คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : กิ๊กกันวันสุดท้าย
ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวใหญ่วิ่งออกมาจากรถแท็กซี่แทบจะถลาลงมาก็ว่าได้ ร่างนั้นตรงดิ่งไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี หนี่วาได้รับข่าวจากพนักงานโรงแรมคนสนิทถึงอาการบาดเจ็บของเจ้านายสาว หนี่วาจึงรีบขึ้นเครื่องจากเซี่ยงไฮ้มาทันที เธอแวะถามพนักงานหน้าเคาเตอร์ถึงอาการบาดเจ็บของมินจูก่อนที่จะดิ่งขึ้นลิฟท์สู่ชั้นพิเศษ ร่างบางเร่งฝีเท้าจนมาถึงหน้าประตูบานใหญ่ของห้องชุด แต่เนื่องจากเธอไม่มีคีย์การ์ดจึงต้องเคาะประตูเรียกคนข้างในแทน
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่นอนกอดร่างหนาที่หลับสนิทอยู่บนเตียงตื่นขึ้น มินจูเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาว่าหกโมงครึ่งแล้ว ใครกันนะช่างหาเรื่องตายมาเคาะประตูเรียกเธอแต่เช้าแบบนี้
“นายหญิงค่ะ นี่ดิฉันเองนะค่ะ เปิดประตูให้ดิฉันหน่อยค่ะ”เสียงที่ดังแววมาจากประตูหน้าห้องทำให้หญิงสาวต้องลุกออกจากเตียงอย่างขัดใจ
มินจูในชุดเสื้อคลุมตัวยาวเดินไปที่ประตูหน้าห้อง มองลอดที่ตาแมวเห็นว่าเป็นใครจึงเปิดประตูให้
“ได้ยินว่านายหญิงบาดเจ็บ ตรงไหนค่ะ ตายแล้ว”หนี่วาถลาเข้ามาแทบจะทันทีที่ประตูเปิดออก เธอกวาดสายตาไปทั่วร่างเพื่อหาร่องรอยของบาดแผล จนไปสะดุดเข้าที่แขนซ้ายที่มีผ้าพันแผลไว้แบบลวกๆ
“ฉันไม่เป็นไร พวกข้างล่างคงจะโทรไปบอกเธอสินะ ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
“อย่าไปโทษพวกเค้าเลยค่ะ เพราะว่าเป็นห่วงนายหญิงหรอก พวกเคาถึงได้ตามดิฉันมา เดี๋ยวดิฉันจะทำแผลให้นะค่ะ”หนี่วาเอ่ยพลางแก้ผ้าพันแผลที่หลุดหลุยออก แต่ร่างสูงกลับชักมือกลับ
“ไม่ต้องแล้ว มันแค่หลุดเฉยๆ พันกลับเข้าไปก็ใช้ได้แล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะ ที่เป็นห่วงฉัน”
“ก็มันเป็นหน้าที่ของดิฉันนี่ค่ะ”เธอมองร่างสูงที่ชักมือกลับอย่างผิดหวัง
มินจูเดินไปกดโทรศัพท์ภายในเรียกให้แม่บ้านขึ้นมา ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องนอน โดยมีสายตาของหนี่วาที่มองอยู่เงียบๆ มินจูเหลือบไปมองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก่อนที่จะผลุบหายไปในห้องน้ำและกลับออกมาพร้อมกับถุงซักรีดของทางโรงแรม ไม่นานนักแม่บ้านที่เรียกไปก็มาถึง
“เอาของในถุงนี่ไปทิ้ง แล้วไปหาชุดใหม่มาให้ฉัน”มินจูว่าพร้อมกับส่งธนบัตรให้
หนี่วาชะเง้อมองร่างสูงสั่งของกับแม่บ้านก่อนที่จะเอ่ยถาม
“เอาอะไรให้แม่บ้านไปทิ้งล่ะค่ะ นายหญิง”
“อ๋อ ก็แค่เสื้อผ้าขาดๆนะ ไม่มีอะไรหรอก เธอมาเหนื่อยๆจะเอาชาร้อนหน่อยมั้ย”
“เดี๋ยวดิฉันจัดการเองค่ะ นายหญิงจะรับด้วยมั้ยค่ะ”หนี่วาหันไปถามมินจู แต่ยังไม่ทันได้คำตอบจู่ๆประตูห้องนอนก็เปิดออก พร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งล้มกลิ้งออกมาในสภาพที่มีเพียงแค่ผ้าห่มพันกายแค่ผืนเดียว
“หัวเราะอะไร มิทราบย่ะ”
หนี่วาทั้งอึ้งและตกใจ ที่หญิงสาวแปลกหน้ากล้าพูดจาโอหังใส่ผู้เป็นนายอย่างไม่เกรงกลัว แต่มินจูกลับหัวเราะเสียงดัง ทำเอาเธอถึงกับอึ้งอีกรอบ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ นอกจากจะกล้าต่อปากต่อคำกับมินจูแล้ว ยังสามารถทำให้เสือยิ้มยากอย่างจางมินจูคนนี้หัวเราะได้เสียงดังขนาดนี้ แล้วที่สำคัญเธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีแขก งั้นฉันขอตัวก่อนนะค่ะ”รัตเกล้าหันไปมองหน้าหญิงสาวอีกคนอย่างสำนึกได้ถึงสภาพของตัวเองในตอนนี้
“ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก นี่คือหนี่วา พยาบาลส่วนตัวของฉันเอง อาวา นี่โรส ผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตฉันไว้ไง”พยาบาลสาวออกอาการอึ้งอีกครั้ง
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“ค่ะ...ยินดี”เธอหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้พยาบาลสาว ก่อนที่กลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“นายหญิงค่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ค่ะ”หนี่วาถามอย่างข้องใจ
“อ่อ ตอนนี้ฉันกับโรสเราเป็นกิ๊กกันแล้วล่ะ ต่อไปนี้เธอก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะ ถ้าจะเห็นเค้าอยู่ในห้องนอนของฉัน”คำตอบของมินจูทำให้หนี่วาถึงกับเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้ายขึ้นมาทันที
พยาบาลสาวหันไปมองร่างสูงที่เดินกลับไปนั่งที่หลังโต๊ะทำงาน ด้วยท่าทางสบายๆเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ในตอนบ่ายวันนั้นเองมินจูขับรถพารัตเกล้าไปส่งที่บ้านพัก รถแล่นมาจอดสนิทมาจอดอยู่ที่หน้าตึกอาคารพานิชสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารเล็กๆ ประตูเหล็กหน้าร้านปิดสนิทมีเพียงกระดาษขาวเอ4ที่เขียนข้อความฝากบอกลูกค้าว่าหยุดหนึ่งวัน
“เจียๆ เจียโวย ฉันกลับมาแล้ว”รัตเกล้าตะโกนเรียกเพื่อนสาวผ่านประตูเหล็ก ไม่นานคนข้างในก็เปิดประตูเหล็กบานใหญ่ม้วนขึ้น
ทันทีที่กีรติเห็นใบหน้าของรัตเกล้า เธอก็โผเข้ากอดพร้อมกับร่ำไห้
“ไอ้โรส แกนะแก รู้มั้ยฉันเป็นห่วงแกมากแค่ไหน”
“โอ๋ๆ เจีย หยุดร้องเถอะนะ ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง”รัตเกล้าตบบ่าเพื่อนสาวเพื่อปลอบ
“แกอย่ามาพูดดีเลยดีกว่า ถ้าฉันไม่ไปขอให้คุณมินจูช่วย ป่านนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าแกเป็นอะไรอยู่ที่ไหน หัดสำนึกเสียบ้างสิ ว่าแกเป็นใคร อย่ากระแดะทำเป็นเก่งรู้มั้ย”กีรติเน้นคำหลังเพื่อจิกกัดเพื่อนสาว
“โห แกก็ไม่เห็นจะต้องโวยวายดุฉันขนาดนี้เลย ฉันมีเหตุผลนะที่ต้องทำแบบนี้”
“เหตุผลอะไรของแกว่ะ”
รัตเกล้าอึดอัดใจที่จะตอบ แต่พอถูกสายตาคาดคั้นจากมินจูเธอถึงยอมเปิดปากพูด
“ก็...ถ้าฉันปฏิเสธการประลอง เถาไปไปคนนั้นจะทำร้ายแกนะ เจีย”รัตเกล้าปลายสายตาไปมองเพื่อนสาว ที่ยืนอ้าปากค้างเมื่อได้รู้ความจริง
“ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้”มินจูเสียงขุ่นส่งสายตาดุๆใส่ร่างหนา
“ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่ต้องบอกคุณนี่ และอีกอย่างคุณเองก็จัดการให้ฉันไปหมดแล้วนี่”รัตเกล้าลดเสียงลงในตอนท้าย
“งั้นต่อไปนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล เธอต้องมารายงานฉันให้รู้ทุกครั้ง เข้าใจมั้ย”ร่างสูงสั่งเสียงเฉียบส่งสายตาดุใส่
“เอ่อ...เข้าใจก็ได้ค่ะ”เธอรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนที่จะดันร่างของเพื่อนสาวให้เข้าไปในบ้านซึ่งเป็นโซนร้านอาหาร ร่างหนาชะงักฝีเท้าหันหลังกลับไปเท้าสะเอวใส่ร่างสูงที่เดินตามหลังมาติดๆ
“แล้วคุณจะเข้ามาทำไม หมดธุระของคุณแล้วก็กลับโรงแรมไปสิค่ะ คุณจางมินจู”
“พอฉันหมดประโยชน์ เธอก็ถีบหัวฉันส่งเลยหรือไง”มินจูว่าเหน็บ
รัตเกล้าอ้าปากกำลังจะเถียง แต่กีรติก็เข้ามาแทรกกลางห้ามทัพเสียก่อน
“ก็จริงอย่างที่คุณมินจูว่านั้นแหละ แกนี่ก็เหลือเกินนะ คุณมินจูเป็นผู้มีพระคุณกับแกนะโวย แกจะมาไล่เค้าแบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยพวกเราก็ต้องมีอะไรตอบแทนคุณมินจูบ้าง เอาเป็นว่าอยู่ทานข้าวด้วยกันนะค่ะ”กีรติหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนสาวก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มไปทางมินจู ที่ยืนเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ
“งั้น ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”
รัตเกล้าอยากจะเต้นเร้าๆที่เพื่อนสาวปฏิบัติกับร่างสูงยิ่งกว่าราชา โดยที่ไม่ยอมฟังคำพูดของเธอเลยสักนิด แต่ว่าจะให้เธอพูดออกไปได้อย่างไรล่ะ ว่าเธอได้ตอบแทนเค้าไปแล้ว แล้วตอบแทนไปอย่างไรนี่สิ เฮ้อ! ใครจะกล้าพูด
ร่างบางที่เอาแต่ชะเง้อมองไปที่ประตูทางเข้าของร้านอาหาร ทำให้ร่างใหญ่ที่นั่งกินอาหารอยู่เงียบๆเงยหน้าขึ้นไปมอง หนี่วาลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่ภรรยาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนที่จะจากไปด้วยโรคร้าย ดวงหน้านวลผ่องคิ้วคางก็ถอดแบบออกมาจากภรรยาผู้ล่วงลับทำให้เฉินลองทั้งห่วงและหวงลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก หนี่วานั่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะผลักจานอาหารตรงหน้าออก
“อ้าว อาวา อิ่มแล้วหรอลูก”
“หนูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะคุณพ่อ เอาไว้หนูทานพร้อมกับนายหญิงก็ได้ค่ะ”
“คืนนี้ นายหญิงคงไม่กลับมาหรอก ลูกกินเถอะ”เฉินลองว่าพลางเอาตะเกียบเนื้อเป็ดใส่จานของลูกสาว
“คุณพ่อค่ะ คุณพ่อรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นแล้วสินะค่ะ”
“อืม พ่อรู้นานแล้วล่ะ แต่ก็ไม่แปลกอะไรสำหรับนายหญิงนี่ ลูกก็น่าจะชินได้แล้วนะ โตมาพร้อมกับนายหญิงแท้ๆ”เฉินลองว่า
“แต่ลูกรู้สึกว่า ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมายังไงก็ไม่รู้สิค่ะ”
“คงจะเป็นเพราะนายหญิงชอบคนมีฝีมือล่ะมั้ง”หนี่วาขมวดคิ้วมุ่นมองบิดาอย่างไม่เข้าใจ เฉินลองเงยหน้าสบตากับลูกสาวก่อนที่จะเอ่ยต่อ
“คงจะเคยรู้มาบ้างแล้วสินะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเคยช่วยชีวิตนายหญิงไว้ นายหญิงก็แค่อยากตอบแทนที่เคยช่วยท่านไว้ แต่ไปๆมาๆกลายไปเป็นผู้หญิงของนายหญิงไปได้ยังไง อันนี้พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอเป็นคนมีฝีมือนายหญิงเลยพอใจ ก็อาจจะเป็นได้ ไม่เหมือนกับ...ยัยซูซาน ที่คิดไม่ซื่อ”
ดวงตาเล็กเรียวของลูกสาวเบิกกว้างก่อนที่จะถามอย่างสนใจ
“คุณพ่อหมายความว่ายังไงหรอค่ะ”
เฉินลองไม่ตอบ เอาแต่นั่งกินข้าวไปเงียบๆ ปล่อยให้ลูกสาวนั่งมองอย่างสงสัย
............................................................................
รัตเกล้ายืนมองร่างสูงที่มานอนเหยียดยาวบนเตียงเดี่ยวของเธออย่างขัดใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปนั่งกินข้าวให้เพื่อนสาวนั่งเอาใจตักนั้นตักนี่ให้ไม่ขาด แล้วตอนนี้ก็ยังจะมาหน้าด้านแย่งเตียงนอนของเธออีก เฮ้อ...ชีวิตนี้ช่างมีความยุติธรรมจริงๆ
“คุณกลับไปได้แล้ว คุณมินจู”เสียงไม่พอใจของหญิงสาว ทำให้ร่างบางที่นอนแผ่หลาเต็มเตียงปรายเสียงมอง
“คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่ เตรียมน้ำให้ฉันอาบด้วยล่ะ หรือว่าจะอาบด้วยกันเลยก็ได้นะ”
“จะบ้าหรอ คุณกลับไปอาบที่โรงแรมคุณสิ แล้วก็ลุกออกจากเตียงของฉันเดี๋ยวนี้นะ”รัตเกล้าตรงเข้าไปลากหญิงสาวให้พ้นจากเตียง แต่กลับเป็นฝ่ายถูกมินจูกระชากกลับ ร่างหนาจึงโผเข้าสู่อ้อมกอดของมินจู
“คุณมินจู ปล่อยนะ”รัตเกล้าประท้วง พร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากแขนเรียว
“นี่ อยู่เฉยๆก่อนได้มั้ย คืนนี้ขอฉันนอนที่นี่กับเธอนะ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องกลับไปเซี่ยงไฮ้แล้ว”ร่างหนาที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาหยุดชะงัก
“คุณจะกลับเซี่ยงไฮ้แล้วหรอค่ะ”
“อืม งานที่นี่สิ้นสุดแล้ว ฉันก็ต้องกลับไปเคลียร์งานที่สำนักงานใหญ่”
นั้นสินะ ถึงเวลาเค้าก็ต้องไป เรื่องระหว่างเราคงต้องยุติลง
“งั้นก็ได้ คุณนอนที่นี่ก็ได้ ส่วนฉันจะไปนอนห้องเจียก็แล้วกัน”รัตเกล้าพยายามยันกายให้ออกจากพันธนาการ แต่กลับถูกมินจูจับพลิกให้อยู่ใต้ร่างของเธอแทน
“ฉันจะนอนกับเธอ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”ดวงตาเล็กเรียวมองรัตเกล้าอย่างขัดเคือง
“คุณมินจู!”คำพูดที่เหมือนกำปั้นทุบดินของมินจู ทำเอารัตเกล้าถึงกับเถียงไม่ออก ใบหน้าเริ่มแดงซ่านเมื่อถูกสายตาคู่นี้จ้องมอง
ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาอีก เมื่อริมฝีปากบางกดขยี้ลงมา ร่างหนาออกอาการขืนตัวเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมให้ร่างสูงทำตามใจต้องการ
บรรยากาศการทำครัวในตอนเช้าดูคึกคัก มินจูตื่นขึ้นมาช่วยรัตเกล้าหั่นเนื้อหั่นผัก จนเหมยลี่กับกีรติแทบจะไม่ต้องช่วยอะไรเลย เพราะด้วยฝีมือการใช้มีดของมินจู ไม่ว่าเนื้อหมูจะหนาแค่ไหน จางมินจูก็สามารถหันให้เล็กบางสวยได้อย่างรวดเร็ว การปรุงอาหารเลยไม่ยุ่งยากอีกต่อไปเมื่อส่วนประกอบถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว
“สมแล้วที่เป็นคุณมินจู หั่นผักหั่นเนื้อเสร็จเร็ว อะไรๆมันก็เลยเสร็จไว ถ้ามีคุณมินจูมาช่วยแบบนี้ทุกวันล่ะก็ แจ่มเลย”กีรติเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังยกถาดอาหารไปไว้หน้าร้าน
“แกก็ได้สบายละสิ ใช่มั้ย”รัตเกล้าจิกกัดจนกีรติต้องหันไปแลบลิ้นใส่
“ฉันหมายถึงจะได้กำไรมากขึ้นต่างหากล่ะ”
“เอาเท่าที่มีอยู่กับพอแล้ว รู้จักมั้ย เศรษฐกิจพอเพียงน่ะ ไปๆออกไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
รัตเกล้ากลับเข้าห้องนอนอีกครั้งก็พบกับร่างสูงที่กำลังนั่งทอดสายตามองไปที่นอกหน้าต่าง รัตเกล้าแสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจเดินไปค้นตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาวางไว้บนเตียง
“ห้องน้ำว่างแล้วค่ะ คุณไปอาบน้ำแล้ว”เธอว่าขณะที่กำลังหวีผมอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีกระจกแบบตั้งได้พร้อมกับกล่องเครื่องสำอาง
มินจูหันไปมองร่างหนาที่นุงเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว แผ่นหลังสีแทนมีร่องรอยที่เธอจงใจทำไว้เมื่อคืนปรากฏให้ได้เด่นชัด ร่างบางร่างบางเหยียดกายเต็มความสูงเดินเข้ามากอดร่างหนาจากข้างหลังพร้อมกับพรมจูบที่ซอกคอ
“คุณมินจู! หยุดนะ”เธอร้องห้ามเสียงหลง แต่มินจูก็ไม่ยอมปล่อยร่างหนาเลยเสียทีเดียว
“ปล่อยเถอะค่ะ คุณมินจู รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสายมากไปกว่านี้”เธอเอ่ยกับมินจูที่กอดรัดร่างเธอไว้ไม่ยอมปล่อย หัวใจเธอรู้สึกโหว่งๆอย่างประหลาดเมื่อรู้ว่าเค้าจะจากไป
รัตเกล้าออกมาส่งมินจูขึ้นรถหลังจากที่หญิงสาวยังคงปักหลักอยู่ที่นี่จนหมดเวลาพักกลางวัน เธอยืนมองรถยนต์คันงามที่มินจูเป็นเจ้าของแล่นออกไปช้าๆ ในใจก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆนานาที่พวกเธอทั้งสองได้ทำร่วมกัน ต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ถึงมินจูจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่เธอก็รู้ว่าท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมินจูนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ร่างหนาเดินกลับเข้าร้านแต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างหนึ่งเดินออกมาจากมุมถนน
ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทยาวจนเลยเข่าเดินมาหารัตเกล้า พร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ และเอ่ยกับเธอ
“คุณโรส ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณค่ะ”
ความคิดเห็น