ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ ๕ แผนร้าย (๑)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 460
      0
      26 ส.ค. 59

    ทุ่มตรงของวัน ใครบางคนกำลังอกสั่นหวั่นไหวต่อช่วงเวลาที่จะมาถึง ร่างเพรียวบางในชุดกระโปรงเกาะอกสั้นเพียงเข่าสีโอลด์โรสเข้ารูป โชว์ไหล่ลาดเนียนไร้จุดด่างดำ เรื่อยไปยังเอวคอดกิ่วและเรียวขากลมกลึงน่ามอง หญิงสาวเดินวนไปวนมาภายในห้องพักส่วนตัว อึดใจต่อมามือเล็กก็ฉวยโทรศัพท์แล้วกดไปยังเบอร์ที่ต้องการ

    “ลิส ฉันตื่นเต้น” เมื่ออีกฝ่ายกดรับก็โพล่งออกไปเสียงดัง

    “ดีใจที่จะได้ดินเนอร์กับมาเฟียหนุ่มสองต่อสองหรือไง”

    อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยียวน แคทเทอรีนทำหน้าคล้ายอยากตาย หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาค่อนข้างหนักหน่วง

    “ฉันกลัวต่างหาก...กลัวเขาจะฆ่าฉันขึ้นมาจริงๆ”

    “ดีแล้วนี่ อย่างน้อยแกก็ได้แต่งตัวสวยก่อนตายไง แกน่าจะยิ้มได้นะ”

    “ยัยลิสซี่!

    น้ำเสียงหวานเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว บรรณาธิการสาวต้องรีบระบายลมหายใจออกมาแผ่วๆ

    “แคท แกอย่าคิดมาก มันอาจไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นหรอกจริงไหม ถ้าแกไม่อยากไป ทำไมไม่โทรไปยกเลิกเขาล่ะ เขาคงไม่โกรธแกหรอก”

    คนฟังทำหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วสั่นศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ

    “ฉันทำไม่ได้ ฉันอยากรู้ความจริง”

    ลิสซี่กลอกตาขึ้นสูง จ้องมองโทรศัพท์ในมือตาแป๋ว ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ยาวเหยียดออกไป

    “ถ้าอย่างนั้นแกก็ห้ามบ่น ล้มเลิกความกลัวไปได้เลย แกมองเห็นหน้าต่างบ้างไหม ขว้างสิ่งที่ทำให้แกหวาดหวั่นทิ้งลงไป หายใจเข้าปอดลึกๆ อ้อ! อีกอย่างนะเอาสเปรย์พริกไทยที่ฉันทิ้งไว้ให้น่ะ ติดมือไปด้วย โทรศัพท์ก็ห้ามปิด มีอะไรก็โทรมา เข้าใจไหม...ฉันเป็นห่วงแกนะ”

    “ขอบใจจ้ะ ค่อยหายใจออกหน่อย เมื่อกี้เกือบตาย”

    บอกออกไปพร้อมยิ้มหวาน ขอบอกขอบใจเพื่อนยกใหญ่ แล้ววางโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่คลายกังวล ทว่าไม่ถึงห้านาทีก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีข้อความเข้ามา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะก้าวออกจากห้องด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ผ่านชั้นสองของร้านที่ลูกค้าเริ่มน้อยลง ปลีกตัวออกจากร้านอย่างว่องไว หลบหนีสายตาของคนเป็นพ่อได้อย่างหวุดหวิด

    แต่พอออกมาพ้นจากตัวร้านก็ต้องกลอกตาขึ้นสูง เมื่อดวงตาปะทะเข้ากับรถลีมูซีนสีบลอนด์พร้อมบุรุษชุดดำก้มศีรษะให้ด้วยความนอบน้อม ชายผู้นั้นผายมือเชื้อเชิญเธอให้ขึ้นไปนั่งในส่วนของผู้โดยสาร เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนรถออกไปช้าๆ

    แคทเทอรีนนั่งตัวตรงแทบขยับไม่ได้ ในห้องผู้โดยสารที่จุผู้นั่งได้ถึงหกคนนั้นกลับมีแค่เธอเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่อย่างเคว้งคว้าง ดวงตากลมๆ ทอดมองทิวทัศน์ที่รถเคลื่อนผ่าน ไม่รู้ปล่อยให้ตัวจมอยู่ในภวังค์นั้นนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีการ์ดคนเดิมก็จัดการเปิดประตูรถออกกว้างพร้อมเอ่ยบอกเสียงทุ้ม

    “ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง”

    แคทเทอรีนยิ้มแหย ก้าวลงมาด้วยขาสั่นๆ ตรงหน้าคือตึกสูงระฟ้าที่ทำให้เธอเกิดอาการพูดไม่ออก รอบๆ กายดูหรูหราและตระการตา เมื่อเดินเข้าสู่ด้านใน พนักงานต้อนรับก็โปรยยิ้มหวานมอบให้ หญิงสาวยิ้มบางๆ ก่อนจะก้าวเลยผ่านห้องโน้นห้องนี้ด้วยท่าทีเหม่อลอย กระทั่งสะดุดเข้ากับร่างบึกบึนของใครบางคนเข้าให้

    “เดินอย่างนี้ ผมน่าจะพาคุณขึ้นห้องนะเคที่”

    เสียงแหบพร่าของใครบางคนดังชิดที่ใบหูนุ่ม หลังจากวาดแขนแข็งแกร่งโอบเอวเล็กไว้หลวมๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินตามลูกน้องของของตัวเองด้วยสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เดือดร้อนถึงฟาบริช คาร์มิโอที่ต้องเสนอหน้าออกมารับ แคทเทอรีนผลักอกกระด้างนั้นออกห่าง ปลดพันธนาการที่รัดเอวบางออกอย่างหงุดหงิดแล้วจ้องมองตาแทบถลน

    “ฉวยโอกาส”

    ได้แต่ต่อว่ากลายๆ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้ายอมรับ ผายมือเชื้อเชิญให้นักสืบสาวก้าวเข้าไปในห้องอาหารที่สั่งจองไว้ พอก้าวเข้าไปใครบางคนก็ทำตาโตอีกเช่นเคย เมื่ออาหารมากกว่าสิบชนิดถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม เธอได้แต่บอกตัวเองว่าไม่กล้าแตะอาหารพวกนั้นอย่างแน่นอน เพราะมันสวยซะจนอยากเก็บไว้มองมากกว่า เมื่อก้าวมาถึง สุภาพบุรุษหนุ่มก็เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง หญิงสาวพึมพำขอบคุณเบาๆ

    “อาหารเพิ่งเรียบร้อยเมื่อสักครู่นี้เอง เราทานกันเถอะ”

    ฟาบริชบอกออกไปแล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า คนนั่งตรงข้ามก็ไม่ต่างกัน ตักชิ้นนี้ชิ้นนั้นเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย ผ่านไปสักพักชายหนุ่มก็ละมือจากอาหาร นั่งมองหญิงสาวอย่างเงียบๆ นานทีเดียวถึงได้คว้าแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบ

    “อร่อยไหมครับ” รู้สึกว่าอาหารพร่องไปเยอะถึงได้เอ่ยขึ้น

    “ก็ดีค่ะ ขอบคุณนะคะ”

    เมื่อจบประโยคนั้นมาเฟียหนุ่มก็กระดกวิสกี้ในมือจนหมดแก้ว หันมาจับจ้องดวงหน้าเรียวรูปไข่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง จนคนที่นั่งตรงกันข้ามเกิดอาการกระสับกระส่าย

    “ผมว่าเราคงต้องคุยกันให้จบๆ ไปสักที” บอกออกไปพร้อมจ้องร่างเล็กด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว อีกฝ่ายรีบขยับตัว พร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พยักหน้าน้อยๆ บ่งบอกว่าเธอพร้อมจะรับฟัง

    “คุณชอบผมใช่ไหม”

    ฟาบริชหลุดคำถามที่แคทเทอรีนไม่คาดคิดออกมา ทำเอาหญิงสาวถึงกับดวงตาวาววับ อุทานเบาๆ ในลำคอ แล้วตีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมรวบรวมสติให้กลับเข้ามาอยู่กับตัวก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่บังคับไม่ให้สั่น

    “ก็ไม่แปลกนี่ ถ้าหากฉันจะชอบคุณ เพราะคุณก็ดูดี หล่อ แถมยังรวยอีกต่างหาก”

    “คุณโกหกได้เนียนมากเลยนะสาวน้อย”

    มาเฟียหนุ่มปล่อยเสียงหัวเราะกลั้วในลำคอ ปฏิกิริยานั้นทำให้แคทเทอรีนต้อมเม้มปากแน่น

    “เอาเป็นว่า ถ้าคุณยังอยากใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุข ก็จงอยู่ห่างๆ ผม ผมเตือนคุณด้วยความหวังดีนะเคที่” ดวงตาสีเพอร์ริดอตค่อนข้างจริงจังทีเดียว

    “แต่ฉัน...”

    “สิ่งที่คุณทำอยู่ หยุดมันซะ อย่าหาเรื่องใส่ตัว”

    ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระด้าง ยกวิสกี้อีกแก้วขึ้นดื่มจนหมด กระแทกลงบนโต๊ะค่อนข้างแรงจนคนนั่งตรงกันข้ามสะดุ้งโหยง แคทเทอรีนมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน รู้สึกว่าร่างกายตัวเองจะสั่นเทาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พยายามบีบมือที่ประสานกันบนตักแน่น สิ่งที่เธอกลัวมันเกิดขึ้นแล้ว ชายหนุ่มรู้เรื่องราวทั้งหมด ก็แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างฟาบริช คาร์มิโอโง่ซะที่ไหนกัน มีแต่เธอนั่นแหละที่ฉลาดน้อยไปหน่อย คิดว่าแผนตื้นๆ จะทำให้เธอได้ข้อมูลที่ต้องการ ความสำเร็จที่วาดไว้พังครืนลงต่อหน้าต่อตา ร่างเล็กสูดหายใจเข้าปอด พยายามรวมรวบความกล้า แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

    “คุณไม่ชอบฉันสักนิดเหรอคะ ถึงได้ใส่ร้ายฉันขนาดนี้ ฉันเสียใจนะ”

    มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ของตัวเอง จากนั้นก็เดินอ้อมไปอีกฝั่ง เพียงอึดใจเดียวก็วางมือลงบนไหล่บางแล้วกระซิบชิดใบหูสะอาด

    “พิสูจน์สิเคที่”

    คนถูกคุกคามนั่งตัวแข็งทื่อ ในขณะที่มือใหญ่ค่อยๆ ไล้ใบหน้าเนียนเรื่อยลงมายังลำคอระหง ก่อนจะหยุดอยู่ที่ร่องอกอวบอย่างอ้อยอิ่ง แคทเทอรีนแทบลุกจากเก้าอี้แล้วฟาดฝ่ามือลงบนหน้าชายหนุ่มเต็มแรง แต่เธอขยับตัวเองไม่ได้

    “อย่าให้ผมพูดอะไรที่มันซ้ำซาก คุยกันครั้งเดียวให้มันจบ ถ้าต้องการข้อมูลสำคัญ คุณต้องแลกด้วยอะไรรู้ไหม...ร่างกายของคุณยังไงล่ะ”

    บอกออกไปแล้วก็รอดูผลตอบรับ และนั่นก็ได้เป็นไปดังคาด เมื่อร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าหันมาผลักอกกว้างค่อนข้างแรง ดวงหน้าขึ้นสีเข้มคล้ายโกรธจัด สะบัดหน้าพรืดก้าวฉับๆ ตรงไปยังประตู ก่อนจะหมุนกายพ้นเจ้าหล่อนยังตะโกนใส่ดังก้อง

    “ฝันไปเถอะ”

    เมื่อได้ยินประโยคนั้น ชายหนุ่มก็ยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ หันไปยักไหล่ให้กับบริกรที่มองจนตาค้าง ก่อนจะเอ่ยขอวิสกี้อีกแก้ว แล้วกระดกเข้าลำคอแกร่งจนหมด ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อสักครู่จะทำให้หญิงสาวถอดใจ แล้วก้าวออกห่างจากวงโคจรที่เขาอยู่ ยอมรับว่าทุกวินาทีมันเต็มไปด้วยความเสี่ยง หากก้าวพลาดขึ้นมาก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจทิ้งเป็นครั้งสุดท้าย วางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะก้าวออกจากห้องอาหาร ตรงดิ่งไปยังรถส่วนตัวแล้วขับออกไปราวกับพายุ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×