ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SM Sweet Review รับวิจารณ์นิยาย

    ลำดับตอนที่ #36 : Send: แผนลวงบ่วงกามเทพ (A)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 81
      0
      13 ธ.ค. 58

    นักวิจารณ์  A
    สวัสดีคุณมาวิกานะคะ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ไรท์ไว้ใจให้เราวิจารณ์งานเขียนเรื่องนี้ หากไรท์มีข้อท้วงติงหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามเราได้นะคะ มาเข้าสู่บทวิจารณ์เลยเนอะ
     
    ชื่อเรื่อง (10/10) แผนลวงบ่วงกามเทพ          ชื่อและคำโปรยที่เราอ่านมีความเชื่อมโยงกันมากค่ะ รู้สึกว่าชื่อสามารถสื่อถึงจุดประสงค์ของไรท์ได้ดีทีเดียวว่ามันเกี่ยวกับการวางแผนบางอย่างโดยชักนำให้พระนางมาแต่งงานกัน ชื่นชมเลยค่ะ
     
    การตกแต่งบทความ (3/5) บางทีนิยายแนวนี้อาจไม่จำเป็นต้องใส่อะไรเพิ่มเติมให้ดูโดดเด่น เพราะเท่าที่เคยอ่านมาก มักจะเปิดหน้านิยายโล่งๆ มีประโยคนู่นนี่นั่นดึงเข้าสู่เนื้อเรื่องพอสมควร แต่ที่อยากให้ลองแก้ไขเล็กน้อยคือตัวอักษรที่คละสีและขนาดตัวหนังสือ จากเริ่มเลยชื่อนิยายใหญ่เกินไปนะคะและจุดไข่ปลาที่คั่นอยู่น่าจะลดให้อยู่ในขนาดที่เหมาะสม เพราะมันดูขัดๆตา แต่ขอชื่นชมว่านำภาพมาใส่ทำให้เรานึกอิมเมจพระนางออกค่ะและข้อมูลเบื้องต้น เราคิดว่าไรท์ใส่เนื้อหามากเกินไป บางทีไรท์ลองตัดประโยคที่ไม่จำเป็นออก  เอาให้เหลือแค่สองถึงสามประโยคพอกรุ้มกริ่มนักอ่านจะได้อยากรู้ว่ามันจะยังไงต่อเนอะ หรือบางทีไรท์อาจนำคำโปรยมาใส่ในหน้าบทความด้วยแล้วค่อยคั่นจุดไข่ปลา ตามด้วยประโยคสักสองสามประโยคอย่างที่แนะนำไปค่ะ 
     
    บทบรรยาย (13/20)
    เราจะวิจารณ์เป็นบทๆโดยภาพรวมเนอะ หากมีข้อผิดพลาดหรือจุดที่ต้องแก้ไขเราจะชี้แจงทันที ตามความเห็นของเรานะคะ มาเริ่มกันเลย
    บทที่ 1
    ไรท์เริ่มเรื่องจากการเล่าบรรยากาศในเรื่องก่อน ถือว่าทำให้เรานึกภาพตามง่ายขอชื่นชมนะคะ มีนิดหนึ่งที่เราอยากให้ไรท์ลองเปลี่ยนคำ นิดเดียวจริงๆค่ะ
    ใบหน้าของหญิงสาวที่ยังคงนอนหลับอยู่บนที่นอนนุ่ม  
    เราเจอที่สองที่ซึ่งใช้ต่างกัน แต่ด้วยความที่มันออกเสียงเหมือนกัน ทำให้เวลาอ่านเรารู้สึกขัดๆเล็กน้อย อยากให้ไรท์ลองปรับเปลี่ยนเป็น เตียงนุ่ม น่าจะดีกว่านะคะ มีตรงนี้ที่หนึ่งเนอะ
    แล้วเราลองอ่านต่อมาเรื่อยๆเลย เจออีกหนึ่งประโยคนะคะที่อ่านทวนแล้วรู้สึกว่ามันขัดๆเล็กน้อยในความรู้สึกเรา
    ดวงตาคู่เล็กค่อยๆลืมขึ้นมาทีละนิดแล้วต้องหรี่ลงตามเดิม  เมื่อแสงนั้นส่องเข้ามากระทบกับดวงตาของเธอ
    มีบางประโยคของไรท์ที่บรรยายออกมาซ้ำเดิม คือหมายความว่า ไรท์บอกไปแล้วว่าดวงตาปรือขึ้นแล้วถึงปิดลงเพราะแสงแยงตา ไรท์ตัดคำว่าดวงตาของเธอออกไปก็ได้นะคะ เพราะเราคิดว่าความหมายยังคงอยู่คือ เข้าใจว่ามีแสงมากระทบตาค่ะ อันนี้ลองอ่านทวนดูเนอะ อีกเรื่องที่เราอยากแนะนำคือคำว่าลืมขึ้นทีละนิด เราคิดว่าไรท์น่าจะลองเปลี่ยนเป็น ปรือขึ้นทีละน้อยจะสละสลวยกว่าเนอะ มีคำซ้ำนิดเดียวตรง กระทบ ที่ไรท์บอกในตอนแรกไปแล้วว่ากระทบหน้า ประโยคไล่ๆกันมาบอกกระทบตา รวมถึงการใช้คำเชื่อมว่า แล้ว เรารู้สึกว่าการปรือตาของนางเอกไม่ได้เกิดความขัดแย้ง นั่นคือตอนแรก นางเอกจะลืมตาขึ้นใช่ไหมคะ แต่แสงมันแยงตาเลยหลับลงอีกที เราคิดว่าไรท์ควรจะเปลี่ยนคำเชื่อมโดยใช้คำว่า แต่ แทน เพื่อบอกความขัดแย้งตรงนั้น เช่น
    ดวงตาคู่เล็กปรือขึ้นทีละน้อยแต่ก็ต้องหรี่ลงตามเดิม เพราะแสงยามเช้าที่ส่องเข้ามา
    อันนี้เป็นการยกข้อความแนะนำนะคะไรท์ ฮ่าๆ อาจไม่ดีเท่าไหร่แต่น่าจะเป็นแนวๆได้นิดนึงเนอะ ช่วงหลังๆเราคิดไม่ออกจริงๆค่ะ แต่คิดว่าควรจะเปลี่ยนเป็นคำอื่นได้ อ่านต่อมาก็เจอประโยคในทำนองเดียวกันเลยค่ะ
    หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะ  เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เกือบจะถึงเลขสิบเอ็ดแต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่พร้อมสำหรับเข้าวันใหม่ 
    ไรท์มีการใช้คำซ้ำ ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปสำหรับนักเขียนหลายๆคนเนอะ เราสามารถปรับเปลี่ยนประโยค โดยใช้คำอื่นมาแทนที่ จากประโยคที่ยกมาจะมีคำว่านาฬิกาและคำว่าจะที่ไรท์ใช้อยู่ใกล้ๆกันทำให้ประโยคขาดช่วงไป สะดุดไปเลยค่ะ เราว่าไรท์ลองตัดคำว่า ของนาฬิกา ออกไปก็ได้เนอะ เพราะไรท์บรรยายไปในข้างต้นแล้วว่านางเอกมองนาฬิกา คำถัดมาที่บอกว่าชี้เกือบถึงเลขสิบเอ็ดแค่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่พร้อมสำหรับเข้าวันใหม่ เราคิดว่าลองปรับให้ประโยคดูสั้นลงและสามารถตัดคำว่า จะ ออกไปได้นะคะ เพื่อความกระชับ ยกตัวอย่างเช่น
    หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะ เข็มสั้นชี้เกือบถึงเลขสิบเอ็ดแต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่พร้อมสำหรับเข้าวันใหม่
    คือเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าตัดออกไปประโยคจะกระชับขึ้นและคำซ้ำน้อยลงไปเนอะ อันนี้แล้วแต่ไรท์ ลองอ่านทวนๆดูนะคะ ประโยคถัดมาเราก็เจอเนอะ แต่แค่เล็กๆน้อยเรื่องการเปลี่ยนคำนี่แหละค่ะ
    แล้วเปลือกตาทั้งสองข้างก็ค่อยๆปิดสนิทลงอย่างเดิม  
    เรารู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่แน่ใจ คำว่าอย่างเดิม ดูขัดๆเล็กน้อยในความเห็น เราไม่ค่อยพบนัก เราเคยอ่านแต่ ตามเดิม ประมาณนั้นค่ะ บางทีไรท์อาจลองเปลี่ยนจาก อย่าง เป็น ตาม อันนี้เป็นเพียงข้อแนะนำนะคะ เราอ่านลงมาเรื่อยๆยังไม่พบจุดอะไร แต่มาสะดุดที่ประโยคนี้ค่ะ
    วิภาทนเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของปราณีไม่ไหว  เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำทั้งที่ยังรู้สึกงัวเงียอยู่
    ไรท์ได้บรรยายไปในข้างต้นแล้วว่า ปราณีคือแม่ของนางเอก ซึ่งเราคิดว่าไรท์น่าจะใช้คำว่า มารดาแทนมากกว่า มันจะดูโอเคกว่าไหมคะ คือ ตามความเห็นเรา การบรรยายชื่อของตัวละครเฉยๆให้ความรู้สึกว่าตัวละครเหล่านั้นอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน หรืออีกมุมคือ ไรท์ได้กล่าวชื่อปราณีไปแล้วตอนบอกว่าวิภาคือลูกสาวเพียงคนเดียว เราว่าลองเปลี่ยนเป็นใช้คำเรียกแทนจะทำให้ดูสละสลวยกว่าเนอะ อันนี้ลองอ่านทวนอีกทีนะคะและประโยคถัดมาที่บอกว่าเธอลุกขึ้นไปอาบน้ำ ไรท์น่าจะเพิ่มคำว่า จึง คั่นกลางเพื่อบอกความสมเหตุสมผลในการกระทำนั้นๆของตัวละครหน่อยนะคะ แบบวิภาทนเสียงแม่ไม่ได้ เธอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ ประมาณนี้น่ะค่ะและมีบางประโยคที่พบว่าควรจะเพิ่มคำเชื่อมคั่นกลางสักนิด เช่น
    เธอวิ่งออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็วไม่ทันระวังจึงสะดุด
    เราว่าไรท์น่าจะลองเสริมคำว่า โดย คั่นตรงก่อนไม่ทันระวัง เพราะเราอ่านแล้วรู้สึกสะดุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไรท์บรรยายไหลลื่นเห็นภาพดีนะคะ
    รวมถึงประโยคนี้
    เสียงแจ๋นของวิภาดังมาแต่ไกล
    ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่า แจ๋น เป็นภาษาพูดมากกว่าจะนำมาบรรยายนะคะ ไรท์อาจจะเปลี่ยนเป็นคำว่า เจื้อยแจ้ว แทน เพราะให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันเนอะอ่านเรื่อยๆลงมาถือว่าลื่นไหลดีทีเดียวค่ะ จนกระทั่งถึงบทสนทนาประโยคนี้
    “ออกรถเลยจ๊ะ”
    เสียงในประโยคมันออกเสียงตรีนะคะไรท์ จ๊ะ จะใช้ในการถามนะคะ ไม่ใช่บอกเล่าหรือตอบ ถ้าที่ถูกต้องต้องใช้คำว่า จ้ะ ค่ะ อันนี้ผิดพลาดกันได้เนอะ และอ่านเรื่อยๆเราจะพบส่วนที่ไรท์ใช้คำแทนตัวละครซ้ำอีกด้วยนะคะ
     “ออกรถเลยจ๊ะ”ปราณีหันไปสั่งคนขับรถที่เหมือนกำลังยืนรอคำสั่งจากเธออยู่        
     
      “ครับ คุณผู้หญิง”ชายคนขับรถรับคำสั่ง
    จะสังเกตจากคำที่ขีดเส้นใต้นะคะ ไรท์ใช้คำซ้ำเรียกแทนพบหลายแห่งเลย เราว่าไรท์น่าจะลองเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่สื่อความหมายเดียวกันว่าคือคนขับรถนะคะ อีกอย่างคือ เรารู้สึกขัดกับคำที่บอกว่ายืนรอคำสั่งจากเธออยู่แล้วชายคนนั้นก็รับคำ ถัดมาไรท์ก็ตัดมาบรรยายเลยว่ารถแล่นออกไป เรารู้สึกแปลกๆ เพราะไรท์ไม่ได้บรรยายบอกว่าคนขับเข้าไปนั่งในรถตอนไหน คนขับยืนรออยู่ แล้วปราณีคือยังยืนอยู่นอกรถใช่มั้ย หรือเข้าไปนั่งแล้วในรถ หรือไรท์จงใจเขียนแบบนี้เพื่อให้มันสั้นลงและกระชับ แล้วให้คนอ่านนึกภาพตามอีกที อันนี้ก็อีกมุมหนึ่งนะคะ ฮ่าๆ แต่ถ้าใช่จริงๆ ไรท์น่าจะเปลี่ยนประโยคบางคำที่ซ้ำๆ ยกตัวอย่างเช่น 
    “ออกรถเลยจ้ะ” ปราณีหันไปสั่งคนขับรถที่ยืนรออยู่ข้างนอก 
    “ครับ คุณผู้หญิง” หนุ่มใหญ่รับคำก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งประจำที่แล้วออกรถทันที
    ประมาณนี้เนอะ เพราะประโยคสนทนาก็บอกอยู่แล้วว่าคนขับเป็นผู้ชาย เราสามารถใช้คำว่าชายหนุ่มหรือหนุ่มใหญ่แทนได้เลยนะคะ อ่านต่อมาเรื่อยๆ พูดถึงการบรรยายตอนนี้ถือว่าโอเคทีเดียวค่ะ แล้วเรายังเจอประโยคคำซ้ำอีกบ้างที่ ขอยกให้อีกสักประโยคแล้วกันเนอะ
    เพราะต่างคนต่างรีบไปทำงานรถนี่ติดเป็นสายยาวเป็นกิโล  
    ไรท์สามารถตักคำว่าเป็นอันแรกออกไปได้นะคะแล้วเปลี่ยนเป็น ติดยาวเป็นกิโล ประมาณนี้เนอะ อ่านต่อมาเรื่อยๆยังพบบางประโยคที่มีปัญหาเช่นเดิมคือใช้คำซ้ำ
    เหมือนกับภาพที่เธอเคยเห็นตามหนังสือท่องเที่ยวทั่วไป  แต่นั่นมันเป็นเพียงภาพถ่ายไม่เหมือนครั้งนี้ที่เธอได้เห็นด้วยตาของเธอมันสวยกว่าในภาพที่เธอเคยเห็นเสียอีก 
    อ่านแวบแรกถึงกับงง ต้องวนกลับไปอ่านใหม่ เหมือนไรท์บรรยายวนไปวนมา สรุปที่ไรท์อยากสื่อคือภาพที่เห็นเหมือนตามหนังสือ แต่มันเทียบไม่ได้กับของจริงที่สวยยิ่งกว่า ประมาณนั้นใช่ไหมคะ ฮ่าๆ เราลองเรียงใหม่และตัดให้เข้าใจง่ายกว่าเดิม ยกตัวอย่างนะคะ
    เหมือนกับภาพตามหน้าหนังสือทั่วไป แต่เทียบไม่ได้เลยกับของจริงตรงหน้า เพราะมันสวยกว่าภาพที่เธอเคยเห็นเสียอีก
    เราได้แบบนี้นะคะ คิดว่าน่าจะเป็นแนวได้เนอะ  ไรท์ลองอ่านทวนดูอีกทีเนอะ เพราะเราก็ยกตัวอย่างไปบ้างแล้ว จนกระทั่งมาถึงตอนที่วิภาเล่าเรื่องพ่อ ที่บอกว่าคิดถึงพ่อนั้นแล้วตัดมาบรรยายปราณีที่บอกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก
    ตรงปากทางมีป้ายเล็กๆเขียนไว้ว่า “ไร่ประไพ” ปราณีมองสำรวจไปรอบๆสองข้างทาง
     มันอยู่ในย่อหน้าที่วิภาเล่าเรื่องสมัยก่อนน่ะค่ะ เราว่าไรท์ควรขึ้นย่อหน้าใหม่ดีกว่านะคะ เพราะว่าบรรยายกันคนละคน แบบส่วนที่สอง ปราณี ไรท์ก็บรรยายถึงความรู้สึกของเธอและความคิดเห็นของเธอ เนอะ ประมาณนี้แหละค่ะ นอกจากนั้นยังพบจุดที่ไรท์ใช้คำว่า จ๊ะ ผิดบางที่นะคะ ลองอ่านทวนอีกทีเนอะ นอกจากนั้นก็ไม่พบอะไรแล้วล่ะค่ะ
    คำผิดที่พบ
    ซักที – สักที 
    จ๊ะ – จ้ะ
    กาง – กลาง
     
    บทที่ 2
    เราอ่านมาเรื่อยๆ มีพบบางจุดเท่านั้นเองนะคะ แรกๆ ประโยคนี้
    วิภาพูดแทรกขึ้นหลังจากยืนดูเหตุการณ์อยู่นานพอสมควร จนพอจะจับต้นชนปลายถูกถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนั้น
    ตรงคำว่าพอสมควรและจนพอ เราว่าไม่ต้องเคาะเว้นเนอะ เพราะมันทำให้ขาดช่วงไปเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าประโยคไม่ต่อกันทั้งๆที่คือประโยคที่หนุนกันและกัน อ่านต่อมาเรื่อยๆจนเจออีกอย่างค่ะ
    กะอีแค่ดอกกุหลาบถ้าหากมันตายก็ปลูกมันขึ้นมาใหม่ไม่เห็นจะยากอะไรเลย วิภาคิดจะหันหลังกลับบ้านเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีเหตุผล
    เราแอบงงในตอนแรกที่อ่านประโยคนี้นะคะ เราไม่แน่ใจว่าไรท์ตั้งใจเขียนสื่อออกมาว่ายังไง มันมีสองมุม  อันแรกคือไรท์จะบอกว่า วิภาคิดจะหันหลังเพื่อเดินกลับบ้าน กับอีกอันหนึ่งคือ วิภาคิด หมายถึงคิดว่ากุหลาบตายก็ปลูกใหม่ได้ เพราะการเว้นและการเล่าคำบรรยายที่ทำให้เราแอบงง ถ้าหากหมายถึงข้อแรก ไรท์ควรจะเคาะ Enter ลงมาย่อหน้าใหม่จะดีกว่าค่ะ แต่ถ้าหมายถึงข้อสอง ๆ ไรท์ควรปรับเปลี่ยนการบรรยายใหม่เป็นวิภาคิดพลางหันหลังเพื่อเดินกลับบ้าน อะไรทำนองนี้เนอะ เพราะมันมีหลายมุมที่เราไม่แน่ใจ แต่ก็ยกตัวอย่างทั้งสองมุมนะคะ
    อ่านมาเรื่อยๆพบปัญหาคำซ้ำประปราย ซึ่งเรายกตัวอย่างให้ไรท์ในบทข้างต้นแล้วนะคะ อ่านต่อมาถึงตอนนี้
    “ร่างใหญ่รีบหันมามองพร้อมกับปล่อยสายยาง
    ไรท์น่าจะพิมพ์ผิดเกินมานะคะ ตัวครอบคำพูด มีผิดกันได้เนอะ เดี๋ยวไปแก้ไขแล้วกันนะคะ
    ส่วนของบทที่สองนี้การบรรยายรู้สึกว่าคำซ้ำจะมีน้อยลง เนื้อหาน่าสนใจ การบรรยายอยู่ในระดับดี อ่านเพลินค่ะ มีเล็กๆน้อยๆเรื่องคำเรียกแทนตัวละครเท่านั้นเองค่ะ
    คำผิดที่พบ
    พหอสมควร- พอสมควร
    ซักนิด – สักนิด
    น่าจืด – หน้าจืด
    แผงฤทธิ์ – แผลงฤทธิ์
    เพรี่ยงพร้ำ – เพลี่ยงพล้ำ
    ไห้ – ให้
    กับ – กลับ
    แกว่างน้ำ – แกว่ง
    เอะ – เอ๊ะ
    ห๊ะ – ฮะ
    ขายหนุ่ม – ชายหนุ่ม
    ต้องอการ – ต้องการ
    อย่างา – อย่าง
     
    บทที่ 3
    จากภาพโดยรวมเราคิดว่าบทสนทนาในบทนี้มีเยอะมากกว่าการบรรยายค่ะ เยอะเกินไปจนรู้สึกว่ามันมองไม่ค่อยเห็นภาพ เราคิดว่าควรจะลดลงบ้างดีกว่านะคะ หรือไม่ก็เพิ่มตรงส่วนบรรยายอย่างเช่น บรรยายพวกสถานที่ ธรรมชาติแล้วค่อยตัดเข้ามาในส่วนที่ตัวละครพูดคุยกัน ตรงบทสนทนาช่วงไหนที่ไม่จำเป็นก็ควรตัดทิ้งไม่ให้มันเยิ่นเย้อนะคะ
    อ่านเรื่อยๆยังพบแต่บทสนทนาที่ลากยาวเกือบครึ่งบท ถ้าตัดได้หรือเพิ่มการบรรยายได้จะดีมากๆค่ะ เราอ่านลงมาเรื่อยๆจนพบประโยคนี้
    อนุชาอดตำหนิผู้เป็นแม่ไม่ได้  
    ตอนที่พระเอกถามแม่ว่าทำไมไม่บอกล่วงหน้า คือ ไรท์ใช้คำว่าตำหนิมันทำให้เราเข้าใจว่าอนุชาเป็นคนไม่ดีเอาเสียเลย กล้าตำหนิแม่ตัวเองได้ยังไง เปลี่ยนเป็นใช้คำอื่นที่เบากว่านี้จะดีกว่าอย่างเช่น อนุชาเอ่ยถามเสียงร้อนรน ประมาณนี้ก็ได้ค่ะ เพราะดูพระเอกจะวิตกกับนัดครั้งนี้มากนะคะ ลองดูเนอะ อ่านมาเรื่อยๆก็เจอตรงนี้ที่ไรท์น่าจะพิมพ์ผิด
    ผมไปกับไม่ก็ได้
    น่าจะเขียนว่าไปกับแม่ไม่ได้ใช่ไหมคะ อันนี้เราบอกไว้ ไรท์จะได้กลับไปแก้เนอะ นอกจากนั้นก็ไม่พบอะไรแล้วนะคะ
    คำผิดที่พบ
    ลูกฃาย – ลูกชาย
     
    บทที่ 4
    ดูจากภาพโดยรวมแล้ว ไรท์เขียนบทสนทนามากกว่าการบรรยายเหมือนตอนที่แล้ว เราเข้าใจนะคะว่าบททั้งสองต่อเนื่องกันอยู่ แต่เราได้ลองแนะนำไปในข้างต้นแล้วเนอะว่าไรท์ควรเสริมพวกบรรยายเพิ่มขึ้น อย่างเช่นพวกอาการหรือสีหน้าของแต่ละคน ไม่ว่าจะหลังหรือก่อนรู้ว่าพระนางรู้จักกันมาก่อน เราอ่านมาเรื่อยๆจนพบประโยคนี้ที่แอบตงิดใจเล็กน้อยนะคะ
    ทั้งประไพ ปราณีและพรรณีต่างมีอาการที่เรียกว่าเงิบไปตามๆกัน
    คำว่าเงิบเราคิดว่ามันควรจะใช้ในบทสนทนาของตัวละครมากกว่าบทบรรยายนะคะ จากที่เคยอ่านผ่านๆมา มันคล้ายกับคำแสลงอย่างหนึ่ง  ไม่เคยพบเห็นในบทบรรยายเลยค่ะ แต่มีอีกคำที่ใช้คู่กันคือ หงายเงิบ แต่มันหมายถึง หงายหลัง ซึ่งไม่น่าใช่ความหมายที่ไรท์ต้องการสื่อ  เราคิดว่าน่าจะลองหาคำอื่นมาใช้แทน อย่างเช่น 
    ทั้งประไพ ปราณีและพรรณีต่างหันมาสบตากันอย่างงุนงง
    ประมาณนี้เนอะ แต่ไรท์น่าจะคิดได้ดีกว่าเราอยู่แล้ว ฮ่าๆ อ่านมาเรื่อยๆจนพบอีกประโยคที่ไรท์พิมพ์ตกไปอีกแล้วค่ะ
     “น่ารักอะไรกันคะ ยายวิยังทำตัวเหมือนเด็กไม่เอาการเอางานเหมือนลูกชายคุณหรอกค่ะ”
    อาจจะพิมพ์ตกคำว่าไม่เหมือนกับคำว่าคุณพี่ไปหรือเปล่านะ แต่ถ้าใส่คำว่าไม่ไปอีก ประโยคนี้จะมีคำซ้ำซึ่งทำให้ประโยคไม่ลื่นไหลเช่นกัน เราคิดว่าน่าจะลองปรับคำพูดสักนิดหนึ่งเนอะ ยกตัวอย่างนะคะ
    “น่ารักอะไรกันคะ ยายวิโตแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เลย ไม่เหมือนกับลูกชายคุณพี่หรอกค่ะ”
    เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นนะคะ และพออ่านต่อมาเรื่อยๆเรายังพบปัญหาเดิมบางจุดนะคะ ในเรื่องคำซ้ำ
    เหมือนผู้หญิงคนอื่นเสียที่ไหน ทั้งดื้อทั้งรั้นฟังใครเสียที่ไหนกัน
    หรือไรท์ตั้งใจเขียนให้มันพ้องกันเพื่อตอกย้ำนิสัยของนางเอกหรือเปล่า อันนี้เราก็ไม่ทราบนะคะ แต่เท่าที่อ่าน เรารู้สึกว่าอารมณ์สะดุดไปเลย  น่าจะปรับ ไรท์อาจตัดคำว่าฟังใครเสียที่ไหน ให้คงอยู่แต่คำว่าทั้งดื้อทั้งรั้น น่าจะดีกว่านะคะ เพราะถึงไม่เติมคำว่าเสียที่ไหน ก็เข้าใจแล้วว่านางเอกดื้อรั้น เพราะโดยปกติคนดื้อๆย่อมไม่ฟังความเห็นใครอยู่แล้วเนอะ อันนี้ไรท์ลองอ่านทวนดูอีกทีนะคะ อ่านมาเรื่อยๆเรายังพบเห็นจุดที่มีปัญหาเดิมอยู่นะคะ เราจะยกตัวอย่างอีกรอบแล้วกันเนอะ
    มันช่างบังเอิญอะไรที่เธอต้องมาเจอเขาอีก มันช่างน่าโมโหนักเวลาที่มองเห็นดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอ
    นอกจากไรท์ใช้คำว่ามันช่างซ้ำแล้ว เรายังพบว่าไรท์บรรยายคำเกินไปสักนิด จะเห็นจากประโยคหลังยาวๆที่ไรท์บอกว่าน่าโมโหเวลาที่ถูกดวงตาคมจ้องมอง เราคิดว่าไรท์สามารถตัดคำบางคำออกไปได้ เพื่อให้ประโยคกระชับขึ้นและไม่บรรยายวกวนเนอะ อย่างเช่น
    มันช่างบังเอิญเสียจริงที่เธอได้มาเจอเขาอีกครั้ง น่าโมโหนักเวลาที่ถูกดวงตาคมคู่นั้นจ้องมอง
    ฮ่าๆ เรานึกไม่ออก คิดได้เท่านี้จริงๆค่ะ แต่ยังไงไรท์ลองปรับๆดูอีกทีเนอะ  ขออีกประโยคในเรื่องการใช้คำนะคะ
    “รบกวนอะไรกัน ทำยังกับเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ คนกันเองทั้งนั้น ทานข้าวด้วยกันหลายๆคนสิดีจะได้มีเพื่อนคุย” 
    ในส่วนที่ขีดเส้นใต้ ไรท์อาจพิมพ์ผิดจากอย่างเป็นยังนะคะ ใช่ไม่เหมือนกันเนอะ เพราะความหมายก็ต่างกันแล้ว หากเป็นยัง จะใช้เหมือนคล้ายๆสิ่งนั้นยังไม่ได้ทำหรือยังไม่ถึง ประมาณนั้นนะคะ ส่วนคำว่า อย่าง จะอยู่หน้าๆพวกคำที่มีความหมาย เหมือนกับ คล้ายคลึง ไรท์ลองดูอีกทีหนึ่งเนอะ  
    เราขอสรุปโดยภาพรวมเลยนะคะ เพราะสิบบทที่อ่านดูนั้นมีจุดบกพร่องใกล้เคียงกับที่เรายกตัวอย่างให้ดูข้างต้นไปแล้วเนอะ การบรรยายของไรท์ในตอนเริ่มแรกดีแล้วล่ะค่ะ ปัญหาที่พบจะมีในเรื่องของการใช้คำซ้ำ การบรรยายที่ดูวกวนเล็กน้อยและการบรรยายชื่อแทนตัวของแต่ละคนซึ่งขาดความหลากหลาย มีบางตอนที่บทสนทนามากจนเกินไปทำให้ภาพไม่ค่อยชัดเจน ในบางส่วนไรท์มีการใช้ภาษาพูดผสมกับภาษาเขียน แต่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองค่ะ หากลองปรับตามที่แนะนำ เชื่อว่างานเขียนของไรท์จะลื่นไหลมากยิ่งขึ้นค่ะ
    คำผิด
    อนุขา – อนุชา
     
    โครงเรื่อง/ความน่าสนใจ (13/20) สำหรับเรา คิดว่าโครงเรื่องที่มีตัวพระนางเป็นคู่กัดแล้วถูกจับแต่งงานมีให้พบเห็นมากมายในตลาดนิยาย ในส่วนที่เราได้ลองอ่านไปนั้นยังไม่พบสิ่งที่ทำให้ดึงดูดความสนใจได้นะคะ เรายังหาจุดเด่นของเรื่องไม่เจอ แต่ใช่ว่านิยายจะไม่สนุกนะคะ โครงเรื่องที่พระนางชอบทะเลาะกันทำให้คนอ่านอินและลุ้นตามว่าเรื่องจะไปจบตรงไหน พวกเขาจะทะเลาะกันยังไง แล้วรักกันได้ยังไง จะมีตรงส่วนนี้ที่นักอ่านอยากอ่าน อยากติดตามต่อ ซึ่งในงานเขียนของไรท์บรรยายได้ดีพอสมควรทีเดียว ทำให้เราลุ้นตามตัวละครไปด้วย ขอชื่นชมค่ะ เราแนะนำว่าไรท์อาจลองปรับแก้พล็อตบางส่วนให้มันมีความโดดเด่นและแปลกใหม่มากกว่านี้เนอะ 
     
    ตัวละคร (17/20) เริ่มจากคำโปรยที่ทำให้เรารู้สึกว่าพระนางต้องสาดซัดความปากร้ายใส่กันอย่างแน่นอนและไม่ผิดหวังเลยค่ะ พระเอกและนางเอกมีคาแรคเตอร์ความปากร้าย ความไม่ยอมใครชัดเจน นางเอกเองก็ไม่ค่อยยอมใคร เรารู้สึกลุ้นตามมากและโดยเฉพาะฉากที่นางเอกและพระเอกเจอกันนั้น เราคิดว่าเป็นบทสนทนาที่สมจริงและสนุกมากค่ะ ฮ่าๆ เราชอบนะคะ แม้มีบางส่วนเกี่ยวกับบทสนทนาที่เราอ่านแล้วรู้สึกขัดๆ แต่ก็ได้แนะนำไปแล้วเนอะ
     
    การดำเนินเรื่อง (16/20) ในส่วนของการดำเนินเรื่องนั้น ดูจากภาพโดยรวมแล้ว มีการบรรยายที่สอดคล้องกับระยะเวลาและการกระทำของตัวละคร ไม่ดำเนินเรื่องช้าหรือเร็วจนเกินไป ในส่วนของบางบทที่มีการสนทนามากเกินพอดี ทำให้เหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นช้าลง เพราะมีแต่การพูดคุยกันอย่างเดียว แบบที่ชี้แจงไปในข้างต้นในบทที่ 3 และ  4 เนอะ นอกนั้นเราคิดว่าไรท์สามารถเดินเรื่องได้เหมาะสมแล้วค่ะ
     
    ความประทับใจจากนักวิจารณ์ (3.5/5) โดยส่วนตัวเราชอบการปะทะคารมของคู่พระนางมากเลยนะคะ ทำให้เราลุ้นตามและแสดงถึงคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน จะมีคะแนนในส่วนการบรรยายที่เราได้บอกไปแล้วว่าควรปรับแก้อย่างไรดี 

    รวมคะแนน (75.5) พยายามต่อไปนะคะไรท์ เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ นี่เป็นเพียงข้อแนะนำที่เราสามารถชี้แจงได้เท่านั้นนะคะ ไม่เคืองกันเนอะ หากมีคำถามหรือข้อท้วงติงสามารถสอบถามได้นะคะ เรายินดีค่ะ สู้ๆค่า
     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×