ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BeeCris/บีคริส] Deepens But Faraway

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 16 : BAD

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      8
      10 เม.ย. 60

    Chapter 16 BAD

     

              “อื้อ...บีขา..อ๊ะ”เสียงหวานที่แหบพร่าด้วยแรงปรารถนาเรียกชื่อคนที่กำลังซุกไซร้หน้าเข้ากับเนินอกอวบอิ่มของตน หญิงสาวกัดปากสะกดกลั้นอารมณ์ที่ร่างสูงชักพาแต่คนที่อยู่ด้านบนกลับมองกิริยานั้นว่าเป็นอาการเย้ายั่ว

     

              “อ่าคริส...เซ็กซี่ชะมัดเลยทูนหัว”น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแหบพร่าไม่แพ้กัน น้ำทิพย์ยืดตัวขึ้นมอบจูบร้อนแรง ปลายลิ้นกระหวัดตักตวงความหวานหวามอย่างไม่รู้จักพอ ก่อนจะก้มลงไปเล่นกับอกคู่สวยอีกครั้ง เรียวลิ้นร้ายกาจลากไล้สำรวจต่ำลงมาจนถึงศูนย์รวมความหฤหรรษ์

     

              “อืม..บี อ๊า..”มือเล็กเผลอกดศีรษะอีกฝ่ายให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น ปลายลิ้นร้อนเคลื่อนไหวอย่างมีศิลปะจนพาหญิงสาวขึ้นไปแตะเส้นขอบฟ้าได้อีกครั้ง

     

              น้ำทิพย์ไม่ยอมหยุดกิจกรรมออกกำลังในร่มที่กำลังเรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดีไว้แค่นั้น เธอไล่ใช้ปลายลิ้นทำความสะอาดก่อนยื่นหน้าขึ้นไปจูบอีกหน ในขณะที่มือเรียวก็ขยับรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะมีสิทธิ์ครอบครองมากกว่าเจ้าของเสียแล้ว

     

              “คริสสวยจัง”คำเอ่ยชมปนเสียงหอบกระเส่าทำให้เจ้าของใบหน้าที่แดงซ่านอยู่แล้วแทบอยากมุดดินหนี แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ติดภารกิจรักที่ยังพัวพันไม่จบสิ้น

     

              “อ๊ะ..บี คริสมะ..ไม่”เสียงหวานกระท่อนกระแท่นขาดห้วงเพราะจังหวะถูกเร่งเร้าโดยคนคุมเกมที่กำลังตีตราประทับไปทั่วทั้งร่าง

     

    ตุบ!!!

     

              “โอ๊ย”น้ำทิพย์ร้องลั่นเพราะร่างสูงๆของตนเองที่กระแทกพื้นเสียงดังจนพอจะทำให้คนที่เพิ่งตื่นตาสว่างได้ในทันที ยังไม่นับรวมความเจ็บมึนๆที่หัวก็พอเข้าใจได้ว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน

     

              “ฝันอะไรของกูวะเนี่ย!!!”คนเพิ่งตื่นยีหัวหัวเองแรงๆ สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอก็มักจะฝันถึงความทรงจำ...อันที่จริงก็ไม่แน่ใจเสียทีเดียวว่ามันเป็นความทรงจำ แต่พอถามกับศิรินและมาธวีก็ได้คำตอบว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆ จนตอนนี้น้ำทิพย์คิดว่าความทรงจำของตนเองพอจะกลับมาบ้างแล้ว...แต่ไอ้ฝันเมื่อกี๊นี้ก็ไม่กล้าจะไปถามศิรินหรอกนะ ว่าเรื่องจริงมั้ย

     

              ร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่บนพื้นถอนหายใจพรืด ปาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่เต็มหน้าผากเพราะฝันชวนตื่นเต้นเมื่อครู่ก่อนแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากเบาๆอย่างเสียดาย

     

     

    ถึงจะเป็นแค่ฝัน..แต่ก็น่าจะต่ออีกซักนิด

     

     

    เสียดายฉิบ..กำลังได้อารมณ์เลย

     

     

              “คุณหนูบีคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ”เสียงเรียกชื่อเธอและเสียงเคาะประตูทำให้น้ำทิพย์หยุดความคิดไว้แค่นั้น เธอเดินไปเปิดประตูบอกป้าจิตที่สงสัยเสียงดังตุบเมื่อครู่ว่าไม่มีอะไร ก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพพร้อมทำกิจวัตรประจำวัน

     

              “อ้าวลงมาแล้วเหรอ แม่กำลังจะไปตามพอดี...หนูคริสมาหาแน่ะ”มาธวีกวักมือเรียกพร้อมเดินเข้ามาหาน้ำทิพย์ที่กำลังสงสัยว่าศิรินมาทำไมตั้งแต่เช้า

     

              “ทำไมวันนี้คริสมาเช้าจัง”ร่างสูงเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่พากันมานั่งคุยรออาหารเช้าจากป้าจิตที่ศาลากลางสวน บรรยากาศยามเช้าร่มรื่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายความบริสุทธิ์ช่วยให้ทั้งสองผ่อนคลายกับการคุยกันมากขึ้นกว่าเดิม

     

              “วันนี้คริสมีงานน่ะ ส่วนตอนเย็นมีปาร์ตี้กับพวกเจนี่ วุ้นเส้นน่ะ อืม..บีไปด้วยป้ะ”น้ำทิพย์ส่ายหน้า อันที่จริงเธอก็พอจะจำพวกเพื่อนๆของศิรินได้ลางๆตอนที่สาวหมวยพามาแนะนำก่อนออกจากโรงพยาบาล แต่ถ้าจะให้ไปทำความรู้จักค่อยๆทักทายในปาร์ตี้เพื่อนสาวสุดแซ่บคงไม่เหมาะเท่าไรนัก

     

              “ว้า..เสียดาย”สาวหมวยทำหน้างุยแบบที่ชอบทำตอนมีเรื่องขัดใจ แต่ก็พบความผิดปกติเพราะน้ำทิพย์ที่เอาแต่จ้องหน้าเธอแทบไม่วางตา ทั้งที่ปกติเจ้าตัวมักจะชอบทำเป็นชมนกชมไม้มากกว่า

     

              “บี? หน้าคริสมีอะไรติดรึเปล่า”พอดีกับที่อาหารเช้าง่ายๆอย่างแซนด์วิชไข่ต้มกับน้ำผลไม้สำหรับศิรินและแซนด์วิชทูน่ากับนมสำหรับน้ำทิพย์มาเสิร์ฟ ทำให้ศิรินไม่ได้สนใจคำตอบมากนักเพราะท้องที่ยังว่างเริ่มร้องประท้วงทันที

     

              รอช้าอยู่ไย..คนตัวเล็กรีบจัดการกับอาหารมื้อแรกของวันก่อนที่น้ำทิพย์จะได้หยิบจานใส่แซนด์วิชชิ้นใหญ่น่ากินนั่นมาพิจารณาเสียอีก คนตัวสูงอดที่จะขำไม่ได้กับอาการของสาวหมวยตรงหน้า

     

              “เออ แล้วเมื่อคืนบีฝันอะไรบ้างป้ะ”

     

     

    พรวด!!!

     

     

              “แค่กๆ”ร่างสูงพ่นนมสดที่เพิ่งดื่มออกมาก่อนจะไอโขลกๆเพราะอาการสำลัก ดีที่หันหน้าออกไปทางอื่นทันก่อนที่มันจะกลายเป็นเล่นสงกรานต์น้ำนมใส่ศิรินเต็มๆ

     

              “บี! เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ดื่มดีๆสิ”คนตัวเล็กกว่ายื่นผ้าเช็ดหน้ามาซับริมฝีปากที่เปื้อนเปรอะไปด้วยของเหลวสีขาว

     

              “แค่กๆ..บีโอเค”ร่างสูงยกมือห้ามก่อนที่ศิรินจะโวยวายให้แม่เธอรู้แล้วก็โดนเอ็ดเอาอีก

     

              “อ่ะบี...แล้วที่สำลักนี่คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คริสถามหรอกนะ”คำถามลองเชิงจากศิรินดูจะได้ผลชะงักเพราะน้ำทิพย์กำลังเบือนหน้าหนีสายตาจับผิดของคนถาม

     

              “ไม่หรอกๆ เอ่อ...เมื่อคืนบีไม่ได้ฝันอ่ะ”ศิรินทำท่าหรี่ตาแบบที่น้ำทิพย์เคยทำบ่อยๆตอนจับผิดเธอ แต่แทนที่จะดูดุๆกลับกลายเป็นทำให้ใบหน้าแบบคนหมวยๆนั้นแทบจะเหมือนกับมีสี่คิ้ว

     

     

    แล้วตาล่ะหมวย..ต้องไปแจ้งความตาหายมั้ยนั่น

     

     

              เป็นโชคดีของน้ำทิพย์ที่เสียงข้อความแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นสื่อสารยอดฮิตอย่างไลน์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากหญิงสาวไปเสียก่อน

     

              พอได้กวาดตาอ่านข้อความที่ส่งมาจากผู้จัดการส่วนตัวอย่างหวานเจี๊ยบ ใบหน้าที่ไม่ได้แต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางก็ยู่เข้าหากันแล้วเจ้าตัวก็จือปากอย่างนึกขัดใจ

     

              “คริสต้องรีบไปถ่ายละครแล้วอ่ะ พี่หวานเจี๊ยบบอกคิวผิด...วันนี้คงไม่ได้เจอกันแล้วอ่ะเนอะ”น้ำทิพย์ทำได้เพียงยิ้มรับ ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น

     

     

    แต่ความจริงก็...

     

     

     

    อยากอยู่ด้วยเหมือนกันแฮะ

     

     

              “ตั้งใจทำงานแล้วกันนะคะ”ศิรินยิ้มกว้างทันทีที่ประโยคนั้นออกมาจากปากแฟนสาว เธอมั่นใจว่าอีกไม่นานความทรงจำของน้ำทิพย์จะกลับคืนมาเป็นปกติแน่ เพราะเมื่อก่อนคำพูดนี้น้ำทิพย์มักจะพูดกับเธอก่อนเธอไปทำงานเสมอ

     

     

    ต่างกันนิดหน่อยตรงที่วันนี้..ไม่มีจูบที่หน้าผากหรือหอมแก้มก็เท่านั้นแหละ

     

     

              “ไปละ เจอกันนะบี”น้ำทิพย์หัวเราะเบาๆเพราะมือเล็กฉวยเอาแซนด์วิชที่ยังวางอยู่บนจานอีกชิ้นติดไม้ติดมือไปด้วย

     

              หญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมแอบผิดหวังเล็กๆที่ศิรินกลับเร็วเกินคาด นอกจากหล่อนแล้ว..วันๆนึงเธอก็แทบไม่ได้เจอใครเลย เพราะมาธวียังไม่อนุญาตให้เธอออกจากบ้านไปทำงานเป็นปกติด้วยซ้ำ ยิ่งเรื่องอนิภรณ์ยิ่งไปกันใหญ่...แค่จะแชทคุยยังต้องแอบขึ้นไปแชทบนห้อง

     

              “เฮ้อ..ทำไรดี”แม้ว่าน้ำทิพย์จะติดต่อกับเพื่อนๆอย่างพวกออร์แกนหรือคุยกับผู้จัดการแอนบ้างแล้ว และก็ยอมรับว่าเริ่มสนิทและเข้าใจศิรินมากขึ้น แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธออดคิดถึงคนรักอีกคนไม่ได้

     

              เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือกรีดร้องฉุดความสนใจของน้ำทิพย์ก่อนจะเบิกตาอย่างตระหนกเมื่อพบว่าใครเป็นคนติดต่อมา

     

              น้ำทิพย์รีบก้าวขายาวๆของตนเองเพื่อพาร่างเพรียวบางของตนเองขึ้นไปบนห้อง เพราถ้ารับโทรศัพท์ตรงนี้มีหวังโดนตัดขาดกันอย่างถาวรแน่

     

              “ฮัลโหลแนท..”น้ำทิพย์รีบกดรับโทรศัพท์เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะวางสายไปเสียก่อน ทว่าก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงของปลายสายนั้นสดใสแทนที่จะต้องเหวี่ยงวีนที่เธอรับโทรศัพท์ช้าแบบที่ควรจะเป็น

     

              [พี่บีคะ..วันนี้ออกมาเที่ยวกันเถอะ] คิ้วเรียวสวยเลิกสูงทันทีที่ฟังจบ ให้ออกไปทำงานยังไม่ได้..แล้วเธอจะขอออกไปเที่ยวได้อย่างไรกัน

     

              “แนท..พี่ก็อยากไปนะคะ แต่ว่าแนทก็รู้นี่คะว่าคุณแม่พี่....”

     

              [แต่พี่บีคะ..ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ พี่บีไม่คิดถึงแนทแล้วเหรอ..] เสียงของอนิภรณ์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นออดอ้อนแกมน้อยใจ

     

              “พี่ก็คิดถึงแนทนะคะ แต่ว่า...”สีหน้ายุ่งยากลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม

     

              [ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่บีไม่มาวันนี้แนทจะโกรธจริงๆด้วย จะไม่ยอมคุยกับพิ่อีกเลย!!!] น้ำเสียงเง้างอนของคนปลายสายยิ่งทำให้น้ำทิพย์ต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

     

              “กะ..ก็ได้ค่ะ”

     

              [ดีค่ะ เจอกันที่เดิมของเรานะคะ...จำได้รึเปล่าเอ่ย]

     

              “ค่ะ จำได้อยู่แล้ว...งั้นเจอกันนะคะ”

     

              [น่ารักที่สุดอ่ะ บายค่ะจุ๊บๆ]

     

              และที่อนิภรณ์ทิ้งไว้คงเป็นความวิตกกังวลล้วนๆ แต่ใจนึงน้ำทิพย์ก็คิดว่าถ้าหากเธอออกไปได้...ก็คงได้เจอหญิงสาวตาคมผมยาวอันเป็นที่รักให้หายคิดถึง ร่างสูงส่ายหน้ากับตัวเองแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงเพื่อคิดแผนการณ์ขอคุณแม่สุดที่รักให้อนุญาตให้เธอออกจากบ้านเสียที

     

     

     

              “เรียบร้อย”เสียงหวานที่ถูกดัดเพื่อออดอ้อนคนปลายสายสุดซื่อบื้อเมื่อครู่กลับสู่ความเรียบสงบและแฝงไปด้วยความเย็นเยียบเหมือนเดิม

     

              “คุณนี่มารยาร้อยเล่มเกวียนจริงๆ”เสียงหัวเราะในลำคอของผู้ร่วมห้องทำให้ริมฝีปากที่เคลือบด้วยสีแดงสดของลิปสติกยกขึ้นอย่างอัตโนมัติ

     

              “คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ...มาหาว่าฉันมารยาร้อยเล่มเกวียนมันเร็วไปรึเปล่า”ธราภุชกระตุกยิ้มก่อนดึงตัวหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มยั่วยวนให้เข้ามาแนบชิด

     

              “แล้วคุณมีมากกว่านี้เหรอ...อืม เท่าที่ผมได้ยินมา ซักห้าร้อยเล่มเกวียนคงเหมาะกับคุณได้รึเปล่า”อนิภรณ์ยิ้มร้าย มือเรียวลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่า

     

              “ไม่รู้สิ...ไม่เคยนับซะด้วย เอาเป็นว่ามากพอจะทำให้ใครๆหลงหัวปักหัวปำ...รวมทั้งคุณด้วยนะ เซนต์”


             

              “โธ่แม่คะ นะ...ให้บีออกไปเถอะ”น้ำทิพย์กำลังขอร้องอ้อนวอนอยากออกไป ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาแม่เอาไว้ เอิ่ม..

     

              “ไปไหน คิดว่าแม่ไม่รู้เหรอ เดี๋ยวแกก็เมากลับมาอีก”สรรพนามถูกเปลี่ยนจาก ลูกเป็น แกเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาธวีเองก็ไม่ได้ยอมง่ายๆ

     

              “แหม บีก็ออกไปกับเพื่อนนี่คะ อีกอย่างนะบีก็จำได้เกือบหมดแล้วด้วย ไม่แน่ได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนอาจจะความจำกลับมาครบร้อยปิ๊งปั๊งทำงานได้เหมือนเดิมไง นะน้า..นะคะแม่”มาธวีกลอกตากับการแอคติ้งราวจะตายถ้าไม่ได้ออกไปของน้ำทิพย์

     

              “นะค๊า~~~~~~~”คนเป็นแม่ถอนหายใจซ้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ไม่ได้นับ และสุดท้ายก็ต้องใจอ่อนให้กับลูกสาวขี้อ้อนจนได้

     

              “เฮ้อ ไปกี่โมง”เด็กหญิงน้ำทิพย์ยิ้มกว้างก่อนจะตอบอย่างฉะฉานยิ่งกว่าไปสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก

     

              “ไปตอนค่ำๆค่ะ ประมาณทุ่มนึงที่ Volcano Pub ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ร้านประจำ”มาธวีขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อสถานที่

     

              “แต่ลูกไม่ได้ไปที่นั่นมาตั้งแต่เลิกกับยัยแหนดอะไรนั่นไม่ใช่รึไง แล้วยังมาบอกว่าร้านประจำอีก ความจำกลับมาแน่แล้วเหรอ”เจ้าของใบหน้าคมอ้าปากค้างสามวิเพราะลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถ้ามาธวีรู้เรื่องนี้ละก็..

     

              “เอ่อ...บีไปกับพวกพี่แอนน่ะค่ะแม่ ไม่มีอะไรหรอก”สปิริตนักแสดงล้วนๆบวกกันการกะพริบตาออดอ้อนตามแบบเจ้าตัว แค่นี้ก็น่าจะพอจะทำให้คนเป็นแม่ยอมปล่อยผ่านไปได้ เธอเชื่อแบบนั้น

     

              “อ่ะๆ แล้วห้ามกลับเกินเที่ยงคืน...ไม่งั้นแม่จะขังลืมซะให้เข็ด”ร่างสูงที่ยังกอดผู้เป็นแม่ราวลูกแมวส่งยิ้มแบบแทบจะเห็นฟันครบสามสิบสองซี่เมื่อได้ยินคำตอบที่รอคอยแล้ววิ่งหายขึ้นไปบนห้อง

     

              “ฉันตามใจลูกมากไปรึเปล่าเนี่ย”มาธวีส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆ รู้สึกว่าพอตั้งใจจะทำตัวดุทีไรก็ต้องพ่ายแพ้ให้ลูกอ้อนของแม่ตัวดีจนได้

     

     

     

              Volcano Pub

             

              ดวงตาคมสวยที่ถูกกรีดด้วยอายส์ไลน์เนอร์จนมันดูดุขึ้นมาอีกหลายเท่ากำลังกวาดไปทั่วทั้งสถานบันเทิงยามราตรีที่คลาคร่ำไปด้วยนักเที่ยวหลากหลายช่วงวัย เสียงเพลงจังหวะเร้าใจและแสงไฟหลากหลายสีที่สาดส่องไปมาทำให้หัวใจเต้นโครมครามเนื่องด้วยไม่ได้มาในสถานที่แบบนี้มานานหลายเดือน

     

              น้ำทิพย์ยกยิ้มมุมปากเพราะสังเกตเห็นหญิงสาวที่เป็นจุดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คน ด้วยชุดเดรสเปิดแผ่นหลังเนียนน่าสัมผัสสีแดงเพลิงที่ทำเอาชายหนุ่มหลายคนเผลอน้ำลายหก แต่ก็ไม่ใช่อนิภรณ์เพียงคนเดียวที่เป็นจุดเด่น น้ำทิพย์เองก็เช่นกัน..ด้วยส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรที่มากเกินชาวบ้านชาวช่องเขา แต่มันยังไม่ชวนสะดุดตาเท่าชุดเกาะอกสีขาวที่สั้นจนเผยให้เห็นเรียวขาสวยของเจ้าตัว ซึ่งกำลังก้าวเดินไปหาคนที่กำลังส่งยิ้มรออยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว...

     

              “พี่บีคะ นี่เซนต์เป็นเพื่อนแนทเองค่ะ”เมื่อเดินมาถึงเธอก็ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งดื่มอยู่ด้วยกันกับคนรักอีกสองคน

     

              น้ำทิพย์จับมือทักทายตามมารยาท แม้จะรู้สึกตงิดๆเหมือนเคยเห็นหน้าผู้ชายสองคนนี้ที่ไหนมาก่อน แค็คิดว่าคงเป็นผู้คนในวงสังคมชั้นสูงเลยเคยเห็นหน้ามาบ้างและไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

     

              “ส่วนนี่พี่ฮิม..พี่ชายเซนต์ค่ะ”ชายหนุ่มที่ใส่แว่นทั้งสองคนที่ดูจะไม่มีท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยใส่อนิภรณ์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้น้ำทิพย์ไว้ใจและเริ่มพูดคุยกับพวกเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ในสายตาใครบางคนตลอดเวลาจากห้องกระจกจากชั้นบนของโซนวีไอพี

     

     

     

              “วู้ววว นานๆจะได้มาครบแก๊งค์ วันนี้ไม่เมาไม่เลิกใจนะ”วิริฒิพาเอ่ยเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เปิดกระหึ่ม

     

              “อ่ะ ขอให้รวยๆ สวยๆหาผัวได้นะจ๊ะอีเจี๊ยบบบ”คำอวยพรแรกเป็นของศิรินที่ส่งแก้วไวน์มากระทบเสียงดังกริ๊งเพื่อฉลองวันเกิดให้เพื่อนสาว

     

              “แหมผัวน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้จ้ะเพื่อน ว่าแต่แกเห๊อะ...ติดผัวไม่ยอมมาปาร์ตงปาร์ตี้กับเพื่อนเลยนะยะ”เอาแล้วไงหมวย จะพูดเรื่องผัวทำไมมันต้องย้อนกลับเข้าตัวเองทุกทีเลย

     

              “เออใช่ๆ ว่าจะเมาท์..วันนั้นเป็นไง สรุปน้ำหอมฟีโรโมนกับลิปสติกปลุกเซ็กส์นี่อะไรดีกว่ากัน”เป็นอลิชาที่ถามขึ้นหลังจากวางแก้วน้ำส้มลง เพราะเนื่องด้วยเธอกำลังตั้งครรภ์ทำให้ไม่สามารถฉลองด้วงไวน์และแชมเปญแบบชาวแก็งค์เพื่อนสาวได้

     

              “อะไรยะ แกก็ถามไม่เกรงใจน้องเบบี๋ในท้องเลย มานี่ฉันถามเองดีกว่า..สรุปเป็นไงคะเพื่อน วันนั้นเนี่ยยิ้มกันถึงเช้าใช่ป้ะ ฉันรู้นะแกเพิ่งมาเปิดอ่านตอนบ่ายสาม”เป็นเจ้าของวันเกิดที่อาสารับหน้าที่สอดแส่สาระแนและสอใส่เกือกเสียเอง

     

              “บ้าเหรอแก ยิ้มเยิ้มอะไรล่ะ ฉันแฮงค์อยู่หรอกคิดอะไรอกุศล”คนถูกจับผิดต้องปฏิเสธเป็นพัลวัลแล้วแสร้งยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มกลบเกลื่อน

     

              “แหม..แต่ก็ได้กันแล้วไม่ใช่เร๊อออ”ถึงนานาจะมาเงียบๆแต่นานาก็รู้มาเพียบนะคะ รู้ขนาดว่าทั้งศิรินและน้ำทิพย์ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ แถมช่วงที่น้ำทิพย์เกิดอุบัติเหตุศิรินก็มีสภาพคล้ายจะตายได้ทุกเมื่อขนาดนั้น

     

              “ก็...อือ”สุดท้ายก็ต้องยมรับเพราะมิอาจต่อต้านขบวนการนางฟ้าทั้งห้าได้ ทำไมห้า?...ลืมบอกไปรึเปล่าว่าวันนี้พอลล่านางไปดินเนอร์ฉลองวันอะไรซักอย่างกับสามี ไม่แน่ใจว่าวันที่จับมือกันวันแรกหรือกอดกันวันแรกหรือได้กันวันแรก หมวยไม่อยากไปจำปฏิทินของพอลล่ามันเพราะเยอะมากกก (ก.ไก่ล้านตัว)

     

              “นั่นไงเห็นมั้ย”วิริฒิพาตบเข่าฉาด ไม่เว้นช่วงให้คนถูกซักหายใจหายคอก็รุกถามต่อทันที

     

              “แล้วสรุปเป็นไง บี น้ำทิพย์ สามีแห่งชาติคนล้านเมียที่สาวๆเค้ากรีดร้องอยากได้มาเป็นผะหลัวจนตัวสั่นน่ะ แซ่บ-ป้ะ”ศิรินรู้ว่าเพื่อนรักจงใจเน้นคำหลังให้ดังจนได้ยินกันทั่ววงสนทนา

     

              “ก็...ของแบบนี้เค้าไม่พูดกันหรอก”เสียงโห่ดังขึ้นทันทีแบบไม่ได้นัดหมายจากห้าสาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟัง แต่ก็ต้องหูผึ่งกับประโยคถัดมา ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะออกมาจากปากคนขี้อายประจำแก๊งค์

     

              “แต่เค้าเคยทำสถิติสูงสุดไว้เกินเวลานอนพวกแกอ่ะนะ”

     

              บางคนอาจจะคิดว่าศิรินอวดผะหลัว แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ!! มันมีอยู่วันหนึ่งเมื่อสองสามเดือนก่อนที่พวกเธอได้หยุดตรงกันในรอบหลายสัปดาห์ เธอเองก็ไม่รู้ว่าน้ำทิพย์ไปคึกอะไรมาจากไหน แต่วันทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจุดสามจุดกันและสลบเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็ข้ามวันแล้ว..โอ้โห ไรท์ไม่อยากมโนภาพเลย

     

              พอคุยเรื่องผัวเพื่อนผัวเขาผัวเราผัวใครกันจบก็เป็นเรื่องสัพเพเหระที่หาสาระไม่ค่อยจะได้ ปาร์ตี้เรื่อยเปื่อยจนทั้งอลิชาและเจนสุดาต้องขอตัวออกไปยืดเส้นยืดสายที่ฟลอร์ ส่วนศิรินก็ซัดไวน์ไปเกินครึ่งขวดเริ่มจะมีสีแดงเป็นแถบๆที่ใบหน้าขาวใส

     

              “เฮ้ยเจี๊ยบ แกมาช่วยฉันดูนี่ดิ๊เผื่อฉันเมา”วิริฒิพาเรียกเจ้าของวันเกิดที่กำลังคุยเรื่องคอลเลคชั่นใหม่จากชาแนลกับนานาให้มาช่วยดูบางอย่าง

     

              ดวงตาของเจนี่จับจ้องไปในทิศทางเดียวกับที่นิ้วเรียวสวยจากเพื่อนสาวชี้ไป ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างไม่เชื่อตาตัวเองเท่าใดนัก

     

              “ชัดเลย”สองสาวมองหน้ากัน ก่อนจะค่อยๆหันหน้าสโลว์โมชั่นไปที่ศิรินที่ยังคงคุยกับนานาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

     

              “หมวย”ศิรินเลิกคิ้วสงสัยว่าเหตุใดสองเกลอถึงเรียกเธออย่างพร้อมเพรียงกันได้

     

              “อะไรวะ”

     

              “แกช่วยดูหน่อยสิว่านั่นไม่ใช่ผัวแก”เจนี่ชี้ไปที่ใกล้ๆประตูทางออกที่กำลังมีใครสองคนเดินนัวเนียกันอยู่

     

              ศิรินค่อยๆกวาดตามองหาคนที่วิริฒิพาว่า ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับหญิงสาวสองคนที่นับว่าเด่นพอสมควร

     

     

     

    นั่นคือใครบางคนที่เห็นเพียงแผ่นหลังก็จำได้ขึ้นใจ...

     

     

              “บี!!!

             

     ~~~~~


      โฮกกกก ไม่คิดว่าตอนนี้มันจะยาวขนาดนี้ เฮ้ยนี่มันยาวจริงๆนะ ไม่เคยเขียนตอนไหนถึง 3450 คำเลย นี่ยังไม่จบนี่ต้องไปต่อภาค 2 กำลังจะเข้าไคลแม็กซ์ และช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าม.4 โอ้โห...คิดไปคิดมางานนี่เยอะ เหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วงไรท์เขียนทุกวันเพราะความขยัน ความบ้าและความไม่อยากขาดแคลนโมเม้นคู่


    เอ่อลืมถาม สงกรานต์พวกยูวไปเที่ยวไหนกันบ้างเปล่า ไปไหนก็ระวังร่างละลาย แดดมัน #ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต เล่นน้ำดีๆรักษาสุขภาพอย่าตากแดดมากเดี๋ยวเป็นลมนะยูวว


    รักคุณยิ่งกว่าการบินไทยและใส่ใจยิ่งกว่ายางมิชลิน

    ไรท์คนเดิมเพิ่มเติมคือสงกรานต์นอนอยู่บ้าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×