ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #11 : การตัดสินใจอย่างเด็ดเดียว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.43K
      17
      29 ม.ค. 53

                หญิงสาวร่างอรชรในชุดกี่เผ้าสีแดงสดรัดรูปอวดเรือนร่างที่อยู่เย้ายวน เดินนวยนาคเข้ามาหาร่างบางที่กำลังจดจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้า มินจูเงยหน้าขึ้นมามองสาวสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันไว้สวยงามอย่างคุ้นเคย

                    “เธอมีธุระอะไรหรอ ซูซาน”มินจูเอ่ยถามเสียงเรียบ

                    “แหม...ก็ไม่ธุระอะไรจะมาหานายหญิงไม่ได้หรอค่ะ”ร่างงามเดินเข้าไปนั่งเบียดที่พักแขนเก้าอี้ของมินจูอย่างมีจริต

                    “อย่าเพิ่งมากวนใจฉัน ตอนนี้ฉันไม่ว่างมาเล่นด้วยกับเธอหรอกนะ”มินจูเอ่ยเสียงเย็นชาพร้อมกับมองซูซานด้วยหางตา

                    “ใจร้ายจัง นายหญิงมีเด็กใหม่แล้วสินะ ถึงใม่ยอมให้ฉันเข้าพบ”หล่อนทำเสียงอนใส่

                    “นั้นไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว”มินจูออกคำสั่งเพื่อตัดรำคาญ

                    “นายหญิงใจร้ายจริงๆ ฉันอุตส่าห์มาหานายหญิงถึงที่นี่ แต่ฉันก็ไม่ได้มาตัวเปล่านะค่ะ ฉันเอายอดขายของร้านที่เซี่ยงไฮ้มาให้แท้ๆ”

                    “อันที่จริงเธอไม่ต้องลำบากมาไกลถึงที่นี่ก็ได้ หรือมีธุระอะไรกันแน่”ดวงตาเรี่ยวเล็กของมินจูมองไปที่หญิงสาวอย่างจับผิด

                    ซูซานรู้สึกเกร็งเล็กน้อยก่อนที่จะยอมปล่อยแขนเรียว แล้วเดินเลี่ยงมาที่ด้านหน้าของโต๊ะทำงาน

                    “ที่ดิฉันมา เพราะเป็นห่วงนายหญิงต่างหากล่ะ ได้ยินว่านายหญิงพลาดท่าเสียทีให้กับพวกตระกูลโจว แต่ที่ไหนได้กลับมากกเด็กใหม่อยู่ที่นี่ๆเอง”

                    “ขอบใจที่เธอเป็นห่วงฉัน แต่ฉันจะมีใครมันก็เรื่องของฉัน”

                    “แต่นายหญิงทิ้งให้ดิฉันเหงานี่ค่ะ ดิฉันเลยต้องมาหา ไม่นึกเลยว่านายหญิงจะได้ใหม่แล้วลืมดิฉัน”

                    “ถ้าเธอหมดธุระแล้ว ก็เชิญกลับไปได้แล้ว ซูซาน ฉันจะทำงาน”มินจูเอ่ยเสียงแข็ง โดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากกองเอกสารเลย

                    ซูซานรู้สึกขัดเคืองใจไม่น้อยที่ถูกมินจูเมิน ตั้งแต่เมื่อคืนที่เธอขอเข้าพบและรู้ว่านายสาวไมได้อยู่ตามลำพัง จึงแอบเฝ้าอยู่ที่บันไดหนีไฟและนั้นก็ทำให้เธอเห็นว่า มีผู้หญิงแปลกหน้าเดินออกมาจากห้องพักของนายสาว จึงพอจะเข้าใจว่าเหตุใดมินจูถึงไม่ให้เธอเข้าพบ

                    “งั้นดิฉันกลับไปรอนายหญิงที่สาขาเซี่ยงไฮ้นะค่ะ หวังว่านายหญิงคงจะเมตตาดิฉันบ้าง”ซูซานเอ่ยอย่างน้อยใจ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่ประตู ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หนี่วายืนอยู่ที่หน้าห้องพอดี

                    “อ้าว นี่เธอก็ตามมาด้วยงั้นหรอ”ซูซานเอ่ยทักทายเมื่อเปิดประตูออกแล้วพบว่าใครยืนอยู่ที่หลังประตูบานนั้น พร้อมกับปรายสายตามองอย่างเย้ยหยันนิดๆ

                    “ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของนายหญิง ก็ต้องมาดูแลสิ”หนี่วาเอ่ยเสียงเรียบไม่สนใจท่าทางของซูซาน

                    “แต่อีกหน่อยทั้งเธอและฉัน อาจจะไม่ต้องดูแลพยาบาลนายหญิงแล้วก็ได้”

                    “เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”หนี่วาหันไปมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ

                    “เอ้า!นี่เธอยังไม่รู้ว่านายหญิงกำลังมีของใหม่ หึๆระวังนะ สิ่งที่เธอหวังไว้อาจจะหลุดลอยไปเมื่อไหร่ก็ได้”ซูซานแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่มุมปากก่อนที่จะผละออกไป

                    หนี่วามองตาแผ่นหลังบางจนห่างออกไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเจ้าของห้องด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

                    “เธอมาด้วยหรอ หนี่วา”มินจูละสายตาออกจากกองเอกสารมองแขกผู้มาเยือน

                    “นายหญิงเรียกซูซานมารับใช้หรอค่ะ”เธอถาม

                    “เปล่า ยัยนั้นมาเอง แล้วเธอล่ะ ทำไมถึงมาที่นี่อีก แล้วงานที่โรงพยาบาลล่ะ?”

                    “อ๋อ!ดิฉันขอแลกเวรกับเพื่อนสองวันนี้นะค่ะ มาดูแลนายหญิง”

                    “ฉันไม่เป็นไร อย่าห่วงไปเลย”

                    “ไม่ได้หรอกค่ะ อีกเดี๋ยวนายหญิงต้องมีแผลมาอีกแน่ๆ เอ๊ะ!ทำไมแก้มนายหญิงดูช้ำๆแบบนี้ล่ะค่ะ”หนี่วายื่หน้าเข้าไปดูรอยช้ำจางๆที่แก้มซ้ายอย่างเป็นห่วง

                    “อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่โดนม้าพยศดีดนิดหน่อย”

                    “ม้า! นายหญิงเลี้ยงม้าด้วยหรอค่ะ”หนี่วาถามอย่างสนใจ

                    “ก็เพิ่งได้มาไม่นานนี่เอง มันยังไม่ค่อยคุ้น ฝึกอีกหน่อยเดี๋ยวก็คงจะเชื่อง”มินจูเหม่อออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับรอยยิ้ม

                    หนี่วารู้สึกสะกิตใจกับรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติของมินจู เพราะปกติมินจูไม่เคยยิ้มแบบนี้กับใคร

                    “อืม...ได้เวลาแล้วสินะ”มินจูเดินไปหยิบเสื้อนอกมาสวม

                    “เอ๊ะ!จะไปไหนหรอค่ะ นายหญิง”หนี่วาถามอย่างสงสัย

                    “ไปฝึกม้าพยศ ส่วนเธอ ฉันฝากไปบอกเฉินลองด้วยว่าคืนนี้ขึ้นมาพบฉันที่ห้องด้วยล่ะ”พูดจบมินจูก็ก้าวยาวๆออกจากห้องไปทันที

                    หนี่วาได้แต่อ้าปากค้างมองแผ่นหลังของคนที่แอบชอบอย่างรู้สึกเสียดาย เธออุตส่าห์นั่งรถมาจากเซี่ยงไฮ้เพื่อพบกับเค้า แต่ก็อยู่คุยด้วยไม่กี่คำเค้าก็จากไป หนี่วาจึงเก็บความน้อยใจไว้เพียงลำพัง

     

                    รัตเกล้าเอาแต่ถอนหายใจและเหม่อลอยจนตักข้าวให้ลูกค้าผิดๆถูกๆ กีรติเองก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเพื่อนสาวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พอลองถามรัตเกล้าก็ตอบปัดทุกที แต่เมื่อเห็นว่ามีผลกระทบกับงานแบบนี้ก็เริ่มทนไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม

                    “นี่โรส! แกเป็นอะไรของแกกันเนี่ย รู้มั้ยวันนี้แกทำพลาดมากเลยนะ””

                    “อ๊ะ ขอโทษนะ งั้นเธอก็หักเงินเดือนฉันไปเลยก็แล้วกัน”

                    “นั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหามันอยู่ทีแกต่างหาก”กีรติมองหน้ารัตเกล้าอย่างคาดคั้นจนรัตเกล้าต้องหลบสายตา ความสับสนที่อยู่ในใจกับความกลัวเข้าครอบงำ

                    “เจีย...ฉันรักแกนะ เพราะฉะนั้นฉัน...”เธออึกอักพูดไม่ออก

                    “ยี้! แกจะบ้าหรอ กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ถึงได้คิดไม่ซื่อกับฉัน”กีรติทำท่าขนลุกซู่

                    รัตเกล้าไม่ตอบเอาแต่นิ่งเงียบกับความรู้สึกในใจที่ดำมืด จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาถึงตัว

                    “เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าอย่างนั้น คิดถึงฉันอยู่หรือไง”น้ำเสียงยียวนกวนประสาทเหมือนฉุดให้เธอตื่นจากภวังค์

                    รัตเกล้ามองหน้ามินจูอย่างตื่นๆ เพราะไม่คาดคิดว่าเธอจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเร็วขนาดนี้

                    เฮ้อ! ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆเธอได้แต่บ่นอยู่ในใจ

                    “มาทำไม”เธอเอ่ยเสียงห้วนๆ

                    “ทำไมจะมาไม่ได้ ก็ฉันมาหา กิ....!”ยังไม่ทันที่จะพูดจบมือหนาของรัตเกล้ากถลาเข้ามาตะปบไว้

                    “เอ่อ...เจียฉันขอพัก10นาที ฝากทางนี้ด้วยนะ”ไม่พูดเปล่ารัตเกล้าก็รีบลากมินจูเข้าไปที่ห้องครัว ท่ามกลางสายตางงงวยปนสงสัยของทุกคน

                    “ไอ้คู่นี้ฉันว่ามันชักจะยังไงๆแล้วสิ”กีรติบ่นออกมาเบาๆ

                                    ........................................................................

                    รัตเกล้าลากร่างสูงเข้าห้องครัวพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างหนาแน่น เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จนมินจูที่มองการกระทำของเธอถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

                    “ขำอะไรมิทราบ”เธอหันไปมองตาขวาง

                    “หึๆ ก็ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอถึงต้องทำอะไรขนาดนั้นด้วย”

                    “ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของพวกเราต่างหาก นี่ขอเลยได้มั้ยคุณมินจู กรุณาอย่ามาหาฉันตอนที่ฉันกำลังยุ่งได้มั้ย”

                    “ใครว่าฉันมาหาเธอ ฉันมาหาข้าวกินต่างหากล่ะ”มินจูตอบพร้อมรอยยิ้มกวนๆ

                    “ก็ไปกินที่ภัตตาคารในโรงแรมคุณสิ”

                    “ก็ฉันอยากจะมากินข้าวที่ร้านนี้ แล้วจะทำไม ฉันเป็นลูกค้าของเธอนะ เธอทำแบบนี้กับลูกค้าทุกๆคนเลยหรือเปล่า”มินจูยืนกอดอกมองหญิงสาวที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่หน้าประตูห้องครัว

                    “”เชิญ!”รัตเกล้าสะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูโดยมีร่างสูงตามไปประกบ

                    “เธอเป็นอะไร ดูเหมือนวันนี้จะหงุดหงิดชอบกล”มินจูดันประตูไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จึงกลายเป็นว่ารัตเกล้ากำลังถูกโอบล้อมด้วยกายของร่างสูง

                    รัตเกล้าปิดปากสนิท รู้สึกหัวใจเต้นตุ้บๆต่อมๆเมื่อได้กลิ่นกายสาวจากคนข้างหลัง แต่ถึงจะมีเรื่องอะไรในใจเธอก็ไม่มีวันบอกมินจูอยู่แล้ว

                    “เปล่าไม่มีอะไรหรอก คุณจะกินข้าวไม่ใช่หรอ”

                    “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้เธอไปกินข้าวกับฉันแทนก็แล้วกัน”

                    “แต่ฉันไม่ว่าง”เธอปฏิเสธทันควัน

                    “ถ้าฉันบอกกับทุกคนเรื่องเธอ... เธอจะยังพอมีเวลาให้ฉันบ้างมั้ย”มินจูงัดไม้เด็ดมาขู่ 

                    รัตเกล้าเม้มริมฝีปากแน่น นึกอยากจะปลักร่างนี้ให้ออกไปซะจริงๆ คนอะไรไม่รู้เจ้าเล่ห์ชะมัด

                    “ว่างก็ว่าง”

                    “ดี งั้นทุ่มนึงฉันจะให้คนมารับ”มินจูยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะยอมลดวงแขนลง รัตเกล้าจึงมีอิสระอีกครั้ง

     

                    สองสาวเดินออกจากห้องครัวโดยมีสายตานับสิบคู่มองมาอย่างสงสัย และหนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงกีรติด้วย รัตเกล้าทำเป็นไม่สนใจเดินไปส่งมินจูที่รถ

                    “อะไรวะ หายเงียบกันไปสองคน แล้วก็ออกมาส่งกัน น่าสงสัยจริงๆ”กีรติเอ่ยออกมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวเดินกลับเข้ามา

                    รัตเกล้าไม่ตอบเดินไปเก็บจานข้าวใส่ถาดแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องครัว แต่คราวนี้กีรติไม่ยอมแพ้ตามเข้าไปทวงคำตอบจากเพื่อนรัก

                    “ที่แกไม่ตอบฉัน เพราะแกมีอะไรปิดบังฉันใช่มั้ย แกไม่เคยเป็นแบบนี้ตั้งแต่แกหายไปในคืนนั้น”ข้อสัญนิฐานของกีรติทำเอารัตเกล้าถึงกับสะดุ้งเฮือก กีรติหรี่ตามองกิริยาของเพื่อนสาวอย่างสงสัย

                    “แล้วหลังจากนั้น คุณมินจูก็มาหาแกตลอด”กีรติหยุดพูดลอบมองร่างหนาที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปอีกว่า “ฉันถามจริงๆเหอะ แกเสร็จคุณมินจูไปแล้วใช่มั้ย”

                    เคร้ง!รัตเกล้าถึงกับมือไม้อ่อนทำจานหลุดมือ กีรติถลาเข้าไปหาเพื่อนสาวทันที

                    “นั้นไง นึกแล้วไม่มีผิด แกปิดบังฉันเรื่องนี้นี่เอง”รัตเกล้าถึงกับหน้าถอดสี เมื่อความลับถูกเปิดเผย

                    “แกเสร็จคุณมินจูไปแล้วจริงๆด้วย โอมายก๊อด!....”

                    อันที่จริงต้องบอกว่า เค้าเสร็จฉันต่างหากรัตเกล้าพึมพำอยู่ในใจ ส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนสาว

                    “ตกลงพวกแกเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย”กีรติถาม

                    “เปล่า แค่กิ๊ก”รัตเกล้าตอบเสียงเรียบ

                    “กิ๊กหรอ เออ...ก็ดีเหมือนกัน แกจะได้ไม่ต้องเป็นอย่างเมื่อก่อนอีกไง”

                    พอเอ่ยถึงปมในใจขึ้นมา ใบหน้าของรัตเกล้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที กีรติรู้สึกตัวว่าได้เอ่ยในเรื่องที่ไม่สมควรเข้าเสียแล้ว

                    “อ๊ะ...เอ่อ แล้ววันนี้เค้ามาหาแกทำไมหรอ”กีรติรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

                    “เค้านัดฉันกินข้าวคืนนี้”รัตเกล้าตอบ

                    “ว้าว!เยี่ยมไปเลย จับเค้าให้อยู่ล่ะ เผื่อว่าแกอาจจะได้ดีก็ได้”

                    “ใครเค้าจะไปทำเหมือนแก อีบ้า ไปช่วยพี่เหม่ยลี่เก็บของดีกว่า”พูดจบเธอก็เดินกลับออกไปทิ้งให้เพื่อนสาวยืนหัวเราะอยู่ตามลำพัง

                   

                    รถยนต์คันงามมารอรับรัตเกล้าตรงตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้เป๊ะ หญิงสาวถูกสารถีคนเดิมพาไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ที่เธอเคยไปเดินเที่ยวกับกีรติเมื่อไม่นานมานี้เอง

                    “ทำไมพาฉันมาที่นี่ล่ะ”รัตเกล้าถามจิงสงอย่างสงสัย

                    “เป็นคำสั่งของนายหญิงครับ ผมจะนำทางคุณเข้าไปเอง”จิงสงเปิดประตูรับให้รัตเกล้า เธอทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมลงมาจากรถโดยดี

                    จิงสงนำทางรัตเกล้าเข้าไปในร้านบูติกหรูบนห้าง หญิงสาวไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรก็ถูกพนักงานร้านจับเข้าห้องลองชุดทันที รัตเกล้าถูกช่างผมช่างแต่งหน้ามะรุมมะตุ้มบรรจงสร้างโดยที่เจ้าตัวไม่มีทางได้หลบหลีกเลย ขณะที่ข้างในกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสีกรมท่าก็เดินเข้ามาพอดี

                    “เป็นยังไงบ้าง อาจิง”มินจูเอ่ยทักลูกน้องผู้เป็นเสมือนมือซ้าย

                    “คุณโรสกำลังแต่งตัวอยู่ครับนายหญิง”จิงสงรายงาน

                    “ฉันเห็นแล้ว ดูท่าทางข้างในจะสนุกกันใหญ่”

                    “เอ่อ...ผมได้ยินจากหัวหน้าเฉินว่า ผู้หญิงคนนี้เคยช่วยนายหญิงไว้”

                    “ใช่ เห็นอย่างนี้แต่มีฝีมือพอตัวเลยล่ะ”การสนทนาก็หยุดลงเมื่อพนักงานร้านออกมา

                    “นายหญิงค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญค่ะ”

                    รัตเกล้าในชุดราตรียาวสีเปลือกไข่แบบแขนตุ๊กตาค่อยๆก้าวออกมาจากห้องลองด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ผมหยิกยักโศกถูกปรับแต่งให้ยืดตรงแต่งปลายให้เป็นลอน ทำให้รัตเกล้าดูสวยเซ็กซี่ยิ่งขึ้น มินจูยืนตะลึงมองรัตเกล้านิ่ง ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มในโทนสีธรรมชาติจากช่างมืออาชีพ ทำให้เธอดูสวยเด่นมากขึ้น

                    “โห คุณคนนี้อย่างกับคนละคนกับเมื่อกี้เลยนะครับนายหญิง”จิงสงหันไปเอ่ยกับมินจู เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นนายหญิงยืนมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กระพริบ

                    “นี่ จะมองอีกนานมั้ย ฉันอายคนอื่นเค้า”รัตเกล้าบ่นออกมาอย่างขัดใจเพราะตอนนี้มีแต่คนมองเธอ จนรัตเกล้าตกอยู่ในอาการประหม่า มินจูมองใบหน้าหวานที่เวลาโกรธก็น่ารักไม่เบา

                    “อ้าว เสร็จแล้วหรอ แค่นี้ก็พอดูได้นะ ไปกันเถอะ”พูดจบมินจูก็คว้าแขนรัตเกล้าให้ออกเดินไปด้วยกัน

     

                    บนโต๊ะอาหารแบบสองที่นั่งในห้องอาหารอิตเลียน รัตเกล้านั่งตัวเกร็งมองจานอาหารตรงหน้าอย่างกระอึกกระอวนในใจ หลังจากที่ถูกมินจูบังคับพามานั่งในร้านหรูบนห้างแบบนี้ แล้วอาหารพวกนี้ถึงจะดูน่ากินแต่มันก็ราคาแพงน่าดูจนเธอแทบจะไม่อยากแตะต้อง

                    “เป็นอะไรทำไมไม่กินอะไรเลย”มินจูถาม

                    “กินแบบนี้มันจะอิ่มหรอ แล้วของพวกนี้ก็แพงมากด้วย ฉันกินไม่ลงหรอก”เธอว่า

                    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันจ่ายเองเธอจะกลัวอะไร”

                    ดวงตากลมโตของรัตเกล้ามองคนที่ไม่สนใจอะไรเลยอย่างขัดเคือง ก่อนที่จะต่อปากต่อคำไปอีกว่า

                    “ฉันรู้ว่าคุณจ่าย แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องลงทุนอะไรมากมายขนาดนี้เลย”

                    “ทำไม ฉันพาผู้หญิงมากินอาหารอิตาเลียนทีไร พวกเธอก็ชอบกันทั้งนั้น”

                    “นั้นมันพวกเธอไม่ใช่ฉัน อย่ามาเหมารวมว่าฉันเป็นเหมือนคนอื่นสิ เฮ้อ...ฉันเองก็มีเรื่องนึงที่อยากจะถามคุณ”รัตเกล้าเริ่มมีอาการเคร่งขรึมเหมือนกับทุกที ทำให้มินจูละสายตาจากอาหารตรงหน้าขึ้นมามองหน้าเธออย่างแปลกใจ 

                “ว่ามา”

                    “คนอย่างคุณ ฉันว่าคงจะมีสาวๆสวยๆมาให้เลือกควงเยอะแยะ แต่ทำไมคุณต้องให้ฉันมาเป็นคู่ควงคุณด้วย”คำถามนี้ทำให้มินจูฉุกคิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบ

                    “เพราะเธอ เป็นคนที่น่าสนใจ”

                    “ยังไง?”เธอขมวดคิ้วมองหน้า

                    “เธอมีวิชาติดตัวใช่มั้ยล่ะ วิชาของเธอน่าสนใจดี”

                    “คุณหมายถึง คมแฝก งั้นหรอ”มินจูพยักหน้าแทนคำตอบ

                    “วิชาคมแฝก เป็นเสมือนวิชามวยไทยโบราณของประเทศฉัน มันเป็นวิชาที่มีไว้ป้องกันตัว มันเป็นวิชาที่ไม่มีโรงเรียนที่ไหนสอนหรอก ฉันแค่ชอบเลยเรียนรู้เอาเอง แล้วที่วันนั้นที่ฉันช่วยคุณ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปได้ยังไง”รัตเกล้าเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

                    “เป็นไปได้ยังไง ที่เธอจะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฉันดูออกนะ ว่าทุกกระบวนท่าของเธอล้วนมีพลังทั้งนั้น เธอจะมาบอกว่าไม่รู้ตัวได้ยังไง”มินจูชะงักมือมองรัตเกล้าอย่างอึ้งๆ

                    ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้วิชาโบราณของประเทศตัวเองได้ โดยที่ฝึกและเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีพลังที่ได้รับจากการฝึกฝนนั้นด้วย

                    “คุณมินจู ฉันมีเรื่องอยากจะขอความเห็นจากคุณหน่อย”เธอเงียบไปสักครู่ ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “คุณคิดว่ากระบวนท่าคมแฝกของฉันมีพลังจริงๆหรอค่ะ”

                    “ถามได้ เธอซัดเจ้าพวกลูกจ๊อกซะกระจายขนาดนั้น เธอยังไม่มั่นใจอีกหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตัวฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เพราะชีวิตของฉันถูกกำหนดไว้ให้เป็นเสาหลักของตระกูล เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องเข้มแข็งและไม่แพ้ใคร”มินจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ

                    รัตเกล้ามองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมั่นใจก็รู้สึกตื่นเต้น ภายในใจของเธอตอนนี้เหมือนถูกเติมเชื้อไฟให้ลุกโชติช่วงอีกครั้ง และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้แล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×