nextsterpp
ดู Blog ทั้งหมด

เก่งภาษาอังกฤษด้วยหลักอิทธิบาท 4 ของพระพุทธเจ้า

เขียนโดย nextsterpp
BeddingBaby BeddingDiscount BeddingCrib BeddingKids BeddingLuxury BeddingGirls BeddingToddler BeddingBoys BeddingNursery BeddingBedding SetsModern BeddingBeddingTropical BeddingDesigner BeddingStar Wars BeddingCradle BeddingNautica BeddingDaybed BeddingCroscill BeddingRalph Lauren BeddingAnimal Print BeddingHorse BeddingBedding EnsemblesChildren BeddingBaby Girl BeddingWestern BeddingWaverly BeddingRoxy BeddingBatman BeddingBeach BeddingChildrens BeddingNautical BeddingTwin BeddingCalifornia King BeddingSesame Street BeddingSouthwest BeddingZebra BeddingCheap BeddingFunky BeddingBed Bath And BeyondBed Bath & BeyondLinens And ThingsBed Bath BeyondSleep Number BedBed Bath And Beyond CouponsBed Bath Beyond StoreDuvet CoversBaby BeddingPlatform BedsComforter SetsBed Bath And Beyond CouponPlatform BedBed Bath Beyond Bridal RegistryAir MattressBed FramesKids BeddingMemory Foam MattressSleep Number BedsBed BathBed SheetsBed LinensBed And BathMattress WarehouseTruck Bed CoversDuvet CoverToddler BedsWaterbed SheetsSofa BedsDecorative PillowsSealy MattressLinens N ThingsAdjustable BedsRalph Lauren Bedding OutletDifference Between Double And Queen BedsDecorative Floor PillowsNursery BeddingToddler BedBedroom SetsGirls BedroomDown ComfortersDora The Explorer BeddingModern BeddingBedding SetsBoys BeddingQuilting PatternsBed Bath And Beyond Printable CouponLatex MattressTwin BedsBed Bath And BeyoundLinens And Things Online StoreDown ComforterSofa BedSatin SheetsTropical BeddingFree Quilting PatternsDesigner BeddingBed Bath Beyond Coupon CodesDaybed BeddingTruck Bed CoverBlogBlogBlogBlogBlog
เก่งภาษาอังกฤษด้วยหลักอิทธิบาท 4 ของพระพุทธเจ้า
การเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง ไม่ใช่เรื่องยาก หากเรารู้จักหลักการเรียน หรือวิธีการเรียนอย่างถูกต้อง อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ สถาบันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ปัจจัยเงินทองไม่ใช่ประเด็นนัก หากเรานำหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้ให้ถูกกาลเทศะ และตรงตามวัตถุประสงค์
ผู้เขียนเป็นเด็กบ้านนอก เริ่มรู้จัก A B C เมื่ออายุประมาณ 15 ปี จบการศึกษาระดับประถมปีที่ 4 ก็ออกจากโรงเรียนไปเลี้ยงควาย ทำไร่ไถ่นา มีโอกาสได้เรียนหนังสืออีกทีก็อายุประมาณ 14 – 15 ปี ตอนไปอยู่วัด บวชเป็นสามเณร ดูหนังสือเองเป็นส่วนใหญ่ ถึงเวลาก็ไปสอบเทียบวัดความรู้เอา ทำอย่างนี้ไปจนจบประกาศนียบัตรพิเศษมัธยมศึกษา (พ.ม) เทียบเท่าอนุปริญญา สามารถเป็นครู – อาจารย์โรงเรียนมัธยมศึกษาได้ พอไปเรียนระดับปริญญา ก็เข้าเรียนชั้นปีที่ 3 ได้เลย เรียนอีกแค่ 2 ปีก็จบปริญญาตรีด้วยคะแนนเฉลี่ยระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเรียนต่อยาวไกลไปอีก จนจบปริญญาเอก เป็นด็อกเตอร์กับเขาอีกคนหนึ่ง
หากมองย้อนรอยอดีตของตนเอง พบว่าความสำเร็จทางด้านการศึกษาของตนเองทั้งหมด เป็นผลพวงมาจากการนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่า “อิทธิบาท 4 ” หรือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ 4 ประการ มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม กับเป้าหมายและอย่างทันเวลา ทั้งๆที่พี่น้องทุกคนเรียนจบ แค่ประถมศึกษาปีที่ 4 เท่านั้น มันสมองปานกลาง ผู้เขียนเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 75 % ความประพฤติเรียบร้อย การเรียนอยู่ในขั้นพอใช้ (คุณครูใหญ่ท่านบันทึกไว้อย่างนั้นจริงๆ) ไม่มีแววเป็นเด็กฉลาดด้วยซ้ำไป ความจริงหลักอิทธิบาท 4 สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในหลายแง่มุมของชีวิต โดยเฉพาะการศึกษาและการทำงาน หากจะมองให้แคบลง และตรงกับหัวข้อที่กำหนดไว้ เราสามารถนำหลักการของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้เพื่อให้เก่งภาษาอังกฤษได้ ดังนี้
หลักอิทธิบาท 4 ประการ
1. ฉันทะ มีฉันทะหรือชอบใจ พอใจกับสิ่งที่เรียน เรียกว่าชอบในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่ชอบหากเราไม่มีธรรมะข้อนี้เสียแล้วเป็นการยากที่จะทำอะไรให้ ประสบความสำร็จได้ เรียกว่าเป็นบันไดขั้นแรกเลยทีเดียว ถ้าไม่ผ่านขั้นนี้เสียก่อน ก็ไม่มีทางที่จะขยับไปขั้นต่อไปได้ เพราะฉะนั้น จงเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยความชอบ ด้วยความพอใจ มองเห็นประโยชน์และคุณค่าของมัน เรียนด้วยความรัก ด้วยความชอบ และอย่างมีเป้าหมาย อย่าเรียนแบบฝืนอกฝืนใจ อย่างไร้เป้าหมายหรือขาดวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด
2. วิริยะ มีความเพียรพยายามในสิ่งที่ทำ รู้จักวางแผน ปฏิบัติตามแผน ไม่ย่อท้อหรือหมดกำลังใจ เติมไฟแห่งความพยายามให้ตัวเองตลอดเวลา รู้จักค้นคว้า แสวงหาความรู้ด้วยตนเองไม่หวังพึ่งครูบาอาจารย์จนเกินไป ให้นึกอยู่เสมอว่าความสำเร็จเริ่มต้นและจบลงที่ตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่น ในแง่ของการเรียนภาษาอังกฤษ ต้องพยายามเรียนรู้ให้ครอบคลุมครบทุกด้านไม่ว่าจะเป็น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน และต้องเตรียมความพร้อมในด้านคำศัพท์ ไวยากรณ์ การออกเสียง หลักการเขียน วิธีการอ่าน ให้อยู่ในระดับที่ใช้งานได้ และต้องหมั่นฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา จากแหล่งการเรียนรู้หลากหลายรวมทั้งรู้จักใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างเหมาะสม
3. จิตตะ มีความสนใจและรู้จักเอาใจใส่ในสิ่งที่เรียนไม่เรียนแบบครึ่งๆกลางๆ หรือเรียนอย่างเดียวมิได้ รู้จักใช้สมองอย่างสมดุลและมีคุณภาพ ไม่เรียนแบบเคร่งเครียดจนเกินไป มองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ทำกับเป้าหมาย ระหว่างเหตุกับผล มีสมาธิแน่วแน่ในการเรียนรู้ ไม่หวั่นไหววอกแวก จนกลายเป็นการเรียนแบบสะเปะสะปะ ไร้ทิศทางและเป้าหมาย รู้จักสร้างกำลังใจให้ตนเอง และมองจิตใจเป็นเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตใจของเราทั้งสิ้น
4. วิมังสา รู้จักทบทวน ใคร่ครวญ เพ่งพินิจ ในสิ่งที่ทำว่าดีพอหรือยัง มีจุดด้อยตรงไหนที่ต้องแก้ไขปรับปรุงบ้าง และจะปรับปรุงพัฒนาตนเองอย่างไรให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แบบต่อเนื่อง รู้จักเปิดโลกทัศน์เปิดหูเปิดตาตัวเอง ไม่มองอะไรในมิติเดียว แบบแคบๆ รู้จักมองให้ลึก นึกให้ไกล สนใจให้กว้าง การเรียนภาษาอังกฤษ เหมือนการแหวกว่ายในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล มีอะไรที่ต้องสั่งสมเรียนรู้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับเราว่าจะตักตวงเติมเต็มให้ตนเองมากน้อยแค่ไหน อย่างไร เป็นสำคัญ การเรียนรู้เกิดได้ทุกหนทุกแห่ง ทุกเวลา ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในห้องเรียน ห้องทดลอง หรือกับครูอาจารย์เท่านั้น
นอกจากนั้นยัง ต้องรู้จักประยุกต์ใช้ “หัวใจนักปราชญ์”หรือเทคนิคการเรียนรู้อีก 4 ประการเป็นตัวช่วยหรือตัวเสริมให้ประสบผลสำเร็จเร็วยิ่งๆขึ้นไปอีก คือหลักการของ สุ - จิ – ปุ – ลิ คือรู้จักฟัง (สุตะ) รู้จักคิด(จิตตะ) รู้จักซักถามแก้ข้อสงสัย (ปุจฉา) และรู้จักเขียนบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อการทบทวน (ลิขิต)
หากเราเรียนวิชาภาษาอังกฤษหรือวิชาอื่นๆโดยการน้อมนำเอาหลักอิทธิบาท 4 ของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ควบคู่ไปกับหัวใจนักปราชญ์ 4 ประการดังกล่าวแล้ว ผู้เขียนกล้ารับรองได้เลยว่าการเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งเป็นเรื่องง่ายนิด เดียว ไม่ยากเย็นแสนเข็ญอะไรเลย ให้ท่องคาถา อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตนเอง ให้ขึ้นใจ แล้วนำไปปฏิบัติด้วย ข้อสำคัญอย่าลืมหลักการและละทิ้งเป้าหมายเสียก่อน ก็แล้วกัน

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น