ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RE;My Best Friend

    ลำดับตอนที่ #10 : My Best Friend 10 : Blind fish

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 39
      1
      23 ม.ค. 62

    My Best Friend

    10

    Blind fish ; ปลาตาบอด

    เลิกบ้าได้ยัง?

     

     

     

    ปลาสีแดง..ที่มีปากมนุษย์ ลอยอยู่บนอากาศ

     

    สีจัดจ้านไหวพลิ้วเหมือนเป็นชายผ้าแพร ดวงตาของมนุษย์ที่ดูเป็นลวดลายน่าสยองหลุกหลิกไปมาคนละทางเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน มันมองเมก้าสลับกับไรส์ ตองและภูมิเหมือนกำลังประเมินค่าบางอย่าง เมก้าแทบกลั้นหายใจ เขาหยุดกึ่กทันทีที่ได้ยินเสียงทำนองอันไม่น่าพิสมัย

     

    “โพงพางเอ๋ย ปลาเข้าลอด ปลาตาบอด ไม่ไหนไม่รอด.... โพงพาง

    ปลาเป็นหรือปลาตาย? ปลาอะไรจงเลือกมา”

     

    ไม่ทันที่ตองจะตอบรับไปว่า ปลาเป็น  ก็มีเสียงหัวเราะอันไร้เดียงสาของเด็กเล็ก ๆ ดังคลอขึ้นมากับท่าทางของทั้งสี่ เสียงนั้นชวนให้นึกถึงความต่ำช้าอย่างไร้เดียงสา เหมือนเช่นเหล่าเด็ก ๆ ที่เล่นผ่าสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มีความประสงค์ร้ายใด ๆ เจืออยู่ทั้งสิ้น เป็นแค่ความไร้เดียงสาที่ชั่วร้าย

     

    เสียงนั้นเองที่แย่งคำตอบไปจากปากตอง

     

    “ปลาตาย...หยุดอยู่กับที่”

     

    กึ่ก..

     

    ทั้งสี่นิ่งไปเหมือนเป็นการตอบสนองตามสัญชาติญาณ เหมือนเวลาเห็นไฟแดงกะทันหันตอนที่ข้ามถนน เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงตรงคาง ความกดดันทำให้หนาวสันหลังอย่างน่าประหลาด

     

    เกมโพงพาง..

     

    ไม่ต้องมีใครอธิบายก็เข้าใจได้ทันที ถึงอย่างนั้น กระดาษที่แปะไว้บนแท่นกระโดดน้ำก็ช่วยทำให้ข้อสันนิษฐานกลายเป็นความมั่นใจ เมก้ามองกระดาษที่เขียนว่า โพงพาง นั่นด้วยความแปลกใจ เขาคิดว่าเขาดูทั่วแล้วตอนมาถึงที่นี่ สาบานได้ว่าไม่เห็นกระดาษสักแผ่น ทว่า เมื่อละสายตาจากคนที่ชื่อดรีมแล้วหันไปมองอีกที กระดาษแผ่นนั้นก็ปรากฏขึ้นมา

     

    คำใบ้? ไม่สิ นั่นมันชื่อเกมเลยไม่ใช่รึไง..

     

    ถึงจะสงสัยแต่ก็พูดอะไรออกไปไม่ได้ เขากลั้นหายใจมองพวกปลาที่ว่ายบนอากาศพร้อมคิดว่าถ้านี่เป็นเกมโพงพาง ปลาพวกนั้นเป็นคนหา...ซึ่งน่าจะใช่เพราะหลับตากันอยู่ ส่วนพวกเขาเป็นคนซ่อน หากปลาพวกนั้นเจอจะเป็นยังไง..

     

    ถ้าหาเจอก็ต้องทายต่อว่าที่จับได้เป็นใคร ถ้าทายผิดคนหาก็ต้องเป็นต่อไป

     

    แต่ถ้าทายถูก.......

     

    ไม่น่าจบแค่ไปเป็นคนหาแทนปลาแน่ ๆ  ...

     

    คิดแล้วเขาก็กลั้นหายใจ ปลาพวกนั้นมีสติปัญญาหรือเปล่า พวกมันรู้จักชื่อทั้งสี่คนไหม แล้วจะชนะเกมนี้ได้ยังไง ความคิดพวกนั้นลอยวนอยู่ในหัวของเพื่อนอีกสามคนของเขาเช่นกัน ทั้งสี่มองกันเหมือนอยากจะสื่อสารบางอย่างแต่คุยกันไม่เข้าใจ ลมหายใจที่กลั้นไว้เพื่อไม่ให้สัตว์ประหลาดเหล่านั้นรับรู้ ไม่รู้ว่ามันใช้ประสาทสัมผัสแบบไหนจับความเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนั้นจึงต้องงดการขยับอวัยวะทุกส่วนลง

     

    ถ้าคิดแบบมีเหตุผลตามกติกาของโพงพาง มีสิ่งที่ต้องทำสองอย่าง หนึ่ง ห้ามขยับ สองหากถูกจับได้ ต้องระวังไม่ให้อีกฝ่ายทายถูก ทั้งสี่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ตรงนี้มีผู้หญิงสอง ผู้ชายสอง โอกาสเป็น 50-50 แต่ทางฝั่งผู้หญิง ตองมัดผม ส่วนไรส์ปล่อยผม และไรส์จะมีแผลที่หู ถ้าจับได้ตัวผู้หญิงก็จบเห่ ทายถูกได้ทันที

     

    ปัญหาคือ...อีกฝั่งรู้ชื่อทางนี้ไหม?

     

    แน่นอนว่าต้องรู้แน่ เพราะตั้งแต่เข้ามา ทุกคนเรียกชื่อกันไปมาหลายครั้งแล้ว ไรส์แทบจะก่นด่าความไม่รอบคอบของตัวเอง ปลาทองสีแดงสะบัดครีบพลิ้วไหวผ่านเมก้าไป มันว่ายวนรอบตัวตองก่อนจะผละไปหาไรส์ ครีบสีแดงแตะโดนตัวภูมิ

     

    ทุกคนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม โดยเฉพาะภูมิ ปลาสีแดงแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวสีขาวคมกริบเรียงราย ฟันขาวเหมือนกับมนุษย์แต่คมกริบเหมือนสัตว์กินเนื้อขยับพลิ้ว ไรส์เกือบจะสบถอะไรออกมา ดวงตาสีอำพันมองไปรอบ ๆ เสาะหาอุปกรณ์ช่วยผ่อนแรง

     

    มีสวิงอยู่แถวแท่นกระโดดน้ำ น่าจะเอาไว้ใช้เก็บของที่ตกลงไปในสระ

     

    แต่ว่าอยู่ไกลมาก วิ่งไปไม่ทันแน่

     

    “เจอแล้ว~เจอแล้ว~ ใครเอ่ย นี่ใครเอ่ย?”

     

    เสียงที่ไร้เดียงสานั่นหนาวสันหลังเหลือเกิน ภูมิหลับตา เหงื่อแตกท่วมตัว ครีบอ่อนนุ่มพลิ้วโดนแขนจนขนลุกชัน ความเกลียดชังทางกายภาพก็มากพอจะทำให้เข่าอ่อนเป็นลมล้มพับไปได้อยู่แล้ว นี่ยังมีเขี้ยวอีก ลมหายใจที่สั่นเทายิ่งทำให้ปลาได้ยินเสียง และเดาถูกคนได้มากขึ้นไปอีก

     

    เด็กหนุ่มหลับตา เขาคงไม่รอดแล้ว อย่างน้อยก็ไม่อยากให้มันทรมานมากนัก

     

    แปะแปะแปะ!

     

    “ “ “ …..!!! ” ” ”

     

    เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นจากตรงไหนสักแห่ง มันก้องไปทั่วบริเวณสระน้ำจนจับทิศไม่ได้ ภูมิ เมก้า ไรส์ ตอง กลั้นหายใจ ปลาสีแดงก็หันครีบและตัวไปรอบ ๆ ปลาตัวอื่นก็มองตามด้วย ลวดลายของน้ำสะท้อนแสงเป็นริ้วอยู่บนเพดาน ทั้งสี่คนรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิเย็นลงจนหนาวสันหลัง ปลาว่ายผละจากภูมิ มันว่ายวนไปรอบ ๆ คล้ายเป็นสัญญาณสื่อสารกับฝูงปลา ปลาหลากสีโทนร้อนว่ายขึ้นมาจากสระ พวกมันลอยอยู่ในอากาศ เว้นระยะห่างกันพอประมาณอย่างเรียบร้อย

     

    บรรยากาศกดดัน พวกปลาแสดงความเป็นศัตรูต่อเจ้าของเสียงนั้นอย่างชัดเจน

     

    “........”

     

    ตองส่งสายตาไปบอกคนอื่นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว ไรส์เองก็มองไปทางประตูที่ดรีมพาเพื่อนทั้งสองเดินจากไปเหมือนจะบอกว่าหากต้องวิ่งให้ไปทางนั้น ท่าทางของภูมิตอนนี้ดูราวกับสัตว์ระวังภัย เหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบตัว ความเงียบปกคลุม ปกคลุมอย่างยาวนานจนน่าอึดอัด

     

    เมก้าหายใจสั้น ๆ ในตอนนั้นเองก็เกิดเสียงดังต่อเนื่อง ทำเอาเอาเขาแทบสำลักอากาศที่หายใจเข้าไป

     

    แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ! แปะ!

     

    แปะ!!!!!!!!!!!!

     

    พรึ่บ!

     

    “จังหวะนี้ กูแตกตื่นได้แล้วเนอะ”

     

    ร้องเท้านักเรียนสี่คู่ไถลพื้นที่มียางกันลื่น ขอบคุณแผ่นยางที่เพิ่มแรงเสียดทาน ลดความน่าจะเป็นในการวิ่งแล้วลื่นหัวแตกลงได้มาก ไรส์หลุดพึมพำคำพูดสุดแสนจะเป็นกันเองออกมา สีหน้าสุดจะทนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ว่าพร้อมสูดลมหายใจ ทั้งสี่เตรียมตัวรับแรงปะทะทั้งทางกาย ทางใจ และทางหู

     

    “ “ “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!! / ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” ” ”

     

    ปึ้ด...ปึ้ด........

     

    ไม่มีใครสนใจเกมโพงพางอีกต่อไป ร่างทั้งสี่ในชุดนักเรียนออกแรงวิ่งสุดชีวิตไปยังประตูสระว่ายน้ำที่ดรีมเปิดเข้าไป... และยังเป็นประตู ที่เมก้ากับตองเปิดเข้ามาด้วย การวิ่งนั้นมีทิศสวนทางกับเจ้าของเสียงปรบมือที่พุ่งตรงเข้าหาฝูงปลาด้วยความเร็วสูง พวกมันวิ่งเข้าหา และฉีกทึ้งร่างของปลาอย่างโหดเหี้ยม นิ้วสีขาวคว้าปลามาเหมือนกำลังโกรธและบิดบี้ให้สีแดงกับสีดำไหลทะลักล้นจากปากแผลน่าสะอิดสะเอียน ภูมิจับลูกบิดไว้และชะงักจนถูกเพื่อนผมน้ำเงินด่าเอา

     

    “ชะงักทำไมวะ รอพ่อตัดริบบิ้นหรอไอ้คุณภูมิ เปิดประตูสิว้อย!!!!!”

     

    “ไม่ ๆ เดี๋ยว.....ถ้าเด็กนักเรียนพวกนั้นจะเข้าไปรุมทึ้งปลา แปลว่าเขาก็ต้องเป็นพวกเราดิ แบบศัตรูของศัตรูคือมิตรแท้อ่ะ? ข...เขาอาจจะเป็นพวกเดียวกับเราก็ได้”

     

    “หา?”

     

    “บางที...บางทีพวกเขาอาจจะเป็นเหมือนพวกเรา......ถูกลากเข้ามาในที่แบบนี้.......”

     

    หน้าไรส์ตอนนี้เหมือนอยากด่าและทำร้ายร่างกายไปพร้อมกัน ตองหันมองร่างนักเรียนนับร้อยที่พุ่งเข้าใส่พวกปลา ร่างที่ลอยสูงจากพื้นมีความแค้นอย่างลึกซึ้ง เด็กนักเรียนที่ผมยาวปิดหน้าทุกคนมีผิวขาวซีดเกินไปจนดูราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ทุกส่วนของร่างกายห้อยลง มีแค่หัวทั้งตรงกับลำคอเหมือนตุ๊กตาเท่านั้นที่ดูมีชีวิต แต่ก็คล้ายจะไร้วิญญาณเต็มที ไม่ว่าจะมองยังไง ร่างนั้นก็ชวนให้นึกถึงหุ่นชักใย

     

    ปึ้ดปึ้ดปึ้ดปึ้ด

     

    เสียงบี้เละ ๆ ดังไปทั่วเมื่อมือขาวซีดจับตัวปลาที่อ่อนนุ่มแล้วจับฉีกเป็นชิ้น ๆ  พวกอวัยวะภายในของปลากองเกลื่อนพื้น เป็นภาพที่ป่าเถื่อนเกินไป เสียงนั้นมันแยงเข้ามาในประสาทการรับฟังจนตองต้องปิดหู นั่นไม่ใช่ภาพของสิ่งที่น่าคบหาด้วยสักนิด อย่างน้อยเมก้าก็คิดแบบนั้น จำนวนของนักเรียนที่มากกว่าปลาทำให้ปลาถูกฆ่าล้างด้วยความเร็วสูง

     

    ฉีกปลาผีด้วยมือเปล่า... แปลว่าพวกนี้อันตรายกว่าพวกปลา

     

    ตองลงข้อสรุปเช่นนั้น ซากปลาเกลื่อนกระจายเต็มพื้น พวกมันส่งกลิ่นคาวเหมือนขยะสด ปลาตัวสุดท้ายถูกฉีก ร่างในชุดนักเรียนหญิงปล่อยเศษชิ้นส่วนสีสดใสลงพื้น แล้วเสียงที่รบกวนหูอย่างบ้าคลั่งก็สิ้นสุดลง มันเงียบราวกับไม่มีเหตุอึกทึกใด ๆ มาก่อน ทุกอย่างหยุดนิ่ง  ไม่มีสิ่งใดขยับแม้แต่พวกเขาที่ยังมีชีวิตทั้งสี่คน ร่างที่เหมือนถูกชักใยแข็งค้างกลางอากาศ เป็นภาพที่ชวนให้หวาดกลัวมากกว่ายินดี

     

    ราวกับประกาศปลายทางอันเงียบงันของการแก้แค้น ความว่างเปล่าแผ่กว้างต้อนรับจุดจบที่ไร้ความหมาย

     

    เมก้ามองเลิ่กลั่กเหมือนจะถามว่าให้เอาไง เพราะตัวเขาอยู่หลังสุดในตอนนี้ หากมีอะไรก็ต้องเป็นคนแรกที่ตื่นตัว จะหนีหรือการ์ด ยังไงก็อยากให้นัดแนะกันก่อน ตองยังอุดหูอยู่ท่าเดิมคล้ายจะไม่เชื่อว่าทุกอย่างสงบลงแล้ว ไรส์กระพริบตา ไม่ได้ขยับตัวเช่นกัน มีแค่ภูมิที่เอ่ยออกมาเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่นี้เสียงสั่น  

     

    “เห็น...เห็นไหม......หยุดแล้ว ไม่มีอะไรเลย.....”

     

    พรึ่บ!

     

    ทุกร่างหันมาทันทีที่ภูมิพูดจบ อากัปกริยาเหมือนตุ๊กตาที่โดนบิดหัวจนสุด ยังคงมองไม่เห็นใบหน้าอีกเช่นเคย ภูมิหุบยิ้มทันใด ส่วนคนที่เหลือขวัญหนีดีฝ่อไปตั้งแต่มันหันหน้าแล้ว นักเรียนเกือบร้อยคนที่อัดกันอยู่บนเพดานเริ่มหัวเราะเสียงแหลม แหลมขึ้นและสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไรส์เริ่มรู้สึกดีใจเพราะเหลือหูอยู่ข้างเดียว ในเสียงหัวเราะมีทำนองที่ก้องเบา ๆ ปนอยู่

     

     “โพงพางเอ๋ย ปลาเข้าลอด....”

     

    คนผมน้ำเงินเป็นคนที่หัวเสียอีกครั้ง เธอแกะมือภูมิออกจากลูกบิด เสียงที่ชวนขนหัวลุกกว่าเดิมดังขึ้นเรื่อย ๆ และร่างของเด็กนักเรียนก็เริ่มมีน้ำหนองไหลทะลัก พร้อมบาดแผลคล้ายถูกเชือกลายตารางบาดเนื้อ เป็นรอยของปลาที่ถูกตาข่ายรัดพันจนเกิดแผลสด บางคนมีแผลเหมือนถูกกัด รอยกัดของปลาที่ไม่ลึกกินบริเวณไปทั่วผิวหนัง นั่นต้องเป็นรอยของการจงใจละเลียดกินไม่ให้ตายในทันทีแน่ ๆ ถูกกินทั้งเป็นอย่างโหดร้าย แล้วคอยระวังรักษาแผลไว้ไม่ให้ถึงชีวิตไปด้วย เป็นรอยที่น่าชิงชังแบบนั้น

     

    ถ้าให้เดา พวกเขาน่าจะเป็นคนที่ตายเพราะเกมนี้ ไรส์สบถและดึงประตูไปด้วย ตอนนี้เธอหัวเสียจนเหมือนสติแตกไปแล้ว ตะคอกใส่ภูมิลั่น ทั้งที่ปกติจะเลวร้ายแค่ไหนเธอก็ไม่ตะคอกใส่เพื่อนที่ไม่สนิท แต่ตอนนี้กับเพื่อนห่าง ๆ อย่างภูมิ... ไรส์แทบจะจิกเล็บที่มือให้อีกฝ่ายปล่อยลูกบิด

     

    “หนีเสือปะจระเข้ไหมล่ะมึง! เป็นมิตรที่หน้าพี่อ่ะสัส ไปผูกมิตรกะมันไหมล่ะ!!”

     

    “เออ ขอโทษ เลิกบ่นแล้วเปิดประตูเถอะน่า!!”

     

    “เชี่ย มันติดอะไรไม่รู้!” ไรส์เขย่าประตูก่อนจะเตะมันแล้วก่นด่าสำทับ  “ประตูเวร! เปิดสิวะ!! เดี๋ยวก็พังแม่งเลย!!!”

     

    “ใจเย็น! ถ้าประตูพังนี่ซวยกันหมดเลยนะ!!”

     

    “แล้วนี่ยังไม่ซวยพอรึไง!! หลบไปตอง โดนผีแดกหรือประตูทับตาย จะห่าอะไรก็ไม่เอาโว้ย!! แล้วพวกมึงจะจับกูทำไม เห็นแล้วไม่ใช่หรอว่าไอ้เชี่ยนั่นมันอันตรายขนาดไหน หลบไป! ไม่พังก็ตายมันตรงนี้แหละ!”

     

    เพี๊ยะ!

     

    “........!”

     

    ใบหน้าของเธอหันไปด้านหนึ่ง เสียงที่โวยวายพลันหยุดทันที ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของทั้งสี่ก็หยุดลงด้วย ทั้งคนที่คอยจับและคนที่โวยวายนิ่งสนิทไปคล้ายกำลังช็อค

     

    ฝ่ามือขาว ๆ ที่ตบเข้าหน้าไรส์อย่างจังสั่นริก เจ็บสะเทือนไปถึงแผลตรงหู ความเจ็บที่สะเทือนรุนแรงนั้นทำเอาหูอื้อ ทั้งภูมิและเมก้าที่ล็อคตัวไรส์ไว้ส่งเสียงซี้ดในคอเหมือนจะเดาได้ว่านั่นเจ็บมาก เลือดหยดลงพื้นเปาะแปะ ๆ  ตองกำหมัดแน่นคล้ายจะประกาศว่าถ้าเพื่อนยังไม่สำรวม มือก็พร้อมจะประทุษร้ายร่างกายอีก สายตาของคนผมหางม้าดูเจ็บปวดและจริงจัง

     

    “เออดี อย่างน้อยก็ไม่ตายคนเดียว”

     

    “..........”

     

    “เลิกบ้าได้ยัง?”

     

    รอยแดงประทับอยู่บนแก้ม คนโดนตบเบิกตากว้างเหมือนไม่เชื่อ แต่หลังผ่านความเงียบงันที่ไม่มีใครกล้าแทรกกลาง ไรส์ก็พยักหน้าตอบอีกฝ่าย ท่าทางหน้าเสียขึ้นมา เธอหน้าชา ไม่ใช่แค่เพราะถูกตบ แต่เป็นเพราะไม่คาดคิดว่าตองจะทำแบบนี้ ไม่มีใครคาดคิด...เพราะปกติตองจะเป็นคนเงียบ ๆ เรียบร้อย เธอไม่เคยใช้ความรุนแรงกับเพื่อน

     

    ครั้งนี้คงสุดจะทนจริง ๆ  เธอเห็นสภาพที่บุบสลายของธัญญ์แล้ว และไม่ต้องการให้เพื่อนรักกลายเป็นแบบนั้นไปอีกคน ในสถานการณ์ตอนนี้การควบคุมสติเป็นสิ่งที่สำคัญ หากปล่อยตัวไปตามสถานการณ์ ก็คงไม่พ้นที่ลงเอยกลายเป็นสิ้นสติไม่ก็ตายลงอย่างน่าสังเวชแน่

     

    “ถ้ารู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นของจริงก็สู้กับมันสิ จะยอมให้มันชนะหรอ จะยอมตายเฉย ๆ ทั้งแบบนี้โดยไม่ดิ้นรนจนถึงที่สุดเลยหรอ? จะบ้าก็ให้มันพอดีหน่อย”

     

    “......”

     

    ทั้งสองหนุ่มได้แต่เงียบ เป็นอีกครั้งที่ไม่กล้าไปขัดผู้หญิงคุยกัน เห็นแบบนี้แต่ดูเหมือนสาว ๆ จะนิยมความรุนแรงยิ่งกว่าพวกเขาอีก ไม่สิ ไม่เข้าใจเลย เอาเป็นว่าเรื่องของผู้หญิง ให้ผู้หญิงด้วยกันจัดการดีกว่า ไรส์ที่ดูสงบลงกว่าตอนแรกมากขึ้นเม้มปากแล้วเอ่ยขอโทษ

     

    “ขอโทษ...”

     

    “ไม่เป็นไร ตั้งสติไว้ดี ๆ นะ เราจะต้องไม่เป็นไร”

     

    ตองบีบมือเพื่อนสาว เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่นหนึ่งครั้งและตบหลังไรส์ สายตาของตองดูมีความมุ่งมั่นมากกว่าตอนแรกเสียอีก สิ่งนั้นทำให้เพื่อนอย่างไรส์กำมือแน่น ยอมปล่อยให้ความกลัวบงการตัวเองซะได้ เป็นสภาพที่นาสมเพชจริง ๆ

     

    ภูมิที่เห็นว่าบรรยากาศสงบลงแล้วจึงพยักหน้าเพื่อกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง “แล้วจะทำยังไงต่อ ประตูเปิดไม่ได้ เราจะไปทางไหนดี”

     

    “คงต้องไปประตูอีกด้าน พวกเราออกประตูที่ไรส์เข้ามาแล้วกัน”

     

    “แล้วเกมโพงพาง....?”

     

    “พวกปลาตายแล้วนี่ น่าจะเรียกว่าจบได้แล้วมั้ง”

     

    ตองกลืนน้ำลาย จะเรียกว่าจบได้หรือเปล่ากับสภาพที่เละเทะนี่ เครื่องในปลาส่งกลิ่นคาว สระน้ำมีบรรยากาศเหมือนตลาดสดตรงกลิ่นคาวปลานั่น เป็นสภาพที่เรียกว่าจบด้วยดีไม่ได้เลย...แต่ก็แค่จบไม่ดีเท่านั้น ยังไงเสียก็เรียกว่าจบลงได้แล้ว น่าจะสรุปได้แล้วว่าเกมจบลง เพราะผู้เล่นฝั่งหนึ่งตายแล้ว

     

    เมก้าตั้งใจจะทักท้วงบางอย่างแต่ก็หุบปากลงด้วยสาเหตุบางอย่าง เขาลอบสังเกตทุกคนเงียบ ๆ เหมือนกำลังชั่งใจตัวเองหาการปฏิบัติตัวที่ดีที่สุดอยู่

     

    ในขณะที่ตองตั้งท่าจะก้าวขา เสียงพึมพำแทบไม่ได้ศัพท์ก็ลอยมากระทบหู เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ แบบขาด ๆ เกิน ๆ นั่นทำให้ขนลุกชัน น้ำเสียงก็แห้งแล้งราวกับมีใครมาบีบคอคนพูดไว้ แต่เสียงเหล่านั้นดังชัดเจนในความมืดของมุมหนึ่งในสระน้ำ เสียงจากร่างที่ลอยเหนือพื้นเป็นทำนองที่บิดเบี้ยว ทำนองนั้นเหมือนการฝืนร้องโดยไม่รู้ทำนองต้นฉบับ

     

    พางเอ๋ยโพงเอ๋ยลอดโพงพางเอ๋ยโพงโพงไปไหนไม่รอดปลาโพงโพงพางปลาเอ๋ยลอดโพงพางปลาลอดลอดเข้าโพงพางปลาลอดปลาปลาปลาปลาโพงพางบอดเข้าลอดโพงพางไปไหนไม่รอดไปไหนไม่รอดไปไหนไม่รอดตาลอดปลาตาบอดปลาเอ๋ยปลาไปไหนไม่ไม่รอดโพงพาง

     

    ขนลุกเกรียว หนาวสันหลังกับเสียงนั้น มีเจตนาร้ายลอยอยู่ในอากาศ เมก้าชะงักเท้าหันมองทุกคน สถานการณ์ดูไม่น่าไว้ใจ ทำไมคนพวกนั้นถึงร้องเพลงโพงพางมันหมายความว่าเกมยังไม่จบไม่ใช่หรือ? ตองนิ่งตาม เธอรอสองถึงสามนาที เสียงพึมพำเหมือนยุงบินนั้นยังดังต่อไป ถึงจะร้องพึมพำ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าจะขยับตัวเข้ามาหาหรือเปลี่ยนที่เลย

     

    แค่พึมพำเพราะจำเกมนี้ได้เฉย ๆ หรือเปล่านะ?

     

    ตองคิดแบบนั้น หลังจากรอดูท่าทีอีกราวหนึ่งถึงสองนาที ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวของร่างพวกนั้นที่ลอยเหนือพื้น ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะลองเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูอยู่ไกลพอสมควร ควรเคลื่อนตัวไปช้า ๆ ก่อน ไปให้ช้าที่สุดให้เหมือนไม่ได้ขยับเลยล่ะ แล้วถ้าเกิดเรื่องอะไรก็วิ่งสุดแรงเกิด ใช่ วิ่งอีกแล้ว วิ่งจนอยากได้เหรียญทองโอลิมปิกเลยตอนนี้

     

    ถึงจะถูกจ้องจากสายตานับร้อย แต่หากไม่ขยับก็คงได้แต่ติดแหง่กอยู่แถวนี้ มีแต่ต้องลองเท่านั้น ตองเองก็ไม่อยากจะอยู่กับซากปลาพวกนี้นาน กลิ่นคาวของเครื่องในติดจมูกจนหายใจติดขัดไปหมดแล้ว

     

    ตองส่งสัญญาณมือให้เพื่อน ๆ บอกให้ขยับตัวช้า ๆ ไปทางประตู

     

    ทั้งสามก็พยักหน้ารับ พวกเขาค่อย ๆ ก้าวตามไปโดยมีเมก้านำหน้า ผืนน้ำส่องสะท้อนสีดำของท้องฟ้าเกิดประกายคลื่นที่มองไปแล้วเห็นภาพหลอนว่าเป็นสีแดง สีที่เข้มข้นและสดจัดจนน่ากลัวไหวพร้อมเสียงที่ตามมา

     

     

    “ผิดกติกา”

     

     

    !!”

     

    เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่ตอบสนองต่อเสียงแหบต่ำนั้นด้วยการสะดุ้งโหยง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร จู่ ๆ ศีรษะของนักเรียนหญิงคนหนึ่งก็ระเบิดออกเสียงดังโพล๊ะ เหลือเพียงร่างไร้หัวที่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพ แขนมีเกล็ดละเอียดแทงทะลุผิวขึ้นมา ครีบปลาแผ่อยู่บนหลัง แทงเส้นประสาทและชั้นผิวที่มีเนื้อสีแดงเป็นมันออกมา นิ้วหลอมละลายแล้วก็แข็งตัวเป็นเยื่อบาง ๆ แทรกระหว่างนิ้วสองนิ้ว ลักษณะของมันคล้ายครีบปลาบริเวณข้างลำตัว ตัวบวมออก มีเกล็ดมหาศาลแย่งกันแทงทะลุผิวหนังออกมา

     

    แล้วในพริบตา มนุษย์ก็กลายสภาพเป็นปลาทองด้วยวิธีการเปลี่ยนแปลงที่เลวร้ายที่สุด

     

    ร่างกายนั้นเปลี่ยนแปลงด้วยการถูกกัดกินจากภายใน....หรือก็คือมีปลาทองอยู่ในร่างกายของเด็กพวกนี้ ไรส์ที่อยู่อาการกลัวตอนแรก ตอนนี้รู้สึกคลื่นไส้สะอิดสะเอียนจนแทบบ้า... เอาไข่ปลาใส่เข้าไปในตัวคน แล้วรอจนโตเพื่อออกจากสถานอนุบาลด้วยวิธีลอกคราบ

     

    เป็นภาชนะที่น่าขยะแขยงเหลือเกิน

     

    กลิ่นคาวคลุ้งแรงขึ้น เสียงพึมพำที่กระจัดกระจายในตอนแรกกลายเป็นเสียงต่ำ ๆ ที่พูดพร้อมกันว่า ผิดกติกา และทุกครั้งที่พูด ก็จะมีร่างของใครคนหนึ่งระเบิดออก กลายเป็นปลาทองพวกนั้น เหมือนกับเอาภาพการแก้แค้นของพวกปลาที่ถูกฉีกขยี้มาฉายให้ดู พวกคนที่ทำลายปลาทองค่อย ๆ ระเบิดศีรษะไปทีละคน

     

    โพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะโพล๊ะ

     

    เสียงรบกวนการได้ยินอันบ้าคลั่งดังขึ้นอีกครั้ง เป็นรอบที่สองแบบติด ๆ กันที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ถึงอย่างนั้นในสี่คนที่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครเลยที่จะชินกับมัน นักเรียนทั้งสี่คนยกมือปิดหูและหลับตา ถึงจะลบภาพอันน่าสยดสยองในหัวไม่ได้ แต่ก็ขอไม่รับรู้ให้ได้มากที่สุดเถอะ

     

    สิ่งที่ตามมาหลังเสียงอึกทึกหยุดลงคือเสียงต่ำ ๆ ในโทนของผู้หญิง

     

    “ผิดกติกา ปลาตายหยุดอยู่กับที่”

     

    ปลาทองตัวใหญ่ตัวหนึ่งพูดออกมา มันเหมือนจะเป็นปลาตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาปลาทั้งหมด ครีบสีแดงพลิ้วขยับเหมือนอารมณ์ไม่ดี ปลาทองที่ถูกฆ่าโดยคน แล้วก็คนที่ถูกฆ่าโดยปลาทองค่อย ๆ หลอมละลายแล้วซึมหายไปในพื้นดิน เหลือเพียงสิ่งที่ยังมีชีวิตหรือขยับได้เหมือนมีชีวิตอยู่ ณ บริเวณสระน้ำนี้เท่านั้น

     

    บ้าจริง เกมยังไม่จบ

     

    ตองสบถในใจ ท่าทางการเล่นเกมพวกนี้จะสำคัญ และพวกเธอทั้งสี่คนก็ได้ทำผิดกติกาไปแล้ว ตองไม่คิดว่าจะมีเกมลงโทษอะไรน่ารัก ๆ รออยู่แน่นอน สายตาจับจ้องประตู ยังไปไม่ถึงครึ่งทาง ประตูอยู่ไกลไป วิ่งเร็วแค่ไหนก็ไปไม่ทัน ตอนนี้เธอคิดได้สามทางเลือก

     

    หนึ่ง ฝืนเปิดประตูที่ดรีมเข้าไปให้ได้....อันตราย อาจทำให้ประตูเสียหายได้

     

    สอง วิ่งไปให้ถึงประตู....ดูจากสภาพแล้ว ไม่น่ามีใครวิ่งทัน

     

    สาม ใช้ใครสักคนล่อไว้ให้อีกสามคนหนีไป......

     

    เด็กสาวสะบัดหน้าทันที ไม่ได้เด็ดขาด วิธีที่สามนั่น ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ใช้ มันเห็นแก่ตัวเกินไป แล้วจะไปทิ้งใครสักคนให้ตายได้ยังไง....มีหวังรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ไม่เอาเด็ดขาด เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านมือ ตองพูดออกไปด้วยท่าทีที่แสร้งทำเป็นถือไพ่เหนือกว่าสุดชีวิต

     

    “ถ้าจะหาเรื่องกันในเรื่องการผิดกติกาล่ะก็ ทางนั้นก็ลืมตาก่อนจะทายชื่อถูกไม่ใช่หรอ? ละเมิดกติกาก่อนแล้วมาเรียกร้องแบบนี้มันก็ยังไงอยู่นะ”

     

    “.......”

     

    พวกปลาเงียบไปเหมือนยอมรับ ใช่ ในวินาทีที่พวกนักเรียนปรากฏตัว พวกปลาบางส่วนลืมตาขึ้นมองหาตำแหน่งของฝั่งตรงข้าม เป็นการกระทำที่ผิดกติกา ตองยกยิ้มขึ้นมาเพราะเห็นแววว่ามีทางที่จะรอดจากเกมนี้ไปได้แล้ว เธอกันเพื่อนทั้งสามคนไว้ข้างหลังแล้วยืดอกอย่างห้าวหาญ

     

    “แบบนี้ก็ถือว่าเกมเป็นโมฆะ ถูกไหม ปล่อยพวกเราออกไปได้แล้ว!

     

    อีกสามคนที่ถูกป้องกันตกใจตาโต อย่างที่ตองบอกจริง ๆ ทั้งสองฝ่ายทำผิดกติกา ยังไงก็ต้องผลเป็นโมฆะ แต่ถึงอย่างนั้น....ถึงตองจะแย้งออกไป แต่ว่า.....

     

    “.........ไม่ได้”

     

    พวกปลาตอบมาในทันที ใช่ ถึงผลจะเป็นโมฆะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเลิกเกมแล้วแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัยได้ ถ้าทางปลาผิดกติกาฝั่งเดียวยังพอปล่อยผ่านไปได้อยู่ แต่เพราะทั้งสี่คนเองก็ละเมิดกติกาทำให้มีความผิดเท่ากันในฐานะผู้เล่น ไม่มีทางที่ตองจะคิดไม่ถึงตรงนี้ เธอแค่นยิ้มขึ้นมามุมปาก

     

    “งั้นฉันขอเสนอให้เล่นเกมใหม่อีกครั้ง”

     

    “ตอง!?”

     

    “แต่ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนหา เพราะทางนั้นได้เป็นฝ่ายหาก่อนไปแล้ว แฟร์ไม่แฟร์?”

     

    ตองไม่ตอบอะไรไรส์ที่หันมาถลึงตาใส่ สีหน้าเหมือนมีแผนในใจแต่อมพะนังไม่บอกเพื่อนทำให้ไรส์ใช้ศอกสะกิด แต่ตองไม่ได้ทำอะไรมากกว่าหันมาตีไหล่เพื่อนอย่างหนักแน่นเน้น ๆ จนเพื่อนสาวทำตาเขียวใส่ เมก้ากับภูมิอายคอนแทคกันเหมือนจะคุยทำความเข้าใจว่าตองจะทำอะไร แต่ก็ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัวว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ถึงเสนอแบบนั้นออกไป

     

    “ตกลง แต่เธอต้องเป็นคนหาคนเดียวนะ”

     

    ปลารับคำออกมาง่าย ๆ แล้วพวกมันก็ลดระดับความสูงลงมาระดับเดียวกับทั้งสี่ ปลาดันให้อีกสามคนถอยออกมาแล้วล้อมรอบตัวตองพร้อมกับมัน ภูมิที่สับสนที่สุดตอนนี้มีสีหน้าต้องการคำตอบมาก ๆ  เกมนี้มันคลุมเครือเกินไป ทั้งกติกา วิธีเอาชนะ เงื่อนไขการจบ ไม่มีอะไรที่ถูกกำหนดให้รับรู้ร่วมกันเลยสักอย่าง แล้วแบบนี้จะหาวิธีชนะได้ยังไง ยิ่งเดินหมุนไปรอบ ๆ ก็ยิ่งไม่เข้าใจ ตองจะทำอะไรกันแน่?

     

    เสียงร้องเพลงดังขึ้นอีกครั้ง

     

    “โพงพางเอ๋ย ปลาเข้าลอด ปลาตาบอด ไม่ไหนไม่รอด.... โพงพาง

    ปลาเป็นหรือปลาตาย? ปลาอะไรจงเลือกมา”

     

    “ปลาเป็น ว่ายหนีไปให้ไกล....โอ๊ย!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    ฉึก ปึ้ด ๆ

     

    “เชี่ย!!! / ตอง!!!!!”

     

    ตองร้องขึ้นมาลั่น ภูมิที่อยู่ใกล้ที่สุดวิ่งเข้าไปช่วยประคองเพื่อนสาวไว้ ไรส์เองก็สบถแล้ววิ่งไปทิศเดียวกัน ตองยึดมือของคนใกล้ ๆ เอาไว้  เลือดสีเข้มหยดเปาะแปะเต็มพื้น ในตอนนี้พื้นของสระว่ายน้ำมีเลือดเจิ่งนองอยู่ทุกย่างก้าวแล้ว เมก้าที่ตั้งสติได้คนสุดท้ายรีบวิ่งไปดูตองด้วยอีกคน เมื่อเขาเข้าไปได้ ไรส์ก็คว้าบางอย่างวิ่งเข้าใส่ฝูงปลาโดยใช้อารมณ์โกรธผลักดันไป

     

    “ทำอะไรเพื่อนกู ไอ้พวกปลาห่านี่!!!”

     

    ถึงจะใช้สวิงเหล็กไล่ตี แต่ปลาก็สามารถว่ายหนีไปอยู่ที่สูงได้ ได้ยินเสียงหลอนของเด็กที่หัวเราะไร้เดียงสาอีกครั้ง ปลาตัวที่ไรส์พยายามไล่ขว้างสวิงใส่ลอยขึ้นไปพร้อมคาบลูกบอลกลมใสไว้ในปาก กรุบ ลูกบอลแตกออก ของเหลวสีขุ่นปนแดงไหลอาบลงพื้น

     

    “ไรส์! ไรส์!! ใจเย็นก่อน เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก!!”

     

    “ก็ลงมาฆ่ากูดิ!! กูทนไม่ไหวแล้วนะ! อยู่ดี ๆ ก็พามาเล่นเกมอะไรไม่รู้ แล้วมาทำเพื่อนกูอีก แน่จริงมึงลงมาดิ! ลงมาดิสัส!!! อย่าเอาแต่ลอยไปลอยมา!!!”

     

    เมก้าเป็นคนที่ล็อคคอคนเห่าเป็นหมาอย่างไรส์ไว้ ท่าทางเอาเรื่องมาก แม้จะถูกจับตัวไว้แต่ไรส์ก็ตะเกียดตะกายพยายามจะใช้สวิงโยนใส่พวกปลาให้ได้ แต่พวกปลากลับส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ เยาะเย้ยเธอ สวิงก็ปาไม่โดนเลย พวกปลาส่งเสียงหัวเราะ แล้วว่ายหายไปในความมืดที่ดูราวกับสีน้ำมัน

     

    พอพวกปลาหายไปหมดแล้ว ไรส์ก็ยิ่งอาละวาดหนักกว่าเดิมโดยการลงมือทำลายข้าวของบริเวณนั้น สวิงเป็นเครื่องรองรับอารมณ์แรกที่ถูกปาใส่พื้นจนหักเป็นซีกแหลม ต่อมาก็เป็นแท่นกระโดดน้ำที่ถูกกระทืบจนไม่เหลือซากให้ใช้งาน เมก้าที่ตอนแรกห้ามไรส์ก็ไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป ยิ่งภูมินี่ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วค้นกระเป๋าพยาบาลช่วยรักษาตองเลย

     

    หลังทำลายข้าวของจนพอใจแล้ว ไรส์ก็หอบหายใจ ปาแผ่นโฟมที่โดนเหยียบเละลงพื้นเป็นการสำทับ เธอหันมาดูตองพอดีกับที่ตองพูดออกมา

     

    “ไม่เป็นไร ฉันโอเค”

     

    “โอเคพ่อง ตาหายไปสองข้างเรียกโอเคหรอ!!!!”

     

    ใช่แล้ว ดวงตาของตองถูกปลาทองสองตัวพุ่งเข้ากัดแล้วก็กระชากมันออกมา ตาสองข้างของตองถูกควักออกมาแล้วก็กินเข้าไป นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไรส์โมโหฟิวส์ขาดอยู่ตอนนี้ เธอกำลังสาปแช่งตัวเองว่านอกจากจะให้ตองช่วยดึงสติแล้ว ตอนนี้ยังต้องมาทำให้เพื่อนเสียตาทั้งสองข้างไปอีก ทำไมตัวเองถึงได้เป็นตัวถ่วงขนาดนี้ ทำไม ทำไม!!

     

    ภูมิให้ยาแก้ปวดตองกินแล้วก็ห้ามเลือด พันผ้าพันแผลให้ จากนั้นค่อยประคองตัวอีกฝ่ายให้ยืนขึ้น ตองสูดอากาศดังซี้ดเพราะความแสบที่แผลโดนอากาศ ดวงตามืดบอดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย.. เธอเจ็บใจขึ้นมา แต่ก็ฝืนยิ้ม บอกกับเพื่อนทั้งสามอย่างที่เคยพูดประจำ

     

    “นี่เป็นเกมที่หาทางจบไม่ได้ เพราะงั้น ฉันเลยเสนอเป็นคนหา ไม่มีกำหนดเวลา ไม่มีเขตแดน ไม่มีคนที่แพ้ แล้วก็ไม่ต้องชนะเกม คนที่ประกาศน่ะบอกว่าเตรียมเกมไว้ให้เล่น แต่ไม่ได้บอกว่าต้องชนะเกมนี่ ถูกไหม? พื้นที่กับเวลาก็ไม่มีจำกัด จะไปไหนก็ได้ เพราะงั้นถ้าเป็นคนหา อีกฝ่ายก็จะหายไปแบบตามตัวแทบไม่เจอ โล่งไม่เปราะหนึ่งนะ”

     

    “หรือก็คือ...เดินไปห้องประชาสัมพันธ์ต่อ ทั้งที่ยังไม่จบเกมแบบนี้?”

     

    “ใช่ ให้เป็นแบบนี้ไปจนถึงทางออกเลยก็ยังได้”

     

    “แต่ว่าตาของเธอ........”

     

    ตองเงียบ ไม่ได้พูดอะไรตอบภูมิ ฟังจากน้ำเสียงก็ไม่สามารถจับอารมณ์ได้ เธอกำลังพอใจหรอ เธอกำลังเสียอยู่หรือเปล่าที่เสียสละดวงตาไปแขนคนอื่น ความเป็นจริงที่ว่าไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้วช่างหนักอึ้งเหลือเกิน ต่อให้เป็นเพื่อนที่รักแค่ไหน ยังไงก็รู้สึกเสียใจในผลลัพธ์นี้แน่นอน

     

    “ไปกันต่อเถอะ ห้องประชาสัมพันธ์อยู่อีกไกลนะ”

     

    “.........”

     

    ทั้งสามคนกำมือแล้วก็พยักหน้าตอบ ภูมิช่วยประคองให้ตองเดินไปประตูได้ ส่วนเมก้าเดินนำไปพร้อมก้านสวิงที่ไรส์ทำหัก อย่างน้อยมันก็คงมีคุณสมบัติคล้ายฉมวกเอาไว้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไรส์เป็นคนที่เดินตามมา เธอหยิบเศษไม้ขนาดเหมาะมือสักอันขึ้นมาใช้แทนอาวุธชั่วคราวเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็รู้สึกไร้ค่าที่ไม่สามารถช่วยตองได้ รู้ซึ้งถึงความอ่อนแอของตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย

     

    ในมุมที่มืดที่สุด มีเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคักมาให้เจ็บใจ แต่แม้จะหันไปก็ไม่เจอสิ่งใดเคลื่อนไหวนอกจากผิวน้ำเป็นประกาย

     

    เสียงเพลงอันแสนไร้เดียงสาก้องสะท้อนในสระน้ำที่ว่างเปล่า

     

    โพงพางเอ๋ย ปลาเข้าลอด ปลาตาบอด ไม่ไหนไม่รอด.... โพงพาง

     

    ปลาที่ว่ายเข้ามาติดในโพงพางแล้วจะเป็นยังไงนะ? จะหนีรอดไปจากอวนแหใหญ่นี้ได้ หรือจะถูกจับ ปลาเป็นหรือปลาตาย ปลาอะไรที่พวกเธอจะได้เป็น?

     

    ปึง

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×