คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : การตัดสินใจอย่างเด็ดเดียว
หญิงสาวร่างอรชรในชุดกี่เผ้าสีแดงสดรัดรูปอวดเรือนร่างที่อยู่เย้ายวน เดินนวยนาคเข้ามาหาร่างบางที่กำลังจดจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้า มินจูเงยหน้าขึ้นมามองสาวสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันไว้สวยงามอย่างคุ้นเคย
“เธอมีธุระอะไรหรอ ซูซาน”มินจูเอ่ยถามเสียงเรียบ
“แหม...ก็ไม่ธุระอะไรจะมาหานายหญิงไม่ได้หรอค่ะ”ร่างงามเดินเข้าไปนั่งเบียดที่พักแขนเก้าอี้ของมินจูอย่างมีจริต
“อย่าเพิ่งมากวนใจฉัน ตอนนี้ฉันไม่ว่างมาเล่นด้วยกับเธอหรอกนะ”มินจูเอ่ยเสียงเย็นชาพร้อมกับมองซูซานด้วยหางตา
“ใจร้ายจัง นายหญิงมีเด็กใหม่แล้วสินะ ถึงใม่ยอมให้ฉันเข้าพบ”หล่อนทำเสียงอนใส่
“นั้นไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว”มินจูออกคำสั่งเพื่อตัดรำคาญ
“นายหญิงใจร้ายจริงๆ ฉันอุตส่าห์มาหานายหญิงถึงที่นี่ แต่ฉันก็ไม่ได้มาตัวเปล่านะค่ะ ฉันเอายอดขายของร้านที่เซี่ยงไฮ้มาให้แท้ๆ”
“อันที่จริงเธอไม่ต้องลำบากมาไกลถึงที่นี่ก็ได้ หรือมีธุระอะไรกันแน่”ดวงตาเรี่ยวเล็กของมินจูมองไปที่หญิงสาวอย่างจับผิด
ซูซานรู้สึกเกร็งเล็กน้อยก่อนที่จะยอมปล่อยแขนเรียว แล้วเดินเลี่ยงมาที่ด้านหน้าของโต๊ะทำงาน
“ที่ดิฉันมา เพราะเป็นห่วงนายหญิงต่างหากล่ะ ได้ยินว่านายหญิงพลาดท่าเสียทีให้กับพวกตระกูลโจว แต่ที่ไหนได้กลับมากกเด็กใหม่อยู่ที่นี่ๆเอง”
“ขอบใจที่เธอเป็นห่วงฉัน แต่ฉันจะมีใครมันก็เรื่องของฉัน”
“แต่นายหญิงทิ้งให้ดิฉันเหงานี่ค่ะ ดิฉันเลยต้องมาหา ไม่นึกเลยว่านายหญิงจะได้ใหม่แล้วลืมดิฉัน”
“ถ้าเธอหมดธุระแล้ว ก็เชิญกลับไปได้แล้ว ซูซาน ฉันจะทำงาน”มินจูเอ่ยเสียงแข็ง โดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากกองเอกสารเลย
ซูซานรู้สึกขัดเคืองใจไม่น้อยที่ถูกมินจูเมิน ตั้งแต่เมื่อคืนที่เธอขอเข้าพบและรู้ว่านายสาวไมได้อยู่ตามลำพัง จึงแอบเฝ้าอยู่ที่บันไดหนีไฟและนั้นก็ทำให้เธอเห็นว่า มีผู้หญิงแปลกหน้าเดินออกมาจากห้องพักของนายสาว จึงพอจะเข้าใจว่าเหตุใดมินจูถึงไม่ให้เธอเข้าพบ
“งั้นดิฉันกลับไปรอนายหญิงที่สาขาเซี่ยงไฮ้นะค่ะ หวังว่านายหญิงคงจะเมตตาดิฉันบ้าง”ซูซานเอ่ยอย่างน้อยใจ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่ประตู ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หนี่วายืนอยู่ที่หน้าห้องพอดี
“อ้าว นี่เธอก็ตามมาด้วยงั้นหรอ”ซูซานเอ่ยทักทายเมื่อเปิดประตูออกแล้วพบว่าใครยืนอยู่ที่หลังประตูบานนั้น พร้อมกับปรายสายตามองอย่างเย้ยหยันนิดๆ
“ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของนายหญิง ก็ต้องมาดูแลสิ”หนี่วาเอ่ยเสียงเรียบไม่สนใจท่าทางของซูซาน
“แต่อีกหน่อยทั้งเธอและฉัน อาจจะไม่ต้องดูแลพยาบาลนายหญิงแล้วก็ได้”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”หนี่วาหันไปมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“เอ้า!นี่เธอยังไม่รู้ว่านายหญิงกำลังมีของใหม่ หึๆระวังนะ สิ่งที่เธอหวังไว้อาจจะหลุดลอยไปเมื่อไหร่ก็ได้”ซูซานแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปากก่อนที่จะผละออกไป
หนี่วามองตาแผ่นหลังบางจนห่างออกไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเจ้าของห้องด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“เธอมาด้วยหรอ หนี่วา”มินจูละสายตาออกจากกองเอกสารมองแขกผู้มาเยือน
“นายหญิงเรียกซูซานมารับใช้หรอค่ะ”เธอถาม
“เปล่า ยัยนั้นมาเอง แล้วเธอล่ะ ทำไมถึงมาที่นี่อีก แล้วงานที่โรงพยาบาลล่ะ?”
“อ๋อ!ดิฉันขอแลกเวรกับเพื่อนสองวันนี้นะค่ะ มาดูแลนายหญิง”
“ฉันไม่เป็นไร อย่าห่วงไปเลย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ อีกเดี๋ยวนายหญิงต้องมีแผลมาอีกแน่ๆ เอ๊ะ!ทำไมแก้มนายหญิงดูช้ำๆแบบนี้ล่ะค่ะ”หนี่วายื่หน้าเข้าไปดูรอยช้ำจางๆที่แก้มซ้ายอย่างเป็นห่วง
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่โดนม้าพยศดีดนิดหน่อย”
“ม้า! นายหญิงเลี้ยงม้าด้วยหรอค่ะ”หนี่วาถามอย่างสนใจ
“ก็เพิ่งได้มาไม่นานนี่เอง มันยังไม่ค่อยคุ้น ฝึกอีกหน่อยเดี๋ยวก็คงจะเชื่อง”มินจูเหม่อออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับรอยยิ้ม
หนี่วารู้สึกสะกิตใจกับรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติของมินจู เพราะปกติมินจูไม่เคยยิ้มแบบนี้กับใคร
“อืม...ได้เวลาแล้วสินะ”มินจูเดินไปหยิบเสื้อนอกมาสวม
“เอ๊ะ!จะไปไหนหรอค่ะ นายหญิง”หนี่วาถามอย่างสงสัย
“ไปฝึกม้าพยศ ส่วนเธอ ฉันฝากไปบอกเฉินลองด้วยว่าคืนนี้ขึ้นมาพบฉันที่ห้องด้วยล่ะ”พูดจบมินจูก็ก้าวยาวๆออกจากห้องไปทันที
หนี่วาได้แต่อ้าปากค้างมองแผ่นหลังของคนที่แอบชอบอย่างรู้สึกเสียดาย เธออุตส่าห์นั่งรถมาจากเซี่ยงไฮ้เพื่อพบกับเค้า แต่ก็อยู่คุยด้วยไม่กี่คำเค้าก็จากไป หนี่วาจึงเก็บความน้อยใจไว้เพียงลำพัง
รัตเกล้าเอาแต่ถอนหายใจและเหม่อลอยจนตักข้าวให้ลูกค้าผิดๆถูกๆ กีรติเองก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเพื่อนสาวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พอลองถามรัตเกล้าก็ตอบปัดทุกที แต่เมื่อเห็นว่ามีผลกระทบกับงานแบบนี้ก็เริ่มทนไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม
“นี่โรส! แกเป็นอะไรของแกกันเนี่ย รู้มั้ยวันนี้แกทำพลาดมากเลยนะ””
“อ๊ะ ขอโทษนะ งั้นเธอก็หักเงินเดือนฉันไปเลยก็แล้วกัน”
“นั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหามันอยู่ทีแกต่างหาก”กีรติมองหน้ารัตเกล้าอย่างคาดคั้นจนรัตเกล้าต้องหลบสายตา ความสับสนที่อยู่ในใจกับความกลัวเข้าครอบงำ
“เจีย...ฉันรักแกนะ เพราะฉะนั้นฉัน...”เธออึกอักพูดไม่ออก
“ยี้! แกจะบ้าหรอ กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้คิดไม่ซื่อกับฉัน”กีรติทำท่าขนลุกซู่
รัตเกล้าไม่ตอบเอาแต่นิ่งเงียบกับความรู้สึกในใจที่ดำมืด จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาถึงตัว
“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าอย่างนั้น คิดถึงฉันอยู่หรือไง”น้ำเสียงยียวนกวนประสาทเหมือนฉุดให้เธอตื่นจากภวังค์
รัตเกล้ามองหน้ามินจูอย่างตื่นๆ เพราะไม่คาดคิดว่าเธอจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเร็วขนาดนี้
‘เฮ้อ! ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆ’เธอได้แต่บ่นอยู่ในใจ
“มาทำไม”เธอเอ่ยเสียงห้วนๆ
“ทำไมจะมาไม่ได้ ก็ฉันมาหา กิ....!”ยังไม่ทันที่จะพูดจบมือหนาของรัตเกล้ากถลาเข้ามาตะปบไว้
“เอ่อ...เจียฉันขอพัก10นาที ฝากทางนี้ด้วยนะ”ไม่พูดเปล่ารัตเกล้าก็รีบลากมินจูเข้าไปที่ห้องครัว ท่ามกลางสายตางงงวยปนสงสัยของทุกคน
“ไอ้คู่นี้ฉันว่ามันชักจะยังไงๆแล้วสิ”กีรติบ่นออกมาเบาๆ
........................................................................
รัตเกล้าลากร่างสูงเข้าห้องครัวพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างหนาแน่น เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จนมินจูที่มองการกระทำของเธอถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ขำอะไรมิทราบ”เธอหันไปมองตาขวาง
“หึๆ ก็ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอถึงต้องทำอะไรขนาดนั้นด้วย”
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของพวกเราต่างหาก นี่ขอเลยได้มั้ยคุณมินจู กรุณาอย่ามาหาฉันตอนที่ฉันกำลังยุ่งได้มั้ย”
“ใครว่าฉันมาหาเธอ ฉันมาหาข้าวกินต่างหากล่ะ”มินจูตอบพร้อมรอยยิ้มกวนๆ
“ก็ไปกินที่ภัตตาคารในโรงแรมคุณสิ”
“ก็ฉันอยากจะมากินข้าวที่ร้านนี้ แล้วจะทำไม ฉันเป็นลูกค้าของเธอนะ เธอทำแบบนี้กับลูกค้าทุกๆคนเลยหรือเปล่า”มินจูยืนกอดอกมองหญิงสาวที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่หน้าประตูห้องครัว
“”เชิญ!”รัตเกล้าสะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูโดยมีร่างสูงตามไปประกบ
“เธอเป็นอะไร ดูเหมือนวันนี้จะหงุดหงิดชอบกล”มินจูดันประตูไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จึงกลายเป็นว่ารัตเกล้ากำลังถูกโอบล้อมด้วยกายของร่างสูง
รัตเกล้าปิดปากสนิท รู้สึกหัวใจเต้นตุ้บๆต่อมๆเมื่อได้กลิ่นกายสาวจากคนข้างหลัง แต่ถึงจะมีเรื่องอะไรในใจเธอก็ไม่มีวันบอกมินจูอยู่แล้ว
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก คุณจะกินข้าวไม่ใช่หรอ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้เธอไปกินข้าวกับฉันแทนก็แล้วกัน”
“แต่ฉันไม่ว่าง”เธอปฏิเสธทันควัน
“ถ้าฉันบอกกับทุกคนเรื่องเธอ... เธอจะยังพอมีเวลาให้ฉันบ้างมั้ย”มินจูงัดไม้เด็ดมาขู่
รัตเกล้าเม้มริมฝีปากแน่น นึกอยากจะปลักร่างนี้ให้ออกไปซะจริงๆ คนอะไรไม่รู้เจ้าเล่ห์ชะมัด
“ว่างก็ว่าง”
“ดี งั้นทุ่มนึงฉันจะให้คนมารับ”มินจูยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะยอมลดวงแขนลง รัตเกล้าจึงมีอิสระอีกครั้ง
สองสาวเดินออกจากห้องครัวโดยมีสายตานับสิบคู่มองมาอย่างสงสัย และหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงกีรติด้วย รัตเกล้าทำเป็นไม่สนใจเดินไปส่งมินจูที่รถ
“อะไรวะ หายเงียบกันไปสองคน แล้วก็ออกมาส่งกัน น่าสงสัยจริงๆ”กีรติเอ่ยออกมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวเดินกลับเข้ามา
รัตเกล้าไม่ตอบเดินไปเก็บจานข้าวใส่ถาดแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องครัว แต่คราวนี้กีรติไม่ยอมแพ้ตามเข้าไปทวงคำตอบจากเพื่อนรัก
“ที่แกไม่ตอบฉัน เพราะแกมีอะไรปิดบังฉันใช่มั้ย แกไม่เคยเป็นแบบนี้ตั้งแต่แกหายไปในคืนนั้น”ข้อสัญนิฐานของกีรติทำเอารัตเกล้าถึงกับสะดุ้งเฮือก กีรติหรี่ตามองกิริยาของเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“แล้วหลังจากนั้น คุณมินจูก็มาหาแกตลอด”กีรติหยุดพูดลอบมองร่างหนาที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปอีกว่า “ฉันถามจริงๆเหอะ แกเสร็จคุณมินจูไปแล้วใช่มั้ย”
เคร้ง!รัตเกล้าถึงกับมือไม้อ่อนทำจานหลุดมือ กีรติถลาเข้าไปหาเพื่อนสาวทันที
“นั้นไง นึกแล้วไม่มีผิด แกปิดบังฉันเรื่องนี้นี่เอง”รัตเกล้าถึงกับหน้าถอดสี เมื่อความลับถูกเปิดเผย
“แกเสร็จคุณมินจูไปแล้วจริงๆด้วย โอมายก๊อด!....”
‘อันที่จริงต้องบอกว่า เค้าเสร็จฉันต่างหาก’รัตเกล้าพึมพำอยู่ในใจ ส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนสาว
“ตกลงพวกแกเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย”กีรติถาม
“เปล่า แค่กิ๊ก”รัตเกล้าตอบเสียงเรียบ
“กิ๊กหรอ เออ...ก็ดีเหมือนกัน แกจะได้ไม่ต้องเป็นอย่างเมื่อก่อนอีกไง”
พอเอ่ยถึงปมในใจขึ้นมา ใบหน้าของรัตเกล้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที กีรติรู้สึกตัวว่าได้เอ่ยในเรื่องที่ไม่สมควรเข้าเสียแล้ว
“อ๊ะ...เอ่อ แล้ววันนี้เค้ามาหาแกทำไมหรอ”กีรติรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เค้านัดฉันกินข้าวคืนนี้”รัตเกล้าตอบ
“ว้าว!เยี่ยมไปเลย จับเค้าให้อยู่ล่ะ เผื่อว่าแกอาจจะได้ดีก็ได้”
“ใครเค้าจะไปทำเหมือนแก อีบ้า ไปช่วยพี่เหม่ยลี่เก็บของดีกว่า”พูดจบเธอก็เดินกลับออกไปทิ้งให้เพื่อนสาวยืนหัวเราะอยู่ตามลำพัง
รถยนต์คันงามมารอรับรัตเกล้าตรงตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้เป๊ะ หญิงสาวถูกสารถีคนเดิมพาไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ที่เธอเคยไปเดินเที่ยวกับกีรติเมื่อไม่นานมานี้เอง
“ทำไมพาฉันมาที่นี่ล่ะ”รัตเกล้าถามจิงสงอย่างสงสัย
“เป็นคำสั่งของนายหญิงครับ ผมจะนำทางคุณเข้าไปเอง”จิงสงเปิดประตูรับให้รัตเกล้า เธอทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมลงมาจากรถโดยดี
จิงสงนำทางรัตเกล้าเข้าไปในร้านบูติกหรูบนห้าง หญิงสาวไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรก็ถูกพนักงานร้านจับเข้าห้องลองชุดทันที รัตเกล้าถูกช่างผมช่างแต่งหน้ามะรุมมะตุ้มบรรจงสร้างโดยที่เจ้าตัวไม่มีทางได้หลบหลีกเลย ขณะที่ข้างในกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสีกรมท่าก็เดินเข้ามาพอดี
“เป็นยังไงบ้าง อาจิง”มินจูเอ่ยทักลูกน้องผู้เป็นเสมือนมือซ้าย
“คุณโรสกำลังแต่งตัวอยู่ครับนายหญิง”จิงสงรายงาน
“ฉันเห็นแล้ว ดูท่าทางข้างในจะสนุกกันใหญ่”
“เอ่อ...ผมได้ยินจากหัวหน้าเฉินว่า ผู้หญิงคนนี้เคยช่วยนายหญิงไว้”
“ใช่ เห็นอย่างนี้แต่มีฝีมือพอตัวเลยล่ะ”การสนทนาก็หยุดลงเมื่อพนักงานร้านออกมา
“นายหญิงค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญค่ะ”
รัตเกล้าในชุดราตรียาวสีเปลือกไข่แบบแขนตุ๊กตาค่อยๆก้าวออกมาจากห้องลองด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ผมหยิกยักโศกถูกปรับแต่งให้ยืดตรงแต่งปลายให้เป็นลอน ทำให้รัตเกล้าดูสวยเซ็กซี่ยิ่งขึ้น มินจูยืนตะลึงมองรัตเกล้านิ่ง ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มในโทนสีธรรมชาติจากช่างมืออาชีพ ทำให้เธอดูสวยเด่นมากขึ้น
“โห คุณคนนี้อย่างกับคนละคนกับเมื่อกี้เลยนะครับนายหญิง”จิงสงหันไปเอ่ยกับมินจู เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นนายหญิงยืนมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กระพริบ
“นี่ จะมองอีกนานมั้ย ฉันอายคนอื่นเค้า”รัตเกล้าบ่นออกมาอย่างขัดใจเพราะตอนนี้มีแต่คนมองเธอ จนรัตเกล้าตกอยู่ในอาการประหม่า มินจูมองใบหน้าหวานที่เวลาโกรธก็น่ารักไม่เบา
“อ้าว เสร็จแล้วหรอ แค่นี้ก็พอดูได้นะ ไปกันเถอะ”พูดจบมินจูก็คว้าแขนรัตเกล้าให้ออกเดินไปด้วยกัน
บนโต๊ะอาหารแบบสองที่นั่งในห้องอาหารอิตเลียน รัตเกล้านั่งตัวเกร็งมองจานอาหารตรงหน้าอย่างกระอึกกระอวนในใจ หลังจากที่ถูกมินจูบังคับพามานั่งในร้านหรูบนห้างแบบนี้ แล้วอาหารพวกนี้ถึงจะดูน่ากินแต่มันก็ราคาแพงน่าดูจนเธอแทบจะไม่อยากแตะต้อง
“เป็นอะไรทำไมไม่กินอะไรเลย”มินจูถาม
“กินแบบนี้มันจะอิ่มหรอ แล้วของพวกนี้ก็แพงมากด้วย ฉันกินไม่ลงหรอก”เธอว่า
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันจ่ายเองเธอจะกลัวอะไร”
ดวงตากลมโตของรัตเกล้ามองคนที่ไม่สนใจอะไรเลยอย่างขัดเคือง ก่อนที่จะต่อปากต่อคำไปอีกว่า
“ฉันรู้ว่าคุณจ่าย แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องลงทุนอะไรมากมายขนาดนี้เลย”
“ทำไม ฉันพาผู้หญิงมากินอาหารอิตาเลียนทีไร พวกเธอก็ชอบกันทั้งนั้น”
“นั้นมันพวกเธอไม่ใช่ฉัน อย่ามาเหมารวมว่าฉันเป็นเหมือนคนอื่นสิ เฮ้อ...ฉันเองก็มีเรื่องนึงที่อยากจะถามคุณ”รัตเกล้าเริ่มมีอาการเคร่งขรึมเหมือนกับทุกที ทำให้มินจูละสายตาจากอาหารตรงหน้าขึ้นมามองหน้าเธออย่างแปลกใจ
“ว่ามา”
“คนอย่างคุณ ฉันว่าคงจะมีสาวๆสวยๆมาให้เลือกควงเยอะแยะ แต่ทำไมคุณต้องให้ฉันมาเป็นคู่ควงคุณด้วย”คำถามนี้ทำให้มินจูฉุกคิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ
“เพราะเธอ เป็นคนที่น่าสนใจ”
“ยังไง?”เธอขมวดคิ้วมองหน้า
“เธอมีวิชาติดตัวใช่มั้ยล่ะ วิชาของเธอน่าสนใจดี”
“คุณหมายถึง คมแฝก งั้นหรอ”มินจูพยักหน้าแทนคำตอบ
“วิชาคมแฝก เป็นเสมือนวิชามวยไทยโบราณของประเทศฉัน มันเป็นวิชาที่มีไว้ป้องกันตัว มันเป็นวิชาที่ไม่มีโรงเรียนที่ไหนสอนหรอก ฉันแค่ชอบเลยเรียนรู้เอาเอง แล้วที่วันนั้นที่ฉันช่วยคุณ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปได้ยังไง”รัตเกล้าเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“เป็นไปได้ยังไง ที่เธอจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฉันดูออกนะ ว่าทุกกระบวนท่าของเธอล้วนมีพลังทั้งนั้น เธอจะมาบอกว่าไม่รู้ตัวได้ยังไง”มินจูชะงักมือมองรัตเกล้าอย่างอึ้งๆ
ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้วิชาโบราณของประเทศตัวเองได้ โดยที่ฝึกและเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีพลังที่ได้รับจากการฝึกฝนนั้นด้วย
“คุณมินจู ฉันมีเรื่องอยากจะขอความเห็นจากคุณหน่อย”เธอเงียบไปสักครู่ ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “คุณคิดว่ากระบวนท่าคมแฝกของฉันมีพลังจริงๆหรอค่ะ”
“ถามได้ เธอซัดเจ้าพวกลูกจ๊อกซะกระจายขนาดนั้น เธอยังไม่มั่นใจอีกหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตัวฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เพราะชีวิตของฉันถูกกำหนดไว้ให้เป็นเสาหลักของตระกูล เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องเข้มแข็งและไม่แพ้ใคร”มินจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ
รัตเกล้ามองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมั่นใจก็รู้สึกตื่นเต้น ภายในใจของเธอตอนนี้เหมือนถูกเติมเชื้อไฟให้ลุกโชติช่วงอีกครั้ง และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้แล้ว...
ความคิดเห็น