ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -จบ-✉ CorrespondencE สื่อรักทางจดหมาย!✉ {ํYaoi/BL}

    ลำดับตอนที่ #11 : ✉ จดหมายฉบับที่ 8✉เผชิญหน้าอย่างไม่คาดฝัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.2K
      126
      25 ก.พ. 58

    จดหมายฉบับที่ 8เผชิญหน้าอย่างไม่คาดฝัน

     

     

     

    ถึงจะเคยบอกเอาไว้ว่าอยากเจอกับเทมโดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดมาขวางกั้นก็เถอะ...

     

     

    ใครจะรู้ล่ะว่าพระเจ้าท่านจะใจดีทำคำขอของผู้ชายตาดำๆคนนี้เป็นจริง...แถมยังเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้อีก

     

     

    หลังจากที่เทมมาที่บ้านผมก็ผ่านไปจะครบสัปดาห์แล้ว...เมื่อวันเสาร์ผมพึ่งส่งจดหมายไปหาเขาเพื่อบอกเหตุการณ์บางอย่างที่น่าตกใจให้ฟังแต่ดูเหมือนว่า...

     

     

    มันจะไม่ทันการณ์ซะแล้ว!!

     

     

     

    ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ก่อนที่ผมจะส่งจดหมายไปหาเทม...วันนั้นท่านประธานได้เรียกผมขึ้นไปพบโดยตรง...ตอนแรกนึกว่าตัวเองทำบัญชีอะไรพลาดไปซะอีก...แต่ความจริงคือ...

     

     

     

    ผมอยากให้คุณย้ายไปที่บริษัทxxxสักสองเดือนได้ไหม?’ ท่านประธานถามคำถามโดยที่น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าผมมีสิทธิปฏิเสธได้เลย

     

     

    แต่เรื่องนั้นผมไม่สนหรอก...ที่สนคือชื่อบริษัทที่ผมต้องย้ายไปต่างหาก

     

     

    บริษัทxxx

     

     

    ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามันเป็นชื่อเดียวกับบริษัทที่เทมทำงานอยู่นะ

     

     

    ครับ...ผมขอทราบลายละเอียดได้ไหมครับ

     

     

     

    ผมเป็นเพื่อนสนิทกับประธานของบริษัทxxxน่ะ...พอดีวันก่อนเขาได้ขอความช่วยเหลืออย่างเป็นส่วนตัวมาที่ผม...เห็นว่าผู้ตรวจสอบบัญชีของแผนกคอมพิวเตอร์มั้ง...ที่เกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานได้สักระยะหนึ่งและเขาก็ไม่ต้องการที่จะรับสมัครใหม่เพราะอีกไม่กี่เดือนคนเดิมก็กลับมาทำงานได้แล้ว...เขาเลยมาขอยืมตัวผู้ตรวจสอบบัญชีเก่งๆของผมสักคน...ผมก็เลยตัดสินใจเลือกคุณครับ...คุณวรนัตรประโยคอธิบายแสนยาวได้จบลงแต่มีคำถามหนึ่งที่คาใจอยู่

     

     

     

    ผมควรเรียกเหตุการณ์นี้ว่าโลกกลม?

     

     

    ไม่คิดมาก่อนเลยว่าระดับประธานบริษัทของผมและเทมจะรู้จักแถมยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย!?

     

     

    ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายถ้าจะรับงานนี้...ยังไงผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว

     

     

    สะดวกกว่าหลายๆคน

     

     

    แล้วที่พักล่ะครับ...ผมต้องหาเองไหม?’

     

     

    ถ้าต้องหาเองคงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย

     

     

    เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...เห็นว่าจองคอนโดYYYไว้ให้แล้ว...คุณแค่จัดการพวกกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไว้ก็พอ

     

     

    ผมต้องไปเมื่อไหร่ครับ?’

     

     

    อีกสองอาทิตย์...คุณจะรับงานนี้ใช่ไหม?’ท่านประธานตอบแล้วถามย้ำผมอีกรอบหนึ่ง

     

     

    ครับ

     

     

    เท่านั้นและครับการสนทนาเมื่อวันศุกร์เพราะงั้นวันเสาร์ผมเลยเขียนจดหมายไปบอกเทมแล้ว...ทั้งที่ทุกอย่างควรจะราบลื่น...

     

     

    แต่!!

     

     

     

    กลางดึกวันอาทิตย์ดันมีโทรศัพท์จากท่านประธานโทรเข้ามาโดยตรงตอนที่ผมหลับไปแล้ว

    ตัวผมไม่ได้นอนเร็วหรืออะไรหรอกนะ...แต่ท่านประธานโทรมาตอนตี4!!

     

     

    บ้า...บ้าไปแล้วแน่ๆ

     

     

    แถมโทรมาบอกประโยคสั้นๆที่ไม่ง่ายในการทำมันเลยสักนิดเดียว

     

     

    ผมต้องการให้คุณเข้าทำงานในวันพรุ่งนี้ที่บริษัทxxx’

     

     

    ก่อนจะวางหูไปโดยไม่สนใจคำตอบผมเลยสักนิดเดียว...

     

     

    ให้เริ่มทำงานพรุ่งนี้..เข้างานตอน8โมง...เวลาในการเดินทางไปถึงบริษัทก็ประมาณ2-3ชั่วโมง...ตอนนี้ผมยังไม่ได้จัดกระเป๋าด้วย...

     

     

    ก็แปลว่า....

     

     

    “งานเข้า!!”ผมเด้งขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจก่อนจะรีบไปรื้อกระเป๋าเดินทางที่ไม่ได้มานานก็มาทันที....ผมรีบควานหาเสื้อผ้าที่จำเป็นจัดใส่กระเป๋าโดยด่วน...

     

     

    สองเดือนนี่ต้องเอาไปกี่ชุดล่ะ?

     

     

    “ยัดได้แค่ไหนก็แค่นั้นละกัน”ผมพึมพำระหว่างที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

     

     

    วรนัตรใช้เวลากว่าชั่วโมงในการจัดกระเป๋าลากสองใบใหญ่ๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ...อาจจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ผมแทบจะวิ่งผ่านน้ำเลยล่ะ

     

     

     

    กว่าที่ผมจะได้ออกจากบ้านก็ปาไปเกือบ6โมงแล้ว...ดีนะที่ผมขับรถไปเอง...ส่วนเรื่องที่ทางเมื่อวันก่อนที่คุยกันท่านประธานได้ให้แผนที่มาเรียบร้อยแล้ว...ผมขับรถออกไปโดยที่เช็คของซ้ำอีกครั้งว่าลืมอะไรไหม

     

     

    ผมขับรถมาถึงบริษัทตอนเกือบ8โมง...ผมขับรถวนหาที่จอดก่อนจะเดินเข้าไปภายในบริษัท

     

     

    “สวัสดีครับ...ผมมาจากบริษัทxuxครับไม่ทราบว่าผมต้องขึ้นไปที่ชั้นไหนครับ?”ผมเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าก่อนจะถามพนักงานสาวที่ประจำที่อยู่

     

     

    “อ้อ...ใช่คุณวรนัตรใช่ไหมค่ะ?

     

     

    “ใช่ครับ”ผมตอบกลับพนักงานสาวคนนั้น

     

     

    “เชิญไปที่ชั้น9เลยค่ะ...ท่านประธานรออยู่แล้วค่ะ”พนักงานสาวบอกผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะผายมือไปทางลิฟต์ที่อยู่ด้านข้าง

     

     

    “ขอบคุณครับ”ผมบอกพนังงานสาวก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น9...พอดูตัวเลขในลิฟต์ก็รู้เลยว่าตึกที่นี่มีทั้งหมด10ชั้น

     

     

    ตึ๋ง!

     

     

    เสียงลิฟต์บ่งบอกว่ามาถึงที่หมายแล้วทำให้ผมเดินออกไปก่อนจะนึกอย่างสงสัยไม่ได้

    ทำไมไม่มีใครขึ้นลิฟต์มาพร้อมเขาเลยนะ

     

     

    ปกติช่วงเวลาเข้างานเป็นเวลาที่คนใช้ลิฟต์มากที่สุด

     

     

    ...แปลกดีแฮะ”ผมพึมพำก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องกระจกเพียงห้องเดียวที่อยู่บนชั้นนี้

    พอมองไปซ้ายขวาก็ได้พอกับห้องกว้างขวางที่มีคนทำงานอยู่ประมาณ4-5คน...และก็มีห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ถัดไปอีก...

     

     

    คงเป็นห้องท่านประธานล่ะนะ

     

     

    ผมเดินไปหาพนักงานสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องนั้นแล้วเอ่ยทักทาย

     

     

    “สวัสดีครับ....ผมวรนัตรครับเห็นว่าท่านประธานเรียกผมมานะครับ”ผมบอกพนักงานสาวด้วยรอยยิ้ม

     

     

    ...ค่ะ...เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ”พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยแล้วบอกผมด้วยเสียงสั่นนิดๆ

     

     

     

    ผมขอบคุณเธอก่อนจะเข้าไปภายในห้อง...บรรยากาศต่างกันลิบลับเลย...ภายในนี้บรรยากาศค่อนข้างหนักอึ้ง...เรียกว่าค่อนข้างเครียดทีเดียว...ห้องหรูที่ถูกตกแต่งในโทนสีน้ำตาลอ่อนสลับขาวทำให้ดูดีและน่าอยู่...ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะเพียงตัวเดียวในห้องนั้น

     

     

    เก้าอี้หันไปทางฝั่งกระจกทำให้ไม่เห็นหน้าของท่านประธานที่อยู่ตรงหน้า

     

     

     

    “คุณสินะวรนัตร...คนที่กายบอกว่าเก่งนักเก่งหนาน่ะ”เสียงเข้มตรงหน้าดังขึ้นพร้อมกับเก้าอี้ที่หันมาอย่างช้าๆ...ชายตรงหน้าผมเป็นหนุ่มอายุประมาณเลข4แล้วล่ะ...แต่ด้วยใบหน้าคมเข้มสายตาที่น่ากลัวนั่นดูทำให้อายุลดลงไปมากโขเลย

     

     

    ส่วนคนที่ชื่อกายคงไม่ต้องถามนะว่าใคร...

     

     

    ยังไงก็คงไม่พ้นท่านประธานของบริษัทผมนั่นแหละ

     

     

    ที่ว่าเก่งนี่...หมายถึงผมเหรอ?

     

     

    ท่านประธานไปพูดอะไรให้คนคนนี้ฟังล่ะเนี่ยะ!!

     

     

    “อ่อ...ครับ”

     

     

    “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงเรียกคุณมาที่นี่?

     

     

    ไม่รู้ครับ...

     

     

    อยากจะบอกแบบนี้ซะเหลือเกินแต่ถ้าทำจริงก็เตรียมเก็บศพผมได้เลย

     

     

    “พูดคุยเกี่ยวกับงานที่ผมต้องทำที่นี่ตลอดสองเดือนต่อไปนี้ครับ”ผมตอบเท่าที่ผมพอจะคิดได้

     

     

    “ก็มีส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด....ที่กายบอกคุณไปคือทำและตรวจสอบบัญชีของแผนกคอมพิวเตอร์เท่านั้นใช่ไหม?

     

     

    “ครับ”

     

     

    “แต่คุณต้องตรวจสอบบัญชีทั้งหมดทุกแผนกภายในบริษัทนี้!!”

     

     

    ...!!

     

     

    พูดเป็นเล่น!!

     

     

    ใครจะไปทำได้กัน!!

     

     

    คิดว่าทั้งบริษัทมีทั้งหมดกี่แผนกกัน!!

     

     

    ...อ่อ..แล้วผู้ช่วย...”

     

     

     

    “ไม่มี...ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจผู้ตรวจสอบบัญชีคนไหนในบริษัททั้งนั้น...คนที่ผมไว้ใจได้ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาล...เพราะงั้นผมถึงให้คุณมาไง”คำอธิบายยาวๆของเขาทำให้ผมร้องอ๋อเบาๆในคอ

     

     

     

    อยากจะบอกว่าเขาไว้ใจคนตรวจบัญชีในบริษัทไม่ได้อย่างนั้นสินะ

     

     

    “ผมเข้าใจแล้วครับ...แต่ผมคงต้องใช้เวลามากหน่อยนะครับในการตรวจบัญชีทั้งหมด”ผมบอกท่านประธานไปตามตรง

     

     

    “ผมให้เวลาคุณมากกว่าปกติอีก15วัน”เขาพูดขึ้นทันที

     

     

    “เข้าใจแล้วครับ”

     

     

    “ห้องของคุณจะอยู่ข้างๆกับแผนกคอมพิวเตอร์...ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะมีเสียงรบกวนอะไร...ผมให้คุณอยู่ห้องส่วนตัว”

     

     

    “ได้ครับ”

     

     

    “พอลงไปชั้น4แล้วให้ไปหาคนที่ชื่อสิริพงค์...เขาจะพาคุณไปที่ห้องเอง...เขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมไว้ใจมีอะไรก็ไปถามจากเขาหรือไม่ก็ขึ้นมาหาผมได้”ท่านประธานอธิบายต่อ

     

     

    “ครับ...ขอตัวก่อนนะครับ”

     

     

    ผมบอกลาก่อนจะเดินออกจากห้องมา...ไม่คิดเลยว่าต้องมาทำงานที่มีความสำคัญขนาดนี้...ถ้าพลาดขึ้นมาคนที่จะซวยเป็นเขาเองแน่ๆ

     

     

    ผมกดลิฟต์ลงมาที่ชั้น4พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้น...ในหัวผมตอนนี้คิดแต่เรื่องของ

     

     

    เทม

     

     

    เขาทำงานอยู่แผนกคอมพิวเตอร์...นั่นหมายถึงผมต้องเจอเทมใช่ไหม?

     

     

    เทมจะคิดว่าผมไม่บอกเขาก่อนรึป่าว?

     

     

    ผมบอกแล้วนะเพียงแต่ว่าผมถูกเร่งให้มาอย่างกะทันหันเท่านั้น...จดหมายที่ผมส่งไปคงจะถึงวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้สินะ

     

     

    หวังว่าวันนี้ผมจะหลบหน้าเขาได้นะ...

     

     

    นึกแล้วก็ตลกแฮะ...ไม่เคยเจอหน้ากัน

     

     

    แล้วจะหลบหน้าได้ไง?

     

     

    หน้าตาเทมเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

     

     

    หวังว่าพระเจ้าจะไม่เล่นตลกกับผมละกัน

     

     

    ตึ๋ง!

     

     

     

     

    เสียงลิฟต์ดังขึ้น...ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ชั้น4แล้ว...เท่าที่หันไปมองรอบๆชั้นนี้ค่อนข้างกว้างมาก...มีห้องที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัด...เท่าที่ดูคงมีทางเดินแค่ตรงหน้าลิฟต์เท่านั้นล่ะมั้ง....ผนังที่ถูกทาเป็นโทนสีน้ำตาลอ่อนที่อ่อนมากๆจนเกือบจะเหลืองทำให้ดูค่อนข้างสบายตา...ส่วนตรงทางเดินก็มีต้นไม้วางประดับไว้ประปลายดูผ่อนคลายดี

     

     

    แต่ผมควรไปหาคุณสิริพงค์ที่ไหนดีล่ะ?

     

     

    “....”ผมยืนคิดนิ่งๆอยู่หน้าลิฟต์

     

     

     

    แปะ!

     

     

     

    “...!!”สัมผัสของอะไรบางอย่างที่มาแตะที่ไหล่ทำให้ผมรีบหันกลับไปมองดูด้วยความระแวงทันที...ตรงหน้าผมมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุคงจะ20ปลายๆได้ยืนมองผมพร้อมรอยยิ้ม...เขาค่อนข้างสูงน่าจะสูงกว่าผมสัก6-7ชม.ได้...ผิวสีแทนและมาดนิ่งๆที่ดูไม่ค่อยหน้าไว้ใจสักเท่าไหร่สำหรับผม

     

     

    คุณคือคุณวรนัตรใช่ไหมครับคนตรงหน้าถามผมด้วยท่าทีที่สุภาพ

     

     

    ครับ...แล้วคุณ?”ผมคลายท่าทาทีระมัดระวังตัวลงก่อนจะถามกลับไป

     

     

    ผมชื่อสิริพงค์ครับ...ท่านประธานพึ่งติดต่อผมว่าให้มาพาคุณไปที่ห้องทำงานนะครับเขาอธิบายด้วยท่าทางสบายๆ

     

     

    ครับ...วรนัตรครับเรียกว่านัทก็ได้ครับผมแนะนำตัว

     

     

    ผมชื่อสิริพงค์เรียกว่าพี่ไม้ก็ได้ครับเพราะดูท่าผมคงจะอายุมากกว่าคุณคนตรงหน้าบอกผมก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าผม

     

     

    ไม่มีปัญหาครับ....ขอทราบได้ไหมว่าคุณอายุเท่าไหร่แล้วผมถามคนตรงหน้าไปตรงๆ...พูดตามตรงนะผมคิดว่าผมอายุมากกว่าคนตรงหน้าแน่ๆนะ

     

     

    ปีนี้ก็28แล้วล่ะครับคนตรงหน้าพูดนิ่งๆ

     

     

    ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกบางอย่างกับคนตรงหน้าไป

     

     

    “...งั้นคุณคงต้องเรียกผมว่าพี่แทนแล้วล่ะเพราะปีนี้ผมอายุ30แล้ว

     

     

    “...???”ดูจากท่าทางเขาคงจะไม่ค่อยเชื่อละมั้ง...แถมยังมองผมแบบอึ้งๆอีกด้วย

     

     

    มีคนเคยบอกว่าผมหน้าค่อนข้างเด็กอยู่เหมือนกันนะ...ผมว่ามันเป็นหนึ่งในข้อดีเลยล่ะ...ใครจะอยากดูแก่ละจริงไหมครับ?

     

     

    เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยครับพี่นัท...หน้าพี่เด็กจังเลยนะครับไม้...?...ผมเรียกแบบนี้ดีไหม?...หรือจะเป็นคุณสิริพงค์ดีกว่า...คุณสิริพงค์ละกัน...เขารีบเอ่ยขอโทษผมทันที

     

     

    ไม่เป็นไรครับ

     

     

    ยังไงผมก็ไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว...แถมไม่ค่อยถือเรื่องพวกนี้ด้วย

     

     

     

    ก่อนจะพาไปห้องทำงานผมจะพาไปที่แผนกคอมพิวเตอร์ก่อนนะครับ...อยู่ๆข้างๆกันมีเรื่องอะไรก็เรียกคนในนั้นมาช่วยได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจเพราะยังไงส่วนมากก็นั่งเล่นเกมส์ไม่ก็เขียนจดหมายไม่มีงานอะไรมากมายหรอกครับคุณสิริพงค์บอกพร้อมกับพาผมเดินไปเรื่อยๆตามทางเดิน

     

     

    เขียนจดหมาย...?

     

     

    ที่คุณสิริพงค์บอกจะหมายถึงเทมรึเปล่านะ?

     

     

    ยิ่งเดินมานานเท่าไหร่ความกังวลผมก็เริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ...

     

     

    จะทำยังไงดี!!

     

     

    ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย...

     

     

    โธ่เว้ย!

     

     

    เป็นอะไรรึเปล่าครับ...หน้าซีดๆนะครับไปห้องพยาบาลไหมครับคุณสิริพงค์ถามผมด้วยความเป็นห่วง

     

     

    ไม่เป็นไรครับ...ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนที่พวกเราจะเดินต่อไป

     

     

    แต่พอมาคิดดูอีกที...

     

     

    ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลซะล่ะจะได้ไม่ต้องไปแผนกคอมพิวเตอร์!!

     

     

    บ้าจริงเชียว!!

     

     

    เอ่อ....

     

     

    ถึงแล้วครับผมที่กำลังจะบอกว่าขอไปห้องพยาบาลต้องชะงักทันทีที่คุณสิริพงค์พูดขึ้นแล้วใช้มือจับลูกบิดประตูห้องหนึ่งไว้ก่อนจะค่อยๆเปิดมันออก...

     

     

    ไม่นะ!

     

     

    ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย!

     

     

    ครื่นนนน

     

     

    สวัสดีพี่น้องชาวแผนกคอมพิวเตอร์ที่รัก...วันนี้มีคนจะมาแนะนำให้รู้จักด้วย...ทำตัวให้เรียบร้อยล่ะ

     

     

    ไม่นะ...ผมอยากเป็นลม

     

     

     

    ผมเดินมายืนอยู่ข้างๆคุณสิริพงค์ก่อนจะค่อยทำใจมองไปรอบๆห้องนี้...ห้องขนาดไม่ใหญ่มากมีคอมพิวเตอร์วางหันหลังชนกันอยู่แนวละประมาณ6-7เรื่องได้...ผนังห้องเป็นโทนสีขาวทำให้ดูสะอาดสะอ้าน...สายตาผมค่อยๆไล่ไปตามเก้าอี้ที่ตอนนี้มีคนสิบกว่าชีวิตนั่งอยู่แล้วถอยเก้าอี้ออกมาเพื่อมองหน้าหัวหน้าแผนกหรือคุณสิริพงค์นั่นแหละ

     

     

    เฮือก!

     

     

    “...!!”อยู่ๆสายตาผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางขวามือของแถว...เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยท่าทางอึ้งๆดวงตาเบิกกว้างจนเพื่อนข้างหลังต้องเอามือมาปิดตาเขาไว้แล้วก้มหัวขอโทษผมเบาๆ

     

     

     

    อยากจะบอกเลยว่าผมไม่สนใจหรอกที่ผมสนใจตอนนี้คือ....

     

     

    ตึก ตัก ตึก ตัก

     

     

    หัวใจผมมันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อได้สบตากับชายคนนั้น...เท่าที่สังเกตคงจะเป็นเด็กที่พึงจบใหม่แน่ๆเลย...ผิวสีแทนดวงตาสีเขียวอมน้ำตาลและผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นที่ดูก็รู้ว่าต้องมีเชื้อต่างชาติแน่ๆ

     

     

    ทำไมหัวใจผมมันถึงเต้นแรงตอนสบตากับเขาได้ล่ะ

     

     

    เหมือนกับตอนที่ผม....

     

     

    อ่านจดหมายที่เทมเขียนมาเลย

     

     

    ....!!!!....

     

     

    เทมเหรอ...????

     

     

    หรือว่าคนคนนี้จะเป็นเทม!!!

     

     

    ผมมองชายตรงหน้าด้วยความคิดที่สับสนไปหมด

     

     

    ไม่จริง...นี่ผมกล้าใช้เซนต์ตัวเองตัดสินว่าใครเป็นใครเมื่อไหร่กันเนี่ยะ 

     

     

    “...เฮ้ย!...เอามือออกเดี๋ยวนี้นะไอ้พีช!เสียงของคนที่ผมจ้องอยู่ดังขึ้นพร้อมกับพยามเอามือของเพื่อนออกจากตาของตัวเอง

     

     

    เสียงของเขาทำให้ผมที่กำลังคิดอยู่มองไปแบบไม่เชื่อสายตา

     

     

    พี่นัท!!

     

     

    เสียงเดียวกับตอนที่ได้ยินในโทรศัพท์เลย

     

     

    ไม่จริงน่า...

     

     

    พวกแกน่ะพอได้แล้วอย่าทำเสียมารยาทสิ!!คุณสิริพงค์ตะโกนขึ้นทำเอาสองคนที่วุ่นวายกันอยู่รีบกลับสู่ความสงบทันที

     

     

    คนที่ผมคิดว่าเป็นเทมก็หันกลับมาจ้องผมเหมือนเดิม

     

     

    แววตาเขาเป็นประกายขึ้นมากกว่าตอนแรกที่เห็น...มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้สิ...เหมือนกับไม่น่าไว้ใจแถมยังส่งยิ้มนิดๆมาให้ผมอีกด้วย

     

     

    เอาล่ะ...นี่คือคุณวรนัตร  รัตรนเทวา เขาจะมาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแทนพี่อรนงตร์ที่อยู่โรงพยาบาลนะถ้าพี่เขาต้องการคนช่วยก็ห้ามอิดออดนะเข้าใจไหม

     

     

    ครับ!!เสียงตอบรับดังฉะฉานยิ่งกว่าตอนเกณฑ์ทหารซะอีกแหะ

     

     

    “...สวัสดีครับ...ผมวรนัตร รัตรนเทวา เรียกว่านัทก็ได้ครับ...ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับผมเอ่ยทักทายพอเป็นพิธีด้วยรอยยิ้ม....สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ชายคนนั้นเช่นเดียวกับที่เขายังจ้องผมไม่วางตา

     

     

    ไอ้เทมแกจะจ้องพี่เขาให้ท้องเลยรึไง!

     

     

    เฮือก!

     

     

    เสียงของคุณสิริพงค์ทำให้ผมกับเขาละสายตาออกจากกันชั่วขณะ

     

     

    ว่าแต่เมื่อกี้คุณสิริพงค์เขาว่ายังไงนะ!!

     

     

    เทมเหรอ?

     

     

    ขอโทษด้วยครับหมอนั่นพึ่งจะมาทำงานน่ะครับไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร...ชื่อธีราทรเรียกมันว่าไอ้เทมก็ได้ครับคุณสิริพงค์หันมาแนะนำเขากับผม

     

     

    “....”

     

     

    สายตาผมประสานกับเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

     

     

    ฉ่า!

     

     

    ผมหันหน้าหลบเทมทันที...ตอนนี้หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆ

     

     

    ให้ตายเถอะ!

     

     

    รู้สึกว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับผมมากไปแล้วนะครับ!!

     

     

    คนตรงหน้านี่คือเทมจริงๆใช่ไหม???!!

     

     

    ..................................................................................................................
     

    มาอัพต่อแล้วค่ะ

     

    วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากๆการสอบบัญชีมันช่างทำให้หัวสมองเราอ่อนล้ามากจริงๆ

     

    เลยแต่งได้เท่านี้แหละค่ะ

     

    ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะค่ะ

     

    ชอบเวลาอ่านคอมเม้นท์มากเลย

     

    มีคนเขียนว่าอ่านแล้วเขิน...อยากบอกเราอ่านคอมเม้นท์ของเพื่อนๆก็เขินเหมือนกันค่ะ

     

    ไว้เจอกันตอนหน้าเร็วๆนี้

     

    แล้วทุกท่านจะได้เจอกับหมาน้อยเทมค่ะ555+

     

    nicedog

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×