ทุน หม่องมองดูรองเท้าคู่เดียว ที่ส่อแววว่าจะขาดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ถึงแม้เขาจะพยายามเดินให้เบาที่สุด เพื่อให้รองเท้าเก่าๆคู่นี้ใช้งานได้นานที่สุด แต่วันนี้มันก็ขาดจนได้ แม้ว่าทุนหม่องจะรู้ตัวว่า ถึงเวลาต้องซื้อรองเท้าคู่ใหม่เสียทีแต่รองเท้าที่วางขายทั่วไป ขนาดแบบที่ไม่แพงนัก ยังราคาตั้ง 2,000 จั๊ต ซึ่งถือว่าเยอะเอาการ สำหรับอาชีพซ่อมจักรยานอย่างเขา ดังนั้น เขาจึงยังไม่โยนรองเท้าคู่เก่าที่ขาดทิ้งไป แต่นำกลับมาบ้านด้วยและจัดแจงซ่อมรองเท้าคู่เก่าโดยการเจาะที่หัวรองเท้า ใหม่และเอาเชือกสอดเข้าไปอีกครั้ง โดยใช้ตะปูตอกเข้าไปเพื่อให้รองเท้าแน่นแล้วใช้ยางปิดทับ แค่นี้รองเท้าคู่เก่าของเขาก็สามารถใส่ได้อีกครั้ง ถึงจะคับไปหน่อยก็ตาม
แม้ ว่าทุนหม่องจะจัดการซ่อมแซมรองเท้าที่ขาดไปได้เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่วายคิดเรื่องซื้อรองเท้าคู่ใหม่ เขาไม่ได้ต้องการรองเท้าที่สวยหรู ขอแค่ให้ใส่ไปไหนมาไหนและใส่ไปร่วมงานต่างๆ ได้ก็พอ เพราะอีกไม่นานที่โรงเรียนของลูกสาวคนเดียวของเขากำลังจะจัดงาน เธอกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 และ เป็นเด็กเรียนเก่งจึงได้รับรางวัลในทุกปี การจัดงานโรงเรียนครั้งนี้ ครู ผู้ปกครองและนักเรียนจะได้พบปะกัน เขาในฐานะพ่อของเด็กที่ได้รับรางวัลคงจะหลีกเลี่ยงไม่ไปร่วมงานไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดหนักเรื่องรองเท้าคู่ใหม่ พอคิดไม่ตกก็เริ่มปวดหัว จึงคิดขึ้นในใจว่า “เอาเถอะ ปัญหานี้ยังมาไม่ถึง ตอนนี้ควรคิดเรื่องหาข้าวหาน้ำให้ลูกกินดีกว่า เพราะลูกใกล้จะกลับจากโรงเรียนแล้ว” โอ๊ะ แย่ล่ะ ! ทุนหม่องอุทานอย่างตกใจขณะเอามือล้วงเข้าไปในถุงกระสอบข้าวสารและพบว่าข้าว เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ไม่พอหุงกินสำหรับเย็นนี้ จากนั้นจึงควานหาเงินในกระเป๋าพบว่า เหลือเงินอยู่เพียง 600 จั๊ต ด้วยเหตุที่เขามีอาชีพเป็นเพียงแค่คนซ่อมรถจักรยาน มีรายได้ไม่แน่นอน เขาจึงต้องประหยัดอดออมมาโดยตลอด เขาตั้งใจว่าเงินที่เหลือนั้น 400 ร้อยจั๊ตจะเอาไปซื้อข้าวสาร ส่วนอีก 200 จั๊ตเก็บไว้ซื้อรองเท้าคู่ใหม่
ที่ ร้านค้าของป้าปะยง ร้านค้าแห่งเดียวในละแวกนี้ที่ขายของเกือบครบทุกอย่าง ตั้งแต่ข้าวสาร น้ำมัน เกลือ ขนม กาแฟ ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวันทุกอย่าง ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้จึงมักมาอุดหนุนร้านของป้าปะยงอยู่ เสมอ นอกจากเปิดร้านขายของ ป้าแกยังเปิดโต๊ะบิลเลียตอีกด้วย แกจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ด้วยพื้นที่นี้อยู่ในละแวกชานเมือง มีคนว่างงานอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีคนไปเล่นบิลเลียตอยู่
แม โลงไม่ใช่คนที่เอาการเอางานซักเท่าไหร่ พ่อแม่ของเขาไม่ใช่พวกเศรษฐีมีเงิน แต่บ่อยครั้งที่แมโลงมักที่จะเอาเงินเป็นจำนวนมากมาใช้เล่นบิลเลียต บางครั้งเขาจะเร่ร่อนไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งในเมืองและที่อื่นๆ และมักขโมยเสื้อผ้าของชาวบ้านที่ตากไว้มาขายให้กับคนในพื้นที่ละแวกบ้านของ ทุนหม่องอยู่เสมอ โดยเขาจะเป็นคนกำหนดราคาของที่ขโมยมาเอง
(หรือ เรียกว่า "ขายตามราคาขโมย" ก็ได้) ด้วยเหตุนี้ทำให้เงินไม่เคยขาดมือ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาแพ้พนันจากการเล่นบิลเลียต เขาก็จะหายตัวไปซักพัก และกลับมาอีกในเวลาไม่นาน
ถึง แม้การลักเล็กขโมยของแมโลงจะเป็นเรื่องที่ผิด แต่กลับกลายเป็นเรื่องชินชาไปแล้วสำหรับคนที่นี่ บ่อยครั้งที่แมโลงมักจะโอ้อวดให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ฟังถึงการได้สิ่งของต่างๆ มา ถึงคนที่นี่จะรู้
พฤติกรรมที่ไม่ดีของแมโลง แต่ก็ไม่มีใครอยากบอกหรือเตือนให้แมโลงได้รู้ตัว เหมือนไม่อยากก้าวก่าย
ในเรื่องนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า คนที่นี่ได้รับผลประโยชน์จากการได้ซื้อของดีในราคาถูกจากแมโลง
มาโดยตลอดและคงเป็นแบบนี้ตลอดไปรวมถึงทุนหม่องเองด้วย
ความคิดเห็น