ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กิ๊กหัวใจให้ลงล๊อก (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #46 : ศึกสองตระกูล

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.12K
      7
      7 ก.ย. 53

    ได้เวลาระเบิดความมันส์กันแว้วววว ขออภัยที่มาอัพช้านะจ้ะ ไรเตอร์ช่วยเพื่อนเขียนบทละครพอเขียนเสร็จไรเตอร์ก็รีบมาอัพต่อทันที กลัวว่าเดี๋ยวแฟนๆจะเสียอารมณ์ เอ้ามาต่อกันเลยดีกว่า โย้วๆๆ


    เมื่อรู้ว่าอดีตคนรักของตัวเองกลับมา นิสากรก็ออกลายนักรักตามเอาอกเอาใจรัตเกล้า ด้วยหวังจะผูกสัมพันธ์เก่าๆให้กลับมาเหมือนดั่งวันวาน รัตเกล้ามองทอมสาวอย่างรู้ทันความคิดของเค้า แต่ก็ทำเป็นนิ่งเฉยเล่นตามเกมของเค้าไปก่อน เมื่อนิสากรมาหาเธอที่บ้านเพื่อรับออกไปทานข้าวด้วยกัน

    “เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้นานแล้วนะ”นิสากรว่า ขณะที่พวกเธอนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

    “ใช่ นานมาก แทบจะจำไม่ได้”รัตเกล้าเอ่ยเน้นเสียงแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม

    “เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา มันทำให้อุ้มได้รู้ว่าในใจของอุ้มยังคงมีใครคนหนึ่งอยู่ในนั้น”เค้าเอ่ยเสียงอ่อยก้มหน้าเหมือนคนสำนึกผิด

    “ใครกันหรอ ที่เป็นผู้หญิงโชคร้ายคนนั้น”คำพูดของรัตเกล้าเหมือนจะแกล้งแซวแต่ลึกๆแล้วเธอกำลังเหน็บแหนมเค้าอยู่

    “ทำไมโรสพูดแบบนี้ล่ะ”นิสากรเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนเด็กไร้เดียงสา

    “แหม...ก็แค่หยอกเล่น ทำเป็นจริงจังไปได้ สั่งอาหารกันเถอะหิวแล้ว”รัตเกล้ารีบเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการเชิญชวนให้นิสากรสนใจเมนูอาหาร

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของทั้งสองคนมีแต่ความสนุกสนาน เหมือนได้ย้อนเวล่ากลับไปในวันวานที่ความรักของทั้งสองนั้นหวานชื่น รัตเกล้ารู้สึกเป็นสุขที่ได้ย้อนกลับมาที่ตรงนี้อีกครั้ง แต่ความทรงจำอันเลวร้ายที่นิสากรได้ฝากฝั่งไว้ในใจของเธอนั้น มันไม่สามารถลบลงได้แค่การกระทำที่ดูดีในตอนนี้ของเค้า

     

    รัตเกล้าอยากรู้เรื่องราวของนิสากรหลังจากที่เธอจากไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และข่าวสารที่เธอได้รับเป็นบางส่วนเมื่อครั้งที่ยังทำงานอยู่ที่เซียะเหมินมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็คงจะเป็นชลลดา อดีตคนรักที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเค้านั้นเองแต่เมื่อเธอลองติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์เดิมที่เคยใช้ก็รู้ว่าชลลดาได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้ว รัตเกล้ารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่แหล่งข้อมูลเดียวที่เธอมีอยู่ตอนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่คนอย่างรัตเกล้าไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ในเมื่อเธอต้องการรู้อะไรสักอย่างไม่ว่ายังไงก็ต้องหาทางออกให้จนได้

    “อ้าว...โรส มาหาอุ้มหรอ ดีใจจัง”นิสากรเอ่ยเสียงใสเมื่อเห็นรัตเกล้าเดินเข้ามาในร้านค้าของตน

    “ก็ไม่เชิงหรอก แค่แวะมาซื้อของค่ะ”รัตเกล้าส่งยิ้มหวานอย่างจงใจให้ เธอตั้งใจมาหานิสากรเพื่อมาหลอกถามเอาความจริงจากปากของเค้า

    “โธ่...ไอ้เราก็หลงดีใจ”นิสากรทำท่าทำทางว่าน้อยอกน้อยใจ ทำให้รัตเกล้านึกถึงสมัยที่เค้าจีบเธอใหม่ๆ ลาลีท่าทางไม่ต่างจากตอนนั้นเลยสักนิด

    “ที่มาเนี่ย ก็อยากให้คนแถวๆนี้เลี้ยงไอติมสักหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครอยากจะเลี้ยงไอติมเราบ้างมั้ยนะ”รัตเกล้าหยอดถ้อยคำทีเล่นทีจริงใส่ทอมสาว

    “แล้วอยากกินไอติมรสอะไรดีล่ะครับ เดี๋ยวคนใจดีแถวนี้จะช่วยเลี้ยง”นิสากรเผยรอยยิ้มดีใจออกมาซึ่งมันก็เริ่มเข้าทางเธอไปทุกทีๆ

    “เอารสกาแฟนะ”รัตเกล้าชี้นิ้วลงไปในตู้แช่ไอศกรีมที่อยู่ข้างๆโต๊ะเก็บเงิน ก่อนที่จะทำเป็นเดินไปมองนั้นมองนี่ในร้าน ระหว่างรอให้นิสากรเอาไอศกรีมออกมาให้ตัวเอง

    “อยู่ร้านคนเดียวแบบนี้ก็เหงาเนอะ น่าเสียดายที่แก้วไม่ได้อยู่ช่วย”คำพูดของเธอทำให้ทอมสาวชะงักไปเล็กน้อย

    “อย่าไปพูดถึงเค้าเลย”นิสากรส่งไอศกรีมให้เธอ

    “ทำไมไม่ลองไปง้อแก้วล่ะ ถ้าแก้วไม่รักอุ้มจริง คงทนอยู่กับอุ้มไม่ได้นานขนาดนี้หรอก”

    “มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ในเมื่อเค้าเก็บข้าวของกลับบ้านเค้าไปแล้วล่ะ”นิสากรหลบสายตาที่มองเค้าอย่างคาดคั้นเดินเลี่ยงหญิงสาวกลับไปนั่งประจำที่โต๊ะเก็บเงิน

    รัตเกล้ารู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่หลอกถามทอมสาวไม่สำเร็จ ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจท่าทีของนิสากร เธอชวนเค้าคุยเรื่องเก่าๆไปเรื่อยๆเผื่อได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาบ้าง และขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่นั้น น้องอ้อยเด็กสาวข้างบ้านก็เดินเข้ามาภายในร้านเห็นนิสากรกำลังคุยหยอกล้อกับสาวก็เอ่ยแซว

    “มีแฟนใหม่เร็วจริงๆ พี่อุ้ม”รัตเกล้าหันไปมองเด็กสาวผู้มาเยือน น้องอ้อยถึงกับตกใจที่ได้เห็นหน้าเธอ

    “อ้าว!พี่โรสนี่ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ สวยขึ้นจนอ้อยจำไม่ได้เลย”

    “ก็กลับมาได้สองสามวันแล้วล่ะ”เธอส่งยิ้มให้

    “งั้นก็แสดงว่า พี่โรสกลับมาคบกับพี่อุ้มใหม่หรอค่ะ”เด็กสาวแสดงความอยากรู้จนรัตเกล้ารู้สึกสะดุดในใจขึ้นมา

    “อย่าพูดมาก จะเอาอะไรก็ว่ามา”นิสากรเอ่ยขัดขึ้นเมื่อคำถามที่เด็กสาวถามไปนั้น ยังไม่มีคำตอบอย่างแน่ชัด

    น้องอ้อยเดาะลิ้นอย่างขัดใจก่อนที่จะเดินไปหยิบสินค้าภายในร้านออกมาคิดเงิน โดยที่มีสายตาของรัตเกล้าจับจ้องไปที่เด็กสาวอยู่ตลอดเวลา

    “โธ่...รู้หรอกน่า ว่าอยากจะไล่ให้ไปเร็วๆ ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอก็ได้ว่ะ”น้องอ้อยเอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินออกไป

    รัตเกล้าอาศัยจังหวะที่ลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้านขอตัวกลับไปก่อน แม้นิสากรจะรู้สีกเสียดายอยู่บ้างแต่ก็จำยอมให้เธอไป พอออกจากร้านค้าได้รัตเกล้าก็รีบตรงไปยังบ้านหลังข้างเคียงซึ่งเป็นบ้านของน้องอ้อยทันที

    “อ้อย พี่มีเรื่องอยากจะถามเราหน่อย”เด็กสาวหันไปมองรัตเกล้าที่ยืนอยู่หน้าบ้านของตนอย่างแปลกใจ

    “เรื่องอะไรหรอค่ะ พี่โรส”

    “ถ้าเรารู้ลึกรู้จริง พี่จะมีรางวัลให้”เธอเอ่ยพร้อมกับหยิบธนบัตรหนึ่งพันบาทออกมาโชว์ เด็กสาวถึงกับตาโตเมือ่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของหญิงสาว รัตเกล้าเผยรอยยิ้มเยือกเย็นดุจนางมารร้ายออกมา

     

    ณ บ้านสกุลโจว ตั้งแต่มีผู้บุกรุกเข้ามา ซูซานก็สั่งให้ลูกน้องเดินเวรยามตรวจตราหนาแน่นมากกว่าเดิม ต้าอี้ตั้งข้อสงสัยหลังจากที่กลับมาจากห้องควบคุมแล้วต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อกล้องวงจรปิดทุกตัวไม่สามารถบันทึกภาพผู้บุกรุกได้เลย ลูกน้องของเขารายงานว่าสายไฟที่กล้องบริเวณกำแพงทางด้านทิศใต้ถูกตัดขาดจนหมด ทำให้ต้าอี้รู้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามามีฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

                “หรือว่าจะเป็นพวกสุกลจางครับ นายท่าน”ต้าอี้ว่า

                    “อืม...ก็อาจจะเป็นได้ ว่านางมินจูมันส่งคนเข้ามาสอดแหนมพวกเรา”จ้าวสื่อเอ่ยอย่างเห็นด้วย

    “คนที่ส่งเข้ามามีฝีมือใช่ย่อย ถึงได้สามารถลอบเข้ามาโดยที่พวกเราไม่รู้ได้”ต้าอี้ว่า

    “ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม แต่แผนการของเราก็ต้องดำเนินต่อไป สายของเรารายงานมาว่า ตอนนี้ผู้หญิงของมันกลับเมืองไทย ฉันมีความคิดว่าเราควรจะส่งนักฆ่าไปเก็บนังนั้นซะ เพราะมันก็เป็นตัวอันตรายของพวกเราเหมือนกัน”ซูซานออกความคิด

    “ถ้าอย่างนั้น ต้าอี้ ฉันขอมอบหมายงานนี้ให้แกเป็นคนจัดการนังนั้น ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องฆ่ามันให้ได้ และงานนี้ก็ห้ามมีคำว่าพลาดด้วย เข้าใจมั้ย!”น้ำเสียงดุดันของจ้าวสื่อทำเอาต้าอี้ถึงกับขนลุกไม่น้อย

    “ครับ นายท่าน ผมขอรับประกันว่านังนั้นมันจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาที่นี่ได้อีกแน่นอน”

     

    อีกด้านหนึ่ง บนเนินเขาเล็กๆกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนกำลังเดินแหวกต้นหญ้าที่สูงท่วมหัวจนลาดเป็นทางยาว จนพ้นออกมาจากทุ่งหญ้าก็เป็นทางลาดลงเนิน และเบื้องหน้าของพวกเขาก็คือคฤหาสน์หลังงามของสกุลโจว มินจูในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวก้าวออกมาจากกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนมองออกไปยังเบื้องล่าง เฉินลองกับเบียงคุพร้อมกับเหล่ายอดฝีมือของตระกูลจาง รู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่วันนี้พวกเขาจะได้ล้างแค้นให้กับพี่น้องที่ถูกพวกสกุลโจวฆ่าตายอย่างทารุณ

    “พวกแกทุกคนฟังให้ดี วันนี้ฉันต้องการปิดบัญชีกับพวกมัน เพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องของพวกเราที่ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม และวันนี้พวกเราก็จะประกาศให้พวกมันได้รับรู้ ว่าสกุลจางของพวกเราจะไม่ยอมอ่อนข้อให้พวกมันอีกแล้ว”มินจูเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันเหมือนปลุกใจให้ทุกคนกระหายในชัยชนะ

    “แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะครับนายหญิง ลุยมันเลยดีกว่า”เบียงคุเอ่ยอย่างเอาเรื่อง

    “หึๆ อย่าเพิ่งใจร้อนไป ให้ฉันแจกขนมหวานกับพวกมันก่อน”พูดจบมินจูก็หันไปพยักหน้าส่งสัญญาณ ยอดฝีมือสามคนเดินออกมาจากกลุ่มพร้อมด้วยกระเป๋าเป้ที่บรรจุระเบิดแสวงเครื่องเอาไว้เต็มทั้งสามใบ

     

    ประตูเหล็กบานใหญ่เปิดออกช้าๆ ชายสามคนที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูโค้งให้กับรถยนต์คันเล็กที่กำลังแล่นออกมาช้าๆ ต้าอี้รีบออกเดินทางไปยังประเทศไทยตามคำสั่งของโจวจ้าวสื่อ เพื่อสังหารรัตเกล้าหญิงอันเป็นที่รักของจางมินจูศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาล เมื่อรถของต้าอี้คล้อยหลังไปประตูบานใหญ่ก็ปิดตัวลง มือระเบิดทั้งสามก็กระโจนออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว อาวุธลับถูกขว้างออกไปเพื่อทำลายกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ที่เสารั้วประตูเหล็ก ก่อนที่จะกระจายกำลังออกไปติดตั้งระเบิดตามจุดต่างๆอย่างรวดเร็ว

    ขณะนั้นเองที่ห้องควบคุม หน้าจอรับภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจอดับวูบ เจ้าหน้าที่ที่ประจำห้องก็รีบวิทยุแจ้งให้ยามหน้าประตูออกไปตรวจสอบทันที เมื่อยามเฝ้าประตูได้รับรายงานก็ออกไปสำรวจกล้องที่หน้าประตูทันที และทันใดนั้นเอง!

    ตู้มมม! ระเบิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆของกำแพงหินก็เริ่มทำงาน ร่างของยามหน้าประตูกระเด็นออกไปไกลด้วยแรงระเบิดที่รุนแรง เสียงของระเบิดดังสนั่นทำให้คนที่อยู่ข้างในตกใจวิ่งแตกตื่นออกมาดู

    “เฮ้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นว่ะ”จ้าวสื่อถึงกับตะลึงเมื่อได้เห็นสภาพของกำแพงหินที่ถูกแรงระเบิดพังทลายจนราบเป็นหน้ากลอง

    แทบไม่ต้องรอคำตอบก็ปรากฏร่างของผู้บุกรุก ที่กระโดดเข้ามาพร้อมกับขว้างอาวุธลับใส่พวกลูกน้องของจ้าวสื่อล้มลงไปหลายคน ยอดฝีมือแห่งสกุลจางยืนประจันหน้ากับพวกสกุลโจวโดยที่ไม่มีใครปกปิดหน้าของตัวเองเลย ร่างสูงกระโดดตัวเบาลอยข้ามผ่านเหล่ายอดฝีมือมายืนเด่นเป็นสง่าต่อหน้าโจวจ้าวสื่อ

    “นังมินจู!แกกล้ามากที่บังอาจบุกมาถึงถิ่นของข้า”จ้าวสื่อคำรามลั่นเมื่อศัตรูตัวฉกาจบุกมาเยือน

    “หือ! ไอ้หมาลอบกัด โจวจ้าวสื่อ วันนี้จะเป็นวันชำระแค้นที่พวกแกฆ่าพวกพี่น้องของเรา”มินจูตอกกลับพร้อมกับส่งรังสีอำมหิต ผ่านดวงตาคมกริบดุจพญามังกร

    “หึๆแกนี่มันรนหาที่ตายดีจริงๆ แต่ก็ดีเหมือนกันที่แกมาให้ฆ่าถึงที่แบบนี้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยล่อออกมาให้เสียเวลา ซูซาน! ถึงเวลาชำระแค้นของพวกเราแล้ว”จ้าวสื่อเอ่ยเสียงเหี้ยม ร่างระหงในชุดรัดรูปเดินออกมาหลังจากที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านใน

    “วันนี้จะเป็นวันตายของแกต่างหากล่ะ จางมินจู”ซูซานส่งรังสีอำมหิตผ่านสายตาตอบโต้ศัตรู

    มินจูกระตุกยิ้มพร้อมกับหยิบอาวุธของตนออกมา แสงสีเงินแววส่องประกายมาจากคมมีดสั้นหัวมังกร เหมือนดั่งว่ามีดสั้นกำลังกระหายในการต่อสู้ ซูซานหยิบเข็มพิษออกมาดวงตาของเธอช่างดุร้ายคล้ายงูพิษ กำลังจับจ้องไปที่มินจูอย่างหมายจะเอาชีวิต

    “ตายซะเถอะ นังมินจู!ซูซานกระโดดตัวลอยพร้อมกับขว้างเข็มพิษออกไป

    มินจูกระโดดหลบเข็มพิษพร้อมกับขว้างมีดสั้นออกไปโจมตีซูซาน มีดสั้นหัวมังกรทั้งสองเล่มพุ่งแหวกอากาศซิกแซกหลอกล่อให้ซูซานงงงวย ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างเมื่อจู่ๆมีดที่พุ่งเข้ามาหายไปต่อหน้าต่อตา ซูซานรีบเบี่ยงตัวหลบคมมีดอีกเล่มที่พุ่งเข้ามาหา แต่ก็ต้องเสียทีให้กับมีดเล่มที่หายไป เมื่อมีดเล่มนั้นพุ่งเข้ามาเฉือนผิวหนังของหล่อนจนได้เลือด

    “นังมินจู! พวกแกมัวยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ ฆ่ามันให้หมดอย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้แม้แต่คนเดียว”จ้าวสื่อตะโกนสั่งลูกน้องของตน

    พวกสกุลโจวชักปืนและอาวุธอื่นของตัวออกมาโจมตียอดฝีมือสกุลจางไม่ยั้ง และการต่อสู้อันดุเดือดของทั้งสองตระกูลก็เริ่มขึ้น เฉินลองกับเบียงคุพุ่งเข้าโจมตีจ้าวสื่อแต่ก็ถูกกระจกเงามรณะของเขาเล่นงานกลับมา มินจูจึงต้องเข้ามาช่วยทั้งสองสกัดกระบวนท่าที่ถูกจ้าวสื่อสะท้อนกลับมา การต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวระหว่างมินจูกับจ้าวสื่อเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองต่างก็แลกหมัดฟาดแข้งกันไม่ยั้งชนิดที่เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ก็ใส่ไปหมด

    ขณะที่การต่อสู้ของทุกคนกำลังดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อนอยู่นั้น ร่างระหงที่ถูกมีดสั้นเล่นงานก็จ้องมองทุกคนอย่างเคียนแค้น ออร่าสีดำก่อตัวขึ้นรอบๆตัวของซูซาน ดวงตาของหล่อนฉายแววแห่งความชั่วร้ายออกมา หล่อนกำหมัดที่เต็มไปด้วยออร่าพิษแน่น พร้อมกับดีดตัวเองทะยานพุ่งไปข้างหน้าตรงไปยังร่างของจางมินจูที่กำลังโรมรันอยู่กับร่างใหญ่

    ทั้งมินจูและจ้าวสื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่เข้ามาใกล้ และเมื่อเหลียวไปมองจ้าวสื่อก็รีบผละออกจากมังกรสาวทันที มินจูเบี่ยงตัวหลบเมื่อซูซานปล่อยไอพิษออกมาหมายจะสังหารหญิงสาวให้สิ้นชีพ แต่ก็พลาดไปถูกลูกน้องคนหนึ่งของตนเข้า ทันทีที่ลูกน้องคนนั้นถูกออร่าพิษผิวหนังตามร่างกายก็ผุผองเป็นหนองแตกออก เลือดออกตามทรวารทั้งเจ็ดส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่เพียงแค่ครู่เดียวก็ขาดใจตาย ทุกคนถึงกับตะลึงในสิ่งที่ตนได้เห็น นี่น่ะหรือ คืออสรพิษดำขั้นสุดยอด มินจูหันกลับไปมองซูซานที่ยืนแสยะยิ้มเหมือนปิศาจร้ายที่พร้อมจะเอาชีวิตทุกคน

    “ฮ่าๆ แกเห็นรึยังนังมินจู อสรพิษดำขั้นสุดยอด วันนี้แกไม่มีชีวิตรอดไปได้อีกแน่ ซูซานฆ่ามันให้หมดเลย”จ้าวสื่อหันไปสั่งมือสังหารสาว

    “ไม่ต้องบอก ฉันก็จะฆ่าพวกมันให้หมดทุกคนอยู่แล้ว”ซูซานเอ่ยเสียงเหี้ยม ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเหมือนเลือด จ้องไปที่พวกสกุลจางทุกคนเหมือนว่าตนคือยมทูตที่สามารถคร่าวิญญาณออกจากร่างทุกคนได้เพียงแค่สบตา

    เหล่ายอดฝีมือเริ่มมีท่าทีประหม่าหวั่นเกรงในความน่าสะพึ่ง กลัวของอสรพิษดำ หากใครถูกไอพิษของซูซานก็มีแต่ตายสถานเดียว เบียงคุหันไปมองหน้ายอดฝีมือของตน ตอนนี้ทุกคนหน้าซีดเผือกเมื่อได้เหก็นฤทธิ์เดชของอสรพิษดำ

    “นายหญิง ระวังตัวด้วยครับ”เบียงคุตะโกนบอก

    มินจูเริ่มประเมินสถานการณ์ตรงหน้า การต่อสู้ในครั้งนี้มีชีวิตของทุกคนเป็นเดิมพัน ถ้าหากว่าเธอพลาดท่าเสียทีก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น แล้วถ้าหากเธอต้องมาจบชีวิตลงที่นี่รัตเกล้าจะอยู่คนเดียวได้ไหมหากไม่มีทางอยู่เคียงข้าง ไม่!เราจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด สกุลจางของเราจะต้องดำรงอยู่ต่อไปจนถึงชั่วลูกชั่วหลานสืบต่อไป เลือดแห่งผู้นำในกายของมินจูเริ่มร้อนระอุ เมื่อภาระอันยิ่งใหญ่กลายมาเป็นแรงแรงผลักดันให้เธอต้องสู้ เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูล เพื่อทุกคนที่ฝากชีวิตไว้กับเธอและเพื่อความรัก ใบหน้าของรัตเกล้าผุดขึ้นมาในใจของมินจู ผู้หญิงทื่ทำให้หัวใจของคนได้รู้จักคำว่ารัก

    “แกไม่ต้องห่วงหรอก นังมินจู ว่าตายไปแล้วแกจะเหงา เพราะอีกไม่นานฉันก็จะส่งผู้หญิงของแกลงไปอยู่ในปรโลกด้วยกัน ฮ่าๆ”จ้าวสื่อหัวเราะร่วน

    “ว่ายังไงนะ”มินจูชักสีหน้าหันไปมองจ้าวสื่อ

    “ก็หมายความว่า ตอนนี้ฉันส่งนักฆ่าไปจัดการกับนังนั้นแล้วยังไงล่ะ ฮ่าๆ นังมินจูแกเตรียมตัวตายได้แล้ว”จ้าวสื่อถลึงตามองร่างสูงที่ยืนก้มหน้านิ่งนึกสะใจที่ได้แก้แค้น ทั้งซูซานและจ้าวสื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง

    มือที่กำมีดสั้นสั่นระริกอุณหภูมิในร่างกายเริ่มเพิ่มสูงขึ้น เมื่อได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของพวกมัน ทันใดนั้น ดวงตาเรียวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงจับจ้องไปยังร่างหญิงโฉดชายชั่ว

    “พวกแกต่างหากล่ะ ที่ต้องตาย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×