ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #21 : บางสิ่งที่เธอไม่มี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.34K
      10
      17 มี.ค. 53

    ที่ตลาดนัดไนท์พาซ่าคราคร่ำไปด้วยนักช๊อปทั้งวัยรุ่นวัยดึก ร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายพร้อมสินค้าที่มีให้เลือกเยอะแยะรวมไปถึงของกินนานาชนิด ที่ขนมาให้เลือกชิมละลานตาไปหมด สามสาวเดินเบียดฝ่าฝูงชนที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าแม้คนจะเยอะแต่สองสาวนักช๊อปของถูกก็ไม่หยั่น รัตเกล้าชวนกีรติออกมาเดินเที่ยวด้วยกันตามประสาคนรักเพื่อน ถึงครั้งแรกที่เธอชวนเพื่อนรักจะมีท่าทางอึกอักจะไม่ยอมไปด้วย แต่พอรัตเกล้าบอกว่ามินจูเป็นเจ้ามือคุณเธอก็รีบปิดร้านออกมาทันที แต่ถ้าถามว่ากีรติรู้สึกอึดอัดใจมั้ยที่ต้องไปกับสองสาวคู่กิ๊ก มันก็ต้องแน่อยู่แล้วที่เธอจะรู้สึกอึดอัด แต่เพราะมีเจ้ามือนี่แหละกีรติถึงไม่แคร์สื่อใดๆทั้งสิ้น มินจูเดินตามสองสาวเพื่อนซี้ฝ่าผู้คนมากมายที่ต่างก็มาเดินเลือกซื้อสินค้าที่ตนต้องการ ร่างสูงที่ต้องมาเดินเบียดคนเยอะๆนึกขัดใจตัวเองไม่น้อยที่ต้องมาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนแบบนี้ ปกติคนอย่างจางมินจูจะไปไหนมาไหนก็ต้องมีบอดี้การ์ดคอยอำนวยความสะดวกให้เสมอ รัตเกล้าโบกไม้โบกมือให้มินจูเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินแตกกลุ่ม

    “นี่!อย่าเดินห่างพวกฉันสิคุณ เดี๋ยวก็หลงทางหรอก”รัตเกล้าคว้าข้อมือบางมากอดแนบตัว มินจูมองการกระทำของเธอเงียบๆ ปล่อยให้รัตเกล้าทั้งลากทั้งจูงไปตามร้านค้าต่างๆที่พวกเธอพอใจ จนกระทั้งมาหยุดอยู่ที่ร้านแผงลอยร้านหนึ่งที่ขายเครื่องประดับ รัตเกล้ายืนมองแหวนเงินเงียบๆ

    “ชอบก็ซื้อสิ”มินจูว่า

    “ไม่ล่ะ ฉันเป็นแม่ครัวใส่แหวนทำงานมันเกะกะ ไปดูเสื้อผ้าสวยๆตรงนั้นดีกว่าเจีย”รัตเกล้าดันร่างกีรติให้ออกเดินไปยังร้านเป้าหมายต่อไป มินจูหันไปมองแหวนเงินวงนั้นอย่างครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ

    สองสาวเลือกซื้อเสื้อผ้าชนิดตามใจฉันอยู่ในร้านค้าแผงลอย แต่พอถึงเวลาจ่ายเงินรัตเกล้าถึงกับหน้าหวอเมื่อจางมินจูส่งการ์ดทองให้แม่ค้าขายเสื้อผ้า

    “นี่!ใครใช้ให้คุณเอาของแบบนี้มาจ่ายแทนเงินในตลาดข้างถนนกันล่ะคุณมินจู”

    “ฉันไม่เคยพกเงินสด ฉันพกแต่บัตร”

    “โอย...อยากจะบ้าตายแล้วทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะ เอาไงดีล่ะเนี่ย”รัตเกล้าทำท่าครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปถามมินจู

    “แล้วคุณมีบัตรกดเงินสดมั้ย”

    “ไม่รู้สิ อันไหนใช้ได้หรือเปล่าล่ะ”มินจูเปิดกระเป๋าเงินให้สองสาวดูบัตรในช่องใส่บัตรเครดิตที่มันมีอยู่หลายใบว่าใบไหนสามารถใช้ได้บ้าง

    “ใบนี้ใช้ได้”กีรติชี้ไปที่บัตรสีเงินวาว

    “งั้นแกรออยู่ที่ร้านนี่แหละ เดี๋ยวฉันกับคุณมินจูจะไปที่ตู้กดเอง”

    กีรติพยักหน้ารับ ก่อนที่จะปล่อยให้สองสาวคู่กิ๊กเดินฝ่าฝูงชนออกไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มซึ้งอยู่นอกบริเวณลาดจัดแสดงสินค้า โดยมีสายตาของคนกลุ่มหนึ่งลอบมองอยู่ตลอดเวลา

     

    ที่หน้าตู้เอทีเอ็ม รัตเกล้ายืนดูมินจูทำรายการกับตู้กดอัตโนมัติจนได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ซึ้งก็มากพอที่จะจ่ายค่าเสื้อผ้าทั้งหมดได้สบาย สองสาวเดินออกมาจากอาคารที่ใช้เป็นที่ติดตั้งตู้กดเงินสดปะทะเข้ากับอากาศหนาวเย็นข้างนอก แม้ว่ารัตเกล้าจะใส่เสื้อกันหนาวแล้วก็ตาม แต่อากาศที่เซี้ยะเหมินก็ต่างจากเมืองไทยมาก มินจูเห็นร่างอวบเดินกอดอกเพราะความหวานก็ดึงร่างนั้นมาโอบกอดไว้เพื่อให้ความอบอุ่น รัตเกล้าชะงักเท้าหันไปมองใบหน้านวลที่ทำตัวเป็นผ้าห่มกันหนาว

    “หนาวไม่ใช่หรอ แบบนี้อุ่นกว่าเยอะว่ามั้ย”

    เธอไม่ตอบได้แต่ปล่อยให้มินจูทำตามใจโอบกอดพาเธอกลับเข้าลานแสดงสินค้าพร้อมกัน รัตเกล้ารู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด นานแล้วนะที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้ อ้อมกอดจากใครสักคนที่รักเธออย่างจริงใจไม่ใช่กำมะลออย่างที่เคยผ่านๆมา

    แต่ทว่าขณะที่สองสาวคู่กิ๊กกำลังเดินกลับลานแสดงสินค้านั้น จู่ๆก็มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาขวางทาง

    “ไงจ้ะน้องสาว จะไปไหนกันจ้ะ”วัยรุ่นชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกเอ่ยขึ้น

    รัตเกล้ามองไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เข้ามาล้อมกรอบพวกเธอ ก็พอจะรู้ถึงจุดประสงค์ของพวกนั้นว่าคงไม่ได้มาดีแน่

    “นี่!ใครเป็นน้องพวกเธอมิทราบ หลีกทางให้พวกเราเดี๋ยวนี้นะ”รัตเกล้าวางมาข่มเด็กวัยรุ่น ในขณะที่มินจูมองไปยังเด็กพวกนั้นด้วยแววตาที่เรียบเฉย

    “แหม ในคืนที่หนาวเหน็บแบบนี้ เห็นพวกพี่สาวเดินกอดกันเองแบบนี้ พวกเราล่ะอยากจะเสนอตัวเป็นผ้าห่มกันหนาวให้ก็เท่านั้นเอง”วัยรุ่นคนเดิมยังปากดีไม่หยุด

    รัตเกล้ารู้สึกได้ว่าข้อมือบางของร่างสูงเกร็งกระตุก ก็รู้ได้ทันทีว่าภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นได้ซ่อนสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ รัตเกล้ามองไปยังวัยรุ่นหัวโจกนึกเป็นห่วงอยู่ในใจว่าเด็กพวกนี้ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย ว่าตนนั้นกำลังแกว่งเท้าของตัวเองเข้าสู่ประตูนรก

    “นี่ ฉันไม่สนเด็กผู้ชายอย่างเธอหรอกนะ ไปหาเอาข้างหน้าเถอะไป”รัตเกล้าพยายามเดินเลี่ยงแต่ก็ถูกเด็กวัยรุ่นกันไว้

    “งั้นไม่อ้อมค่อมก็ได้ มีเงินเท่าไหร่ส่งมาให้หมด”วัยรุ่นหัวโจกเอ่ยพร้อมกับหยิบมีดพกออกมาข่มขู่พวกเธอ

    รัตเกล้ามองมีดในมือของเด็กวัยรุ่นสลับกับใบหน้าของมินจู ตอนนี้แรงโอบที่ต้นแขนของรัตเกล้าแรงมากขึ้นกว่าเดิม เธอรับรู้ถึงแรงโทสะของร่างสูง แต่ถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้เด็กพวกนี้คงไม่ได้ตายดีแน่

    “ฉันไม่มีเงินให้กรอก ไปซะ ฉันจะไม่เอาเรื่องพวกเธอ”

    “ไม่มีได้ยังไง ก็เห็นๆอยู่ว่าอีนังโย่งนี่มันเพิ่งไปกดเงินมา”วัยรุ่นหัวใจโจกวาดปลายมีดสั้นไปที่มินจู

    “งั้นก็หมายความว่า พวกแกตามพวกเรามาตลอดเลยงั้นสิ”

    “พูดมาก เอาเงินมา ไม่งั้นเจอดีแน่”วัยรุ่นหัวโจกตะคอกใส่

    รัตเกล้าสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่น่ากลัวจากคนข้างกาย นี่คงจะมาถึงจุดเดือดแห่งความอดทนแล้ว

    “คุณมินจู อย่าค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”รัตเกล้ากอดร่างบางแน่นเป็นเชิงห้าม ก่อนที่จะหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อโค้ท แทงทรงกระบอกขนาดพอดีมือที่รัตเกล้าเอาออกมาพอกดสวิตช์ที่ก้นก็มีแทงเหล็กที่ถูกซ่อนไว้ยืดออกมา นี่คือกระบองแบบพกพาที่รัตเกล้าเพิ่งซื้อมาจากร้านค้าในตลาดแผงลอยนั้นเอง

    “ฉันขอเตือน พวกเธอเลยนะ ถ้ายังอยากจะมีเมียอยู่ล่ะก็ กลับบ้านไปซะ”รัตเกล้าเอ่ยพร้อมกับเอาตัวกันร่างสูงไว้

    “พูดแบบนี้ก็สวยสิ พวกเราลุย!”เด็กวัยรุ่นหัวโจกสั่ง

    เด็กวัยรุ่นก็กรูกันเข้ามาหวังจะจับพวกเธอ แต่ทว่าวินาทีนั้นๆเองก็เหมือนมีสายลมพัดผ่านเพียงไหววูบ กลุ่มเด็กวัยรุ่นส่งเสียงร้องโอดโอยแล้วลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพ เด็กวัยรุ่นหัวโจกถึงกับยืนตะลึงตาค้าง

    “คุณมินจู!ทำไมทำแบบนี้ล่ะค่ะ ทำไมไม่ให้ฉันเป็นคนจัดการ”รัตเกล้าหันไปดุร่างสูงที่กลับมายืนอยู่ข้างหลังเธอเมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้

    “ฉันปกป้องเธอได้ ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมาทำหน้าที่ปกป้องฉัน”มินจูเอ่ยเสียงเรียบ

    “ฉันรู้ แต่ที่ฉันออกหน้า เพราะฉันไม่อยากให้คุณทำอะไรเด็กพวกนี้รุนแรงเกินไป”

    “พวกมันสมควรได้รับการลงโทษมากกว่านี้ด้วยซ้ำ”

    “คุณมินจู ทำไมคุณไม่เข้าใจอะไรบ้างเลยนะ”

    “นี่เธอกล้าเถียงฉันหรอ”มินจูขมวดคิ้วมองใบหน้าได้รู้ของรัตเกล้าด้วยสายตาขุ่นเคือง

    “ใช่ ถ้าสิ่งที่คุณทำอยู่มันไม่ถูกต้องอย่างที่ปากคุณพูด”พูดจบรัตเกล้าก็สะบัดหน้าเดินหนี

    “กลับบ้านไปซะ ถ้ายังไม่อยากตาย!รัตเกล้าตะคอกใส่เด็กวัยรุ่นหัวโจกก่อนที่จะกระทืบเท่าเดินออกไป

     

    กีรติมองรัตเกล้าเดินหอบหิ้วเอาถุงช๊อปปิ้งหายขึ้นไปยังชั้นบน พร้อมกิ๊กสาวหล่อที่เดินมือเปล่าตามหลังเพื่อนสาวขึ้นไป กีรติได้แต่ส่ายหัวอย่างระอาในพฤติกรรมที่ยิ่งกว่าผัวเมียทะเลาะกัน ตั้งแต่รัตเกล้ากลับมาจากออกไปกดเงินใบหน้าของเพื่อนสาวก็บูดบึ้งบอกบุญไม่รับ กีรติเองก็อยากจะรู้ถึงสาเหตุแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะยังมีจางมินจูอยู่ข้างๆ เธอจึงเอาแต่เงียบตลอดการเดินทางกลับบ้าน กีรติปิดประตูลงกลอนที่หน้าร้านก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบน เสียงทะเลาะของคนทั้งสองดังลอดผ่านประตูออกมาทำให้ฝีเท้าของกีรติชะงัก ก่อนที่จะค่อยๆย่องไปเอาหูแนบที่ประตูอย่างใคร่รู้

    “คุณต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง อุ๊ก!...ไม่! ปล่อยนะ คุณมินจู ปล่อย...”

    เสียงพูดคุยในห้องเงียบลง ไม่บอกก็รู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น กีรติรีบเอาหูออกจากบานประตูทันทีเพราะไม่อยากไปได้ยินเสียงอะไรๆเข้า

    “เฮ้อ...ลองจบอีแบบนี้ เหมือนคู่ผัวเมียในละครน้ำเน่าบ้านเราเลย”กีรติถอนหายใจออกมาก่อนที่จะถอยทัพกลับเข้าห้องของตัวเองไปอย่างเงียบๆ

                                    .........................................................

    รัตเกล้ากลับเข้าห้องมาก็คัดแยกถุงช๊อปปิ้งออกพร้อมกับจัดเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กของเธอ โดยมีมินจูนั่งมองเธออยู่ที่เตียงเงียบๆ ดวงตาเล็กเรียวมองไปยังกระบองแบบพกพาที่รัตเกล้าเอาไปวางทิ้งไว้บนเตียงอย่างสนใจ

    “ทำไมเธอชอบซื้อของพวกนี้ด้วยนะ”ว่าพลางกดสวิตช์ให้ปลายกระบอกยืดออก

    รัตเกล้าหันควับมองร่างบางที่กำลังพิจารณาอาวุธแบบใหม่ของเธอตาขวางๆ ก่อนที่จะตรงเข้าไปแย่งกระบอกมาจากมือของมินจู

    “เธอเป็นอะไรของเธอ”มินจูเริ่มหงุดหงิดคว้ามือหนากระชากเข้าหาตัว

    รัตเกล้าจึงถูกร่างบางกอดรัด เธอพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนจะยิ่งยั่วให้มินจูโกรธมากขึ้นเท่านั้น รัตเกล้าจึงถูกมินจูจับกดลงไปนอนอยู่บนเตียง

    “ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ โรส!เธอเป็นอะไร มีอะไรนักหนา”มินจูตะคอกถามแต่รัตเกล้ากลับเงียบ

    “จะหุบปากอยู่อย่างนี้ไปตลอดใช่มั้ย ได้! ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะเงียบได้อีกนานมั้ย”มินจูไม่พูดเปล่า เธอใช้หัวเข่ากดขยี้ตรงหว่างขาของรัตเกล้า

    “จะทำอะไรน่ะ!”ร่างอวบตกใจร้องออกมา

    “หือ!หายใบ้แล้วหรอ งั้นเธอจะบอกฉันได้แล้วหรือยังว่าเธอเป็นบ้าอะไรของเธอ”

    รัตเกล้าจ้องหน้ามินจูเขม่งรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ก็ใบหน้าของมินจูในยามนี้บูดบึ้งจนน่ากลัวด้วยแรงโทสะ แถมสถานการณ์ตอนนี้ของเธอก็ตกเป็นรองเสียด้วย ถึงจะมีอาวุธอยู่ในมือแต่แขนทั้งสองกลับถูกร่างบางตรึงไว้ รัตเกล้าสะดุ้งเฮือกเมื่อหัวเข่าของมินจูยังคงกดทับอยู่ที่จุดยุทธศาสตร์ของเธอ

    “จะพูดหรือไม่พูด”มินจูเอ่ยเสียงแข็ง หัวเข่ายังคงทำหน้าที่ขยับขยี้แรงขึ้นเรื่อยๆ

    “พอแล้วๆฉันพูดก็ได้”ในที่สุดรัตเกล้าก็ทนไม่ไหวยอมเปิดปากออกมา

    มินจูส่งสายตาคาดคั้นใส่คนที่นอนหายใจหอบน้อยๆบนเตียง ก่อนที่เธอจะเปิดปากพูดอีกครั้ง

    “ฟังไว้นะ คุณมินจู ฉันไม่ชอบใจเลยที่คุณชอบทำอะไรเกินไป ทั้งๆที่คุณไม่จำเป็นต้องทำเลย และกรุณาฟังความคิดเห็นหรือของข้อเสนอของคนอื่นบ้าง”

    “เธอไม่พอใจที่ฉันอัดเด็กพวกนั้นใช่มั้ย หือ!พวกมันสมควรได้รับการสั่งสอนแล้ว เธอก็ไม่ต้องทำตัวเป็นฮีโร่ทั้งๆที่ตัวเองก็อ่อนหัด ฉันมีปัญญาปกป้องเธอได้”มินจูตอกกลับ รัตเกล้าถึงกับจี๊ดที่ถูกมินจูว่า

    “ขอโทษก็แล้วกันที่ฉันอ่อนหัด แต่ประเด็นที่ฉันอยากจะบอกคุณมันไม่ใช่อย่างไอ้ที่คุณคิดสักนิด คุณมินจู คุณเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับฉัน ต่อให้คุณแข็งแรงหรือเก่งกาจมากแค่ไหน หากวันใดที่คุณเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาอีกเหมือนกับตอนนั้น ใครจะมาช่วยปกป้องคุณถ้าไม่ใช่เพื่อนคู่หูหรือคนที่รู้ใจ”

    “ไอ้พวกนั้นมันไม่จำเป็นสำรับคนอย่างฉันหรอก ฉันยืนหยัดมาด้วยขาของตัวเองได้”

    “คุณนี่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง”

    “เธอต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง”

    “คุณต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง อุ๊ก!...ไม่! ปล่อยฉันนะ คุณมินจู ปล่อย!...”เสียงของรัตเกล้าถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากบางตรงเข้าบดขยี้ริมฝีปากที่พูดไม่ยอมหยุด ร่างหนาพยายามเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากพิฆาตแต่ก็ถูกมินจูจับได้ทุกที รัตเกล้าจึงเปลี่ยนความพยายามใหม่เธอดิ้นเตะขาขึ้นแต่ก็ถูกร่างบางใช้เข่ากระแทกโดนจุดอ่อนไหวเจ็บจนน้ำตาเล็ด มือที่ถือกระบองก็คลายออกร่วงตกลงข้างเตียง

    รัตเกล้าถูกมินจูควบคุมร่างการโดยสิ้นเชิง ร่างหนาถูกลอกคราบจนไม่เหลืออะไรสักชิ้นนอนระทวยหมดแรงด้วยฤทธิ์จูบอันช่ำชอง ริมฝีปากเล็กๆของมินจูตรงเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของที่ยอดอกชูชัน ดูดเฟ้นอย่างเมาเมาส์จนรัตเกล้าเผลอครางออกมา มินจูแสยะยิ้มอย่างพึ่งพอใจก่อนที่จะค่อยๆพรมจูบไล่ต่ำลงๆจนถึงจุดอ่อนไหวที่สุด มินจูเลียนริมฝีปากเหมือนกับเห็นขนมหวานน่ากินอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะเริ่มลงมือกินขนมหวานนั้นอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเสียงร้องครวญครางอย่างทรมานของรัตเกล้าอยู่ตลอดเวลา

     

    กลางดึกสงัดร่างอวบค่อยๆยันกายลุกขึ้นจากเตียงช้าๆด้วยเกรงว่าคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่นั้นจะตื่นขึ้นมา รัตเกล้าเก็บเสื้อผ้าที่กระจายอยู่เต็มพื้นใส่ตระกล้า ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูออกมานุ่งกระโจมอก เธอมองไปยังร่างบางที่ยังคงหลับสนิทอยู่พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเอื้อมระอาในตัวเอง ที่ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาในกายของตัวเองได้เธอคงจะกลายเป็นทาสของมินจูไปแล้วจริงๆละมั้งถือได้ชอบให้มือคู่นั้นจับต้องไปทั่วร่างแบบนี้ ความตั้งใจของเธอที่อยากจะสื่อกับมินจูก็ต้องล้มไปไม่เป็นท่า รัตเกล้าเข้าใจดีว่าคนอย่างจางมินจูที่ผง่ามาได้จะถึงทุกวันนี้เธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง ด้วยความเป็นผู้นำที่ทุกคนศรัทธาจึงไม่มีใครกล้าโต้เถียงในสิ่งที่เธออาจจะทำเกินไปบ้าง เหมือนอย่างที่รัตเกล้าพยายามจะบอกให้มินจูรับรู้ ว่าเธอเองก็ไมได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้ สิ่งที่เธอยังขาดอยู่นั้นคือเพื่อนคู่คิดที่รู้ใจ แต่คนที่มีความเป็นผู้นำและมั่นใจในตัวเองสูงอย่างมินจู คงต้องใช้เวลาไปมากก็น้อยกว่าเจ้าตัวจะรู้ตัว ว่าหากวันใดที่เธอเผลอพลาดพลั่งเสียที่ศัตรูขึ้นมา วันนั้นมินจูอาจจะเข้าใจถึงสิ่งที่เธอพยายามจะบอกก็เป็นได้ รัตเกล้าค่อยๆย่องออกจากห้องไปเบาๆเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×