ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ ๖ แมว (ยัง) พยศ (๓)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 547
      3
      5 ก.ย. 59

     

    ร่างสูงใหญ่ผ่อนคลายอยู่ในอ่างจาคุซซีนับชั่วโมงถึงได้ก้าวออกมาแล้วชะล้างคราบครีมอาบน้ำใต้ฝักบัวหรู ปล่อยให้กระแสน้ำที่เย็นฉ่ำราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขนสีน้ำตาลอ่อนที่เรียงรายอยู่ตามร่างกายแนบลู่สนิทกับอณูเนื้อทุกส่วนสัด ฟาบริช คาร์มิโอแหงนเงยหน้าขึ้นสูง ในขณะที่ลูบไล้ไปตามผิวกายของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะขยี้ศีรษะหนักๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยุดการทำงานของสายน้ำที่ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรับรู้ว่าร่างกายของตัวเองสะอาดหมดจด มือหนาก็คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันกายท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ พ้นจากห้องน้ำก็ทอดสายตาไปยังเตียงกว้างที่บัดนี้ร่างระหงของใครบางคนเริ่มดิ้นขยุกขยิก มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาแล้วย่นคิ้วไปมา พึมพำบางอย่างแล้วลุกขึ้นนั่งราวร่างนั้นติดสปริง ในขณะที่ชายหนุ่มทำได้เพียงจ้องมองอยู่นิ่งๆ พร้อมกับคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาซับผมที่เปียกชื้นของตัวเอง ทั้งที่ร่างกายยังพิงขอบประตูห้องน้ำแล้วกวาดมองเสี้ยวหน้าเล็กที่สะลึมสะลือไม่คลาย

    กรี๊ด! คุณเข้ามาได้ยังไง กรี๊ด!

    เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องยกมืออุดรูหูทั้งสองข้างแทบไม่ทัน เสี้ยวหน้าที่เคยผ่อนคลายก่อนหน้านี้ถึงขั้นต้องบิดเบี้ยวเหยเก ขาเพรียวกำยำรีบก้าวตรงไปยังปลายเตียงแล้วตะเบ็งดังลั่นด้วยความเหลืออด

    “หยุด! จะร้องทำไม”

    “ก็ดูคุณสิ!

    มืออีกข้างปิดตาไว้ในขณะที่นิ้วเรียวเล็กชี้กราดมายังร่างที่เกือบเปลือยของชายหนุ่ม ฟาบริชเบนสายตาก้มมองตัวเองแล้วก็อมยิ้ม

    เขาก็แค่อยู่ในชุดที่พร้อมรบบนเตียงมันแปลกตรงไหน

    ทั้งที่ต่อว่าเขาไปแบบนั้น แต่หญิงสาวก็ยังห้ามความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหว มือเล็กค่อยๆ ผละออกจากดวงตา เลือกกวาดมองส่วนอื่นๆ ของห้อง เว้นแค่เพียงจุดสำคัญบนร่างกายของชายหนุ่มเท่านั้น

    “แล้วที่นี่ที่ไหน”

    เสียงเล็กที่โพล่งถามออกมา ทำเอาคนฟังสั่นศีรษะเล็กน้อย ก็ดูคำพูดเจ้าหล่อนสิช่างหาความไพเราะเพราะพริ้งแม้สักนิดก็ไม่มี

    “บ้านผม”

    คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าเรียวพยักหงึกๆ หากผ่านไปเพียงอึดใจก็คล้ายจะนึกอะไรออก ถึงได้ดีดเด้งลุกจากเตียง เบิกตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า

    ฮ้า! บ้านคุณ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณจับตัวฉันมาเหรอ คุณมันเลวที่สุด”

    เจ้าหล่อนไม่ฟังอะไรสักนิด ตะโกนปาวๆ ต่อว่ายกใหญ่จนชายหนุ่มต้องถอนหายใจทิ้งแล้วยกมือขึ้นห้าม

    “เดี๋ยว” ร้องทัดทานเสียงดัง พร้อมส่ายหน้าสองสามรอบ “หัดคิดก่อนจะด่าคนอื่นได้ไหม เงียบ แล้วก็นั่งทบทวนให้ดีๆ”

    เจ้าของห้องบอกออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย ในขณะที่ยังใช้ผ้าผืนเล็กขยี้ผมของตัวเองอยู่อย่างนั้น อีกฝ่ายระดมสติปัญญานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่นานก็ก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเองเป็นลำดับแรกแล้วก็ทำหน้าตื่นตะลึง

    “เสื้อผ้าฉัน ใครเปลี่ยนชุดให้ฉัน”

    แคทเทอรีนถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ก้าวดุ่มๆ ตรงมาหาชายหนุ่ม ฝ่ามือบางยกขึ้นสูงหวังจะฟาดหน้าหล่อๆ สักที แต่ก็ช้าไปชั่วอึดใจ เมื่อมือหนาคว้าไว้ได้ทันพร้อมน้ำคำเหน็บแนมน่าหมั่นไส้หลุดออกมา

    “รูปร่างคุณ ผมไม่อยากดูนักหรอก สาบานได้เลย ผมไม่เห็นไม้กระดานของคุณสักนิดเดียว”

    คิ้วเล็กย่นเข้าหากัน คิดอย่างที่ชายหนุ่มบอกก่อนจะกระโจนเข้าใส่ราวกับบ้าคลั่ง

    “คุณนี่มัน...ปากเสียที่สุด เคยพูดดีๆ กับฉันบ้างไหมเนี่ย” ต่อว่าอย่างหงุดหงิดแล้วยกมือขึ้นกอดอก พลางเบือนหน้าหนีมองไปรอบๆ ก่อนจะตวัดสายตาคู่นั้นหันมาจ้องร่างชายหนุ่มเขม็ง

    “อะไร จ้องจะหาเรื่องหรือว่าแท้จริงแล้วหลงใหลรูปร่างของผม ถึงได้มองตาไม่กะพริบเชียว น้ำลายน่ะเช็ดบ้างก็ได้” มาเฟียหนุ่มแกล้งกระเซ้า ใบหน้าเล็กสะบัดใส่แล้วขึ้นเสียงสูง

    “ต่อให้คุณแก้ผ้าต่อหน้าฉัน คนอย่างฉันก็ไม่มีอารมณ์”

    “แน่ใจ? ให้ผมแก้ให้ดูสักหน่อยไหม เผื่อคุณจะเปลี่ยนใจ”

    ชายหนุ่มยังยั่วต่อ ก้าวขายาวๆ ไปหาร่างเล็กที่ยืนอยู่บริเวณขอบเตียง ดวงตาสีเพอร์ริดอตกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นราวกับต้องการจะให้เห็นถึงความรู้สึกทั้งหมด ในขณะที่แคทเทอรีนหันซ้ายแลขวามองหาทางออก ค่อยๆ ถอยหลังแต่ร่างบางก็ชนเข้ากับขอบเตียงจนล้มจ้ำเบ้าลงไป

    “ดูหน่อยน่า แล้วคุณจะติดใจนะ”

    มือหนาค่อยๆ จับปมผ้าเช็ดตัวที่พันเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ในขณะที่คนปากดีรีบเบือนหน้าหนี ยกมือขึ้นห้ามจ้าละหวั่น คนอยากแกล้งสั่นศีรษะแรงๆ รีบใช้โอกาสนั้นทาบทับร่างระหงไปติดๆ กักกันคนพยศไว้ใต้ร่าง ไม่ถึงหนึ่งนาทีแมวเหมียวตัวน้อยก็ตะเบ็งเสียงร้องลั่น

    กรี๊ด! คนบ้า ออกไปให้ห่างๆ เลยนะ” มือเล็กผลักอกกระด้าง ระดมกำปั้นเล็กซัดเข้าใส่ พร้อมๆ กับมีเสียงหนึ่งดั่งขึ้นที่หน้าประตูห้องนอน

    “เกิดอะไรขึ้นคะคุณฟาบี้...เอ่อ...”

    เรซานร้องถามได้เพียงเท่านั้นก็ต้องอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า พลางนึกโทษตัวเองไม่น้อย ก็อารามตกใจที่ได้ยินเสียงหญิงสาวกรีดร้องก็เลยเข้ามาโดยไม่ได้ร้องขอ ถึงเวลานี้อยากจะหายออกไปคล้ายอากาศธาตุที่ไม่มีใครรับรู้ แต่ก็ช้าไปเมื่อเจ้าของห้องกระตุกยิ้มให้

    “ไม่มีอะไรครับป้า ผมจัดการได้”

    เจ้านายน้อยของคฤหาสน์รีบร้องบอก ผละร่างกายตัวเองออกจากร่างนุ่มนิ่มด้วยความเสียดาย ในขณะที่ใบหน้าของใครบางคนเห่อร้อนแดงขึ้นเป็นริ้วๆ ราวกับผลเชอรี่สุก แคทเทอรีนรีบจัดแจงตัวเองให้ลุกขึ้น พร้อมๆ กับแม่บ้านเรซานที่นำพาตัวเองก้าวเร็วๆ ออกจากห้อง ในใจนั้นเฝ้าขอโทษขอโพยนายน้อยเป็นการใหญ่

    เมื่อบุคคลที่สามพ้นออกไป แคทเทอรีนก็ก้าวเร็วๆ ออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างเอาเรื่อง

    “นี่คุณ ช่วยแต่งตัวให้มันเรียบร้อยหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องจะถามคุณเยอะแยะไปหมด”

    บอกออกไปพร้อมย้ายก้นตัวเองนั่งลงบนโซฟาตัวหรู ถือวิสาสะเปิดทีวีเครื่องใหญ่กดรีโมตดูช่องโน้นช่องนี้ตามแต่อารมณ์ ไม่นานก็หันไปมองเบื้องหลังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเยื้องย่างเข้ามาใกล้

    “เอ๊ะ!” เจ้าหล่อนอุทานพร้อมกลับกลอกตาขึ้นลง

    “ฉันบอกให้คุณแต่งตัวให้เรียบร้อย ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”

    ฟาบริชได้แต่ส่ายหน้าให้กับคำพูดคำจาที่ไม่เพราะเอาสักนิด ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่น ป่านนี้คงได้ลากเขาเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำในห้องนอนเรียบร้อย ไม่ใช่มาตีสีหน้าขยะแขยงทำราวกับว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทหื่นกามไม่เว้นเวลาอย่างนี้ ทั้งที่จริงเขาก็แค่จะออกมาหยิบของบางอย่างที่วางทิ้งไว้บนโซฟาเท่านั้น

    “คุณกลัวอารมณ์หวั่นไหวไปกับรูปร่างของผมหรือไง”

    มุมปากได้รูปขยับถามออกมา คำตอบของหญิงสาวก็คืออาการถอนหายใจพร้อมทำหน้าเบ้

    “รูปร่างคุณน่ะ ไม่ทำให้ฉันหวั่นไหวหรอก”

    ฟาบริช คาร์มิโอถึงกับต้องกลั้นยิ้ม โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาชิด พร้อมเสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา

    “แน่ใจ..สักนิดก็ไม่เหรอ”

    “เชอะ!

    แคทเทอรีนทำเสียงขึ้นจมูก พร้อมมือเล็กยกขึ้นผลักใบหน้าของชายหนุ่มให้ออก มาเฟียแห่งยุโรปตะวันตกทำได้เพียงยอมถอยออกห่างจากร่างเพรียวระหงด้วยสีหน้าซ่อนยิ้ม หมุนกายก้าวขายาวๆ กลับเข้าห้อง หลังจากฉวยโทรศัพท์เครื่องเล็กตรงโซฟาติดมือเข้าไปด้วย ผ่านไปราวสิบห้านาที ถึงได้ก้าวออกมาพร้อมชุดลำลองสบายๆ ที่ทำให้คนมองรู้สึกไม่คุ้นสายตาเลยสักนิด นักสืบสาวได้แต่จ้องอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายกระแอมเสียงดัง ถึงได้ทำหน้าเก้อเขิน หลบสายตาคนจับผิดอย่างอายๆ

    ปล่อยให้ความเงียบรายล้อมตัวอึดใจใหญ่นั่นแหละ ปากเล็กถึงได้ขยับถามเมื่อสติสัมปชัญญะกลับมา

    “ใครวางระเบิดรถของเรา ฉันหมายถึงรถของคุณที่ทำฉันเกือบตาย”

    ใบหน้าของคนฟังเครียดขึ้นเล็กน้อยหลังจากรับฟัง

    “ผมกำลังให้ลูกน้องสืบข่าว อีกไม่นานคงจะรู้”

    “คุณมีศัตรูเยอะล่ะสิ ถ้าฉันไม่แวะเข้าห้องน้ำ เราคงได้ตายกันหมด น่ากลัวจริงๆ เลย ถ้าพ่อฉันรู้นะ ท่านคงสั่งห้ามฉันไม่ให้พบคุณอย่างเด็ดขาด”

    ชายหนุ่มเจ็บปวดไม่น้อยกับประโยคที่หลุดออกมาให้ได้ยิน เธอพูดถูกทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องพ่อ ไม่มีพ่อคนไหนที่จะปล่อยให้ลูกสาวต้องผจญอันตรายและอยู่ท่ามกลางสิ่งที่น่าหวาดหวั่นหรอก

    แคทเทอรีนหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เห็นแววตาคู่นั้นว่างเปล่าก็รู้สึกคล้ายตัวเองทำอะไรบางอย่างผิดพลาด ดวงตากลมโตสีน้ำทะเลจ้องเสี้ยวหน้าคมอยู่ชั่วครู่ เมื่ออีกฝ่ายยังคงอยู่ในโหมดเดิม มือเล็กถึงได้ยกกุมขมับแล้วบีบเบาๆ

    “ฉันปวดหัวจัง”

    คล้ายเจ้าของห้องจะกลับมามีสติถึงได้สืบเท้ามายืนชิดใกล้ ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเกลี้ยงนวล พร้อมคำถามที่ทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะใจสั่น

    “เป็นไง ปวดหัวมากไหม ให้ผมเรียกหมอมาตรวจดีหรือเปล่า” เมื่อรู้ตัวว่าแสดงอะไรออกไป ฟาบริชก็ค่อยๆ หมุนกายหันหลังให้ เบนสายตาของตัวเองกวาดมองบรรยากาศยามเย็นเบื้องหน้า

    “ต่อไปผมอยากให้คุณอยู่ห่างๆ ผม ผมพูดจริงๆ นะเคที่ ไม่ได้ล้อเล่น” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกเจตนาอย่างชัดเจน หากฟังดีๆ ก็จะรู้ว่ามีความห่วงใยซ่อนอยู่ ทว่าหญิงสาวได้แต่ส่ายหน้า

    “แค่ระเบิด ฉันไม่กลัวหรอก อีกอย่างฉันก็ยังไม่ตายซะหน่อย หรือว่านายกลัวผู้หญิงของตัวเองจะไม่ชอบใจ”

    คิ้วเข้มทั้งสองข้างย่นเข้าหากัน ละสายตาจากสิ่งที่กำลังมอง ตวัดดวงตาสีเพอร์ริดอตไปยังร่างเล็กแล้วจ้องเขม็ง

    “ใคร?

    “ก็ผู้หญิงในคลังของคุณไง พวกเธอคงโกรธคุณล่ะสิ ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้” เสียงเล็กยังคงดังเจื้อยแจ้ว ไม่สนความกรุ่นโกรธที่ใครบางคนเริ่มแสดงออกสักนิด “ว้า...แย่จัง ฉันคงทำให้คุณลำบากใจ”

    ฟาบริชก้าวยาวๆ มาประชิดร่างระหงพร้อมกับมือหนาบีบเข้าที่แขนเรียวเต็มแรง ก่อนเสียงห้าวเข้มจะดังลั่น

    “หยุดซะทีนะเคที่ ผมไม่มีใครทั้งนั้น! หรือว่าคุณอยากให้ผมมี”

    มาเฟียหนุ่มดึงรั้งร่างเล็กให้มาแนบชิด เลื่อนมือกดสะโพกนุ่ม ในขณะที่สายตาไม่ได้ละไปจากโครงหน้าสวย แคทเทอรีนยกมือบางผลักอกกว้างให้ออกห่างแล้วตวาดดังลั่น

    “ถอยไปนะ!

    คนตั้งท่าคุกคามเลิกคิ้วขึ้นสูง ไล้มือไปตามเรียวแขนขาว ใช้แววตากวาดมองร่างระหงด้วยความเจ้าเล่ห์

    “ถ้าเป็นคุณ ผมก็โอเคนะ คุณตกลงหรือเปล่า”

    กรี๊ด! ออกไปนะ”

    ร่างเล็กสะบัดกายจนหลุดพ้น หากนาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ตามติดไม่ลดละราวกับกลั่นแกล้ง แคทเทอรีนได้แต่ยกมือน้อยๆ ดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่าง พร้อมน้ำเสียงเครือแผ่วๆ ดังเล็ดลอดออกมา

    “ฉันอยากกลับบ้าน” บอกออกไปแล้วรอปฏิกิริยาจากร่างสูง เห็นอีกฝ่ายถอยห่างถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ต้องหลับตาปี๋อีกครั้ง เมื่อนิ้วเรียวหนาแตะที่ปากอิ่ม

    “จำไว้ อย่าหาเรื่องใส่ตัว ปากคุณน่ะเก็บไว้ให้ผมจูบก็พอ...อย่าพูดมาก”

    แคทเทอรีนถลึงตาใส่พร้อมงับนิ้วมือของชายหนุ่มเต็มแรง อีกฝ่ายร้องเสียงหลง สูดปากกลั้นโทสะที่คุกรุ่น จ้องเสี้ยวใบหน้าของแม่แมวเหมียวที่พยศด้วยความเดือดดาล อยากจะคว้าร่างเล็กมาลงโทษให้หนำใจ แต่ก็ช้าไปอีกเท่าตัว เมื่อคนก่อเรื่องวิ่งเร็วๆ ออกจากห้อง โดยไม่สนเสียงร้องตามที่ดังไล่หลังเลยสักนิด ชายหนุ่มได้แต่สบถสองสามคำในลำคอ ก่อนจะสืบเท้าก้าวเร็วๆ ตามออกไป

    “รบกวนไปส่งฉันด้วย” หญิงสาวพูดขึ้นลอยๆ ขณะที่เจอบอดี้การ์ดนายหนึ่ง หากแต่คนได้ยินกลับเลิกคิ้วขึ้นสูง

    “ฉันบอกให้นายน่ะไปส่งฉันที่บ้านด้วย”

    หญิงสาวร้องบอกเสียงดัง ทำให้คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาต้องยกมือเป็นเชิงไล่ลูกน้องของตัวเองให้ออกห่าง แล้วรีบก้าวเร็วๆ ไปประชิดร่างบางพร้อมน้ำคำแผ่วๆ ดังชิดใกล้

    “นี่มันก็ดึกมากแล้ว ค้างที่นี่แหละ”

    แคทเทอรีนสั่นศีรษะ ต่อให้เธออาการสาหัสจนถึงขั้นเดินไม่ได้ เธอก็ไม่คิดที่จะค้างที่มีแม้แต่คืนเดียว ดวงตาสีน้ำทะเลเริ่มขุ่นเขียวอย่างช่วยไม่ได้ ปฏิกิริยานั้นทำให้เจ้าของคฤหาสน์หลังโตถอนหายใจ

    “ฟังนะ คุณมีทางเลือกสองข้อ ข้อที่หนึ่งนอนค้างที่นี่ในห้องของผมคนเดียว หรือว่าข้อสองนอนในห้องรับแขกกับผมสองต่อสอง”

    คิ้วเรียวย่นหากันอย่างอัตโนมัติ ค่อยๆ คิดตามอย่างช้าๆ สักพักถึงได้เบิกตาโต ตะเบ็งเสียงออกมาดังลั่น

    “จะบ้าเหรอ...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันเลือกข้อไหน”

    “งั้นเชิญกลับไปที่ห้องเดิม อย่ามากเรื่อง”

    เสียงเข้มดุขึ้นพร้อมนัยน์ตาพราวระยับ จนทำให้คนที่คิดต่อต้านต้องสะบัดหน้าพรืดใส่ ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องที่เพิ่งจากมา ปิดประตูได้มือเล็กก็ลงกลอนอย่างแน่นหนา หนำซ้ำแม่แมวน้อยยังเดินสำรวจรอบๆ ห้อง ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียง มองซ้ายมองขวาอย่างระแวงภัย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยสงบดีนั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้ล้มตัวนอนได้

     

     

    าบริชสั่นศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจก่อนจะหมุนกายเดินไล่หลังร่างเล็ก หากสายตาหันไปเห็นห้องทำงานของคนเป็นพ่อมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาซะก่อน ขายาวๆ จึงได้ตรงไปแล้วเคาะประตูเบาๆ เสียงคนด้านในอนุญาตนั่นแหละถึงได้ก้าวเข้าไป

    “พ่อยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

    ท่านประธานใหญ่ละสายตาจากเอกสารที่ดูอยู่ วางมันลงอย่างช้าๆ จ้องใบหน้าของลูกชายที่ไม่แตกต่างจากตัวเองในวัยหนุ่มแล้วยิ้มกว้าง

    “ยังหรอก พ่อกำลังดูอะไรเรื่อยเปื่อย”

    “เรื่อยเปื่อย?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง “พ่อมีเวลาว่างดูเรื่องไร้สาระด้วยเหรอครับ หรือแอบดูภาพสาวฮอลลีวูด”

    “เรื่องราวของลูกแมวที่แกเลี้ยงไว้” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น “ทำงานเป็นสายให้ตำรวจด้วยนี่”

    “พ่ออย่ายุ่งกับเธอได้ไหมครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ลูกชายร้องบอกเสียงแข็ง

    ท่านประธานใหญ่จ้องใบหน้าของลูกชายเขม็ง ถึงแม้ธุรกิจของครอบครัวจะไม่มีส่วนผิดกฎหมายอย่างพวกค้ายาเสพติด แต่ในมุมมืดมันก็ไม่ขาวสะอาดนักหรอก เพราะต้องฆ่าคนไปหลายร้อยชีวิต ดังนั้นการอยู่ห่างกับตำรวจน่าจะเป็นเรื่องดี

    “คนนี้ผมขอครับพ่อ”

    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเมื่อเวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มาเฟียใหญ่ผละจากเก้าอี้ทำงาน สืบเท้าเข้ามาใกล้บุตรชาย ยกมือขึ้นตบไหล่บึกบึนนั้นเบาๆ

    “ก็ได้ คนนี้พ่อยอมแก ดูแลผู้หญิงของแกให้ดีๆ ถ้าก่อเรื่องเมื่อไรก็อย่าหาว่าพ่อไม่เตือน”

    ฟาบริช คาร์มิโอต้องกลอกตามองเพดานพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาแผ่วๆ พึมพำขอบคุณท่านในใจอย่างเงียบๆ นึกแล้วก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องร้องขอชีวิตจากผู้ชายถึงสองคน บอดี้การ์ดอย่างดอมคนหนึ่งล่ะ ไหนจะพ่อบังเกิดเกล้าอีก เธอกำลังทำให้ฉันเป็นบ้านะแคทเทอรีน!

     


    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจ้า กอดดด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×