[SF] In your arms (BobYun) - [SF] In your arms (BobYun) นิยาย [SF] In your arms (BobYun) : Dek-D.com - Writer

    [SF] In your arms (BobYun)

    โดย iimm

    ผู้เข้าชมรวม

    3,132

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    3.13K

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    28
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ส.ค. 57 / 22:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

          
       

      IN YOUR ARMS . .  [ BOBBY x YUNHYEONG ]






      ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

       

                      เสียงแตรรถยนต์ดังลั่นไปทั่วบริเวณก่อนที่รถคนนั้นจะขับหนีไปโดยใช้ความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด..บริเวณใกล้ๆกันนั้นมีนักศึกษาชายล้มอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน คาดว่าขาหรือข้อเท้าคงเจ็บจนลุกไม่ได้ และแขนเสื้อเชิร์ตที่เคยขาวสะอาดตอนนี้เริ่มมีรอยเลือดซึมออกมาเรื่อยๆและดูเหมือนมันจะหยุดยากซะด้วยสิ

       




      หน้าที่หมอคือช่วยเหลือคน

      พื้นที่ตรงนี้มีดูเหมือนจะมีหมออยู่สองคนนะครับ

      คือผม..


      .

      .

       

       

      และอีกคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงนั้น.

       

       

       

       

       

                 “ขอโทษนะครับ ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ รบกวนขอทางนิดนึงครับ” ผมเดินแหวกฝูงชนกลุ่มเล็กๆ เพื่อจะเข้าไปหานักศึกษาคนนั้นที่เป็นทั้งคนเจ็บและเพื่อนของผม   ผมนั่งยองๆลงข้างเขา และดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้แล้วว่าผมอยู่ตรงนี้

       

       

      “รถเฉี่ยวกู.. สีข้างกระแทกฟุตบาท ขากูก็ด้วย กูลุกไม่ได้ว่ะ..”  ประโยคอธิบายเหตุการณ์เพียงสั้นๆหลุดออกจากปากคนเจ็บทันทีที่เห็นว่าผมคือใคร ..ก็ถือว่ายังดีที่ยังมีแรงมาพูดกับผม

       

      “กูเห็นแล้ว รถกูจอดอยู่ใกล้ๆ มึงทนเจ็บนิดนึงเดี๋ยวกูพยุงมึงขึ้นรถไปโรงพยาบาล”

       

      “ทำไมมึงดูไม่ตกใจวะ...”

       

      “เชี่ย..  กูตกใจจะตายห่าอยู่แล้ว แต่ป้ายชื่อนศพ.มันที่อยู่บนอก ย้ำให้กูมีสติ แม้ตอนนี้สติกูแทบไม่เหลือก็เถอะ!  พูดมาได้ยังไงวะว่าผมไม่ตกใจ ตอนแรกผมไม่รู้จะทำยังไงด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นว่าเป็นเพื่อนตัวเอง ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย

       

      “ฮ่าฮ่า คิดซะว่ากูเป็นเคสให้มึงวันนึงละกันนะ คิมดงฮยอก”

       

      “ปากดีนะมึง  มา.. เอาแขนข้างที่ไม่เจ็บมาพาดไหล่กู แล้วค่อยๆลุก”

       


      ผู้คนบริเวณนั้นแหวกทางออกให้อย่างรู้งาน.. ผมพยุงร่างหนักๆของยุนฮยองขึ้นรถอย่างยากลำบาก บนรถมีอุปกรณ์ทำแผลง่ายๆอยู่สามสี่อย่าง  ผมจัดการทำแผลบริเวณแขนของยุนฮยองก่อนจะรีบพามันไปส่งโรงพยาบาล

       

      .

       

      .

       


      “ห้าม โทร หา บ็อบบี้ ฮยอง”  คำสั่งเด็ดขาดจากซงยุนฮยองในการปิดบังอุบัติเหตุครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าจะปิดบังทำไม แต่ผมก็พยักหน้ารับคำขอนั้น ก่อนที่มันจะหายเข้าไปในห้องทำแผล





      ครืด ครืดดดด  

      โทรศัพท์ของผมสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง พอหยิบออกมาดูถึงกับอึ้งไปสักพัก..

      ‘Bobby Hyung is calling’  ยังไม่ทันขาดคำ บ็อบบี้ฮยองก็โทรมาเองซะอย่างงั้น

       

       

      เดี๋ยวนะ..

      ยุนฮยองมันบอกห้ามโทรหาบ็อบบี้ฮยอง

      แต่มันไม่ได้บอก..

      ว่าห้ามรับ.

       

       

       


      “ครับฮยอง?”

       

      (โทษทีดงฮยอก เรียนเสร็จรึยัง พี่โทรหายุนฮยองแต่ไม่รับสายพี่เลย)

       

      “อ่า.. เรียนเสร็จนานแล้วครับ..”

       

      (แล้วยุนไปไหน?)

       

      “เอ่อ... คือ... อยู่โรงพยาบาลครับ”  สุดท้ายผมตัดสินใจพูดออกไป

       

      (อ้าว ไหนบอกว่าเลิกเรียนแล้ว ยังเก็บเคสคนไข้ไม่เสร็จเหรอ?)

       

      “คือ.. ฮยองฟังผมดีๆนะ ผมขอพูดรอบเดียว”

       

      (.....)

       

      “ยุนฮยองโดนรถเฉี่ยวระหว่างที่เดินข้ามฝั่งไปหาฮยองที่คณะ แขนซ้ายถลอกมีเลือดออก ส่วนขาซ้ายไม่แน่ใจว่าหักไหม แต่ตอนพามาโรงพยาบาล มันลงน้ำหนักที่ขานั้นไม่ได้เลย ตอนนี้อยู่ห้องทำแผลครับ แล้วเดี๋ยวคงได้เข้าเอกซเรย์ ปลอดภัยแล้ว ฮยองไม่ต้องห่ว-.....”

       

       


      สายถูกตัดทิ้งโดยคนที่ผมคิดว่าตอนนี้.. 

      เขาคือคนที่ห่วงยุนฮยองที่สุด.

       

       

       

       

       

                      
               กี่ครั้งแล้วไม่รู้ที่ยุนฮยองมักจะเป็นแบบนี้.. มีปัญหาอะไรตรงไหนไม่ยอมบอก ยุนฮยองคิดเสมอว่าเขาจะจัดการปัญหาทุกอย่างในชีวิตเองได้ เขาคิดเสมอว่าเวลาเขาป่วย.. เค้าดูแลตัวเองได้เพราะเค้าเป็นหมอ ผมรู้.. ว่าเขาไม่อยากให้ผมลำบาก แต่ลืมคิดไปรึเปล่า..

       


      ว่าผมห่วงนะ.

       



      “ท่านใดเป็นญาติหรือเพื่อนคุณยุนฮยอง ติดต่อที่เคาท์เตอร์ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”  เสียงประกาศเรียกจากคุณพยาบาล เรียกสติผมคืนมาอีกครั้ง ตอนนี้ดงฮยอกกลับไปแล้ว.. ก่อนน้องจะกลับผมกล่าวขอบคุณไปไม่รู้กี่ครั้งสำหรับการดูแลยุนฮยองแทนผมในวันนี้

       

      “อาการเป็นยังไงบ้างครับ?”

       

      “แขนและขา ด้านซ้ายไม่มีส่วนไหนหัก แขนจะมีอาการบวมเล็กน้อยเนื่องจากมีการกระแทกอย่างแรงและมีแผลถลอก ถ้าจะให้ดีอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ หรืออาจจะเช็ดตัวแทนอาบน้ำก็ได้ ส่วนขาแค่พลิกเฉยๆ อาจจะปวดหน่อย แต่ทานยาและใช้ผ้าพันลดการเคลื่อนไหวไปสักพักก็สามารถเดินได้ปกติแล้วค่ะ”

       

      “ขอบคุณครับ”

       

      “คนไข้รออยู่ที่ห้องถัดไป ชำระเงินแล้วสามารถพากลับได้เลยนะคะ”

       

       

       

                     



                ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดนึงที่ไม่มีส่วนไหนในร่างกายผมที่หัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว อ่า.. แต่แผลที่แขนรอยถลอกเยอะชะมัดเลยให้ตาย จะอาบน้ำยังไงวะเนี่ย

       


      “ซงยุนฮยอง”  เสียงคุ้นๆดังขึ้นจากทางด้านหลัง

       

      “ฮยอง....”   ผมตกใจที่เจอบ็อบบี้ฮยองที่นี่ ผมยังไม่อยากให้ฮยองรู้ ช่วงนี้ฮยองซ้อมดนตรีหนัก ไหนจะต้องแต่งเพลงส่งอาจารย์อีก..  ไม่อยากให้มาห่วงผมมากมายนัก

       

      “กลับบ้าน”  ทะ..ทำไมสายตาพี่เป็นแบบนั้นล่ะครับ แวบแรกที่หันมาเจอกัน.. สายตาพี่ดูเป็นห่วง แต่ตอนนี้มันกลับเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก

       

      “ฮยอง...”

       

      “อะไร”

       

      “..โกรธผมเหรอ?”

       

      “ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”

       

       

       

      ตั้งแต่เรากลับมาถึงบ้าน เอ่อ..ผมหมายถึงคอนโดที่เราอยู่ด้วยกัน บ็อบบี้ฮยองก็ไม่พูดอะไรเลย เขาพยุงผมไปนั่งที่โซฟาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัวสักพัก กลับออกมาพร้อมกับข้าวต้มถ้วยใหญ่

       

      “กินข้าวซะ แล้วจะได้กินยา”

       

      “ยอมพูดกับผมแล้วเหรอ..?”

       

      “...”

       

      “ฮยองอ่า.. ไม่โกรธผมนะ.. ก็ไม่อยากให้ห่วงนี่ ผมดูแลตัวเองได้”

       

      “เจ็บมากไหม...”

       

      “อะไรนะครับ?”

       

      “ถามว่าเจ็บมากรึเปล่า..”

       

      “ก็...”

       

      “คราวหลังไม่ต้องเดินมาหาพี่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปหาเอง ช่วงถนนรอยต่อคณะพี่กับคณะของนาย รถมันเยอะ..”

       

      “...”

       

      “ไม่อยากให้เจ็บตัวแบบนี้อีก  พี่ห่วงนะ...”

       

      “...”

       

      “ยุนฮยองเก่ง.. พี่รู้ นายดูแลตัวเองได้”

       

      “...”

       

      “แต่ยอมพี่คนนึงได้ไหม..  ให้พี่ดูแลบ้าง”

       

      .

       

      .

       

       

      .

       

       

       
       

      “อุ้มหน่อย...”   อยู่ๆคนเจ็บแถวนี้ก็ยื่นมือขึ้นมาสองข้าง อาจจะดูลำบากหน่อยเพราะแขนซ้ายมีอาร์มสลิงพยุงอยู่ แต่ยุนฮยองก็ทำท่าเหมือนจะให้อุ้มจริงๆยังไงอย่างงั้น นี่สนใจในสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อตะกี้บ้างรึเปล่า

       

      “อะไร”

       

      “อุ้มหน่อยนะ...”  อย่ามาใช้สายตาอ้อนๆแบบนี้กับผมนะ

       

      “...”

       

      “ก็ยอมแล้วนี่ไง.. ”

       

      “...”

       

      “ยอมแล้ว ไม่ดื้อแล้ว.. ให้ฮยองอุ้มคนเดียวด้วย..”

       

       

       

       

      โอเค

      หายโกรธก็ได้วะ.

       

                     


      แต่ก่อนจะยอมทำตามคำขอ ผมมีข้อแม้ว่าต้องทานข้าวให้หมดและก็ทานยาให้ครบ ซึ่งวันนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่ายุนฮยองเป็นคนที่กินยายากกว่าเด็กสองขวบซะอีก แล้วอย่าลืมบวกอำนาจการต่อรองของคนป่วยเข้าไป... ซงยุนฮยองดื้อสุดๆก็วันนี้เลยครับ

       

      “ปล่อยได้แล้วฮะ ไม่หนักรึไง” 

       

      “ทีเมื่อกี้ล่ะงอแงให้อุ้ม ให้อุ้ม...”  ผมบ่นพึมพำกับตัวเองในลำคอ แล้ววางคนป่วยบนเตียงอย่างเบามือที่สุด

       

      “..ฮยองฮะ” เสียงใสเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะอ้อนเอาอะไรสักอย่างอีกครั้ง

       

      “ว่าไงครับ คนป่วยเรื่องเยอะ”

       

      “ว่าผมเหรออออออ!!” หมอนใบโตถูกขว้างใส่ผมโดยมืออีกข้างที่ยังใช้ได้ของยุนฮยอง

       

      “ฮ่าฮ่า แรงยังเยอะอยู่เลยหนิ งั้นไม่อุ้มแล้วคราวหลัง”

       

      “ใจร้าย...”

       

      “ว่าแต่.. อยากได้อีกอะไรครับ ไหนบอกซิ”

       

      .

       

      .

       

      .

       

       

      “อาบน้ำให้หน่อย” 

       

      “ฮะ!!???”  พูดอะไรออกมาวะ รู้ตัวมั้ยยยยยย

       

      “เห้ยไม่ใช่แบบนั้นนะอย่ามองงั้นดิ.. ผมหมายถึง.. ผมอาบน้ำไม่ได้ บางที.. ฮยองอาจจะช่วยเช็ดตัว..”

       


      “ค่าเท่ากัน”

       

      “ครับ?”

       

      “จะอาบหรือจะเช็ด ก็ค่าเท่ากัน”

       

      “...”

       
      .

      .



       

      “ยังไงก็ต้องถอด..”

       

       

       

                     

               ผมสาบานว่าผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะ ฮืออออออ ผมแค่อยากได้กะละมังน้ำอุ่นกับผ้าผืนเล็กๆเท่านั้น ผมว่าผมจัดการดูแลตัวเองเรื่องนี้ได้น่า... ถึงมันจะลำบากก็เถอะ ทำไมบ็อบบี้ต้องมาเดือดร้อนอะไรเรื่องนี้ด้วยเนี่ย

       


      “ดีจังใส่เสื้อนักศึกษา.. มันมีกระดุมหน้า”

       

      “...” 

       

      “ถอดง่าย”  .............................  ตรงไปตรงมาไม่ต้องแปล ไม่ต้องแปลอะไรอีกแล้ว ไม่ต้อง

       

      “ฮยอง.. รีบๆเช็ดเหอะ มันหนาว”  ช่วยรีบๆเช็ดให้มันเสร็จๆซะที ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้เลยนะ แม้แต่ตอนที่ร่างกายปกติ หลังอาบน้ำเสร็จผมก็ไม่เคยถอดเสื้อผ้าท่อนบนให้เห็นเลย

       

      “หนาวเหรอ? แล้วทำไมเหงื่อออกเต็มหน้านายเลย”  แม่-งรู้ทันอีก..

       

      “ฮยองอ่า.. ผมเขินนะ”  คือไม่รู้จะงัดอะไรมาพูดแล้ว ผมไม่ไหวแล้วครับ เขินจะบ้าตาย

       

      “ทำไมผอมจัง..”   อะไรของเค้าอีกวะเนี่ย ตามไม่ทันเลย

       

      “ใครจะไปมีซิกแพ็คแบบฮยองล่ะ..  นี่.. แล้วมืออ่ะ เอาออกได้แล้ว”  

       

      “กินเยอะๆนะคราวหลัง..  มา.. ยกแขนนิดนึงนะ ใส่เสื้อครับ”

       

       

       

       

                      เสร็จสิ้นภารกิจ.. เอ่อ.. เช็ดตัว บ็อบบี้ฮยองก็ปล่อยให้ผมนอนเล่นสักพัก แล้วขอตัวไปนั่งทำงาน ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าฮยองก็งานเยอะไม่แพ้ผมหรอก ยิ่งมองจากมุมนี้.. เห็นอีกคนก้มหน้าก้มตาทำงานที่โต๊ะตัวใหญ่ปลายเตียง แต่ก็ยังไม่วายหันมาดูผมบ่อยๆ ผมยิ่งรู้สึกว่าผมไม่อยากให้ฮยองห่วงเลย ผมดูแลตัวเองได้นะ..

       

      แต่ก็นั่นแหละครับ

      บ็อบบี้ฮยองขอไว้

      ผมก็คงต้องยอมให้ดูแล.

       

       

                      


                 ป่านนี้คนป่วยคงหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแล้วแหละครับ เห็นแบบนี้แล้วก็สงสาร พรุ่งนี้จะไปเรียนไหวรึเปล่าก็ไม่รู้.. ผมพยายามแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันให้เบาที่สุด ..สอดแขนเข้าไปรองคออีกคนแทนหมอนแล้วดึงมากอดหลวมๆกลัวว่าจะไปโดนแผล

       

      “หายเร็วๆนะ พี่ขอโทษที่ดูแลไม่ดีจนต้องเจ็บตัวขนาดนี้” พูดกับคนในอ้อมกอดที่หลับไม่รู้เรื่อง พลางลูบผมเบาๆ

       

      “...”

       

      “นาย.. ไม่ได้ผอมขนาดนั้นหรอก ออกจะหุ่นดีด้วยซ้ำไป..”

       

      “...”

       

      “ถ้าไม่ป่วย พี่ก็คงไม่ได้เห็นสินะ.. แล้วนี่คิดว่าเขินเป็นคนเดียวรึไง”

       

      “...”

       

      “...ถ้าอยากเห็นอีก พี่ต้องทำไง” ผมมั่นใจว่าประโยคคำถามงี่เง่าแบบนี้ ถ้ายุนฮยองไม่หลับ เขาไม่มีทางได้ยินจากปากผมแน่

       

      “...”

       

      “จะให้ถอดอีกครั้งหน้า... พี่ว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องป่วยแล้วอ่ะ นายจะยอมพี่รึไง” ผมก็ยังพล่ามไม่เลิก

      .

       

      .

       




      “อือ...”

       

      !!!!!!????”  เห้ยเสียงยุนฮยอง!

       

      จีวอน...ฮยอง...”  จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ยุนฮยองเรียกชื่อนี้ของผมคือเมื่อไหร่

       

      “อะ.. อะไร..”  เสียงเอ่ยคำถามไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าอีกคนตื่นจริงๆ หรือแค่ละเมอ ...รู้สึกได้เลยว่าหัวใจผมเต้นเร็วมาก

       

      “....”   

       

       

      ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น  ยุนฮยองก็พลิกตัวสองสามที แล้วก็หลับในอ้อมกอดผมต่อไป..

       



      เห้อ..

      ฝันสินะ

      ตกใจหมด.

       

      ดีแล้วครับ บางทีน้องอาจจะโกรธผมไปเลยก็ได้ที่ผมพูดอะไรแบบนั้น

      ผมว่าผมรอได้นะ

      คิดว่าได้นะ.



      END.

       

       

      Special :

       

                 เสียงนาฬิกาปลุกเวลา 7.30 น. ปลุกผมให้ตื่นมาทำหน้าที่ดูแลแฟนที่นอนป่วยอยู่ข้างๆ ผมกำลังจะลุกไปทำกับข้าวให้ยุนฮยอง ระหว่างนั้นสายตาเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ บนหัวเตียง..

       

       

      สิ่งที่พี่พูดเมื่อคืน..  ผมคงไม่ได้ยินหรอก..

      พี่เชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอคับ...


      ผมรู้ว่าพี่อยากอยากปลุกผมให้ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องใช่ไหมล่ะ?

       

      ถ้ารัก.. พี่ปลุกผมตอนนี้เลยนะ

      แต่ถ้ารักมาก.. อย่าเพิ่งปลุก เมื่อคืนผมเจ็บแผล นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ขอนอนพักอีกสักหน่อยนะ..

      ขอบคุณที่ดูแลนะครับ ^^’

       

       



      ซงยุนฮยอง นายนี่มัน... 

      ให้ตายสิ

      ผมพล่ามอะไรออกไปบ้างล่ะ เมื่อคืน.

       

       

      ทำไงดีวะ

      อยากปลุก

      แต่รักมาก.

       

       

      END.

       

       

      เหตุเกิดจากรูปนั้น... และก็มีคนมารีเควสคู่นี้กับเราทุ้กกกวัน 55555555555

      เลยทนไม่ไหวค่ะ ฮี่ฮี่ฮี่ -.,-

      มันอาจจะยังไม่ไหลลื่น ไม่เคลีย งงงี้ๆ เก๊าขอโทษโนะ

      ไม่เคยขัดเกลาฟิคใดๆ สดตลอด คำผิดไม่เคยแก้ (เลววววว 555)

       

      ขอบคุณที่อ่าน ที่คอมเม้น ขอบคุณที่ชอบและไม่ชอบ ติชมได้เลย เค้าฟรีมากกก ชิวๆ

      ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^^ แล้วก็จะอยู่ขอบคุณแบบนี้ไปนานๆเลย

      ถ้ายังจะมี 
      SF เซ็ทนี้ (#ฟิคสามหมอ) อยู่อ่ะนะ 55555

       

      Twitter >>> tag #ฟิคสามหมอ ได้เลย เราชอบอ่าน ^____________^

      My twitter account : @kii_mm  << ทวงฟิคได้  รีเควสได้ ถามได้หมด คุยได้ เม้าได้ จัดมาๆ 5555555555555

      ร้ากกกกกก ทุกคนเลยโนะ จุ๊บบบบบ -3-

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×