ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #19 : เสียงเพรียกหาของมังกร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.07K
      21
      2 มี.ค. 53

    เหตุการณ์ตะลุมบอนข้างในห้องวีไอพีของซูก้าส์คลับ ยุติลงเมื่อเฉินลองที่มาพร้อมกับกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณชายสกุลหยู่และลูกน้องถูกจับในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง หนุ่มใหญ่สกุลหยู่ยังไม่ยอมจำนนง่ายๆตะโกนป่าวประกาศไปทั่วว่า จางมินจูเป็นแม่ค้าขายยาเสพติด

    “เรื่องนี้ผมจะทำการสอบสวนด้วยตัวเองครับนายหญิง”สารวัตรหวังเจียงหนานซึ่งเป้นพี่น้องร่วมสาบานของเฉินลอง เอ่ยคำมั่นให้กับมินจู

    “ขอบใจ แต่เรื่องที่ฉันห่วงจริงๆ คือนางงูพิษที่หนีไปได้ต่างหาก มันน่าเจ็บใจนัก”มินจูเอ่ยเสียงลอดไร้ฟันอย่างแค้นเคือง

    “นายหญิงครับ ดูนี่สิครับ”เสียงของเฉินลองทำให้เธอสนใจหันไปมอง

    หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มถือเข็มมรณะที่ห่อด้วยผ้าเช็คหน้าของเขาเอง ส่งให้มินจูลองพิจารณา ใบหน้านวลถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน

    “เข็มทุกเล่มที่เก็บมาได้ ถูกอาบด้วยยาพิษ ยัยซูซานต้องเป็นลูกศิษย์ของเฒ่ายากงจิ้นฉายาอสรพิษดำแน่ๆ เพราะพิษที่ติดอยู่ที่ปลายเข็มคือพิษของงูเห่าที่ร้ายแรงที่สุด”เฉินลองอธิบาย

    “ถ้าฉันหลบไม่ทันละก็....แล้วพวกที่เหลือล่ะ”

    เฉินลองส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ยังไม่ทันถึงโรงพยาบาล ก็สื้นใจหมดทุกคนครับ”

    “บัดซบ!มินจูสถบออกมาอย่างหัวเสีย รู้สึกเสียใจและเจ็บแค้นต่อการจากไปของลูกน้องทุกคน

     

    ภายในห้องน้ำหรู เสียงหัวเราะต่อกระซิกของสาวๆ ที่กำลังลอยคอเล่นในอยู่ในอ่างจากุซซี่ สร้างความคึกคักให้กับจ้าวสื่อเป็นอย่างมาก สองแขนใหญ่โอบรัดร่างบางที่นุ่งชุดบิกินีอย่างมีความสุข สาวๆกำลังป้อนเบียร์พร้อมกับแกล้มให้ชายหนุ่มนักรักที่นั่งแช่อยู่ในอ่างจากุซซี่พร้อมกับพวกเธอ

    “นายท่านครับ คุณซูซานมาครับ”ต้าอี้เดินเข้ามารายงาน พร้อมกับนำร่างบางที่ยืนหลบอยู่หลังฉากกั้นเข้ามาด้วย

    “ว่าไงจ้ะ ดาร์ลิง ทำไมวันนี้มาหาผมไวจัง”จ้าวสื่อจัดการไล่สาวๆบิกินี่ออกไปก่อน เมื่อเห็นซูซานเดินเข้ามา

    ใบหน้าที่แต้มไว้อย่างสวยงามเดินแสยะยิ้มเข้ามานั่งบนขอบอ่างจากุซซี่ จ้าวสื่อคิดว่าเจ้าหล่อนออกอาการงอนจึงขยับเข้ามาหาหวังเอาใจ

    “ผมคิดถึงคุณจังที่รัก คุณคิดถึงผมล่ะสิ ถึงมาหาผมแบบนี้”

    “ดูคุณมีความสุขจริงนะค่ะ สุขมากจนยังไม่รู้เลยละสิ ว่าความทุกข์กำลังมาเยือน”ซูซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

    “คุณหมายความว่ายังไงที่รัก”

    “ก็หมายความว่า ตอนนี้นายหญิงจางมินจู รู้ตัวแล้วล่ะสิ ว่าฉันเป็นหนอนบ่อนไส้”

    “ว่ายังไงนะ มันรู้ได้ยังไง”จ้าวสื่อมองหน้าเธอพร้อมกับเอ่ยถามอย่างขัดเคือง

    “คนอย่างจางมินจูประหม่าไม่ได้เลย วันนี้ฉันเกือบหนีออกมาไม่ทัน ดีที่ฉันพกเข็มมรณะติดตัวไว้ ไม่งั้นฉันก็คงไม่ได้กลับมาหาคุณแบบนี้หรอก”

    “บ้าจริง! ในเมื่อมันรู้ตัวแล้วแบบนี้ จะหาทางเล่นงานมันอีกก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะสิ ไหนจะค่าของที่เสียไปอีก”เขาตีอกชกลมอย่างหัวเสีย แต่ซูซานกลับนิ่งเงียบก่อนที่เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก

    “มันก็ไม่แน่เสียทีเดียวหรอก บางที่คราวนี้อาจจะทำให้ถึงตัวมันได้ง่ายกว่าเดิมแน่ๆ”

    “มีวิธีเจ๋งๆแบบนั้นด้วยหรอที่รัก”จ้าวสื่อหันไปถามอย่างสนใจ

    “มีสิ รับรองได้เลย ว่าคุณจะได้ทั้งเงินค่าของที่คุณเสียไปคืนแน่ๆ แถมยังได้ความสนุกสะใจกลับมาอีกด้วย ฮ่าๆ”เจ้าสื่อมองหน้าคู่ขาคนสนิทหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมั่นใจเต็มร้อย เขาจึงนึกสนุกไปกับเธอด้วย กับแผนการครั้งใหม่ที่ซูซานวาดไว้ในครั้งนี้

                                    ............................................................................

    ที่ม้านั่งริมทะเลซึ่งอยู่ในบริเวณรั่วของมหาวิทยาลัยประจำท้องถิ่น ร่างอวบนั่งทอดสายตาออกไปยังท้องทะเลที่กว้างใหญ่ บรรยากาศยามเย็นซึ่งเหมาะแก่การชมวิวจริงๆ รัตเกล้าชอบใช้เวลาว่างในตอนเย็นมานั่งกินบรรยากาศของที่นี่เพียงลำพังทุกวัน แต่จริงๆแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้อยู่คนเดียวสักเท่าไหร่หรอก นักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากประเทศไทย แถมยังเป็นลูกค้าขาประจำที่ร้านอีกด้วย เด็กรุ่นน้องเห้นรัตเกล้าเมื่อไหร่ทุกคนก็มักจะแวะเวียนเข้ามาพูดคุยอยู่กับเธอเสมอตามประสาคนบ้านเดียวกัน ตั้งแต่จางมินจูจากไปในวันนั้น รัตเกล้าก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนเดิม มันก็ดีอยู่หรอกที่ได้กลับมาใช้ชีวิตธรรมดาแต่ก็รู้สึกเหงาขาดรสชาติและสีสันของชีวิต

    “พี่โรสค่ะ คอยปูนานมั้ย”เสียงของนักศึกษาสาวรุ่นน้องคนสนิทดังมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงม้านั่งที่รัตเกล้านั่ง

    รัตเกล้าหันไปมองน้องปูผู้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งชมวิวตอนเย็นในรั่วมหาวิทยาลัยทุกวัน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังจากที่จางมินจูกลับไปได้ไม่นาน สาวรุ่นน้องก็มานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจที่ร้าน เพราะดันไปจับฉลากกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆว่าต้องแสดงโชว์ในคืนวันคริสมาส แล้วยัยกีรติตัวดีก็ดันไปหลุดปากบอกน้องปูไปว่าตอนสมัยเรียนรัตเกล้าเป็นนักกิจกรรมตัวยง น้องปูจึงขอร้องให้เธอช่วยสอนการเต้นให้ รัตเกล้าจึงต้องผันตัวเองมาเป็นครูสอนเต้นจำเป็น

    “วันนี้ปูจองห้องสตูดิโอได้แล้วนะค่ะ”

    “อืม...งั้นก็ดี วันนี้พี่จะให้พวกเราเต้นพร้อมกันทั้งหมดเลย”เธอว่าพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องปู ก่อนที่จะเดินตามสาวรุ่นน้องเข้าสู่ตัวอาคารเรียน

     

    รัตเกล้ากลับเข้าบ้านก็เกือบสองทุ่ม เธอเห็นเพื่อนสาวนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับการคิดเลขในสมุดบัญชี เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นกีรติทำหน้ามุ่ยแบบนี้ เพราะกิจการที่ร้านจัดว่าขายดีของหมดเกือบทุกวัน ได้กำไรงามจนไม่น่าจะมีความว่าขาดทุน

    “เป็นอะไรไปเจีย บัญชีมีปัญหาอะไรหรอ”รัตเกล้าเดินไปลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับกีรติ

    “บัญชีไม่มีปัญหาหรอก แต่อย่างอื่นสิ มีปัญหา”เพื่อนสาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้ารัตเกล้าที่กำลังขมวดคิ้วมองเป็นเชิงถาม

    “ก็พี่เหมยลี่นะสิ กู้เงินจากฉันไปเกือบแสนแล้ว แต่ก็ยังไม่พอมาขอกู้เพิ่มอีก ฉันก็เลยต้องมานั่งคิดนี่ไง ว่าจะเอาจากไปนให้พี่เค้าดี”

    “แล้วเงินของแกที่เก็บไว้ล่ะ”

    “เงินส่วนนั้นฉันจะเอาไว้ปรับปรุงร้าน ถ้าให้ไปอีกก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน พี่เค้าจะทำงานใช้หนี้ฉันหมด ส่วนเงินของแกพี่เค้าไม่กล้ายืมหรอก เค้ารู้ว่าแกเอาเงินส่งให้ที่บ้านใช้ทุกเดือน ที่แกมีอยู่กับแค่พอใช้นิดหน่อย”รัตเกล้าพยักหน้ารับรู้ปัญหาของเพื่อน

    “แล้วพี่เหมยลี่เอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ ฉันเห็นพี่แกขยันทำงานจนตัวเป็นเกลียว น่าจะมีเงินเก็บนะ”

    “ก็ลูกชายของพี่เค้าน่ะสิ ต้องเข้าเรียนต่อ ม.ปลาย เลยต้องใช้เงินเยอะ เพราะลูกชายพี่แกหัวไม่ดี แกเลยต้องใช้เงินฝากเข้า”พูดไปกีรติก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก

    “เอาอย่างนี้สิ เสื้อผ้าแบรนเนมที่คุณมินจูซื้อให้ฉันไง พรุ่งนี้ก็ให้พี่เหมยลี่เอาไปตีราคาที่ร้านเลย คงได้เยอะอยู่ เพราะฉันใส่แค่ครั้งเดียวเอง”รัตเกล้าออกความคิดเห็นช่วยเพื่อน กีรติก็เห็นด้วยเพราะของมีค่าอะไรที่ไม่ใช้ขายออกไปคงจะดีที่สุด

     

    หลังจากอาหารมื้อค่ำกีรติก็ขอตัวขึ้นห้องนอนทันที รัตเกล้าจึงต้องทำหน้าที่เก็บกวาดหน้าร้านและลงกลอนประตู เมื่อตรวจตราความปลอดภัยภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว เธอจึงขึ้นไปอาบน้ำและเข้านอน รัตเกล้าทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ความเงียบเข้าครอบนำและความเหงาก็ตามเข้ามา นานแล้วนะที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่เหงาแบบนี้ก็คงจะเป็นตอนที่ต้องตัดใจจากนิสากรอดีตคนรักเก่า เพราะเธอไม่อยากเป็นมือที่สามของใคร ดวงตากลมโตหรี่เล็กลงมองที่ว่างบนเตียงที่มันยังเหลือพอที่จะให้ใครอีกคนนอนได้ และก่อนหน้านี้ก็เคยมีใครคนหนึ่งมานอนเบียดเธออยู่ตรงนี้

    “นี่เราจะหรือไงเนี่ย”เธอถอดหายใจออกมาเบาๆ เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดมิดไร้กระทั้งดาวมาประดับนั้น อาจจะทำให้จิตใจของเธอรู้สึกเหงาก็เป็นได้

    “ไม่ได้ๆ อย่าอ่อนแอสิ ต้องเข้มแข็งไว้ เดี๋ยวผิดคอนเซ็ตนางมารร้ายกันพอดี”รัตเกล้าสลัดความคิดบ้าๆออกแล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    และในเวลาเดียวกันนั้นแต่อีกสถานที่หนึ่ง มินจูนั่งจิบบรั่นดีรสเลิศอยู่ภายในห้องทำงาน หลังจากที่ต้องคร่ำเคร่งอยู่กับงานเอกสารมากมายจากกิจการโรงแรมของเธอ ก็ถึงเวลาพักผ่อนหย่อนใจ เสียงเพลงคลาสสิกจากเครื่องเล่นราคาแพงดังคลอออกมาเบาๆทำให้จิตใจของมินจูเหมือนล่องลอยไปไกล คิดถึงคนๆหนึ่ง สวยก็ไม่สวย ปากดีแถมดื้ออีกต่างหาก แต่กลับอ่อนหวานทุกครั้งที่ถูกเธอกกกอดบนเตียง มินจูเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงใบหน้ายามโกรธของคนๆนั้น

    ขณะนั้นเอง แม่นมเหวินเดินผ่านหน้าห้องทำงานมินจูเหลือบมาเห็นเข้า ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย นางเลี้ยงนายหญิงจางมินจูมาตั้งแต่เด็กๆย่อมรู้นิสัยของมินจูดี สมัยเด็กมินจูเป็นเด็กที่เงียบขรึมสุขุมและสง่างามเกินเด็กหญิง แต่พอหลังจากเจ้าบ้านรุ่นก่อนเสียมินจูก็เปลี่ยนไป จากรอยยิ้มที่เห็นในวัยเยาว์อยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้นอกจากแม่นมเหวินแล้วก็ไม่มีใครได้เห็นมินจูยิ้มอีกเลย แม่นมคนสนิทรู้สึกยินดีปรีดาที่ได้เห็นมินจูยิ้มอีกครั้ง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้นายหญิงของนางยิ้มได้นะ

    มินจูรู้ขัดเคืองในใจเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองเหมือนทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไป เธอกระดกน้ำสีอำพันจนหมดแก้วก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องพักของเธอ ทันทีที่ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างก็คว้าเอาหมอนข้างมานอนกอด แต่ก็รู้สึกขัดใจเพราะมันกลับแข็งไม่นุ่มนิ่มอย่างที่ต้องการ

    “วันนี้เราเป็นอะไรไปเนี่ย”เธอบ่นออกมาเบาๆ รู้สึกไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังต้องการอะไรกันแน่

    มินจูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเองเอาเสียเลย เมื่อครู่ก็ดันเผลอยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า และคราวนี้กอดหมอนก็บ่นว่าแข็ง

    นายหญิงเปลี่ยนไป ตั้งแต่เจอคุณโรส นายหญิงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มที่ดิฉันรอคอยจากนายหญิง เป็นของผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว

    เสียงตัดพ้อของหนี่วายังคงก้องอยู่ในหู เหมือนมันจะย้ำให้เข้ามาทิ่มแทงอยู่ในใจ ว่าอาการที่มินจูกำลังเป็นอยู่นั้นคือคิดถึงรัตเกล้านั้นเอง

    มินจูรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาทันทีที่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์ต้องการใครสักคนมานอนนอบกาย ร่างบางลุกขึ้นมาจากที่นอนตรงไปเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ก่อนที่จะกดโทรศัพท์ไปสั่งจิงสงให้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์แรกของเช้าวันพรุ่งนี้

     

    บนเตียงนอนแบบเดี่ยว ร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆขยับตัวช้าๆ เปลือกตาบางค่อยๆลืมตาขึ้น วันนี้รัตเกล้าตื่นสายได้เพราะเป็นวันหยุดของร้านเธอจึงหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่ช่วงบ่ายจะออกไปเป็นครูสอนเต้นจำเป็นที่มหาวิทยาลัยของน้องปู แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เพราะเพื่อนน้องปูแต่ละคนล้วนเป็นเด็กเรียนทั้งนั้น กว่าจะสอนให้เต้นได้แต่ละท่าก็เล่นทำเอาเลือดตาเธอแทบจะกระเด็น รัตเกล้าบิดขี้เกียดก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งแต่ก็ต้องสะดุ้งโหย่ง เมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อเธอดังมาจากหน้าต่าง

    “เฮ้ย! คุณมินจู”รัตเกล้าถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอตะลึงตาค้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นมินจูอีกครั้ง

    มินจูนั่งเครื่องบินมาถึงเชี้ยะเหมินก็ต่อรถแท็กซี่มาที่บ้านพักของรัตเกล้าทันที แต่เมื่อเห็นว่าสายแล้วร้านยังไม่เปิดจึงอาศัยวิชาตัวเบาปีนหน้าต่างตรงห้องนอนของรัตเกล้า เห็นว่าเธอกำลังนอนอยู่จึงตะโกนเรียก

    “โรส เปิดหน้าต่างเดี๋ยวนี้นะ”

    รัตเกล้ารีบถลาเข้ามาเปิดหน้าต่างให้เพราะเกรงว่าร่างบางจะร่วงจากชั้นสอง

    “นี่คุณ จะบ้าหรือไง ถ้าเกิดตกลงไปขาหักจะทำยังไง”รัตเกล้าโวยวายทันทีที่ลากมินจูพ้นจากขอบหน้าต่าง

    “ฉันคงไม่โง่ตกลงไปหรอกนะ ในเมื่อฉันมีปัญญาปีนขึ้นมาได้”

    “เออ! จริงด้วยแฮะ”รัตเกล้าเพิ่งนึกออกว่าคนอย่างมินจูผู้เก่งกาจน่ะหรอจะตกหน้าต่างชั้นสองง่ายๆ

    “แล้วคุณมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า”เธอรัวคำถามเป็นชุด ขณะที่มินจูมีท่าทีที่เรียบเฉยนั่งลงบนเตียงในอิริยาบทสบายๆ

    “เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง”

    “เพิ่งมาแล้วมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่ไปที่โรงแรมของคุณล่ะ”รัตเกล้ายืนเท้าสะเอวมองหน้ามินจูอย่างเอาเรื่อง ก็มินจูดันทำให้การนอนของรัตเกล้าในวันหยุดต้องรวนไปหมดนะสิ

    มินจูไม่สนใจเสียงบ่นเจื้อแจ้วของรัตเกล้ามองไปที่เตียงนอนที่ยังกรุ่นด้วยกายสาว ไม่เหมือนเตียงของตัวเองที่เย็นเยือกจนแทบหลับไม่ลง

    “อยากรู้ใช่มั้ยว่าฉันมาทำไม เข้ามาใกล้ๆสิ”รัตเกล้ามองมินจูด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ แต่มือบางของคนที่นั่งอยู่บนเตียงกลับไวกว่าความคิดเธอ มินจูคว้าแขนกระชากจนร่างอวบโผเข้าหา

    รัตเกล้าตกใจไม่น้อยที่ถูกมินจูจับกดลงกับเตียง มินจูกอดร่างอวบๆของเธอพร้อมกับฝั่งจมูกเล็กๆของตัวเองลงตามซอกคอของเธออย่างโหยหา

    “อย่างนี้สิ ที่ต้องการ”มินจูพึมพำออกมาเบาๆ

    “นี่!คุณมินจู ปล่อยนะ มาถึงก็จะ...เลยหรอ”รัตเกล้าประท้วงพยายามดิ้นให้ร่างบางปล่อย

    “เงียบเหอะน่า เธอไม่มีสิทธิ์ขัดใจฉัน”ไม่พูดเปล่า มินจูกดริมฝีปากลงบดขยี้ริมฝีปากนุ่ม รัตเกล้าหมดสิทธิ์ออกเสียงใดๆนอกจากเสียงครางเบาๆ เมื่อลิ้นเล็กๆตวัดเกี่ยวรัดลิ้นของเธอเหมือนกำลังดูดคว้านหาน้ำหวาน

    มือเรียวลูบไล้ไปทั่วร่างที่ตกเป็นรองเหมือนเป็นปลาหมึกกลับชาติมาเกิด จนเสื้อนอนของรัตเกล้าหลุดลอกออกจาร่างทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มินจูถอนริมฝีปากออกเปลี่ยนไปพรมจูบตามซอกคอ สองมือก็หยอกเอินอยู่ที่หน้าอกขนาดพอดีมือสร้างความรัญจวนใจให้แก่รัตเกล้าไม่น้อย รัตเกล้าเคลบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่มินจูกำลังปรนเปรอให้ มินจูไล่ริมฝีปากต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงยอดอกที่มันตื่นตัวเต็มที่เชิญชวนให้ลิ้มลอง และมินจูก็ไม่ขัดศรัธาริมฝีปากบางครอบครองยอดอกชูชันดูดเม้มอย่างหื่นกระหาย รัตเกล้าสะดุ้งเฮือกเสี่ยวแปลบไปทั่วร่าง มินจูคุ้นเคยกับร่างนี้ดีจึงรู้ว่าตรงไหนคือจุดอ่อนไหวของรัตเกล้า ยามนี้อารมณ์ใคร่ของพวกเธอได้มาถึงที่สุดแล้ว มือเรียวลูบไล้ล้วงต่ำเข้าไปในกางเกงในที่เปียกชื้นของรัตเกล้า หยอกเอินอยู่ที่จุดอ่อนไหวที่สุดของกายสาว รัตเกล้าสั่นสะท้านไปทั่วร่างจนเผลอครางออกมา มินจูยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนที่จะจูบไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงจุดอ่อนตรงนั้น

    ร่างรัตเกล้ากระตุกเกร็งเสี่ยวหวามสุดจะทนจนร้องครางออกมา เมื่อถึงความสุขที่มินจูมอบให้ แต่สำหรับมินจูยังคงไม่พอใจอยู่แค่นี้ มินจูกอดรัดร่างอวบอีกครั้งด้วยความต้องการที่ปะทุมากกว่าเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×