คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : การทักทายอันเเสนเเปลกใหม่
เสียงจอแจของผู้คนดังขึ้นทั่วโรงอาหาร
เหล่าวัยรุ่นชาย-หญิงต่างพากันพูดคุยกันอย่างออกรส
แต่หากใช้สายตามองไปให้ไกลจนสุดสายตา จะพบเข้ากับเด็กสาวชาวเอเชีย
ที่มัดผมทรงหางม้ารวบตึง พร้อมใช้มือข้างหนึ่งเร่งวอลลุ่มเสียงเพลงในโทรศัพท์
โดยไม่ปล่อยให้มืออีกข้างอยู่นิ่ง เธอถือแซนวิชทูน่า อาหารเที่ยงมื้อประจำ
ก่อนจะเริ่มจัดการกับมันอย่างไม่ใยดี
-Kanomtain
Part-
“Let’s kill this luv prumpapumm papumm papummmmmm…”
เสียงร้องคลอตามดนตรีคล้ายกับว่าตนเองเป็นเจนนี่ก็มิปราณ...ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ
ขนมเทียนคนนี้นี่เอง เมื่อวาน Girl Group วงที่ฉันชอบพึ่งปล่อยเพลงใหม่
แน่นอนว่าแฟนคลับตัวยงอย่างฉันก็ต้องปั่นวิววนไปค่ะ พอเห็นหน้าสวยๆ ของสมาชิกทั้ง
4 คนแล้ว ก็ทำเอาฉันลืมเรื่องน่ากังวลใจไปเสียเกือบหมด
แม้จะยังเก็บงำความสงสัยต่อข้อความนั้นไว้ แต่ในตอนนี้...
ฉันต้อง
support
คนที่ฉันรักก่อนค่ะ !
และตั้งแต่ผ่านเรื่องราวที่สวนหย่อมนั้น
ชีวิตในโรงเรียนของฉันก็เหมือนว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปนิดหน่อย อ้อ!
เรื่องที่บ้านด้วยสิ เพราะเจ้าชูก้าร์ถูกเจ้าของเอากลับไปเลี้ยงเหมือนเดิมเนื่องจากเสร็จธุระจากประเทศอินเดียแล้ว
แม้จะเหงาๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเจ้าชูก้าร์มันนะ ที่ได้กลับไปอยู่กับเจ้านายของมัน
คงคิดถึงกันแย่ ห่างหายจากกันไปตั้ง 2 อาทิตย์
ส่วนเรื่องที่โรงเรียน
ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นก็คือ...
“เฮ้!
KT เธอว่าฉันจะสั่งเสื้อคลุมล่องหนใน Internet ดีไหม ?”
เพื่อนชายตัวกลมที่นั่งข้างๆ
ฉัน หันมาถามด้วยสีหน้าจริงจัง ใช่...ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะฉัน มี เพื่อน
กับ เขา แล้ว!!! โดยนั่นก็คือ ‘เน็ด’ เจ้าคนที่นั่งข้างๆ ฉัน และก็ ‘ปีเตอร์’ คนเดิม(เพิ่มเติมเดี๋ยวมาบอกนะคะ) และทันทีที่ฟังคำถามของเน็ดจบ คิ้วของฉันก็กระตุกอย่างไม่เข้าใจ
นี่เขาบ้า Harry Potter เกินไป หรือว่ามีอาการผิดปกติทางสมอง
?
“เอ่อ...นายเชื่ออะไรอย่างนี้ด้วยงั้นหรอ
?”
ฉันพูดพลางงับแซนวิชในมือ
“เอ้า!
ใครจะไปรู้เผื่อฉันจะใส่เข้าไปแฮ-”
และไม่ทันที่หมอนั่นจะพูดจบ
ก็ถูกมือของคนตรงข้ามตะปบเอาไว้ก่อน ปีเตอร์หันมาฉีกยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตรเหมือนกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
“KT
เธอก็รู้หนิว่าหมอนี่สติฟั่นเฟือง อย่าไปสนใจเลย”
แต่ท้ายประโยคนั้นเหมือนเขากัดฟันพูด
ก่อนจะหันไปขมึงตาใส่เสียจนเน็ดนิ่งเงียบไปเสียดื้อๆ อะไรกัน?
พวกเด็กผู้ชายนี่เขาชอบเล่นอะไรแบบนี้กันงั้นหรอ
แต่เจ้าเข่งก็ไม่เป็นนะ
ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ...
แต่ฉันก็ทำได้เพียงพนักหน้าส่งๆ
ไปอย่างไม่ใส่ใจ ใครจะไปเอ่ยปากถามในเรื่องที่เขาไม่อยากบอกกันล่ะ
แต่ถ้าเกิดว่าอยากรู้...ก็ต้องสืบเองใช่ไหม ?
//กระตุกยิ้มแบบพวกตัวร้ายในละคร
แม้ว่าชีวิตในโรงเรียนของฉันจะมีเจ้า
2 ตัว เอ้ย! คนนี้มาวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันอึดอัดใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังสนุกกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว
แต่ดีหน่อย ที่เจ้าพวกนี้รักการเรียน
จึงทำให้ไม่ต้องกลัวว่าหากคบกันไปจะมีแต่พากันลงเหว
มีแต่ฉันเนี่ยแหละ
ที่จะพาพวกเขาลงเหว
“เฮ้ย!
วันนี้ลิซใส่เสื้อตัวนี้อีกแล้วหรอวะ?”
และอีกสิ่งที่ฉันเริ่มชินเมื่ออยู่กับเจ้าพวกนี้
คงไม่พ้น...เรื่องผู้หญิง !
“มั่วล่ะ ลิซไม่เคยใส่เสื้อตัวนี้ ตลอด 180 วันที่ผ่านมา”
ปีเตอร์หันไปเถียงเน็ดอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฉันล่ะไม่อยากจะแหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ก็เธอเป็นคนที่เขาชอบนี่
ทำไมจะจำทุกรายละเลียดของลิซไม่ได้ เห้อ...บางทีนั่งอยู่กลางวงล้อมพวกผู้ชายก็เบื่อเหมือนกันนะที่ต้องมาฟังเจ้าพวกนี้คุยกันแต่เรื่องอะไรไม่รู้
บางทีพวกเขาก็สอดส่องเรื่องของเธอมากเสียจนเหมือนกับ...
“โรคจิต”
พรึบ
!
และเสียงที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
แต่กับเชือดเฉือนเข้าไปในหัวใจของเจ้า 2 คนนั้นก็เรียกให้ทั้งฉัน ปีเตอร์และเน็ด
ต้องหันมองเป็นตาเดียวกัน เธอนั่งอยู่ปลายโต๊ะเดียวกับเรา พลางตักข้าวเข้าปากโดยไม่สนใจสายตาทั้ง
3 คู่เลยแม้แต่เล็กน้อย ฉันจำหน้าเธอได้ เธอคือ ‘มิเชลล์’ เด็กสาวผมหยักศก ที่มีนิสัยแปลกคน
และก็จะเป็นคนรักของ เอ่อ...ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าฉันจำเธอได้เพราะ เธอก็อยู่ในหนังที่ฉันดูด้วยไง
! แม้จะดูไม่จบเรื่อง แต่ก็ถือว่าเกินครึ่งเรื่องแหละนะ
แต่ฉันก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ว่าโลกที่ฉันพบเจออยู่ตอนนี้
จะดำเนินเนื้อเรื่องอย่างในหนังรึเปล่านี่สิ ?
และเราทั้ง 3 คน ก็จัดการกับมื้อเที่ยงอย่างสงบเสงี่ยม
หลังจากได้ยินในสิ่งที่มิเชลล์พูด ดูท่าเจ้า 2
คนจะนิ่งจนไม่ปริปากพูดถึงเรื่องของลิซต่อ แต่ก็มิวายส่งสายตากันอย่างไม่ยอมแพ้
เห้อ...ฉันล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าพวกนี้จริงๆ
ทันทีที่ถึงบ้าน
ฉันก็โบกมือลาปีเตอร์ ก่อนจะรีบขึ้นมาบนห้อง พร้อมกับกระโดดลงบนเตียงอย่างหมดแรง
วันนี้ในห้องมีประชุมกันเรื่อง ‘งานกีฬาประจำปี’
ที่ปกติแล้วห้องของฉันจะไม่ลงเล่นกีฬาใดๆ เนื่องจากใครๆ
ก็รู้ว่าห้องนี้เป็นเด็กเรียนดี เรียนเด่น ออกไปกวาดรางวัลทางวิชาการมากมาย
แต่กลับไม่ใช่อย่างปีนี้นี่สิ
!!!
.ย้อนกลับไปเมื่อตอนประชุมที่ห้องเรียน.
“เอาล่ะๆ
อีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะถึงงานกีฬาประจำปี และปีนี้ ทางผู้อำนวยการ
อยากให้พวกเธอทุกคนเข้าร่วมในกีฬาต่างๆ”
ทันทีที่ครูหนุ่มเอ่ยจบก็เรียกเสียงฮือฮาจากคนในห้องได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะตามมาด้วยการโห่อย่างไม่พอใจนัก
เพราะทุกปีห้องของพวกเขาจะได้รับหน้าที่แค่คนเช็คอุปกรณ์ แบกถังน้ำ แจกแก้วน้ำ
บลาๆๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ต้องลงเล่นกีฬานั่นเอง !
“เดี๋ยวนะครับครู! ปกติห้องของพวกผมก็ไม่ได้ลงกีฬาอยู่แล้ว
เพราะพวกเราเอาเวลาไปเตรียมแข่งขันตอบปัญหา แล้วทำไมปีนี้ท่าน ผอ. ถึงบังคับให้เราทุกคนเข้าร่วมด้วยล่ะครับ!”
เด็กหนุ่มหน้าอินเดียที่เคยทักว่าประเทศไทยเป็นไต้หวันพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
และฉันพึ่งมาทราบทีหลังว่าเขาชื่อ ‘แฟรช’ นั่นเอง ก็จริงอย่างที่หมอนั่นว่านะ
ปกติห้องนี้ทุกคนในสายหรือในโรงเรียนก็จะให้ฉายาว่า ‘ห้องเด็กเนิร์ด’
บ้าง ‘ห้องโอลิมปิก’ บ้าง
‘หนอนหนังสือ’ บ้าง แล้วจู่ๆ
จะให้มาลงเล่นกีฬา มันใช่เร๊อะ!?
“อืม...ครูก็อธิบายอย่างที่เธอว่าไปนั่นแหละ
แต่ท่าน ผอ. บอกว่าอยากให้นักเรียนทุกคนของเราควบคู่ทั้งการเรียนและกีฬา
ไม่อย่างให้ทอดทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็เลยเป็นอย่างที่พวกเธอได้ยินไป...”
และคำพูดราวกับกำลังปลอบใจแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นนั้น
ก็ทำเอานักเรียนในห้องต่างพากันดิ้นทุรนทุราย(?) ฝืนใจเข้าร่วมการแข่งขันอย่างไม่เต็มใจนัก...
.ปัจจุบัน.
ก็อย่างที่เล่าไปนี่แหละค่ะ
ทำให้พวกเราต้องมาเลือกกีฬาที่จะลงในวันพรุ่งนี้
แต่ฉันไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนมากสักเท่าไหร่นะ เพราะเรื่องกีฬาฉันก็ไม่ได้ไก่กาอะไร
ซ้ำยังชอบวิชาพละมากที่สุดอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นไว้ใจฉันได้เลย !
แต่ไม่ทันได้นอนอย่างสบายใจเฉิบ
ก็ได้ยินเสียงรถยนต์อันคุ้นหู
ทำให้ฉันต้องดีดตัวออกจากเตียงแล้วลงไปข้างล่างด้วยความเร็วจี๋
เพราะน้าเอมิลี่กลับมาแล้ว!
“ทำไมวันนี้เลิกเร็วจังคะ”
ฉันถามทันทีที่ช่วยเปิดประตูคนขับ
เธอยกยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตรก่อนจะลูบหัวเบาๆ อย่างที่ชอบทำหลังจากกลับที่ทำงาน
“ก็เพราะวันนี้น้าทำงานเสร็จเร็วน่ะซี่
เลยมีเวลาแวะซื้อขนมมาให้เราด้วยนะ”
พร้อมกับชูขนมหวานมากมายที่ทำเอาฉันมองตาค้าง
ก็มันเยอะซะขนาดนั้น กินหมดก็คงต้องเตรียมตรวจเบาหวานเลยละมั้ง!!
“อ้อ!
ขนมเทียน น้าฝากเอาถุงนี้ไปให้บ้านคุณเมย์ เอ่อ...บ้านข้างๆ
เราหน่อยสิ ได้ข่าวว่าอยู่โงเรียนเดียวกับหลานชายเขาด้วยนี่หน่า”
ฉันรับถุงขนมในมือมาอย่างงงๆ
ก่อนจะทำตามที่น้าเอมิลี่บอก รอไม่นานประตูก็เปิดออก
พร้อมกับปรากฏร่างของหญิงสาววัยกลางคน
แต่ความสาวและสวยของเธอนั้นดูช่างจะขัดกับอายุเสียจริง เธอคงคือ ‘ป้าเมย์’ สินะ
“ว้ายยยย!
ฝากขอบคุณคุณเอมิลี่ด้วยนะจ๊ะ เอ้อ! หนูคือ KT
สินะ ป้าได้ยินเขาพูดถึงหนูเยอะมากเลยนะ น่ารักอย่างที่ว่าจริงๆ
ด้วย”
เธอยกยิ้มฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะยกมือลูบหัวฉันอย่างที่น้าเอมิลี่ทำ
แต่เดี๋ยวนะ...เจ้าปีเตอร์เอาฉันไปเผาอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ยยยยยย !?
“อย่างนั้นหรอคะ
แฮะๆ”
และฉันก็ได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ
“เราจะขึ้นไปหาปีเตอร์ไหมล่ะ
? ป่านนี้คงนั่งต่อเลโก้อยู่มั้ง หลานคนนี้นี่จริงๆ เลย”
ท้ายประโยคฉันแอบได้ยินเธอกระซิบกับตัวเองเบาๆ
แหม่...หนูอยากให้คุณป้ารู้จังเลยค่ะว่าหลานชายคุณป้าทำเรื่องน่าปวดหัวกว่านี้อีกเยอะ
ยิ่งถ้าได้รู้นะว่าเขาเป็น Spider-Man ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนในเมือง
มีหวังเธอคงขาแข้งอ่อนแรง เป็นลมหมดสติไปแหงๆ
“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะหนูว่-”
“งั้นน้าฝากเอาไปให้ปีเตอร์ในห้องหน่อยนะจ๊ะ”
ไม่ฟังคำตอบฉันให้จบ
ซ้ำยังดันหลังให้ขึ้นบันไดไป นี่มันอะไรกันคะ!? หัวดื้อกันทั้งป้าทั้งหลานเลยนี่หว่า
ฉันหันไปมองเธอประมาณว่า ‘เอาจริงดิ’ แต่คำตอบที่ได้กลับมา
ก็ไม่ได้ทำให้อุ่นใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย...
“ขึ้นไปเลยจ๊ะ”
พร้อมกับฉีกยิ้มหวานยังกับนางนพมาศก็มิปราณ
แต่การกระทำช่างขัดกันเสียเหลือเกิน...
และสุดท้ายฉันก็จำใจขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก
เอาวะ...แค่ยื่นถุงขนมให้แล้วรีบออกมาจะดีกว่า
เกิดมานอกจากห้องทำงานของป๊ากะห้องนอนเจ้าเข่งก็ไม่เคยเข้าห้องผู้ชายคนไหนมาก่อน
ถึงฉันจะดูกระโดกกระเดกไม่สมหญิงนัก
แต่ฉันก็มีจิตใจที่อ่อนไหวเหมือนในโชโจมังงะเลยนะคะ !
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูเชิงขออนุญาต
ก่อนจะยืนรอเจ้าของห้องมาเปิด
1 นาทีผ่านไป
สงสัยจะยังไม่ว่าง
2 นาทีผ่านไป
อาจจะกำลังเคลียร์ธุระในห้อง
3 นาทีผ่านไป
หรืออาจกำลังงีบอยู่
4 นาทีผ่านไป
ไม่ไหวแล้วเว้ยยยยยยย!!!
นี่ถ้าฉันเอาเวลานี้ไปดู MV ของ Blackpink
คือจบไป 1 เพลงล่ะนะ
“หรือจะวางไว้หน้าห้องดี”
ฉันคิดพลางกำลังจะก้มลงวางถุงไว้บนพื้น
แต่ก็ชะงักเมื่อคิดถึงคำพูดของป้าเมย์ ‘งั้นน้าฝากเอาไปให้ปีเตอร์ในห้องหน่อยนะจ๊ะ’
และสุดท้ายก็เอ่ยขออนุญาตปีเตอร์(ในใจ) ก่อนจะบิดลูกบิดประตูอย่างเบามือ
เขาอาจจะกำลังหลับอยู่ก็ได้มั้ง
?
แต่ทันทีที่ห้องถูกเปิด
มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด เพราะนอกจากเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ก็ไม่ปรากฏแม้แต่เงาของผู้เป็นเจ้าของห้อง ทำเอาฉันต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“ไหนว่าเขาอยู่ในห้องไง
?”
แม้จะเอ่ยถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
เพราะสิ่งที่เห็นมันช่างขัดกับสิ่งที่ป้าเมย์พูดเสียเหลือเกิน
แต่ก็ช่างเถอะ...เขาอาจจะลงไปวิ่งอย่างที่ทำเป็นประจำแต่แค่คลาดสายตาของผู้เป็นป้าก็เท่านั้นเอง
คิดพลางพยักหน้าให้กับเหตุผลนั้น ก่อนจะนำถุงวางลงบนโต๊ะ
พร้อมกับหันหลังเตรียมออกจากห้อง
ติ้ง.....
เม็ดน้ำใสไหลหยดลงบนแขนของฉัน
เรียกให้ยัยขนมเทียนคนนี้ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ อะไรกัน...
น้ำแอร์ไหลขนาดนี้
ป้าเมย์กับเจ้าปีเตอร์ไม่คิดจะเรียกช่างมาดูหน่อยหรอ !?
ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองหารอยรั่วเสียหน่อย
เผื่อเจ้าของห้องอาจจะยังไม่รู้ว่ามีน้ำไหลลงมาจากเพดาน
และทันทีที่เห็น
‘ต้นเหตุ’ ของหยดน้ำนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวแข็งนิ่งราวกับกำลังโดนผีอำ
แต่ติดตรงที่สิ่งที่กำลังอำฉันตอนนี้ไม่ใช่ ‘ผี’ นี่สิ...
“H-Hi,
KT…..”
เจ้าตัวต้นเหตุยกยิ้มแหยะๆ
แม้บนใบหน้าจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม
พลางใช้มือข้างหนึ่งโบกไปมาเล็กน้อยคล้ายกำลังทักทายกันเป็นเรื่องปกติ แต่ Position
ตอนนี้สิที่มันไม่ปกติ!!!
เพราะหมอนั่นกำลังเกาะอยู่บนเพดาน
พร้อมกับสวมชุด
Spider-Man !
มาเเล้วค่าาาาาาาา ไรท์พึ่งเห็นว่าคนติดตามนิยายเรื่องนี้เพิ่มขึ้นจนทำเอาตกใจมาก! ฮืออออ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่อ่านเเละติดตามเรื่องนี้กัน อย่าลืมอยู่ด้วยกันต่อๆ ไปน้าาา พรุ่งนี้ ENDGAME เข้าเเล้ว ! มีเเววว่าจะไม่ได้ไปดูค่ะ ฮืออจัลล้อง มีใครไม่ได้ไปดูเเบบไรท์ไหมคะ ? เเต่ถ้าใครได้ดูก็ห้ามสปอยล์เด็ดขาดเด้อ! นี่กะว่าจะไม่เข้าเฟซ ทวิตเตอร์ เลยอ่ะ กลัวโดนสปอยล์555555555 ยังไงก็ใากติดตามเรื่องราวต่อไปกันด้วยนะคะ มันต้องเข้มข้นขึ้นกว่านี้เเน่นอน! ขอให้นิยายเรื่องนี้สามารถสร้างรอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะให้เเก่ผู้อ่านได้นะคะ ! :)
ขอบคุณค่ะ ♥
ความคิดเห็น