คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ทรยศ 14
บางทีชีวิตที่ดีควรจะมีสีสันบ้างให้ได้ซึมซับความรู้สึกที่มีอยู่มากมายบนโลกนี้ ความรู้สึก สนุกสนาน ตื่นเต้น มีความสุข เศร้า เสียใจ หรือจะเป็นความหวาดกลัว ล้วนแต่เป็นความรู้สึกที่สักครั้งในชีวิตที่คนเราควรจะรู้สึก
หากจะให้บรรยายความรู้สึกของคิมฮิมชานตอนนี้คงเป็นหวาดกลัวล่ะมั้ง
เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนฮิมชานตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าข้อมือของตัวเองถูกล็อกไว้กับหัวเตียงที่มีลวดลายสวยงามความรู้สึกเย็นเยือกของเหล็กล้าทำให้ในดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว พอมองไปยังปลายเตียงก็พบคนที่ก่อนจะหมดสติไปนั่งกอดอกนิ่งๆมองมาอยู่ก่อนแล้ว
“ต้องการอะไร” ปีกกล้าขาแข็งเอ่ยออกไปทำลายความเงียบตลอดหนึ่งชั่วโมงที่นั่งๆนอนๆมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ในใจได้แต่คิดวิธีหาทางที่จะสามารถออกไปจากที่นี่แต่ก็ไม่พบหนทางที่จะรอดได้เลย
แขนข้างที่ถูกยิงก็มีผ้าพันแผลเรียบร้อยลองพยายามขยับกระตุกข้อมือออกจากพันธนาการแต่ก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดพร้อมเลือดที่ค่อยๆซึมออกมา
“นึกว่าพูดไม่ได้เสียอีก”
“ก็พูดได้สิ” ฮิมชานขมวดคิ้วแน่น คนตรงหน้านี้จะทำอะไรเค้ากันแน่ “เมื่อไหร่จะปล่อย”
“ผลการตรวจร่างกายของคิมฮิมชาน..” บังยงกุกเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหยิบเอกสารที่อยู่บนพื้นข้างๆขึ้นมาอ่าน “มันเขียนไว้ว่านายได้ทายาสลบชนิดรุนแรงไว้ตามตัว”
“มันไม่เกี่ยวกับนาย” นัยน์ตาหวานสั่นไหวเมื่อถูกเปิดเผยความลับ ความลับที่เค้ารักษาไว้หลายปีตลอดการทำงานเป็นเดิมพันให้กับผู้คนที่มีเงินและฉลาดพอที่จะไม่เอาสิ่งสำคัญมาวางเป็นเดิมพันแต่จ้างเค้าแทน
“ขอโทษด้วยละกันที่ดันรู้ความลับเข้า” แค่นยิ้มออกมาราวกับสำนึกผิด แต่ก็ไม่เลยสักนิดมันทำให้บังยงกุกรู้สึกว่าเค้ากำลังจะเป็นผู้ชนะ
“รู้แล้วยังไงล่ะ”
“ก็ไม่ยังไงหรอก” เมื่อร่างกายสูงเริ่มขยับเขยื้อนเหยื่อตัวน้อยก็เริ่มขยับหนี แววตาฉายแววหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิดเพราอาวุธสำคัญที่จะนำพาร่างน้อยๆรอดพ้นจากภัยอันตรายถูกอีกฝ่ายจับได้
“คนจะทำงานด้วยกันมันก็ต้องบริสุทธิ์ใจกันหน่อย” ยงกุกเดินไปข้างเตียงก่อนจะหยิบมีดพกขึ้นมา
ฮิมชานหลับตาแน่นในหัวคิดไปต่างๆนาๆว่ามีดเล่มนั้นจะกรีดเข้าตรงไหนบนร่างกาย อาจจะกรีดเข้าตรงข้อมือให้ตายอย่างทรมานหรือจะกรีดตรงคอให้หมดลมหายใจอย่างรวดร้าว หรือทางใดก็ตามช่วยฆ่าเค้าให้ตายเร็วๆทีเถอะ
แต่แล้วสิ่งที่กำลังคิดอยู่ก็ผิดหมดเมื่อเชือกที่รัดข้อมืออยู่คลายออก แขนขาวตกลงมาอยู่ข้างตัวแต่ยังไม่ทันจะได้สำรวจความเสียหายร่างก็ลอยหวืดขึ้นบนอากาศ
“เฮ้ย เดี๋ยวๆจะพาไปไหน!” กรีดร้องโวยวายสองแขนก็ดันอีกคนให้ปล่อยตัวเองลง แต่เหมือนแรงโน้มถ่วงจะรุนแรงไปหน่อยทำให้ฮิมชานรู้สึกตัวว่ากำลังจะร่วงลงบนพื้นแข็งๆเลยคว้าเข้าที่ลำคอแกร่งด้วยความรวดเร็ว
ถึงร่างกายจะยังไม่ตกลงไปแต่ใจก็ตกลงไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว พอตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองก็มาอยู่ในห้องน้ำแล้ว ปากอิ่มกำลังจะพ่นคำถามใส่อีกคนแต่ก็ปิดลงเมื่อจู่ๆยงกุกปล่อยiร่างนุ่มนิ่มลงในอ่างที่มีน้ำอยู่เต็มอย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกคนจะระบมไปทั้งตัว
ตูม!
หยดน้ำกระจายท่วมออกมาจากอ่าง ร่างนุ่มนิ่มสำลักน้ำออกมา มือขาวเสยผมขึ้นด้วยความโกรธ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย!”
“เงียบๆหน่อยสิเดี๋ยวข้างบ้านก็แห่กันมาดูนายหรอก” ยงกุกยิ้นกวนๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ฮิมชานมากขึ้นกดคนตัวเล็กกว่าให้นั่งลงไปที่เดิม
“มีให้เลือก2ทางคืออาบน้ำเองหรือจะให้ฉันอาบให้” มือใหญ่หวังจับใบหน้าหวานแต่กลับถูกอีกมือปัดออกอย่างไร้เยื่อใยพร้อมส่งสายตารังเกียจสัมผัสนั้นอย่างจงใจ
บางทีคิมฮิมชานก็ดื้อรั้นจนน่ารำคาญ
“อย่าแตะต้องตัวฉันอีก แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว” ประกาศกร้าวใส่อีกคน
“งั้นต้องจ่ายเท่าไหร่ล่ะถึงจะจับได้”
คนสวยถุยน้ำลายออกนอกอ่างเป็นการเหยียดหยามอีกคนด้วยท่าทางหยาบคายพร้อมก่นด่าออกมา คนอย่างบังยงกุกคงไม่ต้องใช้มารยาทนักหรอก “เก็บความคิดต่ำๆนั้นไว้คิดกับคนอื่นเถอะ”
“เฮ้อ นิสัยไม่ดีเลยนะ” ร่างสูงขยับตัวถอยห่างก่อนจะเริ่มถอดเสื้อของตัวเองออกและพาดมันไว้ที่ราว หันกลับมาสั่งสอนคนนิสัยไม่ดี “สงสัยต้องอาบให้”
“...!”
“เผื่อจะล้างนิสัยแย่ๆออกไปได้บ้าง”
สิ้นสุดเสียงที่เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวคิมฮิมชาน คนดื้อด้านก็ยกแขนขึ้นหมายผลักอีกคนที่ก้าวเข้ามาในอ่างเดียวกับเค้าให้หงายหลังถอยออกไปให้ห่างจากตัวเอง แต่บังยงกุกก็แข็งแกร่งเกินกว่าคนที่เจ็บข้อมือ
กลิ่นเลือดที่ไหลออกจากข้อมือขาวคลุ้งไปทั่วห้องจนรู้สึกอยากอาเจียนออกมา คิมฮิมชานไม่ชอบเลือดสักเท่าไหร่และยิ่งได้กลิ่นของมันก็รู้สึกรังเกียจมันมากขึ้น น้ำใสในอ่างเริ่มเปลี่ยนสีจางๆของเลือด
ยงกุกรวบแขนเล็กเอาไว้ก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่ดูขวางทางออกจนหมด กดข้อมือทั้งสองข้างติดกับกำแพงบีบมันเมื่อคนตัวขาวคิดจะต่อสู้
“เจ็บนะ..บอกว่ามันเจ็บไงล่ะ!!” ฮิมชานตะโกนใส่ยงกุกเมื่ออีกคนยังไม่ยอมเลิกบีบแขนตัวเองสักที มันปวดร้าวไปทั้งแขนจนไม่อยากขยับไปไหนอีก
มือหยาบลูบไล้ไปทั่วร่างกายขาวที่ไม่เหลืออะไรปกปิด ครีมอาบน้ำถูกตีจนขึ้นฟองกลิ่นหอมของสบู่ผสมกับกลิ่นคาวเลือดทำให้ร่างขาวเริ่มเอนเอียง เพราะว่ารังเกียจเลือดเลยทำให้รู้สึกอ่อนแอ
ฮิมชานเกลียด..เกลียดทุกอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ยอมอยู่นิ่งๆให้อีกคนชำระล้างร่างกายไปเรื่อย ปิดเปลือกตาลงไม่อยากเห็นว่าเลือดไหลออกมามากแค่ไหน ไม่อยากรู้ว่าอีกคนกำลังทำหน้าตาแบบไหน เค้าไม่อยากรู้เลยสักนิด
กลั้นใจได้ไม่นานร่างกายขาวก็สะอาดผุดผ่อง พอดีกับแขนที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฮิมชานยังคงไม่ลืมตาแต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกคนอ่อนโยนต่อเค้ามากขึ้น ทั้งการสัมผัสแผ่วเบา
อยากจะรู้เสียแล้วว่าคนตัวสูงจะทำอะไรกับเค้าต่อ
การแกล้งหลับถือเป็นสิ่งที่ไม่เนียนพอๆกับการแอบย่องตามผู้ชายแล้วหลบอยู่ตามเสาไฟฟ้าหรือไม่ก็มุมตึก แต่ใครสนล่ะ
ยงกุกอุ้มฮิมชานมามาไว้บนเตียง มองคนที่หลับตานิ่งไม่ขยับไม่ไหวติงแล้วก็หัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าง่ายๆธรรมดาที่คิดว่าฮิมชานใส่ได้มาเปลี่ยนให้อีกคน เสื้อยืดสีเทาและกางเกงสามส่วนพอดีกับอีกคนทำให้ร่างสูงยิ้มพึงพอใจกับการคาดคะเนของตัวเอง
สาวเท้าออกจากห้องไปหยิบกล่องยาแล้วกลับเข้ามาหาคนที่ยังนอนหลับตานิ่งๆอยู่บนเตียง
จะสบายไปรึเปล่าคิมฮิมชาน ?
มือหนากดลงบนแผลไม่ปราณี ทำให้คนที่นอนนิ่งกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ้ยๆ เจ็บนะ ทำอะไรเนี่ย!” ลุกขึ้นมาโวยวาย พลางขยับร่างเข้าชิดกับหัวเตียงส่งสายตาไม่ชอบใจใส่อีกคน เจ็บโว้ยยย นี่ไม่ใช่คนโดนยิงก็กดจังนะลองมาโดนยิงจะได้รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน
ยงกุกหัวเราะชอบใจ หย่อนตัวนั่งลงข้างๆร่างบางแล้วคว้าเอาแขนข้างที่มีผ้าพันแผลที่เริ่มยุ่ยและเปิดออก ในทีแรกฮิมชานเหมือนจะยังดื้อรั้นไม่ยอมให้ยงกุกจับแต่ก็ต้องยอมเพราะสายตาที่ดุมาแป็นระยะแถมเป็นนัยว่าถ้ายังดิ้นจะกดแผลแรงๆไปเรื่อยๆจนเลือดไหลออกมาจนหมดตัวไปอีกรอบ
แกะผ้าพันแผลออก แล้วหยิบสำลีขาวสะอาดเช็ดรอบๆปากแผล ใส่ยา และพันผ้าแถบสีขาวลงไปใหม่ กว่าแต่ละขั้นตอนจะผ่านไปได้ด้วยดีเด็กดื้อก็เอาแต่บ่นว่าเจ็บ ทำเบาๆหน่อยไม่ได้หรือไง นี่ใช้มือหรือเท้าและอีกสารพัดที่สามารถสรรหาพ่นออกมาจากกลีบปากอิ่มน่าขบกัดนั่น
“นายมันน่ารำคาญ บังยงกุก”
ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณจากคนป่วย ยงกุกส่ายหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปปล่อยคิมฮิมชานทิ้งหัวตัวเอง อารมณ์เสียอยู่คนเดียว
ผ่านไปหลายวันแผลที่ข้อมือเริ่มหายเป็นนิมิตหมายที่ดี จะแย่ก็เสียแต่ว่าฮิมชานไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากการเดินไปรอบๆบ้านหลังนี้ นอกจากห้องนอนห้องครัวห้องน้ำห้องนั่งเล่นก็ไม่มีที่ที่ให้ฮิมชานไปได้อีก
แหม ก็เล่นมีการ์ดยืนอยู่เต็มไปหมดทั่วบ้านอย่างกับคุก หลอกก็แล้วล่อก็แล้วยั่วก็แล้วก็ไม่สามารถทำให้พี่ยักษ์ที่ยืนคุมประตูหวั่นไหวได้จนฮิมชานคิดว่าพี่แกเป็นพระอิฐพระปูนหรือไง แต่ชีวิตก็ไม่ได้น่าเบื่อมากเพราะมีจงออบและเฮนรี่เข้ามาทักทายและซื้อของกินมาให้ ฮิมชานถามไปว่าจะได้ออกจากที่นี่เมื่อไหร่เจ้าสองคนนี้ก็เอาแต่ตอบว่าแล้วแต่ยงกุก คำก็ยงกุกสองคำก็ยงกุกจนฮิมชานเอือมระอาและไม่อยากจะถามอะไรทำนองนี้ต่อไป
แถมตั้งแต่วันที่ร่างบางโดนจับอาบน้ำวันนั้นก็ไม่เห็นคนตัวสูงเข้ามาในบ้านนี้อีกเลย
ฮิมชานที่รู้สึกเบื่อกับชีวิตตอนนี้ได้ครองโซฟาตัวใหญ่พร้อมกับรีโมตทีวี เปลี่ยนช่องฟังข่าวบ้าง ดูหนังบ้างและทำทุกอย่างที่คิดว่าทำแล้วมันไม่น่าเบื่อ ถอดหายใจรอบที่ล้านก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู
ถ้าให้เดาถ้าไม่เป็นพี่ยักษ์ก็เป็นเพื่อนพี่ยักษ์ที่เอาอาหารสดมาให้เค้าทำกินเองชัวร์จึงไม่ได้หันไปมองว่าใครกำลังก้าวเข้ามาใกล้
ฟอด
แก้มนุ่มยุบตัวลงพร้อมกับใครบางคนที่เข้ามาขโมยหอมแก้มฮิมชานจากด้านหลัง มือขาวยกขึ้นจับแก้มตัวเองอัตโนมัติ ดวงตาเบิกกว้างหันไปหาเรื่องคนด้านหลัง
“ว่าแล้วว่าต้องทำหน้าแบบนี้”
“บังยงกุก!”
“นั่งไง อย่างที่คิดเลย” ยงกุกหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มหลังจากขับรถมาไกล
คิมฮิมชานขยี้แก้มตัวเองอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเอาเรื่องคนที่หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งหลายวันแถมยังขังเค้าไว้กับพี่ยักษ์ที่ทำตัวเป็นท้องไม่รู้ร้อนทั้งวันทั้งคืน สาวเท้าให้ทันแล้วคว้าไหล่กว้างนั้นไว้แต่ก็เปล่าประโยชน์และยงกุกก็ไม่ได้สนใจใยดีคนตัวขาวเลยสักนิด
มันน่าหงุดหงิดนะ!
“นี่หยุดเดินเดี๋ยวนี้เลยนะ” เพิ่มความเร็วจนก้าวเข้าไปขวางทางร่างสูงจนได้ แต่ยงกุกก็แค่ใช้มือผลักหัวฮิมชานให้ถอยออกไป ใช้แรงไปไม่มาแต่ฮิมชานกลับเซถลาไปชนขอบโต๊ะกินข้างที่วางไว้กลางห้อง
ยงกุกหยิบขวดน้ำออกมาจากตู้เย็นยกขึ้นดื่มโดยไม่สนใจฮิมชานที่ร้องโอดโอยพร้อมกุมช่วงเอวที่ซวยไปกระแทกกับขอบโต๊ะ
ฮิมชานเลิกโอยครวญแล้วเดินเข้าไปยกมือปัดขวดน้ำที่ยงกุกดื่มจนน้ำกระเฉาะออกมาเต็มหน้าและเปื้อนเสื้อผ้าที่ยงกุกใส่อยู่
“คิดว่าตัวเองเป็นใครบังยงกุก” เท้าสะเอวมองอีกคนที่เช็ดน้ำออกจากหน้าลวกๆแถมยังจ้องมาไม่วางตา เรียกได้ว่าฮิมชานหาเรื่องใส่ตัวเองอีกรอบแล้วสินะ “เรียกก็ไม่หันอย่าเมินกันแบบนี้ ไม่ชอบ”
“ทำตัวดีๆแบบชาวบ้านเค้าไม่เป็นรึไงคิมฮิมชาน” เขวี้ยงขวดน้ำทิ้งก่อนจะสาวท้าวเข้าใกล้ตัวปัญหาที่ขยับถอยหลังไปเรื่อยจนติดกับโต๊ะ แขนแกร่งล็อคอีกคนไว้อย่างแน่นหนา ตอนนี้ไม่มีทางให้ฮิมชานหนีอีกแล้ว
“คิดว่านายทำตัวดีนักหรอบังยงกุก”
ยงกุกเงียบไปไม่ตอบโต้อะไรกลับ
“คืนนี้ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะไปไหนก็ไปนะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” ยงกุกพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป
ฮิมชานที่ถูกปล่อยตัวถึงกับเข่าอ่อนเล็กน้อย ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ ในหัวคิดไปไกลแล้วว่าต้องไม่รอดแน่ๆเลย แต่ก็ยังรอดและมีลดหายใจมาจนถึงตอนนี้ แต่แววตาของยงกุกเมื่อกี้คือเค้ากำลังโกรธจริงๆนะ
“คุณฮิมชาน”
“หะ..ห้ะ ?” หันไปด้วยความตกใจนึกว่าเป็นยงกุกที่ย้อนกลับมา แต่กลายเป็นพี่ยักษ์ที่เข้ามาหาแทน พร้อมกับในมือมีชุดอยู่
“คุณยงกุกบอกว่าแต่งตัวให้เรียบร้อยเสร็จแล้วจะเรียกคุยอีกทีครับ”
ฮิมชานรับชุดนั้นมาก่อนจะขอบคุณเบาๆ เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องเดิมๆพอแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมาเงียบๆแต่แล้วก็หันไปมองห้องตรงข้ามที่เค้ารู้มาว่าเป็นห้องของยงกุกจริงๆและห้องที่คนตัวขาวอยู่เป็นห้องนอนสำหรับแขกไม่ใช่ห้องของยงกุก
หมายจะเดินเข้าไปเคาะประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจเดินลงไปนั่งรอที่โซฟาตัวเดิมที่เค้ายึดครองมาตลอดหลายวัน ใบหน้าหวานหันไปมองบันไดเป็นระยะ
นี่เค้ารออะไรอยู่งั้นหรอ
“จ๊ะเอ๋” เฮนรี่โผล่เข้ามาตรงหน้าฮิมชานแต่คนโดนจ๊ะเอ๋กลับไปตกใจแต่อย่างใดเพียงแต่ยกยิ้มบางๆให้เป็นการทักทายกลับไป “ทักทายครับ”
“วันนี้ทำไมไม่ร่าเริงเลยครับ” จงออบที่ตามเข้ามานั่งลงข้างๆถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร” ตอบไปให้อีกคนสบายใจเท่านั้น “มีอะไรรึเปล่ามาวันนี้”
“วันนี้เป็นวันลงมือนี่ครับ” เฮนรี่ตอบ กล่องอุปกรณ์บางอย่างถูกวางไว้บนโต๊ะเตี้ยๆและถูกเปิดออกด้านในมีอุปกรณ์ที่ฮิมชานเดาไม่ได้ว่ามันคืออะไร
“ผมมาติดเครื่องดักฟังกับเครื่องมือสื่อสารไว้ให้ครับ งานจะได้ไม่พลาด” หนุ่มน้อยพูดพลางหยิบจับเครื่องมือในกล่อง
เฮนรี่เอ่ยขออนุญาตฮิมชานเพื่อที่จะติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ตรงเสื้อและมีหูฟังให้ฮิมชานใส่ไว้และจงออบเป็นคนทดลองสื่อสาร
“ทดสอบๆได้ยินชัดมั้ยครับ”
“อื้ม ได้ยิน” ฮิมชานขานรับ นัยน์ตามองไปยังชั้นบนที่ยังไม่เห็นใครบางคนลงมา ไหนบอกว่าแต่งตัวเสร็จจะคุยไง หายไปไหนของเค้านะ
“เดี๋ยวขึ้นรถไปผมมจะอธิบายให้ฟังนะครับว่าต้องทำอะไรบ้าง”
ฮิมชานพยักหน้าก่อนจะเดินตามเฮนรี่ไป
ใช่แล้วคิมฮิมชานถ้าเสร็จงานนี้ หนีไปให้ไกลที่สุด ขออย่าให้เราได้เจอกันอีกเลยนะ
ฮิมชานไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วและเค้านั่งมองคนนั้นคนนี้เข้าๆออกๆรถตู้เป็นว่าเล่นจนรู้สึกเวียนหัวอยากอ้วกออกมา อยากจะตะโกนให้คนพวกนี้เลิกเข้าๆออกๆสักทีแต่ก็กลัวจะมีลูกปืนมาอุดปากก่อนที่เค้าจะได้เอ่ยออกไป
เฮนรี่บอกแค่ว่าจะให้เข้าไปในเรือและตีสนิทคุยกับคนคนหนึ่งที่เข้าไปแล้วจะรู้เองว่าเป็นคนไหน ที่สำคัญคือต้องเบี่ยงเบนความสนใจของคนในงานให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายจะมีสัญญานบอกให้หนี
ดูจากรูปการแล้วถ้าให้ความร่วมมือกับคนพวกนี้เค้าจะมีทางรอดกลับไปเจอหน้าพ่อหน้าแม่แน่นอน แต่ถ้าหากเล่นนอกบทอาจจะได้ไปรอพ่อแม่บนสวรรค์
“ไปได้แล้วครับ เรามีเวลาไม่มากให้พี่ ดูแลตัวเองด้วยครับ” จงออบและเฮนรี่ส่งยิ้มให้ร่างบางเป็นครั้งสุดท้าย
ร่างโปร่งลงจากรถตู้ แล้วต่อด้วยรถลีมูซีนคันหรูตรงไปยังท่าเรือ พอถึงที่ทุกอย่างก็ดูง่ายดายฮิมชานผ่านที่การ์ดทั้งระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปยังเรือสำราญลำใหญ่ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม แอบมองเห็นการ์ดเชิญของคนด้านหน้าว่าเป็นงานโชว์ของสะสมของเศรษฐีคนหนึ่งล่ะมั้ง
เดินเข้างานไปทำทีส่งยิ้มทักทายคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยและก็ถึงเวลาที่คนคนหนึ่งปรากฏตัว พิธีกรท่าทางดูดีออกมาพูดอะไรเล็กน้อยก่อนจะส่งไมค์ให้ผู้ชายคนหนึ่ง และฮิมชานคิดว่าน่าจะใช่คนนี้ที่ต้องตีสนิทด้วย
“ฉันเหมือนจะเจอแล้ว” พูดเสียงเบาใส่เครื่องดักฟังที่ติดมากับเสื้อ
“ครับ ขั้นตอนต่อไปเลยครับ”
ถึงจะบอกให้ฮิมชานทำขั้นต่อไปมันก็ใช่ว่าจะง่ายสักที่ไหน นี่เค้ากำลังอยู่ในงานสังคมไฮโซนะใครจะไปวางตัวถูกล่ะ
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ผู้ชายคนหนึ่งเดินชนเข้ากับฮิมชาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก “เป็นอะไรมั้ยครับ”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
“ผมเทาครับ คุณ..” ไม่ได้อยากรู้จักเลยนะ
“เรียกผมว่ามิสเตอร์คิม” ใครจะไปโง่บอกชื่อจริงล่ะ ถ้าจบงานนี้มีคนตามล่าคิมฮิมชานก็ซวยไปสิ งานนี้ขอเอาตัวรอดไว้ก่อนละกัน
(เจอเทารึยังครับ เค้าจะไปช่วยพี่)
“อ่า..เทานี่เอง” หลุดปากออกไปเหมือนคนบรรลุอะไรบางอย่าง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าหวานอีกครั้งเมื่อรู้ว่างานนี้มีตัวช่วยแล้ว อย่างน้อยเค้าก็จะไม่ตายอย่างเดียวดายสินะ
อุ่นใจขึ้นมั้ย ?
ฮิมชานเหล่มองไปยังชายผู้เป็นเจ้าของงาน เค้ายังดูหนุ่มอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่กันแน่ ร่างสูงเดินทักทายคนไปทั่วแต่แล้วฮิมชานก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจของสาวๆที่มุมหนึ่ง
พลันแผนการในหัวก็เริ่มแล่น
ร่างขาวตั้งใจเดินไปยังระยะที่คิดว่าชายคนนั้นจะเห็นเค้า และก็เป็นดังคาดเค้ามองมา หน่วยตาหวานส่งวิ้งยั่วยวนไปทักทายหนึ่งทีแรงๆก่อนจะเดินผ่านไปมุงดูกลุ่มสาวๆที่กำลังลุ้นอะไรบางอย่างอยู่
แก้วไวน์บรรจุไวน์ชั้นดีตั้งเรียงกันเป็นชั้นสูงในระหว่างชั้นแก้วก็มีแบงค์หลายมูลค่าเสียบเอาไว้อยู่ หนุ่มสาวต่างลุ้มล้อมที่จะหยิบแบงค์พวกนั้นออกมาถึงแม้มันจะมีค่าเพียงแค่เศษเงินของพวกเค้าก็ตาม แต่การได้โชว์ดึงแบงค์ถือว่าเป็นอะไรที่เท่เอาการเลยในความคิดของคิมฮิมชาน
“เทาไม่เข้าไปลองหน่อยหรอ” เอ่ยชวนคนข้างๆที่เดินมาประชิดตัวเงียบๆพอดีกับชายเจ้าของงานเดินมาหยุดอยู่ที่อีกฝั่งของฮิมชาน ดวงตาคู่นั้นฉายแววสนใจในตัวฮิมชานอย่างไม่ปิดบัง
“คงไม่ล่ะครับ” เทาขานรับ
“งั้นพอจะมีแบงค์สักใบมั้ย” เทาขมวดคิ้วก่อนจะล้วงหยิบแบงค์ที่คิดว่าจะไม่น่าเกลียดเกินไปออกมายื่นให้ฮิมชาน และหวังว่าจบงานนี้เค้าจะได้เงินคืนนะไม่งั้นจื่อเทาจะไม่มีเงินเลี้ยงข้าวสาว
“ปากกาล่ะมีมั้ย” ฮิมชานแบมือขอเทาอีกรอบ มือหนาตะปบไปทั่วตัวเพื่อหาปากกา หยิบมันออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ฮิมชานในใจหวังว่าฮิมชานจะไม่ขออะไรเค้าอีกเป็นรอบที่สามนะ
หน่วยตาหวานโปรยเสน่ห์ให้คนที่อยู่ตรงข้าม ทำมือยุกยิกเขียนเบอร์มั่วๆลงไปในแบงค์ก่อนจะขยับเข้าไปในวงและเสียบแบงค์ไว้ชั้นเกือบล่างสุดซึ่งเป็นชั้นที่คิดว่าจะหยิบออกมาจากที่สุด โดยไม่ลืมยิ้มยั่วอีกคนให้เข้ามาลิ้มลองเกมอันน่าตื่นเต้นนี้
“อ้าวคุณTมาพอดีเลย สนใจลองสักใบมั้ยคะ”หญิงสาวในชุดสวยเอ่ยชวนเป้าหมายให้ลองเล่นเกมนี้ดูและเค้าก็ตอบตกลง หลายคนควักกระเป๋าตังหยิบแบงค์ออกมาเสียบไว้ตามมุมต่างๆของพีระมิดแก้วไวน์
คนที่ชื่อคุณTก้าวเข้ามาก่อนจะเริ่มหยิบแบงค์ออกมาทีละใบพร้อมกับเสียงเชียร์และคนในงานก็เริ่มมามุงดูมากขึ้น
เทาเริ่มเดาแผนการของฮิมชานออกขยับออกจากที่ที่เค้าอยู่ตอนแรกอ้อมไปยืนอยู่ใกล้กับคุณTเพื่อรอจังหวะทำอะไรบางอย่างที่เค้าควรทำ
คุณTเลือกที่จะเก็บแบงค์ของฮิมชานไว้เป็นใบสุดท้าย เค้าหยิบออกมาได้หมดและไม่ล้มเลยสักครั้ง แต่แล้วเมื่อเค้ากำลังจะดึงใบสุดท้ายออกมาจื่อเทาก็กระทุ้งศอกพร้อมกับย่อเข่าเจาะยางคุณTจนเสียจังหวะทำแก้วพีรมิดล้ม
เสียงแก้วแตกดังก้องไปทั่วท่ามกลางเสียงดังโวยวายของผู้ลากมากดีทั้งหลาย ไวน์สีแดงเปรอะเปื่อนผู้ร่วมงานบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆโต๊ะ เรื่องวุ่นวายจนการ์ดของแต่ละคนต้องเข้ามาเช็คความเรียบร้อยและพาผู้ร่วมงานไปห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุดชำระร่างกายเสียใหม่
เทาที่เป็นคนลงมือใช้ช่วงชุนละมุนออกจากห้องโฮงใหญ่และมือการ์ดบางคนเดินตามเค้าไป ฮิมชานมองเห็นช่องทางหนีและคิดว่าพวกจงออบและเฮนรี่น่าจะได้เวลาลงมือในส่วนของพวกเค้าแล้ว ขายาวก้าวออกเดินไปตามระเบียงลัดเลาะหมายหาทางออกจากเรือแต่แล้วก็ดันไปเห็นเรืออีกลำที่กำลังมุ่งสวนมาและเสียงดังปึ้งปั้งจากเรือลำนั้นทำฮิมชานหวาดกลัว
เพราะมันคือเสียงปืน!
ตัดสินใจกลับเข้าไปที่เดิม เดินตัดไปยังประตูที่เคยเข้ามา แต่แล้วแขนก็ถูกใครบางคนกระชาก เป็นคุณTนั่นเองที่ดึงเค้าไว้ กลีบปากอิ่มยังไม่ทันท้วงถามก็ถูกจูบจาบจ้วงจากอีกคนรุกล้ำ
“มานี่เลย ยั่วกันดีนัก”
“มะ..ไม่นะ เดี๋ยว ช่วย..อื้อ!”
มือหยาบปิดปากฮิมชานเอาไว้ไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ มืออีกข้างของร่างหนารวบเอวบางไว้ยกขึ้นราวกับฮิมชานเป็นเพียงหุ่นเบาๆตัวหนึ่งพาร่างบางออกไปโดยประตูหนึ่งที่ฮฺมชานไม่ทันสังเกตเลยว่ามีประตูบานนี้อยู่
ภาวนาให้เครื่องดักฟังได้ยินเสียงเค้าทีเถอะ
ช่วยส่งใครมาช่วยคิมฮิมชานด้วยเถอะ ครั้งนี้ฮิมชานไม่มียาสลบทาตัวมาด้วยอาวุธก็ไม่มีติดตัวมีทางเดียวที่จะรอดคือมีคนมาช่วย
ดีดดิ้นเพื่อเอาตัวรอดแต่ก็ดูเปล่าประโยชน์เมื่อคุณTพาร่างบางเข้าไปยังห้องห้องหนึ่ง กลิ่นอะโรม่าอบอวนไปทั่วห้องหวังขับกล่อมให้ผู้ที่เข้ามารู้สึกสบายและผ่อนคลายแต่ไม่ใช่กับคิมฮิมชานที่กำลังกลัวคนคนนี้มากเหลือเกิน
เวอร์จิ้นที่รักษามานานจะโดนตาลุงคนนี้พรากไปงั้นหรอ
ไม่นะ!
ร่างใหญ่จับฮิมชานมัดด้วยมือเน็คไทเนื้อดีราคาแพง กดร่างบางด้วยตัวสูงใหญ่ขึ้นคร่อม
“ปล่อยนะ! อย่าทำนะ” ฮิมชานสู้สุดใจแต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับพละกำลังของอีกคน ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆแต่ฮิมชานกลับสู้ไม่ได้เลย “ขอร้อง ขอร้องนะอย่าทำผมเลย”
“ไม่ทันแล้วมั้งคนสวย เรามาถึงขนาดนี้แล้ว”
ก๊อกๆ
“อะไร” เสียงใหญ่คำรามออกไปอย่างขัดใจแต่ก็มิวายจับแขนขาวขึ้นเหนือหัวกดลงกับเตียง
“ห้องโชว์มีผู้บุกรุกครับและขโมยของของท่านไปครับ”
“เวรเอ้ย! แล้วรออะไรล่ะไปเด็ดหัวมันมาสิ” สั่งออกไปด้วยความโมโหก่อนหันกลับมาหาคนสวยที่ดูจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“แกเป็นเหยื่อล่อสินะ งั้นคงต้องคิดบัญชีกันหน่อยแล้ว”
“ไม่! อย่านะ อื้ออ!”
ริมฝีปากนิ่มถูกบดขยี้อย่างรุนแรงไร้ความปราณี ความรู้สึกเจ็บระบมไปทั่วกลีบปากเสื้อถูกเลิกขึ้นตามมาด้วยมือหยาบที่สัมผัสผิวเนียนอย่างถือวิสาสะ แม้จะทั้งดิ้นจะถีบทั้งที่ต่อต้านแล้วแท้ๆก็ยังไม่สามารถหลุดออกจากร่างใหญ่ๆนี้ได้สักที
มือหนาฉีกเสื้อที่ฮิมชานใส่ออกด้วยความรำคาญ มองดูผิดขาวด้วยแววตาหื่นกระหายร่างกายที่ยังไม่เคยผ่านใครมาก่อนนั้นขาวผุดผ่องน่าฟัดเสียนี่กระไร ตามด้วยกางเกงป้อมปราการที่เกะกะมากที่สุดในเกมราคะนี้
ฮิมชานใช้ช่วงที่ร่างใหญ่ไม่ได้กดแขนเค้าไว้เหนือหัวดีดตัวขึ้นมา
“อย่าคิดหนีเลยที่รัก นอนลงไป!”
ร่างขาวถูกผลักลงไปบนเตียงนุ่มอีกครั้ง หยาดน้ำใสเริ่มคลอหน่วยและหยุดลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ในหัวของฮิมชานกำลังทำงานหนักเอาแต่คิดถึงคนที่เคยเจอกันไม่กี่วันก่อน คนที่พาเค้ามาเจอเรื่องแบบนี้เรื่องที่เลวร้าย ตอนนี้เค้าไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังโดนหลอกมาโดนใครก็ไม่รู้ข่มขืน
“อย่านะ ..ฮึก มันเจ็บ”
ช่วยด้วย ฮิมชานไม่ได้ต้องการแบบนี้
ปัง!
“เวรเอ้ย ล็อกหาพระแสงอะไรแน่นขนาดนี้วะ” เสียงสถบดังมาจากประตูที่เคยปิดสนิท
“มึงเป็นใครวะ ขะ..อ๊ากกก” ร่างใหญ่ที่คร่อมฮิมชานอยู่ยังไม่ทันพูดจบประโยคคนที่บุกเข้ามาใหม่ก็ตรงมาล็อกแขนไขว้ไปด้านหลัง “เจ็บนะ ปล่อยกู!”
“แหกตาดูด้วยครับว่าข้างนอกเค้ายิงกันจะเป็นจะตายแล้ว” ตะคอกใส่หน้าไม่พอยงกุกยังจับร่างใหญ่เหวี่ยงไปให้ห่างจากร่างบางที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
เสื้อโค้ดตัวใหญ่ถูกถอดออกนำมาคลุมตัวฮิมชานเอาไว้
“ใครสนวะว่าข้างนอกจะยิงกันตาย” เสียงตะคอกจากคนที่โมโหถึงขีดสุดหลังจากที่ถูกเหวี่ยงไปมุมห้องร่างใหญ่ก็กลับมาทวงบทพร้อมกับปืนหนึ่งกระบอก “มึงทำให้วันดีๆของกูเป็นวันที่เหี้-ยมากรู้มั้ย”
ยงกุกลูบหัวฮิมชานแผ่วเบาก่อนจะปล่อยมือออกจากร่างบางที่กำลังร้องไห้จนตัวโยนเดินตรงเข้าไปหาคุณTที่ดูจะตื่นตกใจเอามากๆ ขายาวเตะปืนในมือใหญ่นั้นออกและปลิวไปตกอยู่ที่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมหยิบถึง ถีบยอกอกคุณTไปอีกหนึ่งทีหนักๆก่อนจะตามด้วยหมัดที่แผงไปด้วยความโกรธ
“เออ วันนี้มันเป็นวันเฮงซวย จำไว้นะตราบใดที่กูยังไม่ได้คิกบัญชีกับคนที่มันร้องไห้ตรงนั้นหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์คิดบัญชีตัดหน้ากู”
-----------------------------------------
[75%]
พี่บังเท่จังค่ะ T///T
#ฟิคทรยศ
ความคิดเห็น