ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BeeCris/บีคริส] Deepens But Faraway

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 14 : HEART CAN REMEMBER

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      9
      10 เม.ย. 60

    Chapter 14 HEART CAN REMEMBER

              “รู้มั้ย ฮ่าๆๆ น้ำหน้าของบีตอนอ้อนขอความรักจากฉันมันน่าสมเพชมากเลยล่ะ ฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะร่าถูกระเบิดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยินประสานกับเสียงหัวเราะอีกสองเสียงอย่างสะใจ

     

              “คาดไม่ถึงเลยว่ามั้ย...แค่ตัดสายเบรกให้อินังคริสมันประสาทกลับเล่นๆ กลับกลายเป็นว่ามีความจำเสื่อมของนังนั่นมาเป็นของแถม ฮ่าๆๆ สะใจดีจริง”เสียงแก้วไวน์สามแก้วถูกยกขึ้นชนกันเสมือนเป็นการฉลองความสำเร็จอย่างหนึ่ง

     

              “มันก็เหนื่อยเหมือนกัน ยัยนั่นสูบเลือดฉันไปตั้งเยอะ...แต่ก็คุ้มอยู่”หญิงสาวยักไหล่ก่อนเบ้หน้าอย่างรังเกียจ ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะให้หรอกแต่เห็นว่าเป็นช่องทางที่พอจะตีสนิท เหยื่อได้ง่ายยิ่งขึ้นก็เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะง่ายปานปอกกล้วยเข้าปากขนาดนี้

     

              “หึ ดีแล้ว ต่อไปก็ถึงตานายต้องแสดงฉากใหญ่...อย่าให้พลาดล่ะ เซนต์”เสียงนุ่มฟังชวนค้นหาทว่ากลับแฝงไปด้วยจุดประสงค์ร้าย

     

              “แน่นอน คุณก็อย่าลืมเตรียมของตอบแทนไว้ให้พร้อมล่ะ...”ริมฝีปากที่แดงเพราะสีของไวน์ยกยิ้มอย่างเยือกเย็น

     

              “ตราบใดที่ผมได้ตัวมันแล้วเท่านั้นครับ...คุณอนิภรณ์ คุณธราภุช”

     

     

              ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สมองหมุนติ้วทบทวนความทรงจำที่แวบมาชั่วครู่ในตอนที่ศิรินเอ่ยคำรักครั้งสุดท้ายนั่น เหมือนมีภาพบางอย่างที่ขาดๆหายๆซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพในจินตนาการ ความทรงจำเก่าหรืออะไรกันแน่

     

              “พี่บีคะ”เสียงเรียกจากอนิภรณ์ที่เดินมาพร้อมจานแอปเปิ้ลในมือทำให้น้ำทิพย์สะดุ้งและเลิกการนั่งทบทวนอดีตแทบจะทันที อิทธิพลของสาวผิวแทนที่มีต่อเธอนั้นช่างมากมายจนน่าใจหาย

     

              “คิดอะไรอยู่เอ่ย...”ร่างสูงหัวเราะในลำคอกับคำถามที่เหมือนกำลังพูดคุยอยู่กับเด็กน้อยของ...อืม ของคนที่ไม่รู้จะให้อยู่ในสถานะไหนดี

     

              “แนทคะ...ตอนนี้เราเป็นอะไรกันเหรอ”มือเรียวเอื้อมมากุมมือของอีกฝ่าย จ้องดวงตาคมสีดำด้วยความคาดหวัง

     

              “...แล้วพี่บี อยากให้แนทเป็นอะไรล่ะคะ”จานแอปเปิ้ลถูกวางลงบนโต๊ะข้างๆตัว ก่อนมือที่เพิ่งว่างจะเอื้อมมาลูบไล้ใบหน้าคมนั้นอย่างหลงใหล

     

              “ถ้าแนทเป็นแฟนพี่ แล้วค...”ริมฝีปากบางรีบฉกชิงคำพูดของน้ำทิพย์ให้กลืนหายไปในลำคอ รสจูบนั้นร้อนแรงจนคนถูกจูบครางเสียงแผ่วในลำคออย่างพึงพอใจ ลิ้นร้อนๆของคนสองคนทักทายกันอย่างคุ้นเคยตามสัญชาตญาณ

     

    “อยู่กับแนทไม่พูดถึงคนอื่นนะคะ...”และคนเริ่มก็เป็นฝ่ายผละออกเสียก่อนที่เครื่องจะติดไปมากกว่านี้

     

              “อ่า...นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่แขนหักอยู่แล้วก็ที่นี่เป็นโรงพยาบาลล่ะก็...คืนนี้เราคงไม่ได้นอน”อนิภรณ์หัวเราะในลำคอเบาๆกับคำพูดของน้ำทิพย์ที่ช่างเป็นน้ำทิพย์คนเดิมไม่มีผิด

     

     

    โง่และงมงายกับคำว่ารักงั้นเหรอ...

     

     

    คงใช่มั้ง

     

     

              “อะแฮ่มมม”เสียงกระแอมราวมีเศษก้างชิ้นใหญ่ติดคอทำให้อนิภรณ์ต้องผละหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความหงุดหงิด

     

              “พ่อ แม่!?”รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นประดับบนใบหน้าคมอีกครั้ง...ช่างเป็นน้ำทิพย์ที่ยิ้มง่ายจริงๆนั่นแหละ

     

              หญิงวัยกลางคนรีบตรงเข้ามาโอบกอดลูกสาวสุดที่รักอย่างหวงแหน ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินเข้ามาสมทบทำให้อนิภรณ์ต้องเลี่ยงออกห่างอย่างเสียมิได้

     

              “เป็นไงบ้างลูก หนูบีเจ็บตรงไหนคะบอกคุณแม่ซิ”น้ำทิพย์ยิ้มเจื่อนๆกับสรรพนามของมารดา ทว่าก็ยอมตอบไปโดยดี

     

              “บีแค่แขนหักเองค่ะแม่ ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

     

              “แต่เพื่อนลูกบอกพ่อว่าหนูบีความจำเสื่อมด้วยด้วยนี่ลูก”คนถูกถามปั้นหน้าไม่ถูก แม่ของเธอเริ่มเบนสายตาไปทางหญิงสาวอีกคนที่เหมือนไม่มีตัวตนไปก่อนหน้านี้

     

              “แล้วหล่อนน่ะ ยังจะกล้าสะเออะมาเจอหน้าลูกฉันอีกเหรอยะ!!!”อนิภรณ์สะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่กร้าวขึ้น แต่เธอก็สามารถคงท่าทีไว้ได้อย่างเคย

     

              “แม่คะ แนทเค้ามาดูแลบีนะ อีกอย่างแนทก็เป็นคนให้เลือดบีด้วย ทำไมแม่ไปพูดแบบนั้นกับเค้าล่ะ”น้ำทิพย์เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเธอมีดวงตาเหมือนใคร ดวงตาคมที่เคยมีคนบอกว่าแค่มองก็ฆ่าคนได้ของเธอน่ะ โคตรเหมือน...

     

     

    มาธวีไง

     

     

    แม่ใครวะโคตรน่ากลัว

     

     

     

              “หนูบีคะ แม่รู้ว่าเค้ามีพระคุณที่กรุณา...ให้เลือดหนู แต่การดูแลมันเป็นหน้าที่โดยตรงของแฟนค่ะ แฟนน่ะ...ไม่ใช่คนอื่น”แต่การเน้นย้ำตรงสถานะไม่ได้ทำให้อนิภรณ์เกรงกลัว เธอกลับยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า

     

              “แล้วไหนล่ะคะ?...แฟนที่ว่าน่ะ สงสัยป่านนี้คงไปเที่ยวสนุกอยู่กับเพื่อนฉลองที่แฟนนอนโรงพยาบาลแล้วล่ะมั้ง”

     

              “ไม่หรอก พอดีแฟนคนปัจจุบันเค้าเป็นกุลสตรีมากพอ ไม่ได้ร่านเหมือนอย่างใครบางคน”อนิภรณ์กัดฟันกรอด

     

              “แม่คะ...”น้ำทิพย์ส่งสายตาอ้อนวอนให้มาธวีหยุดเถียงกับอนิภรณ์ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายมารดาของเธอและคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

     

              “คุณ...”เมื่อชายคนเดียวในห้องซึ่งเป็นสามีของมาธวีเอ่ยปราม เธอก็จำต้องหยุดอย่างเสียมิได้ ส่วนสาวผิวแทนต้องกลับไปด้วยคำขอจากน้ำทิพย์แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจนัก

     

              “แม่ขอสั่งให้หนูบีเลิกยุ่งกับยัยแฟนเก่านั่นได้แล้วนะ!”น้ำเสียงเด็ดขาดที่เอ่ยขึ้นมานั่นทำเอาคนป่วยถึงกับหงอ แต่ก็ยังไม่วายเถียงอุบอิบ

     

              “แต่เค้าเป็นแฟน...”

     

              “เก่าค่ะลูก หนูบีดูปากคุณแม่นะคะ แฟน-เก่า”ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสยายก้มหน้า มาธวีเลี้ยงดูเธอมาอย่างคุณหนูก็จริงอยู่...

     

     

    แต่น้ำทิพย์ไม่เคยขัดใจแม่ได้สักครั้ง...ที่แม่เธอใช้สายตาพิฆาตนั่น

     

     

              “แต่บีรักเค้า...”

     

              “แน่ใจเหรอ หนูบีรักเค้าจริงๆเหรอลูก”คนที่ถามครั้งนี้ไม่ใช่มาธวี แต่กลับเป็นนพดล ผู้เป็นพ่อของเธอเอง

     

              “บีแน่ใจสิคะพ่อ ก่อนหน้านี้เรายัง...”

     

              “เอาเรื่องวันนี้เถอะลูก”

     

              “เอาจริงๆนะหนูบี แม่คิดว่ายัยแหนดนั่นไม่สามารถเทียบได้เลยกับคนปัจจุบันของลูก แม่เชื่อมั่นในหนูบีเวอร์ชั่นอัพเกรด 2016 ว่าจะไม่มีวันเลือกผิดอีก....แต่แม่ก็ยังยืนยันนะ ว่าถ้าลูกหาลูกเขยให้แม่ แม่จะสแกนแค่สิบเท่า แต่ถ้าเป็นลูกสะใภ้ระบบจะเปลี่ยนอัตโนมัติเป็นร้อยเท่า แต่สำหรับคนนี้แม่ไม่ให้ผ่านเพราะเคยผ่านการสแกนแล้วทำให้ลูกแม่เสียใจ”

     

              “คุณวี...”น้ำเสียงทุ้มที่ลากยาวเหมือนรู้ใจน้ำทิพย์ เพราะสีหน้าหนักใจของลูกสาวนั่นทำให้คนเป็นพ่อพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย

     

              “เอาล่ะ ไหนเอาเบอร์โทรแม่หนูนั่นมาซิ แม่จะโทรตามให้มาที่นี่เอง”นิ้วเรียวชี้ไปที่โทรศัพท์ที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงถืออยู่ข้างตัว

     

              “เอ่อ...บีโทรเองก็ได้ค่ะแม่”คนป่วยเอ่ยอย่างเกรงๆ ดูท่าแล้วเหมือนมาธวีจะไม่ได้อยากโทรตามอย่างเดียวนี่สิ

             

              “หนูบีคะ ไม่ดื้อสิลูก”น้ำเสียงเย็นๆกับรอยยิ้มนั้นทำเอาน้ำทิพย์สะท้านจนต้องรีบปลดล็อกโทรศัพท์แล้วส่งให้ด้วยความเร็วแสง

     

     

    น่ากลัว

     

     

              “ดีมากค่ะเด็กดีของแม่”มือของคนเป็นแม่เอื้อมมาดึงแก้มลูกสาวเบาๆก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียงปล่อยให้นพดลอยู่กับน้ำทิพย์ไปตามประสาพ่อลูก

     

              ใช้เวลาต่อสายนานทีเดียวกว่าเสียงหวานติดจะแหบเสน่ห์ที่มาธวีคิดว่าเพราะดีเหมือนกันก็ลอยมาตามสายอย่างคุ้นเคย 

     

              [ว่าไงคะบี พอดีคริสทานข้าวกับป๊าม๊าอยู่เลยไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์น่ะค่ะ]

     

              “เธอเป็นแฟนของหนูบีงั้นสินะ”

     

              [คะ? คุณเป็นใครคะ...แล้วใช้โทรศัพท์บี...]

     

              “โอ๊ย ถามมาก..ฉันเป็นแม่ของหนูบี ชื่อมาธวี ตอนนี้ฉันอยากจะให้หล่อนรีบเสด็จมาเฝ้าไข้แฟนตัวเองได้แล้ว ปล่อยให้คนอื่นมานั่งจู๋จี๋กับแฟนตัวเองอยู่ได้ เป็นแฟนประสาอะไร”เหมือนปลายสายเงียบเพราะอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมา

     

              [เอ่อ ค่ะๆหนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ...คุณแม่]

     

              “น้าย่ะน้า...ฉันมีลูกสาวคนเดียว”มาธวีวางสายทันทีแล้วมองนาฬิกาเรือนหรูเพื่อจับเวลาที่ศิรินจะมาหาลูกสาวเธอก่อนเข้าไปด้านในห้อง

     

              “คุณ....บอกผมสิว่าคุณแค่โทรไปตามแฟนมาอยู่เป็นเพื่อนหนูบี ไม่ได้ไปพูดอะไรไม่ดีใส่เค้า”นพดลที่นั่งอยู่ข้างๆลูกสาวเอ่ยอย่างรู้ทัน ภรรยาเขาปากร้ายแค่ไหนเขาก็รู้ดี

             

              “อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอกคุณ ทักทายกันนิดหน่อยตามประสาเท่านั้นแหละ”มาธวีเบนสายตามาที่น้ำทิพย์

     

              “หนูบีคะ เดี๋ยวแม่จะนอนเฝ้าหนูเองนะคืนนี้...”

     

              “อ้าว แล้วแม่โทรตามคริส...”

     

              “ก็นี่ไง...แม่กำลังจะสแกนว่าที่ลูกสะใภ้”มาธวีตอบหน้าตาเฉย ส่วนคนที่เป็นสามีและลูกถึงกับเหวอไปไม่เป็น

     

              “ผมว่า...กลับไปนอนที่บ้านเถอะคุณ ที่นี่มันไม่สบายหรอก โซฟาก็แคบนิดเดียวเอง”แต่คนเป็นภรรยานั้นยักไหล่ไอด้อนท์แคร์ ก่อนส่งยิ้มที่ทำให้คนมอง...

     

     

    ไม่รู้จะกลัวหรือกลัวดี

     

     

              “ฉัน-จะ-นอน-ที่-นี่”ย้ำเสียงดังชัดเจนพร้อมนั่งลงที่โซฟาประกอบคำพูด คนเป็นสามีก็ได้แต่ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของภรรยาตนเอง

     

              “เอางั้นก็ได้ แล้วแต่คุณละกัน ฝากดูแลลูกด้ว...”

     

              “ก็ให้เมียดูแลสิ นี่แม่นะแม่”

     

              พรวด!!!

     

              “แค่กๆ”เล่นเอาน้ำส้มที่คนเป็นพ่อเพิ่งส่งให้พุ่งเลยทีเดียวสำหรับคนป่วย มาธวีก็เข้ามาลูบหลังลูบไหล่ด้วยความเป็นห่วง

     

     

    ยังไงๆคนเป็นแม่ก็รักลูกที่สุดอยู่ดีแหละนะ

     

     

              “สำลักเลยเหรอลูก พูดความจริงหน่อยเดียวเอง”มาธวีเอ่ยแซวเมื่อเห็นลูกสาวสุดรักสำลักจนหน้าดำหน้าแดง

             

              “คุณก็...ไปแซวลูก”คนเป็นพ่อหัวเราะบ้างเพราะดูท่าแล้วแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นคงไม่ได้มาจากการสำลักเพียงอย่างเดียว

     

              “พ่อกับแม่อ่ะ!!!”น้ำทิพย์ชักจะเริ่มงอนบุพการีเสียแล้ว อะไรกันเนี่ย...ล้อกันจัง

     

              “หึๆ พ่อไปก่อนดีกว่า เพราะพ่อว่าอีกซักพักว่าที่ลูกสะใภ้จะมาแล้วจะหาว่าบ้านนี้โหดเกิน”คนเป็นพ่อเอ่ยติดตลก ก่อนหันไปร่ำลาภรรยาเล็กน้อยแล้วเดินออกไป

             

              บรรยากาศกลับมาเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เหมือนมาธวีจะจงใจปล่อยให้ลูกสาวของตนจมอยู่กับความคิดของตัวเองกับเรื่องความรักที่ว่ามาก่อนหน้านี้ แม้จะถูกเบี่ยงเบนออกไปเรื่องอีกแต่ว่าทุกคนก็ต่างรู้ดี ที่ทำไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในการสนทนาก็แค่นั้น

     

    “บีรักแนทจริงๆนะคะแม่”จู่ๆน้ำทิพย์ก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเสียเอง นั่นทำให้คนเป็นแม่ที่นั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงโซฟาส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาหา

     

    “แล้วแฟนลูกล่ะ...แฟนคนปัจจุบันน่ะ”

     

    “...”

     

    “รู้มั้ยหนูบี...ลูกควรเปิดใจแล้วลองทบทวนดูว่าลูกรักใครกันแน่ มากกว่าจะปักใจไปว่าคนที่ลูกจำได้ว่ารักคือคนที่ลูกรัก”

     

    “...”

     

    “เพราะบางที..ความรักอาจจะไม่เกี่ยวกับความทรงจำเลย”

     

    “...”

     

    “ถ้าลูกเจอคนที่ทำให้ลูกตกหลุมรักได้ซ้ำๆไม่ว่าจะความจำเสื่อมอีกกี่ครั้ง...รักษาเค้าเอาไว้ให้ดีนะ หนูบี”

     

    น้ำทิพย์นิ่งคิด ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าตัวเองก็แอบหวั่นไหวไปกับท่าทางอันสดใสและการดูแลเอาใจใส่ของศิรินเหมือนกัน แต่อีกใจก็เถียงสุดเสียงว่าเธอควรมีอนิภรณ์คนเดียว มั่นคงๆๆๆๆน้ำทิพย์!!!

     

    เสียงเปิดประตูทำลายสงครามระหว่างน้ำทิพย์กับน้ำทิพย์และความเงียบที่ปกคลุมมาพักใหญ่ระหว่างแม่ลูก สาวหมวยรีบยกมือไหว้มาธวีที่มีออร่าความแม่ผัวแผ่กระจายอยู่รอบตัว

     

    “สวัสดีค่ะคุณน้ามาธวี”มาธวีรับไหว้ตามมารยาท สายตาก็ไล่มองสำรวจหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของลูกตัวเอง

     

     

    ก็ดีนี่...หมวยไปหน่อยแต่ก็ยังโอเค

     

     

    “สวัสดีจ้ะ มาเร็วดีนี่”ว่าพลางยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ยี่สิบสองนาทีสามสิบเจ็ดวินาที...เป็นเวลาที่พอใช้ได้

     

    “เอ่อ..ค่ะ”ศิรินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดีนอกจากคำว่า ค่ะเพราะรังสีบางอย่างที่น่ากลัวซึ่งแผ่ออกมาจากตัวว่าที่แม่สามี

     

    “มานี่สิ ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอหน่อย”มาธวีกวักมือเรียกเธอมาที่ระเบียงสูดอากาศ แม้ว่าจะไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรเธอมากมาย แต่ยังไงศิรินก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ายำเกรงอยู่ดี

     

    “เธอชื่ออะไร”คำถามถูกยิงออกมาทันทีที่ประตูกั้นห้องกับระเบียงปิดลง บรรยากาศนี้ทำให้ศิรินรู้สึกเหมือนถูกสอบสวนอะไรซักอย่างอยู่

     

    “คริสค่ะ ศิริน หอวัง”สาวหมวยตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความหวั่นเกรงแต่ก็ไม่ได้อ้อมแอ้ม ด้วยความที่เป็นนักแสดงทำให้เธอไม่คิดว่าการพูดเสียงค่อยจะทำให้ความกลัวที่มีต่อมาธวีลดน้อยลง

     

    “เป็นเจ้าของโรงเรียนหอวังเหรอ”โอเคค่ะ หมวยเข้าใจว่าคนเกือบครึ่งประเทศก็เข้าใจผิดเรื่องนี้...

     

    “ไม่ใช่ค่ะคุณแม่...”

     

    “น้า”

     

    “ค่ะ ไม่ใช่ค่ะคุณน้า คือบังเอิญนามสกุลไปตรงกันพอดีไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนนั้นเลยค่ะ”แววตาแม่ลูกนี่โคตรเหมือนอย่างกับโคลนนิ่งกันมาในความคิดศิริน ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามาธวีจ้องมาด้วยสายตาเหมือนตอนเธอที่โดนเมนเทอร์บีด่ายับเยินสองชั่วโมงในห้องดำตอน Episode 9

     

     

    ใช่เลยมันใช่มาก...

     

     

    “ยังไงก็...ฝากดูแลลูกสาวฉันให้ดีๆ อย่าให้สุนัขมาคาบไปรับประทานล่ะ”

     

    “เอ่อ...ค่ะ”

     

    “เปิดทางขนาดนี้ ถ้าเธอทำให้ลูกฉันกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ล่ะก็...อย่าได้หวังว่าฉันจะให้เธอได้ใช้สถานะแฟนกับลูกฉันอีก เข้าใจนะ”ศิรินใจหายวูบ แค่ลำพังทำให้น้ำทิพย์เรียกเธอแบบเดิมยังไม่มีปัญญา...แล้วยังจะมาโดนข่มขู่กรรโชกสถานะจากว่าที่แม่สามีอีกเหรอเนี่ย

     

     

    อยากก้มกราบแบบติญ่าแล้วกรอกตามองบนแบบจีน่าเลยอ่ะ

     

     

    มาธวีไม่พูดอะไรต่อ แต่หันหลังเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่มีน้ำทิพย์ชะเง้อคอมองอยู่บนเตียงด้วยความอยากรู้

     

    “แม่คุยอะไรกับเค้าคะ?”น้ำทิพย์ถามทันทีเมื่อเห็นมาธวีและศิรินเดินเข้ามาแล้ว แต่คนเป็นแม่กลับส่ายหน้าเบาๆก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองบนโซฟา

     

    “แม่กลับก่อน วันนี้ให้แฟนหนูบีอยู่เฝ้าแล้วกันนะลูก...”

     

    “อ้าว ไหนแม่บอกจะอยู่เฝ้าบีล่ะคะ”

     

    “แม่เปลี่ยนใจ ไม่อยากแย่งหน้าที่เมีย”มาธวียิ้มให้ลูกสาวของตนที่กำลังอึ้งก่อนจะเดินเข้ามาหอมแก้มแล้วออกจากห้อง แต่เมื่อเดินออกจากลิฟต์ไม่นานก็เห็นสามีตนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

     

    “ผมรู้ว่ายังไงคุณก็ต้องกลับบ้าน อย่าคิดว่าผมดูไม่ออกสิ”สองสามีภรรยายิ้มให้อย่างรู้กัน

     

    “ฉันหวังว่า...เด็กที่ชื่อคริสคนนั้น คงทำให้ลูกสาวเราหายและกลับมาจำได้..ว่านังอสรพิษคนนั้นเคยทำเค้าเจ็บแค่ไหน เค้าควรมีความสุขได้แล้วกับปัจจุบัน”นภดลยิ้มก่อนจะพาเธอเดินออกมาด้านนอกที่คนขับรถจอดรถรอรับนายตนกลับบ้านอยู่แล้ว

     

    “ใช่ ผมก็คิดว่าลูกสาวของสถาพรจะไม่ทำเราผิดหวัง เชื่อสิ”

     

     ~~~~~

    บันเทิงไปหน่อยเลยมาอัพเกิือบหมดวัน แหะๆ//กราบ 

    ไรท์ #ทีมมาธวี 555 ถ้าใครนึกแววตามาธวีไม่ออกเราก็มีเซอร์วิส 

     นี่ไงงง เอาแต่แววตาอย่าเอาหน้านะ มโนไปค่ะว่านี่มาธวีตอนเอ๊าะๆ


    รักรีดม๊ากมากสัญญาว่าไม่เท

    ไรท์คนเดิมเพิ่มเติมคือตอนนี้ไม่อยากดราม่า

     

     

     

     

     

     

             

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×