ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #21 : Nor Like 19B - Persona Theory

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.45K
      17
      12 พ.ค. 53

    Nor Like

    by HS Black Ranger


    19B Persona Theory


    “นี่แหละ ที่นี่ล่ะเหมาะ!!”หลังจากจบภาคทฤษฎีในร้านอาหารซึ่งสูบพลังงานของนารุมิไปแทบจะหมดตัว ต่อมกระดากกำเริบเสิบสานทำงานเป็นสิบรอบ แต่ท่าทางสึโยชิจะยังไม่พอใจถึงได้ลากเขามาเข้าคอร์ส ณ สวนสาธารณะที่สะดุดตากว่าเดิม

    คุณชายคาวามูระแทบจะเป็นบ้าตายอยู่ตรงนั้น!! ตั้งแต่ที่ร้านอาหาร เด็กหนุ่มแทบจะมุดหนีไปอยู่ใต้โต๊ะเสียให้ได้!!! เพราะพ่อเจ้าประคุณท่านอาจารย์ผู้น่ารักเล่นสอนปฏิบัติว่าด้วยการเอาอกเอาใจ แล้วให้ทำตาหวานซึ้ง... แถมยังสอนให้ส่งตาหวานๆให้อีกคนเป็นระยะ ...ไอ้การสอนพวกนี้มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าไม่มีลูกค้าทั้งร้านจ้องที่พวกเขาเป็นตาเดียว!!

    สึโยชิเลือกนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งพลางควักสมุดออกมาจดอะไรขยุกขยิกแล้วค่อยยื่นไปให้นารุมิ เด็กหนุ่มรับมาแล้วกวาดตามองเพียงผ่านๆก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าด้วยอาการปลงตก

    “อย่างแรกนะ ข้อที่สำคัญที่สุดคืด ยิ้มมากๆ ทำตาเยิ้มโปรยเสน่ห์และพยายามอย่าเหลือบมองใคร ให้คิดว่ามีเพียงนายและยูยะอยู่เพียงสองคนในโลกใบนี้”

    “พอบรรยากาศดีๆก็จับมือ... ถ้าเขาสะบัดก็ส่งตาหวานๆไปให้ทีหนึ่ง... ย้ำนะเว้ย ‘หวานๆ’ ประมาณว่านายขายน้ำเชื่อมเลย... ถ้าเขาไม่สะบัดก็ค่อยๆรุกคืบ... ย้ำอีกทีว่าค่อยๆ... เดี๋ยวปลาตื่น แต่อย่ารุกมากล่ะ!! เดี๋ยวเขาจะหวาดนายซะก่อน แล้วก็ ถ้ามีโอกาส... จงพยายามทำตัว ‘ให้ดู’ เป็นคนดี!!! ข้อนี้สำคัญมาก!! จงสร้างทัศนคติในแง่บวกไว้ซะ เข้าใจ๋!!”

    “เออ”นารุมิรับคำเซ็งๆ สายตาเหม่อมองไปยังฝูงนกเบื้องหน้าที่บินร่อนโฉบลงพื้นเป็นระยะๆ เสียงพั่บๆจากแรงกระพือปีกประสานกับเสียงลมอื้ออึงจนนารุมิไม่ใคร่จะใส่ใจกับคำพูดสึโยชิเท่าไหร่นัก...

    “โอเค งั้นมาภาคปฎิบัติ!!”คำพูดปิดท้ายที่คนฟังได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกแล้วยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย ...ในเมื่อมาถึงขนาดนี้คงจะถอนตัวไม่ได้แล้วล่ะ!!!





    ดูเหมือนภาคปฎิบัติที่ว่าท่านอาจารย์คนเก่งจะลืมเลือนไปสนิทหลังจากที่ได้เจอกับ...กลุ่มเด็ก...ที่นารุมิคาดได้ลางๆว่าอายุ สมองน่าจะใกล้เคียงกัน จากคอร์สสอนการทำเป็นคนดีเลยกลายเป็นการแกล้งเด็กไปซะงั้น? แถมพอเขาเตือน หมอนั่นก็ทำตวาดว่าให้ลืมๆไปซะบ้าง ของแบบนี้มันต้องใช้สัญชาตญาณในการฝึกฝน!! เอากะพ่อคุณเขาสิ!!

    “ฮ่าๆๆๆ เจ้าพวกเด็กน้อย วันนี้แหละ ถึงเวลาแก้แค้นของปิศาจพริกหยวกแล้ว!! วะ ฮ่าๆๆๆ”คำพูดปัญญาอ่อน.... จากคนปัญญาอ่อน... แต่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากกลุ่มเด็กได้ดีเหลือเกิน...

    นารุมิได้แต่นั่งนิ่งๆบนเก้าอี้... ทอดสายตามองสึโยชิที่มีผ้าคลุมสีเขียวปิดหน้าแล้วต้องกลั้นยิ้มสุดความสามารถ ร่างสูง 176 ซม.ดูกลมกลืนไปกับกลุ่มเด็กประถมที่วิ่งหนีพร้อมกับเสียงหัวเราะครึกครื้น โดยมีเจ้าปิศาจพริกหยวกวิ่งตามไล่หลัง

    “จับได้แล้ว!!”ร่างโปร่งตะครุบตัวเด็กผู้หญิงที่กรี๊ดลั่น ร่างเล็กดิ้นสะบัดไปมาพร้อมกับหัวเราะคิกคักเมื่อโดนคนจับกุมจั๊กจี้เอว “ฮ่าๆๆๆ ถ้าไม่มีใครมาช่วย ยัยเด็กนี่ต้องโดนสกัดจุดหัวเราะตายแน่!!”

    นารุมิได้แต่นั่งขำอย่างที่ไม่เคยขำขนาดนี้มาก่อนในชีวิต อาการหงุดหงิดมลายวับหายไปจนสิ้นและลืมไปสนิทว่าวันนี้พวกเขามาทำอะไร

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ปิศาจพริกหยวก!!”เสียงใสๆของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นแบบกล้าๆกลัวๆ เรียกให้เจ้าปิศาจหันไปมองพร้อมแย้มรอยยิ้มกว้าง “ปล่อยยูมิจังเดี๋ยวนี้นะ!!”

    “อยากได้คืนก็เข้ามาเอาไปสิ!!”เจ้าปิศาจตะโกนลั่น ดวงตาเรียวรีทอดมองร่างเล็กจ้อยที่พุ่งเข้ามาพร้อมกับเงื้อกำปั้นทุบที่ต้นขาสุดแรง...แต่ไม่มีความรู้สึกว่าเจ็บสักนิด!!

    “โอ๊ย!! แก ร้ายกาจเหลือเกิน!!”ว่าแล้วเจ้าปิศาจจอมสำออยก็ทำท่าเจ็บปวดเหลือแสน ทรุดลงไปกองกับพื้นและนั่นทำให้กลุ่มเด็กเฮละโลมารุมสกำพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

    “พอแล้วๆๆ ฮ่าๆๆๆ อย่างนี้ต้องโดนพลังจี้เส้น”น้ำเสียงสดใสร่าเริงผสมกับเสียงหัวเราะคิกคักดึงดูดสายตาของนารุมิ... ดวงหน้าหล่อเหลาจับจ้องไปยังอาจารย์จำเป็น... รอยยิ้มหวานกว่าทุกครั้งประดับบนใบหน้าคมและยิ่งทวีความหวานเชื่อมเมื่อเวลาผ่านพ้น... ประกายตาเอ็นดูอ่อนโยนจับจ้องร่างโปร่งไม่วางตา ..และไม่รู้สึกกายเลยสักนิดว่าเผลอจ้องไปเนิ่นนานเท่าใด...

    ดูเหมือนสึโยชิจะรู้สึกตัวว่าถูกมอง.. ดวงตาเรียวรีจึงตวัดกลับมามองคนที่มีอาการเหม่อลอยจ้องเขานิ่งนานแล้วต้องเบ้หน้าน้อยๆ เด็กหนุ่มหันไปกระซิบกระซาบอะไรกับกลุ่มเด็กอยู่ครู่ ...ครู่เดียวเท่านั้น ร่างเล็กๆทั้งหลายก็พุ่งตรงมาที่นารุมิที่ได้แต่งุนงง

    “นี่แหนะ เจ้าตัวบงการ นี่แหนะๆๆ”เด็กๆส่งเสียงหัวเราะคิกคักพลางรัวกำปั้นใส่นารุมิไม่หยุดยั้ง บางคนมาจี้เอว บางคนกระโดดขี่คอวุ่นวายจนนารุมิชักจะเริ่มขำขึ้นมาตงิดๆ

    “ฮึๆๆ เด็กดื้อ รุมใช่มั้ย... อย่างนี้ต้องโดน”ว่าแล้วมือหนาก็จั๊กจี้บ้าง หยิกแก้มบ้างเป็นพัลวัน เสียงหัวเราะของคนเย็นชาค่อยๆเล็ดลอดออกมาก่อนจะห้ามไม่อยู่เมื่อคนตัวโตอีกคนโดดเข้ามาผสมโรง...





    “ทำไมนายชอบทำหน้ายุ่งวะ?”สึโยชิบ่นเบาๆพลางโยนเครื่องดื่มกระป๋องไปให้คนที่รับมาอย่างแคล่วคล่อง เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งข้างๆคุณชายคาวามูระที่บัดนี้ตีหน้าพิกลๆ

    “นายว่า... ฉันต้องทำยังไงบ้างเพื่อจะให้เป็นคนดีในสายตายูยะ...”คำถามแผ่วเบาแม้ดวงตาคู่คมจะทอดมองไปเบื้องหน้าเล่นเอาสึโยชิสำลักน้ำ ...คนพูดเว้นช่วงไปครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “พูดตามตรงนะ... ฉันรู้จักกับเขามาหลายปี...แต่เขาไม่เคยมีทีท่า...แม้แต่จะชอบฉัน...”

    “นายแน่ใจได้ยังไง?”สึโยชิถามกลับเรียบๆ ปากบางแย้มรอยยิ้มส่งให้เด็กๆที่ยังวิ่งเล่นกันอยู่ที่ลานเบื้องหน้า

    “ถ้าเขามีใจให้ฉันบ้าง... ก็คงจะคบกันไปนานแล้ว”

    “บางคนอยู่ใกล้เกินไปจนไม่รู้ตัวก็มีนะ...”น้ำเสียงของสึโยชิราบเรียบกว่าเคย ...เรียบจนนารุมิต้องตวัดสายตากลับมามอง...และจ้องนิ่งเข้าไปในแววตานั้นที่ส่อความหมายประหลาด...ไม่รู้ว่ามีหมายความว่าอย่าง ไร?

    “อย่าห่วงเลย... จำที่ฉันสอนไปก็พอ... เป็นอย่างที่นายเป็น... นี่เป็นอีกข้อที่สำคัญ แสดงความในใจ ให้เขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนาย... เดินก้าวข้ามคำว่าเพื่อนให้ได้... ฉันจะเป็นกำลังใจให้”รอยยิ้มให้กำลังใจจากสึโยชินั้นหวาน... หวานจนทำให้คนมองหัวใจเต้นแปลกๆ...

    “แล้วข้อสุดท้าย...”สึโยชิพูดพลางเสหลบสายตาคมเข้มที่ทอดมองมา “เดทครั้งแรกกับยูยะเสร็จแล้ว...ฉันจะบอกว่าต้องทำอะไรต่อ โอเคมั้ย?”ถ้อยคำปริศนาทิ้งให้ขบคิดนัก...

    ความเงียบโรยตัวเชื่องช้าปกคลุมบรรยากาศระหว่างบุคคลทั้งสอง... เสียงหัวเราะคิกคักเริ่มแผ่วจางลงเมื่อความมืดเริ่มจะเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ สึโยชิโบกมือให้ร่างเล็กจ้อยทั้งหลายที่ลาเจ้าปิศาจพริกหยวกกลับบ้าน และทำเป็นไม่ใส่ใจสายตาคมๆที่ทอดมองเขามาได้ครู่ใหญ่...

    “นายจะทำยังไงกับมิสึรุ...”นารุมิกลั้นใจถาม กล้ำกลืนความรู้สึกโหวงเหวงประหลาดๆในหัวใจเร้นลึก

    “ไม่รู้สิ...”อีกคนตอบเรียบๆ ทอดสายตาไปเบื้องหน้าราวกับไม่ต้องการมองหน้าเขา “คงทำเป็นปกติมั้ง...”

    “นายรักเขารึเปล่า?”ปากไปไวกว่าสติ... ถามเสร็จนารุมิก็อยากตบปากตนเองนักหนาแต่ก็ต้องตีหน้าเคร่งไว้... กลัวอีกคนจะจับได้ถึงความปั่นป่วนในหัวใจ...

    “ฉันไม่ได้รักเขาแบบที่นายรักยูยะหรอก...ไม่ต้องห่วง...”ไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบไปอย่างนั้น... ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปว่าไม่ต้องห่วง... ทำไมถึงจงใจประชดประชันแบบนี้... รู้แค่ว่าบางอย่างมันเกิดอาการควบคุมไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน...

    ดวงตาเรียวเหลือบไปยังคนสูงกว่าคล้ายจะหยั่ง แต่เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาที่ทอดมองมาอยู่เนิ่นนาน ความรู้สึกประหลาบก็แล่นวาบในอก...จุกเสียดและอัดแน่นจนหายใจไม่ออก... ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต...

    ไม่รู้ว่ามือหนานั้นเอื้อมโอบเอวตั้งแต่เมื่อไหร่... แต่เมื่อรู้สึกกายอีกที ร่างโปร่งก็ถูกรวบไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง... ดวงหน้าทั้งสองห่างกันเพียงปลายเส้นผม ใกล้ชิดกันจนเห็นแววตาหวานเชื่อมถนัดตา แม้ว่ารอบด้านจะเริ่มมืดลงทุกขณะ...

    ทุกอย่างเริ่มหลุดจากการควบคุมของสติ... สายตาสองคู่สบประสานกันเนิ่นนานราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล...

    ความยับยั้งชั่งใจถูกทลายครืนเมื่อดวงหน้าหล่อเหลาโน้มลงจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ... สึโยชิหลับตาพริ้ม ...สติทั้งหลายถูกจดจ่อไปอยู่ที่ริมฝีปากบาง ณ ตำแหน่งซึ่งความรู้สึกหลากหลายหลอมรวมจนมึนเมา ...เพียงแค่แตะแผ่วๆเท่านั้น... แต่กลับรู้สึกหวานล้ำกว่าครั้งไหนๆ.. หวานละมุนและซาบซ่านไปถึงหัวใจจนร่างสะท้านสั่น... หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น...

    “อ๊ะ!!”เสียงบุคคลที่สามทำให้ทั้งสองร่างผละจากกันอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง ยังดีที่มืดมาก... ไม่งั้นคงจะรู้ไปกันถึงไหนๆว่าหน้าของทั้งคู่บัดนี้แดงก่ำเพียงใด

    “มาทำอะไรอีกเนี่ย มืดแล้วไม่กลับบ้านอีก!!”สึโยชิทำเสียงเข้มแม้จะติดสั่นเล็กๆ ร่างโปร่งสาวเท้าเข้าหาร่างเล็กจ้อยที่อุ้มลูกบอลไว้ในมือ เด็กชายยังคงยื่นนิ่งมองคนที่เดินเข้ามาในลานและเริ่มนั่งยองๆลงตรงหน้าจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน“เดี๋ยวเหอะ!! กลับบ้านดึกอย่างนี้ระวังปิศาจพริกหยวกจะตามไปจั๊กจี๊!!”

    “โหยยย กลัวผมจะขัดจังหวะพี่กับแฟนอ่ะเด่!!”ไม่ว่าเปล่า เจ้าเด็กน้อยยังหรี่ตาลงเหมือนรู้ทันแต่กลับเรียกให้สึโยชิตบกระโหลกไปป้าปใหญ่ จากจะเดินมาแก้เก้อเลยเขินหนักกว่าเดิม!!

    “แก่แดด!! เป็นเด็กเป็นเล็ก กลับบ้านเลย เดี๋ยวโดน!!”เด็กหนุ่มขู่สำทับจนร่างเล็กวิ่งลิ่ว แต่ยังไม่วาย... ก่อนจะลับตายังหันมาแลบลิ้นใส่พูดจาส่งท้ายที่เล่นเอาสึโยชิหน้าแดงถึงหู

    “ไปนะคร้าบบ แล้วพี่ชายสุดหล่อก็ดูแลแฟนดีๆนะครับ อย่าให้มาแกล้งพวกผมอีกล่ะ”ถ้อยคำของเจ้าเด็กที่แก่แดดเกินวัยถูกส่งให้นารุมิชัดๆ!! คนที่เคยหน้าหนาเลยเกิดอาการอายขึ้นมากระทันหัน นั่งนิ่งอยู่บนพื้นไม่กล้าสบตาคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่บนม้านั่ง...

    โว้ยย!! แล้วตูจะเขินอะไรวะเนี่ย แค่จูบนิดเดียวทำเป็นไม่เคย!!

    แต่แม้จะก่นด่าตนเองแค่ไหนความกระดากอายก็ไม่ยอมคลายลง... เด็กหนุ่มนั่งนิ่งจนแสงไฟจากเสาสูงสาดส่องลงมาจนแลเห็นอาณาบริเวณชัดขึ้น... ก็ยังไม่ยอมลุกราวกับได้หยั่งรากงอกบนพื้นดินไปซะแล้ว

    “ไม่กลับบ้านเหรอ นายน่ะ...”ถ้อยคำเรียบๆจากด้านหลังเล่นเอาสึโยชิสะดุ้ง ตวัดตากลับไปมองก็พบกับร่างสูงสง่าที่จ้องมองเขาด้วยแววตาเย็นชาเช่นเคย... “จะนั่งอยู่นี่ก็ตามใจนะ...ฉันกลับล่ะ”

    ไม่ว่าเปล่า นารุมิหมุนตัวเดินไปยังทางออกทิ้งให้อีกร่างต้องรีบลุกตามไปอย่างกระฟัดกระเฟียดขัดใจนัก

    เออ!!! ดีจริง! สรุปว่าตูนั่งคิดมากอยู่คนเดียวใช่มั้ยเนี่ย แม่งเอ๊ย!!!





    “มีอะไรดีๆรึไงเนี่ย... พี่นารุมิ”อากิระอดรนทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นอีกคนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหุบตั้งแต่กลับมาบ้าน

    นัยน์ตาคมสวยเบือนจากสมุดบันทึกเล่มเล็กแล้วมองน้องชาย รอยยิ้มยังไม่คลายไปจากใบหน้า

    “นายเคยมีแฟนรึเปล่า อากิระ”นารุมิไม่ตอบแต่กลับถามกลับ คนฟังเพียงเลิ่กคิ้วน้อยๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แต่ก็ตอบไปตามความจริง

    “ถ้าแบบจริงจังล่ะก็ ไม่มีหรอก...”สิ้นคำร่างที่นั่งยิ้มก็โยนสมุดเล่มบางๆมาให้ อากิระรับมาอย่างงงๆ ...เด็กหนุ่มค่อยๆพลิกเปิดแล้วจ้องไปที่ละบรรทัด แล้วยิ่งไล่มองไปนานเท่าใด... ปากก็มีอันอ้าค้างมากขึ้นเท่านั้น

    “นี่ใครเขียนเนี่ยพี่!! สุดยอด คิดได้ยังไงน่ะ!!”น้ำเสียงของอากิระกึ่งทึ่งกึ่งชื่นชม มือเรียวพลิกเปิดไปยังหน้าสุดท้ายที่มีข้อความเขียนไว้... แล้วก็จ้องนิ่งอยู่ครู่ใหญ่จนอีกคนสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกตินั้น...

    “มีอะไรผิดปกติรึไง?”นารุมิเอ่ยถาม ...แต่แทนที่อีกคนจะตอบ... กลับยื่นสมุดคืนมาให้แล้วแย้มรอยยิ้มกว้างที่ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก...

    ถ้าจะชนะใจใครสักคน... ในช่วงที่เขาอ่อนแอทั้งกายและใจจะเป็นช่วงที่รุกคืบเข้าไปในหัวใจได้ดีกว่าโอกาสไหนๆ ที่สำคัญ!!!! เชื่อในหัวใจตัวเอง พยายามเข้า!!
    ปล. แล้วจะดีมากถ้านายจะทำตามสัญญา เลิกยุ่งกับร่างกายฉันสักที ขยะแขยงโว้ย!!!

    ข้อความเรียบๆส่งท้ายทำให้คนอ่านอดจะยิ้มไม่ได้.... ประกายตาอ่อนโยนของนารุมิยามจ้องข้อความในสมุดเรียกให้น้องชายขยับยิ้ม เด็กหนุ่มเดินเข้าไปเลียบๆเคียงๆข้างๆพี่ชาย ทำทีเป็นจ้องสมุดแต่กลับกระเซ้าเสียงเย็น

    “เอ... ดูท่าผมจะรู้แล้วล่ะว่าใครหรืออะไรที่ทำให้พี่ชายผู้เงียบขรึมของผมนั่งยิ้มได้ทั้งวัน ... แถมดูท่าจะคืบหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้วด้ว... โอ๊ย!! เจ็บนะพี่!!”

    ประโยคสุดท้ายอากิระร้องโอดลั่นเมื่อสันสมุดเคาะเข้าที่กลางหัว นารุมิตีหน้าเคร่ง ดีดกระโหลกน้องชายเบาๆอีกทีเล้วเอ่ยเสียงเย็น

    “ไปนอนได้แล้ว ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”คำกึ่งจะไล่ที่น้องชายเบ้หน้า แต่ก็ต้องยอมตัดใจเดินออกไปแต่โดยดีเมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มทำตาดุใส่ ...ได้แต่คะนึงในใจว่าต้องหาโอกาสเหมาะๆไปดูหน้าเจ้าของสมุดนั่นให้ได้...






    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×