ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ ๗ แมวเมรี (๓)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 503
      2
      14 ก.ย. 59

    ายในรถซีตรอง ดีเอช 21ไม่ต่างจากสมรภูมิอันย่ำแย่ คล้ายฝ่ายอเมริกาเตรียมพร้อมรับวิถีอาวุธนิวเคลียร์ที่จะส่งมาจากตะวันออกกลาง เมื่อใครบางคนยังคงแสดงอาการพยศจนสุดจะยั้งได้

    “นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ!

    แคทเทอรีนตะโกนปาวๆ พลางดึงทึ้งสายเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างกายของตัวเอง คนที่เพิ่งล็อกให้ต้องรีบเหยียบเบรก ปัดพวงมาลัยรถชิดริมฟุตปาทด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม ก่อนจะหันมากระชากร่างเล็กเข้ามาชิดใกล้ สงสัยออกแรงเยอะไป แม่ตัวดีถึงกับร้องโอดโอยพร้อมทำหน้าเหยเก

    โอ๊ย! เจ็บนะ”

    ชายหนุ่มเขย่าร่างบางนั้นอย่างหัวเสียแล้วตะคอกใส่ดังลั่น

    “คุณเป็นบ้าอะไรถึงได้ดื่มหนักขนาดนี้ คุณกำลังจะทำให้ผมอยากหักคอคุณ หรือไม่ก็จับคุณโยนออกนอกรถซะตอนนี้”

    คนฟังค้อนให้ยกใหญ่ ดวงตาเจ้าหล่อนเริ่มมีน้ำร้อนๆ เอ่อคลอ แววตาที่สั่นระริกตรงหน้าทำให้ความรู้สึกบางอย่างวิ่งพล่าน จากที่ทำรุนแรงก่อนหน้านี้ค่อยๆ คลายลง อารมณ์กรุ่นโกรธลดฮวบยิ่งกว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

    “น่าฆ่าให้ตายนัก”

    สบถแค่นั้นก็ยอมปล่อยมือจากร่างเพรียวบาง เมื่อเป็นอิสระมือเล็กก็ผลักร่างหนาให้ออกห่าง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก เบือนสายตาออกนอกรถ พลขับที่นั่งข้างๆ ตบพวงมาลัยรถไปหนึ่งทีแรงๆ พร้อมแค่นเสียงออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

    “ให้ตายสิเคที่”

    บ่นจบก็หมุนพวงมาลัยเหยียบคันเร่งสู่กลางถนนด้วยความเร็วค่อนข้างพุ่งทีเดียว อารมณ์กรุ่นโกรธมีผลให้ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งแซงซ้ายแซงขวา ทำให้ร่างเล็กที่นั่งใกล้ๆ หายเมาเป็นปลิดทิ้ง ยื้อตัวเองไม่ให้ล้มเค้เก้หัวกระแทกเข้ากับกระจกข้าง ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้จะเหลือบสายตามามองหน้าคนขับที่ยังคงอยู่ในโหมดบ้าระห่ำพร้อมขย้ำคอตัวเองให้ตายได้ภายในเสี้ยววินาที

    ชายหนุ่มปล่อยให้ตัวเองโลดแล่นอยู่บนท้องถนนอย่างบ้าคลั่ง จนรถคันหรูวิ่งออกนอกเมือง ถึงได้เหลือบสายตามามองใครบางคน เห็นศีรษะได้รูปโงนเงนซ้ายทีขวาที มือหนาก็จัดการปลดล็อกสายนิรภัยให้ พร้อมทั้งรั้งร่างเล็กมาซบอกแกร่ง วาดวงแขนโอบไหล่มนไว้หลวมๆ ในขณะที่อีกมือยังคงจับพวงมาลัยบังคับให้ตัวรถอยู่ในเส้นทาง

    ผ่านมาราวครึ่งชั่วโมง รถคลาสสิกก็เลี้ยวเข้าสู่ทาวน์เฮาส์ส่วนตัว เมื่อรถจอดสนิทก็ค่อยๆ ผ่อนร่างเล็กให้นั่งตัวตรงบนเบาะ ผลักประตูรถออกกว้าง ก่อนจะก้าวลงมาแล้วช้อนร่างบางขึ้นแนบอก บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกลรีบชะเง้อมองตามตาแทบถลนออกนอกเบ้า

    “เอ่อ...เจ้านายครับ”

    รวบรวมสติได้ถึงร้องถาม มาเฟียหนุ่มทำเสียงชู่ว์ในลำคอ แล้วพยักพเยิดไปยังประตู สั่งด้วยสายตาให้การ์ดหนุ่มทำหน้าที่เปิดมันให้ เมื่อประตูทาวน์เฮาส์เปิดออกกว้างก็แทรกกายเข้าไปด้านใน ขณะที่ร่างบางในอ้อมแขนไม่รับรู้อะไรเลยสักนิด ถ้าหากเอามาต้มยำทำแกง เจ้าหล่อนคงกลายเป็นอาหารโอชะที่แสนจะถูกใจ ดูเอาเถิดขนาดเหม็นกลิ่นเหล้าคละคลุ้งขนาดนี้ก็ยังดูน่ากินไปทุกส่วนสัด

    วางคนตัวเล็กที่ร้องอ้อแอ้ในลำคอไว้บนโซฟานุ่มได้นั่นแหละ มือหนาถึงได้ล้วงหยิบโทรศัพท์กดหาลูกน้องคู่ใจ คอยสายไม่นานนัก เสียงปลายสายก็ตอบรับด้วยความแข็งขันน้ำเสียงกระฉับกระเฉง

    “ที่นั่นเรียบร้อยใช่ไหม”

    จบประโยคคำถามนั้น อีกฝ่ายก็รีบรายงานทันที

    “เรียบร้อยครับ”

    “เรื่องของแน็ต นายจัดการให้แนบเนียนล่ะ ส่งเธอให้ปลอดภัย”

    “ทราบครับนาย”

    ได้ยินแค่นั้นก็กดวางสาย แน็ต แบดริล์ท คนที่ถูกเอ่ยถึงก็คือสายลับสาวที่อิงแอบแนบชิดมาเฟียหนุ่มขึ้นสู่ชั้นวีไอพี หล่อนมีความสวยที่เต็มไปด้วยยาพิษ ดุยิ่งกว่าเสือชีตาห์ และอีกอย่างทักษะการป้องกันตัวนั้นเก่งกาจและบ้าบิ่นราวกับผู้ชาย ดังนั้นการพบปะแต่ละครั้งมักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในคราบสาวบริการหรือพนักงานเก็บขยะ

    จบจากปัญหาสายลับมือหนึ่งของตระกูล สายตาสีเพอร์ริดอตก็หันมาจ้องใบหน้าเรียวงามที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสื้อผ้าแนบลู่เปียกชื้นติดกายดูน่าสงสาร มือหนาอดไม่ได้ที่จะไล้ไปตามกรอบรูปหน้านั้นแผ่วเบา เกลี่ยเส้นผมนุ่มที่ระข้างแก้มให้อย่างอ่อนโยน พร้อมส่ายหน้าให้กับการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา

    “ให้ตายเถอะ ผมจะทำยังไงกับคุณดี แคทเทอรีน”

    บ่นเบาๆ พร้อมอุ้มแม่เมรีเข้าห้องนอน เพียงประตูเปิด แสงไฟก็สว่างพึ่บทั้งห้อง ชายหนุ่มวางหญิงสาวลงบนที่นอนหรูเสร็จสรรพ ก็กดสวิตช์ให้ในห้องนั้นมืดมิดก่อนจะลงมือเปลื้องผ้าคนเมาไม่ได้สติอย่างช้าๆ พยายามบังคับสายตาไม่ให้เพ่งมองร่างที่ค่อยๆ เปลือยด้วยน้ำมือตัวเอง

    ฟาบริช คาร์มิโอค่อยๆ รูดซิปชุดเกาะอกอย่างช้าๆ เลื่อนลงมาเพียงนิดก็ผ่อนลมหายใจทิ้งอย่างอึดอัด พยายามบังคับสายตาไม่ให้ก้มลงมองความนุ่มหยุ่นที่เสียดสีอยู่กับช่วงอกกระด้าง หากใจจริงนั้นอยากสัมผัสลูบไล้ให้สาแก่ใจ หรือไม่ก็กระชากร่างนี้เข้ามาแนบชิดสำรวจต่อตัวตัวกันเลยทีเดียว

    “ให้ตายสิ! ชุดบ้าอะไรวะ”

    บ่นแค่นั้นกลั้นใจรูดซิปจนถึงช่วงเอวคอด เมื่อสำเร็จถึงกับผ่อนลมหายใจออกจากปากเฮือกใหญ่ วางร่างบางลงบนเตียงนอนนุ่มอีกครั้ง ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างเพรียวเสร็จก็ค่อยๆ สอดมือไปภายใต้ผ้าห่ม ดึงรั้งชุดเกาะอกออกอย่างช้าๆ เมื่อเจ้าเสื้อชิ้นเล็กหลุดติดมือมาได้นั่นแหละ ถึงต้องรีบเขวี้ยงลงตะกร้าถังขยะแทบไม่ทัน ไม่อนาทรเลยสักนิดว่าเจ้าของชุดเห็นมันแล้วต้องนึกเสียดายขนาดไหน เสร็จแค่นั้นก็กดปุ่มเปิดสวิตช์ให้โคมไฟใหญ่ทำงาน เบนสายตาไปมองร่างเล็ก ก่อนจะก้าวดุ่มๆ ตรงไปยังตู้เย็นหรู คว้าน้ำเย็นๆ เทใส่โถขนาดใหญ่ พร้อมฉวยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กติดมือมาด้วย วางมันลงบนโต๊ะเล็กข้างๆ เตียง ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ ซับไปตามโครงหน้าเรื่อยไปยังลำคอระหง แต่เช็ดเท่าไรกลิ่นเหล้าก็ยังคลุ้งอยู่ดี

    “ฉันจะจับเธออาบน้ำดีไหมนี่”

    พึมพำพร้อมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ใบหน้าคมกลับโน้มลงมาใกล้ ปล่อยปลายจมูกคมถูไถแก้มนุ่มทั้งสองข้างราวพิสูจน์กลิ่น

    “ไม่เหม็นเท่าไร...หอมชะมัด” น้ำเสียงแหบห้าวดังเบาๆ สะบัดศีรษะไล่ความรู้สึกบางอย่าง ก่อนที่จะรีบเผ่นออกจากห้องนอนตัวเองแทบไม่ทัน ถ้าหากอยู่ต่ออีกเสี้ยววินาทีเดียว มีหวังนางเมรีขี้เมาต้องได้กลายเป็นนางบำเรอชั่วข้ามคืนไปโดยปริยายแน่ และพรุ่งนี้หายนะที่แท้จริงคงมาเยือนอย่างช่วยไม่ได้

    พอก้าวออกมาจากห้องที่ชวนให้ร่างกายของตัวเองอึดอัด ร่างสูงก็เดินลิ่วๆ ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่ด้านข้าง ดึงสติความนึกคิดทั้งหมดให้พุ่งตรงไปยังเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้มาหมาดๆ

    แน่นอนเรื่องที่แน็ต แบดริล์ทเข้ามารายงานมักสำคัญเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตาเฒ่าลอร์แกนกำลังคิดก่อการใหญ่ เข้ามาก้าวก่ายกิจการค้าเพชร เรียกว่าหวังจะปั่นราคาเพชรให้ตวาดยุโรปป่วนจนจับจุดไม่ได้ หนำซ้ำเรื่องราวของกลุ่มฮายีน่านั่นอีก ไอ้มือวางระเบิดที่เขาอยากได้ตัว เพิ่งตายไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง

    ชายหนุ่มแต้มยิ้มที่มุมปากบางๆ เมื่อความคิดแล่นไปหาร่างเพรียวบางที่อยู่ในห้อง แต่แล้วภวังค์นึกคิดนั้นก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ เมื่อมีสายโทรศัพท์จากลูกน้องมือซ้ายดังเข้ามา นิ้วเรียวหนากดปุ่มรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

    “ไงจอห์น”

    รายงานที่เข้ามากระทบโสตประสาท ทำให้ชายหนุ่มต้องยกขึ้นกุมขมับอย่างหัวเสีย

    “นี่มันเรื่องเฮงซวยที่สุด บอกฉันหน่อยสิ ว่าคงไม่มีอะไรที่หนักหนาไปกว่านี้อีกแล้ว”

    ถามพร้อมรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ จบประโยคของจอห์นถึงได้กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย

    “บ้าชะมัด!

    สบถแค่นั้นก็กดตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็ว เอนแผ่นหลังแนบกับพนักพิง อยากจะบ้าตายซะให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องราวที่ได้ยินนั้นดันไปพาดพิงถึงร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเข้าเต็มๆ เพียงแค่นึกถึงว่าอนาคตข้างหน้าเจ้าหล่อนจะเจอกับสิ่งเลวร้าย ศีรษะได้รูปก็ถึงกับเกิดอาการเต้นตุบๆ

    มือหนาจ้องเครื่องสื่อสารขนาดจิ๋วของตัวเอง พยายามขบคิดหาหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด ก่อนจะคว้าเจ้าเครื่องไฮเทคนั้นกดปุ่มลัดโทรออกอย่างคุ้นชิน รอสายเพียงอึดใจเดียวเสียงแหบห้าวของคนคุ้นเคยก็ดังขึ้น

    “ไงไอ้เสือ” มาเฟียใหญ่ร้องถามบุตรชาย น้ำเสียงท่านค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว

    “พ่อครับ เรามีปัญหา ผมต้องบินไปอเมริกาในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า”

    “เกี่ยวกับไอ้เฒ่าลอร์แกน” คนเป็นพ่อเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน “และคงจะมีอะไรมากกว่าที่พ่อคิด ไม่เช่นนั้นแล้วฟาบริช คาร์มิโอคงไม่โทรมาพึ่งพาพ่อแก่ๆ คนนี้ และที่แน่ๆ ต้องข้องเกี่ยวกับใครบางคน”

    “แคทเทอรีนครับ”

    ชายหนุ่มได้ยินเสียงผู้เป็นบิดาถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

    “ผมต้องคุ้มครองเธอให้ปลอดภัยที่สุด รวมทั้งคนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอด้วย ไอ้เฒ่าลอร์แกนจะจับแคทเทอรีนไปเป็นตัวประกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ผม...ผมไม่อยากให้เธอเป็นอะไรครับ”

    “ลูกให้ความสำคัญกับสายสืบคนนี้มากเกินไปแล้วฟาบี้”

    “ผม...” ชายหนุ่มละออกจากเก้าอี้ทำงาน ยืดตัวขึ้นสูง มองไปยังประตูห้องที่ยังปิดตาย “ผมไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายไปกว่านี้ และอีกอย่างไม่ต้องการให้ใครตายอีก”

    “โดยเฉพาะแม่คนนั้น” น้ำเสียงคล้ายรู้ทันหลุดออกมาให้ได้ยิน “เอาเถอะ พ่อจะส่งคนของเราคุ้มครองคนรอบๆ ตัวเธอให้ ส่วนแม่หนูคนนั้นตอนนี้อยู่กับลูกไม่ใช่หรือไง”

    “พ่อรู้...”

    เฮ้ย! ฉันเป็นพ่อแกนะ เจ้าฟาบี้”

    ท่านประธานใหญ่แห่งคาร์มิโอเค้นเสียงออกมาค่อนข้างดัง คนฟังแทบกระตุกยิ้ม

    “ผมลืมไป ลูกน้องแถวนี้ก็คนของพ่อทั้งนั้นนี่ครับ” ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยต่อ “ผมต้องการลูกน้องมือดีของเราเพื่อคุ้มครองเธอ”

    “ใช้นักฆ่าขององค์กรเราดีไหมลูก”

    “ก็ดีครับ” ตอบรับแผ่วๆ ปลายสายทำน้ำเสียงอืออาคล้ายรับรู้ แต่ก็ยังมีประโยคกระเซ้าหลุดออกมาให้ได้ยิน

    “ทาวน์เฮาส์แม่แก หวงนักไม่ใช่หรือไง พ่อยังจำได้เลยนะ แกเคยประกาศปาวๆ ว่าห้ามผู้หญิงคนไหนไปเหยียบที่นั่น แล้วจู่ๆ วันนี้ลูกชายของฉันดื่มเหล้าผิดสูตรมาหรือยังไง ถึงได้พาผู้หญิงเข้าไป”

    มาเฟียหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก กดวางสายด้วยท่าทีเหม่อลอย ในใจเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าเหตุใดคนอย่างเขาถึงลุกขึ้นมาปกป้องคนอื่นเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้

    ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก้าวยาวๆ ออกจากห้องทำงาน ตรงดิ่งไปยังห้องนอน เมื่อไปถึงก็ยืนกอดอกพิงสะโพกไว้กับขอบประตู จ้องมองร่างเล็กที่ยังคงหลับใหล เมื่อเห็นอีกฝ่ายดิ้นขยุกขยิกไปมา สมองก็บังคับให้นำพาร่างกายตัวเองหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ

    ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไล้เบาๆ ไปตามผิวหน้า อ้อยอิ่งอยู่บริเวณริมฝีปากอวบอิ่มซับสีชมพูระเรื่อ กลีบปากนุ่มนิ่มนี้เขาเคยสัมผัสมาแล้วว่าหวานละมุนขนาดไหน และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้โน้มใบหน้าลงไปใกล้ราวกับมีมนต์ขลังเรียกหา ปากหยักได้รูปแตะลงปากอิ่มอย่างช้าๆ ค่อยๆ ซึมซับความหอมหวาน ไม่เร่งเร้าเอาแต่ใจจนเกินควร แต่ความหอมหวานอันเย้ายวนที่ได้ลิ้มลองก็มักทำให้พลั้งเผลอ

    ริมฝีปากที่ไล้แผ่วๆ เริ่มลงแรงบดเคล้าหนักหน่วง สอดปลายลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าโพรงปากนุ่ม แทบจะเลื่อนฝ่ามือร้อนผ่าวคลึงเคล้นทรวงงาม แต่แล้วก็หักห้ามใจรีบถอยห่างจากร่างเล็ก ฟาบริช คาร์มิโอกัดฟันทน ผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ ไม่นานก็ก้าวเร็วๆ ออกจากห้องพร้อมเก็บอารมณ์หวามไหวและดิบเถื่อนของตัวเองให้จมปลักลงไปในส่วนลึกของจิตใจ

    เจ้าพ่ออาณาจักรเพชรทำได้เพียงรอคอยเวลาที่จะบินตรงไปยังอเมริกาในสามชั่วโมงข้างหน้า ก่อนจะออกเดินทาง ชายหนุ่มก็จัดการย้ำชัดให้นักฆ่ามือดีของตระกูลดูแลและปกป้องผู้หญิงที่หลับสนิทอยู่ในห้องด้วยชีวิต หวังว่าห่างกันคราวนี้คงไม่เกิดเหตุใดๆ ร้ายแรงให้ร้อนรนจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานอีก


    กราบทุกยอดวิวจ้า อยู่เป็นเพื่อนกันไปนานๆ นะคะ

    รักคนอ่านที่สุด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×