[SF] Baby don't cry - JunHyuk - [SF] Baby don't cry - JunHyuk นิยาย [SF] Baby don't cry - JunHyuk : Dek-D.com - Writer

    [SF] Baby don't cry - JunHyuk

    โดย iimm

    เมื่อกี้ใครบอกผมว่าอย่างอแง... ใครนะครับ?

    ผู้เข้าชมรวม

    2,209

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.2K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    26
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.ย. 57 / 01:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      Junhoe x Donghuyk









      “จะไม่ไปส่งจริงดิ?”

       

      “อือ”

       

      “ไม่อยู่หลายวันเลยนะ ให้โอกาสพูดอีกที จะไปส่งมั้ย?”

       

      “...”   คนตัวเล็กกว่าส่ายหัวเบาๆเป็นคำตอบ ดวงตาใต้กรอบแว่นนั่นไม่ได้หันมามองผมเลยสักนิด ไม่รู้มัวยุ่งวุ่นวายอะไรกับกล่องยาตรงหน้านักหนา

       

      “งั้น.. ไปละนะ ต้องแวะไปเอาของที่ห้องซ้อมก่อน แล้วก็....  เครื่องออก 5 ทุ่ม นะ” พยายามเน้นเวลาให้เสียงดังฟังชัดเผื่อใครบางคนแถวนี้จะใจดีอยากไปส่ง


      "โอเค"

       

       

       

        

      ตอบแค่นี้อ่ะนะ?

      ก็ได้.. ไม่ไปก็ไม่ไปดิวะ

       

       

      ผมเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาสวมทับอีกชั้น และก็ไม่ลืมที่จะหยิบหมวกสแน็ปแบ็คใบโปรดที่หมอซื้อให้ติดมือไปด้วย กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกสะพายขึ้นหลังอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง

       

       

      “จุน.. เดี๋ยวก่อน...”    ดงฮยอกรั้งเสื้อผมไว้ตอนที่ผมกำลังจะก้าวออกจากห้อง หึ.. เปลี่ยนใจอยากไปส่งแล้วล่ะสิ   ผมเอี้ยวตัวหันกลับมาหาพร้อมกับแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือเล็กนั่นกำลังยื่นกล่องอะไรบางอย่างขนาดพอดีมือมาให้ผม

       

      “อะไรอ่ะ?” เอื้อมมือไปรับกล่องจากดงฮยอกแบบงงๆ  อืม.. จะว่าไปผมว่ารูปร่างมันคุ้นๆ เหมือนกล่อง..

       

      “กล่องยา.. ที่นั่งจัดให้เมื่อกี้ไง”

       

      “ฮะ?”  ไอ้ที่นั่งไม่พูดไม่จา ไม่สนใจผมตะกี้เนี้ยคือนั่งจัดยา นั่งเช็คยาให้ผมงั้นเหรอ..?

       

      “ก..ก็ไปนานไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไม่สบายทำไง”

       

      “ดงฮยอกอ่า....”

       

      “คนอะไรโตแต่ตัว อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยก็เป็นหวัดแล้ว”

       

      พูดอีกก็ถูกอีก  อากาศเปลี่ยนทีไรร่างกายผมไม่เคยปกติเลย ไหนจะเป็นหวัด ไหนจะเป็นไข้ แล้วทุกครั้งก็ต้องเดือดร้อนคุณหมอที่ยังเรียนไม่จบแถวนี้คอยดูแลอยู่ตลอด  ไม่ต้องห่วงเลยว่าจบไปดงฮยอกจะดูแลคนไข้ได้ไหม ประสบการณ์หมอคนนี้โชกโชน เชื่อผมเถอะ

       

       

      “ไปอยู่ไกลๆบ้างก็ดี  นายจะได้หัดดูแลตัวเองมั่งงงงงง” ดงฮยอกพูดพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากผมแรงๆไปหนึ่งที

       


      “โหยยย อะไรอ่ะ นี่ไม่คิดถึงกันเลยใช่ป่ะ?”

       



      “คิดถึงดิ” 

      .

      .

       



      “....”

       


      "มากๆเลยด้วย"

       

      อย่าทำแววตาแบบนั้นดิ...  มันทำให้ผมรับรู้ได้เลยนะว่าดงฮยอกรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ให้ตายเถอะครับ ผมเลือกที่จะไม่ไปได้ไหมครับ เลือกที่จะอยู่กับคนตรงหน้าตอนนี้ได้ไหม?

       

      “ดงฮยอก...”

       

      “จุนเน่อ่า.. ดูแลตัวเอง มันไม่ยากหรอก ทำได้ใช่มั้ย?”

       

      “...ได้”        มั้ง..........

       

      “ไว้ใจได้แน่นะ?  ห้ามป่วย ห้ามเป็นหวัด ถ้าเหมือนจะไม่สบาย.. ก็จัดยาไปให้แล้ว กินให้ครบนะ”

       

      “อื้อ...” 

       

      “ที่สำคัญ นายเป็นน้อง.. ทำตัวดีๆกับพี่ๆด้วย เข้าใจมั้ย”

       

      “รู้แล้วน่า ... แฟนดีขนาดนี้ ต้องคิดถึงใจขาดตายแน่ๆ”

       

      “ถ้าแค่นี้ยังงอแง เดี๋ยวคอยดูนะ จะกลับบ้านไปหาแม่บ่อยๆดีมั้ย จะได้ชิน”

       

      “เห้ยย ไม่เอา!!

       

      “ไปได้แล้ว คนอื่นเขารอ”  ดงฮยอกเอามือดันหลังให้ผมก้าวพ้นๆประตูบานนี้ซะที

       

      “ทำไมถึงไม่อยากไปส่ง?”

       

      .

       

      .

       

       

       

      “... กลัวร้องไห้”

       

       

       

       

       

       

       

      เมื่อกี้ใครบอกผมว่าอย่างอแง...

      ใครนะครับ ?

       

       

                     



              ผมกำลังชั่งน้ำหนักเหตุการณ์สองเหตุการณ์... ระหว่างไปส่งจุนเน่ที่สนามบิน กับไม่ไปส่งแล้วอยู่ห้องคนเดียวเหงาๆแบบนี้ อันไหนมันดีกว่ากัน? 

                      การที่อีกคนไปทำงานที่ญี่ปุ่นสิบวัน มันเรื่องที่...  ยังไงดีล่ะ...  เราไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้มั้ง ระยะเวลาสิบวันดูเป็นอะไรนานมากเลยสำหรับผม มันคือหนึ่งในสามของเดือนเลยนะ มันดูนานใช่มั้ยครับ? ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่ามันนาน

       

       

       

      นานไปอ่ะ..

      ทำไงดี

       

      ผมว่าจะไม่..

      ว่าจะไม่ร้องแล้วนะ...

       

      .

       

      .

       

       


       

      [ ฮัลโหล หลับรึยังคนเก่ง ]

       

      “ฮึก..”

       

      [ เห้ยๆๆ เป็นไร ไหนบอกจะไม่ร้องไง ]

       

      “โทรมาทำบ้าอะไรวะ”

       

      [ ก็จะโทรมาบอกว่าต้องขึ้นเครื่องแล้วนะ กว่าจะถึงญี่ปุ่นอีกหลายชั่วโมง กลัวมีคนคิดถึง...  ]

       

      “ฮึก..  คิดถึงแล้ว”

       

      [ เฮ้.. ดงฮยอกอย่าทำแบบนี้ดิ..  ด่าก็ได้ ตะโกนใส่ก็ได้ อย่าร้องไห้ให้ฟังแบบนี้สิ ไม่เอา ]

       

      “งั้นแค่นี้แหละ ไม่อยากคุยไปมากกว่านี้แล้ว....”   คุยนานกว่านี้มันยิ่งคิดถึงนะ ไม่เข้าใจรึไงวะ

       

      [ เป็นห่วงนะ ] 

       

      “.....”

       

      [ รักมาก รู้ใช่มั้ย? ... แล้วจะรีบกลับครับ ]

       

       

       

      จุนฮเวพอสักที.

       

       

      ตัดสายทิ้งเองกับมือเพียงเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อีกคนรู้ว่ากำลังร้องไห้หนักขนาดไหน...  ละนี่ทำไมต้องเป็นขนาดนี้วะ?  ไม่ได้ละ มันดูไม่โอเคเลยที่มาร้องเพราะอีกคนไปทำงานของคณะแบบนี้เนี่ย   เห้ย.. นี่คิมดงฮยอกเลยนะ คิมดงฮยอกมีเหตุผลหน่อยดิวะ ไม่เอาต้องไม่ร้องสิ

       

       

      -              -              -              -              -              

       

       

      “ตาบวมงี้  เมื่อคืนมึงร้องไห้งอแง ขี้มูกโป่งเป็นเด็กอนุบาลแน่เลย”  เสียงทักทายจากเพื่อนสนิทที่กำลังหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้เลคเชอร์ข้างๆผม  

       

      “ยุนฮยอง มึงหุบปากไปเลยครับ”

       

      “มึงไม่ไปส่งจุนเน่เองหนิ ช่วยไม่ได้”

       

      “ไปส่งก็ร้องดิวะ...”

       

      “ไม่ไปส่ง มึงก็ร้องอยู่ดีป่าววะ 55555555555555555

       

      “อย่างน้อยก็ร้องอยู่คนเดียว  ใครจะไปร้องไห้ให้มึงเห็น ประสาทป่ะ เดี๋ยวก็เอาไปฟ้องพี่กูอีก....”

       

      “ไปฟ้องห่าอะไรล่ะ พี่จินรู้ตั้งแต่เมื่อวานละ”

       

       

       

       

       

       

      เชี่ยละ.

       

       

      .

       

       

      .

       

       

      “พี่ยังไม่ได้โทรฟ้องแม่ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น” 

       

      “เห้ยย ผมยังไม่ได้ถามอะไรเลย” นี่คือคิมจินฮวานของแท้จริงๆ ยังไม่ทันได้อ้าปากจะถามอะไรเลย... วันนี้ที่อุตส่าห์ลงทุนหอบข้าวของมานอนเป็นเพื่อนพี่ชายสุดที่รักถึงคอนโค ไม่ใช่เพราะกลัวพี่จะเหงาหรืออะไร.. จะมาหลอกถามว่าได้ฟ้องแม่ไปรึยัง.. เรื่องนั้นน่ะ ._.

       

      “แล้วพี่ตอบคำถามนายได้ยังล่ะ”

       

      “แหะๆ ได้ครับ ^^

       

      “แต่ถ้าคราวหลังงอแง ติดแฟนขนาดนี้อีกนะ ฟ้องแม่แน่”

       

      “เห้ยยยยย ไม่ได้ติดขนาดนั้น พี่พูดซะผมเสียหายเลย บ้ารึป่าว”

       

      “เร๊อะ ร้องไห้ขนาดนั้นอ่ะนะ”

       

      “สาบานสิว่าพี่ไม่ร้อง พี่ฮันบินก็ไปญี่ปุ่นด้วยไม่ใช่รึไง”

       

      .

       

      .

       

       

       

      “...........”

       

       

       

       

       

       

      โอเค

      ผมมีเรื่องฟ้องแม่ละ.

       

       

       

       

       

       

       

                      ว่าที่คุณหมอคิมดงฮยอกพูดไว้ไม่มีผิดเลยซักนิด แค่อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยผมก็ไม่สบายแล้ว  และดันมาป่วยวันจะเดินทางกลับแบบนี้ จะไปหายทันได้ยังไงวะ กลับไปเจอดงฮยอกคงโดนดุอีกแน่

       

                      เครื่องลงจอดสามทุ่มเป๊ะตรงตามเวลาที่กำหนด  หลังจากเดินเข้าประตูมา ก็พอมองเห็นใครบางคนที่สัญญาว่าจะมารับอยู่ระยะไกลๆโน่น  ผมรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ความเร็วมันสัมพันธ์กับความคิดถึงของผมในตอนนี้

       

      ฟึ่บ!

      สวมกอดเจ้าของร่างบางๆในทันทีที่เจอกัน แทบไม่ต้องพูดอะไร ดงฮยอกก็กอดผมตอบด้วยความเต็มใจ.. แต่ดูเหมือนดงฮยอกจะรับรู้ถึงอุณหภูมิที่ผิดปกติที่แผ่ออกจากข้างแก้มผม

       

      “นี่ไม่สบายเหรอ”  หมอผละออกมาจากอ้อมกอด  พลางเอาหลังมือไปแตะที่หน้าผาก

       

      “อ่า.. คิดว่าใช่”

       

      “เปิดมาส์กออกให้ดูซิ” ผมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย โดนเอามือไปดึงสายที่คล้องหูออกเพื่อปลดผ้าปิดปากสีดำออก

       

      “ตัวก็ร้อน ปากก็แดง จมูกแดงขนาดนี้... ไหนบอกจะดูแลตัวเองไง”

       

      “อย่าเพิ่งดุได้มั้ย พากลับห้องก่อน เพลียไปหมดแล้ว”

       

      .

       

      .

       

      .

                      ภาพที่ได้เห็นคนที่โตแต่ตัวป่วย มันทำให้ผมหงุดหงิดจนต้องดุไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เพิ่งจะไม่สบายตอนที่จะบินกลับมา อยู่ญี่ปุ่นฝนตก อากาศเย็น แต่พอกลับมานี่อากาศร้อนมาก ร่างกายของจุนฮเวไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศมากจริงๆ ทำให้เป็นอย่างที่เห็น

       

      “เริ่มง่วงยัง? ยานี้ผลข้างเคียงคือง่วงนะ เพราะงั้นหลับซะ”

       

      “อยากหายแล้วอ่ะ”

       

      “ก็รีบนอนไง”

       

      “มันมีอีกวิธีนะ.. อาจจะหายเร็วขึ้น แต่นายต้องช่วย”

       

      “ยังไง?”

       

      “นี่ไง....” 

       

      “....”

       

      “แบ่งกัน..”    เดี๋ยวนะ.. แบ่งอะไร  แล้วอีกอย่างคือคุยกันเฉยๆมันไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง

       

      “....”

       

      “ช่วยกันนะ...”  ชะ..ช่วยอะไรวะ

       

      “....”

       




       

      “จะได้หายเร็วๆไง...”

      .

       

      .

       

      .

       

       

       

      “จ..จุน..  ด..เดี๋ยวดิ... "



      "....."






      "จุนเน่อ่า... อ.. อื้ออออออ..ออ” 



      .


      .



      .
       

       

       

       

       

       

      บอกกี่ครั้งว่าวิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้หายเร็วขึ้น...............

       

       

       

       

      END.

       

       

      Special :

       

      “อ่ะ เด็กๆทานข้าวลูก”   อาหารมากมายหลายรายการที่ผมกับพี่จินฮวานรีเควสไปเมื่อช่วงบ่าย แม่จัดมาให้เต็มที่เลย

       

      “โหยแม่ ใครจะกินหมด”

       

      “นานๆลูกจะกลับบ้านมาพร้อมกัน ให้แม่ทำกับข้าวให้ทานหน่อยเถอะ”

       

      “ขอบคุณครับ ^^

       

      “เอ้อ.. ไหนจินฮวานบอกว่ามีเรื่องจะฟ้องแม่ ดงฮยอกทำอะไรนะลูก”    ??!!!!!?????????

       

       

      คิม จิน ฮวาน !!!!!!!!!! 

      เอาสิ ถ้าพี่พูด ผมก็จะก็จะพูด เอาเลย

      เริ่ม!

       

       

      “อ๋อ.. คือน้องอ่ะ ช่วงนี้มันแบบ.. ร้องไห้ งอแง ไม่เข้าเรื่องอ่ะแม่...”    พี่จินทำแบบนี้ใช่มั้ย ด้ายยยยยย ไหนบอกจะไม่ฟ้อง พี่ทำแบบนี้กับน้องใช่ป่าววววว ได้เลยยยยยยยยยยยยย

       

      “เหรอ.. ทำไมเป็นแบบนั้นลูก.. หื้ม ดงฮยอก?”

       

      “เอ่อ.. คือผม.....”    พี่จินฮวานจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วนะ

       

       

       

      “คืองี้ครับแม่  ดงฮยอกมันร้องไห้ เพราะมันคิดถึง.....”  

       

       

      “....?”

       

      .

       

       

      .

       

       

       

       

      “มันคิดถึงแม่มากเลยเนี่ย  เลยงอแงขอให้ผมพากลับบ้าน บอกว่าอยากกินข้าวฝีมือแม่จะแย่ ใช่มั้ยดงฮยอก?”

       

      “ครับแม่ คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่สุดเลย”  ผมหันไปกอดแม่พลางส่งสายตาพิฆาตไปหาพี่ชายตัวแสบที่ตอนนี้นั่งกลั้นหัวเราะจนตัวจะแตกตายอยู่แล้วมั้ง

       

       

       

       

      คิมจินฮวาน

      ในฐานะที่พี่เป็นพี่ชายผม

      จะเล่นอะไร ช่วยบอกผมก่อนนะครับ

       

       

      คราวหน้าผมไม่พลาดแน่

      เตรียมตัวให้ดีเถอะครับ.

      ผมรักพี่นะ.

       

       

       

      END.

       

      จุนเน่ทำให้อะไร ไหนลองทายซิ 10 คะแนน 5555555555555

      ช่วงนี้เครียดเรื่องจะสอบ เลยมาหาไรทำแก้เครียด (?  มึงควรอ่านหนังสือมะ
      )

      เลยเอา SF มาฝากมิตรรักทุกท่านนะคะ ไม่รู้ว่ามีคนอ่านเยอะมั้ย แต่เค้าขอบคุณทุกๆคนมากจริงๆนะ ^_^

      ดีใจนะคะ ที่มีคนยังอ่านอยู่ ดีใจมากจริงๆๆๆ คือแบบไม่โปรโมทฟิคเลย นานๆทีถึงโปรโมทบ้าง

      ถ้าอ่านแล้วชอบเค้าก็ดีใจ และขอบคุณมากๆจ้า ^___________^


      แต่มันก็คงดีกว่าโนะ.... ถ้ามีคนมาเม้นบอกว่าเอออออเนี่ยยย ชอบนะ ชอบจุงเลย เอาอีก  *O*

      หรือ เออออไม่ชอบนะ ไม่หนุก!! เลิกแต่ง!!!!    #ปาดน้ำตาแปบ  555555555   

       

      อย่าลืมมมม Twitter มี tag  #ฟิคสามหมอ  เชิญไปวี๊ดว๊ายยยได้เลย จะทวงฟิค จะบ่น จะพูดไรที่ไม่เกี่ยวกับฟิดก็ได้ (ฮะ? 555555)

       

      สุดท้ายก็เหมือนเดิม รักทุกกกกกกคน มามะ มาจุ๊บ -3-

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×