อากาศวิกฤติ
เขียนโดย
nextsterpp
สภาวะอากาศวิกฤติในช่วงฤดูแล้ง เขต 8 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ในปีนี้ค่อนข้างจะรุนแรงและทำลายสถิติเกินมาตรฐานของอากาศที่กำหนดไว้ 120 ไมครอนต่อตารางเมตร บางบริเวณเพิ่มเป็น 2-3 เท่า โดยเฉพาะในเขต จ.เชียงใหม่ ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์อีกครั้งของทางด้านสาธารณสุข และด้านสิ่งแวดล้อมของไทย ทั้งนี้ก็เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของลมฟ้า อากาศจากปรากฏการณ์ “เอลนิโญ” ซึ่งทำให้ทางบริเวณของภาคเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห้งแล้งซึ่งรวมถึง ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านด้วย
สำหรับที่จังหวัดเชียงรายก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันซึ่ง นพ.เทพนฤมิตร เมธนาวิน สาธารณสุข จ.เชียงราย เล่าให้ฟังว่า ปกติมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ตาม รพ. ต่าง ๆ ราว 5,000 คน และเพิ่มขึ้น 10% หรือ 500 คน ต่อวัน ช่วงที่มีหมอกควันปกคลุมในเดือนมีนาคม ซึ่งมีการแจกหน้ากากแก่ประชาชนที่เดือดร้อนเพื่อกรองอากาศเป็นหมื่น ๆ ชิ้นไปแล้วแต่ไม่เพียงพอ ท่านว่าอย่างนั้น
ต้นเหตุสำคัญก็คือช่วงนี้เป็นฤดูแล้งจึงมีการ “เผาป่า” บนเทือกเขา เผาใบไม้ของคนในชนบทในภาคเหนือของประเทศ รวมทั้งลาว และพม่าด้วย ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง จะได้รับผลกระทบมากกว่าใคร ๆ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งมีเทือกเขาขนาบเหมือนขอบอ่างเมื่อควันและ เขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ รวม
ทั้งฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก็จะถูกมวลอากาศที่หนาว เย็นและหนักที่มาจากจีนในช่วงดึกและเช้า ๆ ไหลมาปิดทับเอาไว้เหมือนฝาชี จะทำให้เกิดฟ้าหลัวได้อันเนื่องมาจากฝุ่นละออง และควันไฟที่มีอยู่จนกลายเป็นหมอกควัน ทำให้ทัศนวิสัยหรือการมองเห็นสั้นลง ซึ่งขึ้นอยู่กับมวลของฝุ่นละอองในอากาศ สภาพเหล่านี้จะหายไปหรือเบาบางลงเข้าสู่สภาพปกติได้ก็ต่อเมื่อมีฝนและพายุมา ช่วยพัดพาไปเท่านั้น ดังนั้นจึงมีวิธีการแก้ไขเบื้องต้นช่วยลดความวิกฤติของอากาศดังนี้ 1. ทุกครัวเรือนควรลดการสร้างเขม่าและควันไฟให้น้อยลงกว่าปกติในห้วงเวลานี้จน กว่าสภาพอากาศจะดีขึ้น ด้วยการลดการหุงต้มและปรุงอาหารที่มีควันไฟ 2. งดการเผาขยะและใบไม้ชนิดต่าง ๆ ตามบริเวณ บ้านเรือนทันที แล้วนำไปทิ้งไว้ที่อื่น หรือรอเวลาที่เหมาะสมในการกำจัด 3. สำหรับชาวนา ชาวไร่ ต้องงดการเผาซังข้าวหรือจุดไฟเพื่อไล่สัตว์ป่า หรือเพื่อการทำไร่ เพื่อป้องกันการลุกลามเป็นไฟป่าต่อไป จนไม่สามารถควบคุมได้ 4. ประชาชนทุกคนต้องมีความสำนึก และตระหนักด้านการอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อมช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบทันที เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าตามบริเวณต่าง ๆ 5. ควรลดการเผาผลาญพลังงานด้วยการใช้ยวดยานให้น้อยลงในสภาวะอากาศที่จะเข้าสู่ สภาวะวิกฤติเช่นห้วงเวลานี้ จนกว่าสภาพอากาศจะดีขึ้น
หากทุกคนร่วมมือร่วมใจ มีจิตสำนึกต่อสาธารณะแล้ว พร้อมช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ด้วยการกำจัดต้นเหตุของปัญหา ก็เชื่อว่าอากาศวิกฤติก็จะสลายไป ด้วย “สปิริต” ของมนุษย์เท่านั้น.(บทความนี้เคยตีพิมพ์ใน "เดลินิวส์" เมื่อ 31 มีนาคม 2550)
แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
16 มี.ค. 53
338
0
ความคิดเห็น