เหลี่ยมรักเสน่ห์ร้าย

ลำดับตอนที่ #30 : แฟนใครไม่รู้แต่หนูจะเอา(2)

งานเลี้ยงสโมสรของจังหวัด ธนาในฐานะข้าราชการคนหนึ่งก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงาน เขาได้มีโอกาสรู้จักกับปกรณ์นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร  ด้วยการแนะนำของจ่าเทพ เมื่อได้คนคุยถูกคอมีแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดนิดหน่อย บรรยากาศที่น่าเบื่อในงานก็ดีขึ้นในทันตา

            แต่อะไรก็ไม่เท่าเมื่อสายตาเห็นคนที่นั่งไม่ห่างจากพวกเขา ความงามของเธอนั้นแม้แต่ปกรณ์ก็อาจละสายตา 

ยิ่งเห็นว่าเธอในเดรสเกาะอกสีหวาน ทำให้กลายเป็นสาวสวยเย้ายวนรูปร่างบอบบางนั้นน่าทะนุถนอม ถ้าไม่เคยเจอฤทธิ์เดชมาก่อน เธอก็ไม่ต่างจากดอกกุหลาบที่ทั้งสวยทั้งหอม ชวนให้หมู่ภมรมาหลงใหล มีแค่เขาที่รู้ดีว่าความจริงหญิงสาวคือ ‘หมามุ่ย’ ไม่ว่าจะโดนตรงไหนก็ทั้งแสบทั้งคัน

ใช่มีเขาที่เอาแต่จับจ้อง อาการของนายตำรวจหนุ่ม ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าปกรณ์อาจกำลังสนใจแม่ตัวดีนั้น ยิ่งปกรณ์ขอตัวลุกขึ้นเดินตรงไปยังโต๊ะที่ของเธอ ธนาก็เกิดอาการหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุ

ส่วนคนที่กำลังเป็นที่สนใจของหนุ่มในงานกำลังถูกขัดความสนุกเมื่อ ‘สมชาติ’ นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเดินเข้ามาทักทาย

ดูท่าแล้วนายสมชาติคนนี้คงไม่ได้แค่จะมาทักทายท่านผู้อำนวยการอย่างเดียว สายตาของสมชาติที่มองมายังเนตรดาวที่นั่งคู่กับกุ้งนาง

ได้ยินวลีต่อมากุ้งนางเกือบจะลุกขึ้นแล้วลากเพื่อนสาวเดินหนีหากแต่ยังเกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่ตรงนั้น

            “ผู้อำนวยการคงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะขอตัวลูกน้องของท่านให้เกียรติลีลาศกับผมสักเพลง”

            สมชาติก้มหัวเล็กน้อยพร้อมกับผายมือมาตรงหน้าเนตรดาว ซึ่งเพื่อนสาวของเธอก็ได้แต่อึกอักนั่งทำหน้าปุเลี่ยนไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกไป

ทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้ดี สมชาติถือได้ว่าเป็นผู้มีอุปการคุณ โดยเฉพาะท่านผู้อำนวยการคงกรงใจไม่น้อย จึงได้แต่นั่งทำหน้าปั้นยากน้ำท่วมปากไม่กล้าพูดอะไร

            เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน กุ้งนางก็คิดจะเอ่ยปากปฏิเสธแทน หากเป็นเธอออกหน้าเสียเองสมชาติคงเกรงใจ เพราะเขารู้จักกำนันแสนเป็นอย่างดีและคงไม่อยากมีปัญหากับพ่อของตน แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากกล่าวอะไรออกไป ชายหนุ่มหน้าคมเข้มคนหนึ่งเข้ามากอบกู้สถานการณ์ เหมือนฟ้าได้ส่งอัศวินรูปหล่อขี่ม้าขาวลงมา

            แล้วพ่ออัศวินรูปหล่อคนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเขาสามารถตอกหน้าสมชาติจนล่าถอยกลับไปท่ามกลางความมึนของคนทั้งโต๊ะ

            จนจ่าเทพตำรวจก้นโรงพักได้เฉลยว่าอัศวินของเธอความจริงคือผู้กองคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำการ นอกจากเขาจะแสดงให้เห็นว่ารู้จักกับเนตรดาวเป็นอย่างดียังประกาศให้คนทั้งโต๊ะรับรู้เขาและเนตรดาวกำลังคบกัน

            “แกแอบไปเป็นแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย” กุ้งนางมองหน้าเพื่อนสาวอย่างคาดคั้นแต่เนตรดาวได้แต่ทำเสียงตะกุกตะกัก

            “เรื่องมันยาวว่างจะเล่าให้ฟัง แต่ความจริงฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน” เนตรดาวยืนยันเสียงแข็งจนกุ้งนางเกือบเชื่อ ถ้าไม่ได้ยินเสียงพ่ออัศวินพูดขึ้น

            “คงต้องขอตัวนะครับ ผมอยากเต้นรำกับคนรักแล้ว” 

            ประโยคเด็ดที่ทำให้หลายคนในโต๊ะถึงกับอึ้ง โดยเฉพาะหมอสราวุฒิ ที่เป็นคู่เต้นรำของเพื่อนสาวก่อนนี้ถึงกับนั่งหน้าจ๋อย แต่กลับทำให้กุ้งนางหน้า    เหวอที่ดันตกข่าวสำคัญของเพื่อนรักไปได้

            ภาพของสองหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำทำให้กุ้งนางรู้สึกอิจฉากึ่งสงสัยกับการเปิดตัวแฟนหนุ่มของเพื่อนอย่างสายฟ้าแลบ แต่ก็ดีใจเพราะทั้งคู่เหมาะสมกันไม่ใช่น้อย มิหนำซ้ำเธอยังรู้สึกถูกชะตากับปกรณ์แม้จะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม

            แต่ใครจะรู้ว่าคู่รักที่กำลังอวดลีลาอยู่กลางฟลอร์กำลังทำสงครามน้ำลายกันอย่างดุเดือด จนเนตรดาวถึงขั้นสติแตกแล้วหนีออกไป เดือดร้อนกุ้งนางที่เห็นว่าเพื่อนหายไปนานจนเดินตามหา

            มองหาเพื่อนอยู่นานก็ยังไม่เห็นวีแววกระทั่งเดินชนกับใครคนหนึ่ง จนตัวเองเกือบล้ม ดีที่ลำแขนแข็งแรงคู่หนึ่งช่วยประคองร่างของเธอไว้เสียก่อน

“ขอโทษค่ะฉันไม่ทันมอง” 

กุ้งนางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแขนคู่นั้น ปากที่กำลังขยับจะกล่าวคำขอบคุณต้องอ้าปากค้าง เป็นเพราะโลกมันกลมหรืออิทธิฤทธิ์ของดาวนพเคราะห์ดวงไหนหนอทำให้ต้องเจอตาปลัดขิกคนนี้ด้วยนะ

ความจริงเธอมารู้ทีหลังว่าเขามีชื่อเล่นว่า ‘ขิง’ แต่เธอก็พอใจที่จะเรียก‘ขิก’ หรือ ‘ปลัดขิก

เห็นหญิงสาวเอาแต่มองเขา ธนาจึงมีโอกาสสำรวจคนตัวเล็ก ต้องยอมรับว่ายิ่งมองก็ยิ่งเห็นความสวย ไอ้เกาะอกที่อวดผิวขาวนวลของไหล่มน ชวนให้ธนาอยากจะสัมผัส อยากรู้ว่าจะนุ่มเหมือนอย่างที่คิดไว้ไม่ หน้าอกที่เคยคิดว่าแบนไปนิด แต่วันนี้กลับอัดเบียดภายใต้ผ้าชีฟองสีหวานล้นออกพอให้เห็นถึงไม่มากแต่ก็สามารถทำให้เขาน้ำลายเหนียวคอขึ้นมาได้