คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 14 : HEART CAN REMEMBER
Chapter
14
“รู้มั้ย
ฮ่าๆๆ น้ำหน้าของบีตอนอ้อนขอความรักจากฉันมันน่าสมเพชมากเลยล่ะ
ฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะร่าถูกระเบิดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะได้ยินประสานกับเสียงหัวเราะอีกสองเสียงอย่างสะใจ
“คาดไม่ถึงเลยว่ามั้ย...แค่ตัดสายเบรกให้อินังคริสมันประสาทกลับเล่นๆ
กลับกลายเป็นว่ามีความจำเสื่อมของนังนั่นมาเป็นของแถม ฮ่าๆๆ
สะใจดีจริง”เสียงแก้วไวน์สามแก้วถูกยกขึ้นชนกันเสมือนเป็นการฉลองความสำเร็จอย่างหนึ่ง
“มันก็เหนื่อยเหมือนกัน ยัยนั่นสูบเลือดฉันไปตั้งเยอะ...แต่ก็คุ้มอยู่”หญิงสาวยักไหล่ก่อนเบ้หน้าอย่างรังเกียจ
ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะให้หรอกแต่เห็นว่าเป็นช่องทางที่พอจะตีสนิท ‘เหยื่อ’ ได้ง่ายยิ่งขึ้นก็เท่านั้น
แต่ไม่คิดเลยว่าจะง่ายปานปอกกล้วยเข้าปากขนาดนี้
“หึ
ดีแล้ว ต่อไปก็ถึงตานายต้องแสดงฉากใหญ่...อย่าให้พลาดล่ะ เซนต์”เสียงนุ่มฟังชวนค้นหาทว่ากลับแฝงไปด้วยจุดประสงค์ร้าย
“แน่นอน
คุณก็อย่าลืมเตรียมของตอบแทนไว้ให้พร้อมล่ะ...”ริมฝีปากที่แดงเพราะสีของไวน์ยกยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ตราบใดที่ผมได้ตัวมันแล้วเท่านั้นครับ...คุณอนิภรณ์
คุณธราภุช”
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลนั่งนิ่งอยู่บนเตียง
สมองหมุนติ้วทบทวนความทรงจำที่แวบมาชั่วครู่ในตอนที่ศิรินเอ่ยคำรักครั้งสุดท้ายนั่น
เหมือนมีภาพบางอย่างที่ขาดๆหายๆซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพในจินตนาการ
ความทรงจำเก่าหรืออะไรกันแน่
“พี่บีคะ”เสียงเรียกจากอนิภรณ์ที่เดินมาพร้อมจานแอปเปิ้ลในมือทำให้น้ำทิพย์สะดุ้งและเลิกการนั่งทบทวนอดีตแทบจะทันที
อิทธิพลของสาวผิวแทนที่มีต่อเธอนั้นช่างมากมายจนน่าใจหาย
“คิดอะไรอยู่เอ่ย...”ร่างสูงหัวเราะในลำคอกับคำถามที่เหมือนกำลังพูดคุยอยู่กับเด็กน้อยของ...อืม
ของคนที่ไม่รู้จะให้อยู่ในสถานะไหนดี
“แนทคะ...ตอนนี้เราเป็นอะไรกันเหรอ”มือเรียวเอื้อมมากุมมือของอีกฝ่าย
จ้องดวงตาคมสีดำด้วยความคาดหวัง
“...แล้วพี่บี
อยากให้แนทเป็นอะไรล่ะคะ”จานแอปเปิ้ลถูกวางลงบนโต๊ะข้างๆตัว
ก่อนมือที่เพิ่งว่างจะเอื้อมมาลูบไล้ใบหน้าคมนั้นอย่างหลงใหล
“ถ้าแนทเป็นแฟนพี่
แล้วค...”ริมฝีปากบางรีบฉกชิงคำพูดของน้ำทิพย์ให้กลืนหายไปในลำคอ
รสจูบนั้นร้อนแรงจนคนถูกจูบครางเสียงแผ่วในลำคออย่างพึงพอใจ
ลิ้นร้อนๆของคนสองคนทักทายกันอย่างคุ้นเคยตามสัญชาตญาณ
“อยู่กับแนทไม่พูดถึงคนอื่นนะคะ...”และคนเริ่มก็เป็นฝ่ายผละออกเสียก่อนที่เครื่องจะติดไปมากกว่านี้
“อ่า...นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่แขนหักอยู่แล้วก็ที่นี่เป็นโรงพยาบาลล่ะก็...คืนนี้เราคงไม่ได้นอน”อนิภรณ์หัวเราะในลำคอเบาๆกับคำพูดของน้ำทิพย์ที่ช่างเป็นน้ำทิพย์คนเดิมไม่มีผิด
โง่และงมงายกับคำว่ารักงั้นเหรอ...
คงใช่มั้ง
“อะแฮ่มมม”เสียงกระแอมราวมีเศษก้างชิ้นใหญ่ติดคอทำให้อนิภรณ์ต้องผละหันมามองผู้มาใหม่ด้วยความหงุดหงิด
“พ่อ
แม่!?”รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นประดับบนใบหน้าคมอีกครั้ง...ช่างเป็นน้ำทิพย์ที่ยิ้มง่ายจริงๆนั่นแหละ
หญิงวัยกลางคนรีบตรงเข้ามาโอบกอดลูกสาวสุดที่รักอย่างหวงแหน
ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเดินเข้ามาสมทบทำให้อนิภรณ์ต้องเลี่ยงออกห่างอย่างเสียมิได้
“เป็นไงบ้างลูก
หนูบีเจ็บตรงไหนคะบอกคุณแม่ซิ”น้ำทิพย์ยิ้มเจื่อนๆกับสรรพนามของมารดา
ทว่าก็ยอมตอบไปโดยดี
“บีแค่แขนหักเองค่ะแม่
ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“แต่เพื่อนลูกบอกพ่อว่าหนูบีความจำเสื่อมด้วยด้วยนี่ลูก”คนถูกถามปั้นหน้าไม่ถูก
แม่ของเธอเริ่มเบนสายตาไปทางหญิงสาวอีกคนที่เหมือนไม่มีตัวตนไปก่อนหน้านี้
“แล้วหล่อนน่ะ
ยังจะกล้าสะเออะมาเจอหน้าลูกฉันอีกเหรอยะ!!!”อนิภรณ์สะดุ้งเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่กร้าวขึ้น
แต่เธอก็สามารถคงท่าทีไว้ได้อย่างเคย
“แม่คะ
แนทเค้ามาดูแลบีนะ อีกอย่างแนทก็เป็นคนให้เลือดบีด้วย
ทำไมแม่ไปพูดแบบนั้นกับเค้าล่ะ”น้ำทิพย์เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเธอมีดวงตาเหมือนใคร
ดวงตาคมที่เคยมีคนบอกว่าแค่มองก็ฆ่าคนได้ของเธอน่ะ โคตรเหมือน...
มาธวีไง
แม่ใครวะโคตรน่ากลัว
“หนูบีคะ
แม่รู้ว่าเค้ามีพระคุณที่กรุณา...ให้เลือดหนู แต่การดูแลมันเป็นหน้าที่โดยตรงของแฟนค่ะ
แฟนน่ะ...ไม่ใช่คนอื่น”แต่การเน้นย้ำตรงสถานะไม่ได้ทำให้อนิภรณ์เกรงกลัว
เธอกลับยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า
“แล้วไหนล่ะคะ?...แฟนที่ว่าน่ะ
สงสัยป่านนี้คงไปเที่ยวสนุกอยู่กับเพื่อนฉลองที่แฟนนอนโรงพยาบาลแล้วล่ะมั้ง”
“ไม่หรอก
พอดีแฟนคนปัจจุบันเค้าเป็นกุลสตรีมากพอ ไม่ได้ร่านเหมือนอย่างใครบางคน”อนิภรณ์กัดฟันกรอด
“แม่คะ...”น้ำทิพย์ส่งสายตาอ้อนวอนให้มาธวีหยุดเถียงกับอนิภรณ์
แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายมารดาของเธอและคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย
“คุณ...”เมื่อชายคนเดียวในห้องซึ่งเป็นสามีของมาธวีเอ่ยปราม เธอก็จำต้องหยุดอย่างเสียมิได้
ส่วนสาวผิวแทนต้องกลับไปด้วยคำขอจากน้ำทิพย์แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจนัก
“แม่ขอสั่งให้หนูบีเลิกยุ่งกับยัยแฟนเก่านั่นได้แล้วนะ!”น้ำเสียงเด็ดขาดที่เอ่ยขึ้นมานั่นทำเอาคนป่วยถึงกับหงอ
แต่ก็ยังไม่วายเถียงอุบอิบ
“แต่เค้าเป็นแฟน...”
“เก่าค่ะลูก
หนูบีดูปากคุณแม่นะคะ แฟน-เก่า”ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสยายก้มหน้า มาธวีเลี้ยงดูเธอมาอย่างคุณหนูก็จริงอยู่...
แต่น้ำทิพย์ไม่เคยขัดใจแม่ได้สักครั้ง...ที่แม่เธอใช้สายตาพิฆาตนั่น
“แต่บีรักเค้า...”
“แน่ใจเหรอ
หนูบีรักเค้าจริงๆเหรอลูก”คนที่ถามครั้งนี้ไม่ใช่มาธวี แต่กลับเป็นนพดล
ผู้เป็นพ่อของเธอเอง
“บีแน่ใจสิคะพ่อ
ก่อนหน้านี้เรายัง...”
“เอาเรื่องวันนี้เถอะลูก”
“เอาจริงๆนะหนูบี
แม่คิดว่ายัยแหนดนั่นไม่สามารถเทียบได้เลยกับคนปัจจุบันของลูก
แม่เชื่อมั่นในหนูบีเวอร์ชั่นอัพเกรด 2016 ว่าจะไม่มีวันเลือกผิดอีก....แต่แม่ก็ยังยืนยันนะ
ว่าถ้าลูกหาลูกเขยให้แม่ แม่จะสแกนแค่สิบเท่า
แต่ถ้าเป็นลูกสะใภ้ระบบจะเปลี่ยนอัตโนมัติเป็นร้อยเท่า
แต่สำหรับคนนี้แม่ไม่ให้ผ่านเพราะเคยผ่านการสแกนแล้วทำให้ลูกแม่เสียใจ”
“คุณวี...”น้ำเสียงทุ้มที่ลากยาวเหมือนรู้ใจน้ำทิพย์
เพราะสีหน้าหนักใจของลูกสาวนั่นทำให้คนเป็นพ่อพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย
“เอาล่ะ
ไหนเอาเบอร์โทรแม่หนูนั่นมาซิ
แม่จะโทรตามให้มาที่นี่เอง”นิ้วเรียวชี้ไปที่โทรศัพท์ที่ลูกสาวสุดรักสุดหวงถืออยู่ข้างตัว
“เอ่อ...บีโทรเองก็ได้ค่ะแม่”คนป่วยเอ่ยอย่างเกรงๆ
ดูท่าแล้วเหมือนมาธวีจะไม่ได้อยากโทรตามอย่างเดียวนี่สิ
“หนูบีคะ
ไม่ดื้อสิลูก”น้ำเสียงเย็นๆกับรอยยิ้มนั้นทำเอาน้ำทิพย์สะท้านจนต้องรีบปลดล็อกโทรศัพท์แล้วส่งให้ด้วยความเร็วแสง
น่ากลัว
“ดีมากค่ะเด็กดีของแม่”มือของคนเป็นแม่เอื้อมมาดึงแก้มลูกสาวเบาๆก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียงปล่อยให้นพดลอยู่กับน้ำทิพย์ไปตามประสาพ่อลูก
ใช้เวลาต่อสายนานทีเดียวกว่าเสียงหวานติดจะแหบเสน่ห์ที่มาธวีคิดว่าเพราะดีเหมือนกันก็ลอยมาตามสายอย่างคุ้นเคย
[ว่าไงคะบี พอดีคริสทานข้าวกับป๊าม๊าอยู่เลยไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์น่ะค่ะ]
“เธอเป็นแฟนของหนูบีงั้นสินะ”
[คะ? คุณเป็นใครคะ...แล้วใช้โทรศัพท์บี...]
“โอ๊ย ถามมาก..ฉันเป็นแม่ของหนูบี ชื่อมาธวี
ตอนนี้ฉันอยากจะให้หล่อนรีบเสด็จมาเฝ้าไข้แฟนตัวเองได้แล้ว ปล่อยให้คนอื่นมานั่งจู๋จี๋กับแฟนตัวเองอยู่ได้
เป็นแฟนประสาอะไร”เหมือนปลายสายเงียบเพราะอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมา
[เอ่อ ค่ะๆหนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ...คุณแม่]
“น้าย่ะน้า...ฉันมีลูกสาวคนเดียว”มาธวีวางสายทันทีแล้วมองนาฬิกาเรือนหรูเพื่อจับเวลาที่ศิรินจะมาหาลูกสาวเธอก่อนเข้าไปด้านในห้อง
“คุณ....บอกผมสิว่าคุณแค่โทรไปตามแฟนมาอยู่เป็นเพื่อนหนูบี
ไม่ได้ไปพูดอะไรไม่ดีใส่เค้า”นพดลที่นั่งอยู่ข้างๆลูกสาวเอ่ยอย่างรู้ทัน ภรรยาเขาปากร้ายแค่ไหนเขาก็รู้ดี
“อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอกคุณ
ทักทายกันนิดหน่อยตามประสาเท่านั้นแหละ”มาธวีเบนสายตามาที่น้ำทิพย์
“หนูบีคะ
เดี๋ยวแม่จะนอนเฝ้าหนูเองนะคืนนี้...”
“อ้าว
แล้วแม่โทรตามคริส...”
“ก็นี่ไง...แม่กำลังจะสแกนว่าที่ลูกสะใภ้”มาธวีตอบหน้าตาเฉย
ส่วนคนที่เป็นสามีและลูกถึงกับเหวอไปไม่เป็น
“ผมว่า...กลับไปนอนที่บ้านเถอะคุณ
ที่นี่มันไม่สบายหรอก โซฟาก็แคบนิดเดียวเอง”แต่คนเป็นภรรยานั้นยักไหล่ไอด้อนท์แคร์
ก่อนส่งยิ้มที่ทำให้คนมอง...
ไม่รู้จะกลัวหรือกลัวดี
“ฉัน-จะ-นอน-ที่-นี่”ย้ำเสียงดังชัดเจนพร้อมนั่งลงที่โซฟาประกอบคำพูด
คนเป็นสามีก็ได้แต่ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของภรรยาตนเอง
“เอางั้นก็ได้
แล้วแต่คุณละกัน ฝากดูแลลูกด้ว...”
“ก็ให้เมียดูแลสิ
นี่แม่นะแม่”
พรวด!!!
“แค่กๆ”เล่นเอาน้ำส้มที่คนเป็นพ่อเพิ่งส่งให้พุ่งเลยทีเดียวสำหรับคนป่วย
มาธวีก็เข้ามาลูบหลังลูบไหล่ด้วยความเป็นห่วง
ยังไงๆคนเป็นแม่ก็รักลูกที่สุดอยู่ดีแหละนะ
“สำลักเลยเหรอลูก
พูดความจริงหน่อยเดียวเอง”มาธวีเอ่ยแซวเมื่อเห็นลูกสาวสุดรักสำลักจนหน้าดำหน้าแดง
“คุณก็...ไปแซวลูก”คนเป็นพ่อหัวเราะบ้างเพราะดูท่าแล้วแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นคงไม่ได้มาจากการสำลักเพียงอย่างเดียว
“พ่อกับแม่อ่ะ!!!”น้ำทิพย์ชักจะเริ่มงอนบุพการีเสียแล้ว อะไรกันเนี่ย...ล้อกันจัง
“หึๆ
พ่อไปก่อนดีกว่า เพราะพ่อว่าอีกซักพักว่าที่ลูกสะใภ้จะมาแล้วจะหาว่าบ้านนี้โหดเกิน”คนเป็นพ่อเอ่ยติดตลก
ก่อนหันไปร่ำลาภรรยาเล็กน้อยแล้วเดินออกไป
บรรยากาศกลับมาเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
เหมือนมาธวีจะจงใจปล่อยให้ลูกสาวของตนจมอยู่กับความคิดของตัวเองกับเรื่องความรักที่ว่ามาก่อนหน้านี้
แม้จะถูกเบี่ยงเบนออกไปเรื่องอีกแต่ว่าทุกคนก็ต่างรู้ดี
ที่ทำไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในการสนทนาก็แค่นั้น
“บีรักแนทจริงๆนะคะแม่”จู่ๆน้ำทิพย์ก็เป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเสียเอง
นั่นทำให้คนเป็นแม่ที่นั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงโซฟาส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“แล้วแฟนลูกล่ะ...แฟนคนปัจจุบันน่ะ”
“...”
“รู้มั้ยหนูบี...ลูกควรเปิดใจแล้วลองทบทวนดูว่าลูกรักใครกันแน่
มากกว่าจะปักใจไปว่าคนที่ลูกจำได้ว่ารักคือคนที่ลูกรัก”
“...”
“เพราะบางที..ความรักอาจจะไม่เกี่ยวกับความทรงจำเลย”
“...”
“ถ้าลูกเจอคนที่ทำให้ลูกตกหลุมรักได้ซ้ำๆไม่ว่าจะความจำเสื่อมอีกกี่ครั้ง...รักษาเค้าเอาไว้ให้ดีนะ
หนูบี”
น้ำทิพย์นิ่งคิด
ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าตัวเองก็แอบหวั่นไหวไปกับท่าทางอันสดใสและการดูแลเอาใจใส่ของศิรินเหมือนกัน
แต่อีกใจก็เถียงสุดเสียงว่าเธอควรมีอนิภรณ์คนเดียว มั่นคงๆๆๆๆน้ำทิพย์!!!
เสียงเปิดประตูทำลายสงครามระหว่างน้ำทิพย์กับน้ำทิพย์และความเงียบที่ปกคลุมมาพักใหญ่ระหว่างแม่ลูก
สาวหมวยรีบยกมือไหว้มาธวีที่มีออร่าความแม่ผัวแผ่กระจายอยู่รอบตัว
“สวัสดีค่ะคุณน้ามาธวี”มาธวีรับไหว้ตามมารยาท
สายตาก็ไล่มองสำรวจหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของลูกตัวเอง
ก็ดีนี่...หมวยไปหน่อยแต่ก็ยังโอเค
“สวัสดีจ้ะ
มาเร็วดีนี่”ว่าพลางยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา
ยี่สิบสองนาทีสามสิบเจ็ดวินาที...เป็นเวลาที่พอใช้ได้
“เอ่อ..ค่ะ”ศิรินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดีนอกจากคำว่า
‘ค่ะ’ เพราะรังสีบางอย่างที่น่ากลัวซึ่งแผ่ออกมาจากตัวว่าที่แม่สามี
“มานี่สิ
ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอหน่อย”มาธวีกวักมือเรียกเธอมาที่ระเบียงสูดอากาศ
แม้ว่าจะไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรเธอมากมาย
แต่ยังไงศิรินก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ายำเกรงอยู่ดี
“เธอชื่ออะไร”คำถามถูกยิงออกมาทันทีที่ประตูกั้นห้องกับระเบียงปิดลง
บรรยากาศนี้ทำให้ศิรินรู้สึกเหมือนถูกสอบสวนอะไรซักอย่างอยู่
“คริสค่ะ ศิริน
หอวัง”สาวหมวยตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความหวั่นเกรงแต่ก็ไม่ได้อ้อมแอ้ม
ด้วยความที่เป็นนักแสดงทำให้เธอไม่คิดว่าการพูดเสียงค่อยจะทำให้ความกลัวที่มีต่อมาธวีลดน้อยลง
“เป็นเจ้าของโรงเรียนหอวังเหรอ”โอเคค่ะ
หมวยเข้าใจว่าคนเกือบครึ่งประเทศก็เข้าใจผิดเรื่องนี้...
“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่...”
“น้า”
“ค่ะ
ไม่ใช่ค่ะคุณน้า คือบังเอิญนามสกุลไปตรงกันพอดีไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนนั้นเลยค่ะ”แววตาแม่ลูกนี่โคตรเหมือนอย่างกับโคลนนิ่งกันมาในความคิดศิริน
ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามาธวีจ้องมาด้วยสายตาเหมือนตอนเธอที่โดนเมนเทอร์บีด่ายับเยินสองชั่วโมงในห้องดำตอน
Episode
9
ใช่เลยมันใช่มาก...
“ยังไงก็...ฝากดูแลลูกสาวฉันให้ดีๆ
อย่าให้สุนัขมาคาบไปรับประทานล่ะ”
“เอ่อ...ค่ะ”
“เปิดทางขนาดนี้
ถ้าเธอทำให้ลูกฉันกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ล่ะก็...อย่าได้หวังว่าฉันจะให้เธอได้ใช้สถานะแฟนกับลูกฉันอีก
เข้าใจนะ”ศิรินใจหายวูบ แค่ลำพังทำให้น้ำทิพย์เรียกเธอแบบเดิมยังไม่มีปัญญา...แล้วยังจะมาโดนข่มขู่กรรโชกสถานะจากว่าที่แม่สามีอีกเหรอเนี่ย
อยากก้มกราบแบบติญ่าแล้วกรอกตามองบนแบบจีน่าเลยอ่ะ
มาธวีไม่พูดอะไรต่อ
แต่หันหลังเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่มีน้ำทิพย์ชะเง้อคอมองอยู่บนเตียงด้วยความอยากรู้
“แม่คุยอะไรกับเค้าคะ?”น้ำทิพย์ถามทันทีเมื่อเห็นมาธวีและศิรินเดินเข้ามาแล้ว
แต่คนเป็นแม่กลับส่ายหน้าเบาๆก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองบนโซฟา
“แม่กลับก่อน
วันนี้ให้แฟนหนูบีอยู่เฝ้าแล้วกันนะลูก...”
“อ้าว
ไหนแม่บอกจะอยู่เฝ้าบีล่ะคะ”
“แม่เปลี่ยนใจ
ไม่อยากแย่งหน้าที่เมีย”มาธวียิ้มให้ลูกสาวของตนที่กำลังอึ้งก่อนจะเดินเข้ามาหอมแก้มแล้วออกจากห้อง
แต่เมื่อเดินออกจากลิฟต์ไม่นานก็เห็นสามีตนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ผมรู้ว่ายังไงคุณก็ต้องกลับบ้าน
อย่าคิดว่าผมดูไม่ออกสิ”สองสามีภรรยายิ้มให้อย่างรู้กัน
“ฉันหวังว่า...เด็กที่ชื่อคริสคนนั้น
คงทำให้ลูกสาวเราหายและกลับมาจำได้..ว่านังอสรพิษคนนั้นเคยทำเค้าเจ็บแค่ไหน
เค้าควรมีความสุขได้แล้วกับปัจจุบัน”นภดลยิ้มก่อนจะพาเธอเดินออกมาด้านนอกที่คนขับรถจอดรถรอรับนายตนกลับบ้านอยู่แล้ว
“ใช่
ผมก็คิดว่าลูกสาวของสถาพรจะไม่ทำเราผิดหวัง เชื่อสิ”
~~~~~
บันเทิงไปหน่อยเลยมาอัพเกิือบหมดวัน แหะๆ//กราบ
ไรท์ #ทีมมาธวี 555 ถ้าใครนึกแววตามาธวีไม่ออกเราก็มีเซอร์วิส
นี่ไงงง เอาแต่แววตาอย่าเอาหน้านะ มโนไปค่ะว่านี่มาธวีตอนเอ๊าะๆ
รักรีดม๊ากมากสัญญาว่าไม่เท
ไรท์คนเดิมเพิ่มเติมคือตอนนี้ไม่อยากดราม่า
ความคิดเห็น