ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ ๖ แมว (ยัง) พยศ (๒)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 523
      0
      3 ก.ย. 59


    ลายชั่วโมงทีเดียวกว่าบริเวณหน้าห้องจะมีเสียงเคาะประตู ชายหนุ่มผละห่างจากโซฟาที่ทรุดนั่งมาระยะหนึ่ง ก่อนจะบิดตัวเอี้ยวไปมาสองสามทีให้เส้นประสาทได้คลายอาการเหยียดเกร็ง จากนั้นจึงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วถึงได้ขยับไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน

    “ทานมื้อค่ำสักหน่อยนะคะ”

    น้ำเสียงอ่อนโยนมาพร้อมกับถาดอาหารในมือ เรซานส่งยิ้มให้อย่างปลอบใจก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาด้านในเมื่ออีกคนหลบหลีกให้ ใบหน้าที่เริ่มมีเค้าลางของความชรากวาดมองผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นมาหลายสิบปีตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยความรัก

    “ตั้งแต่กลับมาคุณฟาบี้ของป้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ” บ่นเบาๆ พร้อมแย้มยิ้ม “เดี๋ยวสุขภาพก็แย่เอาหรอก”

    “ผมไม่หิวครับ”

    น้ำเสียงแผ่วๆ ตอบออกมา ก่อนจะผินสายตามองเข้าไปด้านในห้องนอน ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนจะนอนอยู่อย่างนั้นไปทั้งชาติหรืออย่างไร ด้านคุณแม่บ้านที่มองตามสายตาของนายหนุ่มก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆ

    “ห่วงเธอจนถึงกับกินอะไรไม่ลงเลยเหรอคะ”

    คนฟังถึงกับผงะ เบือนหน้าหนีจากร่างเย้ายวนที่หลับใหล เบนสายตาหันไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า ก่อนจะแก้ตัวออกมา

    “เธอช่วยชีวิตผมและบาดเจ็บเพราะผม ผมก็แค่รู้สึกแย่ที่ปล่อยให้เธอเผชิญกับอันตราย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอกครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นก็ทานอะไรสักนิดนะคะ เวลาที่เธอฟื้นขึ้นมา จะได้มีแรงขอโทษเธอยังไงล่ะคะ ขืนไม่ยอมแตะอะไรแบบนี้ ประเดี๋ยวจะแย่เอานะคะ”

    “ผมแข็งแรงดี”

    “ยังดื้อเหมือนเดิมไม่มีผิด เอาเป็นว่าป้าวางถาดอาหารไว้ตรงนี้ ถ้าคุณฟาบี้หิว ก็ทานได้เลยนะคะ”

    “ขอบคุณครับ”

    บอกแค่นั้นดวงตาสีเพอร์ริดอตก็มองตามหลังแม่บ้านเรซานที่ก้าวออกจากห้องไปอย่างขอบคุณ หากไม่คิดจะใส่ใจอาหารที่ถูกวางไว้เลยสักนิด ชายหนุ่มเลือกที่จะหมุนกายกลับเข้าห้องนอนแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ก้าวเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้สายนทีที่เย็นจัดจากฝักบัวช่วยปัดเป่าความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หากทุกนาทีนั้นยังย้ำเตือนตัวเองหนักแน่น ว่าคนที่มันกล้าหาญกระทำการวางแผนฆ่าเขา มันต้องตายอย่างเจ็บปวด!

     

     

    รซานซอยเท้าถี่ๆ เดินลงจากปีกขวาของคฤหาสน์ พร้อมกับถอนหายใจค่อนข้างแรง ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองห้องนั้นอีกครั้ง รู้สึกว่าเจ้านายหนุ่มของตัวเองทำตัวผิดแผกไปจากเดิมไม่น้อย คนอย่างฟาบริช คาร์มิโอเคยนั่งเฝ้าใครซะที่ไหน แถมยังไม่เคยให้คนนอกก้าวเข้าห้องนอนของตัวเองด้วยซ้ำไป แล้วอีกอย่างเตียงหลังนั้นหวงยิ่งกว่ารถคันโปรดซะอีก ที่เห็นจะไม่เหมือนเดิมก็ร่างเล็กที่หลับปุ๋ยบนเตียงนั่นแหละ ดูเหมือนสายตาเพอร์ริดอตที่มักเกรี้ยวกราดอยู่เสมอจะทอประกายอ่อนโยนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

    แม่บ้านของคฤหาสน์ก้าวตรงดิ่งไปยังห้องครัว เมื่อเข้าสู่ด้านในก็พบกับหลานสาวที่สืบเท้าเข้ามาชิดใกล้ พร้อมกับดวงตาที่เกลื่อนไปด้วยความสงสัย และก็เป็นดังคาด เมื่อเสียงแหลมเล็กโพล่งถามดังลั่น

    “ป้า ดูเหมือนคุณผู้หญิงคนนั้นจะสำคัญกับคุณฟาบี้มากเลยนะ เธอเป็นแฟนคุณฟาบี้เหรอป้า”

    “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ไปทำงานได้แล้วเชลล์”

    เรซานรีบบอกปัด พร้อมเดินเลี่ยงเข้าไปจัดการกับงานที่ละทิ้งไว้ แต่ร่างเล็กของหลานสาววัยสิบเจ็ดยังเจื้อยแจ้วออกมาไม่หยุด

    “ป้าไม่อยากรู้หรือไง ฉันว่าเธอสวยดีนะ เหมาะสมกับเจ้านายน้อยเอามากๆ ด้วย”

    คนเป็นป้าหันไปมองด้วยดวงตาค่อนข้างดุ นั่นแหละเจ้าตัวถึงได้รูดซิปปากแล้วยิ้มแหยๆ แต่ยังกล้าพึมพำเบาๆ ออกมา

    “ก็ได้ป้า เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที เดี๋ยวก็แก่ขึ้นอีกสิบปีหรอก”

    บ่นเสร็จก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่ออย่างเงียบๆ ทว่าสายตายังคงมองออกไปนอกห้องครัวด้วยความสงสัยใคร่รู้ ทำให้คนที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลต้องส่ายศีรษะเบาๆ สักพักคุณแม่บ้านก็คล้ายนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงรีบหมุนกายออกจากห้องครัวพร้อมกับชาร้อนถ้วยเล็ก โดยมีจุดหมายคือห้องทำงานของประมุขตระกูลคาร์มิโอ

    ทันทีที่มาถึงสถานที่เป้าหมาย แม่บ้านวัยชราก็เคาะประตูเบาๆ ก่อนจะผลักเข้าไป จากนั้นถ้วยชาร้อนก็ถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของเจ้านายใหญ่ อีกฝ่ายเอ่ยขอบคุณ แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นจ้องมองใบหน้าแม่บ้านที่ทำงานกับตัวเองมาหลายสิบปี นานโขทีเดียวเมื่อนึกย้อนไปถึงวันวานในอดีต ต้องขอบใจแม่บ้านเรซานคนนี้ไม่น้อย ที่ช่วยเลี้ยงลูกชายตัวดีมาตั้งแต่แรกเกิด

    “เหนื่อยหน่อยนะเรซาน” เฟร์บริช คาร์มิโอเอ่ยเบาๆ พร้อมยิ้มให้

    “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเต็มใจ”

    คำตอบนั้นทำให้มาเฟียใหญ่ผละลุกจากเก้าอี้

    “มีอะไรขาดตกบกพร่องก็บอกนะ ที่นี่คงต้องพึ่งเธอไปอีกนาน คงจนกว่าเธอจะทอดทิ้งนั่นแหละ”

    เรซานยิ้มกว้างคงไม่มีวันที่จะทิ้งที่นี่ไปอย่างง่ายๆ

    “ดิฉันคงจะอยู่เลี้ยงคุณหนูเล็กให้เติบใหญ่ก่อนน่ะค่ะ”

    นายใหญ่ของคฤหาสน์อมยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยถามถึงใครบางคน

    “เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”

    “ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณหมอบอกว่าเธอตกใจ ก็เลยสลบไปหลายชั่วโมง อีกไม่นานก็คงรู้สึกตัว”

    “แล้วลูกชายฉันล่ะ”

    คิ้วเข้มย่นเข้าหากันในขณะที่รอคอยคำตอบ

    “นั่งเฝ้าไม่ห่างไปไหนเลยค่ะ คุณท่านว่าแปลกไหมคะ”

    บอกเสร็จแม่บ้านวัยชราก็ขอความเห็น คนเป็นนายพยักหน้าหงึกๆ เบนสายตาหันไปมองภาพภรรยาที่ประดับอยู่บนฝาผนัง สายตาที่เต็มไปด้วยความรักทอดมองอมยิ้มบางๆ

    “บางทีฉันคงจะมีลูกสะใภ้ในเร็ววัน”

    ได้ยินคำตอบนั้น แม่บ้านก็ขอตัวออกไปอย่างเงียบๆ หากเป็นดั่งที่ท่านเฟร์บริชว่าก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อพ้นประตูออกมา เรซานก็อดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปยังชั้นสองของตึก อยากรู้เหลือเกินว่าเมื่อไรคฤหาสน์นี้จะมีนายหญิงคนใหม่สักที

     

     

    นห้องทำงานของตึกขนาดเล็ก บรรณาธิการสาวได้แต่ทำหน้าเครียดมาหลายชั่วโมง ก่อนหน้านี้ลิสซี่ เพิร์ลรัซเพิ่งได้รถคันเก่งของตัวเองกลับมา พร้อมกุญแจที่ต้องให้ช่างเปลี่ยนให้ใหม่ หนำซ้ำคนที่ขับมาส่งกลับไม่ใช่เพื่อนตัวดีที่มาหยิบยืมตั้งแต่เช้าตรู่

    เมื่อก้าวออกจากออฟฟิศ ลิสซี่ได้แต่กลอกตามองซ้ายมองขวาอย่างทดท้อ จ้องมองโทรศัพท์ในมือตาปริบๆ กดโทรศัพท์เบอร์เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากแต่สัญญาณมันก็ยังคงบอกว่าติดต่อไม่ได้ คนเป็นห่วงเพื่อนได้แต่ทำหน้ายุ่ง โทรไปที่ร้าน แด็ดปีเตอร์ก็ย้ำชัดเต็มสองรูหูว่าแม่เพื่อนตัวดียังไม่กลับเข้าไป

    อารามใจร้อนต้องการหาใครสักคนคุยด้วย ไม่อย่างนั้นอกได้ระเบิดตายแน่ๆ มือถือเครื่องเล็กถูกกดหาเพื่อนชายที่สนิทที่สุดในทันทีทันใด รอสัญญาณอยู่สักพัก พออีกฝ่ายกดรับนั่นแหละถึงได้กรอกเสียงลงไปดังลั่น

    โอ๊ย! ฉันจะบ้าตายแล้วนะดัคซ์ กลุ้มจะแย่อยู่แล้วนี่ แม่เพื่อนตัวดีของแกหายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันติดต่อไม่ได้หลายชั่วโมงแล้วนะ ปวดประสาทจะตายอยู่แล้ว”

    ปลายสายได้แต่ทำหน้าเหวอ ยกมือถือเครื่องเล็กออกห่างจากโสตประสาทแทบไม่ทัน

    “เดี๋ยว! ช่วยบอกก่อนได้ไหมลิส นี่มันเรื่องอะไรกัน”

    “ก็ยัยแคทน่ะสิ หายไปจะครบสิบสองชั่วโมงอยู่แล้ว ฉันใกล้บ้าแล้วนะ”

    “แคทอยู่ที่ร้านหรือเปล่า” อีกฝ่ายร้องถามออกมา

    “ถ้าอยู่ที่ร้าน ฉันจะกลุ้มจนหัวแทบระเบิดแบบนี้หรือไง”

    “เธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหา”

    “สวนสาธารณะใกล้ๆ ที่ทำงาน มาเร็วๆ ด้วย ก่อนที่ฉันจะวิ่งออกไปให้รถทับตายซะก่อน”

    อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว เวลานี้ลิสซี่ได้แต่ถอนใจอย่างเซ็งๆ นั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาคนแล้วคนเล่า ขณะที่มือเล็กก็ยังคงกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาวอยู่อย่างนั้น ใจจริงอยากจะวิ่งแจ้นไปบอกผู้กองหนุ่มแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ชะเง้อคอรอเพื่อนชายคนเดียวในกลุ่ม ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ พ่อตัวดีถึงได้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมร้องถามดังลั่น

    “มันเกิดอะไรขึ้น”

    ลิสซี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ก็ยอมเล่าเท่าที่มีข้อมูล

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อเช้ายัยแคทมายืมรถ บอกว่าจะขับไปนอกเมืองแป๊บเดียว หลังจากนั้นสามชั่วโมงก็มีผู้ชายหน้าตาดีใส่ชุดสูทขับรถฉันมาจอดที่หน้าออฟฟิศ พร้อมกับส่งกุญแจอันใหม่ให้ แล้วบอกว่าอันเก่ายัยแคทโยนมันทิ้งไปแล้ว หลังจากนั้นฉันก็ติดต่อยัยแคทไม่ได้เลย”

    “ให้ตายสิ! ทำไมไม่บอกให้มันเร็วๆ กว่านี้ ถ้าแคทเป็นอะไรไปจะทำยังไง”

    ดัคซ์ตะคอกออกมาเสียงดัง บรรณาธิการสาวได้แต่กลอกตาขึ้นสูงแล้วตวาดกลับ

    “ใครจะไปรู้ล่ะ ก็นึกว่าเรื่องจะไม่แย่อย่างนี้ ถ้านายฉลาดนักก็ไปตามหายัยแคทให้เจอสิ ไปเลย ไป!

    นักดนตรีหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด

    “เราขอโทษ แค่ห่วงแคทมากไปหน่อย” คำตอบที่หลุดออกมาจากปากหยักนั้นทำให้คนฟังหยุดกึก ตวัดสายตาที่สั่นระริกหันไปจ้องมองทันที

    “นายรักยัยแคทใช่ไหม” ลิสซี่โพล่งถาม พร้อมรอคอยคำตอบด้วยใจที่เต้นระทึก จ้องใบหน้าเสี้ยวลูกครึ่งอเมริกันที่อยู่ห่างแค่เพียงวาเดียวด้วยความรู้สึกหลากหลาย รับรู้ถึงความร้อนที่เห่อขึ้นบริเวณขอบตา ขณะที่อีกฝ่ายก้มหน้าแล้วเม้มปากแน่น ไม่คิดจะพูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว

    “บอกมาสิ ว่านายรักยัยแคทมากกว่าเพื่อน” ลิสซี่ขึ้นเสียง “นายคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทใช่ไหม”

    “ใช่! รักมานานแล้ว รักตั้งแต่เจอกันครั้งแรก พอใจหรือยัง!

    ดัคซ์บอกแค่นั้นก็หุนหันออกไป ทิ้งให้ร่างเพรียวบางของบรรณาธิการสาวต้องยกมือขึ้นปิดปากร้องไห้ มือเล็กปัดป้ายคราบน้ำตาทิ้งไม่รู้กี่ครั้งกี่หน สักพักถึงได้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก จ้องมองโทรศัพท์ในมือแล้วกดโทรออกสายเดิมที่ตัวเลขบ่งบอกว่าเกินร้อยครั้งเข้าไปแล้ว แต่ทว่าทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม จึงตัดสินใจก้าวไปยังรถ แล้วตระเวนขับจนรอบเมือง


    ขอบคุณทุกยอดวิวจ้า กอดดด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×