5 เหตุผลทำให้คุณเปลี่ยนใจมากินปลา
เขียนโดย
nemocrazy
โอเมก้า-3 คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดดีที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถผลิตกรดไขมันชนิดนี้ได้ จึงต้องได้รับจากการบริโภคอาหาร โอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีอยู่ในน้ำมันปลา มีกรดไขมันสำคัญ 2 ชนิด ประกอบอยู่คือ EFA (Eicosapantaenoic Acid) และ DHA (Docosahexanoic Acid) กรดไขมันทั้ง 2 ชนิด มีคุณสมบัติช่วยให้เลือดแข็งช้าตัว ทำให้การเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดลดลงป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุด ตัน นอกจากนี้ยังลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดด้วย แหล่งสำคัญคือปลาทะเลทั้งหลาย อาทิ ปลาทูน่า , แซลมอน, แมคเคอเรล, ซาร์ดีน, และแอนโชวี ส่วนปลาที่เรากินกันบ่อยๆ อย่างปลาทู นั้นก็มีโอเมก้า-3 เช่นกัน
2.เผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น
ปลาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักด้วย มีการค้นพบว่า ปลาอาจช่วยให้ร่างกายคุณเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น โดยวารสารอาหารแห่งหนึ่ง ทำการสำรวจกับอาสาสมัครน้ำหนักเกินที่ทำการไดเทตแล้วพบว่าครึ่งหนึ่ง่ข องอาสาสมัครที่กินน้ำมันปลาเสริม สามารถลดไขมันลงได้มากกว่าอีกกลุ่ม ดังนั้นนักค้นคว้าจึงเชื่อว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลากระตุ้นยีนส์ทำให้ไขมันแตกตัว แม้ยังไม่มีการยืนยันเป็นมั่นเหมาะ เพราะต้องทำการทดสอบต่อไปอีก แต่ระหว่างนี้กินปลาไปด้วยก็คงไม่เสียหายนี่นา
3. สุขภาพดี เพราะมีหัวใจแข็งแรง
โรคหัวใจเป็นโรคที่ทำให้คนเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ดังนั้นคุณอยากมีหัวใจแข็งแรงมั้ยล่ะ ก็ต้องหมั่นออกกำลังกาย เลี่ยงไขมันอิ่มตัว เลิกบุหรี่ ไม่เครียด และกินอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง นักโภชนาการแนะนำว่าควรบริโภคปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งรวมปลามีน้ำมันด้วย (Fish oil) โอเมก้า-3 ลดความเสี่ยงโรคหัวใจด้วยการลดการอุดตันเส้นเลือด ทำให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น และลดความดันโลหิตด้วย โอเมก้า -3 นี้เกี่ยวพันกับเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ตอนที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการทำการเปรียบเทียบชาวสแกนดิเนเวียน เอสกิโม แล้วพบว่าทั้งหมดเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และไขข้อน้อยมาก ซึ่งเป็นเพราะโภชนาการอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า -3 จากการบริโภคปลาอย่างเป็นล่ำเป็นสันนี่เอง
4. สดใสปิ๊งปั๊ง
สมัยนี้เมื่อพูดถึงเรื่องความสวยหรือริ้วรอยเหี่ยวย่นแล้วล่ะก็ เรามักจะพูดกันถึงเรื่องของคอลลาเจนบ่อยๆ นั่นเพราะคอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้เป็นโปรตีนแห่งความสวย ซึ่งมีปริมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย มีหน้าที่เสริมความเรียบตึงของผิวหนัง ทำให้แข็งแรง เรียบเนียน ซึ่งจะอยู่คู่กับโปรตีนอีกชนิดคือ "อิลาสติน" ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิว และทำให้ผิวเต่งตึง อิลาสตินจะมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย เมื่อถึงวัยที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะลดการผลิตคอลลาเจนลง ความเสื่อมของคอลลาเจนจึงมีมากขึ้นตามอายุ โดยสังเกตได้ว่า ผิวเริ่มเหี่ยวย่น มีริ้วรอยต่างๆ อวัยวะภายในร่างกายเริ่มเสื่อม ผิวพรรณแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ดังนั้นเราจึงต้องรักษาสภาพผิวให้ดี การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยชะลอความเสื่อมของผิวได้ โดยสามารถเลือกรับประทาน ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า การรับประทานคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่นอีกด้วย
5. พัฒนาเซลล์สมอง
โอเมก้า-3 ชนิด DHA เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเซลล์สมอง และดวงตาของเด็กทารก โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนคลอด การขาดกรดชนิดนี้จะมีความสัมพันธ์กับโรคสมาธิสั้น และการเรียนรู้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ควรบริโภคปลาเช่นกัน ส่วนความสำคัญของโอเมก้า-3 ในผู้ใหญ่และคนสูงอายุ คือจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับไขมันชนิดดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดได้ ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ยากขึ้น ช่วยลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ลดอุบัติการของโรคหลอดเลือดหัวใจ ผลจากการลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด จึงสามารถป้องกันโรคความจำเสื่อม แก้ปัญหาโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุมากขึ้น
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
20 มี.ค. 53
253
0
ความคิดเห็น