ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #15 : กิ๊กกันวันสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.06K
      16
      14 ก.พ. 53

    ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวใหญ่วิ่งออกมาจากรถแท็กซี่แทบจะถลาลงมาก็ว่าได้ ร่างนั้นตรงดิ่งไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมอย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี หนี่วาได้รับข่าวจากพนักงานโรงแรมคนสนิทถึงอาการบาดเจ็บของเจ้านายสาว หนี่วาจึงรีบขึ้นเครื่องจากเซี่ยงไฮ้มาทันที เธอแวะถามพนักงานหน้าเคาเตอร์ถึงอาการบาดเจ็บของมินจูก่อนที่จะดิ่งขึ้นลิฟท์สู่ชั้นพิเศษ ร่างบางเร่งฝีเท้าจนมาถึงหน้าประตูบานใหญ่ของห้องชุด แต่เนื่องจากเธอไม่มีคีย์การ์ดจึงต้องเคาะประตูเรียกคนข้างในแทน

    เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางที่นอนกอดร่างหนาที่หลับสนิทอยู่บนเตียงตื่นขึ้น มินจูเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาว่าหกโมงครึ่งแล้ว ใครกันนะช่างหาเรื่องตายมาเคาะประตูเรียกเธอแต่เช้าแบบนี้

    “นายหญิงค่ะ นี่ดิฉันเองนะค่ะ เปิดประตูให้ดิฉันหน่อยค่ะ”เสียงที่ดังแววมาจากประตูหน้าห้องทำให้หญิงสาวต้องลุกออกจากเตียงอย่างขัดใจ

    มินจูในชุดเสื้อคลุมตัวยาวเดินไปที่ประตูหน้าห้อง มองลอดที่ตาแมวเห็นว่าเป็นใครจึงเปิดประตูให้

    “ได้ยินว่านายหญิงบาดเจ็บ ตรงไหนค่ะ ตายแล้ว”หนี่วาถลาเข้ามาแทบจะทันทีที่ประตูเปิดออก เธอกวาดสายตาไปทั่วร่างเพื่อหาร่องรอยของบาดแผล จนไปสะดุดเข้าที่แขนซ้ายที่มีผ้าพันแผลไว้แบบลวกๆ

    “ฉันไม่เป็นไร พวกข้างล่างคงจะโทรไปบอกเธอสินะ ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ”

    “อย่าไปโทษพวกเค้าเลยค่ะ เพราะว่าเป็นห่วงนายหญิงหรอก พวกเคาถึงได้ตามดิฉันมา เดี๋ยวดิฉันจะทำแผลให้นะค่ะ”หนี่วาเอ่ยพลางแก้ผ้าพันแผลที่หลุดหลุยออก แต่ร่างสูงกลับชักมือกลับ

    “ไม่ต้องแล้ว มันแค่หลุดเฉยๆ พันกลับเข้าไปก็ใช้ได้แล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะ ที่เป็นห่วงฉัน”

    “ก็มันเป็นหน้าที่ของดิฉันนี่ค่ะ”เธอมองร่างสูงที่ชักมือกลับอย่างผิดหวัง

    มินจูเดินไปกดโทรศัพท์ภายในเรียกให้แม่บ้านขึ้นมา ก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องนอน โดยมีสายตาของหนี่วาที่มองอยู่เงียบๆ มินจูเหลือบไปมองร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก่อนที่จะผลุบหายไปในห้องน้ำและกลับออกมาพร้อมกับถุงซักรีดของทางโรงแรม ไม่นานนักแม่บ้านที่เรียกไปก็มาถึง

    “เอาของในถุงนี่ไปทิ้ง แล้วไปหาชุดใหม่มาให้ฉัน”มินจูว่าพร้อมกับส่งธนบัตรให้

    หนี่วาชะเง้อมองร่างสูงสั่งของกับแม่บ้านก่อนที่จะเอ่ยถาม

    “เอาอะไรให้แม่บ้านไปทิ้งล่ะค่ะ นายหญิง”

    “อ๋อ ก็แค่เสื้อผ้าขาดๆนะ ไม่มีอะไรหรอก เธอมาเหนื่อยๆจะเอาชาร้อนหน่อยมั้ย”

    “เดี๋ยวดิฉันจัดการเองค่ะ นายหญิงจะรับด้วยมั้ยค่ะ”หนี่วาหันไปถามมินจู แต่ยังไม่ทันได้คำตอบจู่ๆประตูห้องนอนก็เปิดออก พร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งล้มกลิ้งออกมาในสภาพที่มีเพียงแค่ผ้าห่มพันกายแค่ผืนเดียว

    “หัวเราะอะไร มิทราบย่ะ”

    หนี่วาทั้งอึ้งและตกใจ ที่หญิงสาวแปลกหน้ากล้าพูดจาโอหังใส่ผู้เป็นนายอย่างไม่เกรงกลัว แต่มินจูกลับหัวเราะเสียงดัง ทำเอาเธอถึงกับอึ้งอีกรอบ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ นอกจากจะกล้าต่อปากต่อคำกับมินจูแล้ว ยังสามารถทำให้เสือยิ้มยากอย่างจางมินจูคนนี้หัวเราะได้เสียงดังขนาดนี้ แล้วที่สำคัญเธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร

    “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีแขก งั้นฉันขอตัวก่อนนะค่ะ”รัตเกล้าหันไปมองหน้าหญิงสาวอีกคนอย่างสำนึกได้ถึงสภาพของตัวเองในตอนนี้

    “ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก นี่คือหนี่วา พยาบาลส่วนตัวของฉันเอง อาวา นี่โรส ผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตฉันไว้ไง”พยาบาลสาวออกอาการอึ้งอีกครั้ง

    “เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

    “ค่ะ...ยินดี”เธอหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้พยาบาลสาว ก่อนที่กลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

    “นายหญิงค่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ค่ะ”หนี่วาถามอย่างข้องใจ

    “อ่อ ตอนนี้ฉันกับโรสเราเป็นกิ๊กกันแล้วล่ะ ต่อไปนี้เธอก็ไม่ต้องแปลกใจหรอกนะ ถ้าจะเห็นเค้าอยู่ในห้องนอนของฉัน”คำตอบของมินจูทำให้หนี่วาถึงกับเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้ายขึ้นมาทันที

    พยาบาลสาวหันไปมองร่างสูงที่เดินกลับไปนั่งที่หลังโต๊ะทำงาน ด้วยท่าทางสบายๆเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

     

    ในตอนบ่ายวันนั้นเองมินจูขับรถพารัตเกล้าไปส่งที่บ้านพัก รถแล่นมาจอดสนิทมาจอดอยู่ที่หน้าตึกอาคารพานิชสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารเล็กๆ ประตูเหล็กหน้าร้านปิดสนิทมีเพียงกระดาษขาวเอ4ที่เขียนข้อความฝากบอกลูกค้าว่าหยุดหนึ่งวัน

    “เจียๆ เจียโวย ฉันกลับมาแล้ว”รัตเกล้าตะโกนเรียกเพื่อนสาวผ่านประตูเหล็ก ไม่นานคนข้างในก็เปิดประตูเหล็กบานใหญ่ม้วนขึ้น

    ทันทีที่กีรติเห็นใบหน้าของรัตเกล้า เธอก็โผเข้ากอดพร้อมกับร่ำไห้

    “ไอ้โรส แกนะแก รู้มั้ยฉันเป็นห่วงแกมากแค่ไหน”

    “โอ๋ๆ เจีย หยุดร้องเถอะนะ ฉันก็กลับมาแล้วนี่ไง”รัตเกล้าตบบ่าเพื่อนสาวเพื่อปลอบ

    “แกอย่ามาพูดดีเลยดีกว่า ถ้าฉันไม่ไปขอให้คุณมินจูช่วย ป่านนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าแกเป็นอะไรอยู่ที่ไหน หัดสำนึกเสียบ้างสิ ว่าแกเป็นใคร อย่ากระแดะทำเป็นเก่งรู้มั้ย”กีรติเน้นคำหลังเพื่อจิกกัดเพื่อนสาว

    “โห แกก็ไม่เห็นจะต้องโวยวายดุฉันขนาดนี้เลย ฉันมีเหตุผลนะที่ต้องทำแบบนี้”

    “เหตุผลอะไรของแกว่ะ”

    รัตเกล้าอึดอัดใจที่จะตอบ แต่พอถูกสายตาคาดคั้นจากมินจูเธอถึงยอมเปิดปากพูด

    “ก็...ถ้าฉันปฏิเสธการประลอง เถาไปไปคนนั้นจะทำร้ายแกนะ เจีย”รัตเกล้าปลายสายตาไปมองเพื่อนสาว ที่ยืนอ้าปากค้างเมื่อได้รู้ความจริง

    “ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้”มินจูเสียงขุ่นส่งสายตาดุๆใส่ร่างหนา

    “ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่ต้องบอกคุณนี่ และอีกอย่างคุณเองก็จัดการให้ฉันไปหมดแล้วนี่”รัตเกล้าลดเสียงลงในตอนท้าย

    “งั้นต่อไปนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล เธอต้องมารายงานฉันให้รู้ทุกครั้ง เข้าใจมั้ย”ร่างสูงสั่งเสียงเฉียบส่งสายตาดุใส่

    “เอ่อ...เข้าใจก็ได้ค่ะ”เธอรับคำอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนที่จะดันร่างของเพื่อนสาวให้เข้าไปในบ้านซึ่งเป็นโซนร้านอาหาร ร่างหนาชะงักฝีเท้าหันหลังกลับไปเท้าสะเอวใส่ร่างสูงที่เดินตามหลังมาติดๆ

    “แล้วคุณจะเข้ามาทำไม หมดธุระของคุณแล้วก็กลับโรงแรมไปสิค่ะ คุณจางมินจู”

    “พอฉันหมดประโยชน์ เธอก็ถีบหัวฉันส่งเลยหรือไง”มินจูว่าเหน็บ

    รัตเกล้าอ้าปากกำลังจะเถียง แต่กีรติก็เข้ามาแทรกกลางห้ามทัพเสียก่อน

    “ก็จริงอย่างที่คุณมินจูว่านั้นแหละ แกนี่ก็เหลือเกินนะ คุณมินจูเป็นผู้มีพระคุณกับแกนะโวย แกจะมาไล่เค้าแบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยพวกเราก็ต้องมีอะไรตอบแทนคุณมินจูบ้าง เอาเป็นว่าอยู่ทานข้าวด้วยกันนะค่ะ”กีรติหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เพื่อนสาวก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มไปทางมินจู ที่ยืนเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ

    “งั้น ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”

    รัตเกล้าอยากจะเต้นเร้าๆที่เพื่อนสาวปฏิบัติกับร่างสูงยิ่งกว่าราชา โดยที่ไม่ยอมฟังคำพูดของเธอเลยสักนิด แต่ว่าจะให้เธอพูดออกไปได้อย่างไรล่ะ ว่าเธอได้ตอบแทนเค้าไปแล้ว แล้วตอบแทนไปอย่างไรนี่สิ เฮ้อ! ใครจะกล้าพูด

     

    ร่างบางที่เอาแต่ชะเง้อมองไปที่ประตูทางเข้าของร้านอาหาร ทำให้ร่างใหญ่ที่นั่งกินอาหารอยู่เงียบๆเงยหน้าขึ้นไปมอง หนี่วาลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่ภรรยาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนที่จะจากไปด้วยโรคร้าย ดวงหน้านวลผ่องคิ้วคางก็ถอดแบบออกมาจากภรรยาผู้ล่วงลับทำให้เฉินลองทั้งห่วงและหวงลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก หนี่วานั่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะผลักจานอาหารตรงหน้าออก

    “อ้าว อาวา อิ่มแล้วหรอลูก”

    “หนูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะคุณพ่อ เอาไว้หนูทานพร้อมกับนายหญิงก็ได้ค่ะ”

    “คืนนี้ นายหญิงคงไม่กลับมาหรอก ลูกกินเถอะ”เฉินลองว่าพลางเอาตะเกียบเนื้อเป็ดใส่จานของลูกสาว

    “คุณพ่อค่ะ คุณพ่อรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นแล้วสินะค่ะ”

    “อืม พ่อรู้นานแล้วล่ะ แต่ก็ไม่แปลกอะไรสำหรับนายหญิงนี่ ลูกก็น่าจะชินได้แล้วนะ โตมาพร้อมกับนายหญิงแท้ๆ”เฉินลองว่า

    “แต่ลูกรู้สึกว่า ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมายังไงก็ไม่รู้สิค่ะ”

    “คงจะเป็นเพราะนายหญิงชอบคนมีฝีมือล่ะมั้ง”หนี่วาขมวดคิ้วมุ่นมองบิดาอย่างไม่เข้าใจ เฉินลองเงยหน้าสบตากับลูกสาวก่อนที่จะเอ่ยต่อ

    “คงจะเคยรู้มาบ้างแล้วสินะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเคยช่วยชีวิตนายหญิงไว้ นายหญิงก็แค่อยากตอบแทนที่เคยช่วยท่านไว้ แต่ไปๆมาๆกลายไปเป็นผู้หญิงของนายหญิงไปได้ยังไง อันนี้พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอเป็นคนมีฝีมือนายหญิงเลยพอใจ ก็อาจจะเป็นได้ ไม่เหมือนกับ...ยัยซูซาน ที่คิดไม่ซื่อ”

    ดวงตาเล็กเรียวของลูกสาวเบิกกว้างก่อนที่จะถามอย่างสนใจ

    “คุณพ่อหมายความว่ายังไงหรอค่ะ”

    เฉินลองไม่ตอบ เอาแต่นั่งกินข้าวไปเงียบๆ ปล่อยให้ลูกสาวนั่งมองอย่างสงสัย

                                    ............................................................................

    รัตเกล้ายืนมองร่างสูงที่มานอนเหยียดยาวบนเตียงเดี่ยวของเธออย่างขัดใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปนั่งกินข้าวให้เพื่อนสาวนั่งเอาใจตักนั้นตักนี่ให้ไม่ขาด แล้วตอนนี้ก็ยังจะมาหน้าด้านแย่งเตียงนอนของเธออีก เฮ้อ...ชีวิตนี้ช่างมีความยุติธรรมจริงๆ

    “คุณกลับไปได้แล้ว คุณมินจู”เสียงไม่พอใจของหญิงสาว ทำให้ร่างบางที่นอนแผ่หลาเต็มเตียงปรายเสียงมอง

    “คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่ เตรียมน้ำให้ฉันอาบด้วยล่ะ หรือว่าจะอาบด้วยกันเลยก็ได้นะ”

    “จะบ้าหรอ คุณกลับไปอาบที่โรงแรมคุณสิ แล้วก็ลุกออกจากเตียงของฉันเดี๋ยวนี้นะ”รัตเกล้าตรงเข้าไปลากหญิงสาวให้พ้นจากเตียง แต่กลับเป็นฝ่ายถูกมินจูกระชากกลับ ร่างหนาจึงโผเข้าสู่อ้อมกอดของมินจู

    “คุณมินจู ปล่อยนะ”รัตเกล้าประท้วง พร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากแขนเรียว

    “นี่ อยู่เฉยๆก่อนได้มั้ย คืนนี้ขอฉันนอนที่นี่กับเธอนะ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องกลับไปเซี่ยงไฮ้แล้ว”ร่างหนาที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาหยุดชะงัก

    “คุณจะกลับเซี่ยงไฮ้แล้วหรอค่ะ”

    “อืม งานที่นี่สิ้นสุดแล้ว ฉันก็ต้องกลับไปเคลียร์งานที่สำนักงานใหญ่”

    นั้นสินะ ถึงเวลาเค้าก็ต้องไป เรื่องระหว่างเราคงต้องยุติลง

    “งั้นก็ได้ คุณนอนที่นี่ก็ได้ ส่วนฉันจะไปนอนห้องเจียก็แล้วกัน”รัตเกล้าพยายามยันกายให้ออกจากพันธนาการ แต่กลับถูกมินจูจับพลิกให้อยู่ใต้ร่างของเธอแทน

    “ฉันจะนอนกับเธอ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”ดวงตาเล็กเรียวมองรัตเกล้าอย่างขัดเคือง

    “คุณมินจู!”คำพูดที่เหมือนกำปั้นทุบดินของมินจู ทำเอารัตเกล้าถึงกับเถียงไม่ออก ใบหน้าเริ่มแดงซ่านเมื่อถูกสายตาคู่นี้จ้องมอง

    ไม่มีคำพูดใดๆเอื้อนเอ่ยออกมาอีก เมื่อริมฝีปากบางกดขยี้ลงมา ร่างหนาออกอาการขืนตัวเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมให้ร่างสูงทำตามใจต้องการ

     

    บรรยากาศการทำครัวในตอนเช้าดูคึกคัก มินจูตื่นขึ้นมาช่วยรัตเกล้าหั่นเนื้อหั่นผัก จนเหมยลี่กับกีรติแทบจะไม่ต้องช่วยอะไรเลย เพราะด้วยฝีมือการใช้มีดของมินจู ไม่ว่าเนื้อหมูจะหนาแค่ไหน จางมินจูก็สามารถหันให้เล็กบางสวยได้อย่างรวดเร็ว การปรุงอาหารเลยไม่ยุ่งยากอีกต่อไปเมื่อส่วนประกอบถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “สมแล้วที่เป็นคุณมินจู หั่นผักหั่นเนื้อเสร็จเร็ว อะไรๆมันก็เลยเสร็จไว ถ้ามีคุณมินจูมาช่วยแบบนี้ทุกวันล่ะก็ แจ่มเลย”กีรติเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังยกถาดอาหารไปไว้หน้าร้าน

    “แกก็ได้สบายละสิ ใช่มั้ย”รัตเกล้าจิกกัดจนกีรติต้องหันไปแลบลิ้นใส่

    “ฉันหมายถึงจะได้กำไรมากขึ้นต่างหากล่ะ”

    “เอาเท่าที่มีอยู่กับพอแล้ว รู้จักมั้ย เศรษฐกิจพอเพียงน่ะ ไปๆออกไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”

     

    รัตเกล้ากลับเข้าห้องนอนอีกครั้งก็พบกับร่างสูงที่กำลังนั่งทอดสายตามองไปที่นอกหน้าต่าง รัตเกล้าแสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจเดินไปค้นตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาวางไว้บนเตียง

    “ห้องน้ำว่างแล้วค่ะ คุณไปอาบน้ำแล้ว”เธอว่าขณะที่กำลังหวีผมอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีกระจกแบบตั้งได้พร้อมกับกล่องเครื่องสำอาง

    มินจูหันไปมองร่างหนาที่นุงเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว แผ่นหลังสีแทนมีร่องรอยที่เธอจงใจทำไว้เมื่อคืนปรากฏให้ได้เด่นชัด ร่างบางร่างบางเหยียดกายเต็มความสูงเดินเข้ามากอดร่างหนาจากข้างหลังพร้อมกับพรมจูบที่ซอกคอ

    “คุณมินจู! หยุดนะ”เธอร้องห้ามเสียงหลง แต่มินจูก็ไม่ยอมปล่อยร่างหนาเลยเสียทีเดียว

    “ปล่อยเถอะค่ะ คุณมินจู รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสายมากไปกว่านี้”เธอเอ่ยกับมินจูที่กอดรัดร่างเธอไว้ไม่ยอมปล่อย หัวใจเธอรู้สึกโหว่งๆอย่างประหลาดเมื่อรู้ว่าเค้าจะจากไป

     

    รัตเกล้าออกมาส่งมินจูขึ้นรถหลังจากที่หญิงสาวยังคงปักหลักอยู่ที่นี่จนหมดเวลาพักกลางวัน เธอยืนมองรถยนต์คันงามที่มินจูเป็นเจ้าของแล่นออกไปช้าๆ ในใจก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆนานาที่พวกเธอทั้งสองได้ทำร่วมกัน ต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ถึงมินจูจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่เธอก็รู้ว่าท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมินจูนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ร่างหนาเดินกลับเข้าร้านแต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างหนึ่งเดินออกมาจากมุมถนน

    ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทยาวจนเลยเข่าเดินมาหารัตเกล้า พร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ และเอ่ยกับเธอ

    “คุณโรส ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณค่ะ”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×