลายเถอะ แค่ลูกแมวตัวเดียวฉันจัดการได้”
“ให้พวกเราขังเพื่อนลูกแมวไหมครับเจ้านาย”
ดอมเอ่ยถามด้วยความหวังดี
หากแต่ฟาบริชกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม
“อย่าดีกว่า
เดี๋ยวลูกแมวตัวน้อยของฉันจะไม่พอใจ หากเธอง้างกรงเล็บมาข่วนฉันขึ้นมา
ฉันจะเปลืองแรงไปซะเปล่าๆ”
“โชคดีนะครับเจ้านาย”
สองหนุ่มต่างไซซ์อวยพรให้อย่างรู้ใจ
ก่อนจะเห็นเจ้านายรูปหล่อก้าวออกจากห้องวีไอพีด้วยท่าทางมาดมั่น
พร้อมตะครุบเหยื่ออันแสนโอชะ เมื่อพ้นร่างของเจ้านาย
ดอมก็หันมายกยิ้มให้กับคู่หูในขณะที่จอห์นทำได้แค่ยักไหล่และจ้องมองความเคลื่อนไหวของลูกแมวที่เจ้านายจ้องตะครุบไม่วางตา
แค่นึกถึงวีรกรรมที่หญิงสาวเคยทำ หนุ่มฝรั่งร่างบิ๊กก็ได้แต่ทำหน้าสยอง
ความคิดเห็น