คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : รักเก่าที่บ้านเกิด
รถยนต์คันงามแล่นออกสู่ถนนสายหลักในตัวเมืองเซียงไฮ้ จิงสงเหลือบไปมองเงาสะท้อนในกระจกส่องด้านหลัง หูก็ฟังคำสั่งที่ถูกถ่ายทอดจากบลูธูทตัวจิ๋วที่เสียบหูเอาไว้ รัตเกล้าเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนกีรติที่นั่งมาด้วยกันส่ายหน้าอย่างระอาในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสาว ที่นับวันๆจะกลายเป็นนางมารร้ายเข้าไปทุกทีๆ รัตเกล้าเอาแต่คิดโมโหมินจูจนไม่ทันสังเกตคนรอบข้าง ที่ลอบมองเธอด้วยสายตาที่หวั่นเกรงราวกับว่าเธอคือระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ก็จะไม่ให้รัตเกล้าโมโหมินจูได้อย่างไรล่ะในเมื่อมินจูเห็นงานสำคัญกว่าเธอ
“รับทราบครับ”เสียงของจิงสงทำให้รัตเกล้าหันไปมองอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือค่ะ คุณจิงสง”เธอตวัดเสียงถาม
“อ้า...เอ่อ...เมื่อสักครู่นี้นายหญิงใหญ่ โทรมาบอกให้ผมจัดการส่งนายหญิงน้อยให้ถึงสนามบินอย่างปลอดภัยครับ”จิงสงเอ่ยพร้อมกับเหลือบไปมองกระจกส่องด้านหลังเพื่อสังเกตท่าทางของหญิงสาว
“ชิ! ทำมาเป็นห่วง เมื่อกี้ยังไล่อยู่เลย อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับเข้าบ้านสกุลจางง่ายๆอีก จะนอนอยู่บ้านสักสองสามเดือนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“อะโหย เพื่อนฉันแรงนะเนี่ย แค้นฝั่งหุ่นหรอย่ะหล่อน”กีรติอดใจที่จะแหว่ะเพื่อนสาวไม่ได้
“ก็มันน่าโมโหจริงๆนี่ เมื่อวานยังบอกฉันว่าไม่อยากให้ไป จนฉันต้องยอมหิ้วเค้าไปด้วยถึงยอมให้กลับบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ดันทิ้งฉันกลางคันซะงั้น”รัตเกล้าทำเสียงกระฟัดกระเฟียดใส่
“แกก็เห็นอยู่นี่ ว่าคุณมินจูมีงานสำคัญเข้ามา แล้วแกจะให้เค้าทิ้งธุรกิจพันๆล้านของเค้าไปเที่ยวกับแกเนี่ยนะ แกกลายเป็นคนเอาแต่ใจขี้วีนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”คำพูดของเพื่อนรักทำเอารัตเกล้าถึงกับชะงัก
“นี่ฉัน...เป็นแบบนั้นจริงๆหรอ”
“ก็เออน่ะสิ แกเปลี่ยนไปนะ รู้ตัวบ้างมั้ย”
“สงสัยคงจะติดเชื้อมาจากคุณมินจูแน่ๆเลย ช่างเถอะๆไม่มีเค้าก็ดีเหมือนกัน กลับเมืองไทยไปแบบ สวย เริ่ด เชิด โสด แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว”รัตเกล้าเชิดหน้าวางมาดนางพญาจนกีรติหัวเราะออกมา
“เออ แบบนี้แหละ ค่อยสมเป็นแกหน่อย”
ที่ห้องทำงานภายในบ้านบ้านสกุลจาง มินจูนั่งดูภาพถ่ายของศพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทเหมือนอย่างเคย คงจะมีเพียงแต่เฉินลองเท่านั้นที่ล่วงรู้ถึงจุดเดือดข้างในใจของเจ้านายสาว ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งสนิทแทบจะคลั่งเมื่อได้เห็นสภาพศพที่ถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ แทบไม่ต้องจะสันนิฐานเลยเธอก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขี้นมาทั้งหมดเป็นฝีมือของใคร
“บัดซบที่สุด!”มินจูระเบิดโทสะโยนรูปภายลงบนโต๊ะ จนเบียงคุสะดุ้งเฮือกเมื่อเหลือบไปเห็นดวงตาที่ดุดันของเธอ
“พวกหมาลอบกัด มันจงใจจะฆ่าเฉพาะคนของสกุลจางเท่านั้น พวกมันกำลังประกาศศึกกับพวกเรา ตอนนี้มันคงจะได้กระจกบานใหม่กับอสรพิษดำที่ร้ายกาจกว่าเดิมเป็นแน่”มินจูกัดฟันข่มความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจ
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะเตือนคนของเราให้ระวังตัวมากขึ้น เพราะไม่แน่ที่พวกมันอาจจะเริ่มลงมืออีกเมื่อไหร่ก็ได้”เฉินลองเสนอซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
“เอ่อ...นายหญิง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงถึงต้องส่งฮูหยินกลับเมืองไทย ทั้งๆที่ถ้ามีฮูหยินอยู่ช่วยคงจะดีกว่านะครับ”เบียงคุถาม
“จริงอยู่ที่ฝีมือคมแฝกของเค้าจะเก่งกาจ แต่ถ้าพูดถึงประสบการณ์ในเชิงสู้รบ ยัยนั้นอ่อนหัดที่สุด ส่งกลับเมืองไทยไปนั้นแหละดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยอยู่ที่นั้นก็ปลอดภัย”มินจูไขข้อสงสัยให้เบียงคุ
“เราคงจะอยู่รอให้พวกมันลงมือก่อนไม่ได้ ถ้าเราอยากจะได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ เห็นทีคืนนี้เราคงต้องไปเยี่ยมถ้ำเสือกันสักหน่อยแล้ว”มินจูเอ่ยเสียงเหี้ยม
“ถ้าอย่างนั้น ผมขออาสาตามนายหญิงไปด้วยครับ”เบียงคุเสนอตัว
“ดี คืนนี้เราจะไปบุกถ้ำเสือกัน”มินจูกระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนึกถึงแผนการที่ตนกำลังจะเนินการในคืนนี้
ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รัตเกล้ากับกีรติเดินทางมาถึงบ้านเกิดของพวกเธออย่างปลอดภัย ร่างหนาหิ้วกระเป๋าของตัวเองขึ้นรถแท็กซี่พร้อมกับเพื่อนสาว เพื่อเดินทางเข้าสู้กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเธอ โดยที่รัตเกล้าไม่รู้เลยว่าได้ถูกจิงสงแอบสะกดรอยตามขึ้นเครื่องมาพร้อมกับเธอด้วย
“โอย...ร้อยชะมัด สมแล้วที่เป็นบ้านเรา”กีรติบ่นอุบอิบดึงกระดาษทิทชูขึ้นมาซับหน้า
“นั้นน่ะสิ แดดแรงแบบนี้ไวท์เทนนิ่งสิบขวดก็เอาไม่อยู่ ผิวฉันอุตส่าห์ขาวแล้วแท้ๆอยู่ที่นี่นานๆท่าจะกลับไปดำตับเป็ดเหมือนอีกแน่”รัตเกล้ามองท้องฟ้าที่ร้อนแรงด้วยแสงอาทิตย์ผ่านกระจกรถ
“แต่ถึงแกจะดำแค่ไหน ยังไงคุณมินจูก็รักแกอยู่แล้วล่ะน่า”
“นี่! แกอย่าเอ่อชื่อนี้จะได้มั้ย อารมณ์เสียวะ”รัตเกล้าหันไปจิกสายตาใส่เพื่อน
“ล้อเล่นน่าเพื่อนสาว อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปสิจ้ะ อากาศร้อนแล้วอารมณ์ก็อย่าร้อนตามสิจ้ะ”กีรติพูดเสียงหวานเอาใจเพื่อนสาวที่กำลังเข้าสู่โหมดนางมารร้าย
รถแท็กซี่ขับพาผู้โดยสารสาวทั้งสองแล่นผ่านการจราจรที่คับคั่งบนท้องถนน รัตเกล้ามองสภาพบ้านเมืองที่ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อครั้งที่เธอจากไปเลยสักนิด จนในที่สุดรถก็จอดที่หน้าคอนโดสูงสามสิบชั้นใจกลางเมืองกรุง ซึ่งเป็นที่พักของกีรติตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในรั่วมหาวิทยาลัย พวกเธอจะพักอยู่ที่ก่อนเพื่อทำเรื่องขอวีซ่าก่อนที่รัตเกล้าจะกลับไปบ้านของตัวเองที่อยู่ในต่างจังหวัด และคืนนี้สองสาวก็วางแผนไว้แล้วว่าจะออกไปหาของกินอร่อยๆแซบๆให้หายคิดถึงเมืองไทย เพราะตั้งแต่รัตเกล้าเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจางเธอก็ได้กินแต่อาหารจีนจนเลียนลิ้น
อีกด้านหนึ่งของช่วงดึกสงัด นอกกำแพงรั้วหินของบ้านสกุลโจว ร่างสูงในชุดแต่งกายสีดำคล้ายนินจาปิดหน้าปิดตาจนเหลือแค่ดวงตา ร่างสูงทั้งสองกำลังยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้เมื่อเห็นยามที่กำลังเดินลาดตระเวนผ่านมา จนยามพวกนั้นเดินห่างออกไปทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อน มินจูกับเบี่ยงคุในคราบนินจากระโดดปีนกำแพงหินด้วยวิชาตัวเบา พร้อมกับขว้างมีดสั้นออกไปตัดสายไฟกล้องวงจรปิดที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่จะไต่ไปตามแนวกำแพงเพื่อหลบสายตาของเวรยาม มินจูส่งสัญญาณให้เบียงคุหันไปดูอะไรบางอย่างที่ด้านล่าง กลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนกำลังช่วยกันหิ้วถุงดำใบใหญ่หลายใบออกมากองอยู่บริเวณกลางสวน เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์นั้นกลับเข้าไปด้านในแล้ว มินจูกับเบียงคุจึงลงไปตรวจสอบกองถุงดำนั้น ทันทีที่พวกเค้าเปิดถุงออกก็ต้องตกตะลึง เมื่อสิ่งที่อยู่ภายในถุงดำนั้นคือศพ! เบียงคุตรวจสอบสภาพศพก็รู้ได้ทันทีว่าทุกคนเสียชีวิตเพราะถูกพิษ
“คนพวกนี้ คงจะเป็นคนของเราแน่ๆครับ นายหญิง”เบียงคุว่า
“พวกเราเข้าไปดูข้างในกันดีกว่า ฉันอยากรู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่”มินจูว่าก่อนที่จะนำหน้าเบียงคุ กระโดดตัวลอยขึ้นไปยังระเบียงชั้นสองโดยมีเบียงคุตามไปอย่างกระชั้นชิด
เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังแว่วมาจากหน้าต่างห้องๆหนึ่ง มินจูค่อยไย่องไต่ไปตามระเบียงจนมาถึงหน้าต่างห้องที่มาของเสียง เธอใช้ปลายมีดหัวมังกรกรีดกระจกสีชาจนเป็นรูเล็กๆ ที่พอจะสามารถมองทะลุผ่านเข้าไปข้างในได้ ส่วนเบียงคุก็เอาหูแนบไปกับหน้าต่างเพื่อฟังเสียงจากด้านใน
ภายในห้องนั้นสองร่างเปลือยเปล่ากำลังระเริงกามอยู่บนเตียงกันอย่างเมามันส์ ซูซานเป็นฝ่ายควบคุมเกมราคะอยู่เหนือร่างกำยำ ที่นอนครางกระเส้าด้วยไฟพิศวาสที่หญิงสาวปรนเปรอให้ จนในที่สุดเธอก็นำพาจ้าวสื่อไปถึงปลายทางแห่งความสุขด้วยกัน
“อ๋า...ร้องแรงถึงใจดีจริงๆ”จ้าวสื่อเอ่ยออกมาอย่างสุขสม
“หึหึ ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะพวกเราได้กลิ่นเลือดของพวกสกุลจางล่ะมั้ง พวกเราถึงได้คึกคักกันอย่างนี้”ซูซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย
“ตั้งแต่จับเจ้าพวกนั้นมา ฉันก็ชักรู้สึกสนุกกับการฆ่า และยังสนุกกับเธอบนเตียงแบบนี้เหมือนยาโด๊ปชั้นดีจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นเลือดของนางจางมินจู มันจะคึกคักสักแค่ไหนกันนะ ฮ่าๆ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว ยาเพิ่มพลังที่ฉันปรุงมันทำให้พวกเรามีพลังในทุกๆด้าน กระจกเงามรณะกับอสรพิษดำ ก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์แล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่กำจัดพวกสกุลจางให้สิ้นซากเท่านั้น”ซูซานเอ่ยเสียงเหี้ยม ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไหววูบอยู่ที่นอกหน้าต่าง
“นั้นใครน่ะ!”เธอคว้าผ้าคลุมกายลุกออกไปเปิดม่านออก
“มีอะไรรึ ซูซาน”จ้าวสื่อลุกออกจากเตียงคว้าผ้าคลุมกายตามร่างระหง
ซูซานสอดสายตาออกไปยังบริเวณตัวบ้านและรอบๆสนามหญ้าด้านล่างที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจเพราะเมื่อครู่นี้เธอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากทางหน้าต่างห้อง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ที่รัก ฉันคงรู้สึกไปเอง”เธอหันไปเอ่ยกับจ้าวสื่อ ก่อนที่จะปิดหน้าต่างลงกลอนเหมือนเดิม แต่แล้วสายตาของซูซานก็เหลือบไปเห็นรูเล็กๆบนกระจกหน้าต่าง
“มีคนบุกเข้ามา!”
สองร่างที่กระโดดลงจากกำแพงหินหันกลับไปมองแนวรั้วหิน เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านหลังของกำแพง พวกมันคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนบุกรุกเข้าไปข้างใน เบียงคุขว้างอาวุธลับของตนออกไปทำลายกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านนอกกำแพง ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปกับความมืดมิดยามราตรี
...............................................................
มินจูกับเบียงคุกลับมาถึงบ้านสกุลจางอย่างปลอดภัย ตอนนี้พวกเค้ารู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของชายโฉดหญิงชั่วทั้งสองแล้ว
“เป็นฝีมือของพวกมันจริงๆด้วย”เบียงคุโยนผ้าที่ใช้คลุมหน้าลงบนโต๊ะอย่างแค้นเคือง จนเฉินลองที่อยู่รักษาการณ์ภายในบ้านระหว่างที่มินจูออกไปสืบข่าว หันไปมองหน้าเจ้านายสาวเป็นเชิงถาม
“กระจกบานใหม่กับอสรพิษดำของพวกมันถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว”มินจูตอบเสียงเรียบ
“แสดงว่าพวกมันจับคนของเราไป ไม่ใช่แค่เป็นหนูทดลอง แต่คิดจะฆ่าล้างตระกูลจางให้สิ้นซาก”
“แล้วเราจะไม่ทำอะไรตอบโต้พวกมันเลยหรอครับ นายหญฺง”เบียงคุเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ฉันไม่ยอมให้พวกมันลอยนวลต่อไปได้อีกแน่ ในเมื่อมันแรงมาเราก็ต้องแรงยิ่งกว่าพวกมัน”มินจูเอ่ยเสียงเหี้ยม จนเฉินลองกับเบียงคุหันไปมองหน้ากันอย่างสงสัย ว่านายหญิงของตนกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่
“ว่าแต่ จิงสงส่งข่าวกลับมาบ้างแล้วรึยัง”
“ครับ ตอนนี้นายหญิงน้อยถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยแล้วครับ””เฉินลองรายงาน
“อืม...ดี พวกเราคงต้องรีบลงมือปิดบัญชีแค้นให้มันจบลงเร็วๆเสียแล้ว ถ้าช้าไปกว่านี้ยัยตัวแสบคงจะไม่กลับมาที่นี่จริงๆ”เบียงคุได้ยินประโยคนี้จากนายสาวก็หลุดหัวเราะออกมา เมื่อได้รู้ถึงใจจริงของมินจูที่ห่วงดอกไม้งามที่ได้จากอ้อมอกของตนไป
“หัวเราะอะไร เบียงคุ”ดวงตาเล็กเรียวตวัดมองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“ปะ เปล่าครับ นายหญิง”เบียงคุหลบสายตาไปทางอื่น เมื่อถูกแววตาที่ขุ่นเคืองจ้องจับผิด
ที่หน้าสถานทูตจีนในประเทศไทย สองสาวเดินถือซองเอกสารออกมาจากตัวอาคาร หลังจากที่ต้องทำเรื่องขอวีซ่าเกือบทั้งวัน รัตเกล้าจึงชวนกีรติไปร้านเสริมสวยและสปา สองสาวสนุกสนานกับการทำสวยและช็อปปิ้งผ่านบัครเครดิตที่มินจูให้เธอไว้ก่อนจะมา เพื่อให้ตรงกับคอนเซท สวย เริ่ด เชิด โสด รัตเกล้ายืนดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ภายในห้องพักของคอนโด หลังจากที่กระหน่ำช็อปปิ้งจนเหนื่อยกลับมาแล้วเธอก็มาลองชุดที่ซื้อมาทันที ตอนนี้รูปร่างของรัตเกล้าผอมได้สัดส่วนกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งมันก็คงเป็นผลจากการฝึกวิชาคมแฝกนั้นเอง ไม่ว่าตอนนี้เธอจะใส่ชุดรัดรูปแบบไหนก็ดูสวยสง่าไปเสียหมด
“แหมๆพอหุ่นดีเข้าหน่อยก็โชว์เลยนะย่ะ”กีรติเอ่ยแซวเพื่อนสาวที่เอาแต่อยู่ที่หน้ากระจกจนไม่สนใจสิ่งใด
“เอาน่า อยู่ทางนู้นฉันเก็บกดไม่ค่อยได้โชว์”รัตเกล้าว่า
“ฮ่าๆ มีสามีขี้หึงขี้หวง ก็ต้องทำใจบ้างเป็นของธรรมดา”กีรติหัวเราะลั่นจนเพื่อนสาวหันไปส่งตาเขียวใส่ ก่อนที่จะหันไปหยิบถุงช็อปปิ้งที่เหลือออกมาเปิดดู
กีรตินั่งมองเพื่อนสาวที่กำลังเห่อเสื้อผ้าชุดใหม่ จนกระทั้งรัตเกล้าถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อได้เห็นลวดลายของดอกโบตั๋นที่กลางหลังของเพื่อนรัก
“เฮ้ย! โรส นี่แกแอบไปสักมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
พอได้ยินกีรติทักรัตเกล้าก็หันหลังให้กระจกเหลียวดูรอยสักเจ้าปัญหา ก่อนที่จะหันไปตอบ
“ฉันไม่ได้แอบ แต่เค้านั้นแหละแอบวางยาฉัน แล้วให้อาจารย์อู๋ฟานสักให้ นี่คือสัญลักษณ์ของสกุลจาง”
“ว้าวๆๆๆ คุณมินจูเนี่ยร้ายกาจจริงๆ”
“ใช่ ร้ายจริงๆ”รัตเกล้าเอ่ยเน้นเสียง ก่อนที่จะเหลียวหลังกลับไปมองดอกโบตั๋นสีแดงสดที่บานสะพรั่งอยู่กลางหลังของตัวเองอีกครั้ง
การกลับมาในลุคใหม่ของลูกสาวคนโตของครอบครัว สร้างความยินดีให้กับทุกคนในบ้านเป้นอย่างมาก เธอนำข้าวของมากมายกลับมาฝากพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรและโสมบำรุงกำลัง รวมไปถึงเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เอาไปฝากน้องชายตัวโตของเธอด้วย พวกเพื่อนๆและญาติพี่น้องต่างก็สนใจในความเปลี่ยนแปลงของรัตเกล้าไม่น้อยเช่นกัน ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระหยิ่มอยู่ในใจทุกครั้งที่มีใครชมว่าสวย จนกระทั้งวันหนึ่ง ขณะที่รัตเกล้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนๆ ก็บังเอิญไปเจอกับนิสากรที่มาซื้อของเข้าร้านขายของชำ ซึ่งเป็นกิจการที่บ้านของเค้านั้นเอง
“โรส! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”นิสากรเอ่ยทักเธอ เค้ามองรัตเกล้าตาไม่กระพริบ
ตอนแรกที่เค้าเห็นเธอไกลๆก็คิดว่าอาจจะเป็นคนอื่นที่หน้าตาคล้ายกับเธอ แต่พอสังเกตดูดีๆถึงรู้ว่าเป็นคนๆเดียวกับอดีตคนรักของตน
“เพิ่งกลับมาได้สองสามวันเอง ดูคุณจะอ้วนถ้วนสมบูรณ์ดีจังนะ”เธอมองความเปลี่ยนแปลงของอดีตคนรักที่มันแตกต่างไปจากเดิมมาก
“ที่อ้วนก็เพราะกินแต่เบียร์ ไม่มีคนมาดูแลหาข้าวให้กินก็เลยกินเบียร์แทนข้าวซะเลย แต่โรสสิ เปลี่ยนไปมากเลยนะ สวยขึ้นมากจนอุ้มจำแทบไม่ได้เลย”ทอมสาวมองเธอด้วยแววตาที่ชื่นชม
“พูดเป็นเล่น แล้วแก้วล่ะ”รัตเกล้าเอ่ยพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของนิสากร
“เลิกกันนานแล้วล่ะ”น้ำเสียงเศร้าๆของนิสากรทำให้รัตเกล้าหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ถึงจะเลิกกันก็เถอะ แต่อย่างอุ้มเนี่ยนะ จะไม่มีแหนสาวมาคอยดูแล”เธอเอ่ยอย่างรู้ทันในนิสัยของทอมสาว ที่เลิกกันก็คงแอบมีผู้หญิงอื่นอีกล่ะสิ รัตเกล้าแอบตั้งข้อสงสัยอยู่ในใจ
“ไม่มีแล้วจริงๆ วันนี้ยังมาซื้อของเข้าร้านคนเดียวเลย”นิสากรปฏิเสธลั่น
รัตเกล้ามองหน้านิสากรเหมือนจับพิรุธ แต่ก็ไม่เห็นแววกะล่อนในดวงตาคู่นั้นของเค้า ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าคนเจ้าชู้กะล่อนจีบสาวไปทั่วอย่างเค้า จะมีแววตาที่จริงใจเหมือนเมื่อครั้งที่เค้าทำให้เธอรักได้อย่างสุดหัวใจ
“แย่จังเลยนะ ที่มันกลายมาเป็นแบบนี้”
“ก็เริ่มจะชินแล้วล่ะ ไอ้การอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้”นิสากรเอ่ยเสียงเศร้าจนรัตเกล้ารู้สึกไหววูบกับท่าทีของเค้า
เสียงเรียกของเพื่อนๆทำให้รัตเกล้าหันไปมองพวกเธอที่กลับมาจากไปเข้าห้องน้ำ แล้วออกมายืนรอเธอเพื่อไปเดินเที่ยวที่อื่นต่อ
“โรสต้องไปแล้วนะ อุ้ม”เธอหันไปบอกกับเค้า
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนสิ โรสยังใช้เบอร์เดิมอยู่รึเปล่า”
“เบอร์หรอ น้องชายเอาไปใช้น่ะ โทรเข้าเบอร์บ้านก็แล้วกัน เพราะโรสไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว จะอยู่กับบ้านนั่งเล่นคอมฯมากกว่า”เธอว่า
“งั้น...อุ้มโทรหาได้มั้ย”นิสากรมองเธอด้วยแววตาเว้าวอน
“อืม ได้สิ ถ้าอยู่บ้านก็ได้คุยกันแน่ค่ะ ไปก่อนนะค่ะ”เธอเอ่ยก่อนที่จะเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆชองตัวเอง โดยมีสายตาของนิสากรมองตามหลังอย่างเสียดาย
ความคิดเห็น