[SF] Darkness - JunHyuk - [SF] Darkness - JunHyuk นิยาย [SF] Darkness - JunHyuk : Dek-D.com - Writer

    [SF] Darkness - JunHyuk

    โดย iimm

    อย่าฉวยโอกาสแบบนี้นะ กูจุนฮเว.

    ผู้เข้าชมรวม

    2,105

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    2.1K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    27
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ต.ค. 57 / 18:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    สำหรับนักอ่านคนใหม่ๆ ทุกเรื่องเป็น SF นะคะ ^_^

    จบในตอน ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตอนก็ได้จ้า

    ** แต่เพื่ออรรถรสที่ดี และถ้ามีเวลา..

    แนะนำให้ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกเนาะ ฮี่ฮี่ :D

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                    

      Junhoe : Donghyuk




                   เสียงเม็ดฝนกระทบลงบนหน้าต่างฝั่งที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่พอดิบพอดี.. ลมแรงชะมัด เหมือนกับที่พยากรณ์อากาศบอกไว้ไม่มีผิดเลย ได้แต่ภาวนาให้ไฟไม่ดับ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น.. งานของผมถูกกองไว้บนโต๊ะทั้งคืนแน่ๆ

       

       

       

      พรึบ!

       

       

       


      เชี่ยละไง

      ไม่ทันขาดคำ.

       

       

                      ไฟฟ้ามันไม่ได้ดับแค่คอนโดที่ผมพักอยู่ มองออกไปนอกหน้าต่างดูเหมือนว่าไฟฟ้าจะดับเป็นบริเวณกว้างเลยทีเดียว และสิ่งที่ผมต้องการที่สุดในตอนนี้คือโทรศัพท์มือถือ..  มือถือผมอยู่ไหนนะ..

       

       

       

      “จุนนนนนน จุนเน่อ่า..”    ตะโกนเรียกอีกคนที่เดาเอาว่าน่าจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เรียกเผื่อจะได้ให้ช่วยหาโทรศัพท์ให้

       

      “......”  

       

      “กูจุนฮเวววววว...  นายอยู่ไหน”

       

      “.....”

       

       

       


      หายไปไหนของเค้ากันนะ .

       

       

       

       

      ผมพยายามเดินออกไปทางห้องนั่งเล่น พลางเรียกชื่อเขาไปด้วย.. นี่นอกจากผมจะต้องตามหาโทรศัพท์แล้ว ผมยังต้องมาเดินตามหาคนอีกเหรอเนี่ย ให้มันได้อย่างนี้ดิ

       

       

      “จุนฮเวอ่า.. อยู่ไหน ออกมาเถอะ  มันไม่สนุกนะ นายอย่าเล่นแบบนี้”  ขาของผมยังเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะมีคนเล่นแผลงๆ โผล่ออกมาแกล้งผม ซึ่งมันไม่สนุกสักนิดเดียวในตอนนี้

       

       

       

       

      ตึง ๆๆๆๆ 

       

      อะไร.. ใครมาทุบประตู...  ?

       

       

       

      ตึงๆๆๆๆๆ   ประตูถูกทุบอย่างต่อเนื่อง ผมเขย่งปลายเท้าส่องดูที่ตาแมว แต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะมันมืดมาก..  มืดจนมองไม่รู้ว่าใครมา.. 

       

       


      ถ้าเป็นจุนฮเว.. หมอนั่นกดรหัสเข้ามาได้อยู่แล้ว

      ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทุบประตูแบบนั้น

       

       

      ใคร..?

       

       

       

       

       

      ตึงๆๆๆๆๆ 

       

       

       

      “ทำอะไรอยู่ เปิดประตูซะทีสิ หนาวจะแย่อยู่แล้ว”   นั่นมันเสียง...

       

      “....จะ...จุนเน่เหรอ?”

       

      “เร็วสิครับ”

       

      “ทำไมไม่กดรหัสเข้ามา...”  ถึงผมจะแน่ใจแค่ไหนว่านั่นเป็นเสียงจุนฮเวก็เหอะ แต่ผมยังไม่ยอมเปิดให้ง่ายๆหรอก ผมต้องรู้สิ่งที่ผมสงสัยก่อน

       

       

      “ดงฮยอก ไฟมันดับนะ! ขอร้องล่ะ เปิดประตู!!!!!!!

       

       

       

       

      เออว่ะ

      เครื่องกดรหัสเข้าห้องต้องใช้ไฟฟ้า.

       

       

       

       

       

      “ไป ไหน มา!”    ผมตะคอกถามเสียงดัง เพราะนี่มันไม่ใช่เวลาที่อีกคนจะออกไปนู่นไปนี่เลย ฝนตกขนานนั้น

       

      “ข้างนอก”

       

      “จะออกไปไหนทำไมไม่บอก แล้วนี่ไฟดับเคยคิดจะห่วงกันบ้างมั้ย ฮะ!?

       

      “ถ้าไม่ห่วงจะออกไปซื้อนมอุ่นให้กินป่ะ ...ก็เห็นนั่งทำงานดึกๆ ละตอนนั้นไฟก็ยังไม่ดับเลยด้วย”

       

      “......”  ดูเหมือนจุนฮเวจะพยายามแกว่งถุงใส่นมสดร้อนๆไปมาข้างหน้าผม รู้สึกได้ถึงไออุ่นๆแผ่ออกมากระทบใบหน้าอย่างต่อเนื่อง

       

      “ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียว”

       

      “......”

       

      “ห้ามโกรธนะครับ ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

       

      “.......”

       

       

      “แต่ก็ดีนะ.... นี่รู้สึกมีค่าขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ 55555555555 หมอดงฮยอกอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีจุนฮเวคนนี้อ่ะ ฮี่ฮี่ฮี่.. โอ้ย!!”   ผมฟาดมือลงไปตรงไหนไม่รู้เพราะมองไม่เห็น แต่น่าจะเป็นแขนมั้ง  ฮึ่ยยยย... มันน่านักนะ เวลาแบบนี้ยังจะมากวนประสาทกันอีก

       

       

      “ช่วยหามือถือเลย มองอะไรไม่เห็นละเนี่ย”

       

      “ไม่ต้องหาหรอก”

       

      “บ้ารึไง เอามือถือนายมา ยืมส่องไฟหน่อย”

       

      “แบตหมดตอนออกไปตะกี้ไง ถึงต้องเคาะห้องแบบนั้น”

       

       

       

       

      เออ เอาเข้าไป

      พระเจ้ารู้ใช่มั้ยล่ะ ว่าผมไม่ชอบความมืด..

      แล้วทำไมแกล้งผมแบบนี้ล่ะคับ ?

       

       

                     

       

         ผมรู้ว่าดงฮยอกหงุดหงิด เค้าไม่ค่อยชอบความมืดเท่าไหร่... มันไม่เกี่ยวกับว่าเค้ากลัวผีหรืออะไรทำนองนั้นเลยนะ รายนั้นอ่ะขาโหด อะไรพวกนั้นไม่ได้กลัวเลยสักนิด แต่หมอแค่ไม่ชอบความมืด หมอหงุดหงิด หมอทำงานไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ นี่แหละเหตุผลหลักของเค้าเลย

       

       

      “มานี่มา...” 


      ผมเอื้อมมือไปจับมืออีกคนไว้ แล้วพาเดินเข้าห้องนอน  สุดท้ายก็กดไหล่คนตัวเล็กกว่านั่งลงบนเตียง ...อย่างน้อยแสงจากดวงจันทร์ข้างนอกก็พอทำให้ห้องนอนมองเห็นขึ้นมาบ้าง

       

      ช่วยไม่ได้ที่ผมต้องเดินคลำทางไปยังตู้เสื้อผ้า เพราะเมื่อกี้ตากฝนนิดหน่อยตอนลงจากรถไปซื้อนมสดอุ่นๆให้ใครบางแถวนี้... มันคงไม่ดีกับผมเท่าไหร่ถ้าต้องอยู่กับเสื้อผ้าเปียกๆ เพราะป่วยมาก็โดนดุ มันไม่คุ้มกันหรอกครับ

       

       

      “นั่งเล่นรออยู่นี่ไปก่อนนะ”

       

      “จะไปไหนอีก...”  เสียงเล็กๆทักขึ้นทันทีที่ผมเดินออกจากตรงนั้น

       

      “ทำไม? กลัวเหรอ?”

       

      “ป่าว”

       

      “จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

       

      “อ่อ....”

       

       

       

      “คงไม่ต้องหาผ้าอะไรมาคลุมเนอะ ไฟดับแบบนี้นายมองไม่เห็นอยู่แล้วใช่ป่ะ งั้นเดี๋ยวคงถอดเลย”

       

      “......จะ..จะทำอะไรก็ไปทำเถอะน่า”

       

      “ห้ามแอบดูนะ ....ตอนนี้ถอดเสื้อแล้ว”

       

      “...โรคจิตรึไง”

       

      “อ่ะ ใส่เสื้อเสร็จละ กำลังจะเปลี่ยนกางเกง”

       

      “หุบปากไปเลย”

       

       

      “แล้วจะเดือดร้อนอะไรเล่า ไม่ได้หันมาดูไม่ใช่รึไง ฮ่าฮ่า”   ผมเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าสบายๆเรียบร้อยแล้วตอนนี้ เอ่ยปากแซวหมอไปทีนึง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เตียง

       

       

       

      “........”

       

      “เป็นไร หน้าเครียดเชียว”  เอื้อมมือไปโยกหัวอีกคนไปมาเบาๆ

       

      “ป่าวนะ...”

       

      .

       

       

      .

       

      ผมรู้สึกว่าหูของดงฮยอกแดงในเลเวลที่ผมสามารถมองเห็นได้ในความมืดขนาดนี้...

      ผมว่าผมสงสัยอะไรบางอย่าง..

       

      .

       

       

      .

       

       

       

       

      “คิมดงฮยอก  แอบดูเหรอ...?”

       

      “........”

       

      “ว่าไง?”

       

      “.... ไม่ได้แอบนะ...”

       

      “......?”

       

      “ก็ไม่ได้แอบ...  แค่ไม่คิดว่านายจะไม่ใช้ผ้าคลุมจริงๆ...  หันไปแป๊บเดียวเอง.. พอเห็นว่าอ๋อ... ไม่ได้ใช้ผ้าคลุมจริงๆด้วย ก็เลยหันกลับมา..”

       

      “......”

       

      “ไม่ได้แอบดูจริงๆนะ”

       

      ตอนนี้ดงฮยอกคงเขินมากจนต้องไปคว้าหมอนใบโตข้างๆมานั่งกอด ผมว่าถ้าเขาเอาหน้ามุดหายเข้าไปในหมอนได้ คงทำไปแล้ว... คนอะไรตลกชะมัด บอกหมดว่าทำอะไรไปบ้างแต่ก็ยังมาเถียงอีก ว่าไม่ได้แอบดู

       

      “เห็นแล้วยังไง...?”   ผมยิงคำถามปลายเปิดไปหาอีกคนแบบตรงๆ  คำถามมันค่อนข้างเปิดซะจนผมชักจะกลัวคำตอบขึ้นมาแล้วสิ..

       

       

       

      “....ฮะ?... ก็ไม่ยังไงหนิ.. ก...ก็เหมือนเดิมมั้ง...  ขาวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ.. แต่อ้วนขึ้นนะ.. จิ๊ดนึง”  หมอตัวเล็กยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์แสดงคำว่าจิ๊ดนึงให้ผมเห็น แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี

       

       

       

      เห๊อะ

      ทำอย่างกับไม่เคยเห็น.

       

       

       

      “แล้วควรต้องไปลดน้ำหนักป่ะ...?”   ผมค่อยๆแอบเอื้อมมือไปแกะมือของดงฮยอกออกจากหมอนใบโตทีละข้าง ทีละข้าง...

       

      “แล้วแต่.. ยังไม่ต้องก็ได้ ก็ยังไม่อ้วนขนาดนั้น  แล้วนี่... อย่ามายุ่งกับหมอนได้มั้ยเล่า  เอามานะ! จะกอดดด!

       

      “แฟนอยู่นี่ กอดหมอนทำบ้าอะไรวะ”

       

      “แล้วแฟนมากอดมั้ยล่ะ”

       

      “....................................”

       

       

       

       

      แล้วแฟนมากอดมั้ยล่ะ

      แล้วแฟนมากอดมั้ยล่ะ

      แล้วแฟนมากอดมั้ยล่ะ.............

                     





                    ผมไม่น่าปากพล่อยพูดประโยคชี้โพรงให้กระรอกแบบจุนฮเวเลย..  เด็กเอาแต่ใจกำลังกอดผมแน่นแล้วนึกสนุกอะไรไม่รู้ จากกอดเฉยๆกลายเป็นเราทั้งคู่กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงทั้งที่ยังกอดกันอยู่ ตอนแรกมันก็สนุกดีอยู่หรอก แต่มีครั้งนึงที่กลิ้งจนเกือบจะตกเตียงผมก็เริ่มไม่สนุกแล้ว ไหนจะน้ำหนักของอีกคนที่กดทับลงมาอีก ให้ตาย.. มันจุนฮเวตัวอ้วนชัดๆ

       

       

      “ฮื้อออออออ หายใจไม่ออก”

       

       

      “ก็เดี๋ยวน้อยใจหาว่าไม่กอดอีก”   แต่นี่มันก็เกินไปป่ะ จะกอดแน่นจนหายใจไม่ออกตายไปเลยป่ะล่ะ โอ้ยยยยยยยยยยยยย

       

      “ไม่น้อยใจแล้ว ปล่อยยย!

       

      “มาอยู่ใต้ร่างแบบนี้แล้ว... เคยรอดเหรอครับ.. หื้ม?”

       

       

       


      บ้าชะมัด

      เลิกเอาจมูกมาชนจมูกแบบนี้สักที.

       

       

       

      “มันมืดดดด  ไม่ชอบความมืดดด ปล่อยเหอะ  หงุดหงิดแล้วนะ”

       

      “แล้วปกติหมอนอนเปิดไฟรึไง......”

       

      “.........”

       

      “มืดๆแบบนี้ดีจะตาย ลองมองออกไปดิ ฟ้าสวยนะ.. ในเมืองมืดๆแบบนี้ดาวสวยชะมัด วันปกตินายไม่มีทางได้เห็นหรอก..”

       

       

      ผมมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ตามที่อีกคนบอก จะว่าไปไฟฟ้าดับวันนี้กินเวลาไปหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ.. ตอนแรกผมหงุดหงิดมาก แต่พอลองมองอีกมุมนึง.. มันก็เป็นคืนที่สวยดีเหมือนกัน..........   แต่ความคิดทั้งหมดหยุดลงเมื่อรู้สึกได้ถึงจมูกโด่งๆของคนที่คร่อมอยู่ด้านบนที่กำลังวุ่นวายกับซอกคอผมอยู่ตอนนี้ คิดแล้วมันน่าโมโหชะมัด.. หลอกให้มองออกไปดูดาวงั้นเหรอ...

       

       

      “อย่าฉวยโอกาสแบบนี้นะ กูจุนฮเว”

       

      “.......”     

      ได้ผล...  การกระทำอันฉาบฉวยหยุดชะงักลงทันที
        พร้อมด้วยหน้าตาสำนึกผิดตามมาติดๆ

       

      “ถ้าเมื่อไหร่ที่อีกคนไม่พร้อม นายไม่ควรทำแบบนั้นนะ... เมื่อกี้กำลังดูท้องฟ้าตามที่นายบอกแท้ๆ มาทำแบบนี้ได้ไงกัน ฮึ?”

       

      “........ขอโทษครับ”

       

      “คราวหลังไม่เอาแล้วนะ”

       

      “ครับผม...”

       

       

       

       สีหน้าท่าทางหลังโดนดุเหมือนเด็กไม่มีผิด  ทั้งที่ใครๆก็มักจะมองว่าจุนฮเวเป็นพี่ผม อายุมากกว่าผม ซึ่งความเป็นจริงมันคือสิ่งที่ตรงกันข้าม   ....อ้อมกอดถูกคลายออกอย่างรวดเร็ว...  ตอนนี้อีกคนผละออกไปนอนข้างๆแทนซะแล้ว

       

       

       


      โอเค..นายอาจจะไม่พอใจ

      แต่ที่นายทำมันไม่ถูกไง.

       

       

       


      “นี่...  กูจุนฮเว นอนหันหลังให้กันแบบนี้ มันใช้ไม่ได้เลยนะ มันบ่งบอกว่านายไม่พอใจที่ฉันดุ”

       

      “ก็สำนึกผิดอยู่”   แหนะ.. ยังอีกนะ ยังไม่หันมาอีกนะ

       

      “จุนฮเวหันมา”

       

      “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวก็ทำผิดอีก..”

       

      “อะไร”

       

      “หน้าตาแบบนายมันน่าฉวยโอกาสจะตายไป.... ไม่รู้ตัวรึไงวะ”

       

      “........”

       

      “เดี๋ยวเผลอทำอะไรลงไป... ก็โดนดุอีก..”

       

      “หันมาเถอะน่า ไม่ดุแล้ว”

       

      “.......”


      "หันมาเร็วๆ"

      "......"



      "นี่...."


      "......"

       

      .

       

      .

       

       

       

       



      “ถ้านายยังไม่หัน....”

       



      “........”

       

       

       

       
       

      “ฉันนี่แหละจะเป็นคนฉวยโอกาสนายเอง”

       

       

      .

       

      .

       

      .

       

      ขอโทษทีกูจุนฮเว

      ถือว่าหายกันนะ.

       

       

       

       
       

      คิมดงฮยอก

      ต่อจากนนี้มันไม่ใช่การฉวยโอกาสแล้วใช่ไหม ?


      ทั้งจมูก.. ปาก..

      และไหนจะผิวเนียนๆของนายที่อยู่ใต้ฝ่ามือตอนนี้..

       

       

       


      ให้ตาย

      ควรจัดการ
      ตรงไหนก่อนดี.

       

       

       

       

      END.

       

       

      จะตรงไหน ก็เอาที่สบายใจเน่เลยลูก  .w.  ฮี่ฮี่ฮี่

       

      >> Twitter เชิญที่ >> #ฟิคสามหมอ   

       

      รักทุกคน

       จุ๊บเหม่ง  

      ฝันดีฮะ -3-

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×