ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #45 : รักเก่าที่บ้านเกิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.4K
      11
      1 ก.ย. 53

    มาแล้วจ้า ตอนใหม่ที่รอคอย ช่วงนี้ฝนตกหนักมากมาย แต่ไรเตอร์ก็ยังคงปั่นนิยายไม่ยอมหยุด ตอนนี้กำลังปั่นฟิคเรื่องใหม่ที่กำลังจะเอามาให้ลองชิมลางดูก่อนนะค่ะ พบกับนิยายเรื่องใหม่ของไรเตอร์ได้ในเร็วๆนี้คร่า... 



    รถยนต์คันงามแล่นออกสู่ถนนสายหลักในตัวเมืองเซียงไฮ้ จิงสงเหลือบไปมองเงาสะท้อนในกระจกส่องด้านหลัง หูก็ฟังคำสั่งที่ถูกถ่ายทอดจากบลูธูทตัวจิ๋วที่เสียบหูเอาไว้ รัตเกล้าเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนกีรติที่นั่งมาด้วยกันส่ายหน้าอย่างระอาในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสาว ที่นับวันๆจะกลายเป็นนางมารร้ายเข้าไปทุกทีๆ รัตเกล้าเอาแต่คิดโมโหมินจูจนไม่ทันสังเกตคนรอบข้าง ที่ลอบมองเธอด้วยสายตาที่หวั่นเกรงราวกับว่าเธอคือระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ก็จะไม่ให้รัตเกล้าโมโหมินจูได้อย่างไรล่ะในเมื่อมินจูเห็นงานสำคัญกว่าเธอ

    “รับทราบครับ”เสียงของจิงสงทำให้รัตเกล้าหันไปมองอย่างสงสัย

    “มีอะไรหรือค่ะ คุณจิงสง”เธอตวัดเสียงถาม

    “อ้า...เอ่อ...เมื่อสักครู่นี้นายหญิงใหญ่ โทรมาบอกให้ผมจัดการส่งนายหญิงน้อยให้ถึงสนามบินอย่างปลอดภัยครับ”จิงสงเอ่ยพร้อมกับเหลือบไปมองกระจกส่องด้านหลังเพื่อสังเกตท่าทางของหญิงสาว

    “ชิ! ทำมาเป็นห่วง เมื่อกี้ยังไล่อยู่เลย อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับเข้าบ้านสกุลจางง่ายๆอีก จะนอนอยู่บ้านสักสองสามเดือนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”

    “อะโหย เพื่อนฉันแรงนะเนี่ย แค้นฝั่งหุ่นหรอย่ะหล่อน”กีรติอดใจที่จะแหว่ะเพื่อนสาวไม่ได้

    “ก็มันน่าโมโหจริงๆนี่ เมื่อวานยังบอกฉันว่าไม่อยากให้ไป จนฉันต้องยอมหิ้วเค้าไปด้วยถึงยอมให้กลับบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ดันทิ้งฉันกลางคันซะงั้น”รัตเกล้าทำเสียงกระฟัดกระเฟียดใส่

    “แกก็เห็นอยู่นี่ ว่าคุณมินจูมีงานสำคัญเข้ามา แล้วแกจะให้เค้าทิ้งธุรกิจพันๆล้านของเค้าไปเที่ยวกับแกเนี่ยนะ แกกลายเป็นคนเอาแต่ใจขี้วีนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”คำพูดของเพื่อนรักทำเอารัตเกล้าถึงกับชะงัก

    “นี่ฉัน...เป็นแบบนั้นจริงๆหรอ”

    “ก็เออน่ะสิ แกเปลี่ยนไปนะ รู้ตัวบ้างมั้ย”

    “สงสัยคงจะติดเชื้อมาจากคุณมินจูแน่ๆเลย ช่างเถอะๆไม่มีเค้าก็ดีเหมือนกัน กลับเมืองไทยไปแบบ สวย เริ่ด เชิด โสด แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว”รัตเกล้าเชิดหน้าวางมาดนางพญาจนกีรติหัวเราะออกมา

    “เออ แบบนี้แหละ ค่อยสมเป็นแกหน่อย”

     

    ที่ห้องทำงานภายในบ้านบ้านสกุลจาง มินจูนั่งดูภาพถ่ายของศพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทเหมือนอย่างเคย คงจะมีเพียงแต่เฉินลองเท่านั้นที่ล่วงรู้ถึงจุดเดือดข้างในใจของเจ้านายสาว ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งสนิทแทบจะคลั่งเมื่อได้เห็นสภาพศพที่ถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ แทบไม่ต้องจะสันนิฐานเลยเธอก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขี้นมาทั้งหมดเป็นฝีมือของใคร

    “บัดซบที่สุด!มินจูระเบิดโทสะโยนรูปภายลงบนโต๊ะ จนเบียงคุสะดุ้งเฮือกเมื่อเหลือบไปเห็นดวงตาที่ดุดันของเธอ

    “พวกหมาลอบกัด มันจงใจจะฆ่าเฉพาะคนของสกุลจางเท่านั้น พวกมันกำลังประกาศศึกกับพวกเรา ตอนนี้มันคงจะได้กระจกบานใหม่กับอสรพิษดำที่ร้ายกาจกว่าเดิมเป็นแน่”มินจูกัดฟันข่มความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจ

    “ถ้าอย่างนั้น ผมจะเตือนคนของเราให้ระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่แน่ที่พวกมันอาจจะเริ่มลงมืออีกเมื่อไหร่ก็ได้”เฉินลองเสนอซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย

    “เอ่อ...นายหญิง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงถึงต้องส่งฮูหยินกลับเมืองไทย ทั้งๆที่ถ้ามีฮูหยินอยู่ช่วยคงจะดีกว่านะครับ”เบียงคุถาม

    “จริงอยู่ที่ฝีมือคมแฝกของเค้าจะเก่งกาจ แต่ถ้าพูดถึงประสบการณ์ในเชิงสู้รบ ยัยนั้นอ่อนหัดที่สุด ส่งกลับเมืองไทยไปนั้นแหละดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยอยู่ที่นั้นก็ปลอดภัย”มินจูไขข้อสงสัยให้เบียงคุ

    “เราคงจะอยู่รอให้พวกมันลงมือก่อนไม่ได้ ถ้าเราอยากจะได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ เห็นทีคืนนี้เราคงต้องไปเยี่ยมถ้ำเสือกันสักหน่อยแล้ว”มินจูเอ่ยเสียงเหี้ยม

    “ถ้าอย่างนั้น ผมขออาสาตามนายหญิงไปด้วยครับ”เบียงคุเสนอตัว

    “ดี คืนนี้เราจะไปบุกถ้ำเสือกัน”มินจูกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนึกถึงแผนการที่ตนกำลังจะเนินการในคืนนี้

     

    ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รัตเกล้ากับกีรติเดินทางมาถึงบ้านเกิดของพวกเธออย่างปลอดภัย ร่างหนาหิ้วกระเป๋าของตัวเองขึ้นรถแท็กซี่พร้อมกับเพื่อนสาว เพื่อเดินทางเข้าสู้กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเธอ โดยที่รัตเกล้าไม่รู้เลยว่าได้ถูกจิงสงแอบสะกดรอยตามขึ้นเครื่องมาพร้อมกับเธอด้วย

    “โอย...ร้อยชะมัด สมแล้วที่เป็นบ้านเรา”กีรติบ่นอุบอิบดึงกระดาษทิทชูขึ้นมาซับหน้า

    “นั้นน่ะสิ แดดแรงแบบนี้ไวท์เทนนิ่งสิบขวดก็เอาไม่อยู่ ผิวฉันอุตส่าห์ขาวแล้วแท้ๆอยู่ที่นี่นานๆท่าจะกลับไปดำตับเป็ดเหมือนอีกแน่”รัตเกล้ามองท้องฟ้าที่ร้อนแรงด้วยแสงอาทิตย์ผ่านกระจกรถ

    “แต่ถึงแกจะดำแค่ไหน ยังไงคุณมินจูก็รักแกอยู่แล้วล่ะน่า”

    “นี่! แกอย่าเอ่อชื่อนี้จะได้มั้ย อารมณ์เสียวะ”รัตเกล้าหันไปจิกสายตาใส่เพื่อน

    “ล้อเล่นน่าเพื่อนสาว อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปสิจ้ะ อากาศร้อนแล้วอารมณ์ก็อย่าร้อนตามสิจ้ะ”กีรติพูดเสียงหวานเอาใจเพื่อนสาวที่กำลังเข้าสู่โหมดนางมารร้าย

    รถแท็กซี่ขับพาผู้โดยสารสาวทั้งสองแล่นผ่านการจราจรที่คับคั่งบนท้องถนน รัตเกล้ามองสภาพบ้านเมืองที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อครั้งที่เธอจากไปเลยสักนิด จนในที่สุดรถก็จอดที่หน้าคอนโดสูงสามสิบชั้นใจกลางเมืองกรุง ซึ่งเป็นที่พักของกีรติตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในรั่วมหาวิทยาลัย พวกเธอจะพักอยู่ที่ก่อนเพื่อทำเรื่องขอวีซ่าก่อนที่รัตเกล้าจะกลับไปบ้านของตัวเองที่อยู่ในต่างจังหวัด และคืนนี้สองสาวก็วางแผนไว้แล้วว่าจะออกไปหาของกินอร่อยๆแซบๆให้หายคิดถึงเมืองไทย เพราะตั้งแต่รัตเกล้าเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจางเธอก็ได้กินแต่อาหารจีนจนเลียนลิ้น

     

    อีกด้านหนึ่งของช่วงดึกสงัด นอกกำแพงรั้วหินของบ้านสกุลโจว ร่างสูงในชุดแต่งกายสีดำคล้ายนินจาปิดหน้าปิดตาจนเหลือแค่ดวงตา ร่างสูงทั้งสองกำลังยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้เมื่อเห็นยามที่กำลังเดินลาดตระเวนผ่านมา จนยามพวกนั้นเดินห่างออกไปทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อน มินจูกับเบี่ยงคุในคราบนินจากระโดดปีนกำแพงหินด้วยวิชาตัวเบา พร้อมกับขว้างมีดสั้นออกไปตัดสายไฟกล้องวงจรปิดที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่จะไต่ไปตามแนวกำแพงเพื่อหลบสายตาของเวรยาม มินจูส่งสัญญาณให้เบียงคุหันไปดูอะไรบางอย่างที่ด้านล่าง กลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนกำลังช่วยกันหิ้วถุงดำใบใหญ่หลายใบออกมากองอยู่บริเวณกลางสวน เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์นั้นกลับเข้าไปด้านในแล้ว มินจูกับเบียงคุจึงลงไปตรวจสอบกองถุงดำนั้น ทันทีที่พวกเค้าเปิดถุงออกก็ต้องตกตะลึง เมื่อสิ่งที่อยู่ภายในถุงดำนั้นคือศพ! เบียงคุตรวจสอบสภาพศพก็รู้ได้ทันทีว่าทุกคนเสียชีวิตเพราะถูกพิษ

    “คนพวกนี้ คงจะเป็นคนของเราแน่ๆครับ นายหญิง”เบียงคุว่า

    “พวกเราเข้าไปดูข้างในกันดีกว่า ฉันอยากรู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่”มินจูว่าก่อนที่จะนำหน้าเบียงคุ กระโดดตัวลอยขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองโดยมีเบียงคุตามไปอย่างกระชั้นชิด

     

    เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังแว่วมาจากหน้าต่างห้องๆหนึ่ง มินจูค่อยไย่องไต่ไปตามระเบียงจนมาถึงหน้าต่างห้องที่มาของเสียง เธอใช้ปลายมีดหัวมังกรกรีดกระจกสีชาจนเป็นรูเล็กๆ ที่พอจะสามารถมองทะลุผ่านเข้าไปข้างในได้ ส่วนเบียงคุก็เอาหูแนบไปกับหน้าต่างเพื่อฟังเสียงจากด้านใน

    ภายในห้องนั้นสองร่างเปลือยเปล่ากำลังระเริงกามอยู่บนเตียงกันอย่างเมามันส์ ซูซานเป็นฝ่ายควบคุมเกมราคะอยู่เหนือร่างกำยำ ที่นอนครางกระเส้าด้วยไฟพิศวาสที่หญิงสาวปรนเปรอให้ จนในที่สุดเธอก็นำพาจ้าวสื่อไปถึงปลายทางแห่งความสุขด้วยกัน

    “อ๋า...ร้องแรงถึงใจดีจริงๆ”จ้าวสื่อเอ่ยออกมาอย่างสุขสม

    “หึหึ ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะพวกเราได้กลิ่นเลือดของพวกสกุลจางล่ะมั้ง พวกเราถึงได้คึกคักกันอย่างนี้”ซูซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย

    “ตั้งแต่จับเจ้าพวกนั้นมา ฉันก็ชักรู้สึกสนุกกับการฆ่า และยังสนุกกับเธอบนเตียงแบบนี้เหมือนยาโด๊ปชั้นดีจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นเลือดของนางจางมินจู มันจะคึกคักสักแค่ไหนกันนะ ฮ่าๆ”

    “ของมันแน่อยู่แล้ว ยาเพิ่มพลังที่ฉันปรุงมันทำให้พวกเรามีพลังในทุกๆด้าน กระจกเงามรณะกับอสรพิษดำ ก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่กำจัดพวกสกุลจางให้สิ้นซากเท่านั้น”ซูซานเอ่ยเสียงเหี้ยม ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไหววูบอยู่ที่นอกหน้าต่าง

    “นั้นใครน่ะ!เธอคว้าผ้าคลุมกายลุกออกไปเปิดม่านออก

    “มีอะไรรึ ซูซาน”จ้าวสื่อลุกออกจากเตียงคว้าผ้าคลุมกายตามร่างระหง

    ซูซานสอดสายตาออกไปยังบริเวณตัวบ้านและรอบๆสนามหญ้าด้านล่างที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจเพราะเมื่อครู่นี้เธอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากทางหน้าต่างห้อง

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ที่รัก ฉันคงรู้สึกไปเอง”เธอหันไปเอ่ยกับจ้าวสื่อ ก่อนที่จะปิดหน้าต่างลงกลอนเหมือนเดิม แต่แล้วสายตาของซูซานก็เหลือบไปเห็นรูเล็กๆบนกระจกหน้าต่าง

    “มีคนบุกเข้ามา!

     

    สองร่างที่กระโดดลงจากกำแพงหินหันกลับไปมองแนวรั้วหิน เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านหลังของกำแพง พวกมันคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนบุกรุกเข้าไปข้างใน เบียงคุขว้างอาวุธลับของตนออกไปทำลายกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านนอกกำแพง ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปกับความมืดมิดยามราตรี

                                    ...............................................................

    มินจูกับเบียงคุกลับมาถึงบ้านสกุลจางอย่างปลอดภัย ตอนนี้พวกเค้ารู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของชายโฉดหญิงชั่วทั้งสองแล้ว

    “เป็นฝีมือของพวกมันจริงๆด้วย”เบียงคุโยนผ้าที่ใช้คลุมหน้าลงบนโต๊ะอย่างแค้นเคือง จนเฉินลองที่อยู่รักษาการณ์ภายในบ้านระหว่างที่มินจูออกไปสืบข่าว หันไปมองหน้าเจ้านายสาวเป็นเชิงถาม

    “กระจกบานใหม่กับอสรพิษดำของพวกมันถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว”มินจูตอบเสียงเรียบ

    “แสดงว่าพวกมันจับคนของเราไป ไม่ใช่แค่เป็นหนูทดลอง แต่คิดจะฆ่าล้างตระกูลจางให้สิ้นซาก”

    “แล้วเราจะไม่ทำอะไรตอบโต้พวกมันเลยหรอครับ นายหญฺง”เบียงคุเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

    “ฉันไม่ยอมให้พวกมันลอยนวลต่อไปได้อีกแน่ ในเมื่อมันแรงมาเราก็ต้องแรงยิ่งกว่าพวกมัน”มินจูเอ่ยเสียงเหี้ยม จนเฉินลองกับเบียงคุหันไปมองหน้ากันอย่างสงสัย ว่านายหญิงของตนกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่

    “ว่าแต่ จิงสงส่งข่าวกลับมาบ้างแล้วรึยัง”

    “ครับ ตอนนี้นายหญิงน้อยถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยแล้วครับ””เฉินลองรายงาน

    “อืม...ดี พวกเราคงต้องรีบลงมือปิดบัญชีแค้นให้มันจบลงเร็วๆเสียแล้ว ถ้าช้าไปกว่านี้ยัยตัวแสบคงจะไม่กลับมาที่นี่จริงๆ”เบียงคุได้ยินประโยคนี้จากนายสาวก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้รู้ถึงใจจริงของมินจูที่ห่วงดอกไม้งามที่ได้จากอ้อมอกของตนไป

    “หัวเราะอะไร เบียงคุ”ดวงตาเล็กเรียวตวัดมองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

    “ปะ เปล่าครับ นายหญิง”เบียงคุหลบสายตาไปทางอื่น เมื่อถูกแววตาที่ขุ่นเคืองจ้องจับผิด

     

    ที่หน้าสถานทูตจีนในประเทศไทย สองสาวเดินถือซองเอกสารออกมาจากตัวอาคาร หลังจากที่ต้องทำเรื่องขอวีซ่าเกือบทั้งวัน รัตเกล้าจึงชวนกีรติไปร้านเสริมสวยและสปา สองสาวสนุกสนานกับการทำสวยและช็อปปิ้งผ่านบัครเครดิตที่มินจูให้เธอไว้ก่อนจะมา เพื่อให้ตรงกับคอนเซท สวย เริ่ด เชิด โสด รัตเกล้ายืนดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ภายในห้องพักของคอนโด หลังจากที่กระหน่ำช็อปปิ้งจนเหนื่อยกลับมาแล้วเธอก็มาลองชุดที่ซื้อมาทันที ตอนนี้รูปร่างของรัตเกล้าผอมได้สัดส่วนกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งมันก็คงเป็นผลจากการฝึกวิชาคมแฝกนั้นเอง ไม่ว่าตอนนี้เธอจะใส่ชุดรัดรูปแบบไหนก็ดูสวยสง่าไปเสียหมด

    “แหมๆพอหุ่นดีเข้าหน่อยก็โชว์เลยนะย่ะ”กีรติเอ่ยแซวเพื่อนสาวที่เอาแต่อยู่ที่หน้ากระจกจนไม่สนใจสิ่งใด

    “เอาน่า อยู่ทางนู้นฉันเก็บกดไม่ค่อยได้โชว์”รัตเกล้าว่า

    “ฮ่าๆ มีสามีขี้หึงขี้หวง ก็ต้องทำใจบ้างเป็นของธรรมดา”กีรติหัวเราะลั่นจนเพื่อนสาวหันไปส่งตาเขียวใส่ ก่อนที่จะหันไปหยิบถุงช็อปปิ้งที่เหลือออกมาเปิดดู

    กีรตินั่งมองเพื่อนสาวที่กำลังเห่อเสื้อผ้าชุดใหม่ จนกระทั้งรัตเกล้าถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อได้เห็นลวดลายของดอกโบตั๋นที่กลางหลังของเพื่อนรัก

    “เฮ้ย! โรส นี่แกแอบไปสักมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

    พอได้ยินกีรติทักรัตเกล้าก็หันหลังให้กระจกเหลียวดูรอยสักเจ้าปัญหา ก่อนที่จะหันไปตอบ

    “ฉันไม่ได้แอบ แต่เค้านั้นแหละแอบวางยาฉัน แล้วให้อาจารย์อู๋ฟานสักให้ นี่คือสัญลักษณ์ของสกุลจาง”

    “ว้าวๆๆๆ คุณมินจูเนี่ยร้ายกาจจริงๆ”

    “ใช่ ร้ายจริงๆ”รัตเกล้าเอ่ยเน้นเสียง ก่อนที่จะเหลียวหลังกลับไปมองดอกโบตั๋นสีแดงสดที่บานสะพรั่งอยู่กลางหลังของตัวเองอีกครั้ง

     

    การกลับมาในลุคใหม่ของลูกสาวคนโตของครอบครัว สร้างความยินดีให้กับทุกคนในบ้านเป้นอย่างมาก เธอนำข้าวของมากมายกลับมาฝากพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรและโสมบำรุงกำลัง รวมไปถึงเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เอาไปฝากน้องชายตัวโตของเธอด้วย พวกเพื่อนๆและญาติพี่น้องต่างก็สนใจในความเปลี่ยนแปลงของรัตเกล้าไม่น้อยเช่นกัน ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระหยิ่มอยู่ในใจทุกครั้งที่มีใครชมว่าสวย จนกระทั้งวันหนึ่ง ขณะที่รัตเกล้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนๆ ก็บังเอิญไปเจอกับนิสากรที่มาซื้อของเข้าร้านขายของชำ ซึ่งเป็นกิจการที่บ้านของเค้านั้นเอง

    “โรส! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”นิสากรเอ่ยทักเธอ เค้ามองรัตเกล้าตาไม่กระพริบ

    ตอนแรกที่เค้าเห็นเธอไกลๆก็คิดว่าอาจจะเป็นคนอื่นที่หน้าตาคล้ายกับเธอ แต่พอสังเกตดูดีๆถึงรู้ว่าเป็นคนๆเดียวกับอดีตคนรักของตน

    “เพิ่งกลับมาได้สองสามวันเอง ดูคุณจะอ้วนถ้วนสมบูรณ์ดีจังนะ”เธอมองความเปลี่ยนแปลงของอดีตคนรักที่มันแตกต่างไปจากเดิมมาก

    “ที่อ้วนก็เพราะกินแต่เบียร์ ไม่มีคนมาดูแลหาข้าวให้กินก็เลยกินเบียร์แทนข้าวซะเลย แต่โรสสิ เปลี่ยนไปมากเลยนะ สวยขึ้นมากจนอุ้มจำแทบไม่ได้เลย”ทอมสาวมองเธอด้วยแววตาที่ชื่นชม

    “พูดเป็นเล่น แล้วแก้วล่ะ”รัตเกล้าเอ่ยพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของนิสากร

    “เลิกกันนานแล้วล่ะ”น้ำเสียงเศร้าๆของนิสากรทำให้รัตเกล้าหรี่ตามองอย่างจับผิด

    “ถึงจะเลิกกันก็เถอะ แต่อย่างอุ้มเนี่ยนะ จะไม่มีแหนสาวมาคอยดูแล”เธอเอ่ยอย่างรู้ทันในนิสัยของทอมสาว ที่เลิกกันก็คงแอบมีผู้หญิงอื่นอีกล่ะสิ รัตเกล้าแอบตั้งข้อสงสัยอยู่ในใจ

    “ไม่มีแล้วจริงๆ วันนี้ยังมาซื้อของเข้าร้านคนเดียวเลย”นิสากรปฏิเสธลั่น

    รัตเกล้ามองหน้านิสากรเหมือนจับพิรุธ แต่ก็ไม่เห็นแววกะล่อนในดวงตาคู่นั้นของเค้า ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าคนเจ้าชู้กะล่อนจีบสาวไปทั่วอย่างเค้า จะมีแววตาที่จริงใจเหมือนเมื่อครั้งที่เค้าทำให้เธอรักได้อย่างสุดหัวใจ

    “แย่จังเลยนะ ที่มันกลายมาเป็นแบบนี้”

    “ก็เริ่มจะชินแล้วล่ะ ไอ้การอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้”นิสากรเอ่ยเสียงเศร้าจนรัตเกล้ารู้สึกไหววูบกับท่าทีของเค้า

    เสียงเรียกของเพื่อนๆทำให้รัตเกล้าหันไปมองพวกเธอที่กลับมาจากไปเข้าห้องน้ำ แล้วออกมายืนรอเธอเพื่อไปเดินเที่ยวที่อื่นต่อ

    “โรสต้องไปแล้วนะ อุ้ม”เธอหันไปบอกกับเค้า

    “เอ่อ...เดี๋ยวก่อนสิ โรสยังใช้เบอร์เดิมอยู่รึเปล่า”

    “เบอร์หรอ น้องชายเอาไปใช้น่ะ โทรเข้าเบอร์บ้านก็แล้วกัน เพราะโรสไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว จะอยู่กับบ้านนั่งเล่นคอมฯมากกว่า”เธอว่า

    “งั้น...อุ้มโทรหาได้มั้ย”นิสากรมองเธอด้วยแววตาเว้าวอน

    “อืม ได้สิ ถ้าอยู่บ้านก็ได้คุยกันแน่ค่ะ ไปก่อนนะค่ะ”เธอเอ่ยก่อนที่จะเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆชองตัวเอง โดยมีสายตาของนิสากรมองตามหลังอย่างเสียดาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×